RED STONE WAR
9.0
เขียนโดย nemon
วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.
86 ตอน
9 วิจารณ์
74.22K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
60) อาหาร และ การแข่งขัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ทำอะไรผิด ข้านะเหรอ เธอซะมากกว่าเธอทำไฟไหม้ใช่มั้ยดูสิ ทุกคนวุ่นวายไปหมด”จัมพ์เบี่ยงประเด็นการสนทนาทันที
“จะบ้าเหรอ อย่ามามั่วนะย่ะ ระดับฝีมืออย่างฉันแล้วไม่มีหรอกเรื่องไฟไหม้อะไรแบบนี้”ฮันนี่สวนกลับจัมพ์ไปในทันที
“โอ้ยย พอได้แล้วล่ะทั้งสองคน ว่างเป็นไม่ได้ทะเลาะกันได้ทุกทีสิน่า”แปปซีที่ยื่นฟังอยู่เริ่มเบื่อหน่ายกับพฤติกรรมของคนทั้งคู่พูดขึ้น
“ก็ยัยนี่นะสิ หาเรื่องข้าได้ตลอดเวลาเลย”จัมพ์
“ใครกันแน่ย่ะ ที่มาหาว่าฉันทำไฟไหม้ ใครกันแน่ที่หาเรื่องก่อน”ฮันนี่กล่าว
“ดูนั้นสิควันไฟ เริ่มหายไปหมดแล้วพวกเรารีบไปทำอาหารกันต่อเถอะ ขืนช้ากว่านี้เดี๋ยวอาหารที่พวกเราทำเอาไว้จะไหม้ซะหมดนะ”หรั่งพูดแทรกขึ้นมา ทำให้ทั้งสองคนที่กำลังมีปากเสียงกันอยู่ต้องหยุดลงแล้วจึงหันไปมองทางสถานที่การแข่งขันทันที
และเมื่อทางเจ้าหน้าที่ควบคุมการแข่งขันการทำอาหารประกาศให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนกลับเข้าไปประจำที่ของตนได้การแข่งขันการทำอาหารก็ดำเนินการกันต่อไป ส่วนจัมพ์เองก็เข้าไปนั่งยังจุดประจำของเค้า และนั่งมองดูเพื่อนเพื่อนของเค้าทำอาหารกันต่อ จัมพ์นั่งมองดูทีมคู่แข่งที่อยู่ข้างข้างทีมของเค้านั้นเค้าเห็นตังเม ที่ดูตั้งใจทำอาหารเพื่อช่วยพี่สาวของเธอ ในขณะที่เธอกำลังตักน้ำซุปขึ้นเพื่อจะชิมรสชาติ เมื่อตังเมได้ชิมรสชาติของน้ำซุป เธอได้แสดงสีหน้าที่แปลกใจกับรสชาติที่ได้รับ เธอจึงหันไปมองในทิศทางที่จัมพ์นั่งอยู่แต่จัมพ์เองก็ทำท่าทางเหมือนว่าหลับอยู่ ตังเมเห็นดังนั้นจึงแอบยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
การแข่งขันทำอาหารก็เริ่มดำเนินการต่อไป ใช้เวลาเพียงไม่นานการทำอาหารก็สิ้นสุดลงเมื่อถึงเวลาที่กำหนดเอาไว้ แต่ละทีมต่างก็รีบเร่งทำอาหารจนเสร็จมีเพียงทีมของสีส้มทีมเดียวเท่านั้นที่ทำอาหารเสร็จเพียงแค่สองอย่างเท่านั้น และแล้วก็ถึงเวลาที่จะตัดสิน ทางคณะกรรมการก็เริ่มทยอยมานั่งตามจุดเพื่อที่จะรอชิมอาหาร ชุดแรกเริ่มด้วยอาหารประเภทผัดก่อน แต่ละทีมต่างก็ทำอาหารชนิดเดียวกันทั้งสิ้น นั้นก็คือ ผัดเปรี้ยวหวานปลาหมึกและเห็ด สิ่งที่แตกต่างกันคือรสชาติของอาหารและส่วนผสมชนิดอื่นที่แต่งแต้มลงไป ความแตกต่างมีอยู่แค่เพียงสองทีมเท่านั้น คือทีมสีเขียวที่ทำผัดเปรี้ยวหวานปลาหมึกเห็ดแต่ใส่กุ้งเพิ่มเข้าไปด้วย สีสันดูน่ากินเลยทีเดียว ส่วนทางทีมของฮันนี่ เธอปรุงแต่งด้วยกุ้งและเนื้อปลาแซลมอนตามด้วยผักสดอย่าง บร็อคโคลี่ลงไปทำให้สีสันของผัดเปรี้ยวหวานของเธอดูโดดเด่นสีสันสวยงามที่สุด
และเมื่อทางคณะกรรมการเริ่มชิมอาหารของแต่ละทีมแล้ว ต่างก็จดลงสมุดเพื่อลงคะแนนกันอย่างจิงจัง ทำเอาผู้เข้าแข่งขันทุกคนต่างก็นิ่งเงียบเพื่อรอฟังผลกันอย่างใจจดจ่อ และเป็นไปอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ทีมที่ได้คะแนนเป็นอันดับที่หนึ่งนั่นก็คือ ทีมสีแดงโดยฝีมือของฮันนี่นั้นเอง เมื่อทางคณะกรรมการได้ประกาศผลของอาหารจานแรกออกมา เสียงกลองและเสียงเชียร์ของทีมสีแดงก็ดังกระหึ่มทั่วทั้งอาคารเอนกประสงค์ช่วงเวลานี้ช่างเป็นช่วงที่มีความสุขของคนที่อยู่ตึกAเสียจริง
ชนิดของอาหารชนิดที่สองที่จะใช้ตัดสินนั้นก็คือ อาหารที่คิดค้นขึ้นมาเอง เหตุเพราะที่ต้องใช้อาหารชนิดนี้มาตัดสินก่อนก็เพราะว่าทางสีส้มทำอาหารได้เพียงแค่สองชนิดเท่านั้น ทางคณะกรรมการจึงลงความเห็นว่าให้นำอาหารที่คิดขึ้นมาเองมาทำการตัดสินก่อน ทางผู้เข้าแข่งขันเองก็ไม่มีปัญหาอะไร ทุกทีมก็นำอาหารที่ทีมของตัวเองคิดขึ้นมาออกมาให้คณะกรรมการชิม
อาหารแต่ละชนิดที่ผู้เข้าแข่งขันแต่ละทีมคิดขึ้นมานั้นมีรูปร่างที่แตกต่างไปจากอาหารทั่วทั่วไป อาหารบางอย่างสีสันก็แปลกชื่อที่เรียกก็ไม่คุ้นหูเอาเสียเลย อาหารของทีมสีส้มเองที่มีสีแดงสดที่มีแต่พริกขี้หนูสีแดงโรยอยู่เต็มจาน เหมือนกับว่าจะแกล้งคณะกรรมการให้กินเผ็ดจนลิ้นชากันไปเลย บางจานทางคณะกรรมการแถบจะสำรอกออกมาเลยทีเดียว แล้วก็มาถึงช่วงการชิมเพื่อจะตัดสินของทีมสีแดงและสีเขียว ทางทีมสีเขียวได้ทำอาหารที่ได้ปรุงแต่งขึ้นมามีชื่อว่า บาบีคิวปลาหมึกย่างโดยรสชาติของปลาหมึกที่หมักซอสสูตรพิเศษทำให้เนื้อของปลาหมึกนั้นมีรสชาติเผ็ดร้อนเล็กน้อย ซึ่งเป็นสูตรน้ำซอสหมักประจำตระกูลของครอบครัวของไหมผู้ปรุงแต่งอาหารจานนี้ จะมีเนื้อปลาหมึกย่างวางลงบนข้าวสวยและผักเครื่องเคียงทำให้รสชาติของอาหารที่เหมือนจะไม่มีอะไรแต่กับอร่อยจนน่าเหลือเชื่อ เมื่อคณะกรรมการได้ชิมอาหารของทีมสีเขียวจนครบทุกคนแล้ว ต่างก็ก้มหน้าก้มตาให้คะแนนกันอย่างเงียบเงียบ
แล้วก็มาถึงอาหารของทีมสีแดง ที่ฮันนี่ปรุงแต่งขึ้นเป็นอาหารที่เธอดัดแปลงมาจากอาหารของประเทศสิงคโปร์ ที่ชื่อว่าลักซา ลักษณะของอาหารประเภทนี้คล้ายกับก๋วยเตี๋ยวต้มยำน้ำข้นของประเทศไทย รสจัดและมีความเข้มข้น มีเส้นที่ใช้ทานเหมือนก๋วยเตี๋ยวคือเส้นแป้งที่อบจนกรอบเหมือนข้าวซอยที่เป็นอาหารของชาวเหนือ ส่วนผสมหลักจะมีกุ้งแห้ง และหอยแครง พร้อมด้วยปลาหมึก รสชาติของอาหารที่เธอทำเมื่อคณะกรรมการได้ชิมแล้ว ถึงกลับลืมตาเบิกกว้างขึ้นด้วยความจัดจ้านของรสชาติ เมื่อคณะกรรมการได้ชิมจนครบทุกคนแล้วจึงก้มหน้าก้มตาให้คะแนนกันอย่างเคร่งเครียดอีกครั้ง
และผลการตัดสินของอาหารชนิดที่สองนี้เองที่ทำให้กองเชียร์ของทีมสีแดงต้องผิดหวัง เพราะในรอบนี้อาหารของทีมสีเขียวเป็นฝ่ายชนะไป ทางทีมสีเขียวและทีมสีแดงต่างมีคะแนนทีมละหนึ่งคะแนนเท่ากัน อาหารชนิดสุดท้ายจะเป็นเครื่องตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ถ้าหากว่าทีมเขียวชนะในรอบนี้ คะแนนของทั้งสองทีมก็จะเท่ากันและต้องตัดสินกันในการแข่งครั้งที่สาม แต่หากว่าทีมสีแดงชนะก็จะกลายเป็นแชมป์ประจำปีนี้ไปโดยปริยายทันที
การแข่งขันชิมอาหารชนิดสุดท้ายนั้นก็คือ อาหารประเภทต้มหรือน้ำซุปนั่นเองทางฮันนี่เองเธอดูมั่นใจกับอาหารประเภทนี้ที่สุดเพราะเป็นอาหารที่เธอค่อนข้างจะชำนาญเลยทีเดียว การแข่งรอบนี้มีเพียงสี่ทีมเท่านั้นที่ส่งอาหารเข้าลงแข่ง ทางทีมสีส้มต้องถูกคัดออกเพราะทำอาหารเสร็จไม่ทันเวลานั่นเอง เมื่อทุกอย่างพร้อมคณะกรรมการก็เริ่มชิมน้ำซุปของแต่ละทีมทันที และถ้วยแรกที่คณะกรรมการเริ่มชิมก็คือ ของทีมสีแดง
เมื่อคณะกรรมการเริ่มชิมน้ำซุปที่ฮันนี่ปรุง ก็ถึงกับหลุดปากชมออกมากันใหญ่และอธิบายถึงรสชาติที่แสนจะนุ่มนวล กลิ่นก็หอมละมุนละไมเป็นอย่างยิ่ง น้ำซุปที่ฮันนี่ปรุงขึ้นมานั้นเป็นซุปหางวัวที่มีน้ำหมึก จากตัวปลาหมึกสดสดเป็นส่วนผสมอยู่ในนั้น กรรมการทุกคนที่ได้ชิมน้ำซุปของเธอต่างชมกันไม่ขาดปาก ทำให้ฮันนี่เริ่มมีความมั่นใจว่าทีมสีแดงจะต้องชนะในการแข่งขันปีนี้เป็นแน่
และเมื่อคณะกรรมการได้ลงคะแนนให้กับน้ำซุปของทีมสีแดงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มาชิมของทีมสีเขียวต่อ ทางทีมสีเขียวก็ทำน้ำซุปสีแดงเข้มข้น คล้ายกับน้ำมะเขือเทศต้มจนเดือดและเมื่อคณะกรรมการได้ชิมจนครบทุกคนก็เริ่มจดคะแนนลงในสมุดทันที เมื่อคณะกรรมการได้ชิมน้ำซุปของทีมสีเขียวจนครบทุกคนแล้วก็เตรียมตัวที่จะไปชิมน้ำซุปของทีมอื่นต่อ จู่จู่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นนั่นก็คือ อยู่ดีดีหนึ่งในคณะกรรมการก็เกิดอาการอาเจียนออกมา และตามใบหน้าของเค้าก็เริ่มมีผืนแดงขึ้นรอบบริเวณดวงตา และลำคอ ทางเจ้าหน้าที่คนอื่นจึงรีบเข้ามาดูแลทันที
“หมอ รีบตามหมอมาให้ทีใครก็ได้ เร็ว”เสียงเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลการแข่งขันตะโกนเสียงดัง ผู้ชมและผู้เข้าแข่งขันของทุกทีมต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความอลม่านไปทั่ว ทำให้การแข่งขันต้องหยุกชะงักลงไป ไม่นานนักทางเจ้าหน้าทีมแพทย์ก็มาถึงและรีบเข้าไปตรวจดูอาการของคณะกรรมการที่มีอาการป่วยทันที
“อาหารเป็นพิษ”เจ้าหน้าที่แพทย์กล่าวขึ้น ก่อนที่จะนำตัวผู้ป่วยออกจากสถานที่การแข่งขันทำอาหาร
“อาหารเป็นพิษงั้นรึ”เสียงซุบซิบ พูดคุยกันดังระงมไปทั่วทั้งบริเวณการแข่งขัน
“มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง”เสียงของหนึ่งในคณะกรรมการดังขึ้น พร้อมกับหันหน้าไปยังผู้เข้าแข่งขันทีมสีเขียว ที่ยืนอยู่ทันที คณะกรรมการคนนั้นรูปร่างสูงใหญ่ สวมแว่นกันแดดสีดำ สวมหมวกสีดำ เดินปรี่เข้าไปหาไหมที่ยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ เค้าไปหยุดยืนอยู่ตรงด้านหน้าของไหม แล้วก้มตัวลงพร้อมกับถามเธออีกครั้งด้วยน้ำเสียงเรียบเรียบ
“คุณหัวหน้าทีมสีเขียว คุณรู้รึเปล่าว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น” กรรมการรูปร่างสูงใหญ่กล่าว
“กะ กะ เกิดอะไรขึ้นเหรอค่ะ”ไหมตอบออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเพราะความตกใจ
“มีคนทำผิดกฎการแข่งขันนะสิ”กรรมการรูปร่างสูงใหญ่กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันขึ้น
“ทำผิดกฎอะไรค่ะ”ไหมตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“มีคนใส่เครื่องปรุงต้องห้ามลงไปในอาหารนะสิ ซึ่งมันเป็นกฎข้อห้ามของการแข่งขันครั้งนี้ ว่าห้ามมีของเหลวประเภทแอลกอฮอล์ทุกประเภทลงไปในอาหาร”กรรมการรูปร่างสูงใหญ่กล่าว
“แอลกอฮอล์งั้นเหรอ เป็นไปได้ยังไงกันค่ะที่ทีมของเราทำมันก็แค่ซุปมะเขือเทศเท่านั้น แอลกอฮอล์อะไรเราก็ไม่ได้ใส่ลงไป พูดแบบนี้ก็กล่าวหากันเกินไปนะค่ะมีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าทีมของเราทำผิดกฎระเบียบ”ไหม ตั้งสติได้จึงตอบกรรมการคนนั้นไปอย่างใจเย็น
“กล่าวหากันอย่างนั้นรึ หลักฐานก็เห็นกันอยู่เต็มตาก็หนึ่งในคณะกรรมการ ที่ถูกหามส่งโรงพยาบาลนั่นไงล่ะ คือหลักฐานการกระทำผิดของทีมคุณ”กรรมการรูปร่างสูงใหญ่กล่าว
“หมายความว่ายังไงค่ะ”ไหมถามกลับไป
“จะบ้าเหรอ อย่ามามั่วนะย่ะ ระดับฝีมืออย่างฉันแล้วไม่มีหรอกเรื่องไฟไหม้อะไรแบบนี้”ฮันนี่สวนกลับจัมพ์ไปในทันที
“โอ้ยย พอได้แล้วล่ะทั้งสองคน ว่างเป็นไม่ได้ทะเลาะกันได้ทุกทีสิน่า”แปปซีที่ยื่นฟังอยู่เริ่มเบื่อหน่ายกับพฤติกรรมของคนทั้งคู่พูดขึ้น
“ก็ยัยนี่นะสิ หาเรื่องข้าได้ตลอดเวลาเลย”จัมพ์
“ใครกันแน่ย่ะ ที่มาหาว่าฉันทำไฟไหม้ ใครกันแน่ที่หาเรื่องก่อน”ฮันนี่กล่าว
“ดูนั้นสิควันไฟ เริ่มหายไปหมดแล้วพวกเรารีบไปทำอาหารกันต่อเถอะ ขืนช้ากว่านี้เดี๋ยวอาหารที่พวกเราทำเอาไว้จะไหม้ซะหมดนะ”หรั่งพูดแทรกขึ้นมา ทำให้ทั้งสองคนที่กำลังมีปากเสียงกันอยู่ต้องหยุดลงแล้วจึงหันไปมองทางสถานที่การแข่งขันทันที
และเมื่อทางเจ้าหน้าที่ควบคุมการแข่งขันการทำอาหารประกาศให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนกลับเข้าไปประจำที่ของตนได้การแข่งขันการทำอาหารก็ดำเนินการกันต่อไป ส่วนจัมพ์เองก็เข้าไปนั่งยังจุดประจำของเค้า และนั่งมองดูเพื่อนเพื่อนของเค้าทำอาหารกันต่อ จัมพ์นั่งมองดูทีมคู่แข่งที่อยู่ข้างข้างทีมของเค้านั้นเค้าเห็นตังเม ที่ดูตั้งใจทำอาหารเพื่อช่วยพี่สาวของเธอ ในขณะที่เธอกำลังตักน้ำซุปขึ้นเพื่อจะชิมรสชาติ เมื่อตังเมได้ชิมรสชาติของน้ำซุป เธอได้แสดงสีหน้าที่แปลกใจกับรสชาติที่ได้รับ เธอจึงหันไปมองในทิศทางที่จัมพ์นั่งอยู่แต่จัมพ์เองก็ทำท่าทางเหมือนว่าหลับอยู่ ตังเมเห็นดังนั้นจึงแอบยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
การแข่งขันทำอาหารก็เริ่มดำเนินการต่อไป ใช้เวลาเพียงไม่นานการทำอาหารก็สิ้นสุดลงเมื่อถึงเวลาที่กำหนดเอาไว้ แต่ละทีมต่างก็รีบเร่งทำอาหารจนเสร็จมีเพียงทีมของสีส้มทีมเดียวเท่านั้นที่ทำอาหารเสร็จเพียงแค่สองอย่างเท่านั้น และแล้วก็ถึงเวลาที่จะตัดสิน ทางคณะกรรมการก็เริ่มทยอยมานั่งตามจุดเพื่อที่จะรอชิมอาหาร ชุดแรกเริ่มด้วยอาหารประเภทผัดก่อน แต่ละทีมต่างก็ทำอาหารชนิดเดียวกันทั้งสิ้น นั้นก็คือ ผัดเปรี้ยวหวานปลาหมึกและเห็ด สิ่งที่แตกต่างกันคือรสชาติของอาหารและส่วนผสมชนิดอื่นที่แต่งแต้มลงไป ความแตกต่างมีอยู่แค่เพียงสองทีมเท่านั้น คือทีมสีเขียวที่ทำผัดเปรี้ยวหวานปลาหมึกเห็ดแต่ใส่กุ้งเพิ่มเข้าไปด้วย สีสันดูน่ากินเลยทีเดียว ส่วนทางทีมของฮันนี่ เธอปรุงแต่งด้วยกุ้งและเนื้อปลาแซลมอนตามด้วยผักสดอย่าง บร็อคโคลี่ลงไปทำให้สีสันของผัดเปรี้ยวหวานของเธอดูโดดเด่นสีสันสวยงามที่สุด
และเมื่อทางคณะกรรมการเริ่มชิมอาหารของแต่ละทีมแล้ว ต่างก็จดลงสมุดเพื่อลงคะแนนกันอย่างจิงจัง ทำเอาผู้เข้าแข่งขันทุกคนต่างก็นิ่งเงียบเพื่อรอฟังผลกันอย่างใจจดจ่อ และเป็นไปอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ทีมที่ได้คะแนนเป็นอันดับที่หนึ่งนั่นก็คือ ทีมสีแดงโดยฝีมือของฮันนี่นั้นเอง เมื่อทางคณะกรรมการได้ประกาศผลของอาหารจานแรกออกมา เสียงกลองและเสียงเชียร์ของทีมสีแดงก็ดังกระหึ่มทั่วทั้งอาคารเอนกประสงค์ช่วงเวลานี้ช่างเป็นช่วงที่มีความสุขของคนที่อยู่ตึกAเสียจริง
ชนิดของอาหารชนิดที่สองที่จะใช้ตัดสินนั้นก็คือ อาหารที่คิดค้นขึ้นมาเอง เหตุเพราะที่ต้องใช้อาหารชนิดนี้มาตัดสินก่อนก็เพราะว่าทางสีส้มทำอาหารได้เพียงแค่สองชนิดเท่านั้น ทางคณะกรรมการจึงลงความเห็นว่าให้นำอาหารที่คิดขึ้นมาเองมาทำการตัดสินก่อน ทางผู้เข้าแข่งขันเองก็ไม่มีปัญหาอะไร ทุกทีมก็นำอาหารที่ทีมของตัวเองคิดขึ้นมาออกมาให้คณะกรรมการชิม
อาหารแต่ละชนิดที่ผู้เข้าแข่งขันแต่ละทีมคิดขึ้นมานั้นมีรูปร่างที่แตกต่างไปจากอาหารทั่วทั่วไป อาหารบางอย่างสีสันก็แปลกชื่อที่เรียกก็ไม่คุ้นหูเอาเสียเลย อาหารของทีมสีส้มเองที่มีสีแดงสดที่มีแต่พริกขี้หนูสีแดงโรยอยู่เต็มจาน เหมือนกับว่าจะแกล้งคณะกรรมการให้กินเผ็ดจนลิ้นชากันไปเลย บางจานทางคณะกรรมการแถบจะสำรอกออกมาเลยทีเดียว แล้วก็มาถึงช่วงการชิมเพื่อจะตัดสินของทีมสีแดงและสีเขียว ทางทีมสีเขียวได้ทำอาหารที่ได้ปรุงแต่งขึ้นมามีชื่อว่า บาบีคิวปลาหมึกย่างโดยรสชาติของปลาหมึกที่หมักซอสสูตรพิเศษทำให้เนื้อของปลาหมึกนั้นมีรสชาติเผ็ดร้อนเล็กน้อย ซึ่งเป็นสูตรน้ำซอสหมักประจำตระกูลของครอบครัวของไหมผู้ปรุงแต่งอาหารจานนี้ จะมีเนื้อปลาหมึกย่างวางลงบนข้าวสวยและผักเครื่องเคียงทำให้รสชาติของอาหารที่เหมือนจะไม่มีอะไรแต่กับอร่อยจนน่าเหลือเชื่อ เมื่อคณะกรรมการได้ชิมอาหารของทีมสีเขียวจนครบทุกคนแล้ว ต่างก็ก้มหน้าก้มตาให้คะแนนกันอย่างเงียบเงียบ
แล้วก็มาถึงอาหารของทีมสีแดง ที่ฮันนี่ปรุงแต่งขึ้นเป็นอาหารที่เธอดัดแปลงมาจากอาหารของประเทศสิงคโปร์ ที่ชื่อว่าลักซา ลักษณะของอาหารประเภทนี้คล้ายกับก๋วยเตี๋ยวต้มยำน้ำข้นของประเทศไทย รสจัดและมีความเข้มข้น มีเส้นที่ใช้ทานเหมือนก๋วยเตี๋ยวคือเส้นแป้งที่อบจนกรอบเหมือนข้าวซอยที่เป็นอาหารของชาวเหนือ ส่วนผสมหลักจะมีกุ้งแห้ง และหอยแครง พร้อมด้วยปลาหมึก รสชาติของอาหารที่เธอทำเมื่อคณะกรรมการได้ชิมแล้ว ถึงกลับลืมตาเบิกกว้างขึ้นด้วยความจัดจ้านของรสชาติ เมื่อคณะกรรมการได้ชิมจนครบทุกคนแล้วจึงก้มหน้าก้มตาให้คะแนนกันอย่างเคร่งเครียดอีกครั้ง
และผลการตัดสินของอาหารชนิดที่สองนี้เองที่ทำให้กองเชียร์ของทีมสีแดงต้องผิดหวัง เพราะในรอบนี้อาหารของทีมสีเขียวเป็นฝ่ายชนะไป ทางทีมสีเขียวและทีมสีแดงต่างมีคะแนนทีมละหนึ่งคะแนนเท่ากัน อาหารชนิดสุดท้ายจะเป็นเครื่องตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ถ้าหากว่าทีมเขียวชนะในรอบนี้ คะแนนของทั้งสองทีมก็จะเท่ากันและต้องตัดสินกันในการแข่งครั้งที่สาม แต่หากว่าทีมสีแดงชนะก็จะกลายเป็นแชมป์ประจำปีนี้ไปโดยปริยายทันที
การแข่งขันชิมอาหารชนิดสุดท้ายนั้นก็คือ อาหารประเภทต้มหรือน้ำซุปนั่นเองทางฮันนี่เองเธอดูมั่นใจกับอาหารประเภทนี้ที่สุดเพราะเป็นอาหารที่เธอค่อนข้างจะชำนาญเลยทีเดียว การแข่งรอบนี้มีเพียงสี่ทีมเท่านั้นที่ส่งอาหารเข้าลงแข่ง ทางทีมสีส้มต้องถูกคัดออกเพราะทำอาหารเสร็จไม่ทันเวลานั่นเอง เมื่อทุกอย่างพร้อมคณะกรรมการก็เริ่มชิมน้ำซุปของแต่ละทีมทันที และถ้วยแรกที่คณะกรรมการเริ่มชิมก็คือ ของทีมสีแดง
เมื่อคณะกรรมการเริ่มชิมน้ำซุปที่ฮันนี่ปรุง ก็ถึงกับหลุดปากชมออกมากันใหญ่และอธิบายถึงรสชาติที่แสนจะนุ่มนวล กลิ่นก็หอมละมุนละไมเป็นอย่างยิ่ง น้ำซุปที่ฮันนี่ปรุงขึ้นมานั้นเป็นซุปหางวัวที่มีน้ำหมึก จากตัวปลาหมึกสดสดเป็นส่วนผสมอยู่ในนั้น กรรมการทุกคนที่ได้ชิมน้ำซุปของเธอต่างชมกันไม่ขาดปาก ทำให้ฮันนี่เริ่มมีความมั่นใจว่าทีมสีแดงจะต้องชนะในการแข่งขันปีนี้เป็นแน่
และเมื่อคณะกรรมการได้ลงคะแนนให้กับน้ำซุปของทีมสีแดงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มาชิมของทีมสีเขียวต่อ ทางทีมสีเขียวก็ทำน้ำซุปสีแดงเข้มข้น คล้ายกับน้ำมะเขือเทศต้มจนเดือดและเมื่อคณะกรรมการได้ชิมจนครบทุกคนก็เริ่มจดคะแนนลงในสมุดทันที เมื่อคณะกรรมการได้ชิมน้ำซุปของทีมสีเขียวจนครบทุกคนแล้วก็เตรียมตัวที่จะไปชิมน้ำซุปของทีมอื่นต่อ จู่จู่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นนั่นก็คือ อยู่ดีดีหนึ่งในคณะกรรมการก็เกิดอาการอาเจียนออกมา และตามใบหน้าของเค้าก็เริ่มมีผืนแดงขึ้นรอบบริเวณดวงตา และลำคอ ทางเจ้าหน้าที่คนอื่นจึงรีบเข้ามาดูแลทันที
“หมอ รีบตามหมอมาให้ทีใครก็ได้ เร็ว”เสียงเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลการแข่งขันตะโกนเสียงดัง ผู้ชมและผู้เข้าแข่งขันของทุกทีมต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความอลม่านไปทั่ว ทำให้การแข่งขันต้องหยุกชะงักลงไป ไม่นานนักทางเจ้าหน้าทีมแพทย์ก็มาถึงและรีบเข้าไปตรวจดูอาการของคณะกรรมการที่มีอาการป่วยทันที
“อาหารเป็นพิษ”เจ้าหน้าที่แพทย์กล่าวขึ้น ก่อนที่จะนำตัวผู้ป่วยออกจากสถานที่การแข่งขันทำอาหาร
“อาหารเป็นพิษงั้นรึ”เสียงซุบซิบ พูดคุยกันดังระงมไปทั่วทั้งบริเวณการแข่งขัน
“มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง”เสียงของหนึ่งในคณะกรรมการดังขึ้น พร้อมกับหันหน้าไปยังผู้เข้าแข่งขันทีมสีเขียว ที่ยืนอยู่ทันที คณะกรรมการคนนั้นรูปร่างสูงใหญ่ สวมแว่นกันแดดสีดำ สวมหมวกสีดำ เดินปรี่เข้าไปหาไหมที่ยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ เค้าไปหยุดยืนอยู่ตรงด้านหน้าของไหม แล้วก้มตัวลงพร้อมกับถามเธออีกครั้งด้วยน้ำเสียงเรียบเรียบ
“คุณหัวหน้าทีมสีเขียว คุณรู้รึเปล่าว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น” กรรมการรูปร่างสูงใหญ่กล่าว
“กะ กะ เกิดอะไรขึ้นเหรอค่ะ”ไหมตอบออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเพราะความตกใจ
“มีคนทำผิดกฎการแข่งขันนะสิ”กรรมการรูปร่างสูงใหญ่กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันขึ้น
“ทำผิดกฎอะไรค่ะ”ไหมตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“มีคนใส่เครื่องปรุงต้องห้ามลงไปในอาหารนะสิ ซึ่งมันเป็นกฎข้อห้ามของการแข่งขันครั้งนี้ ว่าห้ามมีของเหลวประเภทแอลกอฮอล์ทุกประเภทลงไปในอาหาร”กรรมการรูปร่างสูงใหญ่กล่าว
“แอลกอฮอล์งั้นเหรอ เป็นไปได้ยังไงกันค่ะที่ทีมของเราทำมันก็แค่ซุปมะเขือเทศเท่านั้น แอลกอฮอล์อะไรเราก็ไม่ได้ใส่ลงไป พูดแบบนี้ก็กล่าวหากันเกินไปนะค่ะมีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าทีมของเราทำผิดกฎระเบียบ”ไหม ตั้งสติได้จึงตอบกรรมการคนนั้นไปอย่างใจเย็น
“กล่าวหากันอย่างนั้นรึ หลักฐานก็เห็นกันอยู่เต็มตาก็หนึ่งในคณะกรรมการ ที่ถูกหามส่งโรงพยาบาลนั่นไงล่ะ คือหลักฐานการกระทำผิดของทีมคุณ”กรรมการรูปร่างสูงใหญ่กล่าว
“หมายความว่ายังไงค่ะ”ไหมถามกลับไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ