RED STONE WAR
9.0
เขียนโดย nemon
วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.
86 ตอน
9 วิจารณ์
74.34K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
49) เนียโอกอยส์ 6
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“เคน เด็กคนนี้คือผู้ที่มีพลังอักขระพิเศษเหมือนกับพวกเรา เพราะฉะนั้นคดีนี้เป็นคดีของหน่วยCTSOอย่างเป็นทางการ ทางหน่วยของเราขอรับผิดชอบคดีนี้ทั้งหมดและพวกเราจะจับตัวเนียโอกอยส์ตัวนี้ให้ได้”ดิมีทรีพูดจบพร้อมกับหันไปมองหน้าหลุยส์ที่กำลังยืนอึ้งอยู่
หลังจากนั้นดิมีทรีได้ตกลงใช้แผนการเหยื่อล่อโดยผู้ที่เสนอแผนการนี้ก็คือหลุยส์นั้นเอง การใช้แผนการใช้เด็กน้อยที่เพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมาในตอนนั้น ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งแต่ไม่มีวิธีการอื่น เพราะเจ้าเนียโอกอยส์ตัวนี้เป็นสัตว์บ้าเลือดที่ฆ่าคนได้อย่างโหดเหี้ยม ถ้าปล่อยเอาไว้นานก็จะเป็นอันตรายต่อคนทั่วไป จึงต้องรีบจัดการ ดิมีทรีได้เลือกสถานที่ก็คือบ้านของผู้ใหญ่บ้าน โดยกันประชาชนทั่วไปออกจากพื้นที่บริเวณใกล้เคียงออกไปจนหมด
ดิมีทรี ได้วางกองกำลังไว้ทั้งหมดห้าจุดรอบรอบตัวบ้าน รูปแบบการวางกองกำลังเป็นรูปไม้กางเขน ในแต่ละจุดได้วางกำลังไว้จุดละสามคนด้านข้างฝั่งละสามคน ทางด้านหน้าบ้านสี่คนด้านหลังบ้านหนึ่งคน อยู่ในบ้านกับเหยื่อล่อสองคน ในตอนนั้นข้าพเจ้าขออาสาอยู่กับเด็กน้อยภายในบ้านเอง
“ผมมีเรื่องอยากจะถามหน่อยได้มั้ยครับ”ไคพูดขึ้น
“เจ้าสงสัยอะไรรึ ไค”ลุงเคนกล่าว พร้อมกับมองหน้าไค
“ตอนนั้นคุณ ดิมีทรี มั่นใจได้ยังไงว่าแผนเหยื่อล่อจะได้ผล ไม่คิดว่า เนียโอกอยส์ ตัวนั้นหนีไปแล้วเหรอครับ”ไคถามต่อ
“เรื่องนั้นนะรึ เนียโอกอยส์ต้องปรากฎตัวแน่นอน เพราะเหล่าเนียโอกอยส์จะมีความต้องการพลังที่ตนหมายปอง เมื่อมันหมายปองพลังของเด็กน้อยคนนั้นมันจะไม่ยอมหยุดล่าเหยื่อจนกว่าจะได้พลังที่มันหมายปองไว้ยังไงล่ะ”ลุงเคนกล่าว
“ข้าก็มีเรื่องอยากถามเหมือนกัน”จัมพ์พูดแทรกขึ้นเมื่อเค้าเริ่มสงสัย
“เจ้าก็สงสัยด้วยเช่นกันรึ”ลุงเคนกล่าวพร้อมกับมองมาที่จัมพ์
“ข้าสงสัยทำไมให้คนเฝ้าหน้าบ้านตั้งสี่คน ด้านข้างสามคนแต่ด้านหลังกับมีแค่คนเดียวเอง แถมที่อยู่ในบ้านแค่สอง ถ้าเป็นแบบนี้ถ้าข้าเป็นเนียโอกอยส์ข้าก็ไม่เข้าด้านหน้าหรอก ข้าก็เข้าด้านหลังเอาหรือไม่ก็ข้าก็ไม่เข้าไปเลย”จัมพ์กล่าว
“โฮะ โฮะ ก็เป็นอย่างที่เจ้าเข้าใจนั่นแหล่ะ คือแผนกับดักรูปไม้กางเขนนั้น ก็เพื่อที่จะล่อให้ศัตรูเข้ามาทางด้านหลังยังไงล่ะ เพราะพวกเราในตอนนั้นยังไม่รู้ความสามารถของเนียโอกอยส์ตัวนั้นว่ามีพลังมากแค่ไหน ดิมีทรีจึงสร้างรูปแบบกับดักแบบนี้ขึ้นมาเพื่อวัดระดับความสามารถของ เนียโอกอยส์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ หากเนียโอกอยส์ตัวนั้นมั่นใจในพลังของตนมันก็จะบุกเข้ามาด้านหน้าเลย เพราะว่ามันมั่นใจในพลังของมันซึ่งหน่วยไล่ล่าสี่คนของเราที่อยู่ด้านหน้าล้วนเป็นยอดนักสู้ทั้งสิ้น ถ้าเนียโอกอยส์มีพลังที่แข็งแกร่งมากมาก ก็ยังพอต้านทานเอาไว้ได้จนเจ้าหน้าที่คนอื่นที่ซุ่มอยู่ให้รีบมาช่วยได้ แต่หากเนียโอกอยส์ตัวนั้นประเมินพลังของตัวมันเองแล้ว ว่าถ้าต้องต่อสู้กับผู้มีพลังอักขระถึงสี่คนคงลำบากมันก็จะเลือกเข้าโจมตีทางด้านหลัง ซึ่งตามหลักแล้วจะต้องมีเจ้าหน้าที่อย่างน้อยสองคน แต่ในวันนั้นเจ้าหน้าที่ของเราไม่พอ จึงจำเป็นต้องยืนคุมเพียงคนเดียว คนคนนั้นก็คือ ดิมีทรีซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยรับผิดชอบยืนคุมเพียงคนเดียว
“ยืนคนเดียว ถ้าอย่างนั้นไม่อันตรายไปหน่อยเหรอครับ”ไคถามขึ้น
“ความอันตรายเป็นของคู่กันกับหน่วยไล่ล่าอยู่แล้ว ทุกครั้งที่ออกปฏิบัติการ ย่อมต้องมีความเสี่ยงยิ่ง ดิมีทรีเป็นถึงระดับหัวหน้าแล้วย่อมที่จะหวาดกลัวเนียโอกอยส์ไม่ได้ อีกอย่างถ้าพูดถึงระดับความสามารถของตัวดิมีทรีแล้วเขาถือได้ว่าเป็นระดับอัจฉริยะที่หายากเลยทีเดียว หากเนียโอกอยส์บุกมาทางด้านหลังจริงด้วยฝีมืออย่างเขาน่าจะสามารถต่อกรกับเนียโอกอยส์ได้ แต่ถ้าเป็นอย่างที่คาดเดาไว้คงจะดี”ลุงเคนเล่าถึงจุดนี้ก็เงียบลงโดยไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้นเหรอลุง”จัมพ์ถามขึ้น
“ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามแผนการทุกอย่าง เว้นเสียแต่ว่าเจ้าเนียโอกอยส์ตัวนั้นมันเลือกที่จะเข้าด้านหลังของบ้านถึงแม้ว่ามันสามารถจะบุกเข้าทางด้านหน้าตรงตรงได้ก็ตาม ในวันนั้นในขณะที่ข้าพเจ้านั่งรอคอยเวลาที่เหยื่อจะมาติดกับดักของพวกเราอยู่ เหมือนฟ้าฝนจะไม่ได้อยู่ข้างพวกเราแต่สลับกันไปเอาใจฝ่ายตรงกันข้ามแทน ในค่ำคืนนั้นเกิดลมมรสุมพัดผ่านมาทำให้เกิดพายุฝนกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรงไม่หยุด ขนาดที่ข้าพเจ้าอยู่ในบ้านกับเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่ง ได้แต่มองหน้ากันไปมาเหตุเพราะ สัญญาณโทรศัพท์และสัญญาณวิทยุเกิดความขัดข้องไม่สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่คนอื่นได้เลย เสียงฟ้าร้องรวมทั้งเสียงของสายฝนโหมกระหน่ำไม่หยุดหย่อน ในตอนนั้นข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังโครมครามดังมาจากด้านหลังของบ้าน เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่กับข้าพเจ้า ก็ค่อยค่อยเดินไปสำรวจตามต้นเสียงดังกล่าว ส่วนข้าพเจ้าเองในตอนนั้นจึงรีบดึงมือเด็กน้อยคนนั่นมาไว้ในอ้อมแขน เนื่องด้วยข้าพเจ้าเห็นว่าร่างกายของหนูน้อยเริ่มสั่นเทา อย่างตื่นตะหนกข้าพเจ้าเองก็เริ่มคุยกับเด็กสาวตัวน้อยคนนั้นเป็นครั้งแรก ข้าพเจ้าเอามือลูบหัวเด็กน้อยอย่างเบามือแล้วพูดกับเด็กน้อยเพื่อปลอบเธอ
“แม่หนูน้อยไม่ต้องกลัวนะ ข้าพเจ้าจะปกป้องตัวหนูด้วยชีวิตของข้าพเจ้าเอง จะไม่มีอะไรมาทำร้ายหนูได้ ไม่ต้องกลัวนะ แม่หนูน้อยหนูมีชื่อมั้ยหนูชื่ออะไรรึ” และเป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้ยินเสียงที่ออกจากปากของหนูน้อยเป็นครั้งแรก เธอพูดว่าเธอชื่อ ฮันนี่
“ฮันนี่เหรอครับ”ไคอุทานขึ้นด้วยความแปลกใจ ลุงเคนเองก็ได้แต่พยักหน้าเล็กน้อย
ทันทีที่หนูน้อยได้เอ่ยปากบอกชื่อของเธอออกมา หลังคาบ้านที่ทำจากกระเบื้องแบบธรรมดาที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงนักที่อยู่บริเวณหลังบ้านก็ถล่มครืนลงมา บริเวณที่หลังคาพังลงมาเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งที่อยู่กับข้าพเจ้ายืนอยู่พอดี ทันทีที่ข้าพเจ้าหันไปมองทางต้นเสียงที่ได้ยินนั้น ภาพที่ข้าพเจ้าได้เห็นต่อจากนั้นทำเอาข้าพเจ้าตกตะลึง มันคือ เนียโอกอยส์ ขนาดใหญ่ที่ยืนอยู่บนร่างของเจ้าหน้าที่คนนั้นที่นอนหมดสติทันที เขาถูกมันโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว จากนั้นข้าพเจ้ากับเนียโอกอยส์ตัวนั้นยืนจ้องหน้ากันอยู่ในระยะที่ใกล้มาก ข้าพเจ้าให้แม่หนูน้อยฮันนี่ไปหลบอยู่ทางด้านหลังของข้าพเจ้า เวลานั้นมันรวดเร็วมากแต่ข้าพเจ้ายังจดจำรูปร่างลักษณะของมันได้เป็นอย่างดี มันเป็นสัตว์ประหลาดรูปร่างสูงใหญ่ มีผิวมันเงาสีดำทั้งตัว ดวงตาที่จับจ้องมองดูข้าพเจ้าอยู่นั้นเป็นสีแดงสด มันไม่มีใบหู ไม่มีจมูก มันได้แต่อ้าปากแยกเขี้ยวและมีควันสีดำ คล้ายควันไฟลอยออกมาจากปากของมันอยู่ตลอดเวลา มีหางสีดำคล้ายแส้สามเส้นสบัดไปมาอยู่ด้านหลัง
ข้าพเจ้ายังสังเกตเห็นที่มือของมัน ในมือของมันมีสร้อยผลึกสีแดงอยู่หนึ่งเส้น ความรู้สึกแรกที่ข้าพเจ้าเห็นมัน ภาพต่างต่างก็วิ่งผ่านเข้ามาในหัวของข้าพเจ้า
“ไม่จริง”
มันต้องไม่ใช่อย่างที่ข้าพเจ้าคิดแน่แน่ ข้าพเจ้าได้เพียงแต่คิดอยู่ภายในใจและภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่ข้าพเจ้าคิดเลย การที่เจ้าเนียโอกอยส์ตัวนี้มันโผล่มาจากทางด้านหลังบ้าน ที่มีดิมีทรีคอยเฝ้าอยู่มันสามารถผ่านเข้ามาได้ แถมในมือของมันยังมีสร้อยผลึกสีแดงอีก นั่นหมายถึงว่าดิมีทรี เพื่อนรักของข้าพเจ้าได้จากโลกนี้ไปแล้ว
ในตอนนั้นข้าพเจ้าโกรธแค้นเจ้าเนียโอกอยส์ตัวนี้มาก ข้าพเจ้าคิดว่าจะขอแลกชีวิตกับมันในเวลานั้นเลยเพื่อแก้แค้นให้กับดิมีทรี แต่ข้าพเจ้าต้องหยุกชะงักลงเพราะมีมือเล็กเล็กที่คอยดึงชายเสื้อของข้าพเจ้าอยู่ หนูน้อยเอามือกุมชายเสื้อของข้าพเจ้าไว้แน่น ตัวหนูน้อยสั่นเทิ้ม แววตาดูหวาดกลัวเมื่อหนูน้อยได้เห็นเจ้าเนียโอกอยส์ตัวนั้นยืนอยู่ต่อหน้า เมื่อข้าพเจ้าเห็นแววตาของเด็กหญิงตัวน้อยนั้น ข้าพเจ้าก็นึกถึงคำสัญญาของข้าพเจ้าที่มีต่อเด็กน้อยขึ้นมาได้ เด็กน้อยจะต้องปลอดภัยนั่นคือคำสัญญาของข้าพเจ้า
หลังจากนั้นเสียงตะโกนจากเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งที่นอนอยู่ที่พื้น มีเลือดอาบทั้งใบหน้าก็ตะโกนบอกให้ข้าพเจ้าให้รีบพาเด็กหญิงตัวน้อยหนีไปก่อน ข้าพเจ้าจึงรีบตั้งสติอุ้มเด็กน้อยฮันนี่เอาไว้ในอ้อมแขนแต่ก่อนที่ข้าพเจ้าจะก้าวเท้าเตรียมหลบหนี เจ้าเนียโอกอยส์ตัวนั้นมันสะบัดหางสามเส้นของมันไปมา แล้วฟาดเข้าที่หัวของเจ้าหน้าที่ เพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้าที่นอนอยู่ที่พื้น ทันทีที่เขาถูกปลายหางของมันสะบัดใส่ ร่างที่นอนแน่นิ่งที่ไม่สามารถขยับตัวได้ ก็กลายเป็นควันสีดำลอยฟุ้งไปในอากาศ ร่างที่นอนอยู่ที่พื้นกลายเป็นสร้อยผลึกแดงทันที
เจ้าเนียโอกอยส์ตัวนั้นไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า มันปรี่เข้าหาข้าพเจ้าทันทีข้าพเจ้าจึงรวบรวมสติ โดยใช้ความสามารถของข้าพเจ้า หลบหนีมันออกมานอกตัวบ้านได้สำเร็จ สายฝนด้านนอกยังคงโปรยปรายไม่หยุด จนตัวข้าพเจ้าและเด็กน้อยฮันนี่เปียกโชกไปทั้งตัว ในตอนนั้นเจ้าหน้าที่ทุกคนก็ได้ออกมารวมตัวตรงบริเวณหน้าบ้าน พร้อมเตรียมรับมือกับเจ้าเนียโอกอยส์
หลังจากนั้นไม่นานนักเจ้าเนียโอกอยส์ มันก็ค่อยค่อยเดินลงมาจากบ้านของผู้ใหญ่บ้าน มันมาหยุดอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน มันยืนจ้องมองเจ้าหน้าที่ของหน่วยCTSOอย่างไม่ยี่หระ มันกวาดสายตาด้วยดวงตาสีแดงของมัน มองทุกคนท่ามกลางสายฝน มันแยกเขี้ยวขู่คำรามลั่นควันที่ออกจากปากของมันพวยพุ่งกระจายไปในอากาศ คล้ายไฟจากปล่องควัน มันเริ่มโจมตีก่อนทันทีมันวิ่งเข้าหาเจ้าหน้าที่ของหน่วย ที่ยืนรอประจัญหน้ากับมันอย่างไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย การต่อสู้ที่ชุลมุลวุ่นวายได้ดำเนินไปสักพักใหญ่ ทั้งเสียงปืน เสียงกรีดร้อง เสียงโอดครวญและเสียงคำราม แล้วมันก็จบลง พร้อมการจากไปของสายฝน ในตอนนั้น กว่าที่หน่วยไล่ล่าของเราจะกำจัดมันได้เราก็ต้องสูญเสียเจ้าหน้าที่ของหน่วยไปอีกสองคน รวมทั้งสิ้นภารกิจนี้เราสูญเสียเจ้าหน้าที่ทั้งหมดสี่คน รวมถึง ดิมีทรี ดิ ตอง เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเราด้วย นับได้ว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่จริงจริง”ลุงเคนเล่าถึงตอนนี้ทำเอาบรรยากาศในการสนทนาเงียบลงไปทันทีทั้ง ไค และจัมพ์ได้แต่นิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไรกันเลย
“เนียโอกอยส์ ยังมีอีกมากที่คอยทำความเดือนร้อนให้กับคนอื่น CTSO ของเราจึงมีหน้าที่ปกป้องและดูแล คนที่ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ยังไงล่ะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นกฎระเบียบต่างต่าง หรือ ข้อบังคับของหน่วยล้วนแล้วแต่ทำเพื่อคุ้มครองและเพื่อความปลอดภัยทั้งสิ้น”ลุงเคนกล่าว
“น่าสงสารคุณฮันนี่นะครับ ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ดูร่าเริงอย่างเธอจะเคยเจอเรื่องเลวร้ายแบบนั้นมาก่อน”ไคพูดขึ้นด้วยความสงสารฮันนี่และเข้าใจในอาการของเธอเมื่อเธอได้ยินเรื่องของ เนียโอกอยส์
“แม่หนูฮันนี่เองเธอเป็นคนที่เข้มแข็งมากเลยล่ะ แต่ก็ใช้เวลานานอยู่กว่าเธอจะเป็นผู้หญิงแกร่งอย่างที่เจ้าเห็น”ลุงเคนกล่าว
อยู่ดีดีจัมพ์ก็ยืนขึ้นแล้วก็โค้งคำนับต่อลุงเคน ทำเอาไค และ ลุงเคนแปลกใจในสิ่งที่จัมพ์ทำ
“ลุง ข้าขอโทษเรื่องที่ข้าอวดเก่ง เกี่ยวกับเรื่องของเนียโอกอยส์ด้วยจริงจริง ข้าไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าสัตว์ร้ายเนียโอกอยส์พวกนั้นมัน ทำให้ลุงต้องสูญเสียเพื่อนรักไป ข้าขอโทษลุงจากใจจริง” จัมพ์ขอโทษด้วยใจจริง
“โฮะ โฮะ เจ้านี่ตลกดีจริงจริง ดูเป็นคนหยาบกระด้างแต่มีจิตใจที่ดี ข้าไม่ถือสาอะไรหรอกเจ้าอย่าคิดมากเลย”ลุงเคนกล่าว
“ไม่หรอกข้ารู้สึกเสียใจจริงจริง หากเป็นข้าถ้าวันหนึ่งข้าต้องสูญเสียเพื่อนรักของข้าไป ข้าก็ไม่รู้ว่าข้าจะทำอะไรต่อไปดี ชีวิตข้าคงจะแย่”จัมพ์พูดขึ้นพร้อมกับหันไปมองหน้าไค
“โฮะ โฮะ เอาล่ะ เอาล่ะ พอได้แล้วเรื่องเพื่อนรักอะไรพวกนี้ เอาเป็นว่านี่ก็ดึกมากแล้ว พวกเจ้ากลับไปพักผ่อนกันได้แล้วล่ะ แล้วพรุ่งนี้อย่าลืมมาช่วยข้าพเจ้าซ่อมแซมหนังสือด้วยล่ะ”ลุงเคนกล่าวพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก
“แล้วเจ้าแปปซีนี่ล่ะจะปลุกมันยังไงดี ลุงเคน”จัมพ์กล่าว
“แปปซีนะเหรอ ปล่อยเค้าไว้นี่แหล่ะเดี๋ยวพอเค้าตื่น เค้าก็กลับห้องของเค้าเองไม่ต้องห่วงหรอก โฮะ โฮะ”ลุงเคนหัวเราะเบาเบา อย่างสบายใจ เหมือนเป็นเรื่องปรกติที่แปปซีมาหลับในห้องทำงานของเขา
หลังจากนั้นไค และจัมพ์พร้อมทั้งโจเซฟก็ลาลุงเคนกลับห้องพักของตนเอง พอไปถึงห้องพักทันทีที่จัมพ์เอนตัวเอาหัวแตะหมอน ก็หลับและกรนเสียงดัง ส่วนโจเซฟก็ยังคงหลับอยู่ ไคจึงเอาโจเซฟมานอนข้างข้างตัวเค้า ไคเอามือลูบหัวโจเซฟในขณะที่มันยังหลับอยู่ไปมา จนไคผลอยหลับไป
หลังจากนั้นดิมีทรีได้ตกลงใช้แผนการเหยื่อล่อโดยผู้ที่เสนอแผนการนี้ก็คือหลุยส์นั้นเอง การใช้แผนการใช้เด็กน้อยที่เพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมาในตอนนั้น ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งแต่ไม่มีวิธีการอื่น เพราะเจ้าเนียโอกอยส์ตัวนี้เป็นสัตว์บ้าเลือดที่ฆ่าคนได้อย่างโหดเหี้ยม ถ้าปล่อยเอาไว้นานก็จะเป็นอันตรายต่อคนทั่วไป จึงต้องรีบจัดการ ดิมีทรีได้เลือกสถานที่ก็คือบ้านของผู้ใหญ่บ้าน โดยกันประชาชนทั่วไปออกจากพื้นที่บริเวณใกล้เคียงออกไปจนหมด
ดิมีทรี ได้วางกองกำลังไว้ทั้งหมดห้าจุดรอบรอบตัวบ้าน รูปแบบการวางกองกำลังเป็นรูปไม้กางเขน ในแต่ละจุดได้วางกำลังไว้จุดละสามคนด้านข้างฝั่งละสามคน ทางด้านหน้าบ้านสี่คนด้านหลังบ้านหนึ่งคน อยู่ในบ้านกับเหยื่อล่อสองคน ในตอนนั้นข้าพเจ้าขออาสาอยู่กับเด็กน้อยภายในบ้านเอง
“ผมมีเรื่องอยากจะถามหน่อยได้มั้ยครับ”ไคพูดขึ้น
“เจ้าสงสัยอะไรรึ ไค”ลุงเคนกล่าว พร้อมกับมองหน้าไค
“ตอนนั้นคุณ ดิมีทรี มั่นใจได้ยังไงว่าแผนเหยื่อล่อจะได้ผล ไม่คิดว่า เนียโอกอยส์ ตัวนั้นหนีไปแล้วเหรอครับ”ไคถามต่อ
“เรื่องนั้นนะรึ เนียโอกอยส์ต้องปรากฎตัวแน่นอน เพราะเหล่าเนียโอกอยส์จะมีความต้องการพลังที่ตนหมายปอง เมื่อมันหมายปองพลังของเด็กน้อยคนนั้นมันจะไม่ยอมหยุดล่าเหยื่อจนกว่าจะได้พลังที่มันหมายปองไว้ยังไงล่ะ”ลุงเคนกล่าว
“ข้าก็มีเรื่องอยากถามเหมือนกัน”จัมพ์พูดแทรกขึ้นเมื่อเค้าเริ่มสงสัย
“เจ้าก็สงสัยด้วยเช่นกันรึ”ลุงเคนกล่าวพร้อมกับมองมาที่จัมพ์
“ข้าสงสัยทำไมให้คนเฝ้าหน้าบ้านตั้งสี่คน ด้านข้างสามคนแต่ด้านหลังกับมีแค่คนเดียวเอง แถมที่อยู่ในบ้านแค่สอง ถ้าเป็นแบบนี้ถ้าข้าเป็นเนียโอกอยส์ข้าก็ไม่เข้าด้านหน้าหรอก ข้าก็เข้าด้านหลังเอาหรือไม่ก็ข้าก็ไม่เข้าไปเลย”จัมพ์กล่าว
“โฮะ โฮะ ก็เป็นอย่างที่เจ้าเข้าใจนั่นแหล่ะ คือแผนกับดักรูปไม้กางเขนนั้น ก็เพื่อที่จะล่อให้ศัตรูเข้ามาทางด้านหลังยังไงล่ะ เพราะพวกเราในตอนนั้นยังไม่รู้ความสามารถของเนียโอกอยส์ตัวนั้นว่ามีพลังมากแค่ไหน ดิมีทรีจึงสร้างรูปแบบกับดักแบบนี้ขึ้นมาเพื่อวัดระดับความสามารถของ เนียโอกอยส์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ หากเนียโอกอยส์ตัวนั้นมั่นใจในพลังของตนมันก็จะบุกเข้ามาด้านหน้าเลย เพราะว่ามันมั่นใจในพลังของมันซึ่งหน่วยไล่ล่าสี่คนของเราที่อยู่ด้านหน้าล้วนเป็นยอดนักสู้ทั้งสิ้น ถ้าเนียโอกอยส์มีพลังที่แข็งแกร่งมากมาก ก็ยังพอต้านทานเอาไว้ได้จนเจ้าหน้าที่คนอื่นที่ซุ่มอยู่ให้รีบมาช่วยได้ แต่หากเนียโอกอยส์ตัวนั้นประเมินพลังของตัวมันเองแล้ว ว่าถ้าต้องต่อสู้กับผู้มีพลังอักขระถึงสี่คนคงลำบากมันก็จะเลือกเข้าโจมตีทางด้านหลัง ซึ่งตามหลักแล้วจะต้องมีเจ้าหน้าที่อย่างน้อยสองคน แต่ในวันนั้นเจ้าหน้าที่ของเราไม่พอ จึงจำเป็นต้องยืนคุมเพียงคนเดียว คนคนนั้นก็คือ ดิมีทรีซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยรับผิดชอบยืนคุมเพียงคนเดียว
“ยืนคนเดียว ถ้าอย่างนั้นไม่อันตรายไปหน่อยเหรอครับ”ไคถามขึ้น
“ความอันตรายเป็นของคู่กันกับหน่วยไล่ล่าอยู่แล้ว ทุกครั้งที่ออกปฏิบัติการ ย่อมต้องมีความเสี่ยงยิ่ง ดิมีทรีเป็นถึงระดับหัวหน้าแล้วย่อมที่จะหวาดกลัวเนียโอกอยส์ไม่ได้ อีกอย่างถ้าพูดถึงระดับความสามารถของตัวดิมีทรีแล้วเขาถือได้ว่าเป็นระดับอัจฉริยะที่หายากเลยทีเดียว หากเนียโอกอยส์บุกมาทางด้านหลังจริงด้วยฝีมืออย่างเขาน่าจะสามารถต่อกรกับเนียโอกอยส์ได้ แต่ถ้าเป็นอย่างที่คาดเดาไว้คงจะดี”ลุงเคนเล่าถึงจุดนี้ก็เงียบลงโดยไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้นเหรอลุง”จัมพ์ถามขึ้น
“ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามแผนการทุกอย่าง เว้นเสียแต่ว่าเจ้าเนียโอกอยส์ตัวนั้นมันเลือกที่จะเข้าด้านหลังของบ้านถึงแม้ว่ามันสามารถจะบุกเข้าทางด้านหน้าตรงตรงได้ก็ตาม ในวันนั้นในขณะที่ข้าพเจ้านั่งรอคอยเวลาที่เหยื่อจะมาติดกับดักของพวกเราอยู่ เหมือนฟ้าฝนจะไม่ได้อยู่ข้างพวกเราแต่สลับกันไปเอาใจฝ่ายตรงกันข้ามแทน ในค่ำคืนนั้นเกิดลมมรสุมพัดผ่านมาทำให้เกิดพายุฝนกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรงไม่หยุด ขนาดที่ข้าพเจ้าอยู่ในบ้านกับเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่ง ได้แต่มองหน้ากันไปมาเหตุเพราะ สัญญาณโทรศัพท์และสัญญาณวิทยุเกิดความขัดข้องไม่สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่คนอื่นได้เลย เสียงฟ้าร้องรวมทั้งเสียงของสายฝนโหมกระหน่ำไม่หยุดหย่อน ในตอนนั้นข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังโครมครามดังมาจากด้านหลังของบ้าน เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่กับข้าพเจ้า ก็ค่อยค่อยเดินไปสำรวจตามต้นเสียงดังกล่าว ส่วนข้าพเจ้าเองในตอนนั้นจึงรีบดึงมือเด็กน้อยคนนั่นมาไว้ในอ้อมแขน เนื่องด้วยข้าพเจ้าเห็นว่าร่างกายของหนูน้อยเริ่มสั่นเทา อย่างตื่นตะหนกข้าพเจ้าเองก็เริ่มคุยกับเด็กสาวตัวน้อยคนนั้นเป็นครั้งแรก ข้าพเจ้าเอามือลูบหัวเด็กน้อยอย่างเบามือแล้วพูดกับเด็กน้อยเพื่อปลอบเธอ
“แม่หนูน้อยไม่ต้องกลัวนะ ข้าพเจ้าจะปกป้องตัวหนูด้วยชีวิตของข้าพเจ้าเอง จะไม่มีอะไรมาทำร้ายหนูได้ ไม่ต้องกลัวนะ แม่หนูน้อยหนูมีชื่อมั้ยหนูชื่ออะไรรึ” และเป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้ยินเสียงที่ออกจากปากของหนูน้อยเป็นครั้งแรก เธอพูดว่าเธอชื่อ ฮันนี่
“ฮันนี่เหรอครับ”ไคอุทานขึ้นด้วยความแปลกใจ ลุงเคนเองก็ได้แต่พยักหน้าเล็กน้อย
ทันทีที่หนูน้อยได้เอ่ยปากบอกชื่อของเธอออกมา หลังคาบ้านที่ทำจากกระเบื้องแบบธรรมดาที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงนักที่อยู่บริเวณหลังบ้านก็ถล่มครืนลงมา บริเวณที่หลังคาพังลงมาเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งที่อยู่กับข้าพเจ้ายืนอยู่พอดี ทันทีที่ข้าพเจ้าหันไปมองทางต้นเสียงที่ได้ยินนั้น ภาพที่ข้าพเจ้าได้เห็นต่อจากนั้นทำเอาข้าพเจ้าตกตะลึง มันคือ เนียโอกอยส์ ขนาดใหญ่ที่ยืนอยู่บนร่างของเจ้าหน้าที่คนนั้นที่นอนหมดสติทันที เขาถูกมันโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว จากนั้นข้าพเจ้ากับเนียโอกอยส์ตัวนั้นยืนจ้องหน้ากันอยู่ในระยะที่ใกล้มาก ข้าพเจ้าให้แม่หนูน้อยฮันนี่ไปหลบอยู่ทางด้านหลังของข้าพเจ้า เวลานั้นมันรวดเร็วมากแต่ข้าพเจ้ายังจดจำรูปร่างลักษณะของมันได้เป็นอย่างดี มันเป็นสัตว์ประหลาดรูปร่างสูงใหญ่ มีผิวมันเงาสีดำทั้งตัว ดวงตาที่จับจ้องมองดูข้าพเจ้าอยู่นั้นเป็นสีแดงสด มันไม่มีใบหู ไม่มีจมูก มันได้แต่อ้าปากแยกเขี้ยวและมีควันสีดำ คล้ายควันไฟลอยออกมาจากปากของมันอยู่ตลอดเวลา มีหางสีดำคล้ายแส้สามเส้นสบัดไปมาอยู่ด้านหลัง
ข้าพเจ้ายังสังเกตเห็นที่มือของมัน ในมือของมันมีสร้อยผลึกสีแดงอยู่หนึ่งเส้น ความรู้สึกแรกที่ข้าพเจ้าเห็นมัน ภาพต่างต่างก็วิ่งผ่านเข้ามาในหัวของข้าพเจ้า
“ไม่จริง”
มันต้องไม่ใช่อย่างที่ข้าพเจ้าคิดแน่แน่ ข้าพเจ้าได้เพียงแต่คิดอยู่ภายในใจและภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่ข้าพเจ้าคิดเลย การที่เจ้าเนียโอกอยส์ตัวนี้มันโผล่มาจากทางด้านหลังบ้าน ที่มีดิมีทรีคอยเฝ้าอยู่มันสามารถผ่านเข้ามาได้ แถมในมือของมันยังมีสร้อยผลึกสีแดงอีก นั่นหมายถึงว่าดิมีทรี เพื่อนรักของข้าพเจ้าได้จากโลกนี้ไปแล้ว
ในตอนนั้นข้าพเจ้าโกรธแค้นเจ้าเนียโอกอยส์ตัวนี้มาก ข้าพเจ้าคิดว่าจะขอแลกชีวิตกับมันในเวลานั้นเลยเพื่อแก้แค้นให้กับดิมีทรี แต่ข้าพเจ้าต้องหยุกชะงักลงเพราะมีมือเล็กเล็กที่คอยดึงชายเสื้อของข้าพเจ้าอยู่ หนูน้อยเอามือกุมชายเสื้อของข้าพเจ้าไว้แน่น ตัวหนูน้อยสั่นเทิ้ม แววตาดูหวาดกลัวเมื่อหนูน้อยได้เห็นเจ้าเนียโอกอยส์ตัวนั้นยืนอยู่ต่อหน้า เมื่อข้าพเจ้าเห็นแววตาของเด็กหญิงตัวน้อยนั้น ข้าพเจ้าก็นึกถึงคำสัญญาของข้าพเจ้าที่มีต่อเด็กน้อยขึ้นมาได้ เด็กน้อยจะต้องปลอดภัยนั่นคือคำสัญญาของข้าพเจ้า
หลังจากนั้นเสียงตะโกนจากเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งที่นอนอยู่ที่พื้น มีเลือดอาบทั้งใบหน้าก็ตะโกนบอกให้ข้าพเจ้าให้รีบพาเด็กหญิงตัวน้อยหนีไปก่อน ข้าพเจ้าจึงรีบตั้งสติอุ้มเด็กน้อยฮันนี่เอาไว้ในอ้อมแขนแต่ก่อนที่ข้าพเจ้าจะก้าวเท้าเตรียมหลบหนี เจ้าเนียโอกอยส์ตัวนั้นมันสะบัดหางสามเส้นของมันไปมา แล้วฟาดเข้าที่หัวของเจ้าหน้าที่ เพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้าที่นอนอยู่ที่พื้น ทันทีที่เขาถูกปลายหางของมันสะบัดใส่ ร่างที่นอนแน่นิ่งที่ไม่สามารถขยับตัวได้ ก็กลายเป็นควันสีดำลอยฟุ้งไปในอากาศ ร่างที่นอนอยู่ที่พื้นกลายเป็นสร้อยผลึกแดงทันที
เจ้าเนียโอกอยส์ตัวนั้นไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า มันปรี่เข้าหาข้าพเจ้าทันทีข้าพเจ้าจึงรวบรวมสติ โดยใช้ความสามารถของข้าพเจ้า หลบหนีมันออกมานอกตัวบ้านได้สำเร็จ สายฝนด้านนอกยังคงโปรยปรายไม่หยุด จนตัวข้าพเจ้าและเด็กน้อยฮันนี่เปียกโชกไปทั้งตัว ในตอนนั้นเจ้าหน้าที่ทุกคนก็ได้ออกมารวมตัวตรงบริเวณหน้าบ้าน พร้อมเตรียมรับมือกับเจ้าเนียโอกอยส์
หลังจากนั้นไม่นานนักเจ้าเนียโอกอยส์ มันก็ค่อยค่อยเดินลงมาจากบ้านของผู้ใหญ่บ้าน มันมาหยุดอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน มันยืนจ้องมองเจ้าหน้าที่ของหน่วยCTSOอย่างไม่ยี่หระ มันกวาดสายตาด้วยดวงตาสีแดงของมัน มองทุกคนท่ามกลางสายฝน มันแยกเขี้ยวขู่คำรามลั่นควันที่ออกจากปากของมันพวยพุ่งกระจายไปในอากาศ คล้ายไฟจากปล่องควัน มันเริ่มโจมตีก่อนทันทีมันวิ่งเข้าหาเจ้าหน้าที่ของหน่วย ที่ยืนรอประจัญหน้ากับมันอย่างไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย การต่อสู้ที่ชุลมุลวุ่นวายได้ดำเนินไปสักพักใหญ่ ทั้งเสียงปืน เสียงกรีดร้อง เสียงโอดครวญและเสียงคำราม แล้วมันก็จบลง พร้อมการจากไปของสายฝน ในตอนนั้น กว่าที่หน่วยไล่ล่าของเราจะกำจัดมันได้เราก็ต้องสูญเสียเจ้าหน้าที่ของหน่วยไปอีกสองคน รวมทั้งสิ้นภารกิจนี้เราสูญเสียเจ้าหน้าที่ทั้งหมดสี่คน รวมถึง ดิมีทรี ดิ ตอง เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเราด้วย นับได้ว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่จริงจริง”ลุงเคนเล่าถึงตอนนี้ทำเอาบรรยากาศในการสนทนาเงียบลงไปทันทีทั้ง ไค และจัมพ์ได้แต่นิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไรกันเลย
“เนียโอกอยส์ ยังมีอีกมากที่คอยทำความเดือนร้อนให้กับคนอื่น CTSO ของเราจึงมีหน้าที่ปกป้องและดูแล คนที่ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ยังไงล่ะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นกฎระเบียบต่างต่าง หรือ ข้อบังคับของหน่วยล้วนแล้วแต่ทำเพื่อคุ้มครองและเพื่อความปลอดภัยทั้งสิ้น”ลุงเคนกล่าว
“น่าสงสารคุณฮันนี่นะครับ ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ดูร่าเริงอย่างเธอจะเคยเจอเรื่องเลวร้ายแบบนั้นมาก่อน”ไคพูดขึ้นด้วยความสงสารฮันนี่และเข้าใจในอาการของเธอเมื่อเธอได้ยินเรื่องของ เนียโอกอยส์
“แม่หนูฮันนี่เองเธอเป็นคนที่เข้มแข็งมากเลยล่ะ แต่ก็ใช้เวลานานอยู่กว่าเธอจะเป็นผู้หญิงแกร่งอย่างที่เจ้าเห็น”ลุงเคนกล่าว
อยู่ดีดีจัมพ์ก็ยืนขึ้นแล้วก็โค้งคำนับต่อลุงเคน ทำเอาไค และ ลุงเคนแปลกใจในสิ่งที่จัมพ์ทำ
“ลุง ข้าขอโทษเรื่องที่ข้าอวดเก่ง เกี่ยวกับเรื่องของเนียโอกอยส์ด้วยจริงจริง ข้าไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าสัตว์ร้ายเนียโอกอยส์พวกนั้นมัน ทำให้ลุงต้องสูญเสียเพื่อนรักไป ข้าขอโทษลุงจากใจจริง” จัมพ์ขอโทษด้วยใจจริง
“โฮะ โฮะ เจ้านี่ตลกดีจริงจริง ดูเป็นคนหยาบกระด้างแต่มีจิตใจที่ดี ข้าไม่ถือสาอะไรหรอกเจ้าอย่าคิดมากเลย”ลุงเคนกล่าว
“ไม่หรอกข้ารู้สึกเสียใจจริงจริง หากเป็นข้าถ้าวันหนึ่งข้าต้องสูญเสียเพื่อนรักของข้าไป ข้าก็ไม่รู้ว่าข้าจะทำอะไรต่อไปดี ชีวิตข้าคงจะแย่”จัมพ์พูดขึ้นพร้อมกับหันไปมองหน้าไค
“โฮะ โฮะ เอาล่ะ เอาล่ะ พอได้แล้วเรื่องเพื่อนรักอะไรพวกนี้ เอาเป็นว่านี่ก็ดึกมากแล้ว พวกเจ้ากลับไปพักผ่อนกันได้แล้วล่ะ แล้วพรุ่งนี้อย่าลืมมาช่วยข้าพเจ้าซ่อมแซมหนังสือด้วยล่ะ”ลุงเคนกล่าวพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก
“แล้วเจ้าแปปซีนี่ล่ะจะปลุกมันยังไงดี ลุงเคน”จัมพ์กล่าว
“แปปซีนะเหรอ ปล่อยเค้าไว้นี่แหล่ะเดี๋ยวพอเค้าตื่น เค้าก็กลับห้องของเค้าเองไม่ต้องห่วงหรอก โฮะ โฮะ”ลุงเคนหัวเราะเบาเบา อย่างสบายใจ เหมือนเป็นเรื่องปรกติที่แปปซีมาหลับในห้องทำงานของเขา
หลังจากนั้นไค และจัมพ์พร้อมทั้งโจเซฟก็ลาลุงเคนกลับห้องพักของตนเอง พอไปถึงห้องพักทันทีที่จัมพ์เอนตัวเอาหัวแตะหมอน ก็หลับและกรนเสียงดัง ส่วนโจเซฟก็ยังคงหลับอยู่ ไคจึงเอาโจเซฟมานอนข้างข้างตัวเค้า ไคเอามือลูบหัวโจเซฟในขณะที่มันยังหลับอยู่ไปมา จนไคผลอยหลับไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ