RED STONE WAR
9.0
เขียนโดย nemon
วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.
86 ตอน
9 วิจารณ์
74.25K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
43) ลุงเคนปราฏกตัว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่จริงอย่างที่คุณบอก แต่เรื่องที่ว่าเจ้าหน้าที่กิมต่อสู้กับสัตว์ร้ายตัวนั้นแล้วไหนล่ะ ร่องรอยการต่อสู้โดยเฉพาะบริเวณที่คุณบอกว่าเจ้าหน้าที่กิมตามเจ้าปีศาจยักษ์นั่นไป ผมก็ยังไม่เห็นหลักฐานอะไรที่จะยืนยันว่าสิ่งที่คุณพูดนั้นเป็นเรื่องจริง”หัวหน้าหลุยส์ย้ำอีกครั้ง
บรรยากาศเริ่มตรึงเครียดอีกครั้ง เพราะทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุบริเวณภายในเรือนเพาะชำไม่มีใครปริปากหรือพูดอะไรเลย มีแค่เพียงสายตาของหัวหน้าหลุยส์ที่จ้องมองมาที่ไค ในแววตานั้นส่อแววกล่าวหาว่าไค คือ คนร้ายในคดีนี้แน่นอน นี่สรุปแล้วว่าเค้าคือคนผิดงั้นหรือ ไคแอบคิดภายในใจ
เสียงผู้คนที่อยู่บริเวณรอบรอบที่เกิดเหตุดังอื้ออึงขึ้นมาอีกครั้ง จนเรียกร้องทุกสายตาให้จับจ้องมองไปในจุดที่ทำให้เกิดต้นเสียงอื้ออึงนั้น ไคเองก็หันไปมองในทิศทางเดียวกันกับคนอื่นเช่นกัน ภาพที่เค้าได้เห็น นั่นก็คือ หญิงสาวคนหนึ่งที่ตัวเค้ารู้จักกับเธอดี เธอก็คือแม่สาวน้อยฮันนี่สาวน้อยผู้ที่จะมาเป็นพี่เลี้ยงให้กับเค้าทั้งสองคน หล่อนเดินแหวกผู้คนที่ยืนมุงดูอยู่รอบรอบเรือนเพาะชำออกมาและ ไคสังเกตเห็นมีผู้ชายคนหนึ่งดูมีอายุมากซักหน่อยเดินตามหลังของหล่อนมาติดติด ชายคนดังกล่าวเค้าไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ไคสังเกตดูจากสีหน้าของหัวหน้าหลุยส์เมื่อได้เห็นชายคนดังกล่าวที่เดินเข้ามานั่น อาการของหัวหน้าหลุยส์มีปฏิกริยาตอบโต้ทันที สีหน้าและท่าทางที่หัวหน้าหลุยส์มองชายคนดังกล่าว เหมือนกับว่าเค้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักที่เห็นชายคนนั้น
“ตัวปัญหาโผล่มาจนได้”เสียงบ่นพรึมพรำเบาเบาของหัวหน้าหลุยส์ แต่ไคได้ยินชัดเจน
ทันทีที่คนทั้งคู่เดินมาถึงสาวน้อยฮันนี่ก็ตรงดิ่งมาหาไคและโจเซฟทันที โดยไม่สนใจคนอื่นอื่น ที่ยืนอยู่ตรงนั้นเลย
“ไค เป็นอะไรบ้างรึเปล่า ขอโทษทีนะที่มาช้า ฉันนี่เป็นพี่เลี้ยงที่แย่จริงจริง น่าจะทำโทษตัวเองนัก”หญิงสาวฮันนี่เอ่ยขึ้นพร้อมกับทำท่าเขกหัวตัวเองเบาเบา
“ไม่เป็นไรครับคุณฮันนี่ผมไม่เป็นอะไร โจเซฟก็ปลอดภัยดีครับ ขอบคุณที่เป็นห่วง”ไคตอบหญิงสาวฮันนี่ไปด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร ปล่อยให้จัมพ์ยืนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ไคมาทางนี้ ตามฉันมาดูสิบาดเจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่าเดี๋ยวฉันทำแผลให้”ฮันนี่กล่าว
หลังจากที่ฮันนี่พูดจบเธอก็พาไคและโจเซฟ ไปนั่งตรงบริเวณม้านั่งหินอ่อน ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่เดิมที่เค้าอยู่มากนัก ซึ่งตรงบริเวณนั้นค่อนข้างสว่างกว่า ที่ไคอยู่ทีแรกเพราะมีแสงจากสปอร์ตไลท์ที่เจ้าหน้าที่ของหน่วย ติดตั้งเอาไว้ทำให้บริเวณนี้สว่างกว่าที่อื่น
“คุณฮันนี่ครับ คนที่มากับคุณฮันนี่เป็นใครหรือครับ”ไคถาม พร้อมกับมองไปในทิศทางที่ชายคนดังกล่าวยืนอยู่ ไคเห็นชายคนนั้นยืนคุยอยู่กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างไม่เกรงกลัว หัวหน้าระดับสูงเลย
“ชายคนนั้นนะเหรอ ลุงเคน ยังไงล่ะ คนนี้แหล่ะคนที่ฉันเคยเล่าให้ฟังยังไงล่ะ”ฮันนี่กล่าว
ไคนั่งมองดูลุงเคนจากระยะนี้ เค้าเห็นใบหน้าของลุงเคนได้อย่างชัดเจน ลุงเคนเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ดูน่าเกรงขาม มีผมสีขาวไม่ยาวมาก มีหนวดและเคราสีขาวเช่นกัน เดาอายุไม่ออก สวมเสื้อกล้ามสีดำมีรอยสักหลากสียาวเป็นรูปสิ่งมีชีวิตอะไรซักอย่างอยู่ที่แขนทั้งสองข้างรอยสักนั้นยาวไปจนถึงหลังมือเลยทีเดียว
“ไค ลุงเคนคือใครเหรอทำไมข้าไม่เห็นรู้จัก”จัมพ์กระซิบเบาเบาข้างหูไค
“ลุงเคน ก็คือคนที่ดูแลตึกA แห่งนี้ยังไงล่ะ”ไคตอบ
“คนดูแลงั้นรึ ข้าว่าดูสภาพเหมือนพวกแกงค์ เสื้อหนังสีดำ ขี่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ใหญ่ซะมากกว่านะ”จัมพ์กล่าวเบาเบา แต่เหมือนกับว่าลุงเคนที่ พวกเค้ากำลังพูดถึงอยู่นั้นจะได้ยินสิ่งที่จัมพ์พูด เค้าเหลือบตามามองทางจัมพ์ที่ยืนอยู่ข้างข้างไคเล็กน้อย
“ไอ้เจ้าบ้าแปปซี เมื่อไหร่นายจะไปใส่เสื้อผ้าให้มันเรียบร้อยซะทีนะ เห็นแล้วฉันละอายใจแทน นายจริงจริง”เสียงของฮันนี่หันไปโวยวายใส่แปปซีที่ยืนล่อนจ้อนอยู่
“จะมาโวยวายใส่ข้าทำไมกันเนี๊ยะ ใช่ว่าหล่อนจะไม่เคยเห็นข้าเปลือยกายซะหน่อยทำเป็นตื่นเต้นไปได้ เชอะ”แปปซีกล่าว
“ฉันก็รู้หรอกนะว่านายมันคือ ชีเปลือย เพียงแต่ฉันอายแทน”ฮันนี่กล่าว
“อ้ายแทนข้าเรื่องอะไร ข้าเป็นคนล่อนจ้อนข้ายังไม่อายเลย ฮ่า ฮ่า”แปปซียืนขึ้นพร้อมกับทุบที่หน้าอกของตัวเองเบาเบาอย่างภาคภูมิใจ
“ก็อายที่….. …. “ฮันนี่หยุดพูดพร้อมกับเหลือบตาไปมองอะไรบางอย่างที่อยู่ใต้สะดือของแปปซี พร้อมกับทำท่าทางแบบเหยียดหยามเล็กน้อย ทำให้ไคและจัมพ์ต้องหันไปมองตามสายตาของเธอ
“อายที่เห็นความเป็นยอดชายของข้าละสิ ใช่มั้ย ฮ่า ฮ่า”แปปซียังคงโอ้อวดความเป็นตัวของตัวเองอยู่
“ความเป็นยอดชายอย่างนั้นเหรอ ที่ฉันเห็นอยู่นี่มันช้างน้อยชินจังชัดชัดถ้าเป็นพญาช้างก็ว่าไปอย่าง”ฮันนี่กล่าวพร้อมกับทำหน้าเบือนหนีแบบดูถูกแปปซีเอามากมาก ทำเอาไคและจัมพ์อดหัวเราะออกมาไม่ได้จริงจริง แต่ก็ไม่น่าเชื่อด้วยคำพูดของเธอทำให้แปปซีเริ่มหน้าแดงและมีอาการเขินอายอย่างเห็นได้ชัด เจ้าหน้าที่วากัซซึ่งอยู่ไม่ห่างมากนัก จึงโยนผ้าห่มผืนสีน้ำเงินคล้ายผ้าแพรขนาดไม่ใหญ่มาก ให้กับแปปซีเอาคลุมตัวเอาไว้ หลังจากนั้นฮันนี่ก็เริ่มทำความสะอาดและตรวจสอบหาบาดแผลต่างต่าง ทั้งของไคและโจเซฟ
อีกด้านหนึ่งที่มีคนที่ชื่อว่าลุงเคน กับหัวหน้าหลุยส์และเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่าง โตโต้และวากัซ ยืนคุยกันอยู่นั้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่วากัซเล่าเรื่องราวต่างต่างเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นแบบคร่าวคร่าวให้ลุงเคนฟังแล้ว
“ข้าพเจ้าว่าเหตุการณ์ดังกล่าวฟังดูคุ้นคุ้นหูอยู่นะ เรื่องสัตว์ประหลาดที่ว่าน่ะ แปลก แปลกจริงจริง หึ หึ”เสียงของลุงเคนพูดเบาเบาและเรียบเรียบ พร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอยู่ในลำคอ
“มันจะแปลกยังไงท่านเคน ท่านก็เห็นอยู่แล้วดูยังไงก็เป็นฝีมือของเจ้าสัตว์หน้าขนที่อยู่ในการดูแลของท่านนะ”หัวหน้าหลุยส์กล่าว
“การดูแลของข้าพเจ้ายังงั้นรึท่านหลุยส์”ลุงเคนกล่าว พร้อมกับเหลือบมองไปทางโจเซฟครู่หนึ่ง
“ก็ใช่นะสิท่าน เด็กพวกนี้เป็นเด็กฝึกที่อยู่ที่อาคารAที่ท่านคอยดูแลอยู่ยังไงล่ะ”หัวหน้าหลุยส์กล่าว
“จริงรึท่าน อ่อ อืมม ใช่ก็ได้ แล้วยังไงต่อละท่านหลุยส์”ลุงเคนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ยังไงต่อนะรึ ท่านพูดมาได้ยังไงท่านก็ทำโทษพวกมันสิ ที่มาก่อเรื่องในเขตพื้นที่ของท่านมันเป็นเขตรับผิดชอบของท่านนะอย่าลืมสิ”หัวหน้าหลุยส์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“ทำโทษรึข้อหาอะไรล่ะท่านหลุยส์”ลุงเคน
“ก็ข้อหาทำลายทรัพย์สินในยามวิกาล บุกรุก หรือมีสัตว์เลี้ยงที่มีอันตรายไว้ในครอบครองหรืออะไรก็ได้แล้วแต่ท่านเถอะ”หัวหน้าหลุยส์กล่าว
“ทำลายทรัพย์สินอย่างนั้นรึ แต่ที่ข้าพเจ้าเห็นและได้รับฟังมาเด็กพวกนี้ตกเป็นเหยื่อ ถ้าข้อหาบุกรุกละก็นะ โฮะ โฮะ เห็นทีจะไม่ใช่ล่ะท่านเพราะว่าเรือนเพาะชำของตึกAนี่ใครก็สามารถเข้ามาได้ตลอดเวลา ส่วนข้อหาสัตว์เลี้ยงอันตราย อันนี้ข้าพเจ้าก็ยังไม่เห็นว่าจะมีสัตว์อันตรายอยู่ตรงไหนเห็นก็แค่เพียง ลูกสุนัขตัวน้อยน่ารักเพียงตัวเดียว ส่วนข้อหาอะไรก็ได้นี่ ข้าพเจ้าเองก็ยังนึกไม่ออกเลยท่านหลุยส์”ลุงเคนกล่าวพร้อมกับยิ้มกว้างให้หัวหน้าหลุยส์ ทำเอาหัวหน้าหลุยส์หัวเสียเอามากมากที่ได้ยินคำตอบ
“ก็ที่เรือนเพาะชำมันพังพินาศขนาดนี้มันก็เพราะฝีมือของเจ้าสุนัขตัวนั้นยังไงล่ะ ท่านเคนคงยังไม่รู้สินะว่าเจ้าลูกสุนัขแสนน่ารักของคุณมันร้ายกาจขนาดไหน ขนาดเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเราสองคนก็ถูกเจ้าสัตว์ทำร้ายจนเกือบย่ำแย่ สัตว์ที่ควบคุมดูแลไม่ได้อย่างนี้ขืนปล่อยทิ้งเอาไว้ก็จะเป็นภัยกับคนอื่น ควรกำจัดให้กลายเป็นผลึกแดงไปซะยังมีประโยชน์เสียกว่า”หัวหน้าหลุยส์พูดออกมาด้วยอารมณ์ฉุนขาด ทำให้ไคและจัมพ์ที่ได้ยิน รู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของชายร่างท้วมคนนี้เอามากมาก
“สัตว์เลี้ยงที่มีพลังพิเศษ ท่านหลุยส์ท่านไม่คิดว่ามันเป็นโชคชะตาที่แสนจะพิเศษหรอกรึ ไม่แน่ว่าเจ้าลูกสุนัขตัวนี้อาจจะเป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกและอาจจะมีเพียงตัวเดียวในโลกเสียด้วย หากมองถึงการพัฒนาการของสายพลังพิเศษของผลึก นี่อาจจจะเป็นสิ่งที่พระเจ้ากำหนดไว้ก็ได้ และอีกเรื่องก็คือในสิ่งที่ท่านกล่าวหาว่าสัตว์เลี้ยงของพ่อหนุ่มคนนั้นเป็นตัวการในการทำลายเรือนเพาะชำแห่งนี้ แล้วแรงจูงใจให้เด็กหนุ่มกับสัตว์เลี้ยงของเค้าทำล่ะมีมั้ย การที่คนเราต้องการจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งย่อมต้องมีแรงจูงใจเพื่อชักนำให้กระทำสิ่งใดสิ่งนั้น เห็นด้วยมั้ย โตโต้”ลุงเคนกล่าวพร้อมกับมองหน้าเจ้าหน้าที่โตโต้เพื่อรอฟังคำตอบ
“ครับ แรงจูงใจในการกระทำครั้งนี้ไม่ว่าเรื่องของสัตว์ร้ายหรือแม้แต่เรื่องของเจ้าหน้าที่กิมเองถ้าหากทั้งสามคนจะโกหก แต่ก็คงจะไม่มีเหตุผมอะไรที่จะต้องทำแบบนั้น”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าว
“แรงจูงใจบ้าบออะไรกันอีกล่ะ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามเจ้าสัตว์หน้าขนที่เป็นตัวอันตรายก็ไม่สมควรจะอยู่ที่นี่ หรือไม่ก็กำจัดมันทิ้งไปซะ”หัวหน้าหลุยส์กล่าวอย่างฉุนเฉียว
“ผมว่าคุณใช่อารมณ์ส่วนตัวในการตัดสินปัญหาอยู่นะ หัวหน้าหลุยส์”ลุงเคนกล่าวด้วยเสียงราบเรียบอีกครั้ง
บรรยากาศเริ่มตรึงเครียดอีกครั้ง เพราะทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุบริเวณภายในเรือนเพาะชำไม่มีใครปริปากหรือพูดอะไรเลย มีแค่เพียงสายตาของหัวหน้าหลุยส์ที่จ้องมองมาที่ไค ในแววตานั้นส่อแววกล่าวหาว่าไค คือ คนร้ายในคดีนี้แน่นอน นี่สรุปแล้วว่าเค้าคือคนผิดงั้นหรือ ไคแอบคิดภายในใจ
เสียงผู้คนที่อยู่บริเวณรอบรอบที่เกิดเหตุดังอื้ออึงขึ้นมาอีกครั้ง จนเรียกร้องทุกสายตาให้จับจ้องมองไปในจุดที่ทำให้เกิดต้นเสียงอื้ออึงนั้น ไคเองก็หันไปมองในทิศทางเดียวกันกับคนอื่นเช่นกัน ภาพที่เค้าได้เห็น นั่นก็คือ หญิงสาวคนหนึ่งที่ตัวเค้ารู้จักกับเธอดี เธอก็คือแม่สาวน้อยฮันนี่สาวน้อยผู้ที่จะมาเป็นพี่เลี้ยงให้กับเค้าทั้งสองคน หล่อนเดินแหวกผู้คนที่ยืนมุงดูอยู่รอบรอบเรือนเพาะชำออกมาและ ไคสังเกตเห็นมีผู้ชายคนหนึ่งดูมีอายุมากซักหน่อยเดินตามหลังของหล่อนมาติดติด ชายคนดังกล่าวเค้าไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ไคสังเกตดูจากสีหน้าของหัวหน้าหลุยส์เมื่อได้เห็นชายคนดังกล่าวที่เดินเข้ามานั่น อาการของหัวหน้าหลุยส์มีปฏิกริยาตอบโต้ทันที สีหน้าและท่าทางที่หัวหน้าหลุยส์มองชายคนดังกล่าว เหมือนกับว่าเค้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักที่เห็นชายคนนั้น
“ตัวปัญหาโผล่มาจนได้”เสียงบ่นพรึมพรำเบาเบาของหัวหน้าหลุยส์ แต่ไคได้ยินชัดเจน
ทันทีที่คนทั้งคู่เดินมาถึงสาวน้อยฮันนี่ก็ตรงดิ่งมาหาไคและโจเซฟทันที โดยไม่สนใจคนอื่นอื่น ที่ยืนอยู่ตรงนั้นเลย
“ไค เป็นอะไรบ้างรึเปล่า ขอโทษทีนะที่มาช้า ฉันนี่เป็นพี่เลี้ยงที่แย่จริงจริง น่าจะทำโทษตัวเองนัก”หญิงสาวฮันนี่เอ่ยขึ้นพร้อมกับทำท่าเขกหัวตัวเองเบาเบา
“ไม่เป็นไรครับคุณฮันนี่ผมไม่เป็นอะไร โจเซฟก็ปลอดภัยดีครับ ขอบคุณที่เป็นห่วง”ไคตอบหญิงสาวฮันนี่ไปด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร ปล่อยให้จัมพ์ยืนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ไคมาทางนี้ ตามฉันมาดูสิบาดเจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่าเดี๋ยวฉันทำแผลให้”ฮันนี่กล่าว
หลังจากที่ฮันนี่พูดจบเธอก็พาไคและโจเซฟ ไปนั่งตรงบริเวณม้านั่งหินอ่อน ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่เดิมที่เค้าอยู่มากนัก ซึ่งตรงบริเวณนั้นค่อนข้างสว่างกว่า ที่ไคอยู่ทีแรกเพราะมีแสงจากสปอร์ตไลท์ที่เจ้าหน้าที่ของหน่วย ติดตั้งเอาไว้ทำให้บริเวณนี้สว่างกว่าที่อื่น
“คุณฮันนี่ครับ คนที่มากับคุณฮันนี่เป็นใครหรือครับ”ไคถาม พร้อมกับมองไปในทิศทางที่ชายคนดังกล่าวยืนอยู่ ไคเห็นชายคนนั้นยืนคุยอยู่กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างไม่เกรงกลัว หัวหน้าระดับสูงเลย
“ชายคนนั้นนะเหรอ ลุงเคน ยังไงล่ะ คนนี้แหล่ะคนที่ฉันเคยเล่าให้ฟังยังไงล่ะ”ฮันนี่กล่าว
ไคนั่งมองดูลุงเคนจากระยะนี้ เค้าเห็นใบหน้าของลุงเคนได้อย่างชัดเจน ลุงเคนเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ดูน่าเกรงขาม มีผมสีขาวไม่ยาวมาก มีหนวดและเคราสีขาวเช่นกัน เดาอายุไม่ออก สวมเสื้อกล้ามสีดำมีรอยสักหลากสียาวเป็นรูปสิ่งมีชีวิตอะไรซักอย่างอยู่ที่แขนทั้งสองข้างรอยสักนั้นยาวไปจนถึงหลังมือเลยทีเดียว
“ไค ลุงเคนคือใครเหรอทำไมข้าไม่เห็นรู้จัก”จัมพ์กระซิบเบาเบาข้างหูไค
“ลุงเคน ก็คือคนที่ดูแลตึกA แห่งนี้ยังไงล่ะ”ไคตอบ
“คนดูแลงั้นรึ ข้าว่าดูสภาพเหมือนพวกแกงค์ เสื้อหนังสีดำ ขี่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ใหญ่ซะมากกว่านะ”จัมพ์กล่าวเบาเบา แต่เหมือนกับว่าลุงเคนที่ พวกเค้ากำลังพูดถึงอยู่นั้นจะได้ยินสิ่งที่จัมพ์พูด เค้าเหลือบตามามองทางจัมพ์ที่ยืนอยู่ข้างข้างไคเล็กน้อย
“ไอ้เจ้าบ้าแปปซี เมื่อไหร่นายจะไปใส่เสื้อผ้าให้มันเรียบร้อยซะทีนะ เห็นแล้วฉันละอายใจแทน นายจริงจริง”เสียงของฮันนี่หันไปโวยวายใส่แปปซีที่ยืนล่อนจ้อนอยู่
“จะมาโวยวายใส่ข้าทำไมกันเนี๊ยะ ใช่ว่าหล่อนจะไม่เคยเห็นข้าเปลือยกายซะหน่อยทำเป็นตื่นเต้นไปได้ เชอะ”แปปซีกล่าว
“ฉันก็รู้หรอกนะว่านายมันคือ ชีเปลือย เพียงแต่ฉันอายแทน”ฮันนี่กล่าว
“อ้ายแทนข้าเรื่องอะไร ข้าเป็นคนล่อนจ้อนข้ายังไม่อายเลย ฮ่า ฮ่า”แปปซียืนขึ้นพร้อมกับทุบที่หน้าอกของตัวเองเบาเบาอย่างภาคภูมิใจ
“ก็อายที่….. …. “ฮันนี่หยุดพูดพร้อมกับเหลือบตาไปมองอะไรบางอย่างที่อยู่ใต้สะดือของแปปซี พร้อมกับทำท่าทางแบบเหยียดหยามเล็กน้อย ทำให้ไคและจัมพ์ต้องหันไปมองตามสายตาของเธอ
“อายที่เห็นความเป็นยอดชายของข้าละสิ ใช่มั้ย ฮ่า ฮ่า”แปปซียังคงโอ้อวดความเป็นตัวของตัวเองอยู่
“ความเป็นยอดชายอย่างนั้นเหรอ ที่ฉันเห็นอยู่นี่มันช้างน้อยชินจังชัดชัดถ้าเป็นพญาช้างก็ว่าไปอย่าง”ฮันนี่กล่าวพร้อมกับทำหน้าเบือนหนีแบบดูถูกแปปซีเอามากมาก ทำเอาไคและจัมพ์อดหัวเราะออกมาไม่ได้จริงจริง แต่ก็ไม่น่าเชื่อด้วยคำพูดของเธอทำให้แปปซีเริ่มหน้าแดงและมีอาการเขินอายอย่างเห็นได้ชัด เจ้าหน้าที่วากัซซึ่งอยู่ไม่ห่างมากนัก จึงโยนผ้าห่มผืนสีน้ำเงินคล้ายผ้าแพรขนาดไม่ใหญ่มาก ให้กับแปปซีเอาคลุมตัวเอาไว้ หลังจากนั้นฮันนี่ก็เริ่มทำความสะอาดและตรวจสอบหาบาดแผลต่างต่าง ทั้งของไคและโจเซฟ
อีกด้านหนึ่งที่มีคนที่ชื่อว่าลุงเคน กับหัวหน้าหลุยส์และเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่าง โตโต้และวากัซ ยืนคุยกันอยู่นั้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่วากัซเล่าเรื่องราวต่างต่างเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นแบบคร่าวคร่าวให้ลุงเคนฟังแล้ว
“ข้าพเจ้าว่าเหตุการณ์ดังกล่าวฟังดูคุ้นคุ้นหูอยู่นะ เรื่องสัตว์ประหลาดที่ว่าน่ะ แปลก แปลกจริงจริง หึ หึ”เสียงของลุงเคนพูดเบาเบาและเรียบเรียบ พร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอยู่ในลำคอ
“มันจะแปลกยังไงท่านเคน ท่านก็เห็นอยู่แล้วดูยังไงก็เป็นฝีมือของเจ้าสัตว์หน้าขนที่อยู่ในการดูแลของท่านนะ”หัวหน้าหลุยส์กล่าว
“การดูแลของข้าพเจ้ายังงั้นรึท่านหลุยส์”ลุงเคนกล่าว พร้อมกับเหลือบมองไปทางโจเซฟครู่หนึ่ง
“ก็ใช่นะสิท่าน เด็กพวกนี้เป็นเด็กฝึกที่อยู่ที่อาคารAที่ท่านคอยดูแลอยู่ยังไงล่ะ”หัวหน้าหลุยส์กล่าว
“จริงรึท่าน อ่อ อืมม ใช่ก็ได้ แล้วยังไงต่อละท่านหลุยส์”ลุงเคนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ยังไงต่อนะรึ ท่านพูดมาได้ยังไงท่านก็ทำโทษพวกมันสิ ที่มาก่อเรื่องในเขตพื้นที่ของท่านมันเป็นเขตรับผิดชอบของท่านนะอย่าลืมสิ”หัวหน้าหลุยส์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“ทำโทษรึข้อหาอะไรล่ะท่านหลุยส์”ลุงเคน
“ก็ข้อหาทำลายทรัพย์สินในยามวิกาล บุกรุก หรือมีสัตว์เลี้ยงที่มีอันตรายไว้ในครอบครองหรืออะไรก็ได้แล้วแต่ท่านเถอะ”หัวหน้าหลุยส์กล่าว
“ทำลายทรัพย์สินอย่างนั้นรึ แต่ที่ข้าพเจ้าเห็นและได้รับฟังมาเด็กพวกนี้ตกเป็นเหยื่อ ถ้าข้อหาบุกรุกละก็นะ โฮะ โฮะ เห็นทีจะไม่ใช่ล่ะท่านเพราะว่าเรือนเพาะชำของตึกAนี่ใครก็สามารถเข้ามาได้ตลอดเวลา ส่วนข้อหาสัตว์เลี้ยงอันตราย อันนี้ข้าพเจ้าก็ยังไม่เห็นว่าจะมีสัตว์อันตรายอยู่ตรงไหนเห็นก็แค่เพียง ลูกสุนัขตัวน้อยน่ารักเพียงตัวเดียว ส่วนข้อหาอะไรก็ได้นี่ ข้าพเจ้าเองก็ยังนึกไม่ออกเลยท่านหลุยส์”ลุงเคนกล่าวพร้อมกับยิ้มกว้างให้หัวหน้าหลุยส์ ทำเอาหัวหน้าหลุยส์หัวเสียเอามากมากที่ได้ยินคำตอบ
“ก็ที่เรือนเพาะชำมันพังพินาศขนาดนี้มันก็เพราะฝีมือของเจ้าสุนัขตัวนั้นยังไงล่ะ ท่านเคนคงยังไม่รู้สินะว่าเจ้าลูกสุนัขแสนน่ารักของคุณมันร้ายกาจขนาดไหน ขนาดเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเราสองคนก็ถูกเจ้าสัตว์ทำร้ายจนเกือบย่ำแย่ สัตว์ที่ควบคุมดูแลไม่ได้อย่างนี้ขืนปล่อยทิ้งเอาไว้ก็จะเป็นภัยกับคนอื่น ควรกำจัดให้กลายเป็นผลึกแดงไปซะยังมีประโยชน์เสียกว่า”หัวหน้าหลุยส์พูดออกมาด้วยอารมณ์ฉุนขาด ทำให้ไคและจัมพ์ที่ได้ยิน รู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของชายร่างท้วมคนนี้เอามากมาก
“สัตว์เลี้ยงที่มีพลังพิเศษ ท่านหลุยส์ท่านไม่คิดว่ามันเป็นโชคชะตาที่แสนจะพิเศษหรอกรึ ไม่แน่ว่าเจ้าลูกสุนัขตัวนี้อาจจะเป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกและอาจจะมีเพียงตัวเดียวในโลกเสียด้วย หากมองถึงการพัฒนาการของสายพลังพิเศษของผลึก นี่อาจจจะเป็นสิ่งที่พระเจ้ากำหนดไว้ก็ได้ และอีกเรื่องก็คือในสิ่งที่ท่านกล่าวหาว่าสัตว์เลี้ยงของพ่อหนุ่มคนนั้นเป็นตัวการในการทำลายเรือนเพาะชำแห่งนี้ แล้วแรงจูงใจให้เด็กหนุ่มกับสัตว์เลี้ยงของเค้าทำล่ะมีมั้ย การที่คนเราต้องการจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งย่อมต้องมีแรงจูงใจเพื่อชักนำให้กระทำสิ่งใดสิ่งนั้น เห็นด้วยมั้ย โตโต้”ลุงเคนกล่าวพร้อมกับมองหน้าเจ้าหน้าที่โตโต้เพื่อรอฟังคำตอบ
“ครับ แรงจูงใจในการกระทำครั้งนี้ไม่ว่าเรื่องของสัตว์ร้ายหรือแม้แต่เรื่องของเจ้าหน้าที่กิมเองถ้าหากทั้งสามคนจะโกหก แต่ก็คงจะไม่มีเหตุผมอะไรที่จะต้องทำแบบนั้น”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าว
“แรงจูงใจบ้าบออะไรกันอีกล่ะ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามเจ้าสัตว์หน้าขนที่เป็นตัวอันตรายก็ไม่สมควรจะอยู่ที่นี่ หรือไม่ก็กำจัดมันทิ้งไปซะ”หัวหน้าหลุยส์กล่าวอย่างฉุนเฉียว
“ผมว่าคุณใช่อารมณ์ส่วนตัวในการตัดสินปัญหาอยู่นะ หัวหน้าหลุยส์”ลุงเคนกล่าวด้วยเสียงราบเรียบอีกครั้ง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ