RED STONE WAR
9.0
เขียนโดย nemon
วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.
86 ตอน
9 วิจารณ์
74.30K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ชะตาชีวิตลิขิตการกระทำ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความภาคที่หนึ่ง
จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ
เสียงนกกระจอกหยอกล้อกันดังมาแต่ไกล คล้ายจะก่อกวนหรือจะเตือนอะไรซักอย่าง เสียงของสายลมพัดผ่านระเบียงรวมกับเสียงผ้าม่านสีฟ้าสบัดไปมาดัง พรึ่บพับ พรึ่บพับ นกกระจอกตัวน้อยขนสีน้ำตาลอ่อน ดวงตาสีขมิ้น บินลงมาเกาะตรงขอบระเบียงมองผ่านทะลุเข้ามาภายในห้องชั้นที่สามของตึก นกน้อยจ้องมองผ่านทะลุผ้าม่านเข้าไป เห็นร่างของมนุษย์คนหนึ่งนอนนิ่งอยู่บนที่นอนอย่างสงบ สายลมพัดโชยมาพัดผ่านใบหน้าของเขา ผมดำยาวมันเงาเคลื่อนที่ผ่านแก้มของเขาไปมาอย่างนุ่มนวล ทันใดนั้นเด็กหนุ่มก็ลืมตาเบิกกว้างขึ้น นอนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งไม่ขยับตัว ลูกตาทั้งสองข้างกลอกกลิ้งไปมาเพื่อสำรวจบริเวณรอบรอบห้อง ในหูของเขาได้ยินเสียงนกกระจอก ร้องทักทายกัน ได้ยินเสียงรถวิ่งแล่นอยู่บนถนนภายนอกระเบียงห้อง เสียงเพลงหมอลำดังมาแต่ไกลจากชั้นล่าง เขาจ้องมองกลับมาที่เพดานด้านหน้าของตน แล้วนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
แล้วทันใดนั้นเขาใช้มือทั้งสองข้างยันตัวเองกับที่นอนลุกขึ้นมานั่งนิ่งบนเตียง แล้วหันหน้าไปทางซ้ายมีกระเงาทำจากไม้สักทาด้วยสีขาวบานใหญ่ เขามองเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งผิวขาว ผมดำมันยาวสลวย คิ้วหนา จมูกเรียวยาว ริมฝีปากบางสีชมพู มีดวงตาสีน้ำตาลเข้ม อายุน่าจะราวราวยี่สิบต้นต้น ไม่น่าจะเกินยี่สิบห้าปี นั่งจ้องมองมาทางทิศทางเดียวกับที่เขานั่งอยู่บนเตียง สภาพการแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินมีฮูดอยู่ด้านหลัง สวมใส่กางเกงสามส่วนลายทหาร
นั่นตัวเรารึเด็กหนุ่มนึกขึ้นในใจพร้อมกับจ้องมองกระจกเงาที่อยู่เบื้องหน้าของตนอย่างสงสัย แล้วเราเป็นใครแล้วมาทำอะไรที่นี่ เขายืนขึ้นบนเตียงนอนจ้องมองกระจกเงาที่อยู่เบื้องหน้าตนเพื่อสำรวจตัวเองให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เขาคิดวิเคราะห์ดูเขาน่าจะสูงประมานร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร เห็นจะได้ น่าจะหนักไม่เกินหกสิบกิโล แต่เขากลับนึกชื่อของตัวเองไม่ออก เขาเริ่มสับสนกับตัวเองเป็นอย่างมาก
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เด็กหนุ่มหันมองไปดูที่หน้าประตูห้องของตนเองอย่างนิ่งเงียบ ด้วยความสงสัยใครกันนะมาเคาะหน้าประตูห้องแล้วเสียงที่อยู่ภายหลังประตูบานนั้นก็ดังขึ้นอีก คราวนี้เสียงดังหนักกว่าเดิม
“ตึง ตึง ตึง” เสียงเคาะประตูนั้นดูหนักขึ้นมาอีกครั้ง
“ เออ นั่นใครเหรอครับ” เสียงเด็กหนุ่มตะโกนออกจากภายในห้องเพื่อสอบถามคนที่อยู่หลังประตูบานนั้น แต่ ไม่มีเสียงใดใดตอบกลับมาเลย เด็กหนุ่มนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งนิ่งคิดอยู่ภายในใจว่าเสียงใครนะมาเคาะประตูห้องหรือจะเป็นคนรู้จักเราก็เป็นไปได้ เด็กหนุ่มได้โดดลงจากที่นอนเดินไปที่หน้าประตูห้องเพื่อจะเปิดออก ทันทีที่เด็กหนุ่มเปิดประตู เขากลับมองเห็นคนคนหนึ่งที่เขาไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย เบื้องหน้าชายหนุ่มคือ หญิงสาว รูปร่างหน้าตาน่ารักเลยทีเดียว เธอตัวสูงไม่มากนักน่าจะประมาณร้อยหกสิบห้าไม่เกินร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร รูปร่างผอม ผมดำยาวเป็นลอนแบบดัดมา ผิวสีน้ำผึ้ง สวมแว่นตาสีดำสนิทหญิงสาวสวมชุดหนังสีดำมันเงาทั้งตัวร้องเท้าสวมรองเท้าบูทสีดำเงามันวับพื้นรองเท้าหนาประมาณสองเซนติเมตรเห็นจะได้ คงช่วยให้เธอดูสูงขึ้น ยืนจ้องมองเขาเขม็ง หญิงสาวคนนั้นถือโอกาสตอนที่เขายืนงงอยู่เดินเข้ามามองภายในห้อง เธอมองสังเกตุดูจนทั่วทั่วห้องแล้วจึงหันมองชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้ามองตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนกับว่าเธอกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง เธอจ้องมองมองใบหน้าของชายหนุ่มแล้วนิ่งไปครู่หนึ่งเธอจึงเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเรียบ
“เจ้านายแกอยู่ไหน” เสียงหญิงสาวพูดกับชายหนุ่ม
ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปอยู่ครู่หนึ่งกับคำถามของหญิงสาว ใครกันเจ้านายเรา เรามีเจ้านายด้วยเหรอเธอคงรู้จักเราสินะชายหนุ่มยืนคิดภายในใจ
“นี่ ฉันถามนายไม่ได้ยินเหรอ นายแกอยู่ที่ไหนหูหนวกเหรอแกนะ “เสียงของหญิงสาวเริ่มเสียงดังขึ้น
“เออ คือ คุณครับ เรารู้จักกันด้วยหรือครับ” ชายหนุ่มถาม
“เราไม่จำเป็นต้องรู้จักกันหรอก ฉันต้องการคุยกับเจ้านายแก เจ้านายแกไปไหนแล้วล่ะ” หญิงสาวตอบ
“คือ ผมไม่มีเจ้านายหรอกครับ ผมไม่แน่ใจ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมชื่ออะไร แล้วคุณเป็นใครมาที่นี้ได้ยังไงแล้วรู้จักผมได้ยังไง”
หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ชายหนุ่มอีกนิด ยืนจ้องมองเขาด้วยความสงสัยเอามือซ้ายกอดอกไว้แล้วมือขวาจับที่ริมฝีปากของเธอ เหมือนกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่าง
“นายชื่ออะไรนะ” หญิงสาวถามอีกครั้ง
ชายหนุ่มนิ่งคิดภายในใจ“เอ๊ะ ผู้หญิงคนนี้ยังไงกันนะก็เราบอกไปแล้วว่าไม่รู้จำอะไรไม่ได้สงสัยที่พูดไปหล่อนไม่ได้สนใจอะไรเลย”แต่ชายหนุ่มก็เพียงแค่คิดภายในใจเท่านั้นและเขาก็ตอบหญิงสาวคนนั้นด้วยน้ำเสียงเรียบเรียบ
“ผมไม่รู้ว่าผมชื่ออะไรและผมเป็นใครมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงผมตื่นขึ้นมาก็มาเจอคุณนี้แหล่ะเป็นคนแรก” ชายหนุ่มตอบ
“อืมม ยังงั้นเองหรอกรึ” หญิงสาวก้าวเท้าเข้ามาจนจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างใกล้ชิดจนใบหน้าแทบจะชนกัน ชายหนุ่มเองตกใจถอยหลังไปจนติดฝาผนังห้อง สายตาของหญิงสาวที่มองผ่านทะลุแว่นตาสีดำสนิท มองชายหนุ่มแทบจะทะลุปรุโปร่ง
“โดนลบความทรงจำล่ะสิ” หญิงสาวเอ่ยขึ้น เอาล่ะงั้นก็เปล่าประโยชน์ สอบถามอะไรนายไปก็คงจะไม่ได้อะไร นายอยู่ที่นี้คนเดียวรึ หญิงสาวพูดกับชายหนุ่ม แต่ทว่าชายหนุ่มกับไม่ตอบแต่ทำท่าทางเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ ในตอนนั้นเองชายหนุ่มกำลังคิดถึงสิ่งที่หญิงสาวพูดเรื่องการโดนลบความทรงจำของเขา ว่ามันคืออะไรเรื่องจริงรึเปล่า หรือหญิงสาวคนนี้สติไม่ดีมาหลอกลวงรึเปล่า แต่ตัวเขาเองก็จำอะไรไม่ได้จริงจริงอย่างที่หญิงสาวว่า ในความคิดของเขานั้น เริ่มสับสน งง งวย กับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้อย่างมาก
“นาย นาย ไม่ได้ยินที่เราถามรึไง” เสียงตะหวาดที่ดังขึ้นของหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มได้สติกลับมาจากความคิดของตน
“อะไรนะครับ เมื่อกี้คุณถามผมว่าอะไรนะครับ” ชายหนุ่มตอบ
“โอ้ย นายหูตึงรึไงนะเวลาคนอื่นพูดด้วยหัดสนใจฟังบ้างสิ เราถามว่า นายอยู่ที่นี่คนเดียวรึไง” หญิงสาวถามชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความฉุนเฉียว
“อ่อ ครับ อยู่คนเดียวมั้งครับ” ชายหนุ่มตอบ
“ทำไมมีมั้งด้วยล่ะ สรุปว่าอยู่คนเดียวหรือไม่รู้ว่าอยู่คนเดียวรึเปล่าเอาไงแน่” หญิงสาวพูดกับชายหนุ่ม
“ครับ คงงั้นมั้งครับ คือผมก็ไม่รู้เหมือนกัน คือผมเองก็จำอะไรไม่ได้ครับผมสับสนไปหมด คือ ผมไม่รู้ โอ้ยนี้ผมเป็นอะไรเนี๊ยะ” ชายหนุ่มตะโกนออกมาด้วยความสับสน พลางเอามือทั้งสองข้างรวบผมอันยาวสลวยสีดำของเขารวบผมไปกระจุกรวมกันบนหัวเดินถอยหลังไปพิงกับฝาผนังห้องอย่างตะหนก
“ใจเย็นนะนาย” หญิงสาวพูด ไม่เป็นไรนะถ้านายจำอะไรไม่ได้ไม่เป็นไรมันไม่ใช่ความผิดของนาย คนระดับเค้าแล้วถ้าทำแบบนี้กับนายได้ก็คงไม่แปลกหรอก
“ใครกันหรือครับแล้วเค้าที่ว่านี้เป็นใครกันแล้วทำอะไรกับผม” ชายหนุ่มเรียกสติกลับมาได้จึงถามหญิงสาวต่อ
“แล้วคุณเป็นใครแล้วมาหาใครที่นี่หรือครับ” คุณไม่รู้จักผมเหรอ
“ใจเย็นเย็นนาย เราจะตอบทีละคำถามละกัน” หญิงสาวตอบ
คือ เรามาตามหาคนคนนึงซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นใครหน้าตายังไง เรารู้แค่ว่าเราต้องการจะตามหาตัวเค้า เพื่อพิสูจน์ว่าเค้ามีตัวตนจริงจริง คนคนนั้นมีความสามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้เลยเชียวล่ะคนแบบเดียวกับเราต่างก็ตามหาเค้า
“คนแบบเดียวกับคุณ คือ อะไรคนแบบไหนเหรอ” ชายหนุ่มถาม
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ นายไม่ต้องรู้หรอกรู้แค่ว่าเรามาตามหาคนก็พอ แต่ที่แน่แน่ คนคนนั้นไม่ใช่นายแน่นอนเพราะนายเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ไม่ใช่แบบเดียวกับเรา สรุปก็คือนายคงโดนลบความทรงจำก่อนที่เราจะมาถึงที่นี่ ร้ายกาจ จริงจริง สมเป็นคิงจริงจริง หาตัวยากเหลือเกิน แต่คงไม่เกินความสามารถเราไปได้หรอกนะคิดจะดูถูกกันเกินไป เชอะ” หญิงสาวแสดงใบหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อพูดถึงชายคนดังกล่าว
“คนที่คุณตามหาชื่อ คิงเหรอครับ” ชายหนุ่มถาม
“เปล่าหรอก เป็นฉายาของเขานะ ชื่อจริงจริงของเขาไม่มีใครรู้หรอก รู้เพียงแต่ว่าเค้าอาจเป็นราชาในหมู่พวกเราไงล่ะ” หญิงสาวตอบ
“ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณก็ไม่รู้จักผมซินะ แล้วผมเป็นใคร” ชายหนุ่มพูด
“นายอาจเป็นคนรับใช้ของเค้าก็เป็นได้นะ แต่ดูจากข้าวของภายในห้องแล้วไม่น่าจะใช่ นายอาจจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเค้าเลยก็เป็นได้ ของใช้ส่วนใหญ่ในห้องนี้ดูธรรมดาเกินไปสำหรับคนอย่างเค้า เพราะคนระดับที่เปลี่ยนแปลงโลกได้ไม่น่าจะมีชีวิตที่แสนจะธรรมดาแบบนี้ได้ และอีกอย่างถ้านายรู้จักกับคิงจริงจริงแล้วนายก็น่าจะมีความสามารถหรือรอยอักขระบ้างแต่นายก็ไม่มีอะไรเลยนายเป็นแค่คนธรรมดาเอง เอาเป็นว่านายไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคิง ถ้างั้นเราไปล่ะขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะ” พอหญิงสาวพูดจบก็หันหลังให้ชายหนุ่มและกำลังจะเดินออกนอกห้องไป
“เดี๋ยวก่อนครับแล้วคุณชื่ออะไรครับ” ชายหนุ่มถาม
“เราชื่อ เรนโบว์ ไปล่ะถ้าโชคดีเราอาจได้พบกันอีกเราไปล่ะ” หญิงสาวตอบ พลางเอื้อมมือจับลูกบิดประตูปล่อยให้ชายหนุ่มยืนสับสนอยู่ ทันใดนั้นเองมีเสียงระเบิดดังขึ้นจากชั้นล่างของตึกที่ทั้งสองยืนคุยกันอยู่
-ตูมมม- เสียงดังคล้ายเสียงระเบิดดังมาจากด้านล่างของตึก
“นั้นเสียงอะไรนะ” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นถามหญิสาว
“ไม่รู้สิ แต่อย่าให้เป็นอย่างที่เราคิดเลย” เรนโบว์ตอบ เธอจึงรีบเปิดประตูออกไปดูอย่างรวดเร็ว เธอมองเห็นกลุ่มควันลอยฟุ้งมาจากด้านล่างของตึก เธอจึงรีบปิดประตูแล้ววิ่งผ่านตัวชายหนุ่มไปที่ระเบียง มองลงไปด้านล่าง แล้วหันมามองชายหนุ่ม
“ใช้อย่างที่เราคิดจริงจริงพวกมันตามมากันแล้ว” หญิงสาวกล่าว
“ใครกันหรือครับพวกไหน ใครตามคุณมา” ชายหนุ่มพูด
“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้รีบหนีก่อนเถอะ ไปเร็วมีทางออกทางอื่นอีกมั้ยในตึกนี้” เรนโบว์ถามชายหนุ่ม
“ไม่รู้สิครับผมจำอะไรไม่ได้” ชายหนุ่มตอบ
“งั้นตามเรามา” หญิงสาวกล่าว พลางเอื้อมมือจับขอบระเบียงปีนออกไปด้านนอกแล้วหันมาทางชายหนุ่ม
“เร็วสิ มัวยืนงงอะไรอยู่อีกล่ะ อยากโดนจับรึไง” หญิงสาวกล่าว
“ทำไมผมต้องหนีด้วยผมไม่ได้ทำอะไรผิดนิ” ชายหนุ่มพูด
“งั้นก็ตามใจนายนะแต่เราไปละ แต่บอกไว้ก่อนนะถ้าพวกมันจับนายได้พวกนั้นคงจะคุมตัวนายไว้เพื่อสอบถามหาตัวคิงหรือไม่ก็สอบปากคำนายถามถึงตัวฉันแน่แน่ และยิ่งนายโดนลบความทรงจำแบบนี้พวกนั้นคงจะต้องทดลองอะไรกับตัวนายแน่นอน ไม่อยากจะคิดว่าจะโดนอะไรบ้าง อาจจะถูกทรมานก่อนก็ได้นะ อยากอยู่ก็เชิญตามสบาย เราไปก่อนละ โชคดีนะ” หญิงสาวกล่าว
“พวกนั้นเป็นตำรวจเหรอครับ” ชายหนุ่มถามกลับ
“ไม่ใช่หรอก คนของรัฐบาลนะ โอ้ย อย่าถามอะไรมากได้มั้ยเนี๊ยะเดี๋ยวค่อยถามตอนนี้ต้องหนีก่อน จะมาหรือไม่มาก็ตามใจนายละกันแต่ถ้ามาก็อยู่เงียบเงียบ อย่าถามอะไรอีก เดี๋ยวเราค่อยเล่าให้ฟังทีหลังตอนนี้หนีก่อนเถอะ” พอเธอพูดจบก็ปีนออกไปทางระเบียงของห้องทันที ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็รีบปีนตามเธอออกไป พอออกมาอยู่ด้านนอกตรงขอบระเบียงมองลงไปด้านล่าง มองเห็นชายใส่สูทสีดำยืนอยู่ข้างรถตู้สีดำสนิท ทั้งสามคนมองขึ้นมาด้านบน ตรงที่ทั้งสองคนยืนอยู่ เรนโบว์ ปีนขอบระเบียงนำหน้าชายหนุ่มไปอย่างคล่องแคล่วจนไปถึงขอบมุมตึกมือข้างหนึ่งเธอจับท่อระบายน้ำเหล็กขนาดพอดีมือไว้เตรียมที่จะกระโดดข้ามไปที่หลังคาบ้านข้างข้าง ทันใดนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นมาสามนัดซ้อน
--ปัง- ปัง- ปัง---
ชายหนุ่มหันลงไปมองที่มาของเสียงปืนนั้นทันที กระสุนเฉียดใบหน้าของเขาไปเพียงนิดเดียว กระสุนลอยไปถูกท่อระบายน้ำที่เรนโบว์จับไว้พอดี ทำให้เธอหลุดออกจากตัวตึก ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือคว้าแขนของเธอไว้ได้ทันก่อนเธอตกลงไป แรงกระแทกตัวเธอตอนชนกับตัวตึกทำให้แว่นตาที่เธอสวมไว้ หลุดออกทำให้ชายหนุ่มมองเห็นใบหน้าเธออย่างชัดเจน ดวงตากลมโตสีดำสนิท กับขนตายาวงอนของเธอดูน่าตาน่ารักเลยทีเดียว ภายใต้ดวงตาของเธอตรงขอบตาล่าง ชายหนุ่มมองเห็นลอยสักหรือรอยอักระ บางอย่างที่ใต้ขอบตาของเธอชายหนุ่มจ้องมองอย่างสงสัย
“จะจ้องอีกนานมั้ยเนี๊ยะรีบเหวี่ยงฉันไปที่หลังคาบ้านข้างข้างนั่นที” เรนโบว์บอก
“อ่อ ครับ” ชายหนุ่มตอบ พลางรวบรวมกำลังทั้งหมดเหวี่ยงตัวเรนโบว์ไปที่หลังคาด้านข้างตึกทันที ตัวเรนโบว์ปลิวลอยไปตกบนหลังคาด้านข้างตึก เธอจึงหันมาบอกชายหนุ่มให้ตามมา ชายหนุ่มจึงกระโดดตามไป ทั้งสองคนจึงปีนลงทางข้างหลังบ้านลงไปตรงกองขยะพอดี เสียงรถตำรวจดังมาแต่ไกล เธอจึงบอกชายหนุ่มให้รีบไปต่อแล้วจึงจับมือชายหนุ่มวิ่งไปตามริมคลองทางด้านหลังของตึก
“เราจะไปไหนกันหรือครับ” ชายหนุ่มถาม
“หยุดถามซะทีเถอะแล้วตามมาเร็วเร็ว” เรนโบว์พูด
“แล้วฉันจะเรียกนายว่าอะไรดีล่ะ ถ้านายไม่รู้ว่านายเป็นใครงั้นเราเรียกนายว่า ไค ละกัน ดีมั้ย ดีไม่ดีไม่รู้ล่ะเอาเป็นว่าเราชอบชื่อนี้ชื่อไคนี่ล่ะ ไปต่อกันได้ละ” พอพูดจบเรนโบว์ก็เดินนำชายหนุ่มไปอย่างรวดเดร็ว
ไค เหรอก็ดีนะชื่อเทห์ดี ชายหนุ่มคิดภายในใจแล้วรีบเดินตามเรนโบว์ไป
เสียงรถตำรวจไล่ตามหลังทั้งสองคนมาติดติด ทั้งสองคนมองเห็นสะพานข้ามคลองอยู่ตรงด้านหน้า
เราไปหลบตรงใต้สะพานนั่นก่อนละกัน เรนโบว์พูด
“อ๋อ ครับ” ไคตอบ
เรนโบว์เข้าไปหลบอยู่ด้านในใต้สะพาน ส่วนตัวไคนั่งหลบอยู่ด้านนอกสะพานเล็กน้อยเธอจึงเรียกเขาเข้ามานั่งใกล้ใกล้ ไคได้นั่งติดกับเรนโบว์เขาจึงได้เห็นใบหน้าของเรนโบว์อย่างชัดเจนและได้แอบมองใบหน้าเธอและรอยอักขระที่ใต้ตาเธออย่างเป็นระยะ
“รอยสักที่ใต้ขอบตาคุณมันคืออะไรเหรอ ทำไมดูแปลกจังตอนสักไม่เจ็บเหรอครับ” ไคถาม
“อ๋อ รอยสักนี่นะเหรอมันเป็นรอยสักพิเศษนะมันมีพลังที่พระเจ้าประทานมาให้ฉันล่ะ” เรนโบว์ตอบ
“จริงดิ อำผมเล่นล่ะสิ” ไคพูดต่อ พร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อยเหมือนกับว่าหญิงสาวหยอกล้อตนเล่น
“พลังของฉันมีความสามารถในการอ่านรอยอักขระแบบเดียวกันกับฉันได้ว่ารอยอักขระนั้นมีความสามารถอะไรไงล่ะง่ายง่ายก็คือเวลาฉันเจอคนที่มีรอยสักแบบเดียวกันก็รู้ถึงความสามารถอีกฝ่ายว่าอยู่ในระดับไหนพลังความสามารถของอักขระมีหลายระดับมีตั้งแต่ระดับธรรมดาถึงระดับใกล้เคียงเทพเลยเชียวล่ะ”
“เรื่องจริงเหรอ” ไคถาม
“จริงสิ นายเห็นคนที่ใส่สูทดำที่ยิงปืนขึ้นมาใส่เรามั้ย” เรนโบว์ถาม
“เห็นครับ น่ากลัวจังคนตัวสูงสูงผอมผอมใช่มั้ยครับ “
“ใช่ ใช่ คนนั้นล่ะ ไอ้หมอนั่นมันชื่อ โตโต้ มีความสามารถ ยิงปืนได้อย่างแม่นยำในระยะที่เขามองเห็นได้หรืออีกชื่อคือ ปืนจักพรรดิ ยังไงล่ะ ถ้าถูกหมอนั่นหมายหัวนะไม่รอดแน่แน่ แต่ที่เค้ายิงถูกท่อระบายน้ำน่ะ เขาตั้งใจ เพราะคนพวกนั้นต้องการจับฉันตัวเป็นเป็นไงล่ะ” เรนโบว์กล่าว
“ทำไมคนพวกนั้นต้องจับเธอด้วยล่ะ เธอทำอะไรมาเหรอ” ไคถาม
“คือ เราตามรอยคิงมานานแล้วตามหามาเรื่อยเรื่อย สืบข่าวล่าสุดก็พอรู้ว่าคิงมาที่จังหวัดนี้แหล่ะเรารู้สึกได้ว่าน่าจะอยู่ที่นี่พวกนั้นจะจับเราเพราะว่าความสามารถของเรายังไงล่ะ เพราะความสามารถของเราสามารถตามหาคนที่มีพลังพิเศษของผลึกได้และเพื่อตามหาตัวคิงจะต้องอาศัยพลังของเราไง” เรนโบว์กล่าว
“อ๋อ เธอถึงมาเจอผมที่นี่เพราะคิดว่าคิงคือผมใช่มั้ยครับ” ไคถาม
“แน่นอนเรารู้สึกได้ เราเชื่อในลางสังหรณ์ของเราเสมอเพราะมันไม่เคยพลาดนะแต่ก็นะของอย่างงี้มันก็มีพลาดมั้งละ ฮ่าฮ่า “เรนโบว์กล่าว ในตอนนนั้นไคได้มองหน้าของเรนโบว์ตอนที่เธอหัวเราะพร้อมรอยอมยิ้มเล็กน้อยทำให้เค้ารู้สึกดีกับรอยยิ้มของหล่อนเหลือเกิน
“จริงสิ คนที่ตามล่าเรนโบว์เป็นคนของรัฐบาลเหรอครับ”
“ใช่ คนพวกนั้นเป็นหน่วยลับพิเศษ หน่วยCTSOเป็นองค์กรที่คอยควบคุมผู้มีพลังอัขระยังไงล่ะ” เรนโบว์ตอบ
“คนที่มีพลังอัขระมีเยอะเหรอครับ”
“เยอะมากเลยล่ะ เยอะจนนายคิดไม่ถึงมีหลายคนมีทั้งที่ลงทะเบียนกับทางรัฐบาลและที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนอีกเยอะมีปะปนกับคนทั่วไปเต็มไปหมดโดยคนทั่วไปแทบดูไม่ออกเลย นอกเสียจากพวกเดียวกันเหมือน ผีเห็นผีไง อิอิ เรนโบว์ เล่าไปพลางหัวเราะไปพลางดูเธอสนุกสนานกับสิ่งที่เธอเป็นเสียเหลือเกิน ไคจ้องมองเธอด้วยความเอ็นดูอย่างประหลาดตัวเค้าเองคิดในใจว่าอยากมีส่วนร่วมกับความปลาบปลื้มที่เธอสนุกกับสิ่งที่เธอเป็นบ้างจังเลย ทั้งที่เมื่อไม่นานมานี้เธอเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดแท้แท้
เสียงรถตำรวจดังเข้ามาใกล้ใกล้ เรนโบว์ เงียบไปครู่หนึ่งเหมือนตั้งใจฟังอะไรบางอย่างเสียงเครื่องยนต์ของรถตำรวจหยุดลงด้านบนสะพานตรงที่ไคและเรนโบว์หลบซ่อนอยู่พอดีแล้วเรนโบว์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดขึ้นว่า” ฉันรู้แล้วล่ะว่าจะทำยังไงให้ความทรงจำนายกลับคืนมา”
“ทำยังไงเหรอ” ไคถาม
“นายเห็นดอกไม้สีม่วงม่วงตรงข้างข้างตัวนายมั้ย”พอพูดจบเธอก็ชี้มือไปทางด้านซ้ายของไคตรงบริเวณที่ไคนั่งอยู่
“ดอกไม้นี่นะเหรอครับ” ไคถาม
“ใช่ดอกไม้นั่นแหละเด็ดมาให้เราหน่อย” เรนโบว์พูด
ไคเอื้อมมือไปเด็ดดอกไม้สีม่วงที่อยู่ใกล้ใกล้ตัวเขา ทันใดนั้นเองเรนโบว์หยิบท่อนไม้ท่อนหนึ่งขึ้นมาแล้วฟาดลงไปที่หัวของไคอย่างเต็มแรง
“” โป๊กก... พอสิ้นเสียงของแข็งกระทบท้ายทอยของไคภาพสุดท้ายที่แสนจะพล่ามัวนั่นก็คือ เรนโบว์ยืนถือท่อนไม้หน้าสามขนาดพอดีมือ โอ้พระเจ้าเธอตีหัวเรา ไคนึกคิดอยู่ภายในใจก่อนที่จะหมดสติไป
เสียงผู้ชายหนุ่มและทุ้ม‘ไอ้หนุ่มนี้เป็นใครรึ ชู้รักรึไง ‘
“ไม่เอาน่าคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันเมื่อกี้นี่เอง” เสียงของเรนโบว์
“เกี่ยวข้องอะไรกับคิงรึเปล่า” เสียงผู้ชาย
“ไม่หรอกน่า เจ้าหมอนี้เป็นแค่คนธรรมดา ไม่มีความสามารถอะไรและไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคิงเลย” เรนโบว์
“โกหกรึเปล่าสาวน้อยฉันรู้จักเธอดี เธอมันยัยตัวแสบตัวแม่เลยทีเดียว” เสียงผู้ชาย
ทันใดนั้นไครู้สึกตัวเหมือนจะได้สติแต่ยังเบลอเบลออยู่ เขามองเห็นภาพเรนโบว์และพูดชายใส่สูทสีดำที่ชื่อว่าโตโต้ยืนคุยกันอยู่แต่เป็นภาพที่เลือนลางเหลือเกิน
“งั้นจัดการกับไอ้หมอนี้ซะ” เสียงของโตโต้สั่งการเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งที่มากับเขาด้วย อย่านะ นายจะฆ่าเค้ารึไงเค้าไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยนะเค้าเป็นแค่ประชาชนธรรมดาที่ความจำเสื่อมเท่านั้นเองเสียงเรนโบว์ตะหวาดออกมาเพื่อห้ามปราม
“ความจำเสื่อมงั้นรึ ก็ดีจัดการซะ” เจ้าหน้าที่โตโต้ออกคำสั่งอีกครั้ง เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่ง พอได้รับคำสั่งก็เดินปรี่เข้าไปหาไคที่นั่งมึนและงง อยู่
“หยุดนะ อย่าทำอะไรเค้านะ” เสียงเรนโบว์ตะโกนออกมา
“ใจเย็นซิ ใครจะไปทำอะไรเค้ากันเล่าแค่จะทำให้สลบลงไปอีกครั้งแค่นั้นเอง” เสียงโตโต้พูด พอพูดจบเจ้าหน้าที่อีกคนที่เจ้าหน้าที่โตโต้สั่งเหมือนจะมีตำแหน่งน้อยกว่าโตโต้ เดินเข้าไปหาไคแล้วจับที่หัวไหล่ของไคเบาเบา จู่จู่ไคก็หลับลงไปอีกครั้ง หลังจากที่ไคหลับลงเจ้าหน้าที่ทั้งสามคนก็พาตัวเรนโบว์ขึ้นรถตู้สีดำออกไปทันที ทิ้งให้ไคนอนแน่นิ่งอยู่ตรงใต้สะพานนั่นเอง
จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ
เสียงนกกระจอกหยอกล้อกันดังมาแต่ไกล คล้ายจะก่อกวนหรือจะเตือนอะไรซักอย่าง เสียงของสายลมพัดผ่านระเบียงรวมกับเสียงผ้าม่านสีฟ้าสบัดไปมาดัง พรึ่บพับ พรึ่บพับ นกกระจอกตัวน้อยขนสีน้ำตาลอ่อน ดวงตาสีขมิ้น บินลงมาเกาะตรงขอบระเบียงมองผ่านทะลุเข้ามาภายในห้องชั้นที่สามของตึก นกน้อยจ้องมองผ่านทะลุผ้าม่านเข้าไป เห็นร่างของมนุษย์คนหนึ่งนอนนิ่งอยู่บนที่นอนอย่างสงบ สายลมพัดโชยมาพัดผ่านใบหน้าของเขา ผมดำยาวมันเงาเคลื่อนที่ผ่านแก้มของเขาไปมาอย่างนุ่มนวล ทันใดนั้นเด็กหนุ่มก็ลืมตาเบิกกว้างขึ้น นอนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งไม่ขยับตัว ลูกตาทั้งสองข้างกลอกกลิ้งไปมาเพื่อสำรวจบริเวณรอบรอบห้อง ในหูของเขาได้ยินเสียงนกกระจอก ร้องทักทายกัน ได้ยินเสียงรถวิ่งแล่นอยู่บนถนนภายนอกระเบียงห้อง เสียงเพลงหมอลำดังมาแต่ไกลจากชั้นล่าง เขาจ้องมองกลับมาที่เพดานด้านหน้าของตน แล้วนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
แล้วทันใดนั้นเขาใช้มือทั้งสองข้างยันตัวเองกับที่นอนลุกขึ้นมานั่งนิ่งบนเตียง แล้วหันหน้าไปทางซ้ายมีกระเงาทำจากไม้สักทาด้วยสีขาวบานใหญ่ เขามองเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งผิวขาว ผมดำมันยาวสลวย คิ้วหนา จมูกเรียวยาว ริมฝีปากบางสีชมพู มีดวงตาสีน้ำตาลเข้ม อายุน่าจะราวราวยี่สิบต้นต้น ไม่น่าจะเกินยี่สิบห้าปี นั่งจ้องมองมาทางทิศทางเดียวกับที่เขานั่งอยู่บนเตียง สภาพการแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินมีฮูดอยู่ด้านหลัง สวมใส่กางเกงสามส่วนลายทหาร
นั่นตัวเรารึเด็กหนุ่มนึกขึ้นในใจพร้อมกับจ้องมองกระจกเงาที่อยู่เบื้องหน้าของตนอย่างสงสัย แล้วเราเป็นใครแล้วมาทำอะไรที่นี่ เขายืนขึ้นบนเตียงนอนจ้องมองกระจกเงาที่อยู่เบื้องหน้าตนเพื่อสำรวจตัวเองให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เขาคิดวิเคราะห์ดูเขาน่าจะสูงประมานร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร เห็นจะได้ น่าจะหนักไม่เกินหกสิบกิโล แต่เขากลับนึกชื่อของตัวเองไม่ออก เขาเริ่มสับสนกับตัวเองเป็นอย่างมาก
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เด็กหนุ่มหันมองไปดูที่หน้าประตูห้องของตนเองอย่างนิ่งเงียบ ด้วยความสงสัยใครกันนะมาเคาะหน้าประตูห้องแล้วเสียงที่อยู่ภายหลังประตูบานนั้นก็ดังขึ้นอีก คราวนี้เสียงดังหนักกว่าเดิม
“ตึง ตึง ตึง” เสียงเคาะประตูนั้นดูหนักขึ้นมาอีกครั้ง
“ เออ นั่นใครเหรอครับ” เสียงเด็กหนุ่มตะโกนออกจากภายในห้องเพื่อสอบถามคนที่อยู่หลังประตูบานนั้น แต่ ไม่มีเสียงใดใดตอบกลับมาเลย เด็กหนุ่มนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งนิ่งคิดอยู่ภายในใจว่าเสียงใครนะมาเคาะประตูห้องหรือจะเป็นคนรู้จักเราก็เป็นไปได้ เด็กหนุ่มได้โดดลงจากที่นอนเดินไปที่หน้าประตูห้องเพื่อจะเปิดออก ทันทีที่เด็กหนุ่มเปิดประตู เขากลับมองเห็นคนคนหนึ่งที่เขาไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย เบื้องหน้าชายหนุ่มคือ หญิงสาว รูปร่างหน้าตาน่ารักเลยทีเดียว เธอตัวสูงไม่มากนักน่าจะประมาณร้อยหกสิบห้าไม่เกินร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร รูปร่างผอม ผมดำยาวเป็นลอนแบบดัดมา ผิวสีน้ำผึ้ง สวมแว่นตาสีดำสนิทหญิงสาวสวมชุดหนังสีดำมันเงาทั้งตัวร้องเท้าสวมรองเท้าบูทสีดำเงามันวับพื้นรองเท้าหนาประมาณสองเซนติเมตรเห็นจะได้ คงช่วยให้เธอดูสูงขึ้น ยืนจ้องมองเขาเขม็ง หญิงสาวคนนั้นถือโอกาสตอนที่เขายืนงงอยู่เดินเข้ามามองภายในห้อง เธอมองสังเกตุดูจนทั่วทั่วห้องแล้วจึงหันมองชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้ามองตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนกับว่าเธอกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง เธอจ้องมองมองใบหน้าของชายหนุ่มแล้วนิ่งไปครู่หนึ่งเธอจึงเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเรียบ
“เจ้านายแกอยู่ไหน” เสียงหญิงสาวพูดกับชายหนุ่ม
ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปอยู่ครู่หนึ่งกับคำถามของหญิงสาว ใครกันเจ้านายเรา เรามีเจ้านายด้วยเหรอเธอคงรู้จักเราสินะชายหนุ่มยืนคิดภายในใจ
“นี่ ฉันถามนายไม่ได้ยินเหรอ นายแกอยู่ที่ไหนหูหนวกเหรอแกนะ “เสียงของหญิงสาวเริ่มเสียงดังขึ้น
“เออ คือ คุณครับ เรารู้จักกันด้วยหรือครับ” ชายหนุ่มถาม
“เราไม่จำเป็นต้องรู้จักกันหรอก ฉันต้องการคุยกับเจ้านายแก เจ้านายแกไปไหนแล้วล่ะ” หญิงสาวตอบ
“คือ ผมไม่มีเจ้านายหรอกครับ ผมไม่แน่ใจ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมชื่ออะไร แล้วคุณเป็นใครมาที่นี้ได้ยังไงแล้วรู้จักผมได้ยังไง”
หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ชายหนุ่มอีกนิด ยืนจ้องมองเขาด้วยความสงสัยเอามือซ้ายกอดอกไว้แล้วมือขวาจับที่ริมฝีปากของเธอ เหมือนกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่าง
“นายชื่ออะไรนะ” หญิงสาวถามอีกครั้ง
ชายหนุ่มนิ่งคิดภายในใจ“เอ๊ะ ผู้หญิงคนนี้ยังไงกันนะก็เราบอกไปแล้วว่าไม่รู้จำอะไรไม่ได้สงสัยที่พูดไปหล่อนไม่ได้สนใจอะไรเลย”แต่ชายหนุ่มก็เพียงแค่คิดภายในใจเท่านั้นและเขาก็ตอบหญิงสาวคนนั้นด้วยน้ำเสียงเรียบเรียบ
“ผมไม่รู้ว่าผมชื่ออะไรและผมเป็นใครมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงผมตื่นขึ้นมาก็มาเจอคุณนี้แหล่ะเป็นคนแรก” ชายหนุ่มตอบ
“อืมม ยังงั้นเองหรอกรึ” หญิงสาวก้าวเท้าเข้ามาจนจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างใกล้ชิดจนใบหน้าแทบจะชนกัน ชายหนุ่มเองตกใจถอยหลังไปจนติดฝาผนังห้อง สายตาของหญิงสาวที่มองผ่านทะลุแว่นตาสีดำสนิท มองชายหนุ่มแทบจะทะลุปรุโปร่ง
“โดนลบความทรงจำล่ะสิ” หญิงสาวเอ่ยขึ้น เอาล่ะงั้นก็เปล่าประโยชน์ สอบถามอะไรนายไปก็คงจะไม่ได้อะไร นายอยู่ที่นี้คนเดียวรึ หญิงสาวพูดกับชายหนุ่ม แต่ทว่าชายหนุ่มกับไม่ตอบแต่ทำท่าทางเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ ในตอนนั้นเองชายหนุ่มกำลังคิดถึงสิ่งที่หญิงสาวพูดเรื่องการโดนลบความทรงจำของเขา ว่ามันคืออะไรเรื่องจริงรึเปล่า หรือหญิงสาวคนนี้สติไม่ดีมาหลอกลวงรึเปล่า แต่ตัวเขาเองก็จำอะไรไม่ได้จริงจริงอย่างที่หญิงสาวว่า ในความคิดของเขานั้น เริ่มสับสน งง งวย กับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้อย่างมาก
“นาย นาย ไม่ได้ยินที่เราถามรึไง” เสียงตะหวาดที่ดังขึ้นของหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มได้สติกลับมาจากความคิดของตน
“อะไรนะครับ เมื่อกี้คุณถามผมว่าอะไรนะครับ” ชายหนุ่มตอบ
“โอ้ย นายหูตึงรึไงนะเวลาคนอื่นพูดด้วยหัดสนใจฟังบ้างสิ เราถามว่า นายอยู่ที่นี่คนเดียวรึไง” หญิงสาวถามชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความฉุนเฉียว
“อ่อ ครับ อยู่คนเดียวมั้งครับ” ชายหนุ่มตอบ
“ทำไมมีมั้งด้วยล่ะ สรุปว่าอยู่คนเดียวหรือไม่รู้ว่าอยู่คนเดียวรึเปล่าเอาไงแน่” หญิงสาวพูดกับชายหนุ่ม
“ครับ คงงั้นมั้งครับ คือผมก็ไม่รู้เหมือนกัน คือผมเองก็จำอะไรไม่ได้ครับผมสับสนไปหมด คือ ผมไม่รู้ โอ้ยนี้ผมเป็นอะไรเนี๊ยะ” ชายหนุ่มตะโกนออกมาด้วยความสับสน พลางเอามือทั้งสองข้างรวบผมอันยาวสลวยสีดำของเขารวบผมไปกระจุกรวมกันบนหัวเดินถอยหลังไปพิงกับฝาผนังห้องอย่างตะหนก
“ใจเย็นนะนาย” หญิงสาวพูด ไม่เป็นไรนะถ้านายจำอะไรไม่ได้ไม่เป็นไรมันไม่ใช่ความผิดของนาย คนระดับเค้าแล้วถ้าทำแบบนี้กับนายได้ก็คงไม่แปลกหรอก
“ใครกันหรือครับแล้วเค้าที่ว่านี้เป็นใครกันแล้วทำอะไรกับผม” ชายหนุ่มเรียกสติกลับมาได้จึงถามหญิงสาวต่อ
“แล้วคุณเป็นใครแล้วมาหาใครที่นี่หรือครับ” คุณไม่รู้จักผมเหรอ
“ใจเย็นเย็นนาย เราจะตอบทีละคำถามละกัน” หญิงสาวตอบ
คือ เรามาตามหาคนคนนึงซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นใครหน้าตายังไง เรารู้แค่ว่าเราต้องการจะตามหาตัวเค้า เพื่อพิสูจน์ว่าเค้ามีตัวตนจริงจริง คนคนนั้นมีความสามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้เลยเชียวล่ะคนแบบเดียวกับเราต่างก็ตามหาเค้า
“คนแบบเดียวกับคุณ คือ อะไรคนแบบไหนเหรอ” ชายหนุ่มถาม
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ นายไม่ต้องรู้หรอกรู้แค่ว่าเรามาตามหาคนก็พอ แต่ที่แน่แน่ คนคนนั้นไม่ใช่นายแน่นอนเพราะนายเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ไม่ใช่แบบเดียวกับเรา สรุปก็คือนายคงโดนลบความทรงจำก่อนที่เราจะมาถึงที่นี่ ร้ายกาจ จริงจริง สมเป็นคิงจริงจริง หาตัวยากเหลือเกิน แต่คงไม่เกินความสามารถเราไปได้หรอกนะคิดจะดูถูกกันเกินไป เชอะ” หญิงสาวแสดงใบหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อพูดถึงชายคนดังกล่าว
“คนที่คุณตามหาชื่อ คิงเหรอครับ” ชายหนุ่มถาม
“เปล่าหรอก เป็นฉายาของเขานะ ชื่อจริงจริงของเขาไม่มีใครรู้หรอก รู้เพียงแต่ว่าเค้าอาจเป็นราชาในหมู่พวกเราไงล่ะ” หญิงสาวตอบ
“ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณก็ไม่รู้จักผมซินะ แล้วผมเป็นใคร” ชายหนุ่มพูด
“นายอาจเป็นคนรับใช้ของเค้าก็เป็นได้นะ แต่ดูจากข้าวของภายในห้องแล้วไม่น่าจะใช่ นายอาจจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเค้าเลยก็เป็นได้ ของใช้ส่วนใหญ่ในห้องนี้ดูธรรมดาเกินไปสำหรับคนอย่างเค้า เพราะคนระดับที่เปลี่ยนแปลงโลกได้ไม่น่าจะมีชีวิตที่แสนจะธรรมดาแบบนี้ได้ และอีกอย่างถ้านายรู้จักกับคิงจริงจริงแล้วนายก็น่าจะมีความสามารถหรือรอยอักขระบ้างแต่นายก็ไม่มีอะไรเลยนายเป็นแค่คนธรรมดาเอง เอาเป็นว่านายไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคิง ถ้างั้นเราไปล่ะขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะ” พอหญิงสาวพูดจบก็หันหลังให้ชายหนุ่มและกำลังจะเดินออกนอกห้องไป
“เดี๋ยวก่อนครับแล้วคุณชื่ออะไรครับ” ชายหนุ่มถาม
“เราชื่อ เรนโบว์ ไปล่ะถ้าโชคดีเราอาจได้พบกันอีกเราไปล่ะ” หญิงสาวตอบ พลางเอื้อมมือจับลูกบิดประตูปล่อยให้ชายหนุ่มยืนสับสนอยู่ ทันใดนั้นเองมีเสียงระเบิดดังขึ้นจากชั้นล่างของตึกที่ทั้งสองยืนคุยกันอยู่
-ตูมมม- เสียงดังคล้ายเสียงระเบิดดังมาจากด้านล่างของตึก
“นั้นเสียงอะไรนะ” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นถามหญิสาว
“ไม่รู้สิ แต่อย่าให้เป็นอย่างที่เราคิดเลย” เรนโบว์ตอบ เธอจึงรีบเปิดประตูออกไปดูอย่างรวดเร็ว เธอมองเห็นกลุ่มควันลอยฟุ้งมาจากด้านล่างของตึก เธอจึงรีบปิดประตูแล้ววิ่งผ่านตัวชายหนุ่มไปที่ระเบียง มองลงไปด้านล่าง แล้วหันมามองชายหนุ่ม
“ใช้อย่างที่เราคิดจริงจริงพวกมันตามมากันแล้ว” หญิงสาวกล่าว
“ใครกันหรือครับพวกไหน ใครตามคุณมา” ชายหนุ่มพูด
“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้รีบหนีก่อนเถอะ ไปเร็วมีทางออกทางอื่นอีกมั้ยในตึกนี้” เรนโบว์ถามชายหนุ่ม
“ไม่รู้สิครับผมจำอะไรไม่ได้” ชายหนุ่มตอบ
“งั้นตามเรามา” หญิงสาวกล่าว พลางเอื้อมมือจับขอบระเบียงปีนออกไปด้านนอกแล้วหันมาทางชายหนุ่ม
“เร็วสิ มัวยืนงงอะไรอยู่อีกล่ะ อยากโดนจับรึไง” หญิงสาวกล่าว
“ทำไมผมต้องหนีด้วยผมไม่ได้ทำอะไรผิดนิ” ชายหนุ่มพูด
“งั้นก็ตามใจนายนะแต่เราไปละ แต่บอกไว้ก่อนนะถ้าพวกมันจับนายได้พวกนั้นคงจะคุมตัวนายไว้เพื่อสอบถามหาตัวคิงหรือไม่ก็สอบปากคำนายถามถึงตัวฉันแน่แน่ และยิ่งนายโดนลบความทรงจำแบบนี้พวกนั้นคงจะต้องทดลองอะไรกับตัวนายแน่นอน ไม่อยากจะคิดว่าจะโดนอะไรบ้าง อาจจะถูกทรมานก่อนก็ได้นะ อยากอยู่ก็เชิญตามสบาย เราไปก่อนละ โชคดีนะ” หญิงสาวกล่าว
“พวกนั้นเป็นตำรวจเหรอครับ” ชายหนุ่มถามกลับ
“ไม่ใช่หรอก คนของรัฐบาลนะ โอ้ย อย่าถามอะไรมากได้มั้ยเนี๊ยะเดี๋ยวค่อยถามตอนนี้ต้องหนีก่อน จะมาหรือไม่มาก็ตามใจนายละกันแต่ถ้ามาก็อยู่เงียบเงียบ อย่าถามอะไรอีก เดี๋ยวเราค่อยเล่าให้ฟังทีหลังตอนนี้หนีก่อนเถอะ” พอเธอพูดจบก็ปีนออกไปทางระเบียงของห้องทันที ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็รีบปีนตามเธอออกไป พอออกมาอยู่ด้านนอกตรงขอบระเบียงมองลงไปด้านล่าง มองเห็นชายใส่สูทสีดำยืนอยู่ข้างรถตู้สีดำสนิท ทั้งสามคนมองขึ้นมาด้านบน ตรงที่ทั้งสองคนยืนอยู่ เรนโบว์ ปีนขอบระเบียงนำหน้าชายหนุ่มไปอย่างคล่องแคล่วจนไปถึงขอบมุมตึกมือข้างหนึ่งเธอจับท่อระบายน้ำเหล็กขนาดพอดีมือไว้เตรียมที่จะกระโดดข้ามไปที่หลังคาบ้านข้างข้าง ทันใดนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นมาสามนัดซ้อน
--ปัง- ปัง- ปัง---
ชายหนุ่มหันลงไปมองที่มาของเสียงปืนนั้นทันที กระสุนเฉียดใบหน้าของเขาไปเพียงนิดเดียว กระสุนลอยไปถูกท่อระบายน้ำที่เรนโบว์จับไว้พอดี ทำให้เธอหลุดออกจากตัวตึก ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือคว้าแขนของเธอไว้ได้ทันก่อนเธอตกลงไป แรงกระแทกตัวเธอตอนชนกับตัวตึกทำให้แว่นตาที่เธอสวมไว้ หลุดออกทำให้ชายหนุ่มมองเห็นใบหน้าเธออย่างชัดเจน ดวงตากลมโตสีดำสนิท กับขนตายาวงอนของเธอดูน่าตาน่ารักเลยทีเดียว ภายใต้ดวงตาของเธอตรงขอบตาล่าง ชายหนุ่มมองเห็นลอยสักหรือรอยอักระ บางอย่างที่ใต้ขอบตาของเธอชายหนุ่มจ้องมองอย่างสงสัย
“จะจ้องอีกนานมั้ยเนี๊ยะรีบเหวี่ยงฉันไปที่หลังคาบ้านข้างข้างนั่นที” เรนโบว์บอก
“อ่อ ครับ” ชายหนุ่มตอบ พลางรวบรวมกำลังทั้งหมดเหวี่ยงตัวเรนโบว์ไปที่หลังคาด้านข้างตึกทันที ตัวเรนโบว์ปลิวลอยไปตกบนหลังคาด้านข้างตึก เธอจึงหันมาบอกชายหนุ่มให้ตามมา ชายหนุ่มจึงกระโดดตามไป ทั้งสองคนจึงปีนลงทางข้างหลังบ้านลงไปตรงกองขยะพอดี เสียงรถตำรวจดังมาแต่ไกล เธอจึงบอกชายหนุ่มให้รีบไปต่อแล้วจึงจับมือชายหนุ่มวิ่งไปตามริมคลองทางด้านหลังของตึก
“เราจะไปไหนกันหรือครับ” ชายหนุ่มถาม
“หยุดถามซะทีเถอะแล้วตามมาเร็วเร็ว” เรนโบว์พูด
“แล้วฉันจะเรียกนายว่าอะไรดีล่ะ ถ้านายไม่รู้ว่านายเป็นใครงั้นเราเรียกนายว่า ไค ละกัน ดีมั้ย ดีไม่ดีไม่รู้ล่ะเอาเป็นว่าเราชอบชื่อนี้ชื่อไคนี่ล่ะ ไปต่อกันได้ละ” พอพูดจบเรนโบว์ก็เดินนำชายหนุ่มไปอย่างรวดเดร็ว
ไค เหรอก็ดีนะชื่อเทห์ดี ชายหนุ่มคิดภายในใจแล้วรีบเดินตามเรนโบว์ไป
เสียงรถตำรวจไล่ตามหลังทั้งสองคนมาติดติด ทั้งสองคนมองเห็นสะพานข้ามคลองอยู่ตรงด้านหน้า
เราไปหลบตรงใต้สะพานนั่นก่อนละกัน เรนโบว์พูด
“อ๋อ ครับ” ไคตอบ
เรนโบว์เข้าไปหลบอยู่ด้านในใต้สะพาน ส่วนตัวไคนั่งหลบอยู่ด้านนอกสะพานเล็กน้อยเธอจึงเรียกเขาเข้ามานั่งใกล้ใกล้ ไคได้นั่งติดกับเรนโบว์เขาจึงได้เห็นใบหน้าของเรนโบว์อย่างชัดเจนและได้แอบมองใบหน้าเธอและรอยอักขระที่ใต้ตาเธออย่างเป็นระยะ
“รอยสักที่ใต้ขอบตาคุณมันคืออะไรเหรอ ทำไมดูแปลกจังตอนสักไม่เจ็บเหรอครับ” ไคถาม
“อ๋อ รอยสักนี่นะเหรอมันเป็นรอยสักพิเศษนะมันมีพลังที่พระเจ้าประทานมาให้ฉันล่ะ” เรนโบว์ตอบ
“จริงดิ อำผมเล่นล่ะสิ” ไคพูดต่อ พร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อยเหมือนกับว่าหญิงสาวหยอกล้อตนเล่น
“พลังของฉันมีความสามารถในการอ่านรอยอักขระแบบเดียวกันกับฉันได้ว่ารอยอักขระนั้นมีความสามารถอะไรไงล่ะง่ายง่ายก็คือเวลาฉันเจอคนที่มีรอยสักแบบเดียวกันก็รู้ถึงความสามารถอีกฝ่ายว่าอยู่ในระดับไหนพลังความสามารถของอักขระมีหลายระดับมีตั้งแต่ระดับธรรมดาถึงระดับใกล้เคียงเทพเลยเชียวล่ะ”
“เรื่องจริงเหรอ” ไคถาม
“จริงสิ นายเห็นคนที่ใส่สูทดำที่ยิงปืนขึ้นมาใส่เรามั้ย” เรนโบว์ถาม
“เห็นครับ น่ากลัวจังคนตัวสูงสูงผอมผอมใช่มั้ยครับ “
“ใช่ ใช่ คนนั้นล่ะ ไอ้หมอนั่นมันชื่อ โตโต้ มีความสามารถ ยิงปืนได้อย่างแม่นยำในระยะที่เขามองเห็นได้หรืออีกชื่อคือ ปืนจักพรรดิ ยังไงล่ะ ถ้าถูกหมอนั่นหมายหัวนะไม่รอดแน่แน่ แต่ที่เค้ายิงถูกท่อระบายน้ำน่ะ เขาตั้งใจ เพราะคนพวกนั้นต้องการจับฉันตัวเป็นเป็นไงล่ะ” เรนโบว์กล่าว
“ทำไมคนพวกนั้นต้องจับเธอด้วยล่ะ เธอทำอะไรมาเหรอ” ไคถาม
“คือ เราตามรอยคิงมานานแล้วตามหามาเรื่อยเรื่อย สืบข่าวล่าสุดก็พอรู้ว่าคิงมาที่จังหวัดนี้แหล่ะเรารู้สึกได้ว่าน่าจะอยู่ที่นี่พวกนั้นจะจับเราเพราะว่าความสามารถของเรายังไงล่ะ เพราะความสามารถของเราสามารถตามหาคนที่มีพลังพิเศษของผลึกได้และเพื่อตามหาตัวคิงจะต้องอาศัยพลังของเราไง” เรนโบว์กล่าว
“อ๋อ เธอถึงมาเจอผมที่นี่เพราะคิดว่าคิงคือผมใช่มั้ยครับ” ไคถาม
“แน่นอนเรารู้สึกได้ เราเชื่อในลางสังหรณ์ของเราเสมอเพราะมันไม่เคยพลาดนะแต่ก็นะของอย่างงี้มันก็มีพลาดมั้งละ ฮ่าฮ่า “เรนโบว์กล่าว ในตอนนนั้นไคได้มองหน้าของเรนโบว์ตอนที่เธอหัวเราะพร้อมรอยอมยิ้มเล็กน้อยทำให้เค้ารู้สึกดีกับรอยยิ้มของหล่อนเหลือเกิน
“จริงสิ คนที่ตามล่าเรนโบว์เป็นคนของรัฐบาลเหรอครับ”
“ใช่ คนพวกนั้นเป็นหน่วยลับพิเศษ หน่วยCTSOเป็นองค์กรที่คอยควบคุมผู้มีพลังอัขระยังไงล่ะ” เรนโบว์ตอบ
“คนที่มีพลังอัขระมีเยอะเหรอครับ”
“เยอะมากเลยล่ะ เยอะจนนายคิดไม่ถึงมีหลายคนมีทั้งที่ลงทะเบียนกับทางรัฐบาลและที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนอีกเยอะมีปะปนกับคนทั่วไปเต็มไปหมดโดยคนทั่วไปแทบดูไม่ออกเลย นอกเสียจากพวกเดียวกันเหมือน ผีเห็นผีไง อิอิ เรนโบว์ เล่าไปพลางหัวเราะไปพลางดูเธอสนุกสนานกับสิ่งที่เธอเป็นเสียเหลือเกิน ไคจ้องมองเธอด้วยความเอ็นดูอย่างประหลาดตัวเค้าเองคิดในใจว่าอยากมีส่วนร่วมกับความปลาบปลื้มที่เธอสนุกกับสิ่งที่เธอเป็นบ้างจังเลย ทั้งที่เมื่อไม่นานมานี้เธอเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดแท้แท้
เสียงรถตำรวจดังเข้ามาใกล้ใกล้ เรนโบว์ เงียบไปครู่หนึ่งเหมือนตั้งใจฟังอะไรบางอย่างเสียงเครื่องยนต์ของรถตำรวจหยุดลงด้านบนสะพานตรงที่ไคและเรนโบว์หลบซ่อนอยู่พอดีแล้วเรนโบว์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดขึ้นว่า” ฉันรู้แล้วล่ะว่าจะทำยังไงให้ความทรงจำนายกลับคืนมา”
“ทำยังไงเหรอ” ไคถาม
“นายเห็นดอกไม้สีม่วงม่วงตรงข้างข้างตัวนายมั้ย”พอพูดจบเธอก็ชี้มือไปทางด้านซ้ายของไคตรงบริเวณที่ไคนั่งอยู่
“ดอกไม้นี่นะเหรอครับ” ไคถาม
“ใช่ดอกไม้นั่นแหละเด็ดมาให้เราหน่อย” เรนโบว์พูด
ไคเอื้อมมือไปเด็ดดอกไม้สีม่วงที่อยู่ใกล้ใกล้ตัวเขา ทันใดนั้นเองเรนโบว์หยิบท่อนไม้ท่อนหนึ่งขึ้นมาแล้วฟาดลงไปที่หัวของไคอย่างเต็มแรง
“” โป๊กก... พอสิ้นเสียงของแข็งกระทบท้ายทอยของไคภาพสุดท้ายที่แสนจะพล่ามัวนั่นก็คือ เรนโบว์ยืนถือท่อนไม้หน้าสามขนาดพอดีมือ โอ้พระเจ้าเธอตีหัวเรา ไคนึกคิดอยู่ภายในใจก่อนที่จะหมดสติไป
เสียงผู้ชายหนุ่มและทุ้ม‘ไอ้หนุ่มนี้เป็นใครรึ ชู้รักรึไง ‘
“ไม่เอาน่าคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันเมื่อกี้นี่เอง” เสียงของเรนโบว์
“เกี่ยวข้องอะไรกับคิงรึเปล่า” เสียงผู้ชาย
“ไม่หรอกน่า เจ้าหมอนี้เป็นแค่คนธรรมดา ไม่มีความสามารถอะไรและไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคิงเลย” เรนโบว์
“โกหกรึเปล่าสาวน้อยฉันรู้จักเธอดี เธอมันยัยตัวแสบตัวแม่เลยทีเดียว” เสียงผู้ชาย
ทันใดนั้นไครู้สึกตัวเหมือนจะได้สติแต่ยังเบลอเบลออยู่ เขามองเห็นภาพเรนโบว์และพูดชายใส่สูทสีดำที่ชื่อว่าโตโต้ยืนคุยกันอยู่แต่เป็นภาพที่เลือนลางเหลือเกิน
“งั้นจัดการกับไอ้หมอนี้ซะ” เสียงของโตโต้สั่งการเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งที่มากับเขาด้วย อย่านะ นายจะฆ่าเค้ารึไงเค้าไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยนะเค้าเป็นแค่ประชาชนธรรมดาที่ความจำเสื่อมเท่านั้นเองเสียงเรนโบว์ตะหวาดออกมาเพื่อห้ามปราม
“ความจำเสื่อมงั้นรึ ก็ดีจัดการซะ” เจ้าหน้าที่โตโต้ออกคำสั่งอีกครั้ง เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่ง พอได้รับคำสั่งก็เดินปรี่เข้าไปหาไคที่นั่งมึนและงง อยู่
“หยุดนะ อย่าทำอะไรเค้านะ” เสียงเรนโบว์ตะโกนออกมา
“ใจเย็นซิ ใครจะไปทำอะไรเค้ากันเล่าแค่จะทำให้สลบลงไปอีกครั้งแค่นั้นเอง” เสียงโตโต้พูด พอพูดจบเจ้าหน้าที่อีกคนที่เจ้าหน้าที่โตโต้สั่งเหมือนจะมีตำแหน่งน้อยกว่าโตโต้ เดินเข้าไปหาไคแล้วจับที่หัวไหล่ของไคเบาเบา จู่จู่ไคก็หลับลงไปอีกครั้ง หลังจากที่ไคหลับลงเจ้าหน้าที่ทั้งสามคนก็พาตัวเรนโบว์ขึ้นรถตู้สีดำออกไปทันที ทิ้งให้ไคนอนแน่นิ่งอยู่ตรงใต้สะพานนั่นเอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ