RED STONE WAR

9.0

เขียนโดย nemon

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.

  86 ตอน
  9 วิจารณ์
  74.28K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

25) กำจัด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
“แกพูดจริงรึเจ้าหนู เป็นไปได้ยังไงกันที่สัตว์จะมีพลังของอักขระได้ ถ้าเป็นจริงน่าสนใจมากเลยทีเดียวนะ”ชายสูทสีดำเนคไทแดงพูดขึ้น
                  ไคสังเกตใบหน้าของชายคนนั้นดูเกลี้ยงเกลา ผิวขาวหน้าตาดีเลยทีเดียวแต่มีจุดเด่นของเค้าอีกอย่าง คือเค้ามีรอยสักรูปกากบาทอยู่บริเวณกลางหน้าผากแสดงว่าชายคนนี้ก็คงเป็นผู้ที่มีพลังอักขระเช่นกัน
“พวกนายบอกว่ารู้จักกับเรนโบว์งั้นเหรอ ถ้างั้นรับบัตรคิวนี่ไป แล้วไปเข้าแถวเพื่อรอทดสอบพลังดูสิ เรนโบว์ก็คงอยู่ที่นั้นเช่นกัน”ชายสูทดำกล่าว
                 เมื่อไคได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เพราะเค้ากำลังจะได้พบกับเรนโบว์อีกครั้งแล้ว ไคและจัมพ์ก็ร่ำลาชายชุดสูทสีดำกับคุณป้าอวบอ้วน แล้วจึงไปนั่งรวมรอเข้าคิวกับคนอื่นที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้ประมาณสองสามคน ไคและจัมพ์นั่งรออยู่ซักพักใหญ่จนคนที่นั่งรอเข้าแถวก่อนหน้าพวกเค้าทั้งสองคนเข้าไปจนหมด จนถึงเวลาของจัมพ์
                ก่อนที่จัมพ์จะเข้าไปก็ต้องรวบรวมความกล้าอยู่นาน เพราะเค้าไม่ได้เตรียมตัวที่จะมาทดสอบอะไรแบบนี้เลย ทั้งกลัวทั้งระแวงกลัวว่าจะถูกจับเหมือนตอนที่อยู่หมู่บ้านรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ไคบอกว่าหากมีอะไรไม่ชอบมาพากลให้อาระวาดเลยแล้วไคกับโจเซฟจะเข้าไปทันที จัมพ์จึงสงบลงได้ หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนมาเรียกตัวจัมพ์เข้าไปในห้องที่ทำการทดสอบ จัมพ์หายเข้าไปเกือบครึ่งชั่วโมง ไคฟังดูก็ไม่เห็นว่าจะได้ยินเสียงจัมพ์อาละวาดแต่อย่างใด
               แล้วก็ถึงคิวของไคเมื่อป้ายไฟสีแดงกระพริบแสงไฟออกมาแสดงเป็นตัวเลขตรงกับหมายเลขบนบัตรคิวของเค้า พอไคมองเห็นว่าเลขบนบัตรกับสัญญาณไฟตรงกันแน่นอนแล้ว เค้าจึงอุ้มโจเซฟขึ้น
“ไปกันเถอะโจเซฟถึงเวลาของพวกเราล่ะ ไม่ต้องกลัวนะ”หลังจากนั้นไคก็เดินไปตามทางเดินที่อยู่ตรงหน้าตรงบริเวณด้านหน้าของไคนั้น มีผ้าม่านสีแดงผืนใหญ่ขวางทางเข้าเอาไว้ เค้าแหวกผ้าม่านเดินเข้าไป ด้านในหลังผ้าม่านบรรยากาศสลัวสลัวเอามากมากมีดวงไฟดวงเล็กเล็กสีน้ำเงินอ่อนเรียงไปตามทางเดินที่ปูกระเบื้องสีขาวธรรมดา
            ที่พื้นทำจากกระเบื้องแบบถูกถูกทั่วทั่วไป ห่างจากจุดที่เค้าเดินเข้ามาประมาณห้าสิบเมตรก็มีประตูเหล็กสีเขียวอ่อนปิดอยู่ตรงสุดทางเดิน โชคยังดีที่มีหลอดไฟตามทางเดินเลยมองเห็นทางเดินได้บ้าง ไคเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูเหล็กสีเขียวอ่อนบานนั้น เค้าจึงสูดลมหายใจเข้าลึกลึกแล้วพ่นลมหายใจออกทางปากเพื่อกระตุ้นความกล้าของตน ไคเอื้อมมือพลักประตูเหล็กบานนั้นเต็มแรงจนประตูค่อยค่อยเปิดออกอย่างช้าช้า ด้านในของหลังประตูเหล็กเมื่อไคเปิดมันจนเต็มบานแล้ว
            ไคก็แปลกใจอีกครั้งม่านตาเบิกกว้างตกใจกับสิ่งที่พบเจออีกแล้ว เมื่อด้านในเป็นห้องโถงแบบลานกว้างที่ปูพื้นด้วยไม้ปาเก้สีน้ำตาลเข้มที่ขัดจนเงาวับ บริเวณพื้นที่ทั้งหมดปูด้วยไม้ปาเก้จนเต็มพื้นที่ และไคยังมองเห็นว่า ทั้งสองฝั่งมีโครงเหล็กที่ตั้งตระหง่านสูงอยู่ แถมด้านบนยังมีแป้นบาสติดอยู่ด้านบนอีกด้วย แต่อีกด้านหนึ่งกับมีโครงเหล็กแบบเดียวกันแต่เหมือนกับว่า มีร่องรอยเหมือนถูกของมีคมตัดขาดออกเป็นสองส่วนจนล้มลงมากอง ชิ้นส่วนของแป้นบาสกระจัดกระจายไปทั่ว
           ไคคิดในใจว่าที่นี่อาจจะเป็สนามแข่งกีฬาบาสเกตบอลแน่แน่ และรอยที่โครงแป้นบาสถูกตัดขาดออกเป็นสองส่วนไม่แน่อาจจะเป็นฝีมือของจัมพ์ที่เข้ามาก่อนหน้าเค้าก็เป็นได้ ที่ตรงกลางห้องมีชายสวมสูทสีดำเนคไทแดงนั่งกอดอกอยู่บนเก้าอี้เพียงตัวเดียว ไคแปลกใจตรงที่ห้องกว้างขนาดนี้กับไม่มีโต๊ะหรือเก้าอี้ตัวอื่นเลย เค้าเดินตรงดิ่งพร้อมกับอุ้มเจ้าลูกสุนัขโจเซฟไว้ในออ้มกอด เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าชายคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้คนเดียวในที่นี่ ชายสูทดำเนคไทแดงค่อยค่อยแหงนมองไคและโจเซฟสุนัขตัวน้อยแล้วเค้าก็ลุกขึ้นยืน พอชายคนนั้นยืนขึ้น ไคได้เห็นใบหน้าของเค้าได้ชัดดูเหมือนว่าชายคนนี้ไม่น่าจะใช่คนไทยเพราะ เค้าสวมแว่นตาสีดำกับหมวกทรงฟีโดร่าสีขาวรูปร่างสูงใหญ่ มีร่องรอยเหมือนกับว่าเค้าเพิ่งโกนหนวดเครามาใหม่ใหม่ ไคสังเกตดูแล้วเหมือนกับว่าเค้าเคยเจอชายคนนี้มาก่อนแน่แน่ แต่เค้านึกไม่ออก
“ยังไงล่ะเจ้าหนุ่ม มาถึงที่นี่จนได้นะ”ชายร่างใหญ่เอ่ยขึ้น
             ไคเองก็ได้แต่ยื่นนิ่งและยังไม่เข้าใจกับคำทักทายแรกของชายแปลกหน้า โดยที่เค้าไม่เข้าใจความหมายของชายคนนั้นเลยหรือว่าเค้าเองอาจจะเคยเจอชายคนนี้มาก่อน
“ข้าชื่อวากัซจำข้าได้มั้ย เราเคยเจอกันมาแล้วครั้งนึงยังไงล่ะ”ชายร่างใหญ่พูดไปพร้อมกับถอดแว่นตาและเปิดหมวกฟีโดร่าสีขาวออกให้ไคมองเห็นได้ชัดชัดครู่หนึ่ง แล้วจึงส่วมหมวกและแว่นตาสีดำเหมือนเดิม
           ชายคนนี้นี่เองที่มาจับตัวเรนโบว์ไปในตอนนั้นเค้าจำได้แล้ว เมื่อไครู้ตัวดังนั้นไคจึงถอยร่นออกมาจากจุดที่ยืนอยู่ ชายร่างใหญ่ ได้แต่ยิ้มแล้วบอกกับไคให้เค้าหันไปดูทางด้านหลัง ไคจึงหันไปดูทางด้านหลังของตน ทางด้านหลังของไคบริเวณที่อยู่เหนือประตูทางเข้า มีชั้นลอยที่ยื่นออกมาติดกับตัวอาคารที่อยู่เหนือประตูทางเข้าพอดี คล้ายราวสะพานทอดยาวไปจนสุดขอบของห้อง ด้านบนชั้นลอยมีคนสวมชุดดำผูกเนคไทสีแดงสวมหมวกฟีโดร่าสีดำทุกคนยืนเรียกรายอยู่ราวราวสิบกว่าคนเห็นจะได้ และหนึ่งในนั้นก็คือเจ้าหน้าที่ โตโต้รวมอยู่ในนั้นด้วย
           ไคกวาดสายมองจนครบทุกคนแต่ไคก็ต้องผิดหวังเพราะเค้าเองคิดเอาว่าหนึ่งในนั้นน่าจะมีเรนโบว์ยืนอยู่ด้วยแต่กับไม่เห็นเธอเลย หลังจากนั้นชายคนที่สามที่นับจากคนแรกทางซ้ายมือของไคที่รูปร่างไม่สูงมากนักออกจะท้วมท้วมหน่อย แต่ดูมีอายุน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสของที่นี่ก็เอ่ยขึ้น
“เจ้าคือคนที่มีสัตว์เลี้ยงมีรอยอักขระใช่มั้ย” เสียงชายแก่เอ่ยถามจากด้านบนของระเบียง เสียงดังกังวาลไปทั่วห้องประชุม
“ใช่ครับ”ไคตอบ
“แล้วเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวนี้เป็นของเจ้ารึเปล่า”ชายคนนั้นถามอีกครั้งไคได้แต่พยักหน้า
“แล้วสัตว์ของเจ้าเอาพลังอักขระมาจากไหน”ชายคนนนั้นถามอีก
“พลังของอักขระได้มาตอนไหนผมก็ไม่ทราบเหมือน ตอนเจอครั้งแรกโจเซฟก็มีพลังแล้วครับ”ไคตอบ
               จากนั้นไคจึงเล่าเหตุการณ์ในตอนที่เค้าได้พอเจอกับโจเซฟในครั้งแรกให้กับทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมใหญ่นี้ฟัง หลังจากที่ไคเล่าให้ฟังจนจบชายคนดังกล่าวก็เดินไปพูดคุย กระซิบกระซาบกับชายคนแรกและคนที่สองทั้งสามคนยืนคุยอยู่สักพักหนึ่ง ผู้ชายมีอายุคนเดิมก็พูดจากด้านบนลงมาจนไคได้ยินอย่างชัดเจน
“พวกเราตกลงกันว่า เราคงจะเก็บเจ้าลูกสุนัขที่เป็นตัวอันตรายตัวนี้ไว้ไม่ได้เราคงต้องกำจัดมัน เพราะหากปล่อยเอาไว้วันหนึ่งเจ้าลูกสุนัขตัวนี้อาจจะเป็นเป้าในการสังหารเพื่อทำเป็นผลึกแดงได้ และตัวเจ้าจะมีอันตรายได้นะ
“ไม่ได้นะ มันทำผิดอะไรทำไมต้องฆ่ามันได้ผมไม่ยอมให้พวกคุณทำแบบนั้นได้หรอก ไม่มีทาง”ไคตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่ง
“ทางเราเองก็ไม่อยากทำเช่นนั้น แต่มันจำเป็นเพราะทางCTSOเอง ก็ไม่ต้องการที่จะให้ผลึกสีแดงต้องตกไปอยู่ในมือของพลเรือน ทางเราเองก็ตัดสินใจลำบากเพราะเหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกินขึ้นมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่มีสัตว์เลี้ยงมีพลังของอักขระผลึกแดงแทนที่จะเป็นมนุษย์ ทางเราจำเป็นต้องใช้วิธีนี้”หลังจากที่ชายร่างท้วมมีอายุพูดจบชายคนนั้นจึงหันหน้าไปหาชายชุดสูทสีดำคนที่สี่และห้าถัดจากเค้าไป
            ชายคนที่สี่และห้าพยักหน้าแล้วทั้งสองคนกระโดดลงมาจากระเบียงจากชั้นสองลงมายืนด้านล่างอย่างง่ายดาย ทั้งสองคนเดินเข้ามาหาไคอย่างช้าช้า ไคจึงอุ้มโจเซฟมาไว้ในอ้อมกอดไว้แน่น ไคขยับตัวเตรียมจะวิ่งหนีไปที่ประตู ชายชุดดำทั้งสองก็เร่งฝีเท้าพุ่งตรงมาทางไคทันที ชายคนแรกเอื้อมมือที่จะคว้าคอเสื้อของไคแล้วจู่จู่ก็มีมือใหญ่ใหญ่มาคว้าข้อมือของชายคนนั้นเอาไว้ คนคนนั้นคือวากัซผู้ที่นั่งอยู่ในตอนแรกที่ไคพบเจอนั่นเองวากัซเข้ามาขวางทางชายชุดสูทดำคนแรกเอาไว้
“ขอโทษนะครับ ผมกำลังสัมภาษณ์เด็กคนนี้อยู่การที่พวกคุณมารบกวนผมซึ่งกำลังปฎิบัติหน้าที่อยู่ในตอนนี้ถือว่าเสียมารยาทมากนะครับ”วากัซพูดอย่างสุภาพในขณะที่มือของเค้ายังคว้าข้อมือของชายชุดดำอีกคนอยู่
“เสียใจด้วยแต่มันคือคำสั่ง”ชายชุดดำที่วากัซคว้ามือไว้พูด แต่ชายชุดสูทดำอีกคนที่วิ่งมาด้วยกันกระโดดแยกตัวออกไปทางด้านข้างของวากัซแล้วใช้ความสามารถของผลึกที่เค้ามีเรียกอาวุธประจำตัวออกมา นั้นคือแส้หนังสีดำขนาดยาวสองวาออกมา เขาเหวี่ยงแส้ออกไปรัดเข้าที่ข้อเท้าของไคในขณะที่ไคกำลังวิ่งอยู่จนไคหกล้มหัวขมำกลิ้งเซถลาไปกับพื้น ทันใดนั้นโจเซฟก็หลุดออกมาจากอ้อมแขนของไคกลิ้งไถลไปกับพื้นเช่นกัน
            เนื่องจากเป็นพื้นปาเก้ที่ขัดจนเงาวับเจ้าโจเซฟจึงไถลออกห่างจากตัวไคออกไปไกล เจ้าโจเซฟพยุงตัวเองลุกขึ้นมาสะบัดหัวและลำตัวไปมาหลังจากนั้น มันมองเห็นไคที่นอนอยู่กับพื้นโดยมีชายชุดสูทสีดำถือแส้ที่ด้านปลายของแส้ผูกติดกับขาของไคผู้เป็นนายของมัน โจเซฟคิดว่าไคกำลังตกอยู่ในอันตรายแน่ มันจึงแยกเขี้ยวพร้อมขู่คำรามอยู่ในลำคอ วิ่งเข้าโจมตีชายในชุดสูทสีดำที่ถือแส้ยาวสีดำอยู่ทันที มันวิ่งเข้าใส่พร้อมกับเปลี่ยนร่างกลายเป็นร่างศิลาสีดำคางยาวยื่นพร้อมกับกระโดดขึ้นสะบัดหางที่ปลายหางแหลมคมคล้ายหอก พุงตรงไปยังชายในชุดสูทสีดำถือแส้คนนั้นทันที ชายชุดสูทสีดำเบี่ยงตัวหลบได้ทันท่วงทีแต่ปลายหางที่เหมือนหอกก็เฉียดแก้มของเค้าไปนิดเดียว ทำให้เป็นบาดแผลคล้ายกับโดนคมมีดบาดเลือดไหลออกมาเป็นทาง ทำเอาคนที่อยู่ในห้องประชุมต่างตกตะลึง
“นั่นมันตัวอะไรวะนั่น”เสียงวากัซอุทานออกมาโดยไม่ตั้งใจ ชายชุดสูทดำอีกคนที่ถูกวากัซล็อคแขนไว้ ได้โอกาสเหมาะจึงสะบัดแขนหลุดออกจากการล็อคของวากัซ กระโดดตีลังกาด้านหลังไปสองตลบแล้วพลิกตัววิ่งเข้าโจมตีเจ้าโจเซฟในร่างแปรงทันที
             เขาเรียกอาวุธคู่กายออกมาคือมีดสั้นคู่สีเงินแล้วจึงขว้างมีดคู่เข้าใส่โจเซฟ แต่ทว่าเจ้าโจเซฟรู้ทันมันกระโดดฉีกตัวออกทางด้านข้างเป็นมุมฉาก แล้วม้วนตัวขึ้นกลางอากาศสะบัดปลายหางอันคมกริบเข้าใส่เพื่อโต้ตอบทันที ชายชุดดำตีลังกาหลบออกด้านข้างไปอย่างคล่องแคล้ว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา