RED STONE WAR
เขียนโดย nemon
วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.
แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
18) โจเซฟ ริชาร์ด ปาร์คเกอร์ ตอนที่2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“คราวนี้ข้าเอาจริงละนะ”จัมพ์ตะโกนโหวกเหวกเสียงดังตรงที่นั่งบริเวณคนขับภายในรถมาสด้าสองสีขาวของพัช ที่จอดนิ่งอยู่ลานจอดรถ ใกล้กันกับสวนสาธารณะที่ด้านข้างคนขับก็มีเจ้าพัชผู้เป็นเจ้าของรถคอยควบคุมการฝึกหัดขับรถของจัมพ์อยู่
“ให้มันจริงเถอะแก ข้าบอกแล้วว่าเวลาขับรถอย่าเกร็งทำตัวตามสบายใช้สัญชาตญาณความเชื่อมั่นก็พอนี่ขนาดรถข้ามันเกียร์ออโต้นะแกยังขับแบบนี้ขืนแกได้ขับเกียร์กระปุกนะสงสัยคงยาว ฮ่า ฮ่า”พัชพูดพลางหัวเราะเยาะเย้ยไปด้วย
ทันใดนั้นสายตาของพัชบังเอิญไปเห็นตรงจุดที่บริเวณสวนสาธารณะ เค้ามองเห็นผู้คนจำนวนมากกำลังยืนมุงดูอะไรบางอย่างกันอยู่ตรงที่ลุ่มด้านล่างของสวน
“จัมพ์แกดูตรงนั้นสิคนพวกนั้นเค้ายืนดูอะไรกันอยู่วะ”พัชพูดไปพลางแล้วจึงชี้ให้จัมพ์ดูถึงปลายทางของกลุ่มชาวบ้านที่มายืนคุยกัน
ในตอนนั้นจัมพ์กำลังง่วนอยู่กับการหัดขับรถอยู่จัมพ์เงยหน้าขึ้นมามองดูก็เห็นแค่เพียงทรงผมฟูฟู ของเจ้าพัชบังจนหมด
“หลบหน่อยสิแก หัวแกบังซะมิดเลยนะข้ามองไม่เห็นอะไรเลย”ไคพูดขึ้นแล้วจึงเอามือผลักหัวของเจ้าพัชจนหน้าหงายจัมพ์จึงเห็นว่ามีคนยืนมุงดูอะไรบางอย่างอยู่จริงจริง
บริเวณที่ชาวบ้านยืนมุงดูนั้นเป็นเนินดินติดกับแนวถนนพอดี ที่ลุ่มแถวนั้นเจิงนองไปด้วยน้ำเพราะว่าเมื่อไม่นานมานี้เองเกิดฝนตกหนักแถวแถวนี้พอดี ทั้งสองจึงขับรถไปใกล้ใกล้แล้วจึงลองถามชาวบ้านที่มุงดูอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น ชาวบ้านก็ตอบกลับมาว่า เมื่อคืนเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นแถวบริเวณนี้ ชาวบ้านที่อยู่แถวนั้น จึงเล่าให้ทั้งสองคนว่าเมื่อคืนมีฝนตกหนักและตรงที่บริเวณแถวนี้ก็มีฝูงของสุนัขจรจัดมาอาศัยอยู่หลายตัว ชาวบ้านแถวนี้เห็นก็เลยสงสารแต่ละคนก็นำอาหารมาให้บ้าง บางทีพวกแม่ค้าที่ตลาดพอขายของเสร็จถ้าสินค้าของแม่ค้าเหลือเหลือ แม่ค้าพวกนั้นก็จะเอาอาหารมาเลี้ยงสุนัขพวกนี้
ในตอนแรกแรกก็มีสุนัขจรจัดอยู่ประมาณตัวสองตัวเท่านั้นไปไปมามามันก็มีมาเพิ่มเรื่อยเรื่อย ตอนนี้น่าจะมีซักสิบกว่าตัวเห็นจะได้ แต่พอเมื่อคืนกลับมีอะไรบางอย่างมาทำร้ายพวกสุนัขจรจัดพวกนี้ พื้นดินแถวนี้ดูกระเจิดกระเจิงไปหมด มีร่องรอยกงเล็บคล้ายเล็บหมี หรือไม่ก็เสือเพราะรอยกงเล็บที่เห็นมีอยู่ตามต้นไม้เต็มไปหมด แต่เสือกับหมีจะมาแถวนี้ได้ยังไงกันมันต้องเป็นผีป่าแน่แน่ พวกชาวบ้านต่างก็พูดกันไปต่างต่างนานา แต่โชคดีของพวกสุนัขพวกนั้นที่ไม่มีตัวไหนเสียชีวิต มีเพียงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น จัมพ์และพัชเมื่อได้ฟังที่ชาวบ้านเล่าให้ฟังก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย จัมพ์จึงเลี้ยวรถออกมาเพื่อหัดขับให้ชำนาญมากยิ่งขึ้น เค้าเริ่มที่จะควบคุมรถได้ดีขึ้นเรื่อยเรื่อยจัมพ์ก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
“เออ ว่าแต่ ที่แกบอกว่ามีการปล้นชิงทรัพย์กันที่งานประมูลนั่นนะไอ้โจรพวกนั้นมันปล้นอะไรกันเหรอ” จัมพ์หันไปถามพัชถึงเหตุการ์ณที่ทำให้การประมูลสร้อยสีแดงของเค้าต้องเลื่อนออกไป
“แกจะอยากรู้ไปทำไมกัน ข้าว่าไม่รู้น่าจะดีกว่านะ”พัชตอบจัมพ์ด้วยสีหน้าไม่อยากจะเล่าให้เค้าฟังซักเท่าไหร่นัก ทำให้ต่อมอยากรู้ของจัมพ์ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเข้าไปอีก
“เล่ามา อย่าให้มีน้ำโหนะเฟ้ย”จัมพ์
“เล่าก็ได้ แกนี่ชอบขู่ข้าซะจริงเชียวถ้าข้าเล่าให้ฟังก็อย่าปอดแหกไปก่อนละกัน”พัชเอ่ย
“หนอยแน่ะแกว่าใครปอดแหกฟะ สงสัยคนอย่างแกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาใช่มั้ย อย่างแกมันต้องโดนตัดอีกซักนิ้วล่ะมั้ง”จัมพ์พูดขึ้นและทำท่าเหมือนจะเรียกดาบเล่มโตขึ้นมา
พัชจึงยกมือขึ้นและชี้ไปที่จัมพ์ทันทีและทำท่าทีเหมือนกับสั่งให้เค้าหยุดในสิ่งที่จัมพ์จะทำต่อไปหลังจากนี้
“แกจะฟังมั้ย “พัชชี้ไปที่จัมพ์ทำให้จัมพ์หยุดนิ่งไปในทันทีได้แต่พยักหน้าตอบรับเท่านั้น หลังจากนั้นพัชก็เล่าให้จัมพ์ฟังแต่ก่อนที่จะเล่าเรื่องนี้เค้าได้ย้ำนักย้ำหนากับจัมพ์ว่า ห้ามเล่าเรื่องนี้ให้ไคฟังเป็นอันขาด จัมพ์ก็พยักหน้าตอบรับคำมั่นอย่างตั้งใจ
“เรื่องนี้ข้าก็รู้มาจากพวกคนของงานประมูลนั่นล่ะ คืนก่อนที่พวกเราจะมาถึงได้มีการจัดงานประมูลขึ้นและในการประมูลครั้งนี้ ได้มีคนนำเอาสร้อยผลึกแบบเดียวกันกับของพวกเราแต่เป็นผลึกสีเหลือง ซึ่งมีราคามากกว่าของพวกเรามากนักมีหลักสิบล้านขึ้นเชียวล่ะ ในคืนนั้นมีเศรษฐีคนนึงได้ประมูลสร้อยผลึกสีเหลืองไปได้ พอเศรษฐีได้สร้อยก็รีบออกจากงานทันทีแต่ออกมาได้ไม่นานก็ถูกดักยิงเห็นเค้าว่าโดยมืออาชีพเชียวนะ เพราะโจรที่มาปล้นไม่ใช่ธรรมดามันใช้ปืนไรเฟิลเลยเห็นว่าตายทั้งผัวทั้งเมียด้วย แต่ก็อย่างที่ข้าบอกไงล่ะ ว่าสร้อยแบบนี้เงินมันดีจริงแต่มันก็เสี่ยงอันตรายมาก ยิ่งถ้าเรานำเอาสร้อยที่เรามีอยู่นำมันเข้าประมูลละก็ มีสิทธโดยปล้นได้เหมือนกันเราต้องระวังตัวกันให้มากมาก แกอย่าลืมนะอย่าเล่าเรื่องนี้ให้ไคฟังล่ะ ข้ากลัวมันจะถอดใจซะก่อน” พัชพูดไปพลางก็ห้ามจัมพ์ไปพลาง
“ทำไมจะเล่าไม่ได้ล่ะ แกอย่าดูถูกคนอย่างไคเชียว ไอ้หมอนั่นมันไม่ธรรมดานะ มันฉลาดและนิ่งกว่าแกกับข้าเยอะเชียวล่ะ ถ้าหากเราเล่าให้ไคฟังบางทีไคอาจจะมีวิธีช่วยเราป้องกันเหตุร้ายได้ดีกว่าแกกับข้าเสียอีก” จัมพ์เสนอความคิดให้พัชลองคิดดู
พัชได้ลองฟังคำของจัมพ์แล้วก็เห็นด้วยกับเหตุผลที่จัมพ์แนะนำหลังจากนั้นไม่นานพอพัชได้สอนจัมพ์ขับรถได้ซักพักทั้งคู่จึงตัดสินใจรีบกลับที่พักเพื่อจะนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปเล่าให้ไคฟังทันที
“เอี๊ยดดดดด”
เสียงล้อรถที่ถูกหยุดอย่างเร่งรีบจนหัวของพัชกระแทกชนกับคอนโซลหน้ารถอย่างจัง
“โธ่ ไอ้บ้าจัมพ์แกจะรีบเบรคไปไหนฟะบอกตั้งหลายทีละว่าค่อยค่อยเบรค สมองนะมีบ้างมั้ยเนี๊ยะหรือมีหัวไว้กั้นหูอย่างเดียว”พัชบ่นด้วยความโมโหที่หัวกระแทกอย่างจัง แต่จัมพ์กลับไม่เถียงอะไรซักคำแต่กลับยอมรับคำเตือนของพัชอย่างโดยดีและยิ้มรับด้วยความเต็มใจ ตัวพัชเองก็มองออกว่ามิตรภาพของเค้ากับจัมพ์นั้นมันมาแทนที่ความเจ็บปวดของร่างกายและจิตใจจนหมดสิ้น เค้าไม่โกรธไม่เกลียดจัมพ์ที่ทำให้เค้าพิการอีกแล้ว ตอนนี้มีเพียงมิตรภาพที่ได้จากเพื่อนเท่านั้นที่เค้าได้เห็น เค้าจึงยิ้มออกมาด้วยความสุขจากใจเป็นครั้งแรก
หลังจากที่รถจอดสนิทที่ลานจอดรถของวิลเลจที่พวกเค้าเปิดห้องพักเอาไว้ ทั้งสองลงจากรถแล้วจึงกลับเข้าห้องพักทันที พอทั้งคู่กลับมาถึงห้องพักก็ตกใจกับสิ่งที่เห็นเพราะมีลูกสุนัขตัวเล็กนอนห่อตัวมีผ้าเช็ดตัวสีขาวพันตัวของมันไว้มันกำลังหลับอยู่ด้วยความอ่อนเพลีย ที่ข้างข้างของเจ้าลูกสุนัขมีขวดนมขวดเล็กวางอยู่ ส่วนไคก็นั่งเฝ้ามองดูมันอย่างห่วงใย
“ไค ลูกหมาตัวนี้มาได้ยังไงเนี๊ยะ”จัมพ์ถามด้วยความสงสัย ส่วนพัชก็มานั่งข้างข้างจ้องมองลูกสุนัขใกล้ใกล้ ไคจึงเล่าในตอนที่เค้าพบลูกสุนัขตัวนี้ให้ทั้งสองคนฟังและจัมพ์ก็เล่าเรื่องการปล้นในงานประมูลให้ไคฟังเช่นกัน
“หมาหลงมารึนี่ แปลกดีนะที่หลงเข้ามาในวิลเลจได้โดยไม่มีใครเห็นโชคดีจังนะแก”พัชเอ่ยขึ้นแล้วมองดูลูกสุนัขอย่างเอ็นดู จึงเอามือลูบหัวมันเบาเบาในนอนที่มันหลับอยู่
“ไอ้พัช แกทำบ้าอะไรของแกเนี๊ยะเดี๋ยวลูกหมามันก็ตื่นหรอก”จัมพ์ตะโกนขึ้นและก็เป็นอย่างที่จัมพ์พูดจริงจริง เจ้าลูกสุนัขตัวน้อยค่อยค่อยลืมตาขึ้นมามองดูชายทั้งสามคน
“นั่นไงล่ะ เห็นมั้ยมันตื่นเลยข้าบอกแล้ว”จัมพ์โวยวายทันทีที่เห็นลูกสุนัขลืมตาตื่นขึ้น
“ไอ้บ้า ที่มันตื่นเพราะเสียงแกนั่นแหละจัมพ์ เบาเบาหน่อยสิฟะ”พัชก็โวยวายใส่จัมพ์กลับบ้าง
ทั้งคู่ต่างก็โทษกันไปมา เจ้าลูกสุนัขนอนมองทั้งคู่เถียงกันไปมาอยู่แล้วเหลือบตาไปทางไค เจ้าลูกสุนัขมองเห็นไคมันก็ทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นยืนเพราะมันคงจำได้ว่าชายคนที่อยู่เบื้องหน้าของมันที่ช่วยชีวิตมันไว้ แต่ขาของมันยังมีเรี่ยวแรงไม่พอ ก่อนที่มันจะล้มลงไปนอนอีกครั้งนั้น ไคก็เอื้อมมือไปช้อนตัวมันขึ้นมาอุ้มไว้เจ้าลูกสุนัขมองไคแล้วก็กระดิกหางไปมาด้วยความดีใจ เพื่อให้ไคได้รับรู้ว่ามันดีใจและโชคดีที่มาเจอไคมันคงอยากขอบคุณไคที่ช่วยเหลือมันไว้ก็เป็นได้ มันเลียใบหน้าของเค้าด้วยความรักไคก็ไม่ได้รังเกียจกลิ่นเหม็นของมันเลยแม้แต่น้อย เจ้าลูกสุนัขคิดภายในใจว่ามันคงได้เจอนายใหม่ของมันแล้ว
“เจ้าลูกหมาตัวนี้ดูมอมแมมเป็นบ้าเลยว่ามั้ยจัมพ์”พัชพูด
“นั่นสิ ไม่รู้ว่าหลงมาจากไหนด้วย หรือว่าจะเป็นหมาจรจัดที่ชาวบ้านพูดถึงแถวแถวสวนสาธารณะกันนะ”จัมพ์เสริมขึ้นมา
“หมาจรจัดอะไรเหรอ”ไคถาม
จัมพ์กับพัชจึงเล่าเหตุการณ์เรื่องที่ทั้งคู่ไปเจอมาเรื่องเล่าของชาวบ้านเกี่ยวกับสุนัขจรจัดให้ไคฟัง ทั้งสามคนจึงคิดตรงกันว่าเจ้าลูกสุนัขตัวนี้คงไม่มีเจ้าของและพวกเค้าจะเลี้ยงมันไว้ แต่จะให้เจ้าของที่พักรู้ไม่ได้อาจจะถูกไล่ออกจากวิลเลจก็เป็นได้
“ข้าว่าอาบน้ำให้มันหน่อยดีมั้ยสกปรกเหลือเกินเจ้าตัวนี้”จัมพ์แนะนำเพื่อนเพื่อนของเค้าแต่ไคกะว่าจะรอวันพรุ่งนี้ค่อยอาบให้มัน เพราะเค้าจะรอดูอาการของมันให้ดีขึ้นกว่านี้อีกซักหน่อย
“ว่าแต่เรามาตั้งชื่อให้มันกันดีกว่ามั้ยเอาชื่ออะไรดีล่ะ”จัมพ์เสนอขึ้นมา
“ข้าก็เห็นด้วย แต่เดี๋ยวข้ามาล่ะกันจะลองไปหาซื้ออะไรมากินซะหน่อยเริ่มหิวแล้วล่ะพวกแกจะเอาอะไรกันมั้ยเดี๋ยวข้าซื้อมาให้”พัชบอกกับทั้งสองคนก่อนจะออกไปหาซื้ออาหาร
พอพัชออกไปได้ซักพักไคและจัมพ์ต่างก็คิดชื่อให้เจ้าลูกสุนัขกันไปต่างต่างนานา แต่ละชื่อก็ไม่ถูกใจของทั้งคู่เลยทั้งสองคนคิดอยู่นานจนพัชกลับมา จากการลงไปหาซื้อของกินก็ยังไม่ได้ชื่อที่ถูกใจ พอทั้งสามคนทานอาหารที่พัชซื้อมาจนเสร็จก็มานั่งคิดชื่อให้เจ้าลูกสุนัขกันต่อ คราวนี้พัชก็มาร่วมด้วยแต่ก็ยังหาของสรุปกันยังไม่ได้ในตอนนั้นเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเริ่มดึกเวลาประมาณเกือบจะสี่ทุ่มแล้ว ทั้งสามคนก็ยังถกเถียงเรื่องชื่อของเจ้าลูกสุนัขไม่ได้ซักทีจนเริ่มง่วงนอนกัน ไคจึงสรุปข้อถกเถียงเรื่องชื่อนี้ซะทีโดยการให้ทั้งสามคนจับไม้สั้นไม้ยาวกัน โดยใช้ไม้จิ้มฟันสามอัน ถ้าใครคนไหนได้ไม้สั้นก็ให้ตั้งชื่อไปเลยและอีกสองคนต้องยอมรับชื่อมันทุกคนก็ยอมรับข้อตกลงกัน ผลที่ออกมาคือ
“……...”ไค
“โธ่ น่าสงสารเจ้าหมาน้อยจริงจริงไม้สั้นดันไปตกอยู่กับคนไร้สมองอย่างแกได้”พัชเอ่ยขึ้นมาด้วยความสงสารเจ้าลูกสุนัขตัวน้อย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าคือผู้กำหนดชะตาของเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนรักของพวกเราชื่อของมันก็คือ”จัมพ์พูดขึ้นแต่ก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
ไคจ้องมองที่ริมฝีปากของจัมพ์อย่างใจจดใจจ่อ พัชทำท่าอุดหูทำเหมือนไม่อยากได้ยินชื่อที่จัมพ์จะเอ่ยเลยเพราะแต่ละชื่อที่จัมพ์เสนอมาก่อนหน้านี้ มีแต่ชื่อที่หน้าขนลุกทั้งนั้นมีทั้งชื่อ อุกลุกบ้างล่ะ กระป๋องบ้างล่ะ กาต้มบ้างล่ะ ส่วนเจ้าลูกสุนัขตัวน้อยก็จ้องมองทั้งสามคนอย่างจดจ่อเหมือนกัน
“ข้ายังนึกไม่ออกล่ะ”จัมพ์เอ่ย
“โธ่ งั้นพวกข้านอนดีกว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยบอกละกันว่าจะเอาชื่ออะไรข้าขี้เกียจ รอละ”พอเจ้าพัชพูดจบก็ชวนไคเข้านอนทันทีแต่ว่าไคยังไม่นอนเค้ายังคงนอนเฝ้ามองเจ้าลูกสุนัขด้วยความเป็นห่วง ในเวลาไม่นานนักเสียงกรนของเจ้าพัชก็ดังขึ้น
ไคกับจัมพ์มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะออกมาพร้อมกันโดยไม่พูดอะไร ไคนอนหลับตาลงอยู่ข้างข้างลูกสุนัขตัวน้อย ส่วนจัมพ์นอนไม่หลับเพราะมัวแต่คิดชื่อเจ้าลูกสุนัขตัวนี้ ชื่อของมันต้องพิเศษและไม่เหมือนใคร เค้าคิดยังไงก็คิดไม่ออกไม่รู้จะทำยังไงดีจัมพ์เลยเปิดโทรทัศน์ดูเผื่อว่าอาจจะได้แรงบันดาลใจอะไรบ้าง พอเปิดทีวีดูไปก็ยังคงไม่พบแรงบันดาลใจใดใดเวลาก็ล่วงเลยมาจะตีสามแล้ว จนเมื่อจัมพ์เริ่มง่วงเปลือกหนังตากำลังจะปิดลงเค้ามองดูในโทรทัศน์มีหนังอยู่เรื่องนึง ที่จัมพ์มองเห็นลางลาง ว่ามีผู้ชายชาวอินเดียเรือแตกแล้วต้องไปลอยคออยู่ในทะเลกับเสือโคร่งตัวใหญ่ ใช่แล้วเค้านึกออกแล้วว่าจะให้เจ้าลูกสุนัขตัวน้อยชื่ออะไรดีที่ไม่เหมือนใครแล้วจัมพ์ก็หลับไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ