ทีมปล้นคนเหนือเมฆ
6.8
เขียนโดย itas
วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 00.33 น.
5 ตอน
3 วิจารณ์
9,251 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 19.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) โซฟา1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “วี้หว่อๆ!!!”
เสียงไซเรนรถตำรวจมากมายดังลั่นหมู่บ้านหรูๆแห่งหนึ่งในช่วงเช้า เหล่าตำรวจโกลาหนวุ่นวายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านพักของเศรษฐีใหญ่วัย50 เจ้าของธุรกิจซื้อ-ขายรถยนต์ นามว่า ฉัตรชัย
ตำรวจแผนกสืบสวนกำลังรวบรวมเก็บหลักฐานให้วุ่นในห้องทำงานของนายฉัตรชัย ตู้เซฟนิรภัยเปิดอ้าซ่า กับใบหน้าที่เคร่งเครียดของฉัตรชัย เขาสูบซิการ์ควันโขมงเต็มห้อง
“จ่า! คนพวกนี้ทำงานได้เรื่องซะที่ไหน ช้าจะตาย ไปเอามาจากไหนเนี่ย” ฉัตรชัยโวยวายลั่นห้องทำงานของเขา
“รอซักหน่อยครับท่าน ผมได้เรียกพวกที่จะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเฉียบขาด พวกเค้ากำลังมา” จ่าสิบตำรวจองอาจตอบอย่างเคร่งขรึมและใจเย็น
“จะใจเย็นไปถึงไหน! ผมจะมีโอกาสได้ของเหล่านั้นคืนอย่างครบถ้วนก็วันนี้เท่านั้น ก่อนที่พวกมันจะไปไกลกว่านี้ เข้าใจมั้ย วันนี้เท่านั้น!”
…
“ถ้าอยากได้วันนี้ ช่วยเอาพวกกิ๊กก๊อกนี้ออกไปก่อน พวกผมจัดการเอง” หนุ่มชายฉกรรจ์ในเสื้อเชิตสีน้ำตาลอ่อน แว่นกันแดดกับใบหน้าคมๆของเขา และพรรคพวกอีก2คนเดินเข้ามา
“นี้แหละครับ...ที่ผมบอก” จ่าองอาจบอกด้วยความหน้าเบื่อ
“เอาเลย! เต็มที่! ค่าจ้างจะจัดให้อย่างงาม ไม่ต้องพูดถึง” ฉัตรชัยเดินไปตบไหลชายคนนั้นเบาๆ
“ต้องพูดถึงสิคุณฉัตรชัย ค่าจ้างของผม คือ เงินครึ่งหนึงที่ไอพวกนั้นปล้นไป อีกครึ่งคือให้กับคุณ แค่นี้แหละ ตกลงเรียบร้อย” หนุ่มคนนั้นยักคิ้วเล็กน้อย
“เอ้ยเดี๋ยวสิ!”
“ไออั๋น เจาะระบบกล้องวงจรเลยว่าใครเข้ามาแฮกมัน ไออ้น ไปตรวจสอบบริเวณข้างนอกรอบๆบ้าน ตรงนี้ฉันจัดการเอง”
“ไม่ๆๆ ค่าจ้างแก… เอาเป็นว่า 1ใน4ของที่มันปล้น”
“คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ รับแขกโดยไม่อาบน้ำไม่ดูไม่ดีนะครับ”
“ไม่ๆๆ ฉันอาบแล้ว”
“หนวดคุณยังมันแผลบ ขี้ตาเม็ดบะเร้อ และง่ายสุดคือ ผ้าคลุมชุดนอนมันยังอยู่บนตัวคุณ โอเค๊?”
ฉัตรชัยอึ้งอาการประมาณหน้าแตกไปพักหนึง
“เอ่อ.. ถ้าคุณไม่อยากอายไปมากกว่านี้อย่าไปยุ่งกับเขามาก ผมรู้ดี และผมก็จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” จ่าองอาจหน้าบูดๆและหันหลังเดินจากไป
“ โธ่ ผมขี้เกียจจะวินิฉัยคุณแล้วแหละหน่าคุณองอาจ ฮ่าๆๆๆ เอาแหละๆ ผมมีสมาธิและ”
ช้ายคนนั้น ถอดแว่นกันแดดออก และเริ่มเพ่งดูตูเซฟและบริเวณนั้น
“ไม่มี…ไม่มีรอยการเปิดแบบผิดปกติของตู้… มันรู้…มันรู้รหัส… !!!” ความคิดของเขาดังลั่นออกมาอย่างเบาบาง จากนั้นเขาลองหมุนรหัสตู้เซฟไปมา
“ใช่! แก้งค์เดียวที่ทำแบบนี้ได้… เจอกันอีกแล้วนะ”
“คุณฉัตรครับ!! คงไปมีเรื่องอะไรกับใครมาใช่มั้ย เรื่องแบบนี้ค่าจ้างผม75เปอร์เช็นต์จากที่มันเอาไปนะ ฮ่าๆๆๆๆ” หนุ่มคนนั้นหัวเราะและเหมือนรู้แล้วว่า ใครคือคนร้าย
“พี่เมฆ! ผมเจาะได้แล้ว กำลังขออุปกรณ์จากเจ้าหน้าที่อยู่ เราตามตูดมันได้แน่” ไออั๋นวิ่งขึ้นมาตะโกนจากหน้าห้อง
เมฆยิ่งมุมปาก เค้าใส่แว่นกันแดดอีกครั้ง “มันล่อเรา...ไปจับไอแก๊งค์ผีกัน”
บนถนนใหญ่ รถของนายเมฆกำลังมุ่งหน้าไปที่ใดซักแห่ง
“น่าจะมีแค่คน2คนเข้ามาในห้อง เปิดตู้เซฟ และขนทุกอย่างในตู้จากทางที่เข้ามา มันศึกษาบ้านนั้นมาดีพอสมควร มันรู้รหัสเซฟ มันไม่ได้ทำลายหรือฟังเสียงสะเดาะอะไรทั้งนั้น...แต่ดูเหมือนมีร่องรอยขโมยอย่างอื่นด้วยเช่นกัน” เมฆบ่นทบทวนขณะขับรถ
“2คนเอง เป็นไปได้ไงกัน” อั๋นสงสัย
“ไม่…อย่างต่ำมันมี3คน… คนที่รู้รหัสไม่ได้ลงมือหรอก...มันไม่จำเป็น ต้องเป็นพวกฉายาแก๊งค์ผีแน่ๆ … รอบยาม… ใช่! อ้น ถามยามหรือป่าว”
“ครับ… เค้าตอบเหมือนเลี่ยงว่าหลับในหน้าที่ เค้าบอกว่าไม่รู้เห็นเหตุการณ์ ไม่เห็นผู้ร้ายทั้งตอนเข้าและออก และตอบออกมาประมาณนี้ทุกคน อ้ำๆอึ้งๆตะกุกตะกักกันทั้งนั้น”
“อืม… อั๋น หยิบถ้วยกาแฟในกระเป๋าชั้นที ชั้นแอบจิ๊กมา เอาไปตรวจซิ”
“เอิ่ม… กลิ่นกาแฟหนิครับ”
“ใช่ เหมือนพวกมันรู้ว่า ยามที่นั้น มีรอบกินกาแฟ ไอพวกนั้นทำอะไรซักอย่างกับกาแฟ เลยหลับกันทั้งกอง ถ้าเรารู้เวลาหลับ กับเวลาที่เซฟถูกเปิด เราก็จะรู้ว่ามันมากี่คน ตอนนี้คิดว่ามากว่า4”
“เลี้ยวซ้ายครับๆๆๆ!!” อั๋นตะโกนบอกทางเมฆตามโดยดูจากโน๊ตบุ้คที่มีโปรแกรมติดตามรหัสจากคนเจาะกล้อง
“เออ ลืมถาม ในบ้านถูกเจาะกล้องวงจรกี่โมง ”
“หกโมงครับ”
“30นาทีที่แล้ว… วันเสาร์ วันหยุด… มีการเลือกเวลาปล้น… ทำงานเรียบง่ายเข้าทางหน้าต่าง เท้าคนหนึ่งเล็ก…ใช่…เป็นผู้หญิง อีกคนชาย มีรถแรงๆรับของเตรียมหนี โอ้ว !!!”
“ครับ…” อั๋นกับอ้นพูดพร้อมกันด้วยความงง
“แก๊งค์ผีคราวนี้ ไอแมนนี้เอง ฮ่าๆๆๆ”
“เอี๊ยดดดด!!” เมฆจอดรถหน้าหอแห่งหนึ่ง
“รีบหน่อยๆ” เมฆเริ่มวิ่งเมื่อเข้าหอ
“ตุบ..”
“ฮ่วย เดินระวังหน่อยสิป้า” เมฆบ่น
“ขอโทษจ่ะ แต่ฉันนะเจ้าของที่โว้ย มีอะไรกันโผ่ลมาสามหน่อไม่เคยเห็นหน้าเห็นตา”
“มาจับผีครับป้า ฮี่ๆ” เมฆหันไปบอกคุณป้าและยิ้มกวนๆ
“เหมือนพวกมันก็ยังไม่รู้ตัว ตำแหน่งสัญญาณเครื่องมือมันยังอยู่กับที่” อั๋นบอก
“เล่นเฟสบุ้คอยู่หรือทีมมัน ฮ่าๆๆๆ” และห้องนั้นอยู่ชั้นสอง
“ปัง!!(เสียงเปิดประตู)”และเมฆก็พังประตูเข้าไป พบชายคนหนึ่ง ส่วมไอโม่งที่เห็นแค่ดวงตาและปาก ยืนพิงหน้าต่างห้องบานใหญ่พร้อมกับจิบน้ำอัดลม แสงแดดสาดส่องผ่านมาทำมุมย้อนแสง จึงอยากที่จะเห็นหน้าเขา เห็นได้แค่เงาร่างกายของเขาที่บึกบึนไม่แพ้เมฆ
“สวัสดี…คุณเมฆ”
เมฆมองหน้าชายคนนั้นสักพัก แล้วเหลือบไปเห็นโน๊ตบุ้คที่ปล่อยสัญญาณอยู่วางบนเตียง
“ฮ่าๆ นี้แก ล่อฉันมาหรอ แล้วฉันมีอะไรต้องกลัว ในเมื่อ วิถีของแกไม่ถือปืน” เมฆหัวเราะและเล็งปืนไปที่ชายคนนั้น
“ไม่มือปืนก็เปรี้ยวได้ ก็อย่างที่เห็น และที่ผ่านมาๆ ที่ๆแกพลาด ที่จะจับตัวฉัน ฮึๆๆ” ชายคนนั้นพูดและจิบน้ำอัดลมตาม
“อย่าให้ฉันต้องยิงแกหน่าไอแมน”
“โอ้ว… นี้เดาออกตั้งแต่แรกแล้วหรอ เก่งจริงๆ (แล้วตรูจะยืนให้ย้อนแสงทำไม)”แมนพูดเสร็จก็เดินออกมาจากตรงหน้าต่าง เดินตรงไปหาปลายกระบอกปืนของเมฆ
“นายไม่ได้ต้องการชีวิตฉัน เมฆ นายต้องการสิ่งที่ฉันเอาไป และทุกครั้งที่นายมา นายไม่เคยได้มันนายเมฆ”
สายตานายแมนจ้องตรงไปยังม่านตาเมฆ และแสยะยิ้มออกมาอย่างกวนอารมณ์เป็นที่สุดใบหน้าของเมฆเริ่มไม่สบอารมณ์ แมนสังเกตได้ว่าเมฆโมโหเขา
“เฮ้อออออ มาเก้อจิงๆสินะพวกคุณ กินไรหน่อยมั้ย แซนวิสมั้ยเดี๋ยวจะทำให้” แมนเดินกลับไปนั่งที่โซฟาเอนกายและจิบน้ำอัดลมต่อ
“...กองไว้ตรงนั้น...” เมฆเสียอารมณ์มองหน้าแมน แมนก็หันมองหน้าเมฆแบบนิ่งๆ
“ไปล่ารางวัลกันเถอะพรรคพวก” อั๋นกับอ้นก็งงๆแล้วเดินตามเมฆไป
ระหว่างเดินลงบันได
“เงินไม่ได้อยู่ที่นั้นหรอครับ” อ้นถาม
“ไม่แน่ใจ แต่ชั้นรู้แล้วมันอยู่ไหน ในห้องนั้นเรียบร้อยมาก ไม่เหมาะที่ผู้ชายอย่างมันจะอยู่ แสดงว่ามีการเก็บกวาด…หลักฐาน ใช่ มันวางแผนกันที่นั้น ดีไม่ดีลูกน้องมันเคยมาที่ห้องด้วย แต่ตอนนี้ ต่างคนต่างหนีกันไป แต่ที่ชั้นเห็น… ที่ชั้นเห็น… โซฟา!!”
“ห้ะ” อั๋นอ้นสงสัยออกเสียงพร้อมกัน
“เดี๋ยวค่อยอธิบาย ชั้นถูกมันเล่นงานทางจิต เราต้องรีบกลับขึ้นไป!”
“แอ๊ดดดด!!!”เมฆเปิดประตูที่พังไปเมื่อกี้อีกครั้ง
….
“หายไปแล้ว…คุณเมฆ…” อั๋นพูดเสียงแผ่วๆกับใบหน้าอึ้งๆ
“โซฟา มีล้อ ฮึๆ” เมฆวิ่งไปดูรอบนอกจากหน้าต่างที่แมนยืนพิงเมื่อตอนแรก มันมีลอยถลอก เมฆลูบมันและเดาได้ว่าเป็นรอยล้อโซฟา และเมื่อเมฆมองลงไปข้างล่างจากหน้าต่างบานนั้น
… มีบันไดไม้ กับ รถกระบะขายของเก่า แบกโซฟาตัวนั้นไป
“ไอบ้าเอ้ย! รีบลงไปตามรถขายของเก่า!”
ทั้งสามรีบวิ่งลงบันไดทันที
“ผมตามไม่ทันแล้วว่าคุณคิดถึงไหนคุณเมฆ” อั๋นถาม
“ในห้องมันมีแค่โน๊ตบุ้ค กับ เตียงนอน มันก็เพียงพอกับห้องกลบดานของโจรแล้ว โซฟาในหอเช่ามันจะไปมีได้ไง ทีวีก็ไม่มีจะนั่งดูอะไร”
“อ่อออออ” อั๋นและอันเข้าใจและอุทานพร้อมกัน
“วิ่งๆๆๆๆๆ”
“โอ้ว ไม่นะ ไอ้ป้าเวร”
“เกิดไรขึ้นอีกหละคุณเมฆ” อ้นถาม
“กุญแจรถ… ป้าเดินชนแล้วเอาไป โอ้ว… ให้ตายสิ ยังจะ… เจาะยางรถ โธ่ เปลืองตังค์ตรูมาทำใหม่รู้บ้างมั้ย”
เมฆหยิบมือถือและรีบโทรหาใครสักคน…
“จ่าองอาจ ขอกำลังเสริมสกัดจับคนร้ายรถกระบะขายของเก่าทะเบียน ทบ 3247”
“โอเค อยู่ถนนไหน เดี๋ยวจัดให้”
“มันกำลังขับเข้าถนนนวมิทร์ จาก แฮปปี้แลนด์เก่า”
ในรถขายของเก่า…แมนขับรถคันนั้น เขาถอดไอโม่งออก ใบหน้าที่ดูใสซื่อได้เผยรอยยิ้มที่ชวนให้สนุกและน่าค้นหาก็ผลุดขึ้นบนในหน้าของเขา
“ตามมาเอาเลย ฉันจะปั่นหัวให้เข็ดไปอีกนาน ไม่ดิ…พวกฉัน ใช่มั้ย แอนดริว” แมนคุยกับพรรคพวกของเขาทางมือถือโดยใช้หูฟังในการคุย
“ช่ายเลยเพ่ งานนี้มาสนุกกัน เอากำไรเพิ่ม ฮ่าๆๆ (บรึ้นๆๆๆ)” แอนดริวที่ถนนไหนสักแห่งเบริ้นรถมัสแตงเตรียมตัวเองให้พร้อม
“ลุย!!!”
(โปรดติดตามตอน1.2)
เสียงไซเรนรถตำรวจมากมายดังลั่นหมู่บ้านหรูๆแห่งหนึ่งในช่วงเช้า เหล่าตำรวจโกลาหนวุ่นวายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านพักของเศรษฐีใหญ่วัย50 เจ้าของธุรกิจซื้อ-ขายรถยนต์ นามว่า ฉัตรชัย
ตำรวจแผนกสืบสวนกำลังรวบรวมเก็บหลักฐานให้วุ่นในห้องทำงานของนายฉัตรชัย ตู้เซฟนิรภัยเปิดอ้าซ่า กับใบหน้าที่เคร่งเครียดของฉัตรชัย เขาสูบซิการ์ควันโขมงเต็มห้อง
“จ่า! คนพวกนี้ทำงานได้เรื่องซะที่ไหน ช้าจะตาย ไปเอามาจากไหนเนี่ย” ฉัตรชัยโวยวายลั่นห้องทำงานของเขา
“รอซักหน่อยครับท่าน ผมได้เรียกพวกที่จะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเฉียบขาด พวกเค้ากำลังมา” จ่าสิบตำรวจองอาจตอบอย่างเคร่งขรึมและใจเย็น
“จะใจเย็นไปถึงไหน! ผมจะมีโอกาสได้ของเหล่านั้นคืนอย่างครบถ้วนก็วันนี้เท่านั้น ก่อนที่พวกมันจะไปไกลกว่านี้ เข้าใจมั้ย วันนี้เท่านั้น!”
…
“ถ้าอยากได้วันนี้ ช่วยเอาพวกกิ๊กก๊อกนี้ออกไปก่อน พวกผมจัดการเอง” หนุ่มชายฉกรรจ์ในเสื้อเชิตสีน้ำตาลอ่อน แว่นกันแดดกับใบหน้าคมๆของเขา และพรรคพวกอีก2คนเดินเข้ามา
“นี้แหละครับ...ที่ผมบอก” จ่าองอาจบอกด้วยความหน้าเบื่อ
“เอาเลย! เต็มที่! ค่าจ้างจะจัดให้อย่างงาม ไม่ต้องพูดถึง” ฉัตรชัยเดินไปตบไหลชายคนนั้นเบาๆ
“ต้องพูดถึงสิคุณฉัตรชัย ค่าจ้างของผม คือ เงินครึ่งหนึงที่ไอพวกนั้นปล้นไป อีกครึ่งคือให้กับคุณ แค่นี้แหละ ตกลงเรียบร้อย” หนุ่มคนนั้นยักคิ้วเล็กน้อย
“เอ้ยเดี๋ยวสิ!”
“ไออั๋น เจาะระบบกล้องวงจรเลยว่าใครเข้ามาแฮกมัน ไออ้น ไปตรวจสอบบริเวณข้างนอกรอบๆบ้าน ตรงนี้ฉันจัดการเอง”
“ไม่ๆๆ ค่าจ้างแก… เอาเป็นว่า 1ใน4ของที่มันปล้น”
“คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ รับแขกโดยไม่อาบน้ำไม่ดูไม่ดีนะครับ”
“ไม่ๆๆ ฉันอาบแล้ว”
“หนวดคุณยังมันแผลบ ขี้ตาเม็ดบะเร้อ และง่ายสุดคือ ผ้าคลุมชุดนอนมันยังอยู่บนตัวคุณ โอเค๊?”
ฉัตรชัยอึ้งอาการประมาณหน้าแตกไปพักหนึง
“เอ่อ.. ถ้าคุณไม่อยากอายไปมากกว่านี้อย่าไปยุ่งกับเขามาก ผมรู้ดี และผมก็จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” จ่าองอาจหน้าบูดๆและหันหลังเดินจากไป
“ โธ่ ผมขี้เกียจจะวินิฉัยคุณแล้วแหละหน่าคุณองอาจ ฮ่าๆๆๆ เอาแหละๆ ผมมีสมาธิและ”
ช้ายคนนั้น ถอดแว่นกันแดดออก และเริ่มเพ่งดูตูเซฟและบริเวณนั้น
“ไม่มี…ไม่มีรอยการเปิดแบบผิดปกติของตู้… มันรู้…มันรู้รหัส… !!!” ความคิดของเขาดังลั่นออกมาอย่างเบาบาง จากนั้นเขาลองหมุนรหัสตู้เซฟไปมา
“ใช่! แก้งค์เดียวที่ทำแบบนี้ได้… เจอกันอีกแล้วนะ”
“คุณฉัตรครับ!! คงไปมีเรื่องอะไรกับใครมาใช่มั้ย เรื่องแบบนี้ค่าจ้างผม75เปอร์เช็นต์จากที่มันเอาไปนะ ฮ่าๆๆๆๆ” หนุ่มคนนั้นหัวเราะและเหมือนรู้แล้วว่า ใครคือคนร้าย
“พี่เมฆ! ผมเจาะได้แล้ว กำลังขออุปกรณ์จากเจ้าหน้าที่อยู่ เราตามตูดมันได้แน่” ไออั๋นวิ่งขึ้นมาตะโกนจากหน้าห้อง
เมฆยิ่งมุมปาก เค้าใส่แว่นกันแดดอีกครั้ง “มันล่อเรา...ไปจับไอแก๊งค์ผีกัน”
บนถนนใหญ่ รถของนายเมฆกำลังมุ่งหน้าไปที่ใดซักแห่ง
“น่าจะมีแค่คน2คนเข้ามาในห้อง เปิดตู้เซฟ และขนทุกอย่างในตู้จากทางที่เข้ามา มันศึกษาบ้านนั้นมาดีพอสมควร มันรู้รหัสเซฟ มันไม่ได้ทำลายหรือฟังเสียงสะเดาะอะไรทั้งนั้น...แต่ดูเหมือนมีร่องรอยขโมยอย่างอื่นด้วยเช่นกัน” เมฆบ่นทบทวนขณะขับรถ
“2คนเอง เป็นไปได้ไงกัน” อั๋นสงสัย
“ไม่…อย่างต่ำมันมี3คน… คนที่รู้รหัสไม่ได้ลงมือหรอก...มันไม่จำเป็น ต้องเป็นพวกฉายาแก๊งค์ผีแน่ๆ … รอบยาม… ใช่! อ้น ถามยามหรือป่าว”
“ครับ… เค้าตอบเหมือนเลี่ยงว่าหลับในหน้าที่ เค้าบอกว่าไม่รู้เห็นเหตุการณ์ ไม่เห็นผู้ร้ายทั้งตอนเข้าและออก และตอบออกมาประมาณนี้ทุกคน อ้ำๆอึ้งๆตะกุกตะกักกันทั้งนั้น”
“อืม… อั๋น หยิบถ้วยกาแฟในกระเป๋าชั้นที ชั้นแอบจิ๊กมา เอาไปตรวจซิ”
“เอิ่ม… กลิ่นกาแฟหนิครับ”
“ใช่ เหมือนพวกมันรู้ว่า ยามที่นั้น มีรอบกินกาแฟ ไอพวกนั้นทำอะไรซักอย่างกับกาแฟ เลยหลับกันทั้งกอง ถ้าเรารู้เวลาหลับ กับเวลาที่เซฟถูกเปิด เราก็จะรู้ว่ามันมากี่คน ตอนนี้คิดว่ามากว่า4”
“เลี้ยวซ้ายครับๆๆๆ!!” อั๋นตะโกนบอกทางเมฆตามโดยดูจากโน๊ตบุ้คที่มีโปรแกรมติดตามรหัสจากคนเจาะกล้อง
“เออ ลืมถาม ในบ้านถูกเจาะกล้องวงจรกี่โมง ”
“หกโมงครับ”
“30นาทีที่แล้ว… วันเสาร์ วันหยุด… มีการเลือกเวลาปล้น… ทำงานเรียบง่ายเข้าทางหน้าต่าง เท้าคนหนึ่งเล็ก…ใช่…เป็นผู้หญิง อีกคนชาย มีรถแรงๆรับของเตรียมหนี โอ้ว !!!”
“ครับ…” อั๋นกับอ้นพูดพร้อมกันด้วยความงง
“แก๊งค์ผีคราวนี้ ไอแมนนี้เอง ฮ่าๆๆๆ”
“เอี๊ยดดดด!!” เมฆจอดรถหน้าหอแห่งหนึ่ง
“รีบหน่อยๆ” เมฆเริ่มวิ่งเมื่อเข้าหอ
“ตุบ..”
“ฮ่วย เดินระวังหน่อยสิป้า” เมฆบ่น
“ขอโทษจ่ะ แต่ฉันนะเจ้าของที่โว้ย มีอะไรกันโผ่ลมาสามหน่อไม่เคยเห็นหน้าเห็นตา”
“มาจับผีครับป้า ฮี่ๆ” เมฆหันไปบอกคุณป้าและยิ้มกวนๆ
“เหมือนพวกมันก็ยังไม่รู้ตัว ตำแหน่งสัญญาณเครื่องมือมันยังอยู่กับที่” อั๋นบอก
“เล่นเฟสบุ้คอยู่หรือทีมมัน ฮ่าๆๆๆ” และห้องนั้นอยู่ชั้นสอง
“ปัง!!(เสียงเปิดประตู)”และเมฆก็พังประตูเข้าไป พบชายคนหนึ่ง ส่วมไอโม่งที่เห็นแค่ดวงตาและปาก ยืนพิงหน้าต่างห้องบานใหญ่พร้อมกับจิบน้ำอัดลม แสงแดดสาดส่องผ่านมาทำมุมย้อนแสง จึงอยากที่จะเห็นหน้าเขา เห็นได้แค่เงาร่างกายของเขาที่บึกบึนไม่แพ้เมฆ
“สวัสดี…คุณเมฆ”
เมฆมองหน้าชายคนนั้นสักพัก แล้วเหลือบไปเห็นโน๊ตบุ้คที่ปล่อยสัญญาณอยู่วางบนเตียง
“ฮ่าๆ นี้แก ล่อฉันมาหรอ แล้วฉันมีอะไรต้องกลัว ในเมื่อ วิถีของแกไม่ถือปืน” เมฆหัวเราะและเล็งปืนไปที่ชายคนนั้น
“ไม่มือปืนก็เปรี้ยวได้ ก็อย่างที่เห็น และที่ผ่านมาๆ ที่ๆแกพลาด ที่จะจับตัวฉัน ฮึๆๆ” ชายคนนั้นพูดและจิบน้ำอัดลมตาม
“อย่าให้ฉันต้องยิงแกหน่าไอแมน”
“โอ้ว… นี้เดาออกตั้งแต่แรกแล้วหรอ เก่งจริงๆ (แล้วตรูจะยืนให้ย้อนแสงทำไม)”แมนพูดเสร็จก็เดินออกมาจากตรงหน้าต่าง เดินตรงไปหาปลายกระบอกปืนของเมฆ
“นายไม่ได้ต้องการชีวิตฉัน เมฆ นายต้องการสิ่งที่ฉันเอาไป และทุกครั้งที่นายมา นายไม่เคยได้มันนายเมฆ”
สายตานายแมนจ้องตรงไปยังม่านตาเมฆ และแสยะยิ้มออกมาอย่างกวนอารมณ์เป็นที่สุดใบหน้าของเมฆเริ่มไม่สบอารมณ์ แมนสังเกตได้ว่าเมฆโมโหเขา
“เฮ้อออออ มาเก้อจิงๆสินะพวกคุณ กินไรหน่อยมั้ย แซนวิสมั้ยเดี๋ยวจะทำให้” แมนเดินกลับไปนั่งที่โซฟาเอนกายและจิบน้ำอัดลมต่อ
“...กองไว้ตรงนั้น...” เมฆเสียอารมณ์มองหน้าแมน แมนก็หันมองหน้าเมฆแบบนิ่งๆ
“ไปล่ารางวัลกันเถอะพรรคพวก” อั๋นกับอ้นก็งงๆแล้วเดินตามเมฆไป
ระหว่างเดินลงบันได
“เงินไม่ได้อยู่ที่นั้นหรอครับ” อ้นถาม
“ไม่แน่ใจ แต่ชั้นรู้แล้วมันอยู่ไหน ในห้องนั้นเรียบร้อยมาก ไม่เหมาะที่ผู้ชายอย่างมันจะอยู่ แสดงว่ามีการเก็บกวาด…หลักฐาน ใช่ มันวางแผนกันที่นั้น ดีไม่ดีลูกน้องมันเคยมาที่ห้องด้วย แต่ตอนนี้ ต่างคนต่างหนีกันไป แต่ที่ชั้นเห็น… ที่ชั้นเห็น… โซฟา!!”
“ห้ะ” อั๋นอ้นสงสัยออกเสียงพร้อมกัน
“เดี๋ยวค่อยอธิบาย ชั้นถูกมันเล่นงานทางจิต เราต้องรีบกลับขึ้นไป!”
“แอ๊ดดดด!!!”เมฆเปิดประตูที่พังไปเมื่อกี้อีกครั้ง
….
“หายไปแล้ว…คุณเมฆ…” อั๋นพูดเสียงแผ่วๆกับใบหน้าอึ้งๆ
“โซฟา มีล้อ ฮึๆ” เมฆวิ่งไปดูรอบนอกจากหน้าต่างที่แมนยืนพิงเมื่อตอนแรก มันมีลอยถลอก เมฆลูบมันและเดาได้ว่าเป็นรอยล้อโซฟา และเมื่อเมฆมองลงไปข้างล่างจากหน้าต่างบานนั้น
… มีบันไดไม้ กับ รถกระบะขายของเก่า แบกโซฟาตัวนั้นไป
“ไอบ้าเอ้ย! รีบลงไปตามรถขายของเก่า!”
ทั้งสามรีบวิ่งลงบันไดทันที
“ผมตามไม่ทันแล้วว่าคุณคิดถึงไหนคุณเมฆ” อั๋นถาม
“ในห้องมันมีแค่โน๊ตบุ้ค กับ เตียงนอน มันก็เพียงพอกับห้องกลบดานของโจรแล้ว โซฟาในหอเช่ามันจะไปมีได้ไง ทีวีก็ไม่มีจะนั่งดูอะไร”
“อ่อออออ” อั๋นและอันเข้าใจและอุทานพร้อมกัน
“วิ่งๆๆๆๆๆ”
“โอ้ว ไม่นะ ไอ้ป้าเวร”
“เกิดไรขึ้นอีกหละคุณเมฆ” อ้นถาม
“กุญแจรถ… ป้าเดินชนแล้วเอาไป โอ้ว… ให้ตายสิ ยังจะ… เจาะยางรถ โธ่ เปลืองตังค์ตรูมาทำใหม่รู้บ้างมั้ย”
เมฆหยิบมือถือและรีบโทรหาใครสักคน…
“จ่าองอาจ ขอกำลังเสริมสกัดจับคนร้ายรถกระบะขายของเก่าทะเบียน ทบ 3247”
“โอเค อยู่ถนนไหน เดี๋ยวจัดให้”
“มันกำลังขับเข้าถนนนวมิทร์ จาก แฮปปี้แลนด์เก่า”
ในรถขายของเก่า…แมนขับรถคันนั้น เขาถอดไอโม่งออก ใบหน้าที่ดูใสซื่อได้เผยรอยยิ้มที่ชวนให้สนุกและน่าค้นหาก็ผลุดขึ้นบนในหน้าของเขา
“ตามมาเอาเลย ฉันจะปั่นหัวให้เข็ดไปอีกนาน ไม่ดิ…พวกฉัน ใช่มั้ย แอนดริว” แมนคุยกับพรรคพวกของเขาทางมือถือโดยใช้หูฟังในการคุย
“ช่ายเลยเพ่ งานนี้มาสนุกกัน เอากำไรเพิ่ม ฮ่าๆๆ (บรึ้นๆๆๆ)” แอนดริวที่ถนนไหนสักแห่งเบริ้นรถมัสแตงเตรียมตัวเองให้พร้อม
“ลุย!!!”
(โปรดติดตามตอน1.2)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ