Oh! My Girl Friend สะดุดหัวใจ ยัยเพื่อนซี้
เขียนโดย ตะขบพบรัก
วันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 17.51 น.
แก้ไขเมื่อ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 20.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) แอบชอบ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความจิ๊บๆ จิ๊บๆ
เสียงนกกระจิบตัวเล็กๆ ร้องประสมประสานกับเสียงคลื่นทะเล เป็นเหมือนบทเพลงที่คอยปลุกให้ใบหม่อนตื่นขึ้นมาในทุกๆ เช้า
“อื้อ....” ใบหม่อนบิดขี้เกียจ และลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เธอพลิกตัวไปดูนาฬิกาปลุกที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอนด้านซ้ายมือ ซึ่งบอกถึงเวลา “05:45” จากนั้นก็ลุกขึ้นไปเปิดประตูแล้วออกไปยืนอยู่ตรงระเบียงห้องนอน ซึ้งอยู่บนชั้น5 ของคอนโดฯ ที่เธออาศัยอยู่ เพื่อสูดอากาศยามเช้าที่หอมบริสุทธิ์กว่ากลิ่นเครื่องปรับอากาศในห้อง
บรรยากาศในยามเช้าเป็นช่วงเวลาที่ใบหม่อนโปรดปรานมากที่สุด เพราะมันทำให้สมองของเธอโล่ง ปลอดโปร่ง และสดชื่น เพราะสมัยที่ใบหม่อนอยู่กรุงเทพฯ เธอไม่ค่อยได้เจอกับอากาศแบบนี้สักเท่าไหร่ ทุกๆ วัน เธอต้องรีบตื่นและออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดเพื่อไปโรงเรียน ไม่เช่นนั้นเธอก็ต้องพบเจอกับสภาพบรรยากาศจราจรที่เชื่องช้าซะยิ่งกว่ามดคลานซะอีก นึกถึงภาพนั้นทีไรก็รู้สึกเสียสุขภาพจิตทุกที
เมื่อสูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอดจนพอใจ ใบหม่อนก็กลับเข้าไปล้างหน้าล้างตา และเปลี่ยนจากชุดนอนตัวย้วยๆ เป็นชุดวิ่งขาสั้นที่ดูทะมัดทะแมง ใบหม่อนชอบออกกำลังกายและเล่นกีฬา เพราะตอนเด็กๆ เธอเคยเป็นหอบหืดมาก่อน ตอนอยู่ที่นู้นก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้ออกกำลังกายสักเท่าไหร่ พอได้มาอยู่ในเมืองที่มีอากาสบริสุทธิ์และไม่วุ่นวาย โชคดีที่โรงเรียนห่างจากที่พักไม่มาก ทุกๆ เช้าก่อนไปโรงเรียน ใบหม่อนจึงออกไปวิ่งเรียกเหงื่อให้กับตัวเองเป็นประจำ ส่วนใหญ่เธอจะชอบไปวิ่งที่สวนสาธารณะหน้าคอนโดฯ เพราะมีคนวิ่งอยู่พลุกพล่าน ไม่น่ากลัว แต่ถ้าวันไหนฝนตกเธอก็จะเข้าไปใช้บริการฟิตเนสของคอนโดฯ ที่เปิดให้ใช้ฟรีสำหรับลูกค้าที่อาศัยอยู่ในคอนโดฯ
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณหนูใบหม่อน” เสียงของลุงพร หัวหน้ายามทักทายใบหม่อนอย่างเป็นมิตร ถึงแม้อายุของลุงพรจะย่างเข้า 50 ปี แต่ก็ยังดูไม่แก่และแข็งแรงเกินอายุ
“อรุณสวัสดิ์คะลุงพร” ใบหม่อนหยุดวิ่งและเข้ามาทักลุงพรที่ตู้ยาม
“ดีจังเลยนะครับ อายุแค่นี้แต่รู้จักรักษาสุขภาพ เด็กอายุเท่าคุณหนูบางคนปานนี้คงยังไม่ตื่นกันเลย”
“หม่อนกลัวแข็งแรงสู้ลุงพรไม่ได้นิคะ!!”
“อ้าว!” ลุงพรทำหน้าตกใจ
“ฮ้าๆๆ ล้อเล่นคะ จริงๆ หม่อนถูกบังคับให้เป็นนักกีฬาก็เลยต้องฟิตหน่อยคะ” ใบหม่อนทำหน้าเซ็ง
“เป็นนักกีฬาดีแล้วครับ จะได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์”
“ค๊า.. หม่อนไปก่อนนะคะลุงพร บ๊ายบายคะ”
“ครับคุณหนู”
หลังจากที่พูดคุยกับลุงพรเสร็จ ใบหม่อนก็รีบกลับขึ้นไปบนห้องเพื่ออาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน แล้วก็แวะไปรับฟ้าใสที่บ้าน
ติ่งต่อง ติ่งต่อง!
แอ๊ด!
“สวัสดีคะคุณแม่” ใบหม่อนยกไหว้ สุภาวิณี แม่ของฟ้าใส
“สวัสดีดีจ๊ะใบหม่อน ทานข้าวมารึยังลูก วันนี้แม่ทำข้าวต้มกุ้ง ฟ้าใสกำลังทานอยู่พอดี” สุภาวิณีรับไหว้ใบหม่อน และชวนใบหม่อนไปทานข้าวกับฟ้าใส ด้วยความน่ารัก มีมารยาทและรู้จักกาลเทศะ สุภาวิณีจึงเอ็นดูใบหม่อนเหมือนเป็นลูกสาวอีกคนของเธอ
“หม่อนทานมาแล้วคะ ขอบคุณนะคะ โอกาสหน้าหม่อนไม่พลาดฝีมือคุณแม่แน่ๆ”
“จ๊ะ.. เดี๋ยวแม่ไปตามฟ้าใสให้นะ”
“คะ”
ฟ้าใสกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาหาใบหม่อน เพราะโดนแม่เอ็ดที่ปล่อยให้ใบหม่อนรอนาน โบว์ผูกผมก็ผูกไม่เรียบร้อยเพราะรีบจนเกินไป
“มาเช้าจัง!! ฟ้าใสยังกินข้าวไม่อิ่มเลย” ฟ้าใสบ่น
“เช้าอะไร เจ็ดโมงจะครึ่งแล้วเนี่ยรีบๆเหอะเดี๋ยวฝนตก” ใบหม่อนยกนาฬิกาเรือนเล็กให้ฟ้าใสดูใกล้ๆ
“ฮ่าๆๆ จริงด้วย งั้นเรารีบไปกันเถอะ” ฟ้าใสรีบใส่หมวกกันน๊อคแล้วขึ้นไปนั่งบนรถทันที มือทั้งสองข้างก็กอดเอวบางๆ ของใบหม่อนเอาไว้
“วันนี้ไม่ลืมเอาอะไรมานะ” ใบหม่อนเตือนฟ้าใส
“สมุด กระเป๋าดินสอ หนังสือเรียน การ์ตูน แล้วก็ร่มของพี่... ทิม!” ฟ้าใสมองร่มพกที่ทิมให้ยืม แล้วอมยิ้มเบาๆ
“ครบไหม?”
“ครบ!”
“อึ้ม.. งั้นไปกันเถอะ”
ปรึ้นๆๆ!
หลังจากที่สาวน้อยทั้งสองมาถึงโรงเรียนได้ไม่นาน ฝนที่ตั้งท่าว่าจะตกก็ตกลงมาอย่างหนักไม่ลืมหูลืมตา จนกระทั้งถึงตอนเที่ยงก็ยังตกอยู่ประปราย ฟ้าใสฟุบหน้าลงบนโต๊ะ สายตาก็จับจ้องไปที่ร่มพกสีขาวลายจุดดำที่ทิมให้มา แล้วก็แอบยิ้มที่มุมปากอยู่คนเดียว
ฟ้าใสใช้นิ้วหมุนร่มเล่น ในใจก็นึกสงสัยอยู่ว่า ‘พี่ทิมชอบร่มแบ๊วๆ แบบนี้เหรอ หรือว่าจะเป็นของน้องสาว พี่เขาไม่มีน้องสาวนี่นา หรือว่าของหลาน แต่บ้านนี้มีแต่ผู้ชายนิ หรือว่าพี่ทิมชอบแบบนี้?’ คิดไปคิดมาฟ้าใสก็เริ่มถามตัวเองว่าจะสงสัยไปทำไม เฮ้อ! สงสัยวันนี้อากาศดีน่านอนสมองเลยเบลอ (เกี่ยวกันไหมเนี่ย!)
“ฟ้าใส ถ้าหล่อนไม่ใช้ร่มนี้ฉันขอยืมก่อนนะย่ะจะออกไปซื้อขนมที่โรงอาหาร” เฉลิมวุฒิ หรือ อิเหลิม กระเทยควายประจำห้องที่ชอบให้เพื่อนๆ เรียกแทนตัวเองว่า “น้องวุ้นเส้น” ดูจากหน้าแล้วฟังจากชื่อก็อยากจะอ้วกออกมาเป็นเส้นๆ ให้ได้
“อันนี้ไม่ได้ ไปเอาอันที่อยู่ในกระเป๋าไปละกัน” ฟ้าใสปฏิเสธไม่ให้เฉลิมวุฒิหรือวุ้นเส้นยืมร่มของทิมไป
“ห่วงเหลือเกิ๊นนะ อิร่มลายจุดตุ๊กแกเนี่ย!!” น้องวุ้นเส้นในคราบเฉลิมวุฒิยืนท้าวสะเอวพูดจิกฟ้าใส
“อย่ามาว่าร่มอันนี้นะ” ฟ้าใสเริ่มฉุนที่วุ้นเส้นว่าร่มสื่อรักของเธอเป็นลายจุดตุ๊กแก
“น้านไง! ยัยชะนีน้อยผู้ชายให้มาแน่ๆเลย?”
“” ฟ้าใสไม่ตอบอะไร แต่แก้มที่แดงเป็นลูกเชอร์รี่ก็บ่งบอกคำตอบได้
“ฮิๆๆๆ แล้วทำไมอยู่คนเดี๋ยวเนี่ยเดอะแก๊งหายไปไหน?”
“ไปหาเสบี่ยง”
“อึ้ม.. งั้นฉันไปหาอะไรกินดีกว่า ลูกในท้องฉันชักจะดิ้นแหละ” พูดจบวุ้นเส้นก็เดินสะบัดตูดออกไปทันที ฟ้าใสมองตามจนวุ้นเส้นเดินพ้นประตูออกไปจากนั้นก็หันกลับมาจ้องดูร่มแล้วพึมพรำกับตัวเองเบาๆ
‘เจ้าของร่ม กำลังทำอะไรอยู่นะ อยากรู้จัง?’
“ฮัดชิ้ว!”
“อ้าว! เป็นหวัดเหรอใบหม่อน?” ไนน์ถามใบหม่อนเพราะเป็นห่วง
“ ...ก็ไม่นะ”
“อั้น อะ แอง อ่า อำ อัง อี อุ่ม อิด อึง? (งั้นแสดงว่า กำลังมีหนุ่มคิดถึง)” ฮารีพูดทั้งๆ ที่ในปากมีก้อนไอศกรีมอยู่
“หึๆๆ กำลังนินทาละสิไม่ว่า” ใบหม่อนหัวเราะเบาๆ เพราะที่ผ่านมาเธอไม่เคยให้ความสนิทเป็นพิเศษกับหนุ่มคนไหนเลย ทั้งสามสาวเดินกินขนมมาตลอดทางจนกระทั้งถึงห้องเรียนที่มีฟ้าใสรออยู่
“ไปกันนานจัง หิวนะเนี่ย” พอเห็นเพื่อนๆ ทั้งสามเดินเข้ามา ฟ้าใสก็รีบวิ่งเข้าไปแย้งถุงขนมมาจากฮารีทันที
“บ่นเหลือเกินนะ ไม่ไปซื้อเองละ” ฮารีเริ่มฉุน แต่ก็ถูกฟ้าใสทำท่าแลบลิ้นปลิ้นตายั้วโมโห ทั้งสองสาวแย่งห่อขนมกันไปมาเหมือนเด็กแย่งของเล่น
ไนน์เบื่อนิสัยที่ชอบเล่นเป็นเด็กๆ ของฮารีและฟ้าใส จึงชวนใบหม่อนออกไปนั่งเล่นกับเพื่อนๆอีกกลุ่มที่นั่งอยู่ระเบียงหน้าชั้นเรียน
“บรรยากาศแบบนี้น่าโดดเรียนไปงีบจริงๆ” ไนน์มองเม็ดฝนที่โปรยลงมาพอประปราย
“โดดได้นะ แต่ชั่วโมงต่อไปสอบเก็บคะวิชาภาษาอังกฤษ”
“เฮ้อ! อย่าพูดได้ไหม ได้ยินแล้วท้อ เมื่อคืนอ่านนิดเดียวเองไม่รู้หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เอาน่า.. เดี๋ยวค่อยจับมดไปไต่บนกระดาษคำตอบ”
“ไต่ได้ก็ดีนะสิ แต่นี่สอบข้อเขียน!!”
“นั้นสิ ลืมไป เวลาพอมีเดี๋ยวติวให้” ใบหม่อนยิ้มเจื่อนๆ เพราะพอจะเข้าใจอยู่แล้วว่าไนน์ไม่ค่อยถูกกับวิชานี้สักเท่าไหร่ ไนน์เองก็ทำหน้าซังกะตาย แต่สายตาก็เหลือบไปเห็น “กาย” เพื่อนต่างห้องกำลังเดินมา
“นั้นนายกายนิ... เฮ้! กาย” กาย เพื่อนชายต่างห้อง อยู่ชมรมดนตรี ชมรมเดียวกันกับฟ้าใส และเป็นมือกลองของวง High วงดนตรีของโรงเรียน ถึงแม้กายจะไม่ค่อยสนิทกับกลุ่มของไนน์สักเท่าไหร่ แต่ก็พอจะรู้จักมักจี่กันอยู่บ้าง
“หวัดดีไนน์” หันมาหาใบหม่อน ”หวัดดีใบหม่อน” ใบหม่อนหันไปมองตามเสียงเรียกของไนน์ พร้อมยิ้มบางๆ ให้กายที่เข้ามาทักเธอ กายเองเมื่อได้รอยยิ้มของใบหม่อนแก้มก็เริ่มแดงระเรือขึ้นมาทันที
“มาทำอะไรที่ตึกนี้อ่า มาจีบสาวเหรอ?” ด้วยความที่เป็นคนขี้สงสัย ไนน์จึงถามเพราะว่าตึกนี้ส่วนใหญ่จะมีเฉพาะเด็กที่เรียนสายวิทย์ - คณิต เท่านั้น
“เปล่าๆๆ!! พอดีเราเอาโน๊ตเพลงมาให้ฟ้าใส” กายรีบยกมือปฏิเสธทันทีเพราะกลัวว่าไนน์จะเข้าใจผิด แต่ถึงจะพูดกับไนน์ ทว่าสายตาของกายก็คอยชำเลืองมองหน้าของใบหม่อนที่กำลังอ่านหนังสืออยู่
ไนน์เองก็พอจะรู้อยู่ว่ากายนั้นแอบปลึ้มใบหม่อน ตั้งแต่ใบหม่อนย้ายมาตอน ม.3 แต่ก็ทำเป็นหมาหยอกไก่ไม่เข้ามาคุยจริงๆ จังๆสักที
“ฟ้าใสกินขนมอยู่ในห้องกับฮารี เข้าไปสิ” ไนน์เกรงว่าเพื่อนสาวผู้แสนเย็นชาของเธอจะโดนมดรุมกัด เพราะสายตาสุดแสนหวานเยิ้มของพ่อหนุ่มนักดนตรีคนนี้ จึงรีบตัดบททันที
“อึ้มม์.. งั้นไปก่อนนะไนน์ เรา... ไปก่อนละนะใบหม่อน” เมื่อหันมาพูดกับใบหม่อนกายก็ทำท่าทางเก้ๆ กังๆ เหมือนทำอะไรไม่ถูก ใบหม่อนเองก็ไม่พูดอะไรนอกจากพยักหน้าให้ ไม่ถึง 10 วินาทีที่กายเดินหันหลัง ไนน์ก็เอียงหน้าเข้ามากระซิบหูใบหม่อนว่า....
“ฉันว่านะ.. นายกายแอบชอบเธออยู่แน่ๆ !!” ได้ยินแบบนั้น ใบหม่อนก็ละตาจากหนังสือแล้วหันไปยิ้มบางๆ ให้กับไนน์ จากกนั้นก็ก้มอ่านหนังสือต่อ ปากพึมพรำเบาๆว่า
“ไร้สาระน่า... เขาไม่ได้สนใจเราหรอก”
ในระยะเวลา 2 ปี ที่รู้จักกับใบหม่อน เธอไม่เคยเห็นใบหม่อนสนใจใครเป็นพิเศษเลย แม้ว่าจะมีรุ่นพี่ รุ่นน้อง ทั้งในโรงเรียน และต่างโรงเรียน ตั้งแต่หน้าตาระดับรากหญ้า จนถึงขั้นมหาเทพ เข้ามาจีบ แต่ก็ไม่มีใครสามารถทลายธารน้ำแข็งในใจของเพื่อนสาวคนนี้ให้แตกได้เลยสักคน หรือว่า เธอจะมีคนที่แอบชอบอยู่แล้วนะ??????? ชักจะสงสัยซะแล้วสิ!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ