Secret story ความรักครั้งนี้...อย่าบอกใคร!

10.0

เขียนโดย Yugar

วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 12.39 น.

  5 บท
  0 วิจารณ์
  8,259 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2562 10.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ความลับหรือความรัก?...ที่เปิดเผย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
บทที่ 5
หลังจากที่นอนสลบไสลอยู่นานตื่นขึ้นมาใบหน้าแรกที่ฉันเห็นก็ไม่ใช่ใครอื่น
“^ ^*” วอยซ์นั่งยิ้มอยู่ข้างๆฉัน
“-_-” ส่วนฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดกับเหตุการนี้จริงๆก็คงจะได้แต่ตีหน้าเศร้าไปก่อน
“ไม่มีอะไรหรอกโบรา เรื่องคริสตัลเดี๋ยวไอ้เรนมันก็เคลียร์ให้เอง” บารอนพูดที่ไรฉันรู้สึกว่าต้องเชื่อหมอนี่ทุกครั้งอย่างไงก็ไม่รู้ สงสัยว่าหมอนี่จะมีสาริกาลิ้นทอง
“อืม ฉันจะเชื่อนายอีกครั้งก็แล้วกัน” ว่าแล้วฉันก็เดินออกห่างจากสองคนนั่นทันที
“แหม...ไอ้บารอนพูดอะไรเธอก็เชื่อหมดเลยนะ” วอยซ์ค้อนใส่ฉัน
“ไอ้วอยซ์” บารอนหันไปส่งสายตาจิกใส่วอยซ์
“เอ่อๆรู้แล้วน่า” วอยซ์ยอมศิโรราบอย่างง่ายดาย แปลกจริง!
“แน่ใจนะว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด” ฉันหันไปจิกตาใส่บารอน
“^ ^*”สองคนนั่นยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ยัยคริส! พวกนายทำอะไรเพื่อนฉันเนี่ย”
“เฮ้ย ไม่มีอะไร”
“อืมไม่มีอะไรหรอก” บารอนพูด
“ฉันไม่เชื่อ ฉันจะไปหายัยคริส”
“ตอนนี้เลยหรอ” วอยซ์พูดยังไม่ทันจบฉันก็รีบตรงดิ่งไปที่ห้องทันที แต่ก็ไม่เจอยัยคริสเลย
“สองคนนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก” บารอนตามมาบอกฉัน
“แล้วอยู่ไหน”
“ไอ้เรนมันพาไปสงบสติบนเขาโน่น” วอยซ์ชี้ไปทางเขาที่มีบ้านพักตากอากาศหลังเล็กๆของโค้ดอยู่
“ว่าไงนะ”
“^ ^’’” สองคนนั้นยิ้ม
“ยัยคริส..” ว่าแล้วฉันก็รีบตามไปที่บ้านพักนั่นทันที
“เฮ้ย นี่จะไปจริงหรอเนี่ย” วอยซ์ว่าแล้วก็รีบตามฉันมา
“ชีวิตเพื่อนฉันเป็นเรื่องล้อเล่นรึไง”
“โอเค...งั้นบารอนแกอยู่คอยแก้ตัวกับโค้ดที่นี่แหละ” วอยซ์หันไปบอกกับบารอน ก่อนที่จะรีบวิ่งตามฉันไป
“นี่มันจะมืดแล้วนะเธอยังจะไปอีกหรอ”
“เพราะจะมืดน่ะสิเลยต้องไป”
“ทำไมล่ะ”
“ฉันไม่มีวันไว้ใจพวกนายได้หรอก ถ้าเพื่อนฉันโดนฆ่ามกป่าขึ้นมาจะว่าไง”
“เฮ้ย พวกฉันไม่ใช่ฆาตรกรข้ามชาตินะ”
“ไม่ต่างหรอก”
“โบรา...เดินช้าๆหน่อยสิ”
“เดินช้ากว่านี้มีหวังถึงที่นั่นพรุ่งนี้เช้าแน่”
“-..-” “ถ้าตามไม่ทันก็ลงไปเลยไป”
“ไม่” ว่าแล้ววอยซ์ก็วิ่งเข้ามาจับมือฉันก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างเหนื่อยหอบ
“นี่มันอะไรเนี่ย...”
“พักก่อนไม่ได้หรอ ฉันไม่ไหวแล้วนะ”
“นายยังเป็นผู้ชายอยู่รึเปล่าเนี่ย”
“เธอถามฉันเป็นครั้งที่สองแล้วนะ ฉันว่าฉันพิสูจให้เธอเห็นแล้วไม่ใช่หรอ”
“พิสูจอะไร”
“ก็พิสูจว่าฉันแมนทั้งแท่งไง”
“ตอนไหน”
“เฮ้ยนี่อย่าบอกนะว่าเธอจำไม่ได้ว่าเราทำอะไรกัน”
“นายหมายความว่ายังไง”
“ก็เราสองคน...O_O;”
“นี่ตกใจอะไรของนาย” ว่าแล้วฉันก็ออกแรงดึงหมอนั่นขึ้นมา “พูดเรื่องไร้สาระอยู่ได้กะจะถ่วงเวลาพักเหนื่อยล่ะสิ นายนี่มันตัวถ่วงจริงๆ”
“ผะผะผี...อ๊ากกกกกก” ว่าแล้วหมอนั่นก็กระโดดเข้ากอดฉันแน่น แถมยังสั่นไปทั้งตัวอีกด้วย
“ผีบ้าอะไรปล่อยฉันเดี่ยวนี้นะ...” ฉันแน่นอกจนหายใจจะไม่ออกแล้ว
“ผะผะผีอยู่ตรงต้นไม้ใหญ่นั่นไง”
“มันก็ใหญ่ทุกต้นนั่นแหระ เลิกตาขาวสักทีจะได้มั๊ย”
“เธอก็รู้ฉันกลัวผี”
“ปล่อยฉันนะฉันหายใจไม่ออก...”
“ไล่มันไปก่อนสิ”
“จะบ้าหรอฉันไม่ใช่หมอผีจอมขมังเวรนะยะ”
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าเธอไปหมอผีสักหน่อย”
“แล้วฉันจะไล่พวกมันได้ไงล่ะ”
“พวกเดียวกันคุยกันรู้เรื่องอยู่แล้วไม่ใช่หรอก เธอก็คุยๆให้หน่อยดิ”
“นี่นายว่าฉันเป็นผีงั้นหรอ” ฉันใช้แรงที่เหลือผลักหมอนั่นออกเต็มแรงจนกระเด็นออกห่างไป ก่อนที่ฉันรีบวิ่งหนี
“เฮ้ยโบราไปไหนอ่ะ รอด้วยดิ”
“กลัวผีไม่ใช่หรอ ถ้ากลัวผีก็ไปไกลๆฉันเลยไป”
“ฉันกลัวผีแต่ฉันไม่กลัวเธอหนิ”
“แต่นายว่าฉันเป็นผี”
“ฉันไม่ได้ว่าเธอเป็นผี...ฉันหมายความว่าผู้หญิงด้วยกันน่าจะคุยกันรู้เรื่องกว่าไง”
“ผู้หญิงงั้นหรอ” ว่าแล้วฉันก็หยุดฟังหมอนั่นก่อน
“ใช่ ผีนั่นเป็นผู้หญิง” วาแล้ววอยซ์ก็วิ่งเข้ามาเกาะแขนฉันไว้
“ผีผู้หญิงแถมยังอยู่ต้นไม้ใหญ่ ฮ่าๆๆๆ”
“ขำอะไรของเธอ”
“คราวนี้นายไม่รอดแน่”
“พูดอะไรของเธอยัยบ๊อง”
“นายตาหล่อๆอย่างนายไม่มีทางรอดออกไปจากที่นี่ได้หรอก” ฉันหันไปยิ้มเยาะเย้ยหมอนั่น
“เธอหมายความว่าไง”
“ก็ผีผู้หญิงที่นายบอกเขาเรียกว่านางไม้ และในป่านี้ก็เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุมากกกกก ฉันคิดว่าไม่น่าจะมีนางไม้แค่ตนเดียวนะอีกซักพักก็คงจะตามกันมาเป็นโขยงและวก็จะเกิดสงครามแย่งชิงนายขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ฉันไม่เกี่ยวแล้วก็ช่วยนายไม่ได้ด้วย”
“เฮ้ย ไม่ได้นะ”
“ดีจะตายนะนางไม้มีแต่คนสวยๆนายนะจะมีความสุขที่จะได้รับการปรนนิบัติทั้งวันทั้งคืน ฮ่าๆๆๆ”
“ไม่เอาสวยยังไงก็ผีอยู่วันยังค่ำนั่นแหระ ช่วยฉันหน่อยนะโบราที่รัก”
“บอกแล้วไงว่าฉันช่วยไม่ได้”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะฉันมองไม่เห็นสาวๆพวกนั้นหรอก พวกเขาปรากฏตัวให้เฉพาะชายหนุ่มรูปงามยลโฉมเท่านั้น”
“แล้วเธอจะปล่อยให้ฉันโดนจับไปแบบนี้อ่ะหรอ”
“ช่วยไม่ได้อยากตามมาเอง”
“แล้วที่ฉันตามมาก็ไม่ใช่ว่าเป็นหวงและอยากมาช่วยเธอหรอกหรอ เธอนี่มันนางมารร้ายชัดๆ”
“ไม่ได้ขอให้มาสักหน่อย บอกแล้วไงว่านายจะเป็นตัวถ่วงฉัน”
“เห้ย มีเยอะขนาดนี้เลยหรอเนี่ย O_O!”นายวานรมองไปรอบๆตัวอย่างตื่นตระหนก
“^U^*” ฉันได้แต่ยิ้มเยาะเย้ยหมอนั่น สมน้ำหน้าอยากตามมาดีหนัก ฉันไม่ช่วยนายให้เหนื่อยหรอกปล่อยให้พวกนางไม้จับไปเป็นผัวซะเลยจะได้หมดเรื่องซะที
“โบรา นี่เธอจะไม่ช่วยฉันจริงๆหรอเราเป็นเพื่อนกันนะ”
“เพื่อนอันตรายน่ะสิ” แล้วร่างของวอยซ์ก็ส่ายไปส่ายมาอย่างแรงเหมือนมีคนดึงไปดึงมา สงสัยว่าสงครามจะเริ่มขึ้นแล้วจริง
“โบรา....”
“หึ ร้องให้ตายฉันก็ไม่ช่วยนายหรอก” ว่าแล้วฉันก็รีบเดินออกไปจากสถานการณ์อันตรายนั่นทันที
“โบรา กลับมาช่วยฉันเดี๋ยวนี้ฉันเป็นคู่หมั่นเธอนะ”
“OoO!” ฉันหยุดชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนของวอยซ์ ก่อนที่หันกลับหาหมอนั่น “นายว่าไงนะ”
“ฉัน...เป็นคู่หมั่นเธอ”
“-“-”ฉันพยายามมองหน้าเขาก่อนที่จะพอเดาได้ว่าเขาพูดเรื่องจริง
“เห็นไหมล่ะสุดท้ายเธอก็ต้องช่วยฉันอยู่ดี”
“พูดมาก”
“โอเคๆช่วยฉันหน่อยสิฉันจะไม่ไหวแล้วนะ” ตอนนี้วอยซ์ดูเหมือนจะสติไม่อยู่กับเนื่อกับตัวแล้วเพราะโดนเสน่พวกนางไม้เลยทำให้เคลิ้มและสับสน โชคดีที่ฉันเคยอ่านตำนานพวกนี้มาบ้างเลยพอที่จะหาทางช่วยได้
“พวกนางไม้กำลังใช้เสน่ห์ล่อลวงนาย นายต้องตั้งสติให้มั่นแล้วนึกถึงผู้หญิงที่นายรักแล้วตะโกนบอกรักเธอให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“> <”วอยซ์ทำท่าตั้งสติสักพักก่อนที่ตะโกนมันออกมาเสียงดังสุดเสียงตามที่ฉันบอก “ผมรักแม่ครับ....”
“เฮ้ย ไอ้บ้าฉันหมายความว่าผู้หญิงที่นายรักแบบชู้สาวต่างหาก โง่จริง”
“แต่ตอนนี้ฉันไม่มีแฟนนะ”
“ก็ใครก็ได้ที่นายรัก ไม่ได้หมายถึงแฟนอย่างเดียวสักหน่อย” ว่าแล้ววอยซ์ก็ตั้งสติอีกครั้งก่อนที่พูดมันออกมาเบา
“ฉันรักเธอญาณิน”
“ตะโกนมันออกมาสิไอ้โง่เสียงเบาขนาดนั้นมันจะไปมีพลังอะไรล่ะ”
“-_-” หมอนั่นนิ่งไป
“เร็วสิเดี๋ยวก็ต้านพวกนั้นไม่ไหวหรอก”
“ญาณินฉันรักเธอ” พอสินเสียงตะโกนเสียงกรีดร้องก็ดังไปทั่วป่าและเหมือนว่านายวานรก็คงจะโดนปล่อยตัวแล้วด้วย
“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง”
“ขอบใจนะ” หมอนั่นมองหน้าฉันก่อนที่จะทรุดตัวลงกองกับพื้นแล้วก็สลบไป
“เฮ้ย นายเป็นอะไรไปน่ะ” ฉันรีบวิ่งเข้าไปดูทันที ก่อนที่จะพยายามปลุกแต่หมอนี่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นเลยแล้วจะทำยังไงดีเนี่ยนี่มันก็มันมากแล้วด้วย และจะให้ฉันแบกผู้ชายร่างกำยำแบบนี้ลงเขาก็คงไม่ไหวหรอกนะ และขณะที่พยายามลากตัวหมอนั่นออกจากอันตรายที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่นี่จนอ่อนแรง ฉันก็พบที่ที่เราจะพักได้สักที
“หวังว่าโขดหินนี่คงไม่มีผีสิงหรอกนะ” ว่าแล้วฉันก็พยุงให้หมอนั่นเอยนอนที่โขดหินใหญ่
“ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย”
“ฟื้นแล้วหรอ ไม่รอให้ฉันแบกนายไปถึงบ้านพักเลยล่ะ”
“แหม...แบกฉันดีแล้วเธอจะได้คลอดลูกง่ายยังไงล่ะ”
“ไอ้บ้า”
“^ ^”
“นั่นอะไรน่ะ” ฉันเหลือบไปเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างที่เหมือนว่าจะไม่ได้มาดีซะด้วย
“อ๊ากกกก”
“นั่นมันตัวอะไรเนี่ย” มีตัวอะไรก็ไม่รู้ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาหาเรา หน้าตาน่ากลัวเกินคำบรรยายจริงๆ
“หยะอย่าบอกนะว่าผีอีกแล้วววว” ว่าแล้วนายวานรก็กระโดดเข้ากอดฉันทันที ก่อนที่เขย่าตัวฉันอย่างแรง “โบราทำไงดี”
“ฉันจะรู้ไหมเกิดมาก็เพิ่งเจอตัวประหลาดน่ากลัวขนาดนี้ก็วันนี้แหระ”
“ฉันนึกว่าเธอเจออยู่หน้ากระจกทุกวันซะอีก”
“นี่มันใช่เวลามาพูดเล่นไหมห้ะ”
“ฉันว่ามันต้องเป็นผีพ่อม้ายที่จะมาเอาเธอไปเป็นเมียแน่เลย”
“หน้าตาอย่างฉันไม่สวยพอที่จะสะดุดตาพวกมันหรอกย่ะ”
“นั่นสิ แต่ไม่แน่นะมันอาจจะชอบของแปลกก็ได้นะ”
“ทำไงดีอ่ะ”
“จะไปรู้หรอ ฉันไม่ได้ชอบอ่านนิยายผีเหมือนเธอนะ”
“ฉันไม่ได้ถามนาย”
“แล้วถามใครมีกันแค่สองคน” วอยซ์หันไปมองซ้ายมองขวา “อย่าบอกนะว่ามีผีอยู่ที่นี่อีก
“ไม่มี ฉันพูดกับตัวเองต่างหากล่ะไอ้บื้อ”
“แล้วตัวเองว่าไง”
“นี่ไม่ใช่เวลามากวนบาทานะ”
“ก็ไม่ได้กวน เธอบอกว่าเธอถามตัวเองฉันก็อยากรู้ว่าตัวเองตอบมาว่าไงก็แค่นั้น”
“ฉันไม่น่าช่วยนายจากนางไม้เลยจริงๆ น่าจะปล่อยให้ถูกจับไปซะก็สิ้นเรื่องจะได้ไม่ต้องมาคอยกวนประสาทแบบนี้”
“แหม ตอนแรกที่ฉันโดนพวกนางไม้รุมเธอก็กะจะปล่อยให้ฉันตายอยู่แล้วนี่ ถึงทีฉันฉันก็ต้องเอาคืนบ้างล่ะ”
“แต่สุดท้ายฉันก็ช่วยนายนะ คนเลวไม่รู้จักสำนึกบุญคุณเอาซะเลย”
“แล้วใครบอกว่าฉันจะไม่ช่วยเธอล่ะ จะให้ช่วยอะไรก็ว่ามาสิ”
“ไม่รู้ ยังคิดหาทางออกไม่เจอ”
“นี่หรือว่ามันจะใช้วิธีเดียวกันกับนางไม้อ่ะ แต่ฉันว่าเกิดมาเธอคงไม่เคยรักใครหรอกจริงไหม”
“มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอกน่า” หันไปเจออีกครั้งผีนั่นก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว สายตาที่จดจ้องดูน่ากลัวจนฉันสั่นไปหมดทั้งตัว
“อ๊ากกกกกกก” ฉันกับวอยซ์ประสานเสียงกันออกมาทันที
“รีบคิดหาทางออกเร็วสิโบรา....”
“ฉะ...ฉัน” ตอนนี้ฉันสั่นจนไม่แทบเหลือแรงแล้ว เหมือนว่าฉันกำลังโดนดูดวิญญาณอยู่ยังไงอย่างงั้น
“รีบๆพูดมาสิโบรา”
“ฉะ...ฉะ...ฉัน ถึงฉันจะยังไม่แต่งงานแต่ฉันก็มีคู่หมั่นแล้วนะ นายเอาฉันไปอยู่ด้วยไม่ได้หรอก” หลังจากพูดออกไปดูเหมือนมันจะได้ผลจะด้วยแรงดึงดูดเริ่มอ่อนแรงลงแล้ว แต่ถึงยังไงมันก็ยังไม่หายไปอยู่ดี
“ชะ..ใช่เราสองคนเป็นคู่หมั่นกันและก็กำลังจะแต่งงานกันด้วย”
“แต่...เธอ...ยัง...บริสุทธิ์อยู่”
“มันรู้ได้ไงอ่ะ”
“มันเป็นผีไงไอ้โง่”
“ลืมไป”
“กรี๊ดดดดดด” แรงดึงดูดมันเริ่มแรงขึ้นอีกแล้วและฉันคิดว่าฉันคงต้านมันไม่ไหวแล้วจริงๆ
“เห้ย โบราเป็นอะไรไป” วอยซ์รีบวิ่งเข้ามาพยุงตัวฉันเอาไว้
“ฉันไม่ไหวแล้ว” ตาฉันปิดลงหลังจากที่ใช้แรงเฮือกสุดท้ายบอกกับวอยซ์ไป แต่ดูเหมือนว่าหูจะยังได้ยินอะไรบางอย่างอยู่
“ไอ้ผีบ้าปล่อยผู้หญิงของฉันนะโว้ย แกไม่มีสิทธิ์จะเอายัยนี่ไปเป็นเมียเพราะฉันเป็นคู่หมั่นเธอ และถ้าแกยังจะเอาเรื่องถึงที่ยัยนี่บริสุทธิ์อยู่ขึ้นมาอ้างฉันก็จะบอกแกไว้ตรงนี้เลยว่าฉันจะไม่ปล่อยให้ว่าที่เมียฉันไปเป็นของคนอื่นแน่นอน” สิ้นเสียงของวอยซ์ความรู้สึกและสติที่เหลืออยู่น้อยนิดของฉันมันก็กำลังบอกให้ฉันรู้ว่าตอนนี้มีคนกำลังนัวเนียอยู่บนร่างของฉัน ริมฝีปากที่เริ่มชาก็เหมือนว่าจะถูกดูดด้วยปากของอีกคนจนมันเริ่มมีเลือดไปหล่อเลี้ยงเพิ่มขึ้นแล้ว หลังจากที่ริมฝีปากถูกเติมเต็มด้วยจังหวะจูบอันเร่าร้อนจนกลับมามีชีวิตชีวาเหมือนเดิมแล้ว เจ้าใบหน้าต้นเรื่องนั่นก็นำพามันมายังต้นคอยาวสวยของฉันก่อนที่จะบรรเลงจูบลงไปอย่างดุเดือนแถมมือก็ยังซุกซนเข้ามาสำผัส บีบนวดบริเวณที่ขึ้นชื่อว่านุ่มที่สุดของฉันอีกด้วย และตอนนี้เลือดในร่างกายฉันเริ่มสูบฉีดแรงขึ้นตามจังหวะการเคลื่อนตัวของอีกคนที่อยู่บนร่างฉันทำให้ร่างกายเริ่มมีแรงอีกครั้ง ดูเหมือนว่าสติฉันจะเริ่มกลับมาแล้วเหมือนกัน ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาและเห็นว่าคนที่อยู่บนร่างฉันคือ...
“วอยซ์” ฉันเรียกชื่อหมอนั่นอย่างอ่อนแรง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับความสนใจจากเขาเลยแม้แต่นิด เขายังคงมุ่งมั่นที่จะกระทำสิ่งที่ทำอยู่ต่อไป ฉันหลับตาลงอย่างเหนื่อยใจอีกครั้งก่อนที่จะหันไปรอบๆตัวพรางหลบหลีบใบหน้าของผู้ก่อการและรู้สึกได้ว่าผีตนนั้นไม่ได้อยู่แถวนี้แล้ว แต่ฉันก็ต้องปล่อยให้หมอนั่นทำตามใจไปอีกซักพักเพราะแรงที่ฉันมีไม่พอที่จะขัดขืนความต้องการอันแรงกล้าของเขาในตอนนี้ได้แน่ แล้ววอยซ์ก็ค่อยๆเลื่อนริมฝีปากมีประกบปากฉันอีกครั้งก่อนที่เขาจะเห็นว่าฉันลืมตามขึ้นมาแล้ว และน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ก็ทำให้เขาถึงกับตกใจนิ่งไปทันที
“โบราเธอไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม”เขาค่อยๆถอดริมฝีปากออกก่อนที่จะพูดขึ้น
“อืม” ฉันให้คำตอบวอยซ์ก่อนที่จะหลับตาไปอย่างอ่อนแรงอีกครั้ง
“โบราแกไม่เป็นไรใช่ไหม” ฉันลืมตาขึ้นมาพร้อมกับคำทักทายของยัยคริสที่มองฉันอย่างเป็นห่วง
“อืมไม่เป็นไรหรอก แล้วฉันมาที่นี่ได้ไงอ่ะ”
“วอยซ์พามา” หลังจากที่ถามยัยคริสก็เปลี่ยสีหน้าไปเป็นงอนซะงั้น
“แล้ว...”
“อยู่กับเรนนี่”
“ขอโทษนะคริสต่อไปฉันจะไม่บิดบังอะไรเธออีก”
“อืม ฉันจะยอมครั้งนี้ครั้งเดียวก็แล้วกัน ^ ^”
“^ ^”
“ถ้าแกยังมีอะไรปิดบังอีกก็รีบบอกมาตอนนี้เลยก่อนที่ฉันจะไม่ให้อภัยแกอีก”
“...” ฉันนิ่งไปสักพักก่อนที่จะตัดสินใจบอกเรื่องวอยซ์กับคริสตัล ไม่ว่ายัยนั่นจะรับได้หรือไม่แต่ฉันก็ต้องบอกยัยนั่นด้วยตัวฉันเอง “ตอนที่พ่อของฉันถูกฆาตรกรรม ครอบครัวของฉันก็เริ่มอยู่ในภาวะวิกฤตจนปู่ของฉันตรอมใจตายตามพ่อไปด้วย เหลือแค่ฉันกับแม่เท่านั่นและแม่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องเราทั้งสองจากคนที่คิดจะฆ่าเราได้ แม่ก็เลยพาฉันหนีไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเราและก็สั่งห้ามไม่ให้ฉันสนิทกับใครด้วย จนกระทั่งแม่ป่วยหนักใกล้สิ้นลมหายใจเขาก็บอกแค่ว่าฉันจะต้องตามหาคู่หมั่นฉันให้เจอแล้วแต่งงานกับเขาให้ได้ ฉันออกตามหาเขาอยู่สักพักแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอเลยแม้แต่น้อย เพราะฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใครรู้แค่ว่าเขาจะต้องมีแหวนหมั้นเหมือนที่ฉันมี จนวันหนึ่งฉันคิดว่าฉันควรละทิ้งคำสั่งสุดท้ายของแม่และใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาตลอด แต่วันนี้ฉันกลับเจอเขาแล้ว”
“แกหมายถึงใคร ใครที่เป็นคู่หมั่นแก”
“ตื่นแล้วหรอ” วอยซ์เดินเข้ามาให้คำตอบกับยัยคริสได้พอดี
“วอยซ์” ฉันหันไปหาเขาก่อนที่บอกคำตอบยัยคริสไปนัยๆ
“แกอย่าบอกนะว่า....OoO!”
“ฉันยังไม่แน่ใจ”
“งั้นก็ทำให้แน่ใจซะโบรา มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วนะถ้าแกจะกลายเป็นคู่หมั้นวอยซ์” ยัยคริสซีเรียสพอๆกับฉันเลยอ่ะ ฉันนึกว่ายัยนี่จะโวยวายซะอีกนะ แต่กลายเป็นหนักใจแทนฉันไปซะงั้น
“( -_-) ” ฉันหันไปมองวอยซ์ที่กำลังนั่งนิ่งเหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันคิดไว้แล้วว่าจะทำยังไงต่อ”
“( -_-) ” ฉันกับยัยคริสรวมสายตาไปที่วอยซ์อย่างสงสัยก่อนที่ฉันจะเป็นคนเปิดฉากถามออกมาก่อน
“นายจะทำยังไง”
“ที่จริงเรื่องนี้ฉันคิดเอาไว้นานแล้ว และคิดว่าเธอไม่ควรรู้จนกว่าฉันจะจัดการทุกอย่างเสร็จ” เขาพูดเหมือนกันมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ทั้งที่ฉันกับยัยคริสเครียดจนเส้นเลือดในสมองจะแตกตายอยู่แล้ว
“ฉันต้องรู้สิ”
“เอาน่าเดี๋ยวกลับไปเธอก็จะรู้เอง ^ ^”หมอนี่ทำไมยิ้มแปลกๆเหมือนคิดจะทำอะไรบางอย่าง
“-_-?” เขาคงไม่ทำอะไรพิเรนหรอกนะ
“งั้น...นายเคลียร์กันเองแล้วกันนะ ฉันไปเคลียร์กับเรนนี่ก่อน” ว่าแล้วยัยคริสก็รีบเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้บรรยากาศในห้องมาคุมากยิ่งขึ้น (หมายถึงความรู้สึกฉันคนเดียวนะ เพราะอีกคนดูจะไม่คิดอะไร)
“นายกำลังคิดจะทำอะไร” ฉันหันไปจ้องวอยซ์ตาเขม่ง
“ไม่มีอะไรหรอก ^ ^*” แทนที่จะได้คำตอบที่ชัดเจน แต่กลับได้คำตอบที่ทิ้งป่มไว้อยู่ดี
“ถ้านายไม่บอกฉันฆ่านายตอนนี้แน่”
“เธอกล้าฆ่าคนที่เพิ่งช่วยชีวิตเธอได้งั้นหรอ”
“ช่วยชีวิตอะไร ตอนไหน”
“นี่เธอจำอะไรไม่ได้อีกแล้วหรอ -*- ”
“นายหมายถึงอะไร”
“แกล้งลืมหรือลืมจริงๆเนี่ย”
“ฉันลืมอะไรล่ะ -*-?”
“ท่าทางจะลืมจริง นี่มันสองครั้งแล้วนะที่เกิดเรื่องแบบนี้แล้วเธอลืมมัน” วอยซ์บ่นเบาๆในลำคอ
“พูดบ้าอะไรของเขาเนี่ย” ฉันก็เช่นกัน
“- -” แล้วเขาก็มองฉันแปลกๆซะงั้น
“ไปหายัยคริสกันเถอะ” ฉันเริ่มไม่อยากรู้เรื่องที่เขาบอกซะแล้ว เหมือนมันจะเป็นเรื่องไม่ดียังไงก็ไม่รู้
“ไปสิ” ว่าแล้วเราสองคนก็เดินไปที่ห้องรับแขกที่เหมือนว่ายัยคริสกับเรนนี่จะอยู่ที่นั่น
ฉันกับวอยซ์เจอเข้ากับสถานการณ์กลหนระหว่างคริสตัลกับเรนนี่จนไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วย เลยกลายเป็นว่าเราสองคนกำลังแอบมองพวกนั้นทะเราะกันอย่างดุเดือด
“นี่ยัยโสมเน่าฉันบอกแล้วไงว่าเรื่องทั้งหมดเธอแค่ฝันไปและมโนไปเองมันไม่มีอะไรทั้งนั้น” เหมือนเรนนี่พยายามหลอกล่อยัยคริส ว่าแต่พวกเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่เนี่ย
“ไอ้บ้า เห็นฉันเป็นคนไข้ศรีธัญญารึไงห่ะถึงคิดว่าจะฉันจะเชื่อ” ว่าแล้วสองคนนั้นก็ทะเราะกันรุนแรงขึ้นจนถึงขั้นตบตีลงไม้ลงมือกัน และก็จบลงด้วยการ....
“จูบ” สองคนนั้นจูบกันงั้นหรอ หลังจากได้รับความหวานจากริมฝีปากของเรนนี่ยัยคริสก็หุบปากแล้วเลิกโวยวายแต่กลายเป็นตัวอ่อนเคลิ้มไปกับรสจูบของเรนนี่แทน “ว่าแต่แบบนี้มันคุ้นๆแหะ”
“จะไม่คุ้นได้ไงในเมื่อเราก็เพิ่งจะจูบกัน”
“ว่าไงนะ” ฉันหันไปตะหวาดนายวานร
“จะต้องให้ฉันทบทวนด้วยรึไง” ว่าแล้วหมอนั่นก็โน้มตัวยื่นปากมาจะจูบฉัน
“กรี๊ดดดดดด” ฉันปล่อยเสียงทั้งหมดออกมาหลังจากที่จำเหตุการทั้งหมดได้
“โบรา” คริสตัลกับเรนนี่ผลักตัวออกจากกันก่อนที่จะอุทานขึ้นพร้อมกันและรีบวิ่งมาที่ฉันทันที“พวกแกกำลัง...ทำอะไรกัน” คริสตัลเป็นคนเปิดฉากถามฉัน
“-_-” ฉันพูดอะไรไม่ออกได้แต่เงียบดูอาการยัยคริสไปก่อน
“พวกเธอต่างหากที่ทำอะไรกันอยู่ ^ ^*” วอยซ์จ้องไปที่คริสตัลกับเรนนี่ก่อนที่จะเอ่ยถามกวนๆทำเอายัยคริสถึงกลับเขินไปไม่ถูกเลยทีเดียว
“ก็ทำเหมือนที่แกจะทำกับโบรานั่นแหระ”
“ไอ้เรน!”
“O_O!”
“หมายความว่าไง” ยัยคริสตัลหลุดจากพวังความเขินทันทีหลังจากที่เรนนี่ปล่อยประเด่นระหว่างฉันกับวอยซ์ออกมา
“ก็หมายความว่าสองนี้ก็กำลังจะทำเหมือนที่เราทำกันเมื่องี้ไงยัยโง่” เรนนี่ดีดหัวยัยคริสเพื่อเรียกสติเบาๆ
“ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องผิดที่คู่หมั้นจะจูบกัน แต่ในเมื่อพวกเธอยังไม่แน่ใจว่ามันเป็นความจริงก็ไม่ควรทำไม่ใช่หรอ”
“เธอกลายเป็นคนหัวโบราณตั้งแต่เมื่อไหร่คริสตัล โบราไม่เห็นจะว่าอะไรฉันเลยนะ” วอยซ์หันไปพูดแหย่คริสตัลเล่นๆ
“มันก็ตั้งแต่ที่ฉันรู้ว่าผู้ชายที่ฉันคลั่งไคล้สุดจิตกลายเป็นคู่หมั้นเพื่อนรักหัวโบราณของฉันนั่นแหละ”
“ก็เลยกลายเป็นว่าสมองเธอกับยัยนั่นสลับกันงั้นหรอ”
“เดี๋ยวนะ! ไอ้วอยซ์แกกับโบราเป็นคู่หมั้นกันอย่างงั้นหรอ”
“อืม”
“ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลยวะ”
“ก็มันเป็นเรื่องในครอบครัวฉันไง แกมันคนนอกไอ้เรน”
“เอ่อ! ใช่ฉันมันคนนอก”
“เรนนี่” ฉันทำท่าเหมือนจะวิ่งตาม เพราะรู้สึกว่าที่เรนนี่ต้องโกรธแบบนั้นฉันเป็นต้นเหตุยังไงไม่รู้
“ช่างมันเถอะ ไม่ต้องตามไปหรอก” วอยซ์ดึงแขนฉันเอาไว้ก่อน
“แต่เขากำลังโกรธนายอยู่นะ”
“ช่างมันเถอะน่า”
“- -‘’”
“นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรไอ้เรนมันโกรธได้ไม่นานหรอก อีกอย่างที่ฉันไม่อยากบอกใครเพราะฉันยังหาทางออกไม่ได้เลยไม่“แล้วบารอนรู้เรื่องนี้รึเปล่า”
“ฉันว่าเรากลับกับเถอะ”
อยากให้เราสองคนต้องเดือดร้อน”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา