Secret story ความรักครั้งนี้...อย่าบอกใคร!
10.0
เขียนโดย Yugar
วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 12.39 น.
5 บท
0 วิจารณ์
8,261 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2562 10.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) เห็นบุญคุณกันบ้างเถอะ...ไอ้วานร!!!
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 3
กลับมาถึงบ้าน
“หมอนั่นยังไม่กลับสินะ” เห็นบ้านเงียบๆฉันเลยบ่นขึ้นมาเบาๆ “ดีเลย ฉันจะได้ขนของมันออกจากห้อง แล้วยึดห้องฉันคืนสักที” ว่าแล้วฉันก็รีบขึ้นไปบนห้องแล้วจัดการขนข้าวของของหมอนั่นออกไปไว้ที่ห้องว่างอีกห้อง และโชคดีที่ห้องนี้ยังมีเตียงนอนอยู่และตู้เสื้อผ้าอีกทั้งเฟอร์นิเจอร์อื่นๆครบแถมยังมีห้องน้ำในตัวและใหญ่พอๆกับห้องฉันเลยล่ะ อีกอย่างก็ไม่สกปกเท่าไหร่ด้วย ฉันเลยจัดการจัดทุกอย่างให้หมอนั่นเรียบร้อยทั้งจัดห้องและทำความสะอาดจนเหนื่อยหอบสุดๆ
“เฮ้อ...เหนื่อยเป็นบ้าเลย” หลังจากที่จัดการห้องเสร็จสับตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดินจนตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววว่าหมอนั่นจะกลับมาเลย “หิวชะมัด” ท้องที่ฟ้องว่าหิวมานานแล้วเริ่มร้องโวยวายมันเลยทำให้ฉันทนไม่ไหวจนต้องเดินลงไปหาอะไรกินในครัวสักหน่อย “O_O!” แต่พอเดินลงมาถึงห้องรับแขกสิ่งที่ฉันเจอเกือบทำให้ฉันหัวใจวาย เมื่อสิ่งนั้นคือ...
“ละ...ละเลือด!!!” ฉันยื่นแน่นิ่งอยู่ชั่วขณะ จนวอยซ์ผู้ที่ซึ่งเลือดอาบหน้าอยู่เดินเข้ามาเรียกสติฉัน
“โบรา” หมอนั่นเอ่ยชื่อฉันออกมาอย่างแผ่วเบา เหมือนลมหายใจเริ่มเหือดแห้ง
“นายไปฟัดกับหมาที่ไหนมาเนี่ย”
“อย่าเพิ่งถามอะไรได้ไหมพาฉันขึ้นห้องก่อนฉันจะไม่ไหวแล้ว...”
“เอ่อได้ๆ” แล้วฉันก็รีบพยุงหมอนั่นไปที่ห้องเขาตามที่เขาบอกทันที โชคดีนะที่ฉันจัดห้องให้สะอาดเรียบร้อยไร้เชื้อโรค “สรุปนายไปมีเรื่องกับใครมาถึงได้เป็นแบบนี้” ฉันถามทันทีที่พยุงหมอนั่นขึ้นมาถึงเตียง ปกติก็ไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านหรอกนะแต่เรื่องนี้ก็ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ และฉันจำเป็นต้องรู้ด้วย
“ฉัน..” หมอนั่นมองหน้าฉันก่อนที่จะทรุดตัวล้มลงทับฉันแล้วก็สลบไปทั้งที่ยังไม่ทันจะพุดอะไรเลย
“อ้าวเฮ้ย.. แล้วฉันจะทำยังไงล่ะเนีย” หลังจากที่ใช้แรงแทบทั้งหมดที่เหลืออยู่ผลักหมอนั่นออกจากตัวเองได้ ฉันก็จัดการให้เขานอนในท่าที่สบายตัว ก่อนที่ตัวเองจะนั่งกุมขมับเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรก่อนดี ตั้งแต่เกิดมาก็เจอเรื่องแบบนี้ครั้งแรก ฉันยืนมองหมอนั่นสักพักแล้วตัดสินใจเดินไปเอากล่องพยาบาลในห้องฉันมาทำแผลให้เขา “เสร็จเรียบร้อย ที่จริงแผลที่หัวหมอนี่ก็ไม่ได้กว้างมากหรือลึกสักหน่อย มีแต่รอยฟกช้ำเหมือนแค่โดนต่อยหน้า แล้วเลือดพวกนั้นมาจากไหนฟร่ะ”
หลังจากที่ทำแผลให้หมอนั่นเสร็จฉันยืนสำรวจไปทั่วร่างกายหมอนั่นก่อนที่จะหันหลังเดินไปจากห้อง “แล้วฉันจะปล่อยให้หมอนั่นนอนในสภาพแบบนั้นหรอเนี่ย ดูเหมือนว่าจะมีไข้ซะด้วย” พอคิดได้ฉันก็เดินกลับมาหาหมอนั่น ก่อนที่จะจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ชัดตัวให้เรียบร้อย “โอเค น่าจะดีขึ้นแล้วนะ” ฉันเอามือแตะที่หน้าผากหมอนั่นเบาๆเพื่อเช็คดูว่าไข้ลดลงรึยัง “ไข้ไม่ได้สูงมากนายนอนคนเดียวก็แล้วกัน” ว่าแล้วฉันก็เดินไปอาบน้ำเตรียมที่จะเข้านอน “หมอนั่นขี้กลัวจะตายปล่อยให้นอนคนเดียวคง...” ฉันส่ายหัวไปมาเพื่อสลัดความคิดที่กำลังรบกวนการนอนของฉันแต่สลัดเท่าไหร่มันก็ไม่ออกไปสักที “อีกอย่างหมอนั่นก็ไม่สบายซะด้วย ถ้าขืนฝันเจอผีแล้วตื่นขึ้นมาในห้องที่ไม่คุ้นและไม่เจอใครเขาต้องช็อคตายแน่ โอ้ย...” ว่าแล้วฉันก็รีบไปหาหมอนั่นทันทีแล้วกลายเป็นว่าฉันต้องนอนเฝ้าเขาทั้งคืน แต่โชคดีที่หมอนั่นไม่ได้ฝันร้ายและละเมออย่างที่ฉันคิดไว้เลยทำให้คืนนี้หลับสบายหน่อย
“โอ๊ย!” ขณะที่หลับสนิทในเช้าที่สุดแสนจะอากาศดี แต่แล้วก็มีมารมาผจญฉันจนได้เมื่อฉันรู้สึกเหมือนใครบางคนใช้บาทาเหยียบลงที่ท้องฉันเต็มแรงจนฉันต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และพอลืมตาก็รู้ว่าบาทานั่นไม่ใช่ของใครที่ไหนแต่เป็นของคนไข้ของฉันที่เพิ่งตื่นและเดินลงมาจากเตียงโดยที่ไม่ดูตาม้าตาเรือเลยเหยือบเข้าที่ท้องฉัน คนที่อุตส่าเสียสละนอนเฝ้าอยู่ข้างล่างทั้งคืน
“เธอมานอนทำอะไรตรงนี้เนี่ย” หมอนั่นยังสะลึมสะลือเหมือนยังตื่นไม่เต็มที่และไม่มีอาการตื่นตระหนกกับการทำร้ายฉันเลยแม้แต่นิด แถมยังถามเหมือนเป็นความผิดของฉันอีกด้วย นี่เขาเรียกว่าทำคุณบูชาโทษใช่ไหมเนี่ยยยยยยย
“นอนหาเห็บมั้ง! ฉันก็มานอนเฝ้าไข้นายน่ะสิ -*-^” ฉันตะคอกออกไปด้วยอารมณ์โกรธสุดๆโกรธจนเลือดขึ้นไปเลี้ยงสมองไม่พอแล้วตอนนี้
“อ้าวหรอ งั้นไปทำอะไรให้กินหน่อยสิฉันรู้เพลียๆยังไงก็ไม่รู้”
“โห...ท่านคุณชายเทวดาจ๊ะ ตื่นมายังไม่ขอบคุณฉันสักคำก็ใช้ก่อนเลยนะ”
“เอาไว้ก่อนได้ไหม”
“เอ่อ!” ที่ยอมไม่ใช่เพราะนายหรอกนะ แต่เพราะฉันก็หิวเหมือนกันยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อคืนไม่รู้ว่าพระญาติ (พยาธิ) ตัวน้อยๆในท้องฉันจะเป็นยังไงกันบ้างสงสัยจะตายไปเป็นร้อยแล้วมั้ง
“อาหารมาเสริฟแล้วค่ะคุณชาย...” หลังจากที่ทำอาหารเสริฟฉันก็เอาขึ้นไปให้หมอนั่นที่ห้อง เพราะเห็นว่าไม่สบายหรอกนะเลยต้องเอามาเสริฟให้ถึงที่
“ทำอะไรกินน่ะ” อะไรกันนอนสบายอยู่บนเตียงไม่เดินมารับฉันแถมยังจะมีติอาหารที่ฉันทำอีกหรอเนี่ย
“อาหารคนป่วย” พูดจบฉันก็กระแทกถ้วยข้าวต้มร้อนๆลงไว้ที่โต๊ะข้างเตียง แล้วหันหลังเดินออกไปจากห้อง แต่ยังไม่ทันก้าวเดินหมอนั่นก็เรียกไว้ซะก่อน
“เดี๋ยวก่อนสิ”
“อะไร!” ฉันหันกลับมากระแทกเสียงใส่อย่างไม่พอใจ
“เธอเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉันหรอ”
“ใช่ ก็อยู่กันแค่สองคนถ้าฉันไม่ทำแล้วใครจะทำกันล่ะ ผีรึไง”
“เปลี่ยนกางเกงด้วยหรอ”
“อืม ทำไม”
“เรามี...”
“มีอะไร”
“เรามีอะไรกันใช่ไหม”
“ไอ้โรคจิต!”
“ฉันรู้ว่ามันยากนะที่จะอยู่กับคนอย่างฉัน แต่เธอน่าจะอดทนหน่อยสิ เธอทำกับฉันได้ทั้งๆที่ฉันไม่สบายนี่มันใจร้ายจริงๆเลยนะ”
“นี่...เดี๋ยวนะ” ฉันถึงขั้นพูดไม่ออกเลยทีเดียวเมื่อได้ยินคำกล่าวหาของหมอนั่น
“ฉันรู้นะว่ามันยากที่จะอดใจไหว แต่เธอก็ไม่ควรทำแบบนี้เลยนะน่าจะอดใจรอตอนฉันมีสติหน่อยสิฉันจะได้มีความสุขด้วย ทำแบบนี้ก็เท่ากับว่าเธอเห็นแก่ตัวมีความสุขอยู่คนเดียวน่ะสิ” หนอย...ฉันอุตส่าเฝ้าไขทั้งคืนกลับตอบแทนฉันด้วยคำกล่าวหาที่แสนจะหยาบคายแบบนี้อ่ะหรอ
“ฟังนะ ฉันไม่ได้ทำเรื่องน่าขยะแขยงที่นายพูดนั่นเลยแหมแต่นิด” หลังจากที่ทนฟังหมอนั่นพร้ำต่อไปไม่ไหว ฉันก็ต้องอธิบายให้ชัดเจนสักที “หุ่นที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็ค หน้าอกที่แน่นปึ๊ก หน้าตาที่หล่อเหลาอย่างกับออกมาจากภาพวาด ผิวที่ขาวเนียนอย่างกับน้ำนมของนาย สิ่งพวกนี้ไม่สามารถเร้าอารมณ์ฉันได้เลยแหมแต่นิด!”พูดจบฉันก็เดินออกไปจากห้องนั่นจริงๆแบบไม่คิดจะหวนกลับมาที่นี่อีกเลย ถึงมันจะเป็นบ้านฉันก็เถอะ
“โบรา โบรา โบรา นี่ยัยโบราณเดี๋ยวก่อนสิ ^ ^*”
“ถึงนายจะเรียกให้ตายฉันก็ไม่มีวันหันกลับไปเด็ดขาด” ฉันบ่นกับตัวเอง ก่อนที่จะรีบเดินลงปข้างล่างแบบไม่เหลียวหลังเลย
“การที่ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้านี่มันดีจริงๆเลยทำให้ชื่นใจหายหงุดหงิด” ฉันเดินออกมาสูดอากาศยามเช้าที่หน้าบ้านเพื่อให้ลืมเรื่องปวดประสาทพวกนั้น ก่อนที่เส้นเลือดในสมองฉันจะแตกตาย
“จ๊ะเอ๋!โบรา”
“ยัยคริส! แกมาได้ไงอ่ะ O_O!” เช้าอันสดใสของฉันโดนยัยคริสทำลายซะแล้ว เมื่อยัยนั่นโผล่มาเซอร์ไพส์ฉันถึงบ้าน
17/05/2013
“ถามแปลก ฉันก็นั่งรถมาสิยัยบ้า”
“ฉันหมายความว่าแกมาทำไม”
“ก็มาหาแกไงถามแปลกอีกแล้วนะ ถ้าไม่ให้มาหาแกจะให้มาหาลิงตัวไหนยะ” ลิง! จริงสิวอยซ์อยู่ในบ้าน
“-*-;”
“แกเป็นไรไปวะ ทำหน้ายังกับปวดขี้”
“เปล่า” ฉันว่าฉันเริ่มเล่นครเก่งแล้วนะ หวังว่าแกคงจับไม่ได้นะคริสสสส “แล้วแกมีเรื่องด่วนอะไรหรอถึงได้มาหาฉันถึงบ้าน”
“ก็โทรหาไม่ติดน่ะสิ โทรศัพท์บ้าบอนั่นแกก็ซ่อมสักทีเถอะ นี่มันพังไปกี่รอบแล้วเนี่ย ที่จริงซื้อมือถือจะดีมากฉันจะได้ไม่ต้องถ่อสังขารมาหาแกทุกครั้งที่มีเรื่องด่วนแบบนี้ มันเหนื่อยรู้มั๊ย!”
“เอ่อๆ เดี๋ยวซื้อน่าฉันรู้แล้วว่ามันจำเป็น”
“เอ่อดี แล้วก็เรื่องด่วนที่ฉันมาหาแกคือโค้ดเลื่อนวันที่จะไปเก็บตัว”
“เลื่อนไปวันไหนอ่ะ”
“วันนี้”
“วันนี้!”
“เอ่อ รถออกบ่ายโมงรีบไปเก็บของซะ”
“บ่ายโมง!”
“ใช่! แล้วแกจะตกใจอะไรนักหนาเนี่ย”
“เปล่า แค่กลัวเก็บของไม่ทันอ่ะ”
“งั้นเดี๋ยวฉันเก็บช่วย” ยัยคริสทำท่าจะเดินเข้าไปในบ้าน
“ไม่ต้อง แกกลับไปเก็บของแกเถอะ”
“ฉันเก็บเรียบร้อยแล้ว”
“แต่แกควรเตรียมตัวให้ดีนะควรเช็คให้ดีว่าลืมอะไรรึเปล่า เพราะแกเป็นนักกีฬาส่วนฉันเดี๋ยวจะรีบเก็บ ของฉันไม่มีของสำคัญอะไรหรอก”
“โอเค งั้นฉันกลับแล้วนะเจอกับบ่ายโมงที่เดิมนะ” ว่าแล้วยัยคริสก็กลับไปเตรียมของที่บ้านต่อ ส่วนฉันก็โล่งอกได้สักที
“ใครมาหรอ” พอเดินเข้ามาในบ้านก็เจอปรสิตเกาะอยู่ที่โต๊ะรับแขกทำให้ต้องอารมณ์เสียอีกซ้ำสอง อีกอย่างปรสิตตัวนี้พูดได้ซะด้วยแถมยังชอบยุ่งเรื่องของฉันเอามากๆและยังกวนประสาทเก่งสุดๆไม่บอกก็แล้วนะว่าใคร
“ยุ่ง!”
“ก็คนมันอยู่บ้านเดียวกันมันก็ต้องอยากรู้เป็นเรื่องธรรมดาสิคร้าบบบบ”
“เขามาหาฉันไม่ได้มาหานาย เพราะฉะนั้นนายก็ไม่จำเป็นต้องรู้” ฉันรีบเดินขึ้นไปบนห้องและรีบยัดข้าวของใส่กระเป๋าเป้ใบโปรด ก่อนที่จะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปเก็บตัวกับชมรมกีฑาของยัยคริสตัล คราวนี้ฉันจะได้หนีจากไอ้คนลิงเทวดานี่สักที
“เฮ้! นี่เธอจะไปไหนน่ะ”
“หนีไปให้พ้นๆนายไงล่ะ”
“พูดเป็นเล่นน่า เธอจะหนีออกจากบ้านตัวเองเนี่ยนะ”
“ใช่ ก็บ้านฉันมันโดนลิงอย่างนายครอบครองไปแล้วหนิ”
“ฉันไม่ได้ครอบครองสักหน่อย เราอยู่ด้วยกันต่างหาก”
“แต่ฉันไม่อยากอยู่กับไอ้คนกวนประสาทอย่างนาย”
“เฮ้ย...แต่เธอสัญญาแล้วนะ”
“ใช่ ฉันสัญญาว่าจะให้นายอยู่ที่บ้าน แต่ฉันไม่ได้บอกว่าฉันจะอยู่คอยปรนนิบัติรับใช้นายด้วยหนิ”
“โบรา...อย่าไปเลยนะ” หมอนั่นรีบดึงแขนฉันไว้ขณะที่ฉันกำลังจะเดินออกไปจากบ้าน
“ปล่อย” ฉันพยายามสบัดมือหมอนั่นออก แต่มันเหนียวสมกับเป็นลิงจริงๆสบัดยังไงก็ไม่ออกสักที สถานการณ์เหมือนกับคู่สามีภรรยาที่จะย่ากันไม่มีผิดประเภทที่ว่าภรรยาหนีตามชู้อ่ะนะ
“ไม่ให้ไป! ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ...” หมอนั่นทำหน้าอ้อนใส่ฉัน พยายามที่จะให้ฉันเห็นใจสินะ ไม่มีวันซะหรอกฉันก็ห่วงชีวิตตัวเองนะโว้ย
“นี่นายเป็นเด็กรึไง ถึงต้องให้ฉันคอยดูแลตลอดเวลา”
“ก็บ้านเธอมันน่ากลัวหนิ”
“งั้นก็ย้ายไปอยู่ที่อื่นสิ”
“ไม่! L”
“งั้นก็ต้องทนอยู่ที่นี่คนเดียว เพราะฉันจะไปจากที่นี่เอง” ว่าแล้วฉันก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีสบัดมือหมอนั่นออกจนได้แล้วรีบวิ่งออกไปจากบ้านทันที ปล่อยให้หมอนั่นอยู่คนเดียวให้กลัวจนจับไข้ตายไปเลย “หวังว่ากลับมาฉันจะไม่เห็นหน้าลิงๆอย่างนายแล้วนะ”
“โบราทางนี้” ยัยคริสเรียกพร้อมโบกมือให้ฉันที่รถบาสคันหรู่ของชมรม
“เฮ้อๆๆนึกว่าจะไม่ทันจะแล้ว” ฉันวิ่งมาอย่างเหนื่อยหอบ ก่อนที่จะขึ้นรถไปนั่งข้างยัยคริสตัล
“เกือบไม่ทันน่ะสิ!ดีนะที่ฉันขอโค้ดได้ แล้วแกมัวทำอะไรอยู่เนี่ยช้าชะมัด”
“ช่างเถอะน่า ช้าแต่ก็ทันหนิ” ว่าแล้วฉันก็รีบนอนหนีปัญหาทันที และตื่นขึ้นมาอีกทีรถก็จอดนิ่งอยู่ที่ท่าเรือซะแล้ว
“เอาล่ะทุกคนลงจากรถแล้วก็ยื่นรอที่ท่าเรือสักพักนะ เพราะคนขับเรือเพิ่งโทรมาบอกว่าเรือมีปัญหานิดหน่อยน่ะ” โค้ดตะโกนบอกกับทุกคนบนรถก่อนที่ทุกคนจะย้ายก้นออกจากรถไปทีละคนอย่างเชื่องช้าด้วยอาการมึนๆ ช่างไม่สมกับเป็นนักกีฬาซะจริง ไม่เหมือนฉันซึ่งได้นอนเต็มที่ก็เลยกระปรี้กระเปร่าสุดๆรีบวิ่งลงไปดูทะเลแสนสวยก่อนใคร
“สวยชะมัด แถมอากาศยังดีมากๆด้วยแกว่ามั๊ย” ฉันหันไปถามยัยคริสที่เดินตามติดๆ ก่อนที่จะเดินต่อ ตรงไปยังท่าเรื่อที่ทอดยาวออกไปสู้ทะเล
“อืม ฉันก็เห็นว่ามันสวยทุกปีนะแต่ทำไมปีนี้แกดูชอบมันเป็นพิเศษวะ ทุกปีไม่เห็นว่าแกจะออกปากชมหรือออกอาการตื่นเต้นดีใจขนาดนี้เลยนะ”
“ก็ปีนี้มันสวยมากไงเลยอดที่จะชมไม่ได้” พอเดินมาถึงปลายท่าเรือที่ที่น้ำลึกพอที่จะมองเห็นปลาสวยๆว่ายเข้ามาชมนุมกันให้ได้เห็น ฉันก้มลงไปมองปลาพวกนั้นอย่างชื่นอกชื่นใจ ก่อนที่จะสะดุ้งตกใจเสียงกรี๊ดที่ดังกระหึ่มท่าเรือ
“กรี๊ดดดดดดด” พอหันกลับไปมองทางต้นเสียงก็พบว่ามีชายรูปงามสามคนยืนอยู่กลางท่าเรือ และเสียงกรี๊ดนั่นก็ไม่ใช่ของใครที่ไหนแต่เป็นของยัยคริสตัลแล้วก็สมาชิกชมรมคนอื่นๆที่เดินตามลงมา และถ้าจำไม่ผิดชายรูปงามสามคนนั่นก็คือ วอยซ์ เรนนี่แล้วก็หมอหน้าหล่อ อ๊ากกกกก ไม่นะ! มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิฉันอุตส่าหนีมาไกลขนาดนี้แล้วนะ
“เราสามคนขอไปด้วยได้ไหมครับโค้ด” วอยซ์เดินเข้าไปเจรจากับโค้ดที่เพิ่งเดินมาถึงท่าเรือ
“ให้พวกเขาไปด้วยนะคะโค้ด” โค้ดยังไม่ทันจะตอบทุกคนในชมรมก็วิ่งกรูเข้ามาที่โค้ดก่อนที่จะพูดขึ้นพร้อมเพียงกันแถมยังเสียงดังฟังชัดสมกับเป็นนักกีฬาจริงๆ
“ไม่ได้” แต่แล้วคำตอบของโค้ดก็ทำให้ฉันชื่นนนนใจจริงๆอย่างนี้สิโค้ดตัวจริงแรงเยอร์!
“ทำไมล่ะคะ” ทุกคนถามขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง
แหม...พอเรื่องอย่างนี้สมัคคีกันจริงๆเลยนะ
“ชมรมเราเป็นชมรมผู้หญิงนะ จะให้ผู้ชายไปด้วยได้ยังไง”
ใช่ๆโค้ดมีเหตุผลจริงๆ ^ ^
“แต่โค้ดก็เป็นผู้ชายนะคะ”
เอาแล้วไงยัยเพื่อนรักฉันออกโลงก่อนเพื่อนเลย คลั่งจริงๆเพื่อนเรา
“ก็ฉันเป็นโค้ดไง”
“โธ่...โค้ดคะนี่มันสมัยไหนแล้ว ยังมีเส้นขั้นระหว่างหญิงชายอีกหรอคะ”
“ใช่ฉันหัวโบราณ”
โค้ดนี่ไอดอลฉันเลยจริงๆ
“โค้ดดดดดดด” ทุกคนปล่อยพลังเสียงออกมาพร้อมกันอีกครั้ง
“โค้ดให้เราไปด้วยเถอะนะครับ เราสัญญาว่าจะไม่ก่อเรื่อง” วอยซ์พยายามขอร้องโค้ดเต็มที่ ไม่รู้ว่าหมอนี่จะอยากไปอะไรนักหนา ไม่มีฉันให้กวนมันจะขาดใจตายรึไงห่ะ
“โค้ดบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ และฉันก็ไม่เชื่อหรอกนะว่าคนอย่างพวกนายจะไม่ก่อเรื่องเลย” คราวนี้ฉันออกโลงเองเรื่องจะได้จบๆไปสักทีเพราะเรือก็มารอแล้ว เสียเวลา!
“โบรา!” ยัยคริสหันมาตะหวาดฉันทันทีที่ฉันพูดจบ แล้วความสุขเพื่อนกับความสุขตัวเองฉันควรเลือกอะไรดีเนี่ย
“ฉันมั่นใจว่าเราจะไม่ก่อเรื่องแน่” วอยซ์เดินเข้ามาขู่ฉันอย่างกระชั้นชิดถึงขั้นหน้าชิดหน้าเลยล่ะ
“ถ้าโค้ดไม่ให้พวกเขาไปเราจะกระโดดน้ำตอนนี้เลย” ว่าแล้วทุกคนก็ทำท่าว่าจริงกระโดดน้ำจริงๆ
“โอเคๆ งั้นก็รีบขึ้นเรือได้แล้ว” ว่าแล้วทุกคนก็รีบขึ้นเรือตามที่โค้ดสั่ง ส่วนฉันก็ยังยืนจ้องตากับวอยซ์ไม่เลิก
“ไปได้แล้วโบรา” ยัยคริสเดินมาลากฉันไปขึ้นเรือ ก่อนที่ผู้ชายสามคนนั่นจะเดินมาขึ้นไปที่เรือด้วย ไปเก็บตัวครั้งนี้บบรรยากาศไม่เหมือนครั้งอื่นๆจริงๆ เพราะท่าทางนักกีฬาจะกระปี้กระเป่าเป็นพิเศษจากอนุภาพความหล่อของผู้ชายสามคนที่ตามไปอยู่ด้วย
18/05/2013
พอเอาของไปเก็บใส่ที่เรียบร้อยฉันก็เลือกที่จะไปนั่งบนดาดฟ้าแคบๆบนเรือที่ที่เหมาะสำหรับคนไม่กลัวดำไม่ห่วงสวยอย่างฉัน ที่นี่เลยมีแค่ฉันคนเดียวที่เลือกขึ้นมานั่ง
“โชคดีจริงๆที่ยังพอมีที่แบบนี้เหลืออยู่บนเรือ”
“แบ่งให้ฉันนั่งด้วยคนสิ” อยู่ดีๆนายหมอหล่อก็โผล่หน้าขึ้นมาที่ดาดฟ้าอีกคน
“เฮ้ย!มาได้ไงเนี่ย ฉันนึกว่าจะโดนพวกสาวๆรุมอยู่ซะอีกนะ”
“นั่นมันไอ้วอยซ์กับไอ้เรนส่วนฉันหายตัวได้ไม่รู้หรอ”
“เอ่อ จริงสิทั้งที่หมอหน้าตาดีขนาดนี้ทำไมพวกสาวๆในชมรมถึงได้ทำเหมือนไม่เคยรู้จักไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนล่ะ อีกอย่างหมอก็อยู่ที่โรงเรียนตลอดไม่ใช่หรอทำไมถึงรอดพ้นจากสายตาคนในโรงเรียนได้”
“ฉันล่องหนได้ด้วยไง”
“ตอบมาดีๆสิฉันจริงจังนะ”
“อยากรู้จริงๆหรอ”
“ใช่”
“ปกติเธอไม่อยากรู้เรื่องคนอื่นไม่ใช่หรอ แล้วทำไมถึงอยากรู้เรื่องฉันล่ะ”
“ก็แค่สงสัยตอบๆมาเถอะน่า”
“หรือว่าเธอจะสนใจฉันเข้าซะแล้ว” หมอนี่พูดก็ถูก ฉันไม่อยากรู้เรื่องของคนอื่นให้รกสมองแต่ทำไมฉันถึงได้อยากรู้เรื่องเขาขึ้นมาล่ะ
“ไม่บอกก็ไม่ต้องบอกฉันก็ไม่ได้อยากรู้นักหรอก” ว่าแล้วฉันก็ทำการเชิดหน้าใส่ตามประสานิสัยคนยิ่ง ถึงจะอยากรู้อยู่ก็เถอะแต่ก็ต้องหยิ่งไว้ก่อนโบราสอนไว้
“โอเคๆเพราะเธอเป็นคนเดียวที่ได้เห็นหน้าฉัน”
“หมายความว่าไง” และแล้วถึงฉันจะทำเป็นหยิ่งแค่ไหนแต่ความสงสัยที่อยู่ลึกๆมันก็ทำให้ฉันเผลอถามต่ออยู่ดี
“ก็ฉันอยู่ที่ห้องพยาบาลที่ที่ไม่ค่อยมีใครเข้าไปอยู่แล้ว อีกอย่างฉันก็ใส่หน้ากากอนามัยไว้ตลอดก็เลยไม่มีใครเคยเห็นหน้านอกจากไอ้เรนไอ้วอยซ์แล้วก็มีแค่เธอที่บังเอิญเห็นตอนที่ฉันเผลอถอดมันออกพอดี แต่ก็โชคดีนะที่เธอไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน”
“งั้นก็หมายความว่าคนทั้งโรงเรียนมีแค่สามคนที่รู้จักหมองั้นหรอ”
“ใช่ พวกเธอคือ...เดอะวินเนอร์และฉันก็คือยอดมนุษย์” พูดจบเค้าก็ทำท่าซุปเปอร์แมนโชว์ จนฉันอดขำไม่ได้
“ว้าว...เจ๋งชะมัด” ฉันปรบมือเพื่อเป็นเกียรติให้กับคุณหมอที่ทั้งหน้าตาดีแถมยังมีความคิดเป็นเริ่ดสุดๆหวังว่าหมอส่วนใหญ่จะไม่เป็นแบบนี้กันหมดนะ
“^ ^*”
“แล้วมาทริปนี้หมอไม่กลัวจะกลายเป็นคนดังเหมือนวอยซ์กับเรนนี่หรอ”
“ไม่กลัว ก็บอกแล้วไงว่าฉันเป็นยอดมนุษย์ที่ใครๆก็ไม่อาจเข้าถึงตัวตนที่แท้จริงได้^ ^”
“บารอน! แกอยู่ไหนวะ”
“มีอะไร” ที่แท้หมอหน้าหล่อนี่ก็ชื่อบารอนหรอกหรอเนี่ย งั้นต่อไปก็ขอเรียกว่าบารอนก็แล้วกันนะ
“O_O^” แล้ววอยซ์ก็โผล่ขึ้นมาบนดาดฟ้าอีกคนด้วยอาการอึ้งตะลึงตึ่งโป๊ะ ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าหมอนั่นจะอึ้งทำไมก็แค่เห็นฉันคุยกับหมออย่างมีความสุข สงสัยว่าเขาจะเป็นประเภาทที่ไม่ชอบคนคนอื่นมีความสุขหรืกที่เรียกง่ายๆว่าขี้อิจฉานั่นเอง
“เฮ้ย!สรุปแกมีอะไร” บารอนทนไม่ไหวถึงขั้นต้องตะโกนเรียกสติวอยซ์
“ทำไมแกสองคนมาดักดานอยู่ที่นี่” นี่เค้าเสียสติรึไงขึ้นมาเหมือนมีเรื่องด่วนแต่แล้วก็แค่มีถามแค่นี้อ่ะนะ
“แค่หลีกหนีความวุ่นวายมาหาความสุข”
“-_-” ฉันไม่ขอออกความคิดเห็นใดๆเพราะมันก็เป็นที่ประจำของฉันอยู่แล้ว
“และได้สุขรึยังล่ะ”
“นี่นายจะถามเอาโหล่รึไงห่ะ”
“ใช่ แล้วมีให้รึเปล่าล่ะ” กวนประสาทได้ทุกเวลาจริงๆ
“ไม่มีแล้วก็ไม่ให้ด้วย มาขัดความสุขของคนอื่นแล้วยังไม่กวนประสาทอีก รีบลงไปหาสาวๆนายโน่นไป้ชิ้วชิ้ว...” ฉันพูดไล่หมอนั่นพร้อมโบกมือไล่แสดงความจริงจังสุดๆ
19/05/2013
“ไม่ไป” นายวานรตอบกลับเสียงแข็งพร้อมกับจับมือฉันที่โบกไปมาเอาไว้แน่นด่อนที่จะหันไปหานายหมอแล้วพูดต่อ “ส่วนนายก็ลงไปหาไอ้เรนได้แล้วก่อนที่มันจะเมาเรือตายซะก่อน” ว่าแล้วนายหมอก็รีบลงไปหาเรนทันที ทิ้งให้ฉันต้องปวดประสาทกับหมอนี่ต่อ
“ที่แท้เรื่องที่นายตั้งใจมาหาบารอนก็เรื่องเรนนี่งั้นหรอ”
“ใช่”
“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ -*-^” ว่าแล้วฉันก็ทำท่าว่าจะลงไปไปหาเรนนี่ แต่ก็โดนวอยซ์ฉุดไว้ซะก่อน
“จะไปไหน”
“ก็ไปหาเรนนี่น่ะสิ”
“ไม่ต้อง”
“แต่ฉันมีหน้าที่เป็นพยาบาลนะ”
“แต่ ไอ้บารอนก็ไปแล้วหนิ”
“แต่ฉัน..” ยังไม่ทันทีจะพูดจบวอยซ์ก็ดันพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน เสียมารยาทจริงๆ
“ไม่ให้ไป”
“มีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉันห่ะ”
“คนในครอบครัวไง”
“นายเป็นคนในครอบครัวฉันตอนไหนยะ”
“ก็ตั้งแต่ที่ฉันย้ายเข้าไปอยู่บ้านเธอ”
“นายเป็นผู้อาศัยต่างอีกย่ะหรือที่เรียกอีกอย่างว่าปรสิตรู้ไว้ซะด้วย”
“งั้นฉันจะลงไปบอกทุกคนว่าเราอยู่กินกันแล้ว” อ๊ายยยยช่างใช้คำไม่เหมาะสมจริงๆคำนี้มันใช้สำหรับคู่รักที่อยู่กันก่อนแต่งไม่ใช่หรอยะ
“ถ้าขืนว่าฉันยอมนายอีกนายก็คงจะเอาเรื่องนี้มาขู่ฉันได้ตลอดเลยสินะ งั้นก็เชิญนายไปบอกเลย ไหนๆฉันก็ไม่มีทางเลือกแล้วก็คงต้องยอมกระโดดลงน้ำฆ่าตัวตายดีกว่าให้นายค่อยๆสูบเลือดฉันไปจนตาย” ว่าแล้วฉันก็รีบเดินลงไปจากตรงนั้นทันทีถึงจะยังมีเสียงสัมภเวสีเรียกตามอยู่ก็เถอะ
“เรนเป็นยังไงบ้าง” พอมาถึงข้างล่างฉันก็รีบเดินเข้าถามข่าวคราวจากยัยคริสตัลก่อนทันที ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็ต่างมุงดูเรน อย่างเป็นห่วงและบ้างก็มองโปรยเสน่ห์ให้บารอนที่อยู่ข้างๆเรน
“ดูท่าจะอาการหนักอยู่พอสมควรแหละ” ยัยคริสมองไปทางเรนอย่างเป็นห่วงก่อนที่จะหันมาตอบฉัน ก่อนที่ฉันจะเดินแหวกฝูกชนเขาไปหาเรนเพื่อดูอาการสักหน่อย
“นายเป็นยังไงบ้าง” ฉันถามออกไปอย่างเป็นห่วง ส่วนหมอนั่นก็เหงยหน้าขึ้นมามองฉันปริบๆก่อนที่จะตอบด้วยเสียงที่อิดโรยไร้เรี่ยวแรง
“ฉันสบายดี” หมอนี่ปากแข็งชะมัดทั้งที่หน้าซีดขนาดนั้นแถมในมือก็ยังคงถือยาดมกันตายไว้อยู่
“นายจะสบายได้ยังไงหน้าซีดขนาดนี้” ว่าแล้วฉันก็เอามือไปแตะที่หน้าผากเขาเบาเพื่อเชคดูว่ามีไขด้วยรึเปล่า ถึงแหมว่าจะมีหมออย่างบารอนอยู่ข้างแต่ฉันก็ยังอดเป็นห่วงเขาไม่ได้อยู่ดู
“มันไม่เป็นไรมากหรอกเดี๋ยวพอถึงฝั่งก็คงหายเห็นโค้ดบอกว่าใกล้ถึงแล้วหนิ” บารอนตอบอย่างสุภาพสมกับเป็นหมอจริงๆ
“มันไม่ตายหรอกน่า” แล้วไอ้วานรก็ตามลงมากวนประสาทฉันอีกจนได้ ทำไมหมอนี่ถึงได้ขวางโลกได้ถึงขนาดนี่นะเกิดมาพร้อม...รึไงนะ
“ไม่เป็นไรหรอกโบรา...ไม่ต้องห่วงฉันขนาดนั้นก็ได้...” เรนหันไปทำตาขวางใส่วอยซ์ก่อนที่จะหันมาส่งตาหวานให้ฉันแถมยังกุมมือฉันไว้อีกด้วย ทำอย่างกับเราเป็นคนรักกันแหนะ
“โบรา” ยัยคริสเรียกชื่อฉันก่อนที่จะมาลากตัวฉันออกไปจากตรงนั้น
“มีอะไรหรอ”
“เรนนี่รู้ชื่อแกได้ไง” ซวยแล้วไงยัยคริสยิ่งเป็นคนช่างสังเกตุซะด้วย ถ้ายัยนี่เริ่มสงสัยเรื่องเรนอีกสักหน่อยก็คงจะสงสัยเรื่องวอยซ์ด้วย แล้วฉันจะทำยังไงดีเนี่ย
“สงสัยจะได้ยินแกเรียกมั้ง”
“ฉันยังไม่เคยเรียกแกต่อหน้าเรนนี่เลยนะ” เวลายัยนี่สงสัยน่ากลัวชะมัด
“ถึงแล้ว ทุกคนรีบขึ้นของลงจากเรือแล้วก็ไปรอที่หน้าบ้านพักก่อนนะเดี๋ยวครูจะแบ่งห้องพักให้” โชคดีที่เสียงของโค้ดช่วยไว้ได้ทันและก็ถึงเกาะพอดีด้วย ถือว่าฉันยังมีบุญเหลืออยู่นะเนี่ย
“ไปกันเถอะ” ว่าแล้วฉันก็รีบเดินไปเก็บของแล้วก็ลงจากเรือไป
“นี่กุญแจห้องนะ นอนห้องละสองคนก็เลือกเอาเองแล้วกันว่าใครจะนอนกับใคร” พอทุกคนมารวมตัวกันโค้ดก็จัดการแจกกุญแจห้องพักให้ทันที
“งั้นฉันนอนกับวอยซ์แล้วกัน” สาวๆรีบวิ่งกรู่เข้ามาหาวอยซ์ทันทีและถ้าจำไม่ผิดยัยคนที่พูดขึ้นคนแรกน่าจะชื่อแยมมี่นะ และเท่าที่รู้จากยัยคริสยัยนี่แรงที่สุดในชมรมแล้วแถมหุ่นยังเซ็กซี่สุดๆอีกด้วย
“งั้นฉันจะนอนกับเรนนี่”
“ฉันจะนอนกับบารอน”
“ไม่ได้ฉันจะนอน”
“ฉันมาก่อน”
“ฉันมาก่อนย่ะ” เกิดสครามขึ้นบนเกาะนี้ซะแล้ว และมันก็ชุลมุนวุ่นวายไปหมดจนจะมีการฆ่ากันตายซะแล้วขนาดฉันที่ไม่มีส่วยเกี่ยวข้องกับการแย่งชิงฉันยังโดนลูกหลงด้วยเลย นี่แหละเป็นผลที่ทำให้ฉันเกลียดความวุ่นวายเป็นที่สุด
“ส่วนพวกนายนอนก็ห้องใหญ่สามคนแล้วกัน” หลังจากที่ชุลมุนอยู่พักใหญ่โค้ดเกิดเดินมาชี้แจ้งให้ชัดเจนพร้อมกับกุญแจห้องสำหรับสามหนุ่มฮอตทำเอาสาวๆต่างหงอยไปเลยทีเดียวคนที่อย่างนอนกันวอยซ์กับเนรหรือกับบารอรก็อดไปก่อนแล้วกัน
“ครับ” หลังจากที่สามหนุ่มนั่นตอบตกลงกับโค้ดเหตุการก็ดูโอเคขึ้ถึงจะมีการงอนค้อนนอยย์อยู่ก็เถอะแต่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้เมื่อทั้งสามคนนั่นรับกุญแจจากโค้ดแล้วก็สบัดพวกสาวๆออกก่อนจะเดินหนีไป
กลับมาถึงบ้าน
“หมอนั่นยังไม่กลับสินะ” เห็นบ้านเงียบๆฉันเลยบ่นขึ้นมาเบาๆ “ดีเลย ฉันจะได้ขนของมันออกจากห้อง แล้วยึดห้องฉันคืนสักที” ว่าแล้วฉันก็รีบขึ้นไปบนห้องแล้วจัดการขนข้าวของของหมอนั่นออกไปไว้ที่ห้องว่างอีกห้อง และโชคดีที่ห้องนี้ยังมีเตียงนอนอยู่และตู้เสื้อผ้าอีกทั้งเฟอร์นิเจอร์อื่นๆครบแถมยังมีห้องน้ำในตัวและใหญ่พอๆกับห้องฉันเลยล่ะ อีกอย่างก็ไม่สกปกเท่าไหร่ด้วย ฉันเลยจัดการจัดทุกอย่างให้หมอนั่นเรียบร้อยทั้งจัดห้องและทำความสะอาดจนเหนื่อยหอบสุดๆ
“เฮ้อ...เหนื่อยเป็นบ้าเลย” หลังจากที่จัดการห้องเสร็จสับตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดินจนตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววว่าหมอนั่นจะกลับมาเลย “หิวชะมัด” ท้องที่ฟ้องว่าหิวมานานแล้วเริ่มร้องโวยวายมันเลยทำให้ฉันทนไม่ไหวจนต้องเดินลงไปหาอะไรกินในครัวสักหน่อย “O_O!” แต่พอเดินลงมาถึงห้องรับแขกสิ่งที่ฉันเจอเกือบทำให้ฉันหัวใจวาย เมื่อสิ่งนั้นคือ...
“ละ...ละเลือด!!!” ฉันยื่นแน่นิ่งอยู่ชั่วขณะ จนวอยซ์ผู้ที่ซึ่งเลือดอาบหน้าอยู่เดินเข้ามาเรียกสติฉัน
“โบรา” หมอนั่นเอ่ยชื่อฉันออกมาอย่างแผ่วเบา เหมือนลมหายใจเริ่มเหือดแห้ง
“นายไปฟัดกับหมาที่ไหนมาเนี่ย”
“อย่าเพิ่งถามอะไรได้ไหมพาฉันขึ้นห้องก่อนฉันจะไม่ไหวแล้ว...”
“เอ่อได้ๆ” แล้วฉันก็รีบพยุงหมอนั่นไปที่ห้องเขาตามที่เขาบอกทันที โชคดีนะที่ฉันจัดห้องให้สะอาดเรียบร้อยไร้เชื้อโรค “สรุปนายไปมีเรื่องกับใครมาถึงได้เป็นแบบนี้” ฉันถามทันทีที่พยุงหมอนั่นขึ้นมาถึงเตียง ปกติก็ไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านหรอกนะแต่เรื่องนี้ก็ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ และฉันจำเป็นต้องรู้ด้วย
“ฉัน..” หมอนั่นมองหน้าฉันก่อนที่จะทรุดตัวล้มลงทับฉันแล้วก็สลบไปทั้งที่ยังไม่ทันจะพุดอะไรเลย
“อ้าวเฮ้ย.. แล้วฉันจะทำยังไงล่ะเนีย” หลังจากที่ใช้แรงแทบทั้งหมดที่เหลืออยู่ผลักหมอนั่นออกจากตัวเองได้ ฉันก็จัดการให้เขานอนในท่าที่สบายตัว ก่อนที่ตัวเองจะนั่งกุมขมับเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรก่อนดี ตั้งแต่เกิดมาก็เจอเรื่องแบบนี้ครั้งแรก ฉันยืนมองหมอนั่นสักพักแล้วตัดสินใจเดินไปเอากล่องพยาบาลในห้องฉันมาทำแผลให้เขา “เสร็จเรียบร้อย ที่จริงแผลที่หัวหมอนี่ก็ไม่ได้กว้างมากหรือลึกสักหน่อย มีแต่รอยฟกช้ำเหมือนแค่โดนต่อยหน้า แล้วเลือดพวกนั้นมาจากไหนฟร่ะ”
หลังจากที่ทำแผลให้หมอนั่นเสร็จฉันยืนสำรวจไปทั่วร่างกายหมอนั่นก่อนที่จะหันหลังเดินไปจากห้อง “แล้วฉันจะปล่อยให้หมอนั่นนอนในสภาพแบบนั้นหรอเนี่ย ดูเหมือนว่าจะมีไข้ซะด้วย” พอคิดได้ฉันก็เดินกลับมาหาหมอนั่น ก่อนที่จะจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ชัดตัวให้เรียบร้อย “โอเค น่าจะดีขึ้นแล้วนะ” ฉันเอามือแตะที่หน้าผากหมอนั่นเบาๆเพื่อเช็คดูว่าไข้ลดลงรึยัง “ไข้ไม่ได้สูงมากนายนอนคนเดียวก็แล้วกัน” ว่าแล้วฉันก็เดินไปอาบน้ำเตรียมที่จะเข้านอน “หมอนั่นขี้กลัวจะตายปล่อยให้นอนคนเดียวคง...” ฉันส่ายหัวไปมาเพื่อสลัดความคิดที่กำลังรบกวนการนอนของฉันแต่สลัดเท่าไหร่มันก็ไม่ออกไปสักที “อีกอย่างหมอนั่นก็ไม่สบายซะด้วย ถ้าขืนฝันเจอผีแล้วตื่นขึ้นมาในห้องที่ไม่คุ้นและไม่เจอใครเขาต้องช็อคตายแน่ โอ้ย...” ว่าแล้วฉันก็รีบไปหาหมอนั่นทันทีแล้วกลายเป็นว่าฉันต้องนอนเฝ้าเขาทั้งคืน แต่โชคดีที่หมอนั่นไม่ได้ฝันร้ายและละเมออย่างที่ฉันคิดไว้เลยทำให้คืนนี้หลับสบายหน่อย
“โอ๊ย!” ขณะที่หลับสนิทในเช้าที่สุดแสนจะอากาศดี แต่แล้วก็มีมารมาผจญฉันจนได้เมื่อฉันรู้สึกเหมือนใครบางคนใช้บาทาเหยียบลงที่ท้องฉันเต็มแรงจนฉันต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และพอลืมตาก็รู้ว่าบาทานั่นไม่ใช่ของใครที่ไหนแต่เป็นของคนไข้ของฉันที่เพิ่งตื่นและเดินลงมาจากเตียงโดยที่ไม่ดูตาม้าตาเรือเลยเหยือบเข้าที่ท้องฉัน คนที่อุตส่าเสียสละนอนเฝ้าอยู่ข้างล่างทั้งคืน
“เธอมานอนทำอะไรตรงนี้เนี่ย” หมอนั่นยังสะลึมสะลือเหมือนยังตื่นไม่เต็มที่และไม่มีอาการตื่นตระหนกกับการทำร้ายฉันเลยแม้แต่นิด แถมยังถามเหมือนเป็นความผิดของฉันอีกด้วย นี่เขาเรียกว่าทำคุณบูชาโทษใช่ไหมเนี่ยยยยยยย
“นอนหาเห็บมั้ง! ฉันก็มานอนเฝ้าไข้นายน่ะสิ -*-^” ฉันตะคอกออกไปด้วยอารมณ์โกรธสุดๆโกรธจนเลือดขึ้นไปเลี้ยงสมองไม่พอแล้วตอนนี้
“อ้าวหรอ งั้นไปทำอะไรให้กินหน่อยสิฉันรู้เพลียๆยังไงก็ไม่รู้”
“โห...ท่านคุณชายเทวดาจ๊ะ ตื่นมายังไม่ขอบคุณฉันสักคำก็ใช้ก่อนเลยนะ”
“เอาไว้ก่อนได้ไหม”
“เอ่อ!” ที่ยอมไม่ใช่เพราะนายหรอกนะ แต่เพราะฉันก็หิวเหมือนกันยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อคืนไม่รู้ว่าพระญาติ (พยาธิ) ตัวน้อยๆในท้องฉันจะเป็นยังไงกันบ้างสงสัยจะตายไปเป็นร้อยแล้วมั้ง
“อาหารมาเสริฟแล้วค่ะคุณชาย...” หลังจากที่ทำอาหารเสริฟฉันก็เอาขึ้นไปให้หมอนั่นที่ห้อง เพราะเห็นว่าไม่สบายหรอกนะเลยต้องเอามาเสริฟให้ถึงที่
“ทำอะไรกินน่ะ” อะไรกันนอนสบายอยู่บนเตียงไม่เดินมารับฉันแถมยังจะมีติอาหารที่ฉันทำอีกหรอเนี่ย
“อาหารคนป่วย” พูดจบฉันก็กระแทกถ้วยข้าวต้มร้อนๆลงไว้ที่โต๊ะข้างเตียง แล้วหันหลังเดินออกไปจากห้อง แต่ยังไม่ทันก้าวเดินหมอนั่นก็เรียกไว้ซะก่อน
“เดี๋ยวก่อนสิ”
“อะไร!” ฉันหันกลับมากระแทกเสียงใส่อย่างไม่พอใจ
“เธอเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉันหรอ”
“ใช่ ก็อยู่กันแค่สองคนถ้าฉันไม่ทำแล้วใครจะทำกันล่ะ ผีรึไง”
“เปลี่ยนกางเกงด้วยหรอ”
“อืม ทำไม”
“เรามี...”
“มีอะไร”
“เรามีอะไรกันใช่ไหม”
“ไอ้โรคจิต!”
“ฉันรู้ว่ามันยากนะที่จะอยู่กับคนอย่างฉัน แต่เธอน่าจะอดทนหน่อยสิ เธอทำกับฉันได้ทั้งๆที่ฉันไม่สบายนี่มันใจร้ายจริงๆเลยนะ”
“นี่...เดี๋ยวนะ” ฉันถึงขั้นพูดไม่ออกเลยทีเดียวเมื่อได้ยินคำกล่าวหาของหมอนั่น
“ฉันรู้นะว่ามันยากที่จะอดใจไหว แต่เธอก็ไม่ควรทำแบบนี้เลยนะน่าจะอดใจรอตอนฉันมีสติหน่อยสิฉันจะได้มีความสุขด้วย ทำแบบนี้ก็เท่ากับว่าเธอเห็นแก่ตัวมีความสุขอยู่คนเดียวน่ะสิ” หนอย...ฉันอุตส่าเฝ้าไขทั้งคืนกลับตอบแทนฉันด้วยคำกล่าวหาที่แสนจะหยาบคายแบบนี้อ่ะหรอ
“ฟังนะ ฉันไม่ได้ทำเรื่องน่าขยะแขยงที่นายพูดนั่นเลยแหมแต่นิด” หลังจากที่ทนฟังหมอนั่นพร้ำต่อไปไม่ไหว ฉันก็ต้องอธิบายให้ชัดเจนสักที “หุ่นที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็ค หน้าอกที่แน่นปึ๊ก หน้าตาที่หล่อเหลาอย่างกับออกมาจากภาพวาด ผิวที่ขาวเนียนอย่างกับน้ำนมของนาย สิ่งพวกนี้ไม่สามารถเร้าอารมณ์ฉันได้เลยแหมแต่นิด!”พูดจบฉันก็เดินออกไปจากห้องนั่นจริงๆแบบไม่คิดจะหวนกลับมาที่นี่อีกเลย ถึงมันจะเป็นบ้านฉันก็เถอะ
“โบรา โบรา โบรา นี่ยัยโบราณเดี๋ยวก่อนสิ ^ ^*”
“ถึงนายจะเรียกให้ตายฉันก็ไม่มีวันหันกลับไปเด็ดขาด” ฉันบ่นกับตัวเอง ก่อนที่จะรีบเดินลงปข้างล่างแบบไม่เหลียวหลังเลย
“การที่ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้านี่มันดีจริงๆเลยทำให้ชื่นใจหายหงุดหงิด” ฉันเดินออกมาสูดอากาศยามเช้าที่หน้าบ้านเพื่อให้ลืมเรื่องปวดประสาทพวกนั้น ก่อนที่เส้นเลือดในสมองฉันจะแตกตาย
“จ๊ะเอ๋!โบรา”
“ยัยคริส! แกมาได้ไงอ่ะ O_O!” เช้าอันสดใสของฉันโดนยัยคริสทำลายซะแล้ว เมื่อยัยนั่นโผล่มาเซอร์ไพส์ฉันถึงบ้าน
17/05/2013
“ถามแปลก ฉันก็นั่งรถมาสิยัยบ้า”
“ฉันหมายความว่าแกมาทำไม”
“ก็มาหาแกไงถามแปลกอีกแล้วนะ ถ้าไม่ให้มาหาแกจะให้มาหาลิงตัวไหนยะ” ลิง! จริงสิวอยซ์อยู่ในบ้าน
“-*-;”
“แกเป็นไรไปวะ ทำหน้ายังกับปวดขี้”
“เปล่า” ฉันว่าฉันเริ่มเล่นครเก่งแล้วนะ หวังว่าแกคงจับไม่ได้นะคริสสสส “แล้วแกมีเรื่องด่วนอะไรหรอถึงได้มาหาฉันถึงบ้าน”
“ก็โทรหาไม่ติดน่ะสิ โทรศัพท์บ้าบอนั่นแกก็ซ่อมสักทีเถอะ นี่มันพังไปกี่รอบแล้วเนี่ย ที่จริงซื้อมือถือจะดีมากฉันจะได้ไม่ต้องถ่อสังขารมาหาแกทุกครั้งที่มีเรื่องด่วนแบบนี้ มันเหนื่อยรู้มั๊ย!”
“เอ่อๆ เดี๋ยวซื้อน่าฉันรู้แล้วว่ามันจำเป็น”
“เอ่อดี แล้วก็เรื่องด่วนที่ฉันมาหาแกคือโค้ดเลื่อนวันที่จะไปเก็บตัว”
“เลื่อนไปวันไหนอ่ะ”
“วันนี้”
“วันนี้!”
“เอ่อ รถออกบ่ายโมงรีบไปเก็บของซะ”
“บ่ายโมง!”
“ใช่! แล้วแกจะตกใจอะไรนักหนาเนี่ย”
“เปล่า แค่กลัวเก็บของไม่ทันอ่ะ”
“งั้นเดี๋ยวฉันเก็บช่วย” ยัยคริสทำท่าจะเดินเข้าไปในบ้าน
“ไม่ต้อง แกกลับไปเก็บของแกเถอะ”
“ฉันเก็บเรียบร้อยแล้ว”
“แต่แกควรเตรียมตัวให้ดีนะควรเช็คให้ดีว่าลืมอะไรรึเปล่า เพราะแกเป็นนักกีฬาส่วนฉันเดี๋ยวจะรีบเก็บ ของฉันไม่มีของสำคัญอะไรหรอก”
“โอเค งั้นฉันกลับแล้วนะเจอกับบ่ายโมงที่เดิมนะ” ว่าแล้วยัยคริสก็กลับไปเตรียมของที่บ้านต่อ ส่วนฉันก็โล่งอกได้สักที
“ใครมาหรอ” พอเดินเข้ามาในบ้านก็เจอปรสิตเกาะอยู่ที่โต๊ะรับแขกทำให้ต้องอารมณ์เสียอีกซ้ำสอง อีกอย่างปรสิตตัวนี้พูดได้ซะด้วยแถมยังชอบยุ่งเรื่องของฉันเอามากๆและยังกวนประสาทเก่งสุดๆไม่บอกก็แล้วนะว่าใคร
“ยุ่ง!”
“ก็คนมันอยู่บ้านเดียวกันมันก็ต้องอยากรู้เป็นเรื่องธรรมดาสิคร้าบบบบ”
“เขามาหาฉันไม่ได้มาหานาย เพราะฉะนั้นนายก็ไม่จำเป็นต้องรู้” ฉันรีบเดินขึ้นไปบนห้องและรีบยัดข้าวของใส่กระเป๋าเป้ใบโปรด ก่อนที่จะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปเก็บตัวกับชมรมกีฑาของยัยคริสตัล คราวนี้ฉันจะได้หนีจากไอ้คนลิงเทวดานี่สักที
“เฮ้! นี่เธอจะไปไหนน่ะ”
“หนีไปให้พ้นๆนายไงล่ะ”
“พูดเป็นเล่นน่า เธอจะหนีออกจากบ้านตัวเองเนี่ยนะ”
“ใช่ ก็บ้านฉันมันโดนลิงอย่างนายครอบครองไปแล้วหนิ”
“ฉันไม่ได้ครอบครองสักหน่อย เราอยู่ด้วยกันต่างหาก”
“แต่ฉันไม่อยากอยู่กับไอ้คนกวนประสาทอย่างนาย”
“เฮ้ย...แต่เธอสัญญาแล้วนะ”
“ใช่ ฉันสัญญาว่าจะให้นายอยู่ที่บ้าน แต่ฉันไม่ได้บอกว่าฉันจะอยู่คอยปรนนิบัติรับใช้นายด้วยหนิ”
“โบรา...อย่าไปเลยนะ” หมอนั่นรีบดึงแขนฉันไว้ขณะที่ฉันกำลังจะเดินออกไปจากบ้าน
“ปล่อย” ฉันพยายามสบัดมือหมอนั่นออก แต่มันเหนียวสมกับเป็นลิงจริงๆสบัดยังไงก็ไม่ออกสักที สถานการณ์เหมือนกับคู่สามีภรรยาที่จะย่ากันไม่มีผิดประเภทที่ว่าภรรยาหนีตามชู้อ่ะนะ
“ไม่ให้ไป! ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ...” หมอนั่นทำหน้าอ้อนใส่ฉัน พยายามที่จะให้ฉันเห็นใจสินะ ไม่มีวันซะหรอกฉันก็ห่วงชีวิตตัวเองนะโว้ย
“นี่นายเป็นเด็กรึไง ถึงต้องให้ฉันคอยดูแลตลอดเวลา”
“ก็บ้านเธอมันน่ากลัวหนิ”
“งั้นก็ย้ายไปอยู่ที่อื่นสิ”
“ไม่! L”
“งั้นก็ต้องทนอยู่ที่นี่คนเดียว เพราะฉันจะไปจากที่นี่เอง” ว่าแล้วฉันก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีสบัดมือหมอนั่นออกจนได้แล้วรีบวิ่งออกไปจากบ้านทันที ปล่อยให้หมอนั่นอยู่คนเดียวให้กลัวจนจับไข้ตายไปเลย “หวังว่ากลับมาฉันจะไม่เห็นหน้าลิงๆอย่างนายแล้วนะ”
“โบราทางนี้” ยัยคริสเรียกพร้อมโบกมือให้ฉันที่รถบาสคันหรู่ของชมรม
“เฮ้อๆๆนึกว่าจะไม่ทันจะแล้ว” ฉันวิ่งมาอย่างเหนื่อยหอบ ก่อนที่จะขึ้นรถไปนั่งข้างยัยคริสตัล
“เกือบไม่ทันน่ะสิ!ดีนะที่ฉันขอโค้ดได้ แล้วแกมัวทำอะไรอยู่เนี่ยช้าชะมัด”
“ช่างเถอะน่า ช้าแต่ก็ทันหนิ” ว่าแล้วฉันก็รีบนอนหนีปัญหาทันที และตื่นขึ้นมาอีกทีรถก็จอดนิ่งอยู่ที่ท่าเรือซะแล้ว
“เอาล่ะทุกคนลงจากรถแล้วก็ยื่นรอที่ท่าเรือสักพักนะ เพราะคนขับเรือเพิ่งโทรมาบอกว่าเรือมีปัญหานิดหน่อยน่ะ” โค้ดตะโกนบอกกับทุกคนบนรถก่อนที่ทุกคนจะย้ายก้นออกจากรถไปทีละคนอย่างเชื่องช้าด้วยอาการมึนๆ ช่างไม่สมกับเป็นนักกีฬาซะจริง ไม่เหมือนฉันซึ่งได้นอนเต็มที่ก็เลยกระปรี้กระเปร่าสุดๆรีบวิ่งลงไปดูทะเลแสนสวยก่อนใคร
“สวยชะมัด แถมอากาศยังดีมากๆด้วยแกว่ามั๊ย” ฉันหันไปถามยัยคริสที่เดินตามติดๆ ก่อนที่จะเดินต่อ ตรงไปยังท่าเรื่อที่ทอดยาวออกไปสู้ทะเล
“อืม ฉันก็เห็นว่ามันสวยทุกปีนะแต่ทำไมปีนี้แกดูชอบมันเป็นพิเศษวะ ทุกปีไม่เห็นว่าแกจะออกปากชมหรือออกอาการตื่นเต้นดีใจขนาดนี้เลยนะ”
“ก็ปีนี้มันสวยมากไงเลยอดที่จะชมไม่ได้” พอเดินมาถึงปลายท่าเรือที่ที่น้ำลึกพอที่จะมองเห็นปลาสวยๆว่ายเข้ามาชมนุมกันให้ได้เห็น ฉันก้มลงไปมองปลาพวกนั้นอย่างชื่นอกชื่นใจ ก่อนที่จะสะดุ้งตกใจเสียงกรี๊ดที่ดังกระหึ่มท่าเรือ
“กรี๊ดดดดดดด” พอหันกลับไปมองทางต้นเสียงก็พบว่ามีชายรูปงามสามคนยืนอยู่กลางท่าเรือ และเสียงกรี๊ดนั่นก็ไม่ใช่ของใครที่ไหนแต่เป็นของยัยคริสตัลแล้วก็สมาชิกชมรมคนอื่นๆที่เดินตามลงมา และถ้าจำไม่ผิดชายรูปงามสามคนนั่นก็คือ วอยซ์ เรนนี่แล้วก็หมอหน้าหล่อ อ๊ากกกกก ไม่นะ! มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิฉันอุตส่าหนีมาไกลขนาดนี้แล้วนะ
“เราสามคนขอไปด้วยได้ไหมครับโค้ด” วอยซ์เดินเข้าไปเจรจากับโค้ดที่เพิ่งเดินมาถึงท่าเรือ
“ให้พวกเขาไปด้วยนะคะโค้ด” โค้ดยังไม่ทันจะตอบทุกคนในชมรมก็วิ่งกรูเข้ามาที่โค้ดก่อนที่จะพูดขึ้นพร้อมเพียงกันแถมยังเสียงดังฟังชัดสมกับเป็นนักกีฬาจริงๆ
“ไม่ได้” แต่แล้วคำตอบของโค้ดก็ทำให้ฉันชื่นนนนใจจริงๆอย่างนี้สิโค้ดตัวจริงแรงเยอร์!
“ทำไมล่ะคะ” ทุกคนถามขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง
แหม...พอเรื่องอย่างนี้สมัคคีกันจริงๆเลยนะ
“ชมรมเราเป็นชมรมผู้หญิงนะ จะให้ผู้ชายไปด้วยได้ยังไง”
ใช่ๆโค้ดมีเหตุผลจริงๆ ^ ^
“แต่โค้ดก็เป็นผู้ชายนะคะ”
เอาแล้วไงยัยเพื่อนรักฉันออกโลงก่อนเพื่อนเลย คลั่งจริงๆเพื่อนเรา
“ก็ฉันเป็นโค้ดไง”
“โธ่...โค้ดคะนี่มันสมัยไหนแล้ว ยังมีเส้นขั้นระหว่างหญิงชายอีกหรอคะ”
“ใช่ฉันหัวโบราณ”
โค้ดนี่ไอดอลฉันเลยจริงๆ
“โค้ดดดดดดด” ทุกคนปล่อยพลังเสียงออกมาพร้อมกันอีกครั้ง
“โค้ดให้เราไปด้วยเถอะนะครับ เราสัญญาว่าจะไม่ก่อเรื่อง” วอยซ์พยายามขอร้องโค้ดเต็มที่ ไม่รู้ว่าหมอนี่จะอยากไปอะไรนักหนา ไม่มีฉันให้กวนมันจะขาดใจตายรึไงห่ะ
“โค้ดบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ และฉันก็ไม่เชื่อหรอกนะว่าคนอย่างพวกนายจะไม่ก่อเรื่องเลย” คราวนี้ฉันออกโลงเองเรื่องจะได้จบๆไปสักทีเพราะเรือก็มารอแล้ว เสียเวลา!
“โบรา!” ยัยคริสหันมาตะหวาดฉันทันทีที่ฉันพูดจบ แล้วความสุขเพื่อนกับความสุขตัวเองฉันควรเลือกอะไรดีเนี่ย
“ฉันมั่นใจว่าเราจะไม่ก่อเรื่องแน่” วอยซ์เดินเข้ามาขู่ฉันอย่างกระชั้นชิดถึงขั้นหน้าชิดหน้าเลยล่ะ
“ถ้าโค้ดไม่ให้พวกเขาไปเราจะกระโดดน้ำตอนนี้เลย” ว่าแล้วทุกคนก็ทำท่าว่าจริงกระโดดน้ำจริงๆ
“โอเคๆ งั้นก็รีบขึ้นเรือได้แล้ว” ว่าแล้วทุกคนก็รีบขึ้นเรือตามที่โค้ดสั่ง ส่วนฉันก็ยังยืนจ้องตากับวอยซ์ไม่เลิก
“ไปได้แล้วโบรา” ยัยคริสเดินมาลากฉันไปขึ้นเรือ ก่อนที่ผู้ชายสามคนนั่นจะเดินมาขึ้นไปที่เรือด้วย ไปเก็บตัวครั้งนี้บบรรยากาศไม่เหมือนครั้งอื่นๆจริงๆ เพราะท่าทางนักกีฬาจะกระปี้กระเป่าเป็นพิเศษจากอนุภาพความหล่อของผู้ชายสามคนที่ตามไปอยู่ด้วย
18/05/2013
พอเอาของไปเก็บใส่ที่เรียบร้อยฉันก็เลือกที่จะไปนั่งบนดาดฟ้าแคบๆบนเรือที่ที่เหมาะสำหรับคนไม่กลัวดำไม่ห่วงสวยอย่างฉัน ที่นี่เลยมีแค่ฉันคนเดียวที่เลือกขึ้นมานั่ง
“โชคดีจริงๆที่ยังพอมีที่แบบนี้เหลืออยู่บนเรือ”
“แบ่งให้ฉันนั่งด้วยคนสิ” อยู่ดีๆนายหมอหล่อก็โผล่หน้าขึ้นมาที่ดาดฟ้าอีกคน
“เฮ้ย!มาได้ไงเนี่ย ฉันนึกว่าจะโดนพวกสาวๆรุมอยู่ซะอีกนะ”
“นั่นมันไอ้วอยซ์กับไอ้เรนส่วนฉันหายตัวได้ไม่รู้หรอ”
“เอ่อ จริงสิทั้งที่หมอหน้าตาดีขนาดนี้ทำไมพวกสาวๆในชมรมถึงได้ทำเหมือนไม่เคยรู้จักไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนล่ะ อีกอย่างหมอก็อยู่ที่โรงเรียนตลอดไม่ใช่หรอทำไมถึงรอดพ้นจากสายตาคนในโรงเรียนได้”
“ฉันล่องหนได้ด้วยไง”
“ตอบมาดีๆสิฉันจริงจังนะ”
“อยากรู้จริงๆหรอ”
“ใช่”
“ปกติเธอไม่อยากรู้เรื่องคนอื่นไม่ใช่หรอ แล้วทำไมถึงอยากรู้เรื่องฉันล่ะ”
“ก็แค่สงสัยตอบๆมาเถอะน่า”
“หรือว่าเธอจะสนใจฉันเข้าซะแล้ว” หมอนี่พูดก็ถูก ฉันไม่อยากรู้เรื่องของคนอื่นให้รกสมองแต่ทำไมฉันถึงได้อยากรู้เรื่องเขาขึ้นมาล่ะ
“ไม่บอกก็ไม่ต้องบอกฉันก็ไม่ได้อยากรู้นักหรอก” ว่าแล้วฉันก็ทำการเชิดหน้าใส่ตามประสานิสัยคนยิ่ง ถึงจะอยากรู้อยู่ก็เถอะแต่ก็ต้องหยิ่งไว้ก่อนโบราสอนไว้
“โอเคๆเพราะเธอเป็นคนเดียวที่ได้เห็นหน้าฉัน”
“หมายความว่าไง” และแล้วถึงฉันจะทำเป็นหยิ่งแค่ไหนแต่ความสงสัยที่อยู่ลึกๆมันก็ทำให้ฉันเผลอถามต่ออยู่ดี
“ก็ฉันอยู่ที่ห้องพยาบาลที่ที่ไม่ค่อยมีใครเข้าไปอยู่แล้ว อีกอย่างฉันก็ใส่หน้ากากอนามัยไว้ตลอดก็เลยไม่มีใครเคยเห็นหน้านอกจากไอ้เรนไอ้วอยซ์แล้วก็มีแค่เธอที่บังเอิญเห็นตอนที่ฉันเผลอถอดมันออกพอดี แต่ก็โชคดีนะที่เธอไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน”
“งั้นก็หมายความว่าคนทั้งโรงเรียนมีแค่สามคนที่รู้จักหมองั้นหรอ”
“ใช่ พวกเธอคือ...เดอะวินเนอร์และฉันก็คือยอดมนุษย์” พูดจบเค้าก็ทำท่าซุปเปอร์แมนโชว์ จนฉันอดขำไม่ได้
“ว้าว...เจ๋งชะมัด” ฉันปรบมือเพื่อเป็นเกียรติให้กับคุณหมอที่ทั้งหน้าตาดีแถมยังมีความคิดเป็นเริ่ดสุดๆหวังว่าหมอส่วนใหญ่จะไม่เป็นแบบนี้กันหมดนะ
“^ ^*”
“แล้วมาทริปนี้หมอไม่กลัวจะกลายเป็นคนดังเหมือนวอยซ์กับเรนนี่หรอ”
“ไม่กลัว ก็บอกแล้วไงว่าฉันเป็นยอดมนุษย์ที่ใครๆก็ไม่อาจเข้าถึงตัวตนที่แท้จริงได้^ ^”
“บารอน! แกอยู่ไหนวะ”
“มีอะไร” ที่แท้หมอหน้าหล่อนี่ก็ชื่อบารอนหรอกหรอเนี่ย งั้นต่อไปก็ขอเรียกว่าบารอนก็แล้วกันนะ
“O_O^” แล้ววอยซ์ก็โผล่ขึ้นมาบนดาดฟ้าอีกคนด้วยอาการอึ้งตะลึงตึ่งโป๊ะ ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าหมอนั่นจะอึ้งทำไมก็แค่เห็นฉันคุยกับหมออย่างมีความสุข สงสัยว่าเขาจะเป็นประเภาทที่ไม่ชอบคนคนอื่นมีความสุขหรืกที่เรียกง่ายๆว่าขี้อิจฉานั่นเอง
“เฮ้ย!สรุปแกมีอะไร” บารอนทนไม่ไหวถึงขั้นต้องตะโกนเรียกสติวอยซ์
“ทำไมแกสองคนมาดักดานอยู่ที่นี่” นี่เค้าเสียสติรึไงขึ้นมาเหมือนมีเรื่องด่วนแต่แล้วก็แค่มีถามแค่นี้อ่ะนะ
“แค่หลีกหนีความวุ่นวายมาหาความสุข”
“-_-” ฉันไม่ขอออกความคิดเห็นใดๆเพราะมันก็เป็นที่ประจำของฉันอยู่แล้ว
“และได้สุขรึยังล่ะ”
“นี่นายจะถามเอาโหล่รึไงห่ะ”
“ใช่ แล้วมีให้รึเปล่าล่ะ” กวนประสาทได้ทุกเวลาจริงๆ
“ไม่มีแล้วก็ไม่ให้ด้วย มาขัดความสุขของคนอื่นแล้วยังไม่กวนประสาทอีก รีบลงไปหาสาวๆนายโน่นไป้ชิ้วชิ้ว...” ฉันพูดไล่หมอนั่นพร้อมโบกมือไล่แสดงความจริงจังสุดๆ
19/05/2013
“ไม่ไป” นายวานรตอบกลับเสียงแข็งพร้อมกับจับมือฉันที่โบกไปมาเอาไว้แน่นด่อนที่จะหันไปหานายหมอแล้วพูดต่อ “ส่วนนายก็ลงไปหาไอ้เรนได้แล้วก่อนที่มันจะเมาเรือตายซะก่อน” ว่าแล้วนายหมอก็รีบลงไปหาเรนทันที ทิ้งให้ฉันต้องปวดประสาทกับหมอนี่ต่อ
“ที่แท้เรื่องที่นายตั้งใจมาหาบารอนก็เรื่องเรนนี่งั้นหรอ”
“ใช่”
“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ -*-^” ว่าแล้วฉันก็ทำท่าว่าจะลงไปไปหาเรนนี่ แต่ก็โดนวอยซ์ฉุดไว้ซะก่อน
“จะไปไหน”
“ก็ไปหาเรนนี่น่ะสิ”
“ไม่ต้อง”
“แต่ฉันมีหน้าที่เป็นพยาบาลนะ”
“แต่ ไอ้บารอนก็ไปแล้วหนิ”
“แต่ฉัน..” ยังไม่ทันทีจะพูดจบวอยซ์ก็ดันพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน เสียมารยาทจริงๆ
“ไม่ให้ไป”
“มีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉันห่ะ”
“คนในครอบครัวไง”
“นายเป็นคนในครอบครัวฉันตอนไหนยะ”
“ก็ตั้งแต่ที่ฉันย้ายเข้าไปอยู่บ้านเธอ”
“นายเป็นผู้อาศัยต่างอีกย่ะหรือที่เรียกอีกอย่างว่าปรสิตรู้ไว้ซะด้วย”
“งั้นฉันจะลงไปบอกทุกคนว่าเราอยู่กินกันแล้ว” อ๊ายยยยช่างใช้คำไม่เหมาะสมจริงๆคำนี้มันใช้สำหรับคู่รักที่อยู่กันก่อนแต่งไม่ใช่หรอยะ
“ถ้าขืนว่าฉันยอมนายอีกนายก็คงจะเอาเรื่องนี้มาขู่ฉันได้ตลอดเลยสินะ งั้นก็เชิญนายไปบอกเลย ไหนๆฉันก็ไม่มีทางเลือกแล้วก็คงต้องยอมกระโดดลงน้ำฆ่าตัวตายดีกว่าให้นายค่อยๆสูบเลือดฉันไปจนตาย” ว่าแล้วฉันก็รีบเดินลงไปจากตรงนั้นทันทีถึงจะยังมีเสียงสัมภเวสีเรียกตามอยู่ก็เถอะ
“เรนเป็นยังไงบ้าง” พอมาถึงข้างล่างฉันก็รีบเดินเข้าถามข่าวคราวจากยัยคริสตัลก่อนทันที ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็ต่างมุงดูเรน อย่างเป็นห่วงและบ้างก็มองโปรยเสน่ห์ให้บารอนที่อยู่ข้างๆเรน
“ดูท่าจะอาการหนักอยู่พอสมควรแหละ” ยัยคริสมองไปทางเรนอย่างเป็นห่วงก่อนที่จะหันมาตอบฉัน ก่อนที่ฉันจะเดินแหวกฝูกชนเขาไปหาเรนเพื่อดูอาการสักหน่อย
“นายเป็นยังไงบ้าง” ฉันถามออกไปอย่างเป็นห่วง ส่วนหมอนั่นก็เหงยหน้าขึ้นมามองฉันปริบๆก่อนที่จะตอบด้วยเสียงที่อิดโรยไร้เรี่ยวแรง
“ฉันสบายดี” หมอนี่ปากแข็งชะมัดทั้งที่หน้าซีดขนาดนั้นแถมในมือก็ยังคงถือยาดมกันตายไว้อยู่
“นายจะสบายได้ยังไงหน้าซีดขนาดนี้” ว่าแล้วฉันก็เอามือไปแตะที่หน้าผากเขาเบาเพื่อเชคดูว่ามีไขด้วยรึเปล่า ถึงแหมว่าจะมีหมออย่างบารอนอยู่ข้างแต่ฉันก็ยังอดเป็นห่วงเขาไม่ได้อยู่ดู
“มันไม่เป็นไรมากหรอกเดี๋ยวพอถึงฝั่งก็คงหายเห็นโค้ดบอกว่าใกล้ถึงแล้วหนิ” บารอนตอบอย่างสุภาพสมกับเป็นหมอจริงๆ
“มันไม่ตายหรอกน่า” แล้วไอ้วานรก็ตามลงมากวนประสาทฉันอีกจนได้ ทำไมหมอนี่ถึงได้ขวางโลกได้ถึงขนาดนี่นะเกิดมาพร้อม...รึไงนะ
“ไม่เป็นไรหรอกโบรา...ไม่ต้องห่วงฉันขนาดนั้นก็ได้...” เรนหันไปทำตาขวางใส่วอยซ์ก่อนที่จะหันมาส่งตาหวานให้ฉันแถมยังกุมมือฉันไว้อีกด้วย ทำอย่างกับเราเป็นคนรักกันแหนะ
“โบรา” ยัยคริสเรียกชื่อฉันก่อนที่จะมาลากตัวฉันออกไปจากตรงนั้น
“มีอะไรหรอ”
“เรนนี่รู้ชื่อแกได้ไง” ซวยแล้วไงยัยคริสยิ่งเป็นคนช่างสังเกตุซะด้วย ถ้ายัยนี่เริ่มสงสัยเรื่องเรนอีกสักหน่อยก็คงจะสงสัยเรื่องวอยซ์ด้วย แล้วฉันจะทำยังไงดีเนี่ย
“สงสัยจะได้ยินแกเรียกมั้ง”
“ฉันยังไม่เคยเรียกแกต่อหน้าเรนนี่เลยนะ” เวลายัยนี่สงสัยน่ากลัวชะมัด
“ถึงแล้ว ทุกคนรีบขึ้นของลงจากเรือแล้วก็ไปรอที่หน้าบ้านพักก่อนนะเดี๋ยวครูจะแบ่งห้องพักให้” โชคดีที่เสียงของโค้ดช่วยไว้ได้ทันและก็ถึงเกาะพอดีด้วย ถือว่าฉันยังมีบุญเหลืออยู่นะเนี่ย
“ไปกันเถอะ” ว่าแล้วฉันก็รีบเดินไปเก็บของแล้วก็ลงจากเรือไป
“นี่กุญแจห้องนะ นอนห้องละสองคนก็เลือกเอาเองแล้วกันว่าใครจะนอนกับใคร” พอทุกคนมารวมตัวกันโค้ดก็จัดการแจกกุญแจห้องพักให้ทันที
“งั้นฉันนอนกับวอยซ์แล้วกัน” สาวๆรีบวิ่งกรู่เข้ามาหาวอยซ์ทันทีและถ้าจำไม่ผิดยัยคนที่พูดขึ้นคนแรกน่าจะชื่อแยมมี่นะ และเท่าที่รู้จากยัยคริสยัยนี่แรงที่สุดในชมรมแล้วแถมหุ่นยังเซ็กซี่สุดๆอีกด้วย
“งั้นฉันจะนอนกับเรนนี่”
“ฉันจะนอนกับบารอน”
“ไม่ได้ฉันจะนอน”
“ฉันมาก่อน”
“ฉันมาก่อนย่ะ” เกิดสครามขึ้นบนเกาะนี้ซะแล้ว และมันก็ชุลมุนวุ่นวายไปหมดจนจะมีการฆ่ากันตายซะแล้วขนาดฉันที่ไม่มีส่วยเกี่ยวข้องกับการแย่งชิงฉันยังโดนลูกหลงด้วยเลย นี่แหละเป็นผลที่ทำให้ฉันเกลียดความวุ่นวายเป็นที่สุด
“ส่วนพวกนายนอนก็ห้องใหญ่สามคนแล้วกัน” หลังจากที่ชุลมุนอยู่พักใหญ่โค้ดเกิดเดินมาชี้แจ้งให้ชัดเจนพร้อมกับกุญแจห้องสำหรับสามหนุ่มฮอตทำเอาสาวๆต่างหงอยไปเลยทีเดียวคนที่อย่างนอนกันวอยซ์กับเนรหรือกับบารอรก็อดไปก่อนแล้วกัน
“ครับ” หลังจากที่สามหนุ่มนั่นตอบตกลงกับโค้ดเหตุการก็ดูโอเคขึ้ถึงจะมีการงอนค้อนนอยย์อยู่ก็เถอะแต่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้เมื่อทั้งสามคนนั่นรับกุญแจจากโค้ดแล้วก็สบัดพวกสาวๆออกก่อนจะเดินหนีไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ