Secret story ความรักครั้งนี้...อย่าบอกใคร!
10.0
เขียนโดย Yugar
วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 12.39 น.
5 บท
0 วิจารณ์
8,144 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2562 10.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) วันวุ่นวายกับใครบางคนที่เพี้ยนนนนน!!!
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 2
กลับมาถึงบ้านที่แสนจะมืดมิดและเงียบเหงาไร้เสียงใดๆทั้งสิ้น
“กรี๊ดดดดดดดด” ฉันเปล่งเสียงทั้งหมดที่มีออกมาหลังจากเหลือบไปเห็นเงามืดกำลังเคลื่อนตัวมาทางตัวเอง
“เฮ้ๆหยุดๆนี่ฉันเอง” เงาที่ว่ารีบวิ่งเอามือมาปิดปากฉันและกอดเอาไว้แน่น ก่อนที่จะพยายามอธิบายอะไรบางอย่าง
“อืออืมอืออออ” ฉันพยายามจะถามว่าแกเป็นใครแต่ด้วยการที่มีมือปิดปากฉันเอาไว้แน่นเลยพูดออกไปไม่รู้เรื่อง
“ฉันเองวอซซ์เธอยังไม่ลืมใช่ไหม” ฉันไม่รู้ว่าเค้าเข้าใจที่ฉันพูดรึเปล่าแต่เค้าก็ตอบตรงประเด่นเลยทีเดียว
“อืมๆ” ฉันพยักหน้าตอบแก้ไขสถานการณ์ไปก่อนถึงหมอนั่นจะไม่ใช่โจรอย่างที่คิดแต่มันก็แย่พอๆกับโจรขึ้นบ้านเลยล่ะกับการที่คนดังอย่างหมอนั่นบุกบ้านฉัน
“โอเค” หมอนั่นยื่นมือไปเปิดไฟก่อนที่จะค่อยปล่อยมือออกจากฉัน
“นายมาได้ไง” ฉันรีบพักตัวออกจากตัวอันตรายนั่นทันที ก่อนจะถามเรื่องที่ควรถามเรื่องแรก
“ก็เดินตามเธอมาไง ^ ^” เค้าตอบหน้าซื่อ(แต่จะใจเสือรึเปล่าไม่รู้)
“ว่าแล้วเชียวว่าลางสังหรฉันไม่น่าพลาด -*-^ ”
“ตอนที่เพื่อนเธอหาว่าเธอเป็นบ้าน่ะหรอ ^o^ ”
“แล้วนายตามฉันมาทำไม”
“ก็..” แล้วเค้าก็เดินไปลากกระเผ๋าที่ถูกทิ้งไว้ข้างนอกชั่วขณะเข้ามาในบ้าน
“แล้วนั่นอะไร”
“ก็กระเป๋าเสื้อผ้าน่ะสิยัยบื้อ เห็นเป็นรถถังรึไงห่ะ”
“ใครจะไปรู้มันก็ดูละม้ายคล้ายคลึงอยู่นะ”
“นี่!แถวบ้านเธอเขาลากรถถังออกมาเดินเล่นนอกบ้านกันรึไงห่ะ”
“มีนะฉันเห็นประจำเลยล่ะ”
“ใช่นะสิก็เธอมันสมองกลับจนเห็นกระเป๋าหรู่ๆของฉันเป็นรถถังหนิ ไม่ใช่ว่าเธอเที่ยวไปทักคนที่เขาลากกระเป๋าหรู่ๆพวกนั้นว่าลากรถถังออกมาเล่นกันหมดแล้วนะ”
“ไม่ใช่ย่ะ ที่บอกว่าเห็นบ่อยฉันเห็นเด็กอายุต่ำกว่าสิบขวบเขาเล่นกันต่างหากย่ะ”
“งั้นหรอ นึกว่าฉันเจอกับคนบ้าเข้าแล้วจริงๆซะอีก”
“นายน่ะสิบ้า! แล้วนายเอากระเป๋าเสื้อผ้ามาทำไม”
“ดูออกแล้วหรอว่าเป็นกระเป๋าเสื้อผ้า ฉันนึกว่าเธอจะมองเป็นเรือรบซะอีกนะ”
“นี่พูดมาขนาดนี้ทำสงครามกันเลยดีไหมห่ะ!”
“ดีแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้นะเพราะฉันวิจัยระเบิดนิวเคียร์ชนิดร้ายแรงยังไม่เสร็จ เอาไว้พร้อมเดี๋ยวบอก” นี่ฉันไม่ได้รู้สึกเจ็บแผลที่หัวแต่กำลังปวดประสาทกับหมอนี่ใช่ไหมเนี่ยยยยยยยยยย
“โอเค ตกลงนายเอากระเป๋านั่นเข้ามาในบ้านฉันทำไม”
“ฉันก็จะย้ายมาอยู่กับเธอไงจ๊ะ ^ ^”
“ไม่มีทาง! ฝันไปเถอะ! Impossible!”
“แต่มันก็เป็นไปแล้ว และฉันจะอยู่ที่นี่นับตั้งแต่วันนี้เลย” พูดจบหมอนั่นก็เดินตรงดิงไปที่ห้องฉันทันทีเหมือนเชี่ยวชาญเส้นทางในบ้านนี้เป็นอย่างดี
“ไอ้วานรลงมาเดี๋ยวนี้นะ ใครอนุญาตให้นายอยู่ที่นี่กันห่ะ รีบลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะแล้วก็ลากรถถังนายออกไปจากบ้านฉันด้วย”
“ฉันไม่ได้มีแค่รถถังนะแต่ฉันมีปืนใหญ่ด้วยยยยยย ปืนใหญ่ที่สามารถฆ่าเธอได้ภายในคืนเดียว ฮ่าๆๆๆๆๆ” ว่าแล้วหมอนั่นก็รีบเดินมุ่งหน้าเข้าไปในห้องฉันทันที
“ไอ้วานร...หยุด...!” ฉันพยายามวิ่งตามไปหยุดหมอนั่นแต่ไม่ทันเพราะเค้าเปิดประตูเข้าไปซะก่อน
“ประตูไม่ได้ล็อกหนิ” หมอนั่นหันมาพูดกับฉันหน้าตาเฉย
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าวันหนึ่งจะมีมหาโจรอย่างนายมาบุกรุกบ้านฉัน!”
“งั้นไหนขอสำรวจบ้านที่ไม่เคยมีใครมาบุกรุกหน่อยซิ” ว่าแล้วหมอนั่นก็รีบเข้าสำรวจในห้องฉันอย่างไร้มารยาทสุดๆ
เป็นครั้งแรกที่ฉันอยากที่จะมีโทรศัพท์เพราะจะได้ถ่ายรูปและอัดคลิปไปให้ชาวโลกเห็นว่าหมอนั่นมันเลวแค่ไหนจะได้เลิกบ้าคลั่งกันสักทีโดยเฉพาะยัยคริสตัล
“เสียใจด้วยนะที่เธอคงประจานฉันไม่ได้ ^ ^”
“นี่นายได้ยินเสียงฉันคิดงั้นหรอ!OoO!”
“เปล่า แค่เห็นหน้าหงิกๆของเธอบวกกับรอบๆไม่มีเทคโนโลยีอะไรเลยรสนิยมโบราณๆแบบนี้คงไม่ใช้แม้กระทั้งโทรศัพท์มือถือหรอก”
“-_-^”นอกจากยัยคริสตัลแล้วก็ไม่มีคนที่ฉันรู้จักสักหน่อยแล้วมันจำเป็นอะไรที่ฉันต้องมีโทรศัพท์มือเพราะนอกจากอยู่ที่บ้านแล้วฉันก็ตัวติดกับยัยนั่นตลอดเวลา ฉันมีแค่โทรศัพ์บ้านเครื่องเก่าๆนี้ก็ถือว่าหรู่แล้ว
“ใช่สิ อย่างน้อยก็มีโทรศัพท์บ้านเก่าๆเครื่องนั้นอยู่”
“O_O^”แน่ใจนะว่าหมอนั่นไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันคิดจริงๆ
“ฉันไม่ได้ยินเรื่องที่เธอกำลังคิดอยู่หรอกน่า อย่ากังวนเลย ^ ^”
“OoO!” นั่นไงเค้าได้ยินมันจริงๆด้วยเรื่องที่ฉันคิดเค้าตอบมันได้ทุกเรื่องเลย หมอนี่ต้องไม่ใช่คนแน่ๆ ไม่น่าล่ะคนอะไรจะหล่อเพอร์เฟ็คได้ขนาดนี้ ผิวขาวเนียน ตาคมใส หน้าตาอย่างกับออกมาจากภาพวาดแหนะแถมหุ่นยังดีมากๆอีกด้วย “นายมันตัวอะไรกันแน่เนี่ย”
“เฮ้!อะไรกันก่อนที่จะขึ้นมาก็หาว่าฉันเป็นโจรแล้วทีนี้ก็มาหาว่าฉันไม่ใช่คนอีก สงสัยว่าเธอจะอ่านนิยายเยอะไปจริงๆ” เค้าทิ้งสือนิยายเล่มหนึ่งที่หยิบขึ้นมาดูลงบนเตียงนอนก่อนที่จะเดินเข้ามาหาฉัน
“o_O”” เค้าคิดจะทำอะไรอีกเนี่ย
“เรามาอยู่ด้วยกันเถอะนะ ถึงฉันจะไม่ค่อยชอบที่นี่เท่าไหร่แต่ถ้าต้องอยู่กับเธอมันก็โอเค”
“ว่าไงนะ!OoO!” อีกครั้งที่หมอนี่พูดเหมือนว่าเราสนิทสนมกันมานานเนิ่นนาน ครั้งที่แล้วทำเหมือนว่าเรากำลังเลิกกันคราวนี้ก็เหมือนคนที่กำลังจะแต่งงานกันไม่มีผิด จะให้ฉันบอกว่ายังไงดีล่ะมันไม่ใช่แค่หนักใจแต่มันโคตรหนักใจและสับสนเลยตอนนี้
“ฉันบอกว่าฉันตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่...กับเธอ”
“นี่นายไม่ได้กำลังขอฉันแต่งงานใช่ไหม”
“ว่าไงนะเธอบ้าหรือโง่เนี่ยคนอย่างฉันเนี่ยนะจะขอยัยโบราณซื่อบื้ออย่างเธอแต่งงาน”
“ :(”
“ดูนี่นะ” หมอนั่นลากฉันไปยืนที่ตรงกระจกบานใหญ่ ก่อนที่จะมายืนเทียบกับฉัน
“อืม แล้วไง” ฉันบอกออกไปงงๆ
“เธอเห็นอะไร”
“นายกับฉันไง”
“แล้วเหมือนอะไร” ฉันเพ่งสายตาไปที่กระจกก่อนที่จะตอบออกไปตามความรู้สึกที่แท้จริงจากก้นบึ้งของความรู้สึกอีกที่
“เทวดากับยาจก”
“ฮ่าๆๆๆเธอก็รู้ตัวหนิ แล้วทำไมคิดว่าเทวดาอย่างฉันจะขอยาจกอย่างเธอแต่งงานได้ล่ะ”
“L!”
“ฉันแค่จะอยู่ที่นี่....แต่จะไม่แต่งงานกันเธอแน่”
“แต่ฉันไม่ให้นายอยู่”
“ทำไมล่ะ หรือว่าเธออยากแต่งงานกับฉัน”
“ไม่”
“งั้นฉันก็จะอยู่ที่นี่”
“บอกแล้วไงว่าไม่ให้อยู่”
“ฉันจะอยู่”
“ออกไปจากบ้านฉันเดียวนี้นะ....”
“ไม่ไป...”
“ทำไมนายถึงหน้าด้านขนาดนี้เนี่ย!”
“ตอนเกิดพ่อแม่เอาคอตกรีทฉาบหน้าไว้ไม่รู้หรอ”
“งั้นก็รู้ไว้เลยนะว่าฉันเกิดมาพ่อแม่ให้รถบดเป็นของขวัญวันเกิดเพื่อจะบดหน้าหนาๆของนายโดยเฉพาะ” ฉันเดินไปหยิบค้อนที่อยู่ในห้องเก็บของมาไล่ตีหมอนั่น
“เฮ้ๆเดี๋ยวก่อนสิ นี่จะฆ่ากันเลยหรอเนี่ย”
“จะออกไปไหมไอ้หน้าด้าน”
“ถ้าฉันไม่ได้อยู่ที่นี่พรุ่งนี้เธอได้ดังเป็นพรุแตกแน่ เธอก็รู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นแม่เหล็กชั้นดีเลยล่ะที่จะทำให้คนทั้งโรงเรียนรู้จักเธอ”
“ห้ามทำแบบนั้นนะ”
“งั้นเธอก็ต้องให้ฉันอยู่ที่นี่ แล้วเรื่องทั้งหมดก็จะเป็นความลับ”
“เฮ้ย.. -*-^ ” ฉันคงไม่มีทางเลือกที่จะให้หมอนั่นอยู่ที่นี่ไปก่อน
“งั้นฉันเอาของไปเก็บแล้วนะ ^__^”
“แฟนคลับมีเป็นร้อยเป็นพันแล้วทำไมต้องเป็นฉันที่ซึ่งไม่ใช่แหมกระทั้งเศษเสี้ยวของแฟนคลับหมอนั่นต้องมมารับกรรมนี้ด้วยนะ มีหมอนี่อยู่ใกล้ๆอันตรายได้คืบคลานเข้ามาหาฉันแน่”
“อ๊ากกกกกก”
“อะไรอีกเนี่ย” ฉันรีบวิ่งขึ้นไปหาหมอนั่นทันทีที่ได้ยินเสียงร้อง
“โบราช่วยด้วยยยยย” เอาอีกแล้วเรียกฉันเหมือนสนิทอีกแล้วววว ฉันบอกแล้วไงว่าไม่อยากสนิทสนมกับตัวอันตรายอย่างนาย
“เป็นอะไร! ร้องซะแก้วหูแทบแตก”
“ฉันไม่กล้าอยู่คนเดียวอ่ะ อยู่เป็นเพื่อนหน่อยสิ”
“ว่าไงนะ! นายยังเป็นผู้ชายอยู่รึเปล่าเนีย”
“เป็นทั้งแท่ง!แต่ห้องเธอมีแต่หนังสือโบราณๆเต็มไปหมดน่ากลัวจะตาย ฉันไม่กล้าอยู่คนเดียวหรอกโดยเฉพาะเวลาอาบน้ำ”
“พูดเป็นเล่น! นายจะให้ฉันเข้าไปอาบน้ำเป็นเพื่อนงั้นหรอ”
“เปล่าแค่อยู่ในห้องนี้ก็พอ”
“โอ๊ย! วุ่นวายจริง” แค่นี้ฉันก็หัวจะระเบิดอยู่แล้วนะ ถ้าขืนปล่อยไว้นานกว่านี้ฉันไม่รอดแน่
“ห้ามไปไหนนะ”
“เอ่อ!”
“ฉันจะโผล่หน้าออกมาดูทุกๆสามนาที ถ้าฉันไม่เจอเธอนั่งอยู่ตรงนี้ฉันจัดการเธอแน่” หมอนั่นปล่อยคำขู่ไว้ก่อนจะเดินเข้าห้องอาบน้ำ
“โอ๊ย อยากให้พวกแฟนคลับบ้าบอหมอนั่นมาเห็นสภาพนี้จริงๆถ้ายังรับได้ฉันจะนับถืออย่างสูงเลย”
สามนาทีผ่านไป
“เธอยังอยู่ใช่ไหม” หมอนั่นโผล่หน้าออกมาดูฉันจริงๆซะด้วย
“ยังไม่ตาย - -^”
อาบน้ำเสร็จไอ้วานรทิ้งตัวลงนอนที่เตียงฉันและมันก็ครองเตียงฉันไปเรียบร้อย
“ฉันนอนนี่ก็แล้วกัน”
“ตามสบายเถอะพ่อเทวดาสุดหล่อ! ยาจกอย่างข้าขัดศรัทธาเจ้าไม่ได้หรอก” ไหนๆมันก็ทำเหมือนบ้านตัวเองตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แล้วจะให้ฉันขัดศรัทธายังไงล่ะ
“ถ้าเธอไม่รังเกียจก็ออกไปนอนข้างนอกก็แล้วกันนะ”
มันเหมือนความว่ายังไงเนี่ยถ้าไม่รังเกียจก็ออกไปนอนข้างนอก แล้วถ้าฉันรังเกียจล่ะ?
“หวังว่าเธอคงไม่รังเกียจนะ”
โอเคเข้าใจแล้ว เป้าหมายคือมันต้องการให้ฉันไปนอนข้างนอกและเพื่อที่จะพูดให้ตัวเองดูดีแทนที่จะบอกว่ารังเกียจที่จะนอนกับฉันแต่กลับบอกว่าฉันไม่รังเกียจที่จะนอนข้างนอกแทน แหม...ฉลาดเหมือนลิงเลยนะไอ้วานร....
“โอเค ฉันรังเกียจ”
“งั้นก็ไปนอนข้างนอกสิ”
“อ้าวทำไมล่ะก็นายบอกเองไม่ใช่หรอว่าถ้าไม่รังเกียจก็ออกไปนอนข้างนอก เพราะฉะนั้นถ้าฉันรังเกียจฉันก็ต้องนอนในนี้สิ”
“เธอจะนอนกับคนที่เธอรังเกี่ยจงั้นหรอ”
“ไม่” ตอบไปอย่างหนักแน่น แต่ในหัวกลับงงๆกับตัวเอง
“โอเคงั้นก็ไปนอนข้างนอก”
“สรุปฉันตอบว่ารังเกียจหรือไม่รังเกียจฉันก็ต้องนอนข้างนอกอยู่ดี”
“ใช่”
“ไอ้บ้า!นี่มันบ้านฉันนะ และนี่ก็ห้องนอนฉันด้วย”
“แล้วยังไง”
“โอเค ฉันจะยอมนายแค่วันนี้วันเดียว ถ้าฉันคิดวิธีเล่นงานนายได้เมื่อไหร่นายตายแน่ ไอ้วานรไอ้ลิงทะเลลิงภูเขาลิงถ้ำโอ้ยยยไอ้สัตว์ประหลาดลิงพันล้านปี”
“เห้ย! เธอกล้าดียังไงมาว่าหนุ่มหล่ออันดับหนึ่งของโรงเรียนว่าเป็นสัตว์ประหลาด”
“ไอ้บ้า!” ทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยคำด่าที่แสนจะเบสิก ก่อนที่จะปิดประตูเข้าอย่างแรงแล้วลากสังขารตัวเองไปนอนที่โซฟาเก่าๆข้างนอก
ณ โรงเรียนมัธยมที่ฉันอาศัยเขาเรียนอยู่
“คอยดูนะวันนี้ฉันจะหาวิธีเล่นงานนายให้ได้ ตอนนี้ฉันจะปล่อยให้นายนอนสบายอยู่ที่บ้านฉันไปก่อนรอรับความเจ็บปวดได้เลย” ฉันออกมาจากบ้านโดยที่ไม่สนใจหมอนั่น ทิ้งอาณาจักรฉันไว้ให้มันไปก่อน เพราะถ้าฉันคิดแผนที่จะเล่นงานคืนได้เมื่อไหร่ฉันจะกลับไปทวงอาณาจักรฉันคืนแน่ *U*
“ข่าวด่วนข่าวดีข่าวดังจากบก.สาว...สุดสวยมุนกินยุงมาแล้วจ้า” เสียงที่ถูกกระจายออกมาจากวิทยุโรงเรียนทำเอาเช้าอันเงียบสงบของฉันเสียหมด
“มุนกินยุงงั้นหรอใครเป็นคนคิดชื่อนี้ให้ยัยนั่นเนี่ย ^O^” เรียนที่นี่มาตั้งหลายปีแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินชื่อนี้แถมยังสนใจฟังข่าวจากยัยนี่ด้วย ฉันคงเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
“และสำหรับเช้าอันแสนสดชื่นของวันนี้แน่นอนว่ามุนกินยุงคนนี้ต้องมีข่าวมาแจ้งให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆได้รับฟังอย่างแน่นอน”
“ห่ะ เช้าอันแสนสดชื่นงั้นนหรอ? ฮ่าๆๆ ท่าทางยัยนี่จะเพี้ยนไปแล้วจริงๆฟ้าครึ้มฝนตั้งเค้าจะตกแบบนี้ยังมาบอกว่าเช้าอันแสนสดชื่นอีก”
“ฉันคิดว่าข่าวนี้จะทำให้ทุกคนหัวใจเต้นผิดจังหวะกันได้แน่ ส่วนใครที่เป็นโรคหัวใจแนะนำให้วิ่งให้เร็วที่สุดแล้วไปหลบในที่ที่ไม่มีใครเห็นและข่าวสารไม่สามารถเข้าถึงได้เลยนะจ๊ะ”
“นั่นที่ฉันทำประจำหนิ แต่ฉันไม่ได้เป็นโรคหัวใจนะแค่ไม่อยากรู้เรื่องชาวบ้าต่างหาก”
“เพราะมีทั้งข่าวดีแล้วก็ข่าวร้ายสำหรับหลายคน ข่าวดีก็ดีสุดๆส่วนข่าวร้ายที่ร้ายที่สุดเหมือนกัน ฉันจะให้เวลาทุกคนทำจะสามวินะ แล้วฉันก็จะเริ่มอ่านข่าวทันที ติ๊กตอกติ๊กตอกติ๊กตอก ข่าวมีอยู่ว่า”
“แล้วสามวิมันจะไปพออะไรวะ”
“ข่าวมีอยู่ว่า เอ่อฉันขออ่านข่าวดีก่อนก็แล้วกันนะเผื่อทุกคนจะได้สดชื่นๆแต่เช้า”
“สุดท้ายก็ต้องน้ำเล็ดอยู่ดี นี่มันลูปหัวแล้วตบหลังนี่หว่า”
“โอเค ทุกคนตั้งใจฟังนะตอนนี้หนึ่งในหนุ่มฮ็อตยืนอยู่ข้างๆฉันและเค้าก็บอกฉันว่าเค้าไม่ได้เป็นเกย์แน่นอนร้อยเปอร์เซ็น กรี๊ดดดดดดด”
“โอ๊ยยยยแล้วจะกรี๊ดใส่ไมค์ทำไมเนี่ยหูจะแตกโว้ย” เสียงแหลมชะมัดเมื่อเช้ากินข้าวกับนกหวีดรึไง
“ส่วนข่าวร้ายคือเขากำลังจะคบกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งก็ยังไม่เปิดเผยว่าเป็นใคร ฮือๆๆไม่จริงงงงงง”
“ยัยบ้าพูดเองเจ็บเอง แต่ถ้าให้ทายนะว่าใครเป็นคนให้สัมภาษณ์อยู่ฉันว่าต้องเป็นเรนนี่แน่ๆเพราะหมอนั่นกำลังตกเป็นข่าวว่าเป็นคู่เกย์กับไอ้วานรพอดีอีกอย่างตอนนี้ไอ้วานรก็คงนอนอืดอยู่ที่บ้านฉันคงยังไม่ตื่นหรอก
“นี่โบราแกได้ยินที่ยัยมุนกินยุงนั่นประกาศรึเปล่า” ยัยคริสวิ่งเข้ามายิ่งคำถามใส่ฉันทันทีที่เจอ
“ได้ยิน ทำไม”
“เฮ้อ...เซ้นส์แกนี่มันไม่เคยพลาดเลยจริงๆ”
“อืม ดีใจด้วยนะ”
“ฉันว่าคนที่ให้สัมภาษณ์ต้องเป็นวอซซ์แน่เลย ^ ^ ”
“ทำไมล่ะ” ถ้าฉันบอกยัยนั่นไปว่าไม่ใช่ยัยนั่นต้องสงสัยแน่เพราะปกติฉันจะไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้เลย
“ก็ข่าวบอกว่าเค้ากำลังจะคบกับผู้หญิงนะสิ เพราะฉะนั้นไม่มีทางเป็นเรนนี่แน่ เพราะหมอนั่นเพิ่งจะเลิกกับแฟนเก่าและคงจะยังไม่คบกับใครง่ายๆ ฉันรู้นิสัยหมอนั่นดีและก็รู้นิสัยวอซซ์ดีด้วยเขาชอบยื่นอกพกถุงนะ” ยื่นอกพกถุงอะไรของมันวะแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการออกมาให้ข่าวเนี่ย
“งั้นหรอ พูดอย่างกับเธอเคยคบกับพวกนั้นเลยนะ”
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงย่ะเพราะฉันติดตามข่าวสารพวกเขาตลอด”
“แล้วแกไม่เสียใจหรอที่ว่าวอซซ์กำลังจะมีแฟนน่ะ”
“เสียใจสิยะ แต่อย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าเป็นเกย์อ่ะ เพราะฉันก็ยังมีสิทธิ์อยู่”
“นี่แกยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะได้เป็นแฟนไอ้ลิงนั่นอีกหรอเนี่ย” “พูดดีๆนะ ลิงเลิงอะไรหล่ออย่างกับเทวดา”
“หวอคงอ่ะหรอ ลิงเทวาดา ฮ่าๆๆๆ” “ยัยโบรา!”
“อะไรกลัวลืมชื่อฉันหรอ ^ ^ ”
“แกตาย!”ฉันวิ่งหนียัยคริสตัลอีกตามเคยสงสัยการวิ่งหนียัยนี่ตอนเช้ามันจะกลายเป็นกิจวัตประจำวันของฉันไปซะแล้ว
“โอ๊ย!” เพราะมัวแต่หันไปมองยัยคริสกลัวว่ายัยนั่นจะตามาทัน จนไม่ทันที่จะมองข้างหน้าเลยทำให้ฉันชนกับวัตถุอะไรบางอย่างเข้าอย่างจัง
“เฮ้!เดินดูทางหน่อยสิจ๊ะสาวน้อย” ช่างพูดจาไม่เค้ากับหน้าตาละอ่อนของตัวเองซะจริง กล้าดียังไงมาเรียกฉันว่าสาวน้อยห่ะ
“เรนนี่!” ยัยคริสตัลอุทานออกมาทันทีที่เห็นว่าสิ่งที่ฉันชนเข้าอย่างจังไม่ใช่วัตถุใดๆแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่จัดว่าเป็นคนและมีชื่อว่าเรนนี่
“นายไม่ได้อยู่ที่ห้องสัมภาษณ์กับยัยกินยุงนั่นหรอกหรอ” ฉันถามออกไปอย่างงงๆบวกกับตกใจเพราะถ้าไม่ใช่เรนนี่ที่ให้สัมภาษณ์มันก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากวอซซ์ซี่
“ฉันก็อยู่ตรงหน้าเธอนี่ไงจ๊ะ หรือเธอมองไม่เห็นฉันเพราะว่าฉันเข้าอยู่ให้ใจเธอซะแล้ว”
อะไรเนี่ยคนหนึ่งก็กวนสุดแสบอีกคนก็เกรียนสุดยอด โคตรจะเพลียกับสองคนนี้เลยจริงๆ
“จ้องตากันอยู่นั่นแหละเดี๋ยวก็ท้องกันพอดีหรอก” ยัยคริสตัลผลักเราทั้งสองออกจากกันหลังจากที่จ้องกันอย่างกับปลากัด
“เธอเกี่ยวอะไรด้วยห่ะยัยโสมเกาหลี” เรนนี่เดินห่างออกมาจากฉันแล้วหันไปพูดกับยัยคริสแทน
ยัยคริสเหมือนโสมเกาหลีตรงไหนวะ ออกจากเหมือนคิมแทฮี
“ขอบใจนะเรนนี่ที่ชมอ่ะ”
“ฮ่าๆๆฉันด่า”
“แต่นายว่าฉันเหมือนเกาหลีไง”
ท่าทางเพื่อนฉันจะเพี้ยนไปจริงๆ เขาด่าว่าโสมเกาหลียังมาหาว่าเขาชมอีก
“ฮ่าๆท่าทางยัยนี่จะเพี้ยนไปแล้วจริงๆ” ว่าแล้วเรนนี่ก็เดินจากไปดังสายลมไม่สนใจทั้งฉันแล้วก็ยัยคริสตัล แต่ก็ดีแล้วล่ะที่เขาไม่ได้สนใจเราสองคน
“เลิกมองได้แล้วแกเป็นโรคจิตรึไงห่ะ!” ฉันหันไปตะคอกใส่ยัยคริสเรียกสติดีๆมันกลับมา
“ยังโว้ย!”
“แสดงว่ามีที่สิทธิ์จะเป็น โอ๊ย!” อีกครั้งที่เกิดการชนกันขึ้นแต่ฉันไม่ได้เป็นคนไปชนใครแต่มีคนมาชนฉันต่างหาก ชนอย่างแรง บอกคำเดียวว่าโคตะระเจ็บเลย แต่ที่ไม่ล้มคงเป็นเพราะว่าช่วงล่างฉันมันยังดีอยู่
“เฮ้!โทษที” คนที่ชนฉันพูดอย่างเสียมารยาท
“วอซซ์!” ฉันอุทานขึ้นมาอย่างดังเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือวอซซ์
“วอซซ์...” ส่วนยัยคริสก็เรียกชื่อหมอนั่นเสียงอ่อยก่อนที่สติจะล่องลอยไปอย่างอัตโนมัติ เหม่อมองหน้าวอซซ์ไม่แม้แต่กระพิบตา
“จุ๊ๆเดี๋ยวเขาก็รู้กันหมดหรอก” หมอนั่นยื่นนิ้วชี้มาแตะปากฉันบงบอกให้ฉันเลิกทำท่าทีตกใจและแปลกใจซะ
“นะนาย”
“โอเค งั้นฉันไปก่อนล่ะก่อนที่คนอื่นเขาจะรู้เรื่องเรากันหมด”
“O_O’\” หมอนั่นจุ๊บที่แก้มฉันก่อนที่จะวิ่งหายไปยังกับพายุทอนาโด “แล้วคิดว่าทำแบบนี้คนอื่นเขาจะไม่สนสัยกันหรอยะ”
“โบรา!...”
“ยัยคริส! ไม่มีอะไรๆฟื้นสิ”หันมาอีกทียัยคริสที่โดนพายุหัวใจถาโถมเข้าอย่างจังจนเป็นลมงายท้องไปซะแล้ว
“@.,@” ไม่ว่าฉันเรียกแล้วก็เขย่าตัวยัยนั่นแรงแค่ไหนยัยนั่นก็ไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นเลยสักนิด และยัยนั่นก็ยังคงนอนนิ่งเป็นร่างไร้สติ
“ไอ้วานร...ฉันตามไปฆ่าแกแน่ไอ้ลิงเทวดา!” ฉันตะโกนด่าไอ้เลววานรที่มันทำให้เพื่อนรักฉันต้องกลายเป็นแบบนี้ถึงแม้มันจะหายเข้าไปในกลีบเมฆแล้วก็ตาม
ฉันรีบแบกยัยคริสมาที่ห้องพยาบาล
“หมอช่วยเพื่อนฉันด้วย”
“ผะผี...อ๊ากกกกกก” หมอหล่อนั่นทำท่าตกใจและจะวิ่งหนีฉัน เขายังคงเข้าใจผิดว่าฉันเป็นผีอยู่
“ฉันเป็นคน!” ฉันดึงแขนไว้ได้ทันพอดี
“เธอเป็นคนจริงหรอ” เขาเอามือมาลูปสำรวจที่หน้าอันโชกเหงื่อของฉันจนแน่ใจจริงๆว่าฉันเป็นคน ก่อนที่ตัวฉันจะทรุดลงพื้นอัตโนมัติด้วยแรงโน้มถ่วงโลกบวกกับน้ำหนักยัยคริสที่ฉันกำลังแบกอยู่
“ก็คนน่ะสิ(-..-);” ฉันพูดด้วยเสียงเหนื่อยหอบก่อนที่หมอนั่นจะมองไปที่ยัยคริสแล้วรีบอุ้มไปที่เตียง และทำการตรวจดูตามประสาคนเป็นหมอซึ่งฉันก็ไม่รู้เรื่องได้แต่ยื่นมองอย่างเหนื่อยๆ
“เป็นลมเพราะอะไร” เขาหันมาถามฉัน
“เห็นภาพที่ไม่ควรเห็นเลยช็อค”
“งั้นคงแย่แล้วล่ะ”
“หมายความว่ายังไงเพื่อนฉันอาจจะตายงั้นหรอ”
“ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย”
“แล้วมันแย่อะไรล่ะ”
“ที่หมอพูดแค่สงสารคนไข้ที่ไปเห็นภาพที่ไม่ควรเห็นน่ะเพราะมันอาจจะติดตาและกลายเป็นป่มไปตลอดชีวิตได้” หมอนี่เป็นหมอรักษาโรคหรือเป็นหมอโรคจิตกันแน่เนี่ย
“ฉันรู้แล้ว! แต่ที่ต้องการรู้ตอนนี้ไม่ใช่สภาพจิตใจแต่เป็นสภาพร่างกายต่างหาก”
“อ่อ ไม่เป็นไรหรอกนอนพักสัหน่อยเดี๋ยวก็ฟื้น”
“แต่ยัยนั่นไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นง่ายๆเลยนะ”
“แหงล่ะ เห็นภาพไอ้วอยซ์จุ๊บแก้มเธอต่อหน้าต่อตาแบบนี้เป็นผู้หญิงคนอื่นก็คงจะช็อคเหมือนกัน”
“หมอรู้ได้ไง OoO!”
“ไม่มีเรื่องไหนที่ฉันไม่รู้เกี่ยวกับไอ้วอยซ์หรอกนะ”
“หมอเป็นแฟนคลับหมอนั่นด้วยหรอ”
“ห่ะ คนอย่างฉันเนี่ยนะจะเป็นแฟนคลับไอ้จิ้งจองนั่น” ฉายาแต่ละอันAnimalทั้งน้านนนน
“หรือว่าเป็นเพื่อนสนิทเหมือนเรนนี่” แล้วฉันมีนิสัยอยากรู้อยากเห็นเรื่องชาวบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย แต่ถึงพยายามที่จะหยุดปากและความคิดของตัวเองแค่ไหนแต่มันก็ไม่ฟัง
“ฉันจะเป็นอะไรกับหมอนั่นก็ช่างเถอะ” นั่นสิ ฉันจะอยากรู้ทำไมเนี่ยถ้าหมอนั่นรู้เรื่องฉันจริงๆฉันก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยหมอนั่นก็ไม่ค่อยได้ไปสุงสิงกับใครอยู่แล้ว....มั้ง ฮือๆๆๆ
“อืม..ช่างเถอะ” สุดท้ายฉันก็กลับมาเป็นฉันได้อีกครั้ง
“ฉันว่าน่าจะสักชั่วโมงโน้นแหละกว่าเพื่อนเธอจะฟื้น”
“งั้นฝากเพื่อนฉันก่อนนะเดี๋ยวมา”
“เธอจะไปไหนหรอ” หมอนี่อยากรู้อยากเห็นจริงๆ
“ไปจัดการกับไอ้คนที่มันทำให้เพื่อนฉันต้องเป็นแบบนี้ไงล่ะ”
“ปล่อยมันไปเถอะน่าโบรา ถ้าขืนเธอไปจัดการมันมีหวังเธอได้ดังเป็นพรุแตกชั่วข้ามคืนแน่” จริงด้วย ดีนะที่หมอนี่เตือนฉันไว้ทัน แต่เอ๊ะ! เค้ารู้ชื่อฉันได้ไง
“หมอรู้ชื่อฉันได้ไง”
“^ ^”
“ไอ้วานร....” คราวนี้ใครก็ห้ามฉันไม่ได้แล้ว เพราะหมอนั่นผิดสัญญาบอกชื่อฉันกับหมอหล่อ ถึงเวลาที่ฉันจะจัดการกับมันสักที ถึงจะยังไม่มีวิธีแต่ฉันก็จะไปตายเอาดาบหน้าก็แล้วกัน
ฉันรีบวิ่งไปที่ห้องเรียนหมอนั่นและสิ่งที่เห็นก็ไม่ต่างจากเรื่องวันนั้นเลยวันที่ฉันฝันถึงหมอนั่นจนละเมอหัวฟาดโต๊ะ ในห้องเต็มไปด้วยเสียงเจี้ยวจ้าวของพากผู้หญิงแต่ที่หนักว่าวันนั้นก็คือเรนนี่ก็อยู่ด้วย ฉันเลยต้องเยียบเบรกทันที
“ไม่ได้ๆฉันต้องตั้งสติก่อน” ฉันค่อยๆโผล่หน้าเข้าไปมองข้างในห้องและหาวิธีลากหมอนั่นออกมาโดยที่พวกผู้หญิงพวกนั้นไม่สนใจ ซึ่งมันยากยิ่งกว่าเต้นบีบอยบนก้อนเมฆซะอีก
“โบรา” สวรรค์ช่วยฉันแล้ว หมอนั่นหันมาสบตาเข้ากับฉันพอดี ก่อนที่ฉันอ่านปากได้ว่าหมอนั่นกำลังพูดชื่อฉันออกมาอย่างงงๆ คงไม่คิดว่าฉันจะบุกมาหาถึงที่นี่ได้สินะ
“วอยซ์” ฉันรีบกวักมือเรียกหมอนั่นก่อนที่จะมีคนเห็น
“ไม่” แต่มันไม่ได้รับความร่วมือจากหมอนั่นเลยสักนิด แถมยังส่ายหัวแล้วทำหน้ากวนตรีนใส่ฉันอีกต่างหาก
“-*-” ตอนนี้ฉันคิดไม่ออกเลยว่าจะใช่วิธีไหนเรียกหมอนั่นออกมาจากห้องได้ “โอ๊ย...หัวจะระเบิดแล้วนะ >..<\” ฉันหลับตาแล้วเอากำปั้นทุบเข้าที่หัวตัวเองแรงๆเผื่อว่ามันจะได้คิดอะไรออกบ้าง แต่พอลืมตาภาพที่ปรากฏตรงหน้ากลับเป็นไอ้ลิงจ๋อยืนอยู่ตรงหน้าฉันและจับแขนฉันลากออกไปทางบันไดหนีไฟที่ที่หลบสายตาผู้คนได้อย่างปลอดภัย
“เป็นบ้าอะไรเนี่ยอยู่ดีๆก็เอากำปั้นทุบหัวตัวเองเล่น ไม่สบายรึไง” หมอนั่นพูดพร้อมเอามือมาแตะที่หน้าผากฉันเบาๆ “ตัวก็ไม่ร้อนหนิ”
“ฉันสบายดี”
“แล้วมาหาฉันทำไม ไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องเราไม่ใช่หรอ”
“ใช่ แต่ตอนนี้นายทำผิดสัญญาเพราะฉะนั้นย้ายออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“แล้วฉันทำผิดสัญญาตรงไหน”
“ก็ตอนนี้มีคนอื่นรู้เรื่องเราแล้วสองคนนั่นก็คือคริสตัลกับหมอ”
“ฉันสัญญากับเธอว่าจะไม่ทำให้คนอื่นรู้เรื่องเรา”
“ใช่”
“แต่สองคนนั่นไม่ใช่คนอื่นสักหน่อยเพราะไอ้หมอไม่ใช่คนอื่นสำหรับฉันและคริสตัลก็เป็นเพื่อนสนิทเธอไม่ใช่หรอ”
“งั้นถ้าเรนรู้เรื่องนี้นายก็จะบอกว่าเรนไม่ใช่คนอื่นสำหรับนายยังงั้นหรอ”
“อืมใช่”
“โอ๊ย! ฉันจะบ้าตายหมายความว่าตอนนี้มีคนสามคนรู้เรื่องนี้อย่างนั้นหรอ”
“^ ^”
“/(><\”ฉันทนไม่ไหวจนต้องเอาหัวไปโขกกับผนังเล่นเป็นการใหญ่
“เฮ้ๆทำอะไรน่ะเดี๋ยวก็ได้หัวแตกอีกรอบหรอกยัยบื้อ” วอยซ์รีบเอามือมาขวางไว้
“ตายไปได้ยิ่งดี” ฉันเอาหัวโขกไปอีกครั้งอย่างแรงแต่กับมีมือของหมอนั่นรองรับไว้อยู่
“โอ้ย!” หมอนั่นร้องเสียงดังทันทีที่หัวแข็งของฉันโขกเข้าที่มือเขาอย่างแรงจนต้องถอนมือออกมาทันควัน
“สมน้ำหน้า เอามือมาบังไว้ทำไมยะ”
“จะหยุดมั๊ย ยัยดื้อ!!!” เขาดึงมือฉันออกจากหัวตัวเองก่อนที่จะขึงมันเข้ากับผลังหนังที่ฉันโขกหัวใส่ กลายเป็นว่าแต่นี้ฉันกำลังถูกครุกครามจากเขาอย่างรุนแรง
“ทำบ้าอะไรเนี่ยปล่อยฉันนะ” ยิ่งฉันทำท่าว่าจะไม่ยอมเขาก็ยิ่งแนบชิดเข้ามาใกล้จนตัวจะติดกันอยู่แล้ว
“เพื่อนดื้อๆอย่างเธอต้องสั่งสอนสักหน่อย” เขาจ้อฉันตาเขม่ง
“เพื่อนอะไรยะ ฉันเป็นเพื่อนนายตั้งแต่เมื่อไหร่” ส่วนฉันก็ไม่ยอมแพ้จ้องคืนเหมือนกัน และยิ่งเราส่งสายตาดุเดือดใส่กันเท่าไหร่เขาก็ยิ่งยื่นหน้าเขามาใกล้ยิ่งขึ้น
“ o_o^” อาการตัวสั่นใจสั่นนี่มันอะไรกันฉันกำลังหวั่นไหวงั้นหรอ
“^_^*” หมอนั่นยิ้มแบบมีเลศนัย ก่อนที่จะสูบหายใจเข้าเหือดใหญ่แล้วก็กลืนน้ำลายต่อหน้าต่อตาฉัน
“(o’’o)”ฉันกลืนน้ำลายตามหมอนั่น ฉันไม่รู้นะว่าเขากำลังคิดที่จะทำอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันเริ่มกลัวจนตัวสั่นซะแล้ว
“เธอจะไม่ทำเรื่องอันตรายๆแบบนี้อีกแล้วใช่มั๊ย”
“โอเคๆฉันจะไม่ไปหานายที่ห้องอีก”
“และจะต้องไม่เอาหัวไปโขกกับของแข็งๆอีกด้วย”
“อื้ม” ตอบไปแบบสั่นสั่น
“โอเคกลับไปหาเพื่อนเธอได้แล้ว”
จริงสิ! เรื่องที่ยัยคริสเห็นหมอนั่นจุ๊บแก้มฉันจะทำยังไงต่อดีเนี่ย
“บอกยัยนั่นว่ามโนไปเองฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น”
“เพื่อนฉันไม่ได้โง่นะ”
“ถ้าไม่เชื่อก็ให้มาถามฉันเอง”
“นายจะยอมคุยกับยัยคริสหรอ ^ ^” ทำไมอยู่ดีๆถึงได้รู้สึกดีใจขึ้นมานะ สงสัยว่าจะดีใจแทนยัยคริสที่ความฝันกำลังจะเป็นจริง ถ้าอย่างนั้นฉันเป็นเพื่อนกับหมอนี่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่น่า แถมยังทำให้ยัยคริสได้เข้าใกล้ความฝันมากยิ่งขึ้นด้วย
“อืม”
“แต่ถึงยังไงเรื่องของเราก็ยังเป็นความลับอยู่นะ”
“ได้”
“โอเค งั้นเราก็มาเป็นเพื่อนกันก็ได้” ฉันยื่นมือไปเช็คแฮนกับหมอนั่น
“โอเค ^ ^”
“งั้นฉันก็จะให้นายอยู่ที่บ้านฉันต่อไป แต่นายต้องคุยกับเพื่อนฉันและห้ามก่อความวุ่นวายให้ฉันด้วย” ประเภทที่โกรธง่ายหายเร็วนี่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
“ตกลง ^ ^ ”
ทันทีที่หมอนั่นพูดจบฉันก็เดินหันหลังออกไปทันทีและกลับไปที่ห้องพยาบาล
“นี่ยัยคริสยังไม่ฟื้นหรอคะ” ฉันหันไปถามเพราะเห็นยัยคริสยังนอนนิ่งอยู่
“ยัง”
“นี่มันนานแล้วนะแล้วยัยนี่จะฟื้นเมื่อไหร่”
“เดี๋ยวก็ฟื้นแหละ ว่าแต่ไปเคลียร์กับไอ้วอยซ์เป็นยังไงบ้าง”
“ปกติฉันไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนะ แต่...ตอนนี้ฉันอยากรู้มากว่าหมอเป็นอะไรกับวอยซ์”
“แล้วเธอคิดว่าไงล่ะ”
“กิ๊กกันหรอ”
“เธอคิดว่าไอ้วอยซ์เป็นเกย์งั้นหรอ”
“ไม่ -*-^”
“^ ^” จะว่าไปสองคนนี้ยิ้มเหมือนกันเลยแฮะ
“หรือว่าเป็นพี่น้องกัน” แต่ไม่น่าเป็นไปได้นะถ้าเป็นพี่น้องกันยัยคริสและคนในโรงเรียนก็ต้องรู้สิ
“ยัยโบรา!แกตาย...” ยังไม่ทันที่จะได้ฟังคำตอบจากหมอ ฉันก็ต้องหันไปตามเสียงเรียกของยัยคริสและพบว่ายัยนั่นลุกขึ้นมาจากเตียงและกำลังจะเอาแจกันฟาดหัวฉัน
“เฮ้ย!ยัยคริส” โชคดีที่ฉันไหวพลิบเร็วเลยรับไว้ทัน “นี่แกจะทำอะไรน่ะ ถ้าแจกันนี่โดนหัวฉันฉันตายได้เลยนะโว้ย”
“ก็ฉันจะฆ่าแกน่ะสิ แกบังอาจมาแย่งวอยซ์ของฉัน”
“แย่งตอนไหน” กำลังดำเนินการตามแผนที่วางไว้
“ก็วอยซ์จุ๊บแก้มแก แถมยังจูบปากแกอย่างดูดดื่มด้วยฉันเห็นเต็มตาและภาพมันก็ยังติดตาฉันอยู่ด้วย” โห ตอนแรกกะว่าจะแกล้งบอกยัยนั่นว่ามันมโนไปเอง แต่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะมโนไปเองจริงๆ
“ยัยบ้า! หมอนั่นแค่วิ่งชนฉันแล้วก็วิ่งหนีไปนอกนั้นฉันวาแกคงมโนไปเองแล้วย่ะ”ทันทีที่พูดจบฉันก็ส่งสัญญาณไปให้หมอรู้ทันทีว่าหุบปากไว้ห้ามพูดอะไรทั้งสิ้น
“ไม่จริง! ฉันเห็นมันจริงๆไม่งั้นฉันจะเป็นลมได้หรอ” ทำยังไงดียัยนี่ไม่เชื่อง่ายๆซะแล้ว แถมยังเชื่อว่าเรื่องที่ตัวเองมโนเป็นเรื่องจริงซะด้วย สงสัยคงต้องให้หมอนั่นช่วยจนได้
“ก็หลังจากที่วอยซ์ชนฉัน ฉันก็เห็นแกสติล่องลอยไปไหนก็ไม่รู้แล้วก็เป็นลมไป”
“ไม่จริง”
“งั้นแกก็ไปถามวอยซ์เลยไป” สุดท้ายก็ต้องพูดแบบนั้นออกไปจนได้
“ได้! ถ้าเป็นเรื่องจริงแกตายแน่”
“อ้าวเห้ย ไปตอนนี้เลยหรอ” ยัยนั่นไม่ฟังฉันเลยสักนิดและฉันก็คงคิดว่าห้ามไม่ได้แล้วด้วย แต่ยังไงก็ต้องตามไปดูเผื่อผิดแผนขึ้นมากระทันหัน
“วอยซ์” ยัยนั่นโผลงผางเข้าไปก่อนที่จะเรียกชื่อวอยซ์เบาๆ สงสัยจะสั่นเพราะยัยนั่นไม่เคยได้คุยกับหมอนั่นเลยสักครั้ง
“โชคดีนะคริสตัล ฉันขอเป็นกำลังใจอยู่ห่างๆแล้วกัน หวังว่าแกจะไม่เป็นลมอีกรอบนะ” ฉันพูดให้กำลังใจยัยนั่นเบาขณะแอบดูอยู่ข้างนอก
“เอ่อ...คือ” แต่กลับผิดแผนซะงั้นยัยคริสตัลหันหลังกลับซะแล้ว สงสัยจะตื่นเต้นเกินไปจนพูดอะไรไม่ออก ท่าทางจะปากดีเฉพาะตอนอยู่กับฉันสินะ
“คริสตัล” ทันทีที่วอยซ์เรียกชื่อยัยคริสยัยนั่นก็รีบหันกลับไปทันที
“O_O!”
“มีอะไรจะพูดกับฉันรึเปล่า” ขอบคุณที่นายรักษาสัญญานะวอยซ์ ถ้าเป็นแบบนี้นายก็อยู่บ้านฉันได้ตามสบายเลย แถมฉันก็จะเลิกด่าว่านายเป็นไอ้ลิงอีกด้วย แค่ทำให้ฝันเพื่อนฉันเป็นจริงฉันก็จะถือว่าที่ผ่านมาเราหายกัน
“เอ่อ...” ยัยคริสตัลจ้องหน้าวอยซ์ไม่กระพิบตาเลยแหมแต่นิด ฉันว่าหัวใจยัยนั่นคงเต้นรัวจนจับจังหวะไม่ได้แล้วล่ะ ฉันหวังแต่ว่ายัยนั่นจะไม่เป็นลมไปซะก่อนนะ
“ว่าไงล่ะ” ยิ่งวอยซ์ให้ความสนใจยัยคริสมากเท่าไหร่คนในห้องก็ต่างเพ่งเล่งมาที่เค้าสองคนมากเท่านั้น นี่แหละนะฉันถึงได้บอกว่าหมอนั่นเป็นตัวอันตรายมากที่สุด เพราะเป็นเหมือนแม่เหล็กชั้นเยี่ยมเลยล่ะ
“เอ่อ..คือ...เรื่อง...เมื่อ...เช้า...ที่” ตอนนี้ยัยคริสคงตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงแล้วล่ะ
“เรื่องที่ฉันชนเพื่อนเธอน่ะหรอ” ยัยคริสพูดติดๆขัดๆจนวอยซ์ทนไม่ไหวเลยต้องตัดบทพูดแทน
“อืม (-_-)(_ _)”ยัยคริสพยักหน้าตอบสั้นๆ
“โทษทีนะที่ไม่ทันได้ขอโทษ พอดีฉันรีบน่ะไงก็ฝากขอโทษเพื่อนเธอด้วยนะ” ว่าแล้ววอยซ์ก็เอามือวางลงที่ไหล่ยัยคริส ก่อนที่จะยิ้มหวานให้ “ ^_^”
ไม่นะ เขายิ้มให้ยัยคริสแบบนั้นยัยนั่นคงไม่....
“@.,@”ยัยนั่นโซเซไปมาเหมือนจะเป็นลมจนฉันทนดูไม่ไหวต้องรีบวิ่งเข้าไปดู
“แกไม่เป็นไรนะ” ฉันรีบเอาตัวไปพยุงยัยคริสไว้เพราะกลัวว่ายัยนั่นจะเป็นลมล้มลงไปอีกครั้ง “ยัยคริส!มีสติหน่อยสิ” พูดจบฉันก็รีบลากยัยคริสออกมาจากตรงนั้นทันที ส่วนวอยซ์ก็ได้แต่มองตามนิ่งๆ
โชคดีที่วอยซ์เล่นละครได้เก่งยอดเยี่ยม ยอมรับจริงๆว่าหมอนั่นเพอร์เฟ็คสุดๆไม่มีที่ติเลยสักนิด ยกเว้นเวลาที่อยู่กับฉันนะ
“โบราวันนี้ไปฉลองกัน”
“สติแกกลับมาแล้วหรอ”
“อืม (-_-)(_ _)(^_^) เรื่องเมื่อเช้าฉันคงมโนไปเองจริงๆแต่เรื่องเมื่อกี้มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหมที่วอยซ์เขาคุยกับฉันแถมยังเรียกชื่อฉันอีกด้วย”
“ใช่^ ^”ดีใจจริงๆที่เห็นยัยนี่มีความสุขได้
“กรี๊ดดดดดด”
“แกจะกรี๊ดทำมายยยย”
“จิตไม่ปกติรึไงห่ะยัยบ้า” ยัยวีนัสสาวฮ็อตอันดับหนึ่งเดินเข้ามาหาเรื่องยัยคริสจอมซ่าเพื่อนรักยัยโบราจอมเพี้ยน (ว่าตัวเอง)
“ก็คนมันดีใจจะทำไมห่ะ” เวรแล้วววววยัยคริสเล่นด้วยอีกแล้วหรอเนี่ย
“ดีใจอะไรหรอยะ วันๆฉันก็ไม่เห็นว่าชีวิตของเธอมันจะมีอะไรเลยสักนิด มีแต่ฝันลมๆแล้งๆ”
“ก็...อุ๊ป” ฉันเอามือไปปิดปากยัยนั่นก่อนที่มันจะหาเรื่องใส่ตัว
“ไม่มีอะไรหรอก” ฉันรีบพูดตัดบทก่อนที่จะรีบลากยัยคริสออกมาจากคนพวกนั้น
“ปล่อยพวกมันไปเถอะวีนัส แค่พวกจิตไม่ปกตินะ” ยัยปริ้นแทรกขึ้น
“นี่แกลากฉันออกมาทำไมยะ” พอฉันปล่อยมือออก ยัยนั่นก็ตะหวาดใส่ฉันทันที
“แกจะหาเรื่องใส่ตัวรึไงห่ะ ก็รู้ว่าถ้าพวกนั้นรู้ว่าเราไปยุ่งกับวอยซ์มันกัดเราไม่ปล่อยแน่!”
“ก็พวกนั้นมันดูถูกเราหนิ แถมมันยังหาว่าเราจิตไม่ปกติอีกด้วยไม่ดูตัวเองเลย พวกแกสิโรคจิต!”ยัยคริสหันกลับไปตะโกนด่าซ้ำพวกนั้น แต่ก็โชคดีที่พวกนั้นคงไม่ได้ยินหรอก
“ช่างมันเถอะน่า”
“ช่างมันได้ไงล่ะ”
“แล้วถ้าแกไปมีเรื่องกับพวกนั้นแกคิดว่าแกจะได้เข้าใกล้วอยซ์อีกงั้นหรอ ทำไมแกไม่อยู่เงียบๆแบบนี้ก่อนให้แน่ใจว่าวอยซ์จะปกป้องแกได้แล้วแกค่อยไปอวดพวกมันไม่ดีกว่าหรอ”
“ว้าว...แกนี่มันช่างรอบครอบเสมอเลยนะโบรา ไม่ผิดหวังจริงๆที่มีเพื่อนอย่างแก งั้นฉันจะคบกับวอยซ์ก่อนแล้วค่อยไปเล่นงานพวกมันคืนแล้วกัน”
{แกได้เล่นงานพวกนั้นแน่ ตราบใดที่ฉันช่วยแกอยู่} อาการเพ้อในใจ
กลับมาถึงบ้านที่แสนจะมืดมิดและเงียบเหงาไร้เสียงใดๆทั้งสิ้น
“กรี๊ดดดดดดดด” ฉันเปล่งเสียงทั้งหมดที่มีออกมาหลังจากเหลือบไปเห็นเงามืดกำลังเคลื่อนตัวมาทางตัวเอง
“เฮ้ๆหยุดๆนี่ฉันเอง” เงาที่ว่ารีบวิ่งเอามือมาปิดปากฉันและกอดเอาไว้แน่น ก่อนที่จะพยายามอธิบายอะไรบางอย่าง
“อืออืมอืออออ” ฉันพยายามจะถามว่าแกเป็นใครแต่ด้วยการที่มีมือปิดปากฉันเอาไว้แน่นเลยพูดออกไปไม่รู้เรื่อง
“ฉันเองวอซซ์เธอยังไม่ลืมใช่ไหม” ฉันไม่รู้ว่าเค้าเข้าใจที่ฉันพูดรึเปล่าแต่เค้าก็ตอบตรงประเด่นเลยทีเดียว
“อืมๆ” ฉันพยักหน้าตอบแก้ไขสถานการณ์ไปก่อนถึงหมอนั่นจะไม่ใช่โจรอย่างที่คิดแต่มันก็แย่พอๆกับโจรขึ้นบ้านเลยล่ะกับการที่คนดังอย่างหมอนั่นบุกบ้านฉัน
“โอเค” หมอนั่นยื่นมือไปเปิดไฟก่อนที่จะค่อยปล่อยมือออกจากฉัน
“นายมาได้ไง” ฉันรีบพักตัวออกจากตัวอันตรายนั่นทันที ก่อนจะถามเรื่องที่ควรถามเรื่องแรก
“ก็เดินตามเธอมาไง ^ ^” เค้าตอบหน้าซื่อ(แต่จะใจเสือรึเปล่าไม่รู้)
“ว่าแล้วเชียวว่าลางสังหรฉันไม่น่าพลาด -*-^ ”
“ตอนที่เพื่อนเธอหาว่าเธอเป็นบ้าน่ะหรอ ^o^ ”
“แล้วนายตามฉันมาทำไม”
“ก็..” แล้วเค้าก็เดินไปลากกระเผ๋าที่ถูกทิ้งไว้ข้างนอกชั่วขณะเข้ามาในบ้าน
“แล้วนั่นอะไร”
“ก็กระเป๋าเสื้อผ้าน่ะสิยัยบื้อ เห็นเป็นรถถังรึไงห่ะ”
“ใครจะไปรู้มันก็ดูละม้ายคล้ายคลึงอยู่นะ”
“นี่!แถวบ้านเธอเขาลากรถถังออกมาเดินเล่นนอกบ้านกันรึไงห่ะ”
“มีนะฉันเห็นประจำเลยล่ะ”
“ใช่นะสิก็เธอมันสมองกลับจนเห็นกระเป๋าหรู่ๆของฉันเป็นรถถังหนิ ไม่ใช่ว่าเธอเที่ยวไปทักคนที่เขาลากกระเป๋าหรู่ๆพวกนั้นว่าลากรถถังออกมาเล่นกันหมดแล้วนะ”
“ไม่ใช่ย่ะ ที่บอกว่าเห็นบ่อยฉันเห็นเด็กอายุต่ำกว่าสิบขวบเขาเล่นกันต่างหากย่ะ”
“งั้นหรอ นึกว่าฉันเจอกับคนบ้าเข้าแล้วจริงๆซะอีก”
“นายน่ะสิบ้า! แล้วนายเอากระเป๋าเสื้อผ้ามาทำไม”
“ดูออกแล้วหรอว่าเป็นกระเป๋าเสื้อผ้า ฉันนึกว่าเธอจะมองเป็นเรือรบซะอีกนะ”
“นี่พูดมาขนาดนี้ทำสงครามกันเลยดีไหมห่ะ!”
“ดีแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้นะเพราะฉันวิจัยระเบิดนิวเคียร์ชนิดร้ายแรงยังไม่เสร็จ เอาไว้พร้อมเดี๋ยวบอก” นี่ฉันไม่ได้รู้สึกเจ็บแผลที่หัวแต่กำลังปวดประสาทกับหมอนี่ใช่ไหมเนี่ยยยยยยยยยย
“โอเค ตกลงนายเอากระเป๋านั่นเข้ามาในบ้านฉันทำไม”
“ฉันก็จะย้ายมาอยู่กับเธอไงจ๊ะ ^ ^”
“ไม่มีทาง! ฝันไปเถอะ! Impossible!”
“แต่มันก็เป็นไปแล้ว และฉันจะอยู่ที่นี่นับตั้งแต่วันนี้เลย” พูดจบหมอนั่นก็เดินตรงดิงไปที่ห้องฉันทันทีเหมือนเชี่ยวชาญเส้นทางในบ้านนี้เป็นอย่างดี
“ไอ้วานรลงมาเดี๋ยวนี้นะ ใครอนุญาตให้นายอยู่ที่นี่กันห่ะ รีบลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะแล้วก็ลากรถถังนายออกไปจากบ้านฉันด้วย”
“ฉันไม่ได้มีแค่รถถังนะแต่ฉันมีปืนใหญ่ด้วยยยยยย ปืนใหญ่ที่สามารถฆ่าเธอได้ภายในคืนเดียว ฮ่าๆๆๆๆๆ” ว่าแล้วหมอนั่นก็รีบเดินมุ่งหน้าเข้าไปในห้องฉันทันที
“ไอ้วานร...หยุด...!” ฉันพยายามวิ่งตามไปหยุดหมอนั่นแต่ไม่ทันเพราะเค้าเปิดประตูเข้าไปซะก่อน
“ประตูไม่ได้ล็อกหนิ” หมอนั่นหันมาพูดกับฉันหน้าตาเฉย
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าวันหนึ่งจะมีมหาโจรอย่างนายมาบุกรุกบ้านฉัน!”
“งั้นไหนขอสำรวจบ้านที่ไม่เคยมีใครมาบุกรุกหน่อยซิ” ว่าแล้วหมอนั่นก็รีบเข้าสำรวจในห้องฉันอย่างไร้มารยาทสุดๆ
เป็นครั้งแรกที่ฉันอยากที่จะมีโทรศัพท์เพราะจะได้ถ่ายรูปและอัดคลิปไปให้ชาวโลกเห็นว่าหมอนั่นมันเลวแค่ไหนจะได้เลิกบ้าคลั่งกันสักทีโดยเฉพาะยัยคริสตัล
“เสียใจด้วยนะที่เธอคงประจานฉันไม่ได้ ^ ^”
“นี่นายได้ยินเสียงฉันคิดงั้นหรอ!OoO!”
“เปล่า แค่เห็นหน้าหงิกๆของเธอบวกกับรอบๆไม่มีเทคโนโลยีอะไรเลยรสนิยมโบราณๆแบบนี้คงไม่ใช้แม้กระทั้งโทรศัพท์มือถือหรอก”
“-_-^”นอกจากยัยคริสตัลแล้วก็ไม่มีคนที่ฉันรู้จักสักหน่อยแล้วมันจำเป็นอะไรที่ฉันต้องมีโทรศัพท์มือเพราะนอกจากอยู่ที่บ้านแล้วฉันก็ตัวติดกับยัยนั่นตลอดเวลา ฉันมีแค่โทรศัพ์บ้านเครื่องเก่าๆนี้ก็ถือว่าหรู่แล้ว
“ใช่สิ อย่างน้อยก็มีโทรศัพท์บ้านเก่าๆเครื่องนั้นอยู่”
“O_O^”แน่ใจนะว่าหมอนั่นไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันคิดจริงๆ
“ฉันไม่ได้ยินเรื่องที่เธอกำลังคิดอยู่หรอกน่า อย่ากังวนเลย ^ ^”
“OoO!” นั่นไงเค้าได้ยินมันจริงๆด้วยเรื่องที่ฉันคิดเค้าตอบมันได้ทุกเรื่องเลย หมอนี่ต้องไม่ใช่คนแน่ๆ ไม่น่าล่ะคนอะไรจะหล่อเพอร์เฟ็คได้ขนาดนี้ ผิวขาวเนียน ตาคมใส หน้าตาอย่างกับออกมาจากภาพวาดแหนะแถมหุ่นยังดีมากๆอีกด้วย “นายมันตัวอะไรกันแน่เนี่ย”
“เฮ้!อะไรกันก่อนที่จะขึ้นมาก็หาว่าฉันเป็นโจรแล้วทีนี้ก็มาหาว่าฉันไม่ใช่คนอีก สงสัยว่าเธอจะอ่านนิยายเยอะไปจริงๆ” เค้าทิ้งสือนิยายเล่มหนึ่งที่หยิบขึ้นมาดูลงบนเตียงนอนก่อนที่จะเดินเข้ามาหาฉัน
“o_O”” เค้าคิดจะทำอะไรอีกเนี่ย
“เรามาอยู่ด้วยกันเถอะนะ ถึงฉันจะไม่ค่อยชอบที่นี่เท่าไหร่แต่ถ้าต้องอยู่กับเธอมันก็โอเค”
“ว่าไงนะ!OoO!” อีกครั้งที่หมอนี่พูดเหมือนว่าเราสนิทสนมกันมานานเนิ่นนาน ครั้งที่แล้วทำเหมือนว่าเรากำลังเลิกกันคราวนี้ก็เหมือนคนที่กำลังจะแต่งงานกันไม่มีผิด จะให้ฉันบอกว่ายังไงดีล่ะมันไม่ใช่แค่หนักใจแต่มันโคตรหนักใจและสับสนเลยตอนนี้
“ฉันบอกว่าฉันตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่...กับเธอ”
“นี่นายไม่ได้กำลังขอฉันแต่งงานใช่ไหม”
“ว่าไงนะเธอบ้าหรือโง่เนี่ยคนอย่างฉันเนี่ยนะจะขอยัยโบราณซื่อบื้ออย่างเธอแต่งงาน”
“ :(”
“ดูนี่นะ” หมอนั่นลากฉันไปยืนที่ตรงกระจกบานใหญ่ ก่อนที่จะมายืนเทียบกับฉัน
“อืม แล้วไง” ฉันบอกออกไปงงๆ
“เธอเห็นอะไร”
“นายกับฉันไง”
“แล้วเหมือนอะไร” ฉันเพ่งสายตาไปที่กระจกก่อนที่จะตอบออกไปตามความรู้สึกที่แท้จริงจากก้นบึ้งของความรู้สึกอีกที่
“เทวดากับยาจก”
“ฮ่าๆๆๆเธอก็รู้ตัวหนิ แล้วทำไมคิดว่าเทวดาอย่างฉันจะขอยาจกอย่างเธอแต่งงานได้ล่ะ”
“L!”
“ฉันแค่จะอยู่ที่นี่....แต่จะไม่แต่งงานกันเธอแน่”
“แต่ฉันไม่ให้นายอยู่”
“ทำไมล่ะ หรือว่าเธออยากแต่งงานกับฉัน”
“ไม่”
“งั้นฉันก็จะอยู่ที่นี่”
“บอกแล้วไงว่าไม่ให้อยู่”
“ฉันจะอยู่”
“ออกไปจากบ้านฉันเดียวนี้นะ....”
“ไม่ไป...”
“ทำไมนายถึงหน้าด้านขนาดนี้เนี่ย!”
“ตอนเกิดพ่อแม่เอาคอตกรีทฉาบหน้าไว้ไม่รู้หรอ”
“งั้นก็รู้ไว้เลยนะว่าฉันเกิดมาพ่อแม่ให้รถบดเป็นของขวัญวันเกิดเพื่อจะบดหน้าหนาๆของนายโดยเฉพาะ” ฉันเดินไปหยิบค้อนที่อยู่ในห้องเก็บของมาไล่ตีหมอนั่น
“เฮ้ๆเดี๋ยวก่อนสิ นี่จะฆ่ากันเลยหรอเนี่ย”
“จะออกไปไหมไอ้หน้าด้าน”
“ถ้าฉันไม่ได้อยู่ที่นี่พรุ่งนี้เธอได้ดังเป็นพรุแตกแน่ เธอก็รู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นแม่เหล็กชั้นดีเลยล่ะที่จะทำให้คนทั้งโรงเรียนรู้จักเธอ”
“ห้ามทำแบบนั้นนะ”
“งั้นเธอก็ต้องให้ฉันอยู่ที่นี่ แล้วเรื่องทั้งหมดก็จะเป็นความลับ”
“เฮ้ย.. -*-^ ” ฉันคงไม่มีทางเลือกที่จะให้หมอนั่นอยู่ที่นี่ไปก่อน
“งั้นฉันเอาของไปเก็บแล้วนะ ^__^”
“แฟนคลับมีเป็นร้อยเป็นพันแล้วทำไมต้องเป็นฉันที่ซึ่งไม่ใช่แหมกระทั้งเศษเสี้ยวของแฟนคลับหมอนั่นต้องมมารับกรรมนี้ด้วยนะ มีหมอนี่อยู่ใกล้ๆอันตรายได้คืบคลานเข้ามาหาฉันแน่”
“อ๊ากกกกกก”
“อะไรอีกเนี่ย” ฉันรีบวิ่งขึ้นไปหาหมอนั่นทันทีที่ได้ยินเสียงร้อง
“โบราช่วยด้วยยยยย” เอาอีกแล้วเรียกฉันเหมือนสนิทอีกแล้วววว ฉันบอกแล้วไงว่าไม่อยากสนิทสนมกับตัวอันตรายอย่างนาย
“เป็นอะไร! ร้องซะแก้วหูแทบแตก”
“ฉันไม่กล้าอยู่คนเดียวอ่ะ อยู่เป็นเพื่อนหน่อยสิ”
“ว่าไงนะ! นายยังเป็นผู้ชายอยู่รึเปล่าเนีย”
“เป็นทั้งแท่ง!แต่ห้องเธอมีแต่หนังสือโบราณๆเต็มไปหมดน่ากลัวจะตาย ฉันไม่กล้าอยู่คนเดียวหรอกโดยเฉพาะเวลาอาบน้ำ”
“พูดเป็นเล่น! นายจะให้ฉันเข้าไปอาบน้ำเป็นเพื่อนงั้นหรอ”
“เปล่าแค่อยู่ในห้องนี้ก็พอ”
“โอ๊ย! วุ่นวายจริง” แค่นี้ฉันก็หัวจะระเบิดอยู่แล้วนะ ถ้าขืนปล่อยไว้นานกว่านี้ฉันไม่รอดแน่
“ห้ามไปไหนนะ”
“เอ่อ!”
“ฉันจะโผล่หน้าออกมาดูทุกๆสามนาที ถ้าฉันไม่เจอเธอนั่งอยู่ตรงนี้ฉันจัดการเธอแน่” หมอนั่นปล่อยคำขู่ไว้ก่อนจะเดินเข้าห้องอาบน้ำ
“โอ๊ย อยากให้พวกแฟนคลับบ้าบอหมอนั่นมาเห็นสภาพนี้จริงๆถ้ายังรับได้ฉันจะนับถืออย่างสูงเลย”
สามนาทีผ่านไป
“เธอยังอยู่ใช่ไหม” หมอนั่นโผล่หน้าออกมาดูฉันจริงๆซะด้วย
“ยังไม่ตาย - -^”
อาบน้ำเสร็จไอ้วานรทิ้งตัวลงนอนที่เตียงฉันและมันก็ครองเตียงฉันไปเรียบร้อย
“ฉันนอนนี่ก็แล้วกัน”
“ตามสบายเถอะพ่อเทวดาสุดหล่อ! ยาจกอย่างข้าขัดศรัทธาเจ้าไม่ได้หรอก” ไหนๆมันก็ทำเหมือนบ้านตัวเองตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แล้วจะให้ฉันขัดศรัทธายังไงล่ะ
“ถ้าเธอไม่รังเกียจก็ออกไปนอนข้างนอกก็แล้วกันนะ”
มันเหมือนความว่ายังไงเนี่ยถ้าไม่รังเกียจก็ออกไปนอนข้างนอก แล้วถ้าฉันรังเกียจล่ะ?
“หวังว่าเธอคงไม่รังเกียจนะ”
โอเคเข้าใจแล้ว เป้าหมายคือมันต้องการให้ฉันไปนอนข้างนอกและเพื่อที่จะพูดให้ตัวเองดูดีแทนที่จะบอกว่ารังเกียจที่จะนอนกับฉันแต่กลับบอกว่าฉันไม่รังเกียจที่จะนอนข้างนอกแทน แหม...ฉลาดเหมือนลิงเลยนะไอ้วานร....
“โอเค ฉันรังเกียจ”
“งั้นก็ไปนอนข้างนอกสิ”
“อ้าวทำไมล่ะก็นายบอกเองไม่ใช่หรอว่าถ้าไม่รังเกียจก็ออกไปนอนข้างนอก เพราะฉะนั้นถ้าฉันรังเกียจฉันก็ต้องนอนในนี้สิ”
“เธอจะนอนกับคนที่เธอรังเกี่ยจงั้นหรอ”
“ไม่” ตอบไปอย่างหนักแน่น แต่ในหัวกลับงงๆกับตัวเอง
“โอเคงั้นก็ไปนอนข้างนอก”
“สรุปฉันตอบว่ารังเกียจหรือไม่รังเกียจฉันก็ต้องนอนข้างนอกอยู่ดี”
“ใช่”
“ไอ้บ้า!นี่มันบ้านฉันนะ และนี่ก็ห้องนอนฉันด้วย”
“แล้วยังไง”
“โอเค ฉันจะยอมนายแค่วันนี้วันเดียว ถ้าฉันคิดวิธีเล่นงานนายได้เมื่อไหร่นายตายแน่ ไอ้วานรไอ้ลิงทะเลลิงภูเขาลิงถ้ำโอ้ยยยไอ้สัตว์ประหลาดลิงพันล้านปี”
“เห้ย! เธอกล้าดียังไงมาว่าหนุ่มหล่ออันดับหนึ่งของโรงเรียนว่าเป็นสัตว์ประหลาด”
“ไอ้บ้า!” ทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยคำด่าที่แสนจะเบสิก ก่อนที่จะปิดประตูเข้าอย่างแรงแล้วลากสังขารตัวเองไปนอนที่โซฟาเก่าๆข้างนอก
ณ โรงเรียนมัธยมที่ฉันอาศัยเขาเรียนอยู่
“คอยดูนะวันนี้ฉันจะหาวิธีเล่นงานนายให้ได้ ตอนนี้ฉันจะปล่อยให้นายนอนสบายอยู่ที่บ้านฉันไปก่อนรอรับความเจ็บปวดได้เลย” ฉันออกมาจากบ้านโดยที่ไม่สนใจหมอนั่น ทิ้งอาณาจักรฉันไว้ให้มันไปก่อน เพราะถ้าฉันคิดแผนที่จะเล่นงานคืนได้เมื่อไหร่ฉันจะกลับไปทวงอาณาจักรฉันคืนแน่ *U*
“ข่าวด่วนข่าวดีข่าวดังจากบก.สาว...สุดสวยมุนกินยุงมาแล้วจ้า” เสียงที่ถูกกระจายออกมาจากวิทยุโรงเรียนทำเอาเช้าอันเงียบสงบของฉันเสียหมด
“มุนกินยุงงั้นหรอใครเป็นคนคิดชื่อนี้ให้ยัยนั่นเนี่ย ^O^” เรียนที่นี่มาตั้งหลายปีแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินชื่อนี้แถมยังสนใจฟังข่าวจากยัยนี่ด้วย ฉันคงเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
“และสำหรับเช้าอันแสนสดชื่นของวันนี้แน่นอนว่ามุนกินยุงคนนี้ต้องมีข่าวมาแจ้งให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆได้รับฟังอย่างแน่นอน”
“ห่ะ เช้าอันแสนสดชื่นงั้นนหรอ? ฮ่าๆๆ ท่าทางยัยนี่จะเพี้ยนไปแล้วจริงๆฟ้าครึ้มฝนตั้งเค้าจะตกแบบนี้ยังมาบอกว่าเช้าอันแสนสดชื่นอีก”
“ฉันคิดว่าข่าวนี้จะทำให้ทุกคนหัวใจเต้นผิดจังหวะกันได้แน่ ส่วนใครที่เป็นโรคหัวใจแนะนำให้วิ่งให้เร็วที่สุดแล้วไปหลบในที่ที่ไม่มีใครเห็นและข่าวสารไม่สามารถเข้าถึงได้เลยนะจ๊ะ”
“นั่นที่ฉันทำประจำหนิ แต่ฉันไม่ได้เป็นโรคหัวใจนะแค่ไม่อยากรู้เรื่องชาวบ้าต่างหาก”
“เพราะมีทั้งข่าวดีแล้วก็ข่าวร้ายสำหรับหลายคน ข่าวดีก็ดีสุดๆส่วนข่าวร้ายที่ร้ายที่สุดเหมือนกัน ฉันจะให้เวลาทุกคนทำจะสามวินะ แล้วฉันก็จะเริ่มอ่านข่าวทันที ติ๊กตอกติ๊กตอกติ๊กตอก ข่าวมีอยู่ว่า”
“แล้วสามวิมันจะไปพออะไรวะ”
“ข่าวมีอยู่ว่า เอ่อฉันขออ่านข่าวดีก่อนก็แล้วกันนะเผื่อทุกคนจะได้สดชื่นๆแต่เช้า”
“สุดท้ายก็ต้องน้ำเล็ดอยู่ดี นี่มันลูปหัวแล้วตบหลังนี่หว่า”
“โอเค ทุกคนตั้งใจฟังนะตอนนี้หนึ่งในหนุ่มฮ็อตยืนอยู่ข้างๆฉันและเค้าก็บอกฉันว่าเค้าไม่ได้เป็นเกย์แน่นอนร้อยเปอร์เซ็น กรี๊ดดดดดดด”
“โอ๊ยยยยแล้วจะกรี๊ดใส่ไมค์ทำไมเนี่ยหูจะแตกโว้ย” เสียงแหลมชะมัดเมื่อเช้ากินข้าวกับนกหวีดรึไง
“ส่วนข่าวร้ายคือเขากำลังจะคบกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งก็ยังไม่เปิดเผยว่าเป็นใคร ฮือๆๆไม่จริงงงงงง”
“ยัยบ้าพูดเองเจ็บเอง แต่ถ้าให้ทายนะว่าใครเป็นคนให้สัมภาษณ์อยู่ฉันว่าต้องเป็นเรนนี่แน่ๆเพราะหมอนั่นกำลังตกเป็นข่าวว่าเป็นคู่เกย์กับไอ้วานรพอดีอีกอย่างตอนนี้ไอ้วานรก็คงนอนอืดอยู่ที่บ้านฉันคงยังไม่ตื่นหรอก
“นี่โบราแกได้ยินที่ยัยมุนกินยุงนั่นประกาศรึเปล่า” ยัยคริสวิ่งเข้ามายิ่งคำถามใส่ฉันทันทีที่เจอ
“ได้ยิน ทำไม”
“เฮ้อ...เซ้นส์แกนี่มันไม่เคยพลาดเลยจริงๆ”
“อืม ดีใจด้วยนะ”
“ฉันว่าคนที่ให้สัมภาษณ์ต้องเป็นวอซซ์แน่เลย ^ ^ ”
“ทำไมล่ะ” ถ้าฉันบอกยัยนั่นไปว่าไม่ใช่ยัยนั่นต้องสงสัยแน่เพราะปกติฉันจะไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้เลย
“ก็ข่าวบอกว่าเค้ากำลังจะคบกับผู้หญิงนะสิ เพราะฉะนั้นไม่มีทางเป็นเรนนี่แน่ เพราะหมอนั่นเพิ่งจะเลิกกับแฟนเก่าและคงจะยังไม่คบกับใครง่ายๆ ฉันรู้นิสัยหมอนั่นดีและก็รู้นิสัยวอซซ์ดีด้วยเขาชอบยื่นอกพกถุงนะ” ยื่นอกพกถุงอะไรของมันวะแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการออกมาให้ข่าวเนี่ย
“งั้นหรอ พูดอย่างกับเธอเคยคบกับพวกนั้นเลยนะ”
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงย่ะเพราะฉันติดตามข่าวสารพวกเขาตลอด”
“แล้วแกไม่เสียใจหรอที่ว่าวอซซ์กำลังจะมีแฟนน่ะ”
“เสียใจสิยะ แต่อย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าเป็นเกย์อ่ะ เพราะฉันก็ยังมีสิทธิ์อยู่”
“นี่แกยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะได้เป็นแฟนไอ้ลิงนั่นอีกหรอเนี่ย” “พูดดีๆนะ ลิงเลิงอะไรหล่ออย่างกับเทวดา”
“หวอคงอ่ะหรอ ลิงเทวาดา ฮ่าๆๆๆ” “ยัยโบรา!”
“อะไรกลัวลืมชื่อฉันหรอ ^ ^ ”
“แกตาย!”ฉันวิ่งหนียัยคริสตัลอีกตามเคยสงสัยการวิ่งหนียัยนี่ตอนเช้ามันจะกลายเป็นกิจวัตประจำวันของฉันไปซะแล้ว
“โอ๊ย!” เพราะมัวแต่หันไปมองยัยคริสกลัวว่ายัยนั่นจะตามาทัน จนไม่ทันที่จะมองข้างหน้าเลยทำให้ฉันชนกับวัตถุอะไรบางอย่างเข้าอย่างจัง
“เฮ้!เดินดูทางหน่อยสิจ๊ะสาวน้อย” ช่างพูดจาไม่เค้ากับหน้าตาละอ่อนของตัวเองซะจริง กล้าดียังไงมาเรียกฉันว่าสาวน้อยห่ะ
“เรนนี่!” ยัยคริสตัลอุทานออกมาทันทีที่เห็นว่าสิ่งที่ฉันชนเข้าอย่างจังไม่ใช่วัตถุใดๆแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่จัดว่าเป็นคนและมีชื่อว่าเรนนี่
“นายไม่ได้อยู่ที่ห้องสัมภาษณ์กับยัยกินยุงนั่นหรอกหรอ” ฉันถามออกไปอย่างงงๆบวกกับตกใจเพราะถ้าไม่ใช่เรนนี่ที่ให้สัมภาษณ์มันก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากวอซซ์ซี่
“ฉันก็อยู่ตรงหน้าเธอนี่ไงจ๊ะ หรือเธอมองไม่เห็นฉันเพราะว่าฉันเข้าอยู่ให้ใจเธอซะแล้ว”
อะไรเนี่ยคนหนึ่งก็กวนสุดแสบอีกคนก็เกรียนสุดยอด โคตรจะเพลียกับสองคนนี้เลยจริงๆ
“จ้องตากันอยู่นั่นแหละเดี๋ยวก็ท้องกันพอดีหรอก” ยัยคริสตัลผลักเราทั้งสองออกจากกันหลังจากที่จ้องกันอย่างกับปลากัด
“เธอเกี่ยวอะไรด้วยห่ะยัยโสมเกาหลี” เรนนี่เดินห่างออกมาจากฉันแล้วหันไปพูดกับยัยคริสแทน
ยัยคริสเหมือนโสมเกาหลีตรงไหนวะ ออกจากเหมือนคิมแทฮี
“ขอบใจนะเรนนี่ที่ชมอ่ะ”
“ฮ่าๆๆฉันด่า”
“แต่นายว่าฉันเหมือนเกาหลีไง”
ท่าทางเพื่อนฉันจะเพี้ยนไปจริงๆ เขาด่าว่าโสมเกาหลียังมาหาว่าเขาชมอีก
“ฮ่าๆท่าทางยัยนี่จะเพี้ยนไปแล้วจริงๆ” ว่าแล้วเรนนี่ก็เดินจากไปดังสายลมไม่สนใจทั้งฉันแล้วก็ยัยคริสตัล แต่ก็ดีแล้วล่ะที่เขาไม่ได้สนใจเราสองคน
“เลิกมองได้แล้วแกเป็นโรคจิตรึไงห่ะ!” ฉันหันไปตะคอกใส่ยัยคริสเรียกสติดีๆมันกลับมา
“ยังโว้ย!”
“แสดงว่ามีที่สิทธิ์จะเป็น โอ๊ย!” อีกครั้งที่เกิดการชนกันขึ้นแต่ฉันไม่ได้เป็นคนไปชนใครแต่มีคนมาชนฉันต่างหาก ชนอย่างแรง บอกคำเดียวว่าโคตะระเจ็บเลย แต่ที่ไม่ล้มคงเป็นเพราะว่าช่วงล่างฉันมันยังดีอยู่
“เฮ้!โทษที” คนที่ชนฉันพูดอย่างเสียมารยาท
“วอซซ์!” ฉันอุทานขึ้นมาอย่างดังเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือวอซซ์
“วอซซ์...” ส่วนยัยคริสก็เรียกชื่อหมอนั่นเสียงอ่อยก่อนที่สติจะล่องลอยไปอย่างอัตโนมัติ เหม่อมองหน้าวอซซ์ไม่แม้แต่กระพิบตา
“จุ๊ๆเดี๋ยวเขาก็รู้กันหมดหรอก” หมอนั่นยื่นนิ้วชี้มาแตะปากฉันบงบอกให้ฉันเลิกทำท่าทีตกใจและแปลกใจซะ
“นะนาย”
“โอเค งั้นฉันไปก่อนล่ะก่อนที่คนอื่นเขาจะรู้เรื่องเรากันหมด”
“O_O’\” หมอนั่นจุ๊บที่แก้มฉันก่อนที่จะวิ่งหายไปยังกับพายุทอนาโด “แล้วคิดว่าทำแบบนี้คนอื่นเขาจะไม่สนสัยกันหรอยะ”
“โบรา!...”
“ยัยคริส! ไม่มีอะไรๆฟื้นสิ”หันมาอีกทียัยคริสที่โดนพายุหัวใจถาโถมเข้าอย่างจังจนเป็นลมงายท้องไปซะแล้ว
“@.,@” ไม่ว่าฉันเรียกแล้วก็เขย่าตัวยัยนั่นแรงแค่ไหนยัยนั่นก็ไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นเลยสักนิด และยัยนั่นก็ยังคงนอนนิ่งเป็นร่างไร้สติ
“ไอ้วานร...ฉันตามไปฆ่าแกแน่ไอ้ลิงเทวดา!” ฉันตะโกนด่าไอ้เลววานรที่มันทำให้เพื่อนรักฉันต้องกลายเป็นแบบนี้ถึงแม้มันจะหายเข้าไปในกลีบเมฆแล้วก็ตาม
ฉันรีบแบกยัยคริสมาที่ห้องพยาบาล
“หมอช่วยเพื่อนฉันด้วย”
“ผะผี...อ๊ากกกกกก” หมอหล่อนั่นทำท่าตกใจและจะวิ่งหนีฉัน เขายังคงเข้าใจผิดว่าฉันเป็นผีอยู่
“ฉันเป็นคน!” ฉันดึงแขนไว้ได้ทันพอดี
“เธอเป็นคนจริงหรอ” เขาเอามือมาลูปสำรวจที่หน้าอันโชกเหงื่อของฉันจนแน่ใจจริงๆว่าฉันเป็นคน ก่อนที่ตัวฉันจะทรุดลงพื้นอัตโนมัติด้วยแรงโน้มถ่วงโลกบวกกับน้ำหนักยัยคริสที่ฉันกำลังแบกอยู่
“ก็คนน่ะสิ(-..-);” ฉันพูดด้วยเสียงเหนื่อยหอบก่อนที่หมอนั่นจะมองไปที่ยัยคริสแล้วรีบอุ้มไปที่เตียง และทำการตรวจดูตามประสาคนเป็นหมอซึ่งฉันก็ไม่รู้เรื่องได้แต่ยื่นมองอย่างเหนื่อยๆ
“เป็นลมเพราะอะไร” เขาหันมาถามฉัน
“เห็นภาพที่ไม่ควรเห็นเลยช็อค”
“งั้นคงแย่แล้วล่ะ”
“หมายความว่ายังไงเพื่อนฉันอาจจะตายงั้นหรอ”
“ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย”
“แล้วมันแย่อะไรล่ะ”
“ที่หมอพูดแค่สงสารคนไข้ที่ไปเห็นภาพที่ไม่ควรเห็นน่ะเพราะมันอาจจะติดตาและกลายเป็นป่มไปตลอดชีวิตได้” หมอนี่เป็นหมอรักษาโรคหรือเป็นหมอโรคจิตกันแน่เนี่ย
“ฉันรู้แล้ว! แต่ที่ต้องการรู้ตอนนี้ไม่ใช่สภาพจิตใจแต่เป็นสภาพร่างกายต่างหาก”
“อ่อ ไม่เป็นไรหรอกนอนพักสัหน่อยเดี๋ยวก็ฟื้น”
“แต่ยัยนั่นไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นง่ายๆเลยนะ”
“แหงล่ะ เห็นภาพไอ้วอยซ์จุ๊บแก้มเธอต่อหน้าต่อตาแบบนี้เป็นผู้หญิงคนอื่นก็คงจะช็อคเหมือนกัน”
“หมอรู้ได้ไง OoO!”
“ไม่มีเรื่องไหนที่ฉันไม่รู้เกี่ยวกับไอ้วอยซ์หรอกนะ”
“หมอเป็นแฟนคลับหมอนั่นด้วยหรอ”
“ห่ะ คนอย่างฉันเนี่ยนะจะเป็นแฟนคลับไอ้จิ้งจองนั่น” ฉายาแต่ละอันAnimalทั้งน้านนนน
“หรือว่าเป็นเพื่อนสนิทเหมือนเรนนี่” แล้วฉันมีนิสัยอยากรู้อยากเห็นเรื่องชาวบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย แต่ถึงพยายามที่จะหยุดปากและความคิดของตัวเองแค่ไหนแต่มันก็ไม่ฟัง
“ฉันจะเป็นอะไรกับหมอนั่นก็ช่างเถอะ” นั่นสิ ฉันจะอยากรู้ทำไมเนี่ยถ้าหมอนั่นรู้เรื่องฉันจริงๆฉันก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยหมอนั่นก็ไม่ค่อยได้ไปสุงสิงกับใครอยู่แล้ว....มั้ง ฮือๆๆๆ
“อืม..ช่างเถอะ” สุดท้ายฉันก็กลับมาเป็นฉันได้อีกครั้ง
“ฉันว่าน่าจะสักชั่วโมงโน้นแหละกว่าเพื่อนเธอจะฟื้น”
“งั้นฝากเพื่อนฉันก่อนนะเดี๋ยวมา”
“เธอจะไปไหนหรอ” หมอนี่อยากรู้อยากเห็นจริงๆ
“ไปจัดการกับไอ้คนที่มันทำให้เพื่อนฉันต้องเป็นแบบนี้ไงล่ะ”
“ปล่อยมันไปเถอะน่าโบรา ถ้าขืนเธอไปจัดการมันมีหวังเธอได้ดังเป็นพรุแตกชั่วข้ามคืนแน่” จริงด้วย ดีนะที่หมอนี่เตือนฉันไว้ทัน แต่เอ๊ะ! เค้ารู้ชื่อฉันได้ไง
“หมอรู้ชื่อฉันได้ไง”
“^ ^”
“ไอ้วานร....” คราวนี้ใครก็ห้ามฉันไม่ได้แล้ว เพราะหมอนั่นผิดสัญญาบอกชื่อฉันกับหมอหล่อ ถึงเวลาที่ฉันจะจัดการกับมันสักที ถึงจะยังไม่มีวิธีแต่ฉันก็จะไปตายเอาดาบหน้าก็แล้วกัน
ฉันรีบวิ่งไปที่ห้องเรียนหมอนั่นและสิ่งที่เห็นก็ไม่ต่างจากเรื่องวันนั้นเลยวันที่ฉันฝันถึงหมอนั่นจนละเมอหัวฟาดโต๊ะ ในห้องเต็มไปด้วยเสียงเจี้ยวจ้าวของพากผู้หญิงแต่ที่หนักว่าวันนั้นก็คือเรนนี่ก็อยู่ด้วย ฉันเลยต้องเยียบเบรกทันที
“ไม่ได้ๆฉันต้องตั้งสติก่อน” ฉันค่อยๆโผล่หน้าเข้าไปมองข้างในห้องและหาวิธีลากหมอนั่นออกมาโดยที่พวกผู้หญิงพวกนั้นไม่สนใจ ซึ่งมันยากยิ่งกว่าเต้นบีบอยบนก้อนเมฆซะอีก
“โบรา” สวรรค์ช่วยฉันแล้ว หมอนั่นหันมาสบตาเข้ากับฉันพอดี ก่อนที่ฉันอ่านปากได้ว่าหมอนั่นกำลังพูดชื่อฉันออกมาอย่างงงๆ คงไม่คิดว่าฉันจะบุกมาหาถึงที่นี่ได้สินะ
“วอยซ์” ฉันรีบกวักมือเรียกหมอนั่นก่อนที่จะมีคนเห็น
“ไม่” แต่มันไม่ได้รับความร่วมือจากหมอนั่นเลยสักนิด แถมยังส่ายหัวแล้วทำหน้ากวนตรีนใส่ฉันอีกต่างหาก
“-*-” ตอนนี้ฉันคิดไม่ออกเลยว่าจะใช่วิธีไหนเรียกหมอนั่นออกมาจากห้องได้ “โอ๊ย...หัวจะระเบิดแล้วนะ >..<\” ฉันหลับตาแล้วเอากำปั้นทุบเข้าที่หัวตัวเองแรงๆเผื่อว่ามันจะได้คิดอะไรออกบ้าง แต่พอลืมตาภาพที่ปรากฏตรงหน้ากลับเป็นไอ้ลิงจ๋อยืนอยู่ตรงหน้าฉันและจับแขนฉันลากออกไปทางบันไดหนีไฟที่ที่หลบสายตาผู้คนได้อย่างปลอดภัย
“เป็นบ้าอะไรเนี่ยอยู่ดีๆก็เอากำปั้นทุบหัวตัวเองเล่น ไม่สบายรึไง” หมอนั่นพูดพร้อมเอามือมาแตะที่หน้าผากฉันเบาๆ “ตัวก็ไม่ร้อนหนิ”
“ฉันสบายดี”
“แล้วมาหาฉันทำไม ไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องเราไม่ใช่หรอ”
“ใช่ แต่ตอนนี้นายทำผิดสัญญาเพราะฉะนั้นย้ายออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“แล้วฉันทำผิดสัญญาตรงไหน”
“ก็ตอนนี้มีคนอื่นรู้เรื่องเราแล้วสองคนนั่นก็คือคริสตัลกับหมอ”
“ฉันสัญญากับเธอว่าจะไม่ทำให้คนอื่นรู้เรื่องเรา”
“ใช่”
“แต่สองคนนั่นไม่ใช่คนอื่นสักหน่อยเพราะไอ้หมอไม่ใช่คนอื่นสำหรับฉันและคริสตัลก็เป็นเพื่อนสนิทเธอไม่ใช่หรอ”
“งั้นถ้าเรนรู้เรื่องนี้นายก็จะบอกว่าเรนไม่ใช่คนอื่นสำหรับนายยังงั้นหรอ”
“อืมใช่”
“โอ๊ย! ฉันจะบ้าตายหมายความว่าตอนนี้มีคนสามคนรู้เรื่องนี้อย่างนั้นหรอ”
“^ ^”
“/(><\”ฉันทนไม่ไหวจนต้องเอาหัวไปโขกกับผนังเล่นเป็นการใหญ่
“เฮ้ๆทำอะไรน่ะเดี๋ยวก็ได้หัวแตกอีกรอบหรอกยัยบื้อ” วอยซ์รีบเอามือมาขวางไว้
“ตายไปได้ยิ่งดี” ฉันเอาหัวโขกไปอีกครั้งอย่างแรงแต่กับมีมือของหมอนั่นรองรับไว้อยู่
“โอ้ย!” หมอนั่นร้องเสียงดังทันทีที่หัวแข็งของฉันโขกเข้าที่มือเขาอย่างแรงจนต้องถอนมือออกมาทันควัน
“สมน้ำหน้า เอามือมาบังไว้ทำไมยะ”
“จะหยุดมั๊ย ยัยดื้อ!!!” เขาดึงมือฉันออกจากหัวตัวเองก่อนที่จะขึงมันเข้ากับผลังหนังที่ฉันโขกหัวใส่ กลายเป็นว่าแต่นี้ฉันกำลังถูกครุกครามจากเขาอย่างรุนแรง
“ทำบ้าอะไรเนี่ยปล่อยฉันนะ” ยิ่งฉันทำท่าว่าจะไม่ยอมเขาก็ยิ่งแนบชิดเข้ามาใกล้จนตัวจะติดกันอยู่แล้ว
“เพื่อนดื้อๆอย่างเธอต้องสั่งสอนสักหน่อย” เขาจ้อฉันตาเขม่ง
“เพื่อนอะไรยะ ฉันเป็นเพื่อนนายตั้งแต่เมื่อไหร่” ส่วนฉันก็ไม่ยอมแพ้จ้องคืนเหมือนกัน และยิ่งเราส่งสายตาดุเดือดใส่กันเท่าไหร่เขาก็ยิ่งยื่นหน้าเขามาใกล้ยิ่งขึ้น
“ o_o^” อาการตัวสั่นใจสั่นนี่มันอะไรกันฉันกำลังหวั่นไหวงั้นหรอ
“^_^*” หมอนั่นยิ้มแบบมีเลศนัย ก่อนที่จะสูบหายใจเข้าเหือดใหญ่แล้วก็กลืนน้ำลายต่อหน้าต่อตาฉัน
“(o’’o)”ฉันกลืนน้ำลายตามหมอนั่น ฉันไม่รู้นะว่าเขากำลังคิดที่จะทำอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันเริ่มกลัวจนตัวสั่นซะแล้ว
“เธอจะไม่ทำเรื่องอันตรายๆแบบนี้อีกแล้วใช่มั๊ย”
“โอเคๆฉันจะไม่ไปหานายที่ห้องอีก”
“และจะต้องไม่เอาหัวไปโขกกับของแข็งๆอีกด้วย”
“อื้ม” ตอบไปแบบสั่นสั่น
“โอเคกลับไปหาเพื่อนเธอได้แล้ว”
จริงสิ! เรื่องที่ยัยคริสเห็นหมอนั่นจุ๊บแก้มฉันจะทำยังไงต่อดีเนี่ย
“บอกยัยนั่นว่ามโนไปเองฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น”
“เพื่อนฉันไม่ได้โง่นะ”
“ถ้าไม่เชื่อก็ให้มาถามฉันเอง”
“นายจะยอมคุยกับยัยคริสหรอ ^ ^” ทำไมอยู่ดีๆถึงได้รู้สึกดีใจขึ้นมานะ สงสัยว่าจะดีใจแทนยัยคริสที่ความฝันกำลังจะเป็นจริง ถ้าอย่างนั้นฉันเป็นเพื่อนกับหมอนี่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่น่า แถมยังทำให้ยัยคริสได้เข้าใกล้ความฝันมากยิ่งขึ้นด้วย
“อืม”
“แต่ถึงยังไงเรื่องของเราก็ยังเป็นความลับอยู่นะ”
“ได้”
“โอเค งั้นเราก็มาเป็นเพื่อนกันก็ได้” ฉันยื่นมือไปเช็คแฮนกับหมอนั่น
“โอเค ^ ^”
“งั้นฉันก็จะให้นายอยู่ที่บ้านฉันต่อไป แต่นายต้องคุยกับเพื่อนฉันและห้ามก่อความวุ่นวายให้ฉันด้วย” ประเภทที่โกรธง่ายหายเร็วนี่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
“ตกลง ^ ^ ”
ทันทีที่หมอนั่นพูดจบฉันก็เดินหันหลังออกไปทันทีและกลับไปที่ห้องพยาบาล
“นี่ยัยคริสยังไม่ฟื้นหรอคะ” ฉันหันไปถามเพราะเห็นยัยคริสยังนอนนิ่งอยู่
“ยัง”
“นี่มันนานแล้วนะแล้วยัยนี่จะฟื้นเมื่อไหร่”
“เดี๋ยวก็ฟื้นแหละ ว่าแต่ไปเคลียร์กับไอ้วอยซ์เป็นยังไงบ้าง”
“ปกติฉันไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนะ แต่...ตอนนี้ฉันอยากรู้มากว่าหมอเป็นอะไรกับวอยซ์”
“แล้วเธอคิดว่าไงล่ะ”
“กิ๊กกันหรอ”
“เธอคิดว่าไอ้วอยซ์เป็นเกย์งั้นหรอ”
“ไม่ -*-^”
“^ ^” จะว่าไปสองคนนี้ยิ้มเหมือนกันเลยแฮะ
“หรือว่าเป็นพี่น้องกัน” แต่ไม่น่าเป็นไปได้นะถ้าเป็นพี่น้องกันยัยคริสและคนในโรงเรียนก็ต้องรู้สิ
“ยัยโบรา!แกตาย...” ยังไม่ทันที่จะได้ฟังคำตอบจากหมอ ฉันก็ต้องหันไปตามเสียงเรียกของยัยคริสและพบว่ายัยนั่นลุกขึ้นมาจากเตียงและกำลังจะเอาแจกันฟาดหัวฉัน
“เฮ้ย!ยัยคริส” โชคดีที่ฉันไหวพลิบเร็วเลยรับไว้ทัน “นี่แกจะทำอะไรน่ะ ถ้าแจกันนี่โดนหัวฉันฉันตายได้เลยนะโว้ย”
“ก็ฉันจะฆ่าแกน่ะสิ แกบังอาจมาแย่งวอยซ์ของฉัน”
“แย่งตอนไหน” กำลังดำเนินการตามแผนที่วางไว้
“ก็วอยซ์จุ๊บแก้มแก แถมยังจูบปากแกอย่างดูดดื่มด้วยฉันเห็นเต็มตาและภาพมันก็ยังติดตาฉันอยู่ด้วย” โห ตอนแรกกะว่าจะแกล้งบอกยัยนั่นว่ามันมโนไปเอง แต่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะมโนไปเองจริงๆ
“ยัยบ้า! หมอนั่นแค่วิ่งชนฉันแล้วก็วิ่งหนีไปนอกนั้นฉันวาแกคงมโนไปเองแล้วย่ะ”ทันทีที่พูดจบฉันก็ส่งสัญญาณไปให้หมอรู้ทันทีว่าหุบปากไว้ห้ามพูดอะไรทั้งสิ้น
“ไม่จริง! ฉันเห็นมันจริงๆไม่งั้นฉันจะเป็นลมได้หรอ” ทำยังไงดียัยนี่ไม่เชื่อง่ายๆซะแล้ว แถมยังเชื่อว่าเรื่องที่ตัวเองมโนเป็นเรื่องจริงซะด้วย สงสัยคงต้องให้หมอนั่นช่วยจนได้
“ก็หลังจากที่วอยซ์ชนฉัน ฉันก็เห็นแกสติล่องลอยไปไหนก็ไม่รู้แล้วก็เป็นลมไป”
“ไม่จริง”
“งั้นแกก็ไปถามวอยซ์เลยไป” สุดท้ายก็ต้องพูดแบบนั้นออกไปจนได้
“ได้! ถ้าเป็นเรื่องจริงแกตายแน่”
“อ้าวเห้ย ไปตอนนี้เลยหรอ” ยัยนั่นไม่ฟังฉันเลยสักนิดและฉันก็คงคิดว่าห้ามไม่ได้แล้วด้วย แต่ยังไงก็ต้องตามไปดูเผื่อผิดแผนขึ้นมากระทันหัน
“วอยซ์” ยัยนั่นโผลงผางเข้าไปก่อนที่จะเรียกชื่อวอยซ์เบาๆ สงสัยจะสั่นเพราะยัยนั่นไม่เคยได้คุยกับหมอนั่นเลยสักครั้ง
“โชคดีนะคริสตัล ฉันขอเป็นกำลังใจอยู่ห่างๆแล้วกัน หวังว่าแกจะไม่เป็นลมอีกรอบนะ” ฉันพูดให้กำลังใจยัยนั่นเบาขณะแอบดูอยู่ข้างนอก
“เอ่อ...คือ” แต่กลับผิดแผนซะงั้นยัยคริสตัลหันหลังกลับซะแล้ว สงสัยจะตื่นเต้นเกินไปจนพูดอะไรไม่ออก ท่าทางจะปากดีเฉพาะตอนอยู่กับฉันสินะ
“คริสตัล” ทันทีที่วอยซ์เรียกชื่อยัยคริสยัยนั่นก็รีบหันกลับไปทันที
“O_O!”
“มีอะไรจะพูดกับฉันรึเปล่า” ขอบคุณที่นายรักษาสัญญานะวอยซ์ ถ้าเป็นแบบนี้นายก็อยู่บ้านฉันได้ตามสบายเลย แถมฉันก็จะเลิกด่าว่านายเป็นไอ้ลิงอีกด้วย แค่ทำให้ฝันเพื่อนฉันเป็นจริงฉันก็จะถือว่าที่ผ่านมาเราหายกัน
“เอ่อ...” ยัยคริสตัลจ้องหน้าวอยซ์ไม่กระพิบตาเลยแหมแต่นิด ฉันว่าหัวใจยัยนั่นคงเต้นรัวจนจับจังหวะไม่ได้แล้วล่ะ ฉันหวังแต่ว่ายัยนั่นจะไม่เป็นลมไปซะก่อนนะ
“ว่าไงล่ะ” ยิ่งวอยซ์ให้ความสนใจยัยคริสมากเท่าไหร่คนในห้องก็ต่างเพ่งเล่งมาที่เค้าสองคนมากเท่านั้น นี่แหละนะฉันถึงได้บอกว่าหมอนั่นเป็นตัวอันตรายมากที่สุด เพราะเป็นเหมือนแม่เหล็กชั้นเยี่ยมเลยล่ะ
“เอ่อ..คือ...เรื่อง...เมื่อ...เช้า...ที่” ตอนนี้ยัยคริสคงตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงแล้วล่ะ
“เรื่องที่ฉันชนเพื่อนเธอน่ะหรอ” ยัยคริสพูดติดๆขัดๆจนวอยซ์ทนไม่ไหวเลยต้องตัดบทพูดแทน
“อืม (-_-)(_ _)”ยัยคริสพยักหน้าตอบสั้นๆ
“โทษทีนะที่ไม่ทันได้ขอโทษ พอดีฉันรีบน่ะไงก็ฝากขอโทษเพื่อนเธอด้วยนะ” ว่าแล้ววอยซ์ก็เอามือวางลงที่ไหล่ยัยคริส ก่อนที่จะยิ้มหวานให้ “ ^_^”
ไม่นะ เขายิ้มให้ยัยคริสแบบนั้นยัยนั่นคงไม่....
“@.,@”ยัยนั่นโซเซไปมาเหมือนจะเป็นลมจนฉันทนดูไม่ไหวต้องรีบวิ่งเข้าไปดู
“แกไม่เป็นไรนะ” ฉันรีบเอาตัวไปพยุงยัยคริสไว้เพราะกลัวว่ายัยนั่นจะเป็นลมล้มลงไปอีกครั้ง “ยัยคริส!มีสติหน่อยสิ” พูดจบฉันก็รีบลากยัยคริสออกมาจากตรงนั้นทันที ส่วนวอยซ์ก็ได้แต่มองตามนิ่งๆ
โชคดีที่วอยซ์เล่นละครได้เก่งยอดเยี่ยม ยอมรับจริงๆว่าหมอนั่นเพอร์เฟ็คสุดๆไม่มีที่ติเลยสักนิด ยกเว้นเวลาที่อยู่กับฉันนะ
“โบราวันนี้ไปฉลองกัน”
“สติแกกลับมาแล้วหรอ”
“อืม (-_-)(_ _)(^_^) เรื่องเมื่อเช้าฉันคงมโนไปเองจริงๆแต่เรื่องเมื่อกี้มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหมที่วอยซ์เขาคุยกับฉันแถมยังเรียกชื่อฉันอีกด้วย”
“ใช่^ ^”ดีใจจริงๆที่เห็นยัยนี่มีความสุขได้
“กรี๊ดดดดดด”
“แกจะกรี๊ดทำมายยยย”
“จิตไม่ปกติรึไงห่ะยัยบ้า” ยัยวีนัสสาวฮ็อตอันดับหนึ่งเดินเข้ามาหาเรื่องยัยคริสจอมซ่าเพื่อนรักยัยโบราจอมเพี้ยน (ว่าตัวเอง)
“ก็คนมันดีใจจะทำไมห่ะ” เวรแล้วววววยัยคริสเล่นด้วยอีกแล้วหรอเนี่ย
“ดีใจอะไรหรอยะ วันๆฉันก็ไม่เห็นว่าชีวิตของเธอมันจะมีอะไรเลยสักนิด มีแต่ฝันลมๆแล้งๆ”
“ก็...อุ๊ป” ฉันเอามือไปปิดปากยัยนั่นก่อนที่มันจะหาเรื่องใส่ตัว
“ไม่มีอะไรหรอก” ฉันรีบพูดตัดบทก่อนที่จะรีบลากยัยคริสออกมาจากคนพวกนั้น
“ปล่อยพวกมันไปเถอะวีนัส แค่พวกจิตไม่ปกตินะ” ยัยปริ้นแทรกขึ้น
“นี่แกลากฉันออกมาทำไมยะ” พอฉันปล่อยมือออก ยัยนั่นก็ตะหวาดใส่ฉันทันที
“แกจะหาเรื่องใส่ตัวรึไงห่ะ ก็รู้ว่าถ้าพวกนั้นรู้ว่าเราไปยุ่งกับวอยซ์มันกัดเราไม่ปล่อยแน่!”
“ก็พวกนั้นมันดูถูกเราหนิ แถมมันยังหาว่าเราจิตไม่ปกติอีกด้วยไม่ดูตัวเองเลย พวกแกสิโรคจิต!”ยัยคริสหันกลับไปตะโกนด่าซ้ำพวกนั้น แต่ก็โชคดีที่พวกนั้นคงไม่ได้ยินหรอก
“ช่างมันเถอะน่า”
“ช่างมันได้ไงล่ะ”
“แล้วถ้าแกไปมีเรื่องกับพวกนั้นแกคิดว่าแกจะได้เข้าใกล้วอยซ์อีกงั้นหรอ ทำไมแกไม่อยู่เงียบๆแบบนี้ก่อนให้แน่ใจว่าวอยซ์จะปกป้องแกได้แล้วแกค่อยไปอวดพวกมันไม่ดีกว่าหรอ”
“ว้าว...แกนี่มันช่างรอบครอบเสมอเลยนะโบรา ไม่ผิดหวังจริงๆที่มีเพื่อนอย่างแก งั้นฉันจะคบกับวอยซ์ก่อนแล้วค่อยไปเล่นงานพวกมันคืนแล้วกัน”
{แกได้เล่นงานพวกนั้นแน่ ตราบใดที่ฉันช่วยแกอยู่} อาการเพ้อในใจ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ