Secret story ความรักครั้งนี้...อย่าบอกใคร!

10.0

เขียนโดย Yugar

วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 12.39 น.

  5 บท
  0 วิจารณ์
  8,137 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2562 10.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ใครคนนั้นที่ฉันไม่อยากรู้จัก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 1

ถึงห้องของไอ้วานรที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายของพวกผู้หญิงที่วันๆเอาแต่ บ้าผู้ชาย และตอนนี้หมอนั่นก็นั่งสบายใจอยู่ที่โต๊ะตัวเองอย่างไม่สนใจใครทั้งสิ้น ไม่สนเลยซักนิดว่าตัวเองก่อความวุ่นวายไว้แค่ไหน ฉันบีบกระป๋องโค้กแน่นเพราะอารมณ์โกรธจัดก่อนจะเดินแหวกฝูงชนเข้าไปที่โต๊ะ หมอนั่น

“นายตั้งใจโยนมันมาใส่ฉันใช่ไหม” ฉันยกมือที่บีบกระป๋องนั้นขึ้นมาให้หมอนั่นดู ก่อนที่จะจ้องหน้าไอ้คนที่มันทำร้ายฉันอย่างไม่ละสายตา

“อืม ทำไมหรอ- - ”

นี่นายกล้าทำหน้าใสซื่อไร้เดียงสาไม่รู้ไม่ชี้ใส่ฉันงั้นหรอ นายคิดจะลองดีกับฉันใช่มั๊ย ได้....นายได้เจอฉันแน่ไอ้วานร

“ฉันจะให้โอกาสนายตอบอีกครั้งนะว่านายตั้งใจโยนมันใส่หัวฉันใช่ไหม?”

“อ้าว ที่แท้ก็หัวเธอหรอกหรอ ฉันก็นึกว่าถังขยะ ฮ่าๆๆๆๆ” นายวอซซ์ทำหน้ากวนใส่ฉัน ซึ่งมันยิ่งทำให้ฉันตะบะแตกเร็วขึ้น

“ว่าไงนะO_O”

“หูหนวกรึไง ฉันไม่ชอบตอบคำถามซ้ำนะ”

“เมื่อกี้นายบอกว่าเห็นหัวฉันเป็นถังขยะใช่ไหม?”

“นี่ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ตอบคำถามซะ..ปั๊ก!” แล้วกระป๋องโค้กที่ถูกฉันบีบไว้แน่นก็ถูกขว้างไปที่หัวหมอนั่นอย่างสุดแรง

“เลือด OoO!” หมอนั่นร้องเสียงหลงหลังจากสัมผัสกับของเหลวที่เรียกว่าเลือดที่ซึมออกมาจากหัวของตัวเอง

“เหอะ สมน้ำหน้า” ว่าแล้วฉันก็หันหลังเตรียมพร้อมจะกลับไปที่ห้องเรียนทันที เพราะฉันไม่สนหรอกว่าหมอนั่นจะเจ็บแค่ไหนยังไงซะหมอนั่นก็เป็นคนทำฉันก่อน

“ยัยเพี้ยน! เธอตายแน่!” ไอ้วานรทำท่าจะดึงแขนฉันไว้ แต่ฉันสปีดตัววิ่งออกไปจากห้องได้ซะก่อน

“โบรา! ปั๊ก” และแล้วฉันก็ชนเข้ากลับยัยคริสตัลเข้าอย่างจัง

“O_O!” ฉันช็อคไปชั่วขณะเมื่อเห็นว่าคนที่ยื่นอยู่ตรงหน้าฉันคือยัยเพื่อนรัก

“วอซซ์!เลือด!O_O” ยัยคริสอุทานขึ้นอย่างดังหลังจากที่เหลือบไปเห็นวอซซ์ที่กำลังเอามือกลุ้มแผลตัวเองอยู่

“คริส...คือ” ฉันพูดอะไรไม่ออกได้แต่ทำหน้ารู้สึกผิด เพราะฉันรู้ดีว่ายัยนั่นชอบนายวานรมาก ยัยนั่นคงไม่ให้อภัยฉันแน่ U_U

“แกทำอะไรลงไปโบรา -*- ”ดูเหมือนว่ายัยคริสจะโกรธฉันมากจริงๆ

“คริ ส...ฉัน...คือ...ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ทั้งตัวของฉันสั่นและพูดติดขัดเพราะความกลัว ฉันเห็นสายตาของยัยคริสแล้วฉันรู้สึกกลัวมากอย่างบอกไม่ถูก ฉันรู้ว่ายัยคริสชอบวอซซ์มาก แต่ฉันก็คิดไม่ถึงว่ายัยคริสจะโกรธฉันได้มากขนาดนี้

“โบรา..” เสียงของยัยคริสเริ่มแผ่วเบาจนฉันกลัวจริงๆว่าจะเสียเพื่อนรักไป

“ใช่ ฉันตั้งใจ! เธอก็รู้หนิว่าหมอนั่นมันทำให้ฉันเจ็บก่อน” ฉันเปลี่ยนน้ำเสียงเพราะคิดว่ายิ่งแก้ตัวไปยัยคริสก็ยิ่งมองว่าฉันเป็นคนผิด ถ้าฉันบอกว่าฉันถูกยัยนั่นอาจจะเข้าข้างฉันก็ได้

“...” ขณะที่ฉันรอคำตอบว่ายัยคริสจะเข้าข้างฉันรึเปล่า ยัยนั่นก็เอาแต่ทำหน้านิ่งจนฉันเริ่มเดาไม่ถูกซะแล้ว

“คริ สตะผั๊วะ!” ฉันรู้สึกชาไปทั้งหน้าหลังจากที่ถูกยัยริสตบเข้าที่หน้าเต็มแรง “โอ๊ย...” ฉันอุทานออกมาเบาๆหลังจากที่ความเจ็บมันเริ่มทวีคูณขึ้น และรู้สึกได้ว่านี้มันไม่ใช่แค่ตบซะแล้ว เพราะเหมือนว่าจะมีเลือดซึมออกมาจากหน้าผากฉันด้วย

“กรี๊ดดดดด...ยัย โบรา” เสียงกรี๊ดแสบแก้วหูของยัยคริสตัลปลุกฉันขึ้นจากพวังความเจ็บปวด ก่อนที่ฉันจะรีบลุกขึ้นจากพื้นแล้วรีบยิ่งคำถามไปที่ยัยนั่นทันที

“ยัย คริส เกิดอะไรขึ้นไอ้วานรมันกลับมาแก้แค้นฉันแล้วหรอแล้วมันอยู่ไหน มันทำฉันหัวแตกแล้วหนีไปแล้วงั้นหรอ” เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกตื่นตระหนกและยิงคำถามรัวไปที่ยัยนั่น

“แก พูดบ้าอะไรของแกเนี่ย....” ว่าแล้วยัยคริสก็เดิมเข้ามาจับไหล่ฉันให้เลิกกระวนกระวาย “ฟังนะ แกคงฝันไปแล้วกลิ้นลงตกจากเก้าอี้จนหัวไปฟาดเข้ากับเหลี่ยมโต๊ะจนมันแตก เนี่ย”

“จริงหรอ                 -”- ” ฉันเริ่มได้สติหลังจากที่ฟังยัยคริสเล่า ก่อนที่จะเอามือไปแตะที่หน้าผากตัวเองอีกครั้ง “สงสัยจะเป็นอย่างที่แกบอกแหละ ฉันฝันไปจริงๆ” ฉันรู้สึกโลงอกทันทีที่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเพียงแค่ความฝัน เพราะถ้ามันเป็นเรื่องจริงฉันต้องแย่แน่ๆเพราะฉันอยู่โดยที่ไม่มีเพื่อนอ ย่างยัยคริสไม่ได้หรอก ถึงยัยนั้นจะชอบทำให้สิ่งที่ฉันเกลียดก็เถอะ แต่ยังไงเราก็เป็นเพื่อนรักกันอยู่ดี ^ ^

“ฉันว่าแกรีบไปทำแผลเถอะ ก่อนที่เลือดจะไหลออกมามากกว่านี้ ฉันเห็นแล้วอยากเป็นลมว่ะ”

“อืม”เดินไปที่ห้องพยาบาลด้วยกัน

“คริสตัล โค้ดให้ฉันเรียกเธอไปซ้อมอ่ะ” เด็กในชชมรมกีฑาวิ่งเข้ามาเรียกคริสตัล

“อืม เดี๋ยวตามไปฉันพาเพื่อนไปทำแผลก่อน”

“แต่โค้ดบอกให้เธอไปตอนนี้เลย”

“แกไปเถอะ แผลแค่นี้ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า” ทำเป็นนางเอก

“โอ เค งั้นฉันไปซ้อมก่อนนะ” ยัยนี่ก็ตัวร้ายได้ใจจริงจริ้งเพื่อนเจ็บขนาดนี้ยังไม่เป็นห่วงอีก จะรู้ไหมเนี่ยที่พูดไปเมื่อกี้มันก็แค่พูดตามมารยาท

“อืม”หลังจากนั้นเราก็แยกกันไปคนละทาง ฉันตรงไปที่ห้องพยามบาลส่วนยัยคริสแยกไปทางโรงยีม

ถึงห้องพยาบาล

“เฮ้..นี้หัวเธอไปโดนอะไรมาเนี่ย” หมอหน้าหล่อที่แต่งตัวไม่เหมือนหมอเลยสักนิดทำท่าตกใจหลังจากที่เห็นแผลอาบเลือดที่หน้าผากฉัน

“^_^’’” ยิ้มเจื่อนๆ

“อย่าบอกนะว่าเธอไปมีเรื่องตบตีกันมา” หมอพูดขณะที่ทำแผลให้ฉันอย่างเบามือสุดๆ

“ไม่ ใช่! ฉันแค่ล้มหัวฟาดโต๊ะอ่ะ” ถึงมันจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อและไม่น่าเกิดขึ้นกับเด็กม.ปลายได้แต่มัน ก็เป็นเรื่องจริงนะ ถึงจะไม่จริงหมดก็เถอะ แต่ถ้าขืนบอกความจริงไปมันยิ่งดูไม่น่าเชื่อเท่าเรื่องที่ฉันเล่าซะอีก

“อืม ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นกับเด็กม.ปลาย ฉันนึกว่ามันจะเกิดขึ้นแต่กับเด็กอนุบาลซะอีก” ว่าแล้วเชี่ยวว่าเค้าต้องไม่เชื่อแน่ๆ ในใจคงพูดว่าฉันโง่กว่าเด็กอนุบาลซะอีกสินะ

“แต่มันเป็นเรื่องจริงนะ!!”

“อืม เสร็จแล้ว” หมอพยักหน้าทำท่าเหมือนจะเชื่อ แต่จริงๆแล้วเค้าคงยังไม่เชื่ออยู่ดีแหละ “งั้นเดี่ยวฉันจะจัดยาแก้ปวดให้กินก่อนนะ”

“ฉัน ขอนอนพักที่นี่ก่อนได้ไหมคะ รู้สึกมึนๆหัวนิดหน่อยอ่ะ ^_^” หลังจากกินยาฉันก็ขอหมอนอนพักที่ห้องพยาบาล แต่ไม่ใช่เพราะมึนหัวจริงๆหรอกนะเป็นเพราะฉันไม่อยากเรียนคณิตโดยที่ไม่มี ยัยคริสต่างหาก หึ ฉันเกลียดวิชานี้อ่ะ ไหนๆยัยนั่นก็หนีเรียนไปซ้อมวิ่งซะแล้ว ฉันก็ขอโดดเรียนนอนที่นี่ก็แล้วกัน อิอิ

“ได้สิ ^_^” หลังจากที่เห็นว่าฉันยิ้มหวานให้เค้าก็ยิ้มตอบฉันทันที “ว่าแต่เธออชื่ออะไรหรอ” ไม่นะเค้าจะสนใจฉันไม่ได้เด็ดขาด

“ฉันขอตัวนะคะ” ฉันรีบชิ่งหนีเข้าไปในห้องนอนก่อนโดยที่ไม่สนใจคำถามของหมอหน้าหล่อนั่นเลย

หลังจากที่นอนไปได้สักพักยังไม่ได้หลับสนิท ก็มีเสียงคนสองคนวิ่งเข้ามาที่ห้องพยาบาลอย่างเร่งรีบก่อนที่จะเสียงสนทนาดังขึ้น

“เฮ้ย..ไอ้ วอซซ์นั่นหัวแกไปโดนอะไรมาวะ” เสียงหมอหน้าหล่อถามคนไข้อย่างเป็นห่วงและดูสนิทสนมซะด้วย ว่าแต่ถ้าฉันได้ยินไม่ผิดเค้าเรียกคนไข้คนนั้นว่าวอซซ์งั้นหรอ เอาแล้วไงทำไมฉันต้องซวยมีคนดังมาใกล้ด้วยเนี่ย พอรู้ว่าเป็นวอซซ์ฉันก็รีบตั้งใจฟังบทสนทนาต่อทันที

“ล้มหัวฟาดรองเท้าอ่ะ”

“เฮ้ย..นี่มันตลกกว่าล้มหัวฟาดโต๊ะอีกนะเนี่ย”

หมอหน้าหล่อกำลังพูดถึงฉันหรอเนี่ย -*-

“ไอ้หมอ! หยุดพูดแล้วก็รีบทำแผลให้เสร็จฉันเจ็บนะโว้ย”

ว่าไงนะวอซซ์ทำไมสนิทสนมกับหมอขนาดนั้นล่ะทั้งทั้งๆที่หมอน่าจะแกกว่าเราเยอะอยู่นะ

“นี่ไอ้วอซซ์แกอย่าป๊อดได้ไหมวะ”

เอ๊ะนั่นเสียงใครอ่ะ

“ไอ้เรนแกลองมาหัวแตกเลือดอาบหน้าอย่างฉันดูมั๊ยล่ะ”

เรน อย่าบอกนะว่าอีกคนที่อยู่ในห้องนี้คือเรน ไม่จริ้งงงงงในห้องนี้มีวอซซ์หนุ่มหล่ออับดับหนึ่งและเรนหนุ่มหล่ออันดับสอง ของโรงเรียนแถมยังคุณหมอหน้าหล่อนี่อีกด้วย โอ๊ยยยแย่แน่ๆชีวิตฉันแย่แน่ๆฉันอยู่ใกล้คนดังขนาดนี้ได้ยังไงกัน ฉันจะถูกจับตามองจากสายตาคนทั้งหลายไม่ได้นะ

“แหม...เวอร์ละไอ้วอซซ์แผลแกนิดเดี๋ยวเอง แค่นี้ก็ทนไม่ได้หรอวะ” เสียงหมอ “เอายาแก้ปวดกินซะจะได้หาย”

“อืม งั้นฉันขอนอนพักหน่อยนะ”

“อืมได้”

“งั้นแกกลับไปซ้อมบาสต่อเถอะ เดี๋ยวฉันขอนอนพักสักหน่อ่ยเดี๋ยวไปซ้อมต่อ”

“แก นอนไปเถอะน่า ไม่ต้องไปซ้อมแล้ว เดี๋ยวแกทำรองเท้าฉันพังเสียดายแย่ ฮ่าๆๆๆ นึกแล้วก็ขำคนบ้าอะไรอยู่ดีๆก็เอาหัวมาฟาดรองเท้าเล่นซะงั้น สงสัยหรอวะว่ารองเท้าแพงๆมันแข็งแค่ไหน ฮ่าๆๆๆ คราวนี้รู้รึยังล่ะมันแข็งกว่าหัวแกเยอะ....” เรนลากเสียงยาว

“เอ่อ! แล้วสักวันฉันจะพิสูจน์ให้แกเห็นว่ารองเท้าแกอ่ะมันอ่อนแค่ไหน”

“โอเค...งั้นฉันไปแล้วนะไอ้หัวอ่อน ฮ่าๆๆ”

“โอ้เลว แกห้ามบอกใครนะโว้ย”

“คร๊าบป๋ม”

ฉัน รีบหาที่หลบภายในห้องเนื่องจากม่านที่ถูกกั้นไว้ให้เป็นห้องสำหรับนอนพัก กำลังถูกดึงด้วยมือของใครบางคนที่จะเข้ามาในห้องนี้และไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แต่ตราบใดที่ไอ้วนรนั่นยังอยู่ในห้องนี้ฉันจะไม่ให้หมอนั่นเห็นฉันเป้นอัน ขาด เพราะถ้าเค้าจำฉันได้ขึ้นมามีหวังซวยแน่

ขณะที่ความคิดภายในหัว กำลังตีกันจนวุ่นวายไปหมดฉันก็มองเห็นทางออก...นั่นก็คือตู้เสื้อผ้าที่ฉัน จะซ้อนตัวอยู่ในนั้นได้ ฉันรีบเข้าไปซ้อนตัวในตู้เสื้อผ้าเก่าๆนั่นทันที

“เฮ้ยไอ้วอซซ์! ฉันลืมไปว่ะว่ามีคนกำลังนอนอยู่ในห้องนั้น”

“ใครวะ?”

“เด็กนักเรียนผู้หญิงน่ะ”

“ยัยนั่นเป็นอะไร”

“หัวแตกเหมือนแกนั่นแหละ”

“งั้นก็บอกยัยนั่นออกไปซะ”

“เฮ้ย! ไม่ได้! เค้ามาก่อนแกนะโว้ย ถ้าแกอยากนอนก็ไปนอนห้องรวมโน้น”

“แกจะบ้าหรอ! ก็รู้ว่าฉันไม่นอนรวมกับใคร” นายนั่นพูดจบก็เปิดม่านเข้ามาทันที โดยที่หมอหน้าหล่อก็ห้ามไว้ไม่ทัน

“ไอ้วอซซ์!”

“ก็ไม่เห็นมีใครเลยหนิวะ -*- ”

“เป็น ไปได้ไง O*O ” นายหมอรีบโผ่หน้าเข้ามาให้ห้องทันที ก่อนที่จะมองหาฉันทั่วห้องแล้วงงเป็นไก่ตาแตกทันทีที่ไม่เจอใครเลย “เด็กนั่นหายไปได้ยังไง ถ้าออกไปจากห้องนี้ฉันก็ต้องเห็นสิ อีกอย่างพวกแกก็อยู่มันก็ต้องมีใครเห็นสักคนแหละ ถ้าออกไปได้โดยที่ไม่มีใครเห็นได้ก็คงไม่ใช่คนแล้วล่ะ”

“แกว่าไงนะ ไม่ใช่คนงั้นหรอ O_O;” ทันทีที่ได้ยินพวกนั้นพูดว่าฉันไม่ใช่คน ฉันก็เริ่มอยากจะเห็นท่าทีของพวกเค้าเลยขอแง้มประตูตู้ออกแอบดูซะหน่อย เผื่อมีท่าทีไม่ดีจะได้รีบหนี

“อืม” นายหมอพยักหน้าตอบพรางคคุ้นคิดอะไรบางอย่าง

นาย วานรไม่เห็นต้องกลัวจนตัวสั่นขนาดนั้นเลย ที่นี่ไม่ได้ผีหรือตำนานอะไรซะหน่อย ฉันอ่านตำนานโรงเรียนจบไปหลายรอบแล้วล่ะย่ะ หึ ไอ้ป๊อดเอ้ย!

“งั้นนายก็หมายความว่ายัยนั่นอาจจะเป็นผะ...ผะ...ผีงั้นหรอ -_-; ”

ท่า ทางนายวานรจะกลัวสุดๆ ตาขาวจริงๆ ถึงฉันจะไม่ได้ติดตามข่าวสารของพวกคนดังเลยแต่สำหรับหมอนี่แล้วยัยคริ สพูดกรอกหูฉันทุกวันจนทำให้ฉันพอรู้มาบ้างว่าหมอนี่เป็นคนยังไง ซึ่งมันก็ตรงข้ามจากที่เห็นอย่างสิ้นเชิงเลยหนิ หมอนั่นไม่กลัวอะไรทั้งคน สัตว์ สิ่งของ แถมยังชอบหาเรื่องคนอื่นไปทั่วอีกด้วย และก็ชอบทำอะไรเสี่ยงๆหวาดเสียวๆ ฉันไม่คิดเลยจริงๆว่าคนเพอร์เฟ็คแบบสุดๆอย่างหมอนั่นจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้ เฮ้อ....

“ไม่ใช่โว้ย! ฉันแค่คิดว่าเด็กนั่นอาจจะเป็นนิจจาหรือยอดมนุษย์อะไรประมานนั้นต่างหาก”

“ยอดมนุษย์บ้าอะไรวะ บอกว่าเป็นผียังจะน่าเชื่อกว่าอีก”

“แต่ฉันว่าไม่น่าจะใช่ผีนะ ถึงเด็กนั่นจะดูท่าทางระม้ายคล้ายคลึงผีอยู่บ้างก็เถอะ”

“ไอ้ เวร เอาแล้วไง -__-;" นายวานรกลัวจนกระโดดขึ้นไปซุกผ้าห่มบนเตียง ก่อนที่จะโผ่หน้าออกมาเล็กน้อยและคุยกับนายหมอต่อ “แล้วแกได้ถามรึเปล่าว่ายัยนั่นชื่ออะไร”

“ถาม...แต่เค้าไม่บอก”

“ชัดเลย ผีแน่!” พูดจบหมอนั่นก็ชุกหัวเข้าไปใต้ผ้าห่มทันที

หลัง จากที่ตั้งหน้าตั้งตาฟังบทสนทนาระหว่างนายหมอหน้าหล่อกับไอ้วานรกำลังกล่าว หาว่าฉันเป็นตัวอะไรต่างๆนานาที่ไม่ใช่คนอยู่ตั้งนาน ฉันก็เริ่มทนไม่ไหวกับกลิ่นอับๆของตู้นี้และอยากออกไปเต็มทีแล้ว แต่ฉันก็ไม่เข้าใจจริงๆว่าไอ้วานรมันจะหลบอยู่ใต้ผ้าห่มทำไมแทนที่จะรีบวิ่ง ออกไปข้างนอก โง่ชะมัด! ในตู้นี่ร้อนก็ร้อนอับก็อับ! “เฮ้ย!แล้วนี้มันตัวอะไรมาไต่ฉันอีกเนี่ย” และทันทีที่ถูกคุกครามจะตัวอะไรก็ไม่รู้ที่อยู่ในตู้จนฉันทนไม่ไหวเลยต้อง พุ้งตัวออกไปข้างนอกอย่างแรง พอเหมาะพอเจาะกับคำพูดที่ว่า

“ผีไม่มีในโลกหรอกน่า” ของนายหมอหน้าหล่อนั่นพอดีเป๊ะ ทำเอาหมอนั่นตกใจวิ่งหนีออกไปจากห้องทันที

“อ๊ากกกกกก”

“อะไร วะไอ้หมอ” นายวรนอนโผ่หน้าออกมามองนายหมอหน้าหล่อ ก่อนที่ฉันที่อยู่ในสภาพโทรมมากทั้งเสื้อผ้าที่เปื้อนฝุ่นจนดูไม่ได้แถมยัง มีเหงื่อท้วมตัวอีกด้วย บอกได้คำเดี่ยวเลยว่าตอนนี้ฉันมันผีชัดๆ “อ๊ากกกกกกก” หมอนั่นปล่อยเสียงร้องออกมาทันทีที่เห็นฉันก่อนที่จะมุดหัวเข้าไปในผ้าห่ม อีกครั้ง

ทำไงดี ฉันควรฉวยโอกาศตอนที่เค้าไม่เห็นหนีไปจากห้องหรือว่าจะบอกความจริงเค้าดีว่า ฉันไม่ได้เป็นผี ถ้าหนีไปฉันก็รอดฉันจะได้ไม่เป็นที่จดจำของใคร แต่ถ้าขืนปล่อยให้เค้าเข้าใจผิดว่าฉันเป็นผีแบบนี้มีหวังจับไข้หัวโกร๋นตาย แน่ และฉันก็คงกลายเป็นฆาตกรโดยไม่ได้ตั้งใจ ฉันว่าฉันไมควรเสี่ยงที่จะเป็นฆาตกร

“วอซซ์” ฉันเรียกชื่อหมอนั่นเบาๆ ก่อนที่จะค่อยๆเดินเข้าประชิดตัวเค้าและเห็นว่ายิ่งเค้าได้ยินเสียงฉันและ ยิ่งฉันเข้าไปกระชั้นชิดเค้า เค้าก็ยิ่งตัวสั่นมากขึ้น ฉันก็เลยตัดสินใจกระชากผ้าห่มออกจากตัวเค้าก่อนที่จะรีบบอกเค้าว่า “ฉันไม่ใช่ผีนะ”

“อ๊ากกกกกก ออกไปนะยัยผีบ้า แกอย่ามาใกล้ฉันนะ” หมอนั่นหลับหูหลับตากลัวและไม่ยอมฟังอะไรเลย แถมยังร้องเสียงดังกลบอีกด้วย

“นี่! นายดูดีๆสิ ฉันเป็นคนนะไม่ใช่ผี” ไม่มีทางเลือกฉันพยายามเอามือเปิดตาหมอนั่นออกและย้ำอีกครั้งว่าฉันเป็นคน ก่อนที่หมอนั่นจะมีสติแล้วยอมมองหน้าฉัน

“นี่...เธอเป็นคนจริงๆหรอ ^ ^ ” หมอนั่นเผยยิ้มออกมาอย่างดีใจหลังจากที่เอามือทั้งสองลูบๆคลำๆที่หน้าฉัน แล้วดึงฉันเข้าไปกอดอย่างแน่น “เธอเป็นคนจริงๆด้วย ยัยบ้าเธอทำฉันตกใจแทบแย่”

“ก็เป็นคนน่ะสิ” ฉันพูดย้ำกับหมอนั่นงงๆเพราะไม่เข้าใจว่าเค้าจะกอดฉันทำไม

“เธอเป็นคนจริงๆด้วย ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนที่เหมือนผีได้มากขนาดนี้ ^_^ ” พูดแล้วหมอนั่นก็รัดฉันแน่นยิ่งขึ้น

“ไอ้บ้า! นายว่าฉันเหมือนผีงั้นหรอ” พูดจบฉันก็รีบผลักตัวออกจากฉันอย่างแรง

“นี่ เธอรังเกียจฉันหรอ - -^ ” หมอนั่นทำหน้าเคืองหลังจากที่ถูกปฏิเสธอ้อมกอด ก็แหงล่ะหนุ่มฮอตอันดับหนึ่งของโรงเรียนคงไม่คิดว่าจะมีใครปฏิเสธอ้อมกอดของ ตัวเอง ในใจคงด่าฉันแล้วสินะ

“อืม” หลังจากที่ฉันให้คำตอบเค้าไปอย่างจริงใจเหตุการณ์ก็กลับพลิกผัน กลายเป็นว่าหมอนั่นยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตรก่อนที่จะสวมเข้ากอดฉันอีกครั้ง

“เธอไม่ชอบฉันจริงๆใช่ไหม ^___^ ” นี่ฉันชักจะงงกับหมอนี่เข้าไปใหญ่แล้วนะ

“อืม” ฉันตอบไปแบบงงๆ ก่อนที่จะมองหน้าหมอนั่นให้ชัดๆแล้วรีบเผ่นออกจากห้องไปให้เร็วที่สุด

“เฮ้ เดี๋ยวก่อนสิฉันยังไม่รู้ชื่อเธอเลยนะ” วอซซ์ตามมากระชากแขนฉันไว้ทัน

“นายจะตามฉันมาทำไมเนี่ย”

“ก็จะตามมาทำความรู้จักเธอไง” “ฮะ! ทำความรู้จัก!”

“ใช่ทำความรู้จักกันให้สนิทสนมไงล่ะ ^ ^ ”

“สนิทสนม!”

“ใช่ เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะเพื่อนสนิทน่ะ ^ ^ ”

“ไม่ได้! คือ..ฉันมีเพื่อนสนิทแล้ว และฉัน...ก็ไม่อยากเป็นเพื่อนกับนายด้วย”

“แต่ฉันอยากเป็นหนิ”

“ฉัน ไม่ อยาก เป็นโว้ยยย”

“แต่ฉันอยากเป็นไง นะนะเรามาเป็นเพื่อนกันเถอะนะ ^_* ”

“ไม่!” ฉันกระแทรกเสียงใส่หน้าหมอนั่น ก่อนที่จะสบัดแขนออกแล้วเดินหนี แต่หมอนั่นยังไม่เลิกเดินตามฉันอยู่ดี

“เราเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอนะๆๆๆ ^_* ” หมอนนั่นไม่เพียงแต่พูดขอร้องฉันยังทำหน้าอ้อนใส่สุดๆ

“เมื่อ ไหร่นายจะเลิกตามฉันเนี่ย” ตอนแรกฉันกะจะหลับหูหลับตาไม่สนใจหมอนั่นแต่ถ้าขืนหมอนั่นยังเดินตามฉัน ต้อยๆอยู่แบบนี้มีหวังสายตาคนทั้งโรงเรียนมากองอยู่ที่ฉันแน่ โอ้ยยยย ฉันล่ะเกลียดพวกคนดังจริงๆ!

“โอเค ฉันจะเลิกตามเธอก็ได้” เค้าพูดจบก็หยุด ส่วนฉันไม่สนเดินต่ออย่างสบายใจ ก่อนที่ฉันจะได้ยินว่านั่นกำลังมีเงื่อนไขตามมาเมื่อหมอนั่นทำท่าจะพูดต่อ “แต่..”

“แต่อะไร -*-? ” ฉันหยุดเดินแล้วหันไปค้อนหมอนั่น

“เธอต้องบอกมาก่อนว่าเธอชื่ออะไร แล้วฉันจะเลิกตามเธอ ^ ^ ” หมอนั่นทำหน้าทะเร้นใส่ฉันก่อนที่จะปล่อยเงื่อนไขที่ว่านั่นออกมา

“...” ไม่มีทางฉันไม่มีวันบอกชื่อฉันให้หมอนั่นจดจำฉันได้เด็ดขาด

“เงียบทำไมล่ะ รีบบอกมาสิฉันจะได้ไม่ตามเธอ”

“เอ่อ...คือ...” ฉันพยายามหาทางออกที่ดีที่สุดให้ตอนนี้แต่มันยังคิดไม่ออกเลยต้องพูดติดๆขัดๆออกไปก่อน

“ ^_^ ” ฉันมองหน้าหล่อๆของหมอนั่นไปเรื่อยๆขณะคิด และฉันก็คิดออกแล้วด้วย

“นายถามอย่างอื่นไม่ได้หรออย่างเช่น...ฉันอายุเท่าไหร่หนักเท่าไหร่หรือไม่ก็สูงเท่าไหร่ ฉันจะตอบให้หมดเลยนะ ^ ^ ”

“ปัญญาอ่อนรึเปล่า ฉันจะอยากรู้เรื่องพวกนั้นไปทำไมกันคิดว่าฉันจะพาเธอไปประกวดนางงามรึไง -..-“ ”

“แต่ฉันบอกชื่อนายไม่ได้จริงๆนะ” หมดทางไปจริงๆฉันต้องใช้ความสงสารเข้าแข็งซะแล้ว

“ทำไม!”

“ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่อยากรู้จักกับนาย”

“เพราะ...”

“เพราะ...”

“เพราะอะไรบอกมาสิ ถ้าเหตุผลฟังขึ้นฉันก็จะไป” บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไปเป็นความเครียดเริ่มครอบงำเราทั้งสองซะแล้ว

“เพราะฉันไม่ชอบนาย” ทำไมบรรยากาศถึงได้เหมือนว่าเรากำลังเลิกกันทั้งที่เรายังไม่ได้คบกันด้วยซ้ำ

“แค่นั้นน่ะหรอ” วอซซ์เริ่มก้มลงมองที่พื้น นี่มันเหมือนคนกำลังเลิกกันชัดๆ ทั้งที่มันไม่ใช่ และก็ไม่มีวันเกิดขึ้นได้ด้วย

“ไม่ ใช่แค่ไม่ชอบ ลึกๆแล้วฉันอาจจะเกลียดนายเลยด้วยซ้ำ” ทั้งๆที่ถูกแล้วที่พูดออกไปแบบนั้นแต่ทำไมฉันกลับรู้สึกเหนื่อยใจนักนะ นี่เราไม่ได้เป็นคนรักกันซะหน่อย ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนั้นล่ะ

“โอเค งั้นฉันไม่ตามเธอแล้ว ไปสิ” เค้ายืนนิ่งก้มหน้ามองพื้น ไม่สนฉันแล้วจริง

“อื้ม” ถึงบรรยากาศจะดูเคร้าไปหน่อยแต่ฉันก็ต้องไปอยู่ดี

ฉัน เดินตรงไปที่โรงยีมที่ยัยคริสตัลซ้อมอยู่ ดูเหมือนว่ายัยนั่นจะซ้อมอยู่กับเพื่อนๆมีความสุขจริง มันต่างจากาอารมณ์ของฉันตอนนี้จริงๆ

“ฉันควรบอกเรื่องนี้กับยัยคริสรึเปล่าเนี่ย”

“โบรา! แกมาตอนไหนเนี่ย”

“เพิ่งมา” “แล้วหัวเป็นไง หมอบอกสมองกระทบกระเทือนรึเปล่า” ยัยคริสพูดกวนๆ

“อืม หมอบอกว่าฉันอาจจะกลายเป็นคนละคนไปในชั่วข้ามคืน”

“เฮ้! ทำไมแกล้อเล่นได้จริงจังจังวะ ฉันกลัวนะโว้ย”

“ก็พูดจริงๆไม่ได้ล้อเล่น” ฉันสังหรใจว่านายวานรจะไม่ปล่อยฉันไปง่ายๆยังไงไม่รู้อ่ะ

“แผลแค่นี้เนี่ยนะ”

“ใช่ แผลแค่นี้แหละที่อาจเปลี่ยนชีวิตฉัน”

“เลิกล้อเล่นเถอะน่า กลับบ้านกันเถอะ ^ ^ ” ยัยคริสลากฉันกลับบ้าน

“เดี๋ยวหยุดก่อน” ฉันดึงแขนยัยคริสหยุดเดินก่อนที่หันไปมองรอบๆตัว เพราะฉันรู้สึกเหมือนมีคนเดินมา

“มีอะไรวะ!” ยัยคริสทำท่าตกใจ

“เหมือนมีคนกำลังสะกดรอยตามเราอยู่อ่ะ” ฉันทำท่ากังวนและหวาดระแวงสุดๆ

“เฮ้ย...ท่า ทางแกจะได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองจริงๆว่ะ” ยัยคริสเอามือมาจับที่คางฉันให้หันไปหาตัวเองก่อนที่จะแสดงท่าทางเหมือนไม่ เชื่อที่ฉันพูดเลยสักนิด

“ฉันพูดจริงนะ และสมองฉันก็ยังดีอยู่ด้วย” ขณะที่ฉันกำลังซีเรียดสุดๆ

“แล้ว ใครห่ะจะมาสะกดรอยตามคนธรรมดาๆอย่างเรา เราไม่ใช่คนดังอะไรซะหน่อยถึงฉันจะสวย....แถมยังเป็นนักกีฬาวิ่งอันดับหนึ่ง ของโรงเรียนก็เถอะแต่ก็คงไม่มีใครมาสนใจขนาดนั้นหรอกน่า”

“แต่ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะ”

“แล้วเธอคิดว่าใครกันยะที่จะสนใจเราถึงขั้นสะกดรอยตามเนี่ย”

“ก็ไอ้วานรไง!”

“OoO!”

“เอ่อ...คือ ฉันคิดว่าสมองฉันมันคงไม่ปกติจริงๆ งั้น...เรากลับกันเถอะนะไม่มีอะไรหรอก” สติสัมปชัญญะฉันคงไม่ปกติจริงๆถึงได้บอกยัยคริสออกไปแบบนั้น ฉันหวังว่าคงแก้สถานการณ์ได้ทันเวลานะ ตอนนี้หน้ายัยคริสก็เอ๋อจนไม่เหลือความสวยงามอยู่บนใบหน้าแล้วด้วย

“กะ กะแกว่าไงนะโบรา” ฉันว่าตอนนี้ฉันสมองดีแล้วล่ะแต่คนที่แย่คงเป็นยัยคริสแทน เฮ้อ...ไม่ไหวกับเพื่อนคนนี้จริงๆพูดถึงผู้ชายคนนั้นนิดเดียวก็เป็นเอามาก ได้ขนาดนี้เลยหรอเนี่ย

“ไม่มีอะไรหรอก ฉันสติไม่ดีชั่วขณะน่ะ”

“แกบอกว่าวอซซ์สะกดรอยตามเรามางั้นหรอ”

“อืม” ฉันพยักหน้าอย่างผิดๆฉันพลาดไปแล้วจริงๆที่เอ่ยถึงหมอนั่น

“กรี๊ดดดดดดดด” ยัยคริสกรี๊ดออกมาอย่างสติแตก

“เฮ้ยๆ แกจะกรี๊ดทำไม ฉันแค่สันนิษฐานเฉยๆมันไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย อีกอย่างแกเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรอว่าฉันสติไม่ดีน่ะ” ฉันรีบเอามือปิดปากยัยนั่นไว้ทันทีแล้วรีบแก้ตัวอย่างพัลวัน

“ป่ะแกไปกับฉัน” ยัยนั่นดึงแขนกำลังลากฉันไปไหนก็ไม่รู้

“แกจะพาฉันไปหนายยยย”

“ก็พาไปเช็คสมองที่โรงพยาบาลอีกครั้งน่ะสิยัยบ้า”

“ไม่ไป!” ฉันสบัดแขนออกจากยัยนั่นทันที ยัยนั่นคิดว่าฉันเสียสติจริงๆหรอเนี่ย

“ก็อยู่ดีๆแกก็พูดถึงวอซซ์แถมแกยังบอกว่าวอซซ์สะกดรอยตามเราอีกด้วย”

“แล้วไง แค่นี้ก็จะตัดสินได้แล้วหรอว่าฉันบ้า”

“แกไม่ได้บ้าแต่แกไม่เป็นตัวของตัวเอง และกำลังพูดเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้”

“โอ เค ฉันผิดไปแล้วและเราจะไม่ไปโรงพยาบาลแต่จะกลับบ้าน ฉันจะไม่พูดถึงวอซซ์อีกและจะไม่พูดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ด้วย” ฉันพยายามให้เรื่องมันจบๆไป ถ้าขืนยืดเยื้อความแตกแน่และสิ่งที่ตามมาก็คงเป็นความวุ่นวายที่ฉันเกลียด แสนเกลียด

“โอเค” ยัยคริสพยักหน้าแบบจำยอมทั้งที่ในแววตายังคงสงสัยอยู่ลึกๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา