อลวนรักของหนุ่มน้อยหน้ามึน [Yaoi]

8.5

เขียนโดย JR_ST

วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.16 น.

  12 chapter
  10 วิจารณ์
  20.69K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 18.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) เจ็บ...ลืม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ร่างสูงค่อยๆประคองร่างเล็กแสนบอบบางขึ้นห้องพร้อมกับกระเป๋าเรียนของร่างเล็ก ระหว่างทางที่เดินเขาคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขาคงทำให้ร่างเล็กเสียใจมากเรื่องแบบนี้มันคงทำใจยากเขาทนไม่ได้ที่จะต้องให้ร่างเล็กต้องเจ็บปวดอีกต่อไป ร่างสูงจึงตัดสินใจบอกความจริงที่เขาต้องทำแบบนั้นลงไปแต่ผลที่ได้คือ ร่างเล็กร้องไห้หนักกว่าเดิมแล้วทำร้ายพร้อมกับด่าทอร่างสูง แต่เขายอมรับร่างสูงเดินไปยิ้มไปเพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะคำว่ารักที่ออกมาจากปากเรียวบางของร่างเล็กนั่นยังไงล่ะ

            เอี๊ยด...ร่างสูงเปิดประตูออกและก้าวเท้าเดินเข้าไปที่เตียงนอน เขาค่อยๆวางร่างบางนอนลงบนเตียงและเอาหมอนหนุนศรีษะให้เมื่อเวลานอนจะได้ไม่เคล็ดคอ เขายิ้มให้กับใบหน้าเรียวหวานนั้น เมื่อกอนเขายอมรับเลยว่าเขาเป็นคนยิ้มยาก แต่รอยยิ้มของเขาความสุขที่แท้จริงของเขามันได้กลับมาแล้วเมื่อได้เจอเมษ เมษอาจจะไม่เหมือนคนอื่นที่เขาได้เจอ เมษทั้งร้เริง กวน ปากเสีย ปากร้าย เป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมา นิสัยของเมษอาจทำให้ร่างสูงร่าเริงขึ้นมาบ้าง

“ เมษ ฉันขอโทษนะ ฉันจำเป็นต้องทำ มันจำเป็นจริงๆ ฉันไม่อยากให้นายเป็นอะไรเพราะฉันอีกแล้วล่ะ “ ร่างสูงเจ้าของเสียงทุ่มเอ่ยทิ้งท้ายไว้แล้วก็เดินออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ

 

            วันต่อมา....

 

“ จิ้บ จิ้บ... “ เสียงนกร้องไพเราะนกใหญ่นกน้อยต่างพากันนนส่งเสียง แสงสีเหลืองอ่อนค่อยเล็ดลอดผ่านเข้ามาหน้าต่างแล้วหยุดตรงร่างเล็กที่กำลังนอนอยู่ที่เตียง เผยให้เห็นใบหน้าเรียวสวยนั้นผิวเนียนขาว เมื่อแสงได้ส่องกระทบเปลืกตาคู่สวยทำให้ร่างเล็กลืมตาตื่น.....                                                                                                        

ผมค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นเมื่อรู้สึกถึงความร้อนที่เปลือกตาทั้งสองข้างที่ปิดอยู่ ผมลุกขึ้นแล้วกวาดสายตามองรอบ ที่นี่คือห้องของผม ผมจับขมับแล้วนึกคิดเรื่องเมื่อวานที่เกิดขึ้น เมื่อวานทะเลาะกับไอดีฟ ผมร้องไห้หนักมาก ไอดีฟมันอธิบายเหตุผลของมันด้วยภาษาพ่อขุนรามคำแหงก็ไม่ได้ต่างอะไรกับผมเลย จนตกลงกันได้

“ เหรอ...กูรัก....”ผมกำลังจะพูดชื่อของร่างที่กอดผมแต่ผมสติหลุดไปผมเลยไม่ได้พูด ผมหวังว่าไอดีฟคงจะรู้

            ผมหันตัวไปมองนาฬิกาที่หัวเตียง

“ เจ็ดโมง “ ผมเอ่ย โรงเรียนผมปกติเข้าแปดโมงครึ่ง แต่ผมต้องเตรียมตัวก่อนเพราะดีฟมันต้องเรียกผมแน่ๆ ผมลุกออกจากเตียงนอนแสนรักแล้วจัดการกับตัวเองให้เสร็จเรียบร้อย

 

ผ่านไป 15 นาที

 

ผมส่องกระจกตรวจสอบความเรียบร้อยโรงเรียนนี้มันเคร่งมากเรื่องระเบียบวินัย ต้องแต่งตัวให้เรียบร้อย แต่ว่าทำทรงผมอะไรก็ได้ อะไรได้หมดดีจังเลย เมื่อตรวจสอบความเรียบร้อยเสร็จผมจึงเดินไปหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้อง เมื่อผมออกมาจากห้องกลับผมแต่ความว่างเปล่าปราศจากร่างสูงที่ปกติจะต้องเจอที่หน้าห้องทุกครั้งที่ออกมา ผมคิดว่าไอดีฟอาจจะลงไปรอข้างล่างแล้วก็ได้

            “ ตึก ตึก “ ผมเดินลง ผมเดินแลซ้ายขวาไม่พบใคร เห็นแต่ป้าเพ็ญที่กำลังทำความสะอาด ผมเลยเดินไปถามป้าด้วยความสงสัย

“ ป้าครับ ไอดีฟล่ะครับ “ผมถามป้า ป้าแกหันมา

“ คุณหนูค่ะ พูดชื่อคุณดีฟให้เพราะๆหน่อยสิคะ “ ป้าแกเตือนผม เฮ้อ เผลอนิดหน่อยก็ไม่ได้เหรอครับป้า ?

“ ครับๆ แล้วไอ..ดีฟไปไหนครับ”

“ ออกไปแล้วล่ะค่ะเห็นบอกว่าต้องรีบไปรับเพื่อนน่ะคะ “ =[ ]= ไม่รอเราเนี่ยนะ ไปโครตเร็วเลย หรือว่ามันไม่อยากเจอหน้าผม ก็อาจจะใช่ เมษชักสีหน้า ป้าเพ็ญเมื่อเห็นจึงเกิดความสงสัย

“ ทำไมเหรอค่ะ คุณหนู “ป้าแกถามผมด้วยความสงสัย ผมส่ายหน้า

“ อ๋อ เปล่า ไม่มีอะไรครับ ^_^ งั้น ผมไปแล้วนะครับเดี๋ยวจะสายเอา “ ผมบอกป้าแกพร้อมกับยกมือไหว้ตามมารยาทไทยแล้วเดินออกจากบ้านไป...

 

โรงเรียน BYP

          ผมเดินเข้าโรงเรียน ผมเดินด้วยสายตาเหม่อลอย ผมคิดเรื่องเมื่อวานน่ะสิ ทั้งๆที่ผมเกลียดความรักแท้ๆ แต่ทำไมกันนะ ? ทำไมผมถึงได้พูดคำว่ารักออกไป ผมไม่เข้าใจตัวเองเอาซะเลย ระหว่างที่เมษกำลังเดินไปปเรื่อยเปื่อย สายตาเหม่อลอย โดยที่ไม่ระวังตัว เขากำลังเดินบริเวณริมสนามบาสซึ่งเจ้าตัวไมได้รู้ตัวเลย กลุ่มนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเล่นบาสเกตบอลกันอย่างสนุกสนาน แต่ท่ามกลางความสนุกย่อมมีการพลั้งเผลอไป นักเรียนในกลุ่มนั้นคนใดคนหนึ่งเผลอโยนลูกบาสออกนอกสนามไปโดนหัวนักเรียนคนหนึ่ง

 

ระหว่างที่คิด ผมได้ยินเสียงอะไรสักอย่างกำลังพุ่งตรงมาทางผม

“ โป้ก โอ้ย !! >[]< เจ็บ “ ผมหลับตาปี๋

“ตุบ”เสียงลูกบาสหล่นผมเบิกตา

“ เฮ้ย น้อง พี่ขอโทษ “ พี่หน้าหล่อรีบวิ่งเข้ามาขอโทษผม พี่คนนี้เหมือนผมเคยเห็นมาก่อนเลยอ่ะ คุ้นๆ

“ ไม่เป็นไรครับพี่...” ผมบอก พี่แกถอนหายใจหนึ่งครั้งก่อนจะเปลี่ยนมาจ้องหน้าผมแทน

“ มีอะไรเหรอครับพี ?=_= “ ผมถาม เห็นพี่เขาจ้องหน้าผมเหมือนอยากกินเลือดกินเนื้อผม

“ น้องใช่คนที่เข้าสมัครชมรมคนสุดท้ายใช่มั้ย “ หรือว่าพี่คนนี้จำผมได้

“ อ่อ ใช่ครับ ทำไมเหรอครับ “

“ พี่เห็นน้องน่ารักดี แฮะๆ” พี่เขาพูดไปเกาหัวไป

“...555 ขอบคุณครับที่ชอบผม “ ผมก้มหยิบลูกบาสแล้วส่งให้พี่เขา ผมหันหลังกลับไปเดินให้ออกห่าง แต่เขากลับจับมือผม ผมจึงหันไปหาพี่เขา หน้าผมเผชิญกับหน้าหล่อของพี่เขาอย่างใกล้ชิดจนรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นรดหน้าผมเลยล่ะ            

“ น้องชื่ออะไรหรอครับ ? “

“ เอ่อ เมษครับ “หลังจากบอกออกไปพี่เขาตาเป็นประกายเชียว

“ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ พี่ชื่อ ต้นนะ “ ผมไม่ได้อยากรู้จักเลยนะ แต่ก็ดีเหมือนกันแฮะ เหมือนมีเพื่อนอีกคน เฮ้ย ผมไม่ได้นอกใจพวกเพื่อนผมหรอกนะ

“ น้องเมษ พี่ขอเฟสและก็ไลน์หน่อยได้มั้ยครับ “ พี่ต้นบอกด้วยใบหน้าเขินอายเล็กน้อย

“อ่อได้ครับ...”แล้วผมก็บอกชื่อเฟสและไลน์ให้พี่ต้น จากนั้นพวกเราก็คุยกันเล็กน้อย

            จริงๆพี่ต้นก็ดูน่ารัก เป็นมิตร เป็นผู้ชายอบบบเฟรนลี่ดีนะ ผมว่านะ เป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมา เวลาอยู่กับพี่เขาเหมือนผมผ่อนคลาย เรื่องที่เครียดแต่เดิมกลับหายไปเลย

 

ระหว่างที่เมษกับต้นกำลังคุยกันอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น...

 

พวกเราต้องหยุดคุยกันเพราะมีเสียงใครบางคนทักมา

“เฮ้ย ไอต้น...”คนเสียงทุ้มตะโกนบอกเพื่อน ผมหันไป เห็นพี่ดิวกำลังเดินมาทางนี้

“ เออ ว่าไง “พี่ต้นเอ่ยถามพี่ดิว

“รีบๆซ้อมซะล่ะ ใกล้กีฬาสีแล้วนะเว่ย”

“ เออ มึงก็เหมือนกัน เตือนแต่คนอื่น”พี่ต้นแอบนอยด์พี่ดิว ทำให้พี่ดิวขำเล็กน้อยก่อนจะหันมาทางผม สงสัยเขาเพิ่งรู้ว่าผมมีตัวตนอยู่ตรงนี้

“อ้าว เมษเพื่อนไอเด็กนั่นนี่นา”

“ไอเด็กนั่น ?”ผมถาม

“เอ่อ ไอตุลไง “

“อ่อครับ” เรียกตุลว่าไอเด็กนั่น ดูสนิทกันจัง

“เอ่อ พี่ดิวครับ ไอตุลอ่ะครับ “ผมถามพี่เขา พี่ดิวถอนหายใจหนึ่งครั้งแล้วส่ายหน้าอีกหนึ่งที

“ พ็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รับผิดชอบเล้ย “ พี่แกบ่น ได้ข่าวมาว่าพี่บังคับไอตุลเข้าไม่ใช่เหรอครับคุณพี่ดิว เมื่อผมทราบจึงขอตัวขึ้นห้อง คุยกันไป 20 นาที

 

ห้องม.4/8

 

ผมก้าวเท้าเดินเข้าห้องแล้วเดินไปที่ที่ของตัวเอง เห็นอย่างชัด....

ไอกันย์มันนั่งคุยกับไอตุล ว่าแล้วเชียวไอตุลมันหนี

“ โย่...”ผมเป็นฝ่ายทักพวกมันก่อน ไอตุลหันมาแล้วทักผมตอบ

“ อ้าว ไอเมษ ทำไมมึงมาสายว่ะ”

“ปกติกูก็มาสายอยู่แล้ว”ผมบอกมัน ผมวางกระเป๋าดังแล้วขยับเก้าอี้ดังครืด...

            นึกแล้วมันน่าโมโห แต่ก็ดีเหมือนกันอิสระดีไม่ต้องถูกบังคับ เรื่องเมื่อวานผมถือว่าโมฆะ เรื่องที่ไอดีฟบอกผม ผมถือว่าผมไม่เคยได้ยิน จบ!

“ไอเมษมึงโกรธพวกกูหรอ”ตุลกับกันย์ถามเมษ เมษไม่ตอบเพียงแต่ส่ายหัวแล้วหันไปที่หน้าต่าง

            กี่ครั้งแล้วนะที่พวกเขาเห็นเพื่อนมีพฤติกรรมนิ่งเงียบแบบนี้ มันไม่ปกติเลย พวกเขาอาจจะเคยเห็นเมษเป็นแบบนี้ก็ตอนที่เมษงอนพี่ชายตนเองที่เขาไม่เข้าใจเมษ เมษต้องการความรักแต่ว่าพี่ชายเขาไม่ค่อยมีเวลา ทั้งคู่เลยไม่เข้าใจเลยเป็นสาเหตุให้เกิดการทะเลาะกัน แต่วันต่อมาสองพี่น้องก็กลับมาคืนดีกันอย่างน่าเหลือเชื่อเลย เวลาเมษมีเรื่องที่หงุดหงิดหรือไม่ชอบใจจนทำมห้อารมณ์เขาฉุนขึ้นมา เมษจะพูดน้อยจากที่พูดมาก ร่าเริงกลับเงียบ เอาแต่มองนอกหน้าต่าง

“พี่เบสก็ไม่อยู่”ตุลเอ่ยเสียงแผ่วเบา

“แล้วใครทำให้มันอารมณ์เสียว่ะ”ตามด้วยกันย์เข้ามาสมทบ

“ใครวะ ? “ตุลเอ่ยอย่างสงสัย

“ หรือว่าจะเป็น...”ทั้งสองเอ่ยพร้อมกัน ต่างคนต่างมองหน้ากัน

“ พี่ดีฟ! ”ทั้งคู่เอ่ยเสียงดังจากเดิมจนเมษสะดุ้งออกจากภวังค์แล้วหันกลับมามองเพื่อนทั้งสอง

“มีอะไรกัน ? “ เมษถามน้ำเสียงเยือกเย็น

“ เอ่อ ไม่มีไรหรอก “ กันย์เอ่ย เมษหันกลับ

 

ผมรู้สึกว่าความรักมันก็มีแต่เสียอยู่ดี ความรักเป็นแค่การปรุงแต่งอารมณ์ให้มนุษย์อย่างเราสามารถดำรงอยู่บนโลกนี้ได้ก็เท่านั้น ความรักที่ผันแปรนิสัยของคนๆหนึ่งได้ ชีวิตของมนุษย์ ผมเกลียดความรักถึงอยากจะรัก ความรักทำให้มนุษย์ผูกมัดและยึดติดกับสิ่งเหล่านั้นจนมนุษย์ไม่สามารถก้าวผ่านจุดๆนั้นได้...

 

พักเที่ยง...

ผมยังคงนั่งอยู่คนเดียวในห้องเพราะผมบอกพวกเพื่อนว่าขอไม่ลงไปกินข้าว พวกมันก็ไม่ได้ขัดข้องใจอะไรมากนัก เพียงแค่เกิดอาการนอยด์ใส่ผมเล็กน้อย ผมอยากจะยิ้มกับกิริยาท่าทางของพวกมันแต่ว่าผมยิ้มไม่ออก ผมนั่งไปอยู่นานมากเลยหล่ะ ประมาณ20 นาทีได้หล่ะมั้ง ไม่รู้ผมนั่งเข้าไปได้ยังไง

ครืด...ผมลุกแล้วเดินออกจาห้องเพื่อที่จะไปล้างหน้าให้มันตื่นสักหน่อยเพราะเริ่มจะง่วงนอนแล้วแต่ทว่ามี นร.หญิงคนหนึ่งเดินเข้าห้องแล้วถามถึงชื่อใครบาง

“โทษนะคะ ในห้องนี้มีนร.ที่ชื่อว่า เมษ รึเปล่าคะ”น้องหน้าหวานถามผม

“ มีอะไรเหรอครับ “ผมถามกลับ

“ พี่เป็นใครคะ”

“ เป็นเพื่อนเมษเองครับ”ผมยิ้ม

“ มีคนบอกว่าให้พี่ไปสวนหลังเลิกเรียนตอนเย็นน่ะคะ แต่ว่าห้ามบอกคนอื่นนะคะ! เฉพาะพี่ที่ชื่อเมษนะคะ หนูไม่ละคะ”แล้วเธอก็เดินจากไป ผมสงสัยว่าทำไมห้ามบอกใคร ผมไม่รู้ว่าใครมาสั่งผม จริงๆผมไม่ชอบให้ใครมาสั่ง หรือผมควรจะลองเสี่ยงดูและผมจะไม่บอกพวกเพื่อนของผมด้วย

 

หลังเลิกเรียน

 

“เฮ้ย ไอตุล กันย์ กูไปก่อนนะบาย “ ผมรีบบอกพวกมันเอเก็บของเสร็จแล้วรีบออกจากห้องทันทีถึงแม้จะตามด้วยเสียงเพื่อนผมก็ตาม ผมเดินเลี้ยวไปทางซ้ายซึ่งมีบันไดอีกข้างหนึ่ง ตึกเรียนผมมีทางเดินลงสองฝั่งครับ

            ผมคิดว่าไอดีฟมันคงไม่สนใจผมหรอก มันคงไปหาคนรักของมัน สุดท้ายเจ้านั่นก็เป็นคนปากอย่างใจอย่างนั่นเอง

 

สวนหลังโรงเรียน

 

ผมสาวเท้าเดินเข้าไป ที่นี่มันสวยจริงๆมีดอกไม้หลากสีนานาชนิดและต้นไม้อีกหลายต้น ผมชอบบรรยากาศแบบนี้นะ บรรยากาศที่ดูธรรมชาติ คุณลองคิดดูสิ ที่นี่มันมีลมพัดตลอดเวลา ต้นไม้พลิ้วไสวเพราะแรงพัดของลม ผมอยากจะนอนลง แต่ว่า...

 

“ตึก ตึก “ เสียงบางอย่างกำลังเข้ามา ผมจึงรีบหลบหลังต้นไม้ต้นหนึ่งที่พอจะหลบได้อย่างไม่เป็นที่สังเกต

 

“ นี่ มาเร็วสิดีฟ”คนเสียงใสจูงร่างสูงให้รีบเข้ามา

“อะไรน่ะเมย์”ผมชะงักให้กับเสียงอันคุ้นหู

“นี่เป็นที่ๆดีฟขอฉันเป็นแฟนไม่ใช่เหรอ ดีฟจำไม่ได้เหรอ “ เธอน้อยใจ

“ฉันล้อเล่นน่า ฉันรักเธอนะ เมย์ “ อึก เขาหลอกลวง ผมต้องทนฟังเสียงแบบนี้นานเท่าไหร่ ผมอยากออกจากที่นี่แล้ว

“ ดีฟ...”ทั้งสองจ้องหน้ากัน ฝ่ายหญิงเอื้อมมือไปกดท้ายทอยของอีกฝ่าย ปากของฝ่ายชายสัมผัสกับปากบางๆของเธอ

            ผมฟังเสียงพวกนี้ไม่ไหวจึงออกจากโคนต้นมาประจันหน้าต่อพวกเขา ดีฟกับเมย์กำลังจูบกัน ดีฟสะดุ้งแล้วผลักหญิงร่างเล็กให้ออกห่าง ร่างกายผมตอนนี้มันแข็งทื่อไปหมด มันเจ็บปวดมากจนอยากจะร้องให้แต่มันไม่เหลือน้ำตาให้แล้ว

“ เมษ...มันไม่ใช่อย่างที่นายเห็นนะ” ร่างสูงแก้ตัว ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นแล้วการกระทำของนายที่เพิ่งทำกับผู้หญิงคนนี้เมื่อครู่ล่ะ

“ ดีฟ เราเป็นแฟนกันนะ แล้วนี่นายมาได้ไงเนี่ย นายนี่ร่านกว่าที่ฉันคิดอีกนะ ” เธอพูดสมทบและมองผมด้วยแววตาที่เหยียดหยาม

หมับ...ผมกำหมัดแน่น

“ ฉันแค่มาตามคำบอกของใครบางคน”ผมใจแข็งตอบไป ผมพยายามกดเสียงต่ำลงเพื่อปกปิดเสียงที่สั่น

“ หึ ยังไงแกก็ร่านวันยังค่ำ”

“ ฉันขอตัวก่อนล่ะ”ผมก้มหน้าแล้วเก้าเท้าเดินผ่านพวกเขาผ่านหน้าไอดีฟ

            เจ็บใจนัก ผมอยากจะด่าเธอกลับแต่มันพูดไม่ออก ผมควรจะทำยังไงดีกับความรู้สึกที่มันอัดแน่นแบบนี้ ทำไมน้ำตาผมถึงไม่ไหลล่ะ ทำไมเราเจ็บอย่างนี้

            ผมเดินตามทางเท้าอย่างเรื่อยเปื่อย วันนี้ผมรู้สึกไม่อยากกลับบ้านเลย กลับบ้านไปก็ต้องเจอไอดีฟ ความรู้สึกดีๆที่ให้มันหายไป ผมอยากโกรธมัน แต่โกรธยังไงมันก็โกรธไม่ลงหรอก

“เฮ้อ”ผมถอนหายใจหนึ่งครั้งก่อนจะเดินต่อไปอย่างเรื่อยเปื่อยอีกครั้ง ตอนนี้มันก็ดึกมากแล้วด้วยผมควรจะกลับบบ้านได้แล้วแต่ใจมันไม่ต้องการ หรือว่า...ผมจะไปบ้านไอตุลดีแต่ไม่ดีกว่าไอตุลคงไม่ว่างต้องทำงานที่ห้องกรรมการ งั้นไปบ้านไปกันย์ละกัน

 

ที่บ้าน กันย์ 655/78

“กริ๊ง กริ๊ง” ผมกดกริ่งบ้านไอกันย์ เจ้าของบ้านรีบออกมาทันที มันเปิดประตูออกมาก็ตกใจ

“ไอเมษ ทำไมมาบ้านกูวะ”กันย์ถาม

“กูไม่อยากกลับบ้าน กูขอค้างบ้านมึงได้มั้ย ? “

“เอ่อ ได้สิ งั้นเข้ามาก่อน”ผมก้าวเท้าเข้าบ้านมัน ระหว่างทางมันก็ถามผมว่าทำไมไม่กลับบ้านตัวเอง แต่ผมไม่ตอบ มันก็ไม่ได้ว่าอะไร

            เมื่อมาถึงห้องนอน

ผมเดินเข้าไปอย่างเงียบสงบ ห้องโทนสีชมพูอ่อนตัดกับพื้นสีคาราเมลสำหรับผมมันดูเข้ากันได้ดีนะ ดูสบายตา สีสันสดใสซึ่งต่างจากห้องผมที่ผนังห้องสีครีมกับพื้นสีเทา ที่ดูหดหู่

“ ขอบคุณนะมึง”ผมบอก

“อืม ไม่เป็นไรหรอก เป็นเพื่อนกันนี่ “ กันยิ้มให้ผม ผมย้มตอบกลับ แต่เป็นยิ้มที่เสแสร้ง

“กูนอนเตียงข้างบนละกัน มึงนอนล่าง”มันบอกแล้วก็ลงไปข้างล่าง ผมเดินไปที่เตียงแล้ววางกระเป๋าข้างๆ

            ฟุบ...

ผมนั่งลงบนเตียง ผมเงยหน้าแล้วหลับตา ผมปล่อยวางเรื่องทั้งหมด ถือซะว่าไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิต คิดแค่ว่ามันคือความฝันแสนโหดร้าย ผมต้องคิดแต่เรื่องดีๆ เมื่อไหร่พี่เบสจะกลับมานะ ผมคิดถึงพี่นะ พรุ่งนี้ผมต้องทำตัวให้ปกติ คิดแต่เรื่องดีๆเข้าไว้ซะไอเมษ

 

ร่างบางพยายามให้กำลังใจตนเอง เป็นวิธีที่สุดที่เขาทำได้ด้วยตนเองโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น เมื่อร่างบางทำใจได้แล้ว เขาทิ้งตัวลงนอน อุณหภูมิห้องที่เย็นสบายที่มาจากเครื่องปรับอากาศทำให้เขาเริ่มเคลิ้ม เปลือกตาทั้งสองเริ่มหนักขึ้นแล้วค่อยๆปิดลง...

_______________________________________

จากไรท์ :

555 ตอนนี้สั้นไปหน่อย พอดีมีการบ้าน ยังไม่ทำนั่งทำเสร็จเกือบสี่ทุ่ม ตอนเลิกก็ไปหาหมอเป็นป้สสาวะอักเสบอีก กำเวร เป็นมาสามอาทิตย์แล้วล่ะค่ะ เรียนศิลป์ภาษา-ญี่ปุ่นมันก็ต้องท่องจำคำศัพท์ให้มาก ถึงจะไม่ค่อยมีเวลาแต่งแต่ไรท์จะพยายามนะคะ

                                    ขอบคุณค่ะที่ติดตาม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา