Is you my girlพลิกล็อคสุดเพี้ยนเขียนหัวใจหนุ่มTOP5
8.8
เขียนโดย Aum_Aim
วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 09.12 น.
7 บท
2 วิจารณ์
10.80K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 13.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
5)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 5
นี่ผมทำอะไรลงไปนะ ผมไม่เข้าใจว่าจะดึงเธอลงไปจูบกันข้างถนนทำไมกัน บ้าชะมัดความรู้สึกนี้ไม่ชอบเลย ผมเหล่ตามองเธอนิดหน่อยตอนนี้เธอหลับสนิทเลยดูเหมือนว่าจะเหนื่อยจากการทำงานมาก และตอนนี้ผมก็ขับรถมาจนถึงคฤหาสที่แสนเคว้งคว้างของผม เพราะมันไม่มีใครเลยผมเลยไม่อย่างอยู่ที่นี่คนเดียวอีกอย่าง ผมไม่ค่อยชอบให้มีบริวารล้อมหน้าล้อมหลังมากเท่าไหร่ มันดูเหมือนผมเป็นนักโทษที่ถูกจองจำยังไงก็ไม่รู้สิ ผมคิดแบบนั้น นี่ถ้าไม่มีเธอผมคงไม่อยากมานอนที่นี่เท่าไหร่หรอกครับ
เอี๊ยดดด
ผมจอดรถก่อนยกมือไปแตะคนข้างๆ ให้ตื่นสักที แต่ว่า เธอไม่ยอมตื่นอะ เขย่าก็แล้วตะโกนใส่หูก็แล้ว ไม่มีท่าทีว่าเจ้าตัวจะลุกขึ้นมาเลยแหะ แล้วสิ่งที่ผมสัมผัสได้ตอนนี้คือ ตัวเธอกำลังร้อนอย่างกับไฟยังไงอย่างนั้นเลย เฮ้ย ยัยนี่บอบบางไปไหนฟ่ะ โดนฝนแค่ไม่ถึงชั่วโมง
“นี่ ยัยเพี้ยนอย่ามาแกล้งฉันนะ ตื่นสะทีสิ” แนะคราวนี้ได้ผล เจ้าตัวตื่นขึ้นมาก่อนทำหน้า งงๆ แล้วมองรอบๆ สมองเบลออีกรึไง
“ถึงแล้ว” ผมบอกเธอ ยัยเพี้ยนหันไปเปิดประตูรถก่อนลุกออกไป ก่อนที่ผมจะหงุดหงิด
“ไหวไหมห๊ะ” ผมถามเธอดูเหมือนว่าเธอจะไม่สบายจริงๆ ซะแล้วสิ หน้าซีดเผือกนั้นไม่ตอบผม แต่กลับล้มตึงลงกับพื้น เจ็บใจตัวเองนัก ผมคว้าเธอไว้ไม่ทัน เลือดที่ออกมาจากตัวเธอส่งกลิ่นคาวมาถึงจมูกผม หัวแตกด้วยอะ ผมรีบตรงเข้าไปโอบร่างกายเธอเอาไว้ แล้วดุ้มไว้ในอ้อมแขนที่แข็งแกร่งของผม
“เตรียมเสื้อผ้าไปเปลี่ยนให้เธอที” ผมหันไปสั่งป้าคนใช้ที่อยู่หน้าบ้าน
“ค่ะ” เธอโค้งอย่างสุภาพก่อนเดินไปอย่างรีบเร่ง
ผมอุ้มยัยเพี้ยนขึ้นห้องไป วางเธอลงอย่างเบามือ แล้วนั่งลงข้างๆ ตัวเธอก่อนยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบหัวเบาๆ
“เอ๊ะ มีแผลนี่นา” (นายก็เห็นตั้งแต่เมื่อกี้แล้วไม่ใช่หรอไง) ผมเดินลงไปหยิบกล่องปฐมพญาบาลมา ก่อนเปิดประตูเข้าห้องไปจ๊ะเอ๋กับยัยป้าคนใช้ ผมเลยตัดสินในยื่นกล่องปฐมพยาบาลให้ป้า เธอรับไว้อย่างน้อบน้อม แล้วเดินออกไปจากห้องนั้น
“ฉันขอโทษนะ แครมบรูเล่ ที่ทำให้เธอต้องมานอนอยู่บนเตียงแบบนี้” ผมเดินเข้าห้องของตัวเองแล้วจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนมานอนแอ่งแม้งอยู่บนเตียงพยายามข่มตาหลับแต่
พรวดดดด
“ยัยบ้าเอ้ย” ผมลุกขึ้นและสบถกับตัวเองก่อนเดินฉับๆ ไปที่ห้องของยัยเพี้ยน นี่ฉันสำนึกผิดอยู่หรอกนะ ไม่ใช่ว่าห่วงหรอกนะ ผมเปิดประตูเข้าไปพบกับร่างบางที่นอนซมอยู่บนเตียงเพราะพิษไข้ ผมค่อยๆ นั่งเก้าอี้ข้างเตียงก่อนเอื้อมมือไปแตะหน้าผากที่ร้อนผ่าวของเธอ
“แม่จ๋า ช่วยหนูด้วยหนูกลัวค่ะ” ผู้หญิงตรงหน้าดึงแขนผมไปกอด เธอกำลังขวัญผวาแน่ๆเลย โอเค ผมรู้ว่าผมทำมากเกินไปแต่ก็ของแบบนี้มันห้ามกันได้ซะที่ไหนกันละคร้าบ ยัยเพี้ยนกอดแขนผมแน่นเธอและตัวสั่นเท่าเพราะความหนาว ผมจะทำไงดี ทุกคน คิดหน่อยๆ
“แม่จ๋าหนูหนาว” ยัยนั่นยังละเมออีก
“ฉันไม่ใช่แม่เธอนะ ปล่อยได้แล้วยัยเพี้ยน” เธอเงียบแต่ยังกอดแขนผมแน่น
ผมค่อยๆ ก้มหน้าลงมาทีละนิด บรรจงจูบลงบนหน้าผากร้อนของเธอ เขาว่าจะช่วยบรรเทาได้ เอ๊ะ นี่ผมเอาความเชื่องี่เง่านี่มาจากไหนนะ ให้ตายสิ แต่ไม่อยากเห็นยัยนี่อยู่ในสภาพนี้เลยนี่นา เห็นแล้วอยากป่วยแทนเลย (แหมสุภาพบุรุษจริงๆ) แต่ก็ไม่อยากเป็นให้ยัยนี่เป็นนะดีแล้ว(อ่าว ขอกลับคำด่วนเลยจ้า) โธ่ ไรท์ มีใครมั้งจะอยากป่วยเล่า ประสาทไหม(เอ้อ เอานายว่าเลย) โอ๊ย ยัยบ้านี่ก็ดึงแขนจัง ผมเลยตัดสินใจกระโดดขึ้นเตียง แฮ่ๆ ก็นะยัยนี่ไม่ปล่อยโผ้มเองน๊า ไม่เกี่ยว ก่อนจะเอื้อมมือไปกอดคนตรงหน้า ผมกระชับกอดเธอให้แน่นกว่าเดิม ยัยเพี้ยนกอดตอบผม เธอซุกใบหน้าที่ร้อนเพราะพิษไข้มาที่แผงอกผม รู้สึกถึงความร้อนระอุเลยแหะ ผมมองหน้าเธอจนเคลิ้มหลับไปในที่สุด
ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาก่อนหันไปข้างๆ ตาที่ฟ่าฟางเริ่มมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ชัดแจ๋ว คนที่กำลังนอนกอดฉันอยู่คือเจ้าชาย หนักชะมัดเลย จะขยับตัวไม่ได้อยู่แล้ว
“อือ ตื่นแล้วหรอ” ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองต้นเสียง
อ้ากกกกกกกกก หน้าฉันห่างจากเขาไม่ถึง 2 เซ็นเลย จมูกโด่งๆ ของเขาถึงกับแตะแก้มฉันเบาๆ ทำให้ฉันร้อนวูบวาบไปทั้งตัว
“ฉันขอโทษนะ” เขาพูดเสียงค่อย และหน้าแดงเป็นลูกมะเขือ ก้ากกกก ตลก สงสัยอายที่ต้องขอโทษฉันแน่ๆ เลย แกล้งหน่อยดีกว่า
“ง่ายไปมั้ง ชิ” ฉันแกล้งเบะปากก่อนนี่เขาจะ
“ขอโทษน๊า เจ้าหญิง” หอมแก้มฉันก่อนพูดเสียงอ้อนอีกครั้ง เอ่อๆ ยอมแล้ว แค่นี้ก็จะละละลายอยู้แล้วเนี่ยแต่แอบหอมแก้มฉันแบบนี้ไม่ยอมนะ
“เอ้ย เจ้าชาย แอบหอมแก้มฉันได้ไง” ฉันตะหวาดใส่เงื้อมือจะตบแต่โดนเขาล็อคมือไว้อะ เสร็จกัน ไอ้เจ้าชายบ้า
“ไม่ได้แอบ หอมตรงๆ เลยตั้งหาก” แวกกก นี่ใช่เจ้าชายของฉันเราะ T^T
“แต่ก็หอมฉันโดยไม่ได้ขออนุญาติ” หนอยเจ้าชาย
“ไม่ต้องขอเธอก็อนุญาตใช่ไหม” เจ้าชายเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ แล้วกระซิบข้างหู บรึ่ยยย เสียวไปถึงกระดูกสันหลัง
“นี่นาย คิดว่าฉันเป็นคนยังไงห๊ะ” ฉันเริ่มโมโห
“อ่าว ไม่เรียกเจ้าชายละ” ฉันเริ่มเวียนหัวแล้วอะ
“ก็....เจ้าชายของฉันไม่ใช่แบบนี้” ฉันพูด
“นี่คือความจริงฉันเป็นคนแบบนี้หรือเธอรับไม่ได้” ฉันฉีกยิ้มก่อนพูดออกมา
“ปล่อยฉันได้แล้วนะ เจ้าชาย”
“ฉันรู้นะว่าเธอเป็นใครน่ะ แครมบรูเล่ เธอทำแบบนี้เพื่ออะไรน่ะ บอกเหตุผลหน่อยได้ไหม ฉันไม่คิดหรอกนะว่า ลูกคุณหนูไฮโซระดับหมื่นล้าน ไอคิว 180 up จะทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล”เขาร่ายยาวจนฉันอ้าปากพะงาบๆ อยู่คนเดียว
“ฉัน...” ฉันกระอึกกระอักที่จะตอบ
“...” เขาเงียบราวกับรอฟังคำตอบจากฉัน
“ถ้าเจ้าชายจะถูกจับหมั้นกับใครไม่รู้ที่ไม่รู้จักกันเลยแม้แต่หน้าตา เจ้าชายจะทำยังไงค่ะ” ฉันเอ่ยปากถาม
“ก็บอกไปเลยว่าไม่เอาไม่หมั้น” นั่นไงตอบแบบฉันเลย
“แต่จะลองดูตัวก่อนแล้วค่อยตัดสินก็ได้นะ” งะ ไม่เอาอะ
“ทั้งที่มีคนชอบอยู่แล้วนะหรอ” ฉันย้อนถามเขา
“....” เขาเงียบ
“วันนั้น ที่เจ้าชายเจอฉันครั้งแรกได้ไหมค่ะ”
“อื้ม แม่นเลยละ”
“วันนั้นฉันจงใจกลับบ้านเย็นที่สุด ไม่ให้คนไปเพื่อหลีกเลี่ยงการดูตัว”ฉันพูดพร้อมกับตีหน้าเศร้า
“ก็เลยโดนพวกนั้นเล่นงานเอา”เขาพูดอย่างแผ่วเบา
“อื้ม แล้วตื่นขึ้นมาก็พบกับเจ้าชายไง ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ฉันไม่กลับบ้านแล้วนี่ ก็เลยอยู่กับเจ้าชายซะเลย” ฉันพูดก่อยยิ้มๆ
“แล้วเธอไว้ใจฉันได้ไงห๊ะยัยเพี้ยน” เขาพูดก่อนยันตัวลุกขึ้น เอิ่ม เรานอนกอดกันพูดน่ะ ก็เขาไม่ปล่อยฉันนี่นา
“อื้ม” ฉันตอบสั้นๆ
“ทำไมละ ฉันก็เป็นผู้ชายนะ” เขาพูด
“ก็ถ้าเจ้าชายจะทำร้ายฉัน เจ้าชายคงไม่ปล่อยฉันมาถึงตอนนี้หรอกใช่ไหม” ฉันตอบเขาแล้วยิ้มออกมา
“แล้วถ้าฉันจะทำตอนนี้ละ เธอว่าไง”เฮ้ยๆๆ ไหงเป็นงั้นอ่า
“...” ฉันเงียบอย่างอึ้งๆ
“ฮ่าๆ ฉันล้อเล่นน่า” เฮ้อ โล่งอกไป คิดว่าจะเสียเวอร์จิ้นซะแล้ว
“แล้วเธอจะทำไงต่อละ” เขาถามฉัน
“ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าสักวันหนึ่งฉันต้องกลับไปหาพ่อ ไปหมั้นกับคนที่ฉันไม่ได้รัก” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“แล้วคนที่เธอชอบละใคร” เฮ้ย ถามตรงไปแล้วเฟ้ยนาย
“...” ฉันเงียบ ความจริงอยากพูดแทบตาย นายนั่นแหละ แต่พูดไม่ออกกลัวเขาไม่รัก
“ไอ้อ๊อกฟอร์ดหรอ” ฉันส่ายหัวเบาๆ
“เพื่อนสนิทร่วมห้อง”
“ใช่ซะที่ไหนเล่า เจ้าชาย” ฉันเริ่มอึดอัดแล้วสิ เวียนหัวจะตายอยู่แล้ว
“...” ฉันก็ไม่ตอบอีกแหละ
“หรือว่า...”เขาชี้หน้าตัวเอง
“ O_O ” ฉันเบิกตาโตแต่ไม่ได้พูดว่าใช่หรือไม่ใช่
“หิวยัง เดี๋ยวฉันไปเอาข้าวต้มมาให้ละ รออยู่นี่นะ อย่าลุกไปไหน” เขาพูดก่อนเขากำหมัดแล้วทุบหัวฉันเบาๆ และเดินออกไปจากห้อง ฉันเกาหัวแกรกๆ ก่อน
“โอ๊ยยยย!! นี่อะไรเนี่ย หัวฉันทำไมเจ็บจังฟ่ะ” ฉันนั่งนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้หัวฉันมีรอยแผลแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
“แผลนั่นได้มาตอนที่เธอดันสลบหัวฟาดกับหินนะสิ”เย้ย เข้ามาเมื่อไหร่เนี่ย ตกใจหมดเลย
“ตอนไหน” ฉัน ถามด้วยความสงสัย
“ก็เมื่อคืนไง เธอตากฝนนานเกินเลยป่วยน่ะ” เขาพูดก่อนเม้นริมฝีปากบาง
“อ๋อ เพราะเรื่องนั้นเจ้าชายถึงขอโทษฉันใช่ป่ะ” เขาหันมาก่อนทำหน้าดุใส่ฉัน ฮึ๋ย น่ากลัวชะมัดเลย
“กินข้าว” เขาพูดแล้วนั่งลงตรงหน้าฉันก่อนจะยื่นช้อนที่มีข้าวต้มมาใกล้ๆ กับปากฉัน
“ฉันกินเองได้นะ ไม่ใช่เด็ก ที่สำคัญแขนขาก็ครบ”
“...” เขาทำหน้าตายไม่ขยับช้อนเลยแม้แต่น้อย เออ เข้าใจแล้ว ไอ้เจ้าชายบ้า จะเอาใจหญิงสักหน่อยนี่นายจะดิ้นตายไหมห๊ะ
“กะ ก็ได้ค่ะ” ฉันพูดแล้วงับข้าวต้มเข้าปากไป แล้วอี่ตานี่ก็ป้อนฉันจนหมดด้วยสิ บอกเลยนะนี่เป็นอาหารมื้อพิเศษที่สุดเลย คริคริ
“ยา” เขายื่นแก้วเล็กๆ ที่มียาเม็ดอยู่ในนั่นให้ฉัน
“ไม่เอาอะ ขม” ฉันเบะปากอย่างไม่พอใจ ก็ไม่ชอบอะ
“กินๆ ไปเหอะน่ายัยบ้า” เจ้าชายขยั้นขยอ
“ไม่เอาฉันไม่กิน” พูดแล้วฉันก็เอามือปิดปากทันที
“ไม่กินหรอได้” หมอนั่นยิ้มเจ้าเหล่ ก่อนจะกระดกยาเข้าปากตัวเอง ฉันถึงกับอึ้ง นี่นายอยากกินยาก็ไม่บอก แต่มันไม่จบแค่นั้น อี่ตาเจ้าชาย พุ่งเข้ามาประกบริมฝีปากฉันเฉยเลย เขาใช้ลิ้นของตัวเองดันยาที่อยู่ในปากเขามาที่ปากฉัน อ้วก ได้ไหม ขมปี๋เลย เขาคลายริมฝีปากออก แล้วยื่นแก้วน้ำมาให้ฉันกระดกน้ำเข้าไปก่อนด่าเจ้าชายเละ
“อี่ตาเจ้าชาย บ้า”ฉันอยากจะเอาน้ำนี่สาดหน้าจริงๆ ทำมาได้
“ก็เธอไม่กินฉันเลยสงเคราะห์ให้ไง หึ” เขาพูดพร้อมกับหัวเราะ เอ้อ แกล้งได้แกล้งไป ขำนักนะอี่ตาบ้า
“นอนได้แล้ว” หมอนั่นยิ้มบางๆ เชอะ ตบหัวแล้วลูบหาง เอ้ย ลูบหัวชัดๆ เจ้าเหล่จริงๆ
“อื้ม” ฉันพูดอย่างหงุดหงิดก่อนมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม และ และ หลับไป
ไรท์อยากได้คนป้อนยาแบบนี้มั้งอะ ว่าไงคิดเหมือนไรท์เปล่าค่ะทุกคน เจ้าชายมาป้อนยาไรท์นะ -3-
นี่ผมทำอะไรลงไปนะ ผมไม่เข้าใจว่าจะดึงเธอลงไปจูบกันข้างถนนทำไมกัน บ้าชะมัดความรู้สึกนี้ไม่ชอบเลย ผมเหล่ตามองเธอนิดหน่อยตอนนี้เธอหลับสนิทเลยดูเหมือนว่าจะเหนื่อยจากการทำงานมาก และตอนนี้ผมก็ขับรถมาจนถึงคฤหาสที่แสนเคว้งคว้างของผม เพราะมันไม่มีใครเลยผมเลยไม่อย่างอยู่ที่นี่คนเดียวอีกอย่าง ผมไม่ค่อยชอบให้มีบริวารล้อมหน้าล้อมหลังมากเท่าไหร่ มันดูเหมือนผมเป็นนักโทษที่ถูกจองจำยังไงก็ไม่รู้สิ ผมคิดแบบนั้น นี่ถ้าไม่มีเธอผมคงไม่อยากมานอนที่นี่เท่าไหร่หรอกครับ
เอี๊ยดดด
ผมจอดรถก่อนยกมือไปแตะคนข้างๆ ให้ตื่นสักที แต่ว่า เธอไม่ยอมตื่นอะ เขย่าก็แล้วตะโกนใส่หูก็แล้ว ไม่มีท่าทีว่าเจ้าตัวจะลุกขึ้นมาเลยแหะ แล้วสิ่งที่ผมสัมผัสได้ตอนนี้คือ ตัวเธอกำลังร้อนอย่างกับไฟยังไงอย่างนั้นเลย เฮ้ย ยัยนี่บอบบางไปไหนฟ่ะ โดนฝนแค่ไม่ถึงชั่วโมง
“นี่ ยัยเพี้ยนอย่ามาแกล้งฉันนะ ตื่นสะทีสิ” แนะคราวนี้ได้ผล เจ้าตัวตื่นขึ้นมาก่อนทำหน้า งงๆ แล้วมองรอบๆ สมองเบลออีกรึไง
“ถึงแล้ว” ผมบอกเธอ ยัยเพี้ยนหันไปเปิดประตูรถก่อนลุกออกไป ก่อนที่ผมจะหงุดหงิด
“ไหวไหมห๊ะ” ผมถามเธอดูเหมือนว่าเธอจะไม่สบายจริงๆ ซะแล้วสิ หน้าซีดเผือกนั้นไม่ตอบผม แต่กลับล้มตึงลงกับพื้น เจ็บใจตัวเองนัก ผมคว้าเธอไว้ไม่ทัน เลือดที่ออกมาจากตัวเธอส่งกลิ่นคาวมาถึงจมูกผม หัวแตกด้วยอะ ผมรีบตรงเข้าไปโอบร่างกายเธอเอาไว้ แล้วดุ้มไว้ในอ้อมแขนที่แข็งแกร่งของผม
“เตรียมเสื้อผ้าไปเปลี่ยนให้เธอที” ผมหันไปสั่งป้าคนใช้ที่อยู่หน้าบ้าน
“ค่ะ” เธอโค้งอย่างสุภาพก่อนเดินไปอย่างรีบเร่ง
ผมอุ้มยัยเพี้ยนขึ้นห้องไป วางเธอลงอย่างเบามือ แล้วนั่งลงข้างๆ ตัวเธอก่อนยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบหัวเบาๆ
“เอ๊ะ มีแผลนี่นา” (นายก็เห็นตั้งแต่เมื่อกี้แล้วไม่ใช่หรอไง) ผมเดินลงไปหยิบกล่องปฐมพญาบาลมา ก่อนเปิดประตูเข้าห้องไปจ๊ะเอ๋กับยัยป้าคนใช้ ผมเลยตัดสินในยื่นกล่องปฐมพยาบาลให้ป้า เธอรับไว้อย่างน้อบน้อม แล้วเดินออกไปจากห้องนั้น
“ฉันขอโทษนะ แครมบรูเล่ ที่ทำให้เธอต้องมานอนอยู่บนเตียงแบบนี้” ผมเดินเข้าห้องของตัวเองแล้วจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนมานอนแอ่งแม้งอยู่บนเตียงพยายามข่มตาหลับแต่
พรวดดดด
“ยัยบ้าเอ้ย” ผมลุกขึ้นและสบถกับตัวเองก่อนเดินฉับๆ ไปที่ห้องของยัยเพี้ยน นี่ฉันสำนึกผิดอยู่หรอกนะ ไม่ใช่ว่าห่วงหรอกนะ ผมเปิดประตูเข้าไปพบกับร่างบางที่นอนซมอยู่บนเตียงเพราะพิษไข้ ผมค่อยๆ นั่งเก้าอี้ข้างเตียงก่อนเอื้อมมือไปแตะหน้าผากที่ร้อนผ่าวของเธอ
“แม่จ๋า ช่วยหนูด้วยหนูกลัวค่ะ” ผู้หญิงตรงหน้าดึงแขนผมไปกอด เธอกำลังขวัญผวาแน่ๆเลย โอเค ผมรู้ว่าผมทำมากเกินไปแต่ก็ของแบบนี้มันห้ามกันได้ซะที่ไหนกันละคร้าบ ยัยเพี้ยนกอดแขนผมแน่นเธอและตัวสั่นเท่าเพราะความหนาว ผมจะทำไงดี ทุกคน คิดหน่อยๆ
“แม่จ๋าหนูหนาว” ยัยนั่นยังละเมออีก
“ฉันไม่ใช่แม่เธอนะ ปล่อยได้แล้วยัยเพี้ยน” เธอเงียบแต่ยังกอดแขนผมแน่น
ผมค่อยๆ ก้มหน้าลงมาทีละนิด บรรจงจูบลงบนหน้าผากร้อนของเธอ เขาว่าจะช่วยบรรเทาได้ เอ๊ะ นี่ผมเอาความเชื่องี่เง่านี่มาจากไหนนะ ให้ตายสิ แต่ไม่อยากเห็นยัยนี่อยู่ในสภาพนี้เลยนี่นา เห็นแล้วอยากป่วยแทนเลย (แหมสุภาพบุรุษจริงๆ) แต่ก็ไม่อยากเป็นให้ยัยนี่เป็นนะดีแล้ว(อ่าว ขอกลับคำด่วนเลยจ้า) โธ่ ไรท์ มีใครมั้งจะอยากป่วยเล่า ประสาทไหม(เอ้อ เอานายว่าเลย) โอ๊ย ยัยบ้านี่ก็ดึงแขนจัง ผมเลยตัดสินใจกระโดดขึ้นเตียง แฮ่ๆ ก็นะยัยนี่ไม่ปล่อยโผ้มเองน๊า ไม่เกี่ยว ก่อนจะเอื้อมมือไปกอดคนตรงหน้า ผมกระชับกอดเธอให้แน่นกว่าเดิม ยัยเพี้ยนกอดตอบผม เธอซุกใบหน้าที่ร้อนเพราะพิษไข้มาที่แผงอกผม รู้สึกถึงความร้อนระอุเลยแหะ ผมมองหน้าเธอจนเคลิ้มหลับไปในที่สุด
ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาก่อนหันไปข้างๆ ตาที่ฟ่าฟางเริ่มมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ชัดแจ๋ว คนที่กำลังนอนกอดฉันอยู่คือเจ้าชาย หนักชะมัดเลย จะขยับตัวไม่ได้อยู่แล้ว
“อือ ตื่นแล้วหรอ” ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองต้นเสียง
อ้ากกกกกกกกก หน้าฉันห่างจากเขาไม่ถึง 2 เซ็นเลย จมูกโด่งๆ ของเขาถึงกับแตะแก้มฉันเบาๆ ทำให้ฉันร้อนวูบวาบไปทั้งตัว
“ฉันขอโทษนะ” เขาพูดเสียงค่อย และหน้าแดงเป็นลูกมะเขือ ก้ากกกก ตลก สงสัยอายที่ต้องขอโทษฉันแน่ๆ เลย แกล้งหน่อยดีกว่า
“ง่ายไปมั้ง ชิ” ฉันแกล้งเบะปากก่อนนี่เขาจะ
“ขอโทษน๊า เจ้าหญิง” หอมแก้มฉันก่อนพูดเสียงอ้อนอีกครั้ง เอ่อๆ ยอมแล้ว แค่นี้ก็จะละละลายอยู้แล้วเนี่ยแต่แอบหอมแก้มฉันแบบนี้ไม่ยอมนะ
“เอ้ย เจ้าชาย แอบหอมแก้มฉันได้ไง” ฉันตะหวาดใส่เงื้อมือจะตบแต่โดนเขาล็อคมือไว้อะ เสร็จกัน ไอ้เจ้าชายบ้า
“ไม่ได้แอบ หอมตรงๆ เลยตั้งหาก” แวกกก นี่ใช่เจ้าชายของฉันเราะ T^T
“แต่ก็หอมฉันโดยไม่ได้ขออนุญาติ” หนอยเจ้าชาย
“ไม่ต้องขอเธอก็อนุญาตใช่ไหม” เจ้าชายเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ แล้วกระซิบข้างหู บรึ่ยยย เสียวไปถึงกระดูกสันหลัง
“นี่นาย คิดว่าฉันเป็นคนยังไงห๊ะ” ฉันเริ่มโมโห
“อ่าว ไม่เรียกเจ้าชายละ” ฉันเริ่มเวียนหัวแล้วอะ
“ก็....เจ้าชายของฉันไม่ใช่แบบนี้” ฉันพูด
“นี่คือความจริงฉันเป็นคนแบบนี้หรือเธอรับไม่ได้” ฉันฉีกยิ้มก่อนพูดออกมา
“ปล่อยฉันได้แล้วนะ เจ้าชาย”
“ฉันรู้นะว่าเธอเป็นใครน่ะ แครมบรูเล่ เธอทำแบบนี้เพื่ออะไรน่ะ บอกเหตุผลหน่อยได้ไหม ฉันไม่คิดหรอกนะว่า ลูกคุณหนูไฮโซระดับหมื่นล้าน ไอคิว 180 up จะทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล”เขาร่ายยาวจนฉันอ้าปากพะงาบๆ อยู่คนเดียว
“ฉัน...” ฉันกระอึกกระอักที่จะตอบ
“...” เขาเงียบราวกับรอฟังคำตอบจากฉัน
“ถ้าเจ้าชายจะถูกจับหมั้นกับใครไม่รู้ที่ไม่รู้จักกันเลยแม้แต่หน้าตา เจ้าชายจะทำยังไงค่ะ” ฉันเอ่ยปากถาม
“ก็บอกไปเลยว่าไม่เอาไม่หมั้น” นั่นไงตอบแบบฉันเลย
“แต่จะลองดูตัวก่อนแล้วค่อยตัดสินก็ได้นะ” งะ ไม่เอาอะ
“ทั้งที่มีคนชอบอยู่แล้วนะหรอ” ฉันย้อนถามเขา
“....” เขาเงียบ
“วันนั้น ที่เจ้าชายเจอฉันครั้งแรกได้ไหมค่ะ”
“อื้ม แม่นเลยละ”
“วันนั้นฉันจงใจกลับบ้านเย็นที่สุด ไม่ให้คนไปเพื่อหลีกเลี่ยงการดูตัว”ฉันพูดพร้อมกับตีหน้าเศร้า
“ก็เลยโดนพวกนั้นเล่นงานเอา”เขาพูดอย่างแผ่วเบา
“อื้ม แล้วตื่นขึ้นมาก็พบกับเจ้าชายไง ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ฉันไม่กลับบ้านแล้วนี่ ก็เลยอยู่กับเจ้าชายซะเลย” ฉันพูดก่อยยิ้มๆ
“แล้วเธอไว้ใจฉันได้ไงห๊ะยัยเพี้ยน” เขาพูดก่อนยันตัวลุกขึ้น เอิ่ม เรานอนกอดกันพูดน่ะ ก็เขาไม่ปล่อยฉันนี่นา
“อื้ม” ฉันตอบสั้นๆ
“ทำไมละ ฉันก็เป็นผู้ชายนะ” เขาพูด
“ก็ถ้าเจ้าชายจะทำร้ายฉัน เจ้าชายคงไม่ปล่อยฉันมาถึงตอนนี้หรอกใช่ไหม” ฉันตอบเขาแล้วยิ้มออกมา
“แล้วถ้าฉันจะทำตอนนี้ละ เธอว่าไง”เฮ้ยๆๆ ไหงเป็นงั้นอ่า
“...” ฉันเงียบอย่างอึ้งๆ
“ฮ่าๆ ฉันล้อเล่นน่า” เฮ้อ โล่งอกไป คิดว่าจะเสียเวอร์จิ้นซะแล้ว
“แล้วเธอจะทำไงต่อละ” เขาถามฉัน
“ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าสักวันหนึ่งฉันต้องกลับไปหาพ่อ ไปหมั้นกับคนที่ฉันไม่ได้รัก” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“แล้วคนที่เธอชอบละใคร” เฮ้ย ถามตรงไปแล้วเฟ้ยนาย
“...” ฉันเงียบ ความจริงอยากพูดแทบตาย นายนั่นแหละ แต่พูดไม่ออกกลัวเขาไม่รัก
“ไอ้อ๊อกฟอร์ดหรอ” ฉันส่ายหัวเบาๆ
“เพื่อนสนิทร่วมห้อง”
“ใช่ซะที่ไหนเล่า เจ้าชาย” ฉันเริ่มอึดอัดแล้วสิ เวียนหัวจะตายอยู่แล้ว
“...” ฉันก็ไม่ตอบอีกแหละ
“หรือว่า...”เขาชี้หน้าตัวเอง
“ O_O ” ฉันเบิกตาโตแต่ไม่ได้พูดว่าใช่หรือไม่ใช่
“หิวยัง เดี๋ยวฉันไปเอาข้าวต้มมาให้ละ รออยู่นี่นะ อย่าลุกไปไหน” เขาพูดก่อนเขากำหมัดแล้วทุบหัวฉันเบาๆ และเดินออกไปจากห้อง ฉันเกาหัวแกรกๆ ก่อน
“โอ๊ยยยย!! นี่อะไรเนี่ย หัวฉันทำไมเจ็บจังฟ่ะ” ฉันนั่งนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้หัวฉันมีรอยแผลแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
“แผลนั่นได้มาตอนที่เธอดันสลบหัวฟาดกับหินนะสิ”เย้ย เข้ามาเมื่อไหร่เนี่ย ตกใจหมดเลย
“ตอนไหน” ฉัน ถามด้วยความสงสัย
“ก็เมื่อคืนไง เธอตากฝนนานเกินเลยป่วยน่ะ” เขาพูดก่อนเม้นริมฝีปากบาง
“อ๋อ เพราะเรื่องนั้นเจ้าชายถึงขอโทษฉันใช่ป่ะ” เขาหันมาก่อนทำหน้าดุใส่ฉัน ฮึ๋ย น่ากลัวชะมัดเลย
“กินข้าว” เขาพูดแล้วนั่งลงตรงหน้าฉันก่อนจะยื่นช้อนที่มีข้าวต้มมาใกล้ๆ กับปากฉัน
“ฉันกินเองได้นะ ไม่ใช่เด็ก ที่สำคัญแขนขาก็ครบ”
“...” เขาทำหน้าตายไม่ขยับช้อนเลยแม้แต่น้อย เออ เข้าใจแล้ว ไอ้เจ้าชายบ้า จะเอาใจหญิงสักหน่อยนี่นายจะดิ้นตายไหมห๊ะ
“กะ ก็ได้ค่ะ” ฉันพูดแล้วงับข้าวต้มเข้าปากไป แล้วอี่ตานี่ก็ป้อนฉันจนหมดด้วยสิ บอกเลยนะนี่เป็นอาหารมื้อพิเศษที่สุดเลย คริคริ
“ยา” เขายื่นแก้วเล็กๆ ที่มียาเม็ดอยู่ในนั่นให้ฉัน
“ไม่เอาอะ ขม” ฉันเบะปากอย่างไม่พอใจ ก็ไม่ชอบอะ
“กินๆ ไปเหอะน่ายัยบ้า” เจ้าชายขยั้นขยอ
“ไม่เอาฉันไม่กิน” พูดแล้วฉันก็เอามือปิดปากทันที
“ไม่กินหรอได้” หมอนั่นยิ้มเจ้าเหล่ ก่อนจะกระดกยาเข้าปากตัวเอง ฉันถึงกับอึ้ง นี่นายอยากกินยาก็ไม่บอก แต่มันไม่จบแค่นั้น อี่ตาเจ้าชาย พุ่งเข้ามาประกบริมฝีปากฉันเฉยเลย เขาใช้ลิ้นของตัวเองดันยาที่อยู่ในปากเขามาที่ปากฉัน อ้วก ได้ไหม ขมปี๋เลย เขาคลายริมฝีปากออก แล้วยื่นแก้วน้ำมาให้ฉันกระดกน้ำเข้าไปก่อนด่าเจ้าชายเละ
“อี่ตาเจ้าชาย บ้า”ฉันอยากจะเอาน้ำนี่สาดหน้าจริงๆ ทำมาได้
“ก็เธอไม่กินฉันเลยสงเคราะห์ให้ไง หึ” เขาพูดพร้อมกับหัวเราะ เอ้อ แกล้งได้แกล้งไป ขำนักนะอี่ตาบ้า
“นอนได้แล้ว” หมอนั่นยิ้มบางๆ เชอะ ตบหัวแล้วลูบหาง เอ้ย ลูบหัวชัดๆ เจ้าเหล่จริงๆ
“อื้ม” ฉันพูดอย่างหงุดหงิดก่อนมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม และ และ หลับไป
ไรท์อยากได้คนป้อนยาแบบนี้มั้งอะ ว่าไงคิดเหมือนไรท์เปล่าค่ะทุกคน เจ้าชายมาป้อนยาไรท์นะ -3-
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ