เกมส์ปริศนานัยย์ตาปีศาจ
10.0
เขียนโดย Selty
วันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 11.41 น.
4 บท
4 วิจารณ์
8,381 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 เมษายน พ.ศ. 2557 15.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) บทที่ 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความณ ราชวังเชสไวท์
เช้าวันใหม่อากาศสดใสไร้เมฆบดบังแสงของพระอาทิตย์ในยามเช้า เหล่าคนใช้และทหารในวังเดินขวักไขว่หางานทำ อาการง่วงหาวหงาวนอนของพวกเขายังไม่จางหาย ทหารที่เฝ้าเวรตอนกลางวันก็ไปผลัดเปลี่ยนการเฝ้ายามหรือราดตระเวรกับทหารตอนกลางวัน
“อรุณสวัสดิ์เพคะ ควีนอลิซาเบธ วันนี้ควีนคามิเรีย จากเมืองเชสแบล็คกำลังเสด็จมาหาพระองค์เพคะ”หญิงสาวผมสีฟ้า นัยย์ตาสีแดงเดินมาทักทายควีนที่กำลังเดินลงบันไดมา
“อรุณสวัสดิ์ จัสมิน”ควีนยิ้มให้เธอน้อยๆก่อนที่จะลงบันไดมาหมดขั้น
“เพคะ เช้านี้จะรับชาหรืออะไรดีเพคะ หม่อมฉันจะได้ไปบอกสาวใช้ให้”จัสมินยิ้มให้ควีน
“ขอชาฝรั่งก็แล้วกัน ข้าจะไปนั่งรอที่สวนดอกไม้นะ”พูดจบควีนก็เดินตรงไปที่สวนดอกไม้ที่อยู่ห่างจากวังไม่มาก
--------------------------------------------------------------------
ณ บนรถม้าของควีนคามิเรีย
รถม้าสีดำกำลังแล่นไปยังเมืองเชสไวท์ที่เป็นเมืองพันธมิตรมายาวนานกว่า 50 ปี ขบวนรถม้านั้นไม่ได้ใหญ่มาก เพียงแต่เหมือนการเดินทางที่ธรรมดาเหมือนขุนนาง ควีนคามิเรีย กับคนใช้ประมาณ 2 คน และองครักษณ์ นั่งอยู่ในรถม้า พร้อมพูดคุยอะไรบางอย่าง
“อีกซักพักก็ใกล้ถึงเมืองเชสไวท์แล้วนะเพคะ”สาวใช้ผมสีทองหันไปมองเมืองสีขาวที่ตั้งอยู่ไม่ไกลมากนัก
“งั้นหรอ พวกเจ้าคิดว่าควีนอลิซาเบธนิสัยเป็นอย่างไงหรอ?”ควีนคามิเรียเอ่ยถามสาวใช้ทุกคน
“เป็นคนดูเงียบๆนะเพคะ”สาวใช้ผมสีทองคนเมื่อกี้ตอบ
“ใช่ๆ ไม่ค่อยยิ้มด้วย”สาวใช้ผมสีเทาเสริม
“เมื่อก่อน ควีนอลิซาเบธเป็นคนที่ร่าเริงมากเลยล่ะ”ควีนคามิเรียเอ่ยเศร้าๆ
“แล้วทำไมพระนางถึงได้เป็นแบบนั้นล่ะเพคะ”สาวใช้ผมสีทองเอ่ยถาม
“ก็เพราะว่า.........”
โครม!!
ทันทีที่ควีนคามิเรียจะพูดต่อก็เกิดเสียงรถม้าไปชนอะไรกับบางอย่างเข้า
“เดี๋ยวกระหม่อมจะลงไปดูเองพะย่ะค่ะ รออยู่บนนี้ก่อน”ชายองครักษ์ผมสีดำเปิดประตูรถม้าออก แล้ววิ่งลงไปดูสถานการณ์ข้างหน้า
“อืม ฝากด้วยนะ โทนี่”ควีนคามิเรียกล่าวประโยคสุดท้ายแต่ชายองครักษ์ไม่ได้อยู่ฟังซะแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?”โทนี่เดินถามคนขี่ม้า
“แค่กระรอกวิ่งตัดหน้า น่ะขอรับ” ชายผู้ขับรถม้าตอบ
“อืม งั้นหรอ ระวังๆด้วยล่ะมีอะไรเกิดขึ้นตะโกนบอกไม่ก็หยุดรถม้าได้ทันทีเลยนะ”โทนี่บอกแล้วเดินกลับไปที่รถม้า
“ขอรับ”ชายขับรถม้ารับคำ
“เกิดอะไรขึ้นหรอ?”ควีนคามิเรียเอ่ยถามโทนี่ที่พึ่งเดินกลับนั่งบนรถ
“แค่กระรอกตัดหน้ารถน่ะขอรับ”โทนี่ยิ้ม
“อืม โล่งอกไปที”ควีนคามิเรียถอนหายใจ
ไม่นานนักรถม้าคันสีดำก็แล่นเข้าประตูราชวังของเชสไวท์อย่างช้าๆ ทหารและคนใช้ต่างทำความเคารพต้อนรับควีนพันธมิตรเป็นอย่างดี เมื่อรถม้าหยุดเคลื่อนตัว โทนี่ก็เดินลงจากรถมามาเปิดประตูให้ควีนคามิเรียลงจากรถ
“ยินดีต้อนรับสู่พระราชวังเชสไวท์เพคะ” เหล่าบรรดาสาวใช้ในวังเรียงแถวหน้ากระดานต้อนรับ
“สวัสดี ^^”ควีนคามิเรียเอ่ยทักทายเหล่าสาวใช้อย่างเป็นมิตร
“มาแล้วหรอ มาเรีย”ควีนอลิซาเบธเดินออกมาต้อนรับ
“จ้า อรุณสวัสด์นะ อลิซาเบธ”ควีนคามิเรียยิ้มทักทายอลิซาเบธ
“อืม ไปที่สวนดอกไม้กันเถอะ มาเรีย”ควีนอลิซาเบธเอ่ยชวน แล้วเดินไปยังสวนดอกไม้
“อืม”ควีนคามิเรียรับคำแล้วเดินตามหลังควีนอลิซาเบธไป
ณ สวนดอกไม้
ผีเสื้อในยามเช้าบินไปมาตามดอกไม้หลากสี กลิ่นหอมของดอกไม้ลอยไปทั่วบริเวณ ทำให้อากาศร่มรื่นและสดชื่นในยามเช้า ควีนอลิซาเบธและควีนคามิเรียกำลังนั่งดื่มชากันอยู่ท่ามกลางสนามหญ้าสีเขียวขจีดูแล้วสดชื่นตา
“อลิซาเบธ ช่วงนี้เจ้าดูไม่สดชื่นนเลยนะเป็นอะไรหรือเปล่า”ควีนคามิเรียเอ่ยถาม
“ข้าแค่........อ่านหนังสือเยอะแล้วก็ทำงานไปหน่อยน่ะ”ควีนอลิซาเบธตอบเบาๆ
“อย่างน้อย เจ้าก็ควรพักซะบ้างนะ มีอะไรที่ข้าพอจะช่วยได้บ้างมั๊ยล่ะ?”ควีนคามิเรียยกชาขึ้นมาดื่ม
“ข้าคง....ไม่รบกวนเจ้าหรอก”ควีนอลิซาเบธยิ้มบางๆ
“ควีนอลิซาเบธ เอลริค มาขอเข้าเฝ้าเพคะ”จัสมินเดินมาทำความเคารพแล้วพูด
“งั้นหรอ งั้นเข้ามาได้เลย”ควีนอลิซาเบธตอบ
“อรุณสวัสดิ์เพคะ ควีนอลิซาเบธ”เด็กสาวผมสีแดงอมชมพู นัยย์ตาสีเดียวกับสีผมของเธอ เดินมาหยุดยืนตรงหน้าควีนอลิซาเบธแล้วทำความเคารพแล้วยืนตรงเช่นเดิม
“มีอะไรหรอ เอลริค?”ควีนอลิซาเบธเอ่ยถาม
“เมื่อเวลารุ่งเช้า มีชาวบ้านพบศพชายแก่และหญิงสาวอายุ 23 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ตามถนนเพคะ”เอลริครายงาน
“แล้วใครเป็นฆาตกรล่ะ?”ควีนอลิซาเบธถามต่อ
“การตายผิดปกติมาก แทบจะไม่มีเลือดเลยด้วยซ้ำ จะขาดอากาศหายใจก็ไม่ใช่ สีหน้าของพวกเขาไม่มีความเจ็บปวดเลยโดยเฉพาะศพของผู้หญิง.....”เอลริคทำหน้าเคร่งเครียด
“เป็นการตายที่แปลกมาเลยนะ อลิซาเบธ ข้าว่าไม่ใช่ผีมือคนธรรมดาแน่”ควีนคามิเรียเอ่ยขึ้น
“มีคนนึงที่จะรู้เรื่องนี้ดีนะ”ควีนอลิซาเบธหันไปมองเอลริคที่ทำหน้าเหมือนกับรู้อยู่แก่ใจว่าเขาเป็นใคร
“หมายถึงบาทหลวงโรคจิตฟรานซิสน่ะหรอเพคะ”เอลริคเหงื่อตก
“ใช่”ควีนอลิซาเบธตอบ
“งั้นเรื่องนี้ขอให้ข้าช่วยด้วยคนเถอะ”ควีนคามิเรียหันไปพูดกับควีนอลิซาเบธ
“เจ้าเป็นถึงควีนนะ มาเรีย เจ้าจะไปทำภาระกิจไม่ได้นะ”ควีนอลิซาเบธรีบห้าม
“ใครว่าข้าจะลงไปทำล่ะ แต่ข้าจะส่งม้าของข้ามาต่างหากล่ะ”ควีนคามิเรียยิ้ม
“รีเวียร์ สินะเพคะ”เอลริคถามควีนคามิเรีย
“ใช่ รีเวียร์เพื่อนเก่าเจ้าไงล่ะ เพราะเวลาพวกเจ้าทำภารกิจร่วมกันแล้ว มีภารกิจไหนไม่สำเร็จบ้างล่ะ?”ควีนคามิเรียตอบ
“งั้นก็ตามนั้นล่ะ เอลริคระหว่างรอคำสั่งเจ้าจงไปหาเบาะแสของเรื่องนี้มาซะ”ควีนอลิซาเบธให้คำสั่งพร้อมลุกขึ้นยืน
“เพคะ”เอลริครับคำแล้วเดินไปทำภารกิจ
------------------------------------------------------
ณ ราชวังเชสแบล็ค
ภายในห้องโถงราชวังที่อันเงียบสงบ ไร้ซึ่งผู้คนเดินผ่านมา ตรงนั้นช่างดูแล้วเงียบเหงาเป็นอย่างมาก มีเพียงเก้าอี้สีทองลวดลายสวยงามบ่งบอกถึงสถานะและยศบรรดาศักดิ์เป็นอย่างดี ชายหนุ่มอายุ 20 ปี ผมสีดำ นัยย์ตาสีดำอมม่วง นั่งเท้าคางกับเก้าอี้สีทองนั่น เขาส่วมมงกุฏสีทอง นั่นบ่งบอกถึงบรรดาศักดิ์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองแห่งนี้นั่นคือ ‘พระราชา’ หรือ ‘คิงแบล็ค’ นั่นเอง
“ฝ่าบาทมีอะไรให้หม่อมฉันรับใช้หรอเพคะ”เด็กสาวผมสีม่วง นัยย์ตาสีน้ำเงิน เดินมายืนตรงตรงหน้าคิงแบล็ค
“รีเวียร์ ควีนคามิเรียส่งข่าวมาบอกให้เจ้าไปสืบคดีการตายปริศนาของเมืองเชสไวท์กับเอลริคน่ะ”คิงแบล็คตอบ
“แล้วจะให้ข้าออกเดินทางวันไหนหรือเพคะ?” รีเวียร์ถาม
“ตอนนี้เลย”คิงแบล็คตอบ
“เพคะ”รีเวียร์รับคำ เธอดูกระตือรื้อล้นมากเพราะจะได้ทำภารกิจกับเอลริคเพื่อนรักของเธอ
--------------------------------------------------
เวลา 12.50 นาที ที่หน้าประตูเมืองเชสไวท์
เหล่าเรือส่งสินค้ามาทำการวาณิชญ์ที่ท่าน้ำเมืองเชสไวท์เหล่าประชาชนจึงมุ่งหน้าไปที่ท่าเรือเพื่อหาสินค้าดีๆของต่างชาติ ทำให้บริเวณหน้าเมืองมีแต่ทหารเฝ้าเวรยามอยู่เท่านั้น ไม่กี่อึดใจต่อมาก็มีหญิงสาวผมสีม่วงขี่ม้าสีดำตรงมาที่ประตูเมือง สักพักนางก็มาหยุดตรงทหารที่เฝ้าประตูทางเข้าเมืองอยู่
“ข้า รีเวยร์ ทหารม้าของเชสแบล็ค”รีเวียร์ยื่นใบคำสั่งให้ทหารดู
“เข้าไปได้”ทหารเวรยามหหลีกทางให้เธอควบม้าเข้าประตูไปอย่างช้าๆ
“สวัสดี เอลริค”รีเวียร์ควบม้าไปได้สักพักก็พบเอลริคยืนพูดคุยกับชาวบ้านอยู่
“ไง รีเวียร์ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”เอลริคทักทาย
“อืม เจ้ารู้หรือยังว่าพวกรามีภารกิจ”
“ข้ารู้แล้ว รีบไปรายงายตัวเถอะจะได้เริ่มภารกิจไวๆ”พูดจบเอลริคก็ก้าวเท้าเดินไป
“เดี๋ยวเอลริค เจ้าอยากเริ่มภารกิจไวๆหรอ?”รีเวียร์ถาม
“ใช่”
“ข้าว่าเจ้าขึ้นหลังม้าข้าดีกว่านะ จะได้ไวขึ้น”
“นั่นสิ”เอลริคเดินกลับไปซ้อนท้ายบนหลังม้าของริเวียร์
“เกาะแน่นๆล่ะ”พูดจบรีเวียร์ก็กระตุกสายบังเหียนที่คล้องม้าอยู่อย่างแรงเพื่อให้มันวิ่งอย่างรวดเร็ว
“เห้ย!!!เดี๋ยวสิ!!อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!”เอลริคเป็นโรคที่ไม่ถูกกับความเร็วสูง จึงกลัวความเร็วเป็นอย่างมากนี่แหละจุดอ่อนของเธอ
--------------------------------------------
ณ ห้องโถงพระราชวังเชสไวท์
“รีเวียร์มาแล้วเพคะ”จัสมินเดินเข้ามารายงานควีนอลิซาเบธที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สีเงินที่ตั้งอยู่สูงสุด พร้อมกับรีเวียร์ที่เดินตามหลังมา
“เอลริคล่ะ”ควีนอลิซาเบธเอ่ยถาม
“นอนพักอยู่ที่ห้องพยาบาลเพคะ”จัสมินตอบ
“รีเวียร์เจ้าขี่ม้าไวอีกแล้วใช่มั๊ย?”ควีนคามิเรียที่นั่งอยู่ข้างๆควีนอลิซาเบธหันไปถามรีเวียร์
“แหะๆๆๆ เพคะ”รีเวียร์ยิ้มแห้งๆ
“นี่คือคำสั่ง ข้าให้เจ้าและเอลริคไปสืบคดีฆาตกรที่สังหารชาวบ้านที่ตายอย่างปริศนา”ควีนอลิซาเบธออกคำสั่ง
“เพคะ”รีเวียร์รับคำสั่ง
-----------------------------------------------
เวลา 13.35 นาที ณ โบสถ์เชสไวท์
ปึง!!!
เสียงประตูโบสถ์เปิดออกอย่างแรงด้วยแรงจากเท้าของเอลริค จัสมินที่ยืนเหงื่อตกอยุ่ห่างจากเอลริคไม่มาก เดินเข้าไปข้างในโบสถ์ที่ถูกประดับด้วยกระจกหลากสีหลากลายบางๆที่หน้าต่าง เมื่อแสงสีขาวของพระอาทิตย์ส่องมาที่กระสกหลากสีทำให้ประกฎสีสันที่ตกกระทบที่พื้นและม้านั่งไม้ที่วางเรียงอย่างมีระเบียบไว้สองฝั่ง เพื่อให้เหล่าสาวกมาสวดมนต์ให้เทพเจ้าที่พวกเขานับถือกัน แต่ตอนนี้ภายในโบสถ์ไม่มีสิ่งมีชีวิตอะไรอยู่เลย มีแต่ความว่างเปล่า
“เฮ้!!เจ้าบาทหลวงโรคจิตฟรานซิสอยู่ไหน!!?!!”เอลริคตะโกนไปลั่นโบสถ์
“นี่เบาๆหน่อยสิเอลริค เดี๋ยวพระตกใจ =w=”รีเวียร์กระซิบ
“มีอะไรกันเหรอจะ สาวๆ”เสียงทุ้มๆแห้งๆดังขึ้นจากข้างหลังของเอลริคและรีเวียร์
“โอ้!!พระสงฆ์!!”เอลริคและรีเวียร์ตกใจวิ่งไปที่ข้างในสุดของโบสถ์
“เอลริค เขาเป็นใครหรอ?”รีเวียร์เอ่ยถามเอลริคที่ถอนหายใจอยู่ ทั้งที่ตัวเองหลบอยู่หลังไม้กางเขนขนาดใหญ่อยู่
“บอกแล้วไง เจ้าบาทหลวงโรคจิตว่าอย่าโผล่มาแบบนี้น่ะ!!”เอลริคตะโกนพร้อมชี้หน้าชายใส่แว่น ผมสีดำสนิท สวมชุดเสื้อคลุมสีขาวยืนหัวเราเบาๆอยู่
‘ห๋า นั่นอ่ะนะบาทหลวง’รีเวียร์พุดในใจ
“ปกติเจ้าจะรู้ทันข้าตลอดเลยนี่ แต่วันนี้เป้นอะไรไปล่ะหืม?”ฟรานซิสถามพลางขำไปด้วย
“มาเข้าเรื่องกันดีกว่า เมื่อเช้าเจ้าได้รับข่าวจากควีนอลิซาเบธหรือยัง”เอลริคถาม
“โอ้ ....... ข่าวความตายที่ไร้ความเจ็บปวดน่ะหรอ ช่างเป็นความตายที่แสนวิเศษจากพระผู้เป็นเจ้าเหลือเกิน........”ฟรานซิสเอ่ยยิ้มๆ
“ควีนให้มาปรึกษาท่านน่ะ”รีเวียร์เดินมาอยู่ข้างๆเอลริค
“งั้นหรอ ควีนก็บอกให้ข้ามาช่วยพวกเจ้าอีกแรงน่ะ หึหึหึ งั้นเชิญที่ห้องหนังสือกันเถอะ ไปนั่งคุยกันในนั้นเถอะ....”พูดจบฟรานซิสก็เดินนำเอลริคและรีเวียร์ไป
“จะเชื่อได้หรอ”รีเวียร์หันไปกระซิบถามเอลริค
“ถึงจะออกโรคจิต แต่เขาก็รู้ในเรื่องที่เราไม่รุ้เยอะแยะเลยนะ”เอลริคตอบพร้อมเดินตามฟรานซิสไป
“...........”จากนั้นรีเวียร์ก็เดินตามพวกเขาไป
เช้าวันใหม่อากาศสดใสไร้เมฆบดบังแสงของพระอาทิตย์ในยามเช้า เหล่าคนใช้และทหารในวังเดินขวักไขว่หางานทำ อาการง่วงหาวหงาวนอนของพวกเขายังไม่จางหาย ทหารที่เฝ้าเวรตอนกลางวันก็ไปผลัดเปลี่ยนการเฝ้ายามหรือราดตระเวรกับทหารตอนกลางวัน
“อรุณสวัสดิ์เพคะ ควีนอลิซาเบธ วันนี้ควีนคามิเรีย จากเมืองเชสแบล็คกำลังเสด็จมาหาพระองค์เพคะ”หญิงสาวผมสีฟ้า นัยย์ตาสีแดงเดินมาทักทายควีนที่กำลังเดินลงบันไดมา
“อรุณสวัสดิ์ จัสมิน”ควีนยิ้มให้เธอน้อยๆก่อนที่จะลงบันไดมาหมดขั้น
“เพคะ เช้านี้จะรับชาหรืออะไรดีเพคะ หม่อมฉันจะได้ไปบอกสาวใช้ให้”จัสมินยิ้มให้ควีน
“ขอชาฝรั่งก็แล้วกัน ข้าจะไปนั่งรอที่สวนดอกไม้นะ”พูดจบควีนก็เดินตรงไปที่สวนดอกไม้ที่อยู่ห่างจากวังไม่มาก
--------------------------------------------------------------------
ณ บนรถม้าของควีนคามิเรีย
รถม้าสีดำกำลังแล่นไปยังเมืองเชสไวท์ที่เป็นเมืองพันธมิตรมายาวนานกว่า 50 ปี ขบวนรถม้านั้นไม่ได้ใหญ่มาก เพียงแต่เหมือนการเดินทางที่ธรรมดาเหมือนขุนนาง ควีนคามิเรีย กับคนใช้ประมาณ 2 คน และองครักษณ์ นั่งอยู่ในรถม้า พร้อมพูดคุยอะไรบางอย่าง
“อีกซักพักก็ใกล้ถึงเมืองเชสไวท์แล้วนะเพคะ”สาวใช้ผมสีทองหันไปมองเมืองสีขาวที่ตั้งอยู่ไม่ไกลมากนัก
“งั้นหรอ พวกเจ้าคิดว่าควีนอลิซาเบธนิสัยเป็นอย่างไงหรอ?”ควีนคามิเรียเอ่ยถามสาวใช้ทุกคน
“เป็นคนดูเงียบๆนะเพคะ”สาวใช้ผมสีทองคนเมื่อกี้ตอบ
“ใช่ๆ ไม่ค่อยยิ้มด้วย”สาวใช้ผมสีเทาเสริม
“เมื่อก่อน ควีนอลิซาเบธเป็นคนที่ร่าเริงมากเลยล่ะ”ควีนคามิเรียเอ่ยเศร้าๆ
“แล้วทำไมพระนางถึงได้เป็นแบบนั้นล่ะเพคะ”สาวใช้ผมสีทองเอ่ยถาม
“ก็เพราะว่า.........”
โครม!!
ทันทีที่ควีนคามิเรียจะพูดต่อก็เกิดเสียงรถม้าไปชนอะไรกับบางอย่างเข้า
“เดี๋ยวกระหม่อมจะลงไปดูเองพะย่ะค่ะ รออยู่บนนี้ก่อน”ชายองครักษ์ผมสีดำเปิดประตูรถม้าออก แล้ววิ่งลงไปดูสถานการณ์ข้างหน้า
“อืม ฝากด้วยนะ โทนี่”ควีนคามิเรียกล่าวประโยคสุดท้ายแต่ชายองครักษ์ไม่ได้อยู่ฟังซะแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?”โทนี่เดินถามคนขี่ม้า
“แค่กระรอกวิ่งตัดหน้า น่ะขอรับ” ชายผู้ขับรถม้าตอบ
“อืม งั้นหรอ ระวังๆด้วยล่ะมีอะไรเกิดขึ้นตะโกนบอกไม่ก็หยุดรถม้าได้ทันทีเลยนะ”โทนี่บอกแล้วเดินกลับไปที่รถม้า
“ขอรับ”ชายขับรถม้ารับคำ
“เกิดอะไรขึ้นหรอ?”ควีนคามิเรียเอ่ยถามโทนี่ที่พึ่งเดินกลับนั่งบนรถ
“แค่กระรอกตัดหน้ารถน่ะขอรับ”โทนี่ยิ้ม
“อืม โล่งอกไปที”ควีนคามิเรียถอนหายใจ
ไม่นานนักรถม้าคันสีดำก็แล่นเข้าประตูราชวังของเชสไวท์อย่างช้าๆ ทหารและคนใช้ต่างทำความเคารพต้อนรับควีนพันธมิตรเป็นอย่างดี เมื่อรถม้าหยุดเคลื่อนตัว โทนี่ก็เดินลงจากรถมามาเปิดประตูให้ควีนคามิเรียลงจากรถ
“ยินดีต้อนรับสู่พระราชวังเชสไวท์เพคะ” เหล่าบรรดาสาวใช้ในวังเรียงแถวหน้ากระดานต้อนรับ
“สวัสดี ^^”ควีนคามิเรียเอ่ยทักทายเหล่าสาวใช้อย่างเป็นมิตร
“มาแล้วหรอ มาเรีย”ควีนอลิซาเบธเดินออกมาต้อนรับ
“จ้า อรุณสวัสด์นะ อลิซาเบธ”ควีนคามิเรียยิ้มทักทายอลิซาเบธ
“อืม ไปที่สวนดอกไม้กันเถอะ มาเรีย”ควีนอลิซาเบธเอ่ยชวน แล้วเดินไปยังสวนดอกไม้
“อืม”ควีนคามิเรียรับคำแล้วเดินตามหลังควีนอลิซาเบธไป
ณ สวนดอกไม้
ผีเสื้อในยามเช้าบินไปมาตามดอกไม้หลากสี กลิ่นหอมของดอกไม้ลอยไปทั่วบริเวณ ทำให้อากาศร่มรื่นและสดชื่นในยามเช้า ควีนอลิซาเบธและควีนคามิเรียกำลังนั่งดื่มชากันอยู่ท่ามกลางสนามหญ้าสีเขียวขจีดูแล้วสดชื่นตา
“อลิซาเบธ ช่วงนี้เจ้าดูไม่สดชื่นนเลยนะเป็นอะไรหรือเปล่า”ควีนคามิเรียเอ่ยถาม
“ข้าแค่........อ่านหนังสือเยอะแล้วก็ทำงานไปหน่อยน่ะ”ควีนอลิซาเบธตอบเบาๆ
“อย่างน้อย เจ้าก็ควรพักซะบ้างนะ มีอะไรที่ข้าพอจะช่วยได้บ้างมั๊ยล่ะ?”ควีนคามิเรียยกชาขึ้นมาดื่ม
“ข้าคง....ไม่รบกวนเจ้าหรอก”ควีนอลิซาเบธยิ้มบางๆ
“ควีนอลิซาเบธ เอลริค มาขอเข้าเฝ้าเพคะ”จัสมินเดินมาทำความเคารพแล้วพูด
“งั้นหรอ งั้นเข้ามาได้เลย”ควีนอลิซาเบธตอบ
“อรุณสวัสดิ์เพคะ ควีนอลิซาเบธ”เด็กสาวผมสีแดงอมชมพู นัยย์ตาสีเดียวกับสีผมของเธอ เดินมาหยุดยืนตรงหน้าควีนอลิซาเบธแล้วทำความเคารพแล้วยืนตรงเช่นเดิม
“มีอะไรหรอ เอลริค?”ควีนอลิซาเบธเอ่ยถาม
“เมื่อเวลารุ่งเช้า มีชาวบ้านพบศพชายแก่และหญิงสาวอายุ 23 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ตามถนนเพคะ”เอลริครายงาน
“แล้วใครเป็นฆาตกรล่ะ?”ควีนอลิซาเบธถามต่อ
“การตายผิดปกติมาก แทบจะไม่มีเลือดเลยด้วยซ้ำ จะขาดอากาศหายใจก็ไม่ใช่ สีหน้าของพวกเขาไม่มีความเจ็บปวดเลยโดยเฉพาะศพของผู้หญิง.....”เอลริคทำหน้าเคร่งเครียด
“เป็นการตายที่แปลกมาเลยนะ อลิซาเบธ ข้าว่าไม่ใช่ผีมือคนธรรมดาแน่”ควีนคามิเรียเอ่ยขึ้น
“มีคนนึงที่จะรู้เรื่องนี้ดีนะ”ควีนอลิซาเบธหันไปมองเอลริคที่ทำหน้าเหมือนกับรู้อยู่แก่ใจว่าเขาเป็นใคร
“หมายถึงบาทหลวงโรคจิตฟรานซิสน่ะหรอเพคะ”เอลริคเหงื่อตก
“ใช่”ควีนอลิซาเบธตอบ
“งั้นเรื่องนี้ขอให้ข้าช่วยด้วยคนเถอะ”ควีนคามิเรียหันไปพูดกับควีนอลิซาเบธ
“เจ้าเป็นถึงควีนนะ มาเรีย เจ้าจะไปทำภาระกิจไม่ได้นะ”ควีนอลิซาเบธรีบห้าม
“ใครว่าข้าจะลงไปทำล่ะ แต่ข้าจะส่งม้าของข้ามาต่างหากล่ะ”ควีนคามิเรียยิ้ม
“รีเวียร์ สินะเพคะ”เอลริคถามควีนคามิเรีย
“ใช่ รีเวียร์เพื่อนเก่าเจ้าไงล่ะ เพราะเวลาพวกเจ้าทำภารกิจร่วมกันแล้ว มีภารกิจไหนไม่สำเร็จบ้างล่ะ?”ควีนคามิเรียตอบ
“งั้นก็ตามนั้นล่ะ เอลริคระหว่างรอคำสั่งเจ้าจงไปหาเบาะแสของเรื่องนี้มาซะ”ควีนอลิซาเบธให้คำสั่งพร้อมลุกขึ้นยืน
“เพคะ”เอลริครับคำแล้วเดินไปทำภารกิจ
------------------------------------------------------
ณ ราชวังเชสแบล็ค
ภายในห้องโถงราชวังที่อันเงียบสงบ ไร้ซึ่งผู้คนเดินผ่านมา ตรงนั้นช่างดูแล้วเงียบเหงาเป็นอย่างมาก มีเพียงเก้าอี้สีทองลวดลายสวยงามบ่งบอกถึงสถานะและยศบรรดาศักดิ์เป็นอย่างดี ชายหนุ่มอายุ 20 ปี ผมสีดำ นัยย์ตาสีดำอมม่วง นั่งเท้าคางกับเก้าอี้สีทองนั่น เขาส่วมมงกุฏสีทอง นั่นบ่งบอกถึงบรรดาศักดิ์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองแห่งนี้นั่นคือ ‘พระราชา’ หรือ ‘คิงแบล็ค’ นั่นเอง
“ฝ่าบาทมีอะไรให้หม่อมฉันรับใช้หรอเพคะ”เด็กสาวผมสีม่วง นัยย์ตาสีน้ำเงิน เดินมายืนตรงตรงหน้าคิงแบล็ค
“รีเวียร์ ควีนคามิเรียส่งข่าวมาบอกให้เจ้าไปสืบคดีการตายปริศนาของเมืองเชสไวท์กับเอลริคน่ะ”คิงแบล็คตอบ
“แล้วจะให้ข้าออกเดินทางวันไหนหรือเพคะ?” รีเวียร์ถาม
“ตอนนี้เลย”คิงแบล็คตอบ
“เพคะ”รีเวียร์รับคำ เธอดูกระตือรื้อล้นมากเพราะจะได้ทำภารกิจกับเอลริคเพื่อนรักของเธอ
--------------------------------------------------
เวลา 12.50 นาที ที่หน้าประตูเมืองเชสไวท์
เหล่าเรือส่งสินค้ามาทำการวาณิชญ์ที่ท่าน้ำเมืองเชสไวท์เหล่าประชาชนจึงมุ่งหน้าไปที่ท่าเรือเพื่อหาสินค้าดีๆของต่างชาติ ทำให้บริเวณหน้าเมืองมีแต่ทหารเฝ้าเวรยามอยู่เท่านั้น ไม่กี่อึดใจต่อมาก็มีหญิงสาวผมสีม่วงขี่ม้าสีดำตรงมาที่ประตูเมือง สักพักนางก็มาหยุดตรงทหารที่เฝ้าประตูทางเข้าเมืองอยู่
“ข้า รีเวยร์ ทหารม้าของเชสแบล็ค”รีเวียร์ยื่นใบคำสั่งให้ทหารดู
“เข้าไปได้”ทหารเวรยามหหลีกทางให้เธอควบม้าเข้าประตูไปอย่างช้าๆ
“สวัสดี เอลริค”รีเวียร์ควบม้าไปได้สักพักก็พบเอลริคยืนพูดคุยกับชาวบ้านอยู่
“ไง รีเวียร์ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”เอลริคทักทาย
“อืม เจ้ารู้หรือยังว่าพวกรามีภารกิจ”
“ข้ารู้แล้ว รีบไปรายงายตัวเถอะจะได้เริ่มภารกิจไวๆ”พูดจบเอลริคก็ก้าวเท้าเดินไป
“เดี๋ยวเอลริค เจ้าอยากเริ่มภารกิจไวๆหรอ?”รีเวียร์ถาม
“ใช่”
“ข้าว่าเจ้าขึ้นหลังม้าข้าดีกว่านะ จะได้ไวขึ้น”
“นั่นสิ”เอลริคเดินกลับไปซ้อนท้ายบนหลังม้าของริเวียร์
“เกาะแน่นๆล่ะ”พูดจบรีเวียร์ก็กระตุกสายบังเหียนที่คล้องม้าอยู่อย่างแรงเพื่อให้มันวิ่งอย่างรวดเร็ว
“เห้ย!!!เดี๋ยวสิ!!อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!”เอลริคเป็นโรคที่ไม่ถูกกับความเร็วสูง จึงกลัวความเร็วเป็นอย่างมากนี่แหละจุดอ่อนของเธอ
--------------------------------------------
ณ ห้องโถงพระราชวังเชสไวท์
“รีเวียร์มาแล้วเพคะ”จัสมินเดินเข้ามารายงานควีนอลิซาเบธที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สีเงินที่ตั้งอยู่สูงสุด พร้อมกับรีเวียร์ที่เดินตามหลังมา
“เอลริคล่ะ”ควีนอลิซาเบธเอ่ยถาม
“นอนพักอยู่ที่ห้องพยาบาลเพคะ”จัสมินตอบ
“รีเวียร์เจ้าขี่ม้าไวอีกแล้วใช่มั๊ย?”ควีนคามิเรียที่นั่งอยู่ข้างๆควีนอลิซาเบธหันไปถามรีเวียร์
“แหะๆๆๆ เพคะ”รีเวียร์ยิ้มแห้งๆ
“นี่คือคำสั่ง ข้าให้เจ้าและเอลริคไปสืบคดีฆาตกรที่สังหารชาวบ้านที่ตายอย่างปริศนา”ควีนอลิซาเบธออกคำสั่ง
“เพคะ”รีเวียร์รับคำสั่ง
-----------------------------------------------
เวลา 13.35 นาที ณ โบสถ์เชสไวท์
ปึง!!!
เสียงประตูโบสถ์เปิดออกอย่างแรงด้วยแรงจากเท้าของเอลริค จัสมินที่ยืนเหงื่อตกอยุ่ห่างจากเอลริคไม่มาก เดินเข้าไปข้างในโบสถ์ที่ถูกประดับด้วยกระจกหลากสีหลากลายบางๆที่หน้าต่าง เมื่อแสงสีขาวของพระอาทิตย์ส่องมาที่กระสกหลากสีทำให้ประกฎสีสันที่ตกกระทบที่พื้นและม้านั่งไม้ที่วางเรียงอย่างมีระเบียบไว้สองฝั่ง เพื่อให้เหล่าสาวกมาสวดมนต์ให้เทพเจ้าที่พวกเขานับถือกัน แต่ตอนนี้ภายในโบสถ์ไม่มีสิ่งมีชีวิตอะไรอยู่เลย มีแต่ความว่างเปล่า
“เฮ้!!เจ้าบาทหลวงโรคจิตฟรานซิสอยู่ไหน!!?!!”เอลริคตะโกนไปลั่นโบสถ์
“นี่เบาๆหน่อยสิเอลริค เดี๋ยวพระตกใจ =w=”รีเวียร์กระซิบ
“มีอะไรกันเหรอจะ สาวๆ”เสียงทุ้มๆแห้งๆดังขึ้นจากข้างหลังของเอลริคและรีเวียร์
“โอ้!!พระสงฆ์!!”เอลริคและรีเวียร์ตกใจวิ่งไปที่ข้างในสุดของโบสถ์
“เอลริค เขาเป็นใครหรอ?”รีเวียร์เอ่ยถามเอลริคที่ถอนหายใจอยู่ ทั้งที่ตัวเองหลบอยู่หลังไม้กางเขนขนาดใหญ่อยู่
“บอกแล้วไง เจ้าบาทหลวงโรคจิตว่าอย่าโผล่มาแบบนี้น่ะ!!”เอลริคตะโกนพร้อมชี้หน้าชายใส่แว่น ผมสีดำสนิท สวมชุดเสื้อคลุมสีขาวยืนหัวเราเบาๆอยู่
‘ห๋า นั่นอ่ะนะบาทหลวง’รีเวียร์พุดในใจ
“ปกติเจ้าจะรู้ทันข้าตลอดเลยนี่ แต่วันนี้เป้นอะไรไปล่ะหืม?”ฟรานซิสถามพลางขำไปด้วย
“มาเข้าเรื่องกันดีกว่า เมื่อเช้าเจ้าได้รับข่าวจากควีนอลิซาเบธหรือยัง”เอลริคถาม
“โอ้ ....... ข่าวความตายที่ไร้ความเจ็บปวดน่ะหรอ ช่างเป็นความตายที่แสนวิเศษจากพระผู้เป็นเจ้าเหลือเกิน........”ฟรานซิสเอ่ยยิ้มๆ
“ควีนให้มาปรึกษาท่านน่ะ”รีเวียร์เดินมาอยู่ข้างๆเอลริค
“งั้นหรอ ควีนก็บอกให้ข้ามาช่วยพวกเจ้าอีกแรงน่ะ หึหึหึ งั้นเชิญที่ห้องหนังสือกันเถอะ ไปนั่งคุยกันในนั้นเถอะ....”พูดจบฟรานซิสก็เดินนำเอลริคและรีเวียร์ไป
“จะเชื่อได้หรอ”รีเวียร์หันไปกระซิบถามเอลริค
“ถึงจะออกโรคจิต แต่เขาก็รู้ในเรื่องที่เราไม่รุ้เยอะแยะเลยนะ”เอลริคตอบพร้อมเดินตามฟรานซิสไป
“...........”จากนั้นรีเวียร์ก็เดินตามพวกเขาไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ