เพื่อนผมเป็นแวมไพร์ My friend is a vampire
8.7
เขียนโดย MichiyoEX
วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.52 น.
7 chapter
8 วิจารณ์
10.75K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2562 08.20 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) คนในฝันกับความจริงที่เริ่มต้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เช้าวันรุ่งขึ้นมิลล์ตื่นขึ้นนอนขึ้นมาบนเตียงมองไปรอบๆห้องมิลล์ยังคงสะลึมสะลืออยู่มิลล์ได้ยินเสียงประตูก็ลุกขึ้นเสียงประตูที่ดังนั่นดังมาจากประตูข้างในมิลล์ตกใจมากเลยหันไปมองพอประตูเปิดออกมามิลล์ก็มองเห็นฟลุ๊คแก้ผ้าอยู่ไม่ได้ใส่อะไรออกมาเลยฟลุ๊คก็ไม่รู้เรื่องว่ามิลล์มองตัวเองอยู่พอฟลุ๊คเอาผ้าที่เช็ดหัวออกฟลุ๊คก็ตกใจที่เห็นมิลล์มองเขาตาค้าง
“มิวมองอะไรอยู่นะ”
มิวหน้าแดงแล้วหันหน้ากับมาก้อมหน้ามองผ้าห่ม
“ใครให้ออกมาห้องคนอื่นละ”
พอมิวพูดจบฟลุ๊คก็เอาผ้าเช็ดตัวผูกรอบเอาตัวเองหลังจากนั่นมิวก็เดินดข้าห้องน้ำไปโดยชนกับฟลุ๊ค พอมิลล์ปิดประตูห้องน้ำและล็อกประตูฟลุ๊คก็เดินออกจากห้องกลับไปที่ห้องของตัวเอง
พอมิลล์เข้ามาถึงห้องน้ำเขาก็มองเห็นประตูอีกฝั่งหนึ่งที่ออกไปห้องของฟลุ๊ค มิลล์รีบเดินไปล็อกแต่ฟลุ๊คเปิดประตูออกมาก่อนต่างคนต่างมองหน้ากันแล้วฟลุ๊คก็พูดออกมา
“ขอโทษที่ทำให้ตกใจน่ะ เราไม่ได้ตั้งใจและลืมไปว่ามีคนมาอยู่แล้วเพราะเมื่อก่อนไม่เคยมีคนอยู่ห้องนั่น”
มิลล์ก้อมหน้าและพูดออกมาว่า
“ไม่เป็นไรหรอกเราก็แค่คนอาศัยเท่านั่นแต่นายเป็นเจ้าของบ้านจะทำตัวตามสบายก็คงไม่แปลกหรอก”
พอมิลล์พูดจบมิลล์ก็ขอตัวฟลุ๊คอาบน้ำ ฟลุ๊คเลยยืนผ้าเช็ดตัวให้เพราะมิลล์มาอยู่นี้ก็ยังไม่มีของใช้ส่วนตัวใดๆเลยหลังจากนั่นมิลล์ก็ปิดประตูและล็อกห้องน้ำมิลล์มองไปรอบห้องน้ำทุกอย่างจัดเป็นระเบียบและมีเสื้อผ้าและของใช้อื่นๆวางอยู่มีกระดาษโน๊ตเขียนไหวว่าของใช้ของนายอย่าลืมใช้ของที่เตรยมไหวให้นะพอมิลล์อ่านจบเข้าก็ยิ้มทั้งน้ำตาและเขาก็เช็ดน้ำตาแล้วเริ่มอาบน้ำ
หลังจากที่มิลล์อาบน้ำเสร็จเขาก็เดินไปแก้ล็อคประตูห้องฟลุ๊คแล้วก็ออกมาแต่งตัว พอแต่งตัวได้ไม่นานฟลุ๊คก็เปิดประตูเข้ามามิลล์หันไปมองและใส่เสื้อจนเสร็จ
“มีอะไรหรอทำไมเข้ามาถึงไม่ค็อกประตูก่อน”
ฟลุ๊คมองหน้าของมิลล์และตอบคำถามของมิลล์
“ก็ไหนนายเป็นคนบอกเองว่าบ้านของผมจะทำไรก็ได้ไม่ผิดไม่ใช้หรอ?”
มิลล์หันหน้ากลับไปด้วยความโกรษแล้วตะโกนใส่ฟลุ๊ค
“บางที่ก็ต้องให้ความเป็นส่วนตัวกับคนอื่นมั้งสิ ไม่ใช้คิดว่าเป็นบ้านของตัวเองจะทำไรอะไรตามใจชอบก็ได้ ถ้าไม่คิดว่าผมเป็นคนมาอาศัยงั้นก็ให้ผมไปนอนห้องคนใช้สิไหนๆผมก็ไม่ต่างจากคนใช่อยู่แล้วนี้ทั้งเป็นหนี้เป็นสินกลับนายอยู่นี้จะได้ทำงานใช้หนี้ให้หมดๆไป”
ฟลุ๊ครู้สึกผิดจึงกล่าวคำขอโทษแล้วเขามีบางสิ่งบางอย่างที่เขาทำไม่ได้กับมิลล์
“ขอโทษที่เราทำตัวไม่ดีใส่แต่ผมดีใจมากจนลืมตัวแต่ผมมาที่นี้ก็เพราะจะชวนมิลล์ไปนั่งเล่นที่ห้องของเรา เราเห็นว่ามิลล์อยู่แต่ในห้องไม่เดินออกไปไหนคงเบื่อเลยจะพาไปนั่งเล่นที่ห้องของเราก็เท่านั่น”
พอมิลล์ได้ฟังคำพูดของฟลุ๊ค มิลล์ก็ยกโทษให้จากนั่นทั้งสองก็เดินทางไปห้องของฟลุ๊คระหว่างเดินทางฟลุ๊คก็เกิดคำถาม
“มิลล์ ทำไมวันที่นายวิ่งหนีอะไรมาถึงมีเลือดเต็มเสื้อเลยล่ะ”
มิลล์ก้อมหน้าแล้วไม่ตอบอะไรกับฟลุ๊คสักคำแต่พอจะถึงห้องของฟลุ๊คมิลล์ก็พูดออกมา
“ขอโทษนะเรายังไม่พร้อมที่จะเล่าให้ฟังถ้าถึงวันนั่นเราจะเล่าให้ฟังนะ”
ฟลุ๊คมองหน้ามิลล์ด้วยความเป็นห่วง หลังจากนั่นทั้งคู่ก็เดินมาถึงห้องของฟลุ๊ค
“ห้องรกหน่อยนะ”
ฟลุ๊คหลีกทางให้มิลล์เดินเข้าไปก่อน เพื่อที่ตัวเองจะได้ปิดประตูห้องให้เรียบร้อย มิลล์กวาดตามองไปรอบๆ ฟลุ๊คเข้าใจแต่งห้องทีเดียวแม้แต่เดิมดูเหมือนว่ามันจะเป็นห้องชุดที่ประกอบไปด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูราคาแพงมาก่อนก็ตาม ทว่าเมื่อเจ้าของห้องรู้จักประยุกต์ให้เข้ากับตนเองก็ให้ความรู้สึกถึงความเป็นชายหนุ่มอยู่เหมือนกัน
ห้องของฟลุ๊คกว้างมีของตกแต่งเป็นผลงานศิลปะวางตามที่ต่างๆ อย่างเหมาะเจาะและมีรสนิยมนอกจากนั่นก็มีโซฟาบุหนังสีดำมันปลายยาวใหญ่ 1 ตัว โต๊ะกระจกวางคู่กันอยู่หน้าโทรทัศน์ LCD ขนาด 110 นิ้ว มีรีโมทและนิตยสารอีก 4-5 ฉบับ
“จะดื่มอะไร?”
ฟลุ๊คที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำเอ่ยถาม มิลล์ตอบโดยที่ไม่ได้ละสายตาออกจากรูปถ่ายนั่นเลย
“น้ำผลไม้หรือเบียร์ก็ได้ครับ”
ฟลุ๊คเปิดตู้เย็นค้าง
“อะไรนะ!?”
“ทำไมล่ะ...รีว่าแม้แต่เบียร์ก็ไม่มี”
มิลล์หันมาถามยิ้มๆ ฟลุ๊คหัวเราะแล้วก้มลงหยิบเบียร์สองกระป๋องสุดท้ายโยนให้คนถาม แล้วหยิบเผื่อตัวเองด้วยหนึ่งกระป๋องและเปิดดื่มขณะเดินมาหาคนร่างบางกว่า
“ไม่คิดว่าหน้าตาอ่อนๆ อย่างนายจะร้องหาน้ำผลไม้กับใครเขาได้”
“ไม่อยากเชื่อเลยนะว่านี้เป็นคำพูดของ ฟลุ๊ค เฮ้อ...อย่างกับเพื่อนผมเลยแน่ะ”
มิลล์พูดกลั้วหัวเราะพลางเอื้อมมือขึ้นไปตบแก้มฟลุ๊คสองสามทีเบาๆ
“นายเองก็เก็บน้ำผลไม้ไหวเต็มตู้เย็นไปหมดเลยไม่ใช่หรือไง ทั้งที่หน้าก็อ่อนๆเหมือนกันแท้ๆ”
ฟลุ๊คหรุบตามองมิลล์ที่สูงพอๆกันเขาพร้อมกับนึกในใจ ให้หน้าอ่อนใสยังไงก็คงไม่เท่านายหรอก จากการแอบมองอีกฝ่ายมาหลายครั้ง ฟลุ๊คก็สรุปออกมา
มิลล์สวย...สวยราวกับเด็กสาวคนหนึ่ง ปาก คอ คิ้ว คาง ที่ราวกับว่าพระเจ้าลำเอียงปั้นแต่งแต่สิ่งสวยงามมาให้เด็กหนุ่มโดยเฉพาะริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนนั่น รูปร่างก็บอบบางเมื่อมาเทียบกันกับเขา นิสัยที่บางครั้งไร้เดียงสาเหมือนเด็กๆ...แต่ท่าทางเจ้าเล่ห์แสนกลพูดจามีลับลมคมในหรือเรียกให้ถูกก็คือกวนโอ๊ยนั่น...แต่ก็น่ารักดี
ฟลุ๊คไม่ชอบคนพูดจากวนโมโห...หากสำหรับมิลล์ ให้อีกฝ่ายกวนโมโหมากกว่านี้เขาก็ทนได้ เออแฮะ...ท่าทางเขาจะชมชอบเพื่อนใหม่เข้าเต็มเปาเสียแล้วล่ะมั้ง
“รูปถ่ายตรงนั่น”
เสียงมิลล์ปลุกชายหนุ่มให้ตื่นจากภวังค์
“อ๋อ...เอาไว้จดจำคนที่ผมรักในสมัยม.ต้นนะครับ แต่ตอนนี้เขาคงอยู่ไหนสักแห่ง”
ฟลุ๊คยืนกอดอกพิงหน้าต่างใส เขามองเด็กหนุ่มยิ้มๆ และรอยยิ้มนั้นก็ราวกับสะท้อนกลับมายังเขาด้วย มิลล์วางกระป๋องเบียร์ที่ยังเหลืออยู่นิดหน่อยลงบนโต๊ะ
“นั่นคงจะเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากสิ…”
พูดจบก็เงยหน้ามองสบตาฟลุ๊ค ซึ้งชายหนุ่มก็ไม่ได้ปฏิเสธออกมา ความระทดท้อของเขาคงจะถูกส่งออกมาทางน้ำเสียงให้มิลล์รับรู้ได้กระมัง
“แต่สิ่งที่เลวร้ายในชีวิตอาจจะเปิดตาไปสู่สิ่งดีๆที่คุณเองไม่เคยได้ใส่ใจมาก่อนก็ได้”
มิลล์ยิ้มให้ฟลุ๊คที่ยืนนิ่งเงียบ
“คุณยังมีอะไรต้องทำอีกมากมายถึงสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่สำคัญไปแต่นั่นไม่ใช้เหตุผลที่คุณต้องปิดโลกไปเลย ฉวยโอกาสเอาไว้ตั้งแต่วันนี้แล้วทำสิ่งที่อยากทำจริงๆให้ชีวิตแจ่มแจ๋วซะ ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเอง”
ฟลุ๊คกระพริบตา รู้สึกเหมือนมีสายลมอุ่นพัดเข้ามาปะทะหัวใจให้อุ่นวาบทั้งที่ร่างกายภายนอกถูกอบร่ำด้วยแอร์เย็นฉ่ำ ฟลุ๊คดื่มเบียร์อึกสุดท้ายแล้วปามันลงถังชยะหน้าห้องน้ำจากนั่นก็ทรุดนั่งข้างๆ มิลล์พยายมอย่างที่สุดที่จะไม่โถมกายเข้าไปกอดร่างบาง
“…วันนี้พูดยาวกว่าทุกวันนะ แต่ก็...ขอบใจ”
“ไม่เป็นไร เพื่อนต้องให้กำลังใจเพื่อนอยู่แล้ว”
ฟลุ๊คไม่รู้ตัวว่าเหม่อมมองหน้าด้านข้างของมิลล์อยู่นานแค่ไหน ไม่รู้ตัวแม้กระทั้งเผลอหลุดความคิดคำนึงในใจออกมาให้อีกฝ่ายได้ยิน
“ฉันตามหานายมานานแล้วนะ...ไม่คิดเลือนขึ้นไปเป็นอย่างอื่นบ้างเหรอ?”
มิลล์หันมามอง แววตาแสดงความสงสัยใคร่รู้เรียกสติชายหนุ่มให้กลับคืนมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ฟลุ๊คลุกพรวดขึ้นยืนเสยผมลวกๆ ขรึมเครียดทั้งใบหน้าและน้ำเสียง
“ฉันพูดเล่นน่ะ...อย่าสนใจเลย”
เสียงค๊อกประตูดังขึ้น
ฟลุ๊คก้าวยาวๆ ไปเปิดประตูห้อง พ่อแม่เดินยิ้มเผล่เข้ามาข้างในอย่างคุ่มเคย ครั้งเห็นหนุ่มหน้าสวยแปลกหน้านั่งอยู่ทั้งคู่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง ฟลุ๊คหันกลับมามองเห็นทีท่าของพ่อกับแม่ก็เดาได้ เขาเรียกพ่อแม่เข้ามาและแนะนำให้มิลล์รู้จักทั้งสองคน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
มิลล์ค้อมศีรษะลงนิดหนึ่ง ในขณะที่พ่อแม่ทักทายกลับ
“พ่อกับแม่ไม่คิดว่าลูกจะเอาเพื่อนมานอนด้วยมาก่อนวันๆลูกไม่เคยคิดจะมีเพื่อน พ่อแม่กลับมาทุกปีก็เห็นแกอยู่คนเดียวตลอดแล้วทำไมปีนี้ถึงมีคนมาอยู่กับแกได้เล่ามาให้พ่อแม่ฟังหน่อยสิ”
มิลล์มองฟลุ๊คที่ยืนนิ่งเฉยอยู่ข้างหลังพ่อแม่ เด็กหนุ่มรู้ว่าอยูไปก็ไม่มีประโยชน์จึงตัดสินใจที่จะกลับและออกไปทำธุระ
“อ้าว...ไม่อยู่ต่อเหรอ”
พ่อ ถาม ชูถุงใบใหญ่ในมือ
“พ่อแม่ซื้อขนมขบเคี้ยวมาเยอะแยะเลยน่ะอยู่กินกันก่อนก็ได้นะ”
มิลลส่ายหน้า
“ผมต้องกลับไปจัดห้องและก็ออกไปทำธุระส่วนตัวน่ะครับ”
ฟลุ๊คเดินตามมาเปิดประตูให้มิลล์และจังหวะที่ร่างบางเดินผ่านเขาไปนั่นเอง พ่อแม่ก็เริ่มตั้งคำถามต่างๆนานๆและทำให้พ่อแม่รู้สึกแปลกใจว่าทำไมลูกชายตัวเองถึงยอมเปิดรับเพื่อน
“มิวมองอะไรอยู่นะ”
มิวหน้าแดงแล้วหันหน้ากับมาก้อมหน้ามองผ้าห่ม
“ใครให้ออกมาห้องคนอื่นละ”
พอมิวพูดจบฟลุ๊คก็เอาผ้าเช็ดตัวผูกรอบเอาตัวเองหลังจากนั่นมิวก็เดินดข้าห้องน้ำไปโดยชนกับฟลุ๊ค พอมิลล์ปิดประตูห้องน้ำและล็อกประตูฟลุ๊คก็เดินออกจากห้องกลับไปที่ห้องของตัวเอง
พอมิลล์เข้ามาถึงห้องน้ำเขาก็มองเห็นประตูอีกฝั่งหนึ่งที่ออกไปห้องของฟลุ๊ค มิลล์รีบเดินไปล็อกแต่ฟลุ๊คเปิดประตูออกมาก่อนต่างคนต่างมองหน้ากันแล้วฟลุ๊คก็พูดออกมา
“ขอโทษที่ทำให้ตกใจน่ะ เราไม่ได้ตั้งใจและลืมไปว่ามีคนมาอยู่แล้วเพราะเมื่อก่อนไม่เคยมีคนอยู่ห้องนั่น”
มิลล์ก้อมหน้าและพูดออกมาว่า
“ไม่เป็นไรหรอกเราก็แค่คนอาศัยเท่านั่นแต่นายเป็นเจ้าของบ้านจะทำตัวตามสบายก็คงไม่แปลกหรอก”
พอมิลล์พูดจบมิลล์ก็ขอตัวฟลุ๊คอาบน้ำ ฟลุ๊คเลยยืนผ้าเช็ดตัวให้เพราะมิลล์มาอยู่นี้ก็ยังไม่มีของใช้ส่วนตัวใดๆเลยหลังจากนั่นมิลล์ก็ปิดประตูและล็อกห้องน้ำมิลล์มองไปรอบห้องน้ำทุกอย่างจัดเป็นระเบียบและมีเสื้อผ้าและของใช้อื่นๆวางอยู่มีกระดาษโน๊ตเขียนไหวว่าของใช้ของนายอย่าลืมใช้ของที่เตรยมไหวให้นะพอมิลล์อ่านจบเข้าก็ยิ้มทั้งน้ำตาและเขาก็เช็ดน้ำตาแล้วเริ่มอาบน้ำ
หลังจากที่มิลล์อาบน้ำเสร็จเขาก็เดินไปแก้ล็อคประตูห้องฟลุ๊คแล้วก็ออกมาแต่งตัว พอแต่งตัวได้ไม่นานฟลุ๊คก็เปิดประตูเข้ามามิลล์หันไปมองและใส่เสื้อจนเสร็จ
“มีอะไรหรอทำไมเข้ามาถึงไม่ค็อกประตูก่อน”
ฟลุ๊คมองหน้าของมิลล์และตอบคำถามของมิลล์
“ก็ไหนนายเป็นคนบอกเองว่าบ้านของผมจะทำไรก็ได้ไม่ผิดไม่ใช้หรอ?”
มิลล์หันหน้ากลับไปด้วยความโกรษแล้วตะโกนใส่ฟลุ๊ค
“บางที่ก็ต้องให้ความเป็นส่วนตัวกับคนอื่นมั้งสิ ไม่ใช้คิดว่าเป็นบ้านของตัวเองจะทำไรอะไรตามใจชอบก็ได้ ถ้าไม่คิดว่าผมเป็นคนมาอาศัยงั้นก็ให้ผมไปนอนห้องคนใช้สิไหนๆผมก็ไม่ต่างจากคนใช่อยู่แล้วนี้ทั้งเป็นหนี้เป็นสินกลับนายอยู่นี้จะได้ทำงานใช้หนี้ให้หมดๆไป”
ฟลุ๊ครู้สึกผิดจึงกล่าวคำขอโทษแล้วเขามีบางสิ่งบางอย่างที่เขาทำไม่ได้กับมิลล์
“ขอโทษที่เราทำตัวไม่ดีใส่แต่ผมดีใจมากจนลืมตัวแต่ผมมาที่นี้ก็เพราะจะชวนมิลล์ไปนั่งเล่นที่ห้องของเรา เราเห็นว่ามิลล์อยู่แต่ในห้องไม่เดินออกไปไหนคงเบื่อเลยจะพาไปนั่งเล่นที่ห้องของเราก็เท่านั่น”
พอมิลล์ได้ฟังคำพูดของฟลุ๊ค มิลล์ก็ยกโทษให้จากนั่นทั้งสองก็เดินทางไปห้องของฟลุ๊คระหว่างเดินทางฟลุ๊คก็เกิดคำถาม
“มิลล์ ทำไมวันที่นายวิ่งหนีอะไรมาถึงมีเลือดเต็มเสื้อเลยล่ะ”
มิลล์ก้อมหน้าแล้วไม่ตอบอะไรกับฟลุ๊คสักคำแต่พอจะถึงห้องของฟลุ๊คมิลล์ก็พูดออกมา
“ขอโทษนะเรายังไม่พร้อมที่จะเล่าให้ฟังถ้าถึงวันนั่นเราจะเล่าให้ฟังนะ”
ฟลุ๊คมองหน้ามิลล์ด้วยความเป็นห่วง หลังจากนั่นทั้งคู่ก็เดินมาถึงห้องของฟลุ๊ค
“ห้องรกหน่อยนะ”
ฟลุ๊คหลีกทางให้มิลล์เดินเข้าไปก่อน เพื่อที่ตัวเองจะได้ปิดประตูห้องให้เรียบร้อย มิลล์กวาดตามองไปรอบๆ ฟลุ๊คเข้าใจแต่งห้องทีเดียวแม้แต่เดิมดูเหมือนว่ามันจะเป็นห้องชุดที่ประกอบไปด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูราคาแพงมาก่อนก็ตาม ทว่าเมื่อเจ้าของห้องรู้จักประยุกต์ให้เข้ากับตนเองก็ให้ความรู้สึกถึงความเป็นชายหนุ่มอยู่เหมือนกัน
ห้องของฟลุ๊คกว้างมีของตกแต่งเป็นผลงานศิลปะวางตามที่ต่างๆ อย่างเหมาะเจาะและมีรสนิยมนอกจากนั่นก็มีโซฟาบุหนังสีดำมันปลายยาวใหญ่ 1 ตัว โต๊ะกระจกวางคู่กันอยู่หน้าโทรทัศน์ LCD ขนาด 110 นิ้ว มีรีโมทและนิตยสารอีก 4-5 ฉบับ
“จะดื่มอะไร?”
ฟลุ๊คที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำเอ่ยถาม มิลล์ตอบโดยที่ไม่ได้ละสายตาออกจากรูปถ่ายนั่นเลย
“น้ำผลไม้หรือเบียร์ก็ได้ครับ”
ฟลุ๊คเปิดตู้เย็นค้าง
“อะไรนะ!?”
“ทำไมล่ะ...รีว่าแม้แต่เบียร์ก็ไม่มี”
มิลล์หันมาถามยิ้มๆ ฟลุ๊คหัวเราะแล้วก้มลงหยิบเบียร์สองกระป๋องสุดท้ายโยนให้คนถาม แล้วหยิบเผื่อตัวเองด้วยหนึ่งกระป๋องและเปิดดื่มขณะเดินมาหาคนร่างบางกว่า
“ไม่คิดว่าหน้าตาอ่อนๆ อย่างนายจะร้องหาน้ำผลไม้กับใครเขาได้”
“ไม่อยากเชื่อเลยนะว่านี้เป็นคำพูดของ ฟลุ๊ค เฮ้อ...อย่างกับเพื่อนผมเลยแน่ะ”
มิลล์พูดกลั้วหัวเราะพลางเอื้อมมือขึ้นไปตบแก้มฟลุ๊คสองสามทีเบาๆ
“นายเองก็เก็บน้ำผลไม้ไหวเต็มตู้เย็นไปหมดเลยไม่ใช่หรือไง ทั้งที่หน้าก็อ่อนๆเหมือนกันแท้ๆ”
ฟลุ๊คหรุบตามองมิลล์ที่สูงพอๆกันเขาพร้อมกับนึกในใจ ให้หน้าอ่อนใสยังไงก็คงไม่เท่านายหรอก จากการแอบมองอีกฝ่ายมาหลายครั้ง ฟลุ๊คก็สรุปออกมา
มิลล์สวย...สวยราวกับเด็กสาวคนหนึ่ง ปาก คอ คิ้ว คาง ที่ราวกับว่าพระเจ้าลำเอียงปั้นแต่งแต่สิ่งสวยงามมาให้เด็กหนุ่มโดยเฉพาะริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนนั่น รูปร่างก็บอบบางเมื่อมาเทียบกันกับเขา นิสัยที่บางครั้งไร้เดียงสาเหมือนเด็กๆ...แต่ท่าทางเจ้าเล่ห์แสนกลพูดจามีลับลมคมในหรือเรียกให้ถูกก็คือกวนโอ๊ยนั่น...แต่ก็น่ารักดี
ฟลุ๊คไม่ชอบคนพูดจากวนโมโห...หากสำหรับมิลล์ ให้อีกฝ่ายกวนโมโหมากกว่านี้เขาก็ทนได้ เออแฮะ...ท่าทางเขาจะชมชอบเพื่อนใหม่เข้าเต็มเปาเสียแล้วล่ะมั้ง
“รูปถ่ายตรงนั่น”
เสียงมิลล์ปลุกชายหนุ่มให้ตื่นจากภวังค์
“อ๋อ...เอาไว้จดจำคนที่ผมรักในสมัยม.ต้นนะครับ แต่ตอนนี้เขาคงอยู่ไหนสักแห่ง”
ฟลุ๊คยืนกอดอกพิงหน้าต่างใส เขามองเด็กหนุ่มยิ้มๆ และรอยยิ้มนั้นก็ราวกับสะท้อนกลับมายังเขาด้วย มิลล์วางกระป๋องเบียร์ที่ยังเหลืออยู่นิดหน่อยลงบนโต๊ะ
“นั่นคงจะเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากสิ…”
พูดจบก็เงยหน้ามองสบตาฟลุ๊ค ซึ้งชายหนุ่มก็ไม่ได้ปฏิเสธออกมา ความระทดท้อของเขาคงจะถูกส่งออกมาทางน้ำเสียงให้มิลล์รับรู้ได้กระมัง
“แต่สิ่งที่เลวร้ายในชีวิตอาจจะเปิดตาไปสู่สิ่งดีๆที่คุณเองไม่เคยได้ใส่ใจมาก่อนก็ได้”
มิลล์ยิ้มให้ฟลุ๊คที่ยืนนิ่งเงียบ
“คุณยังมีอะไรต้องทำอีกมากมายถึงสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่สำคัญไปแต่นั่นไม่ใช้เหตุผลที่คุณต้องปิดโลกไปเลย ฉวยโอกาสเอาไว้ตั้งแต่วันนี้แล้วทำสิ่งที่อยากทำจริงๆให้ชีวิตแจ่มแจ๋วซะ ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเอง”
ฟลุ๊คกระพริบตา รู้สึกเหมือนมีสายลมอุ่นพัดเข้ามาปะทะหัวใจให้อุ่นวาบทั้งที่ร่างกายภายนอกถูกอบร่ำด้วยแอร์เย็นฉ่ำ ฟลุ๊คดื่มเบียร์อึกสุดท้ายแล้วปามันลงถังชยะหน้าห้องน้ำจากนั่นก็ทรุดนั่งข้างๆ มิลล์พยายมอย่างที่สุดที่จะไม่โถมกายเข้าไปกอดร่างบาง
“…วันนี้พูดยาวกว่าทุกวันนะ แต่ก็...ขอบใจ”
“ไม่เป็นไร เพื่อนต้องให้กำลังใจเพื่อนอยู่แล้ว”
ฟลุ๊คไม่รู้ตัวว่าเหม่อมมองหน้าด้านข้างของมิลล์อยู่นานแค่ไหน ไม่รู้ตัวแม้กระทั้งเผลอหลุดความคิดคำนึงในใจออกมาให้อีกฝ่ายได้ยิน
“ฉันตามหานายมานานแล้วนะ...ไม่คิดเลือนขึ้นไปเป็นอย่างอื่นบ้างเหรอ?”
มิลล์หันมามอง แววตาแสดงความสงสัยใคร่รู้เรียกสติชายหนุ่มให้กลับคืนมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ฟลุ๊คลุกพรวดขึ้นยืนเสยผมลวกๆ ขรึมเครียดทั้งใบหน้าและน้ำเสียง
“ฉันพูดเล่นน่ะ...อย่าสนใจเลย”
เสียงค๊อกประตูดังขึ้น
ฟลุ๊คก้าวยาวๆ ไปเปิดประตูห้อง พ่อแม่เดินยิ้มเผล่เข้ามาข้างในอย่างคุ่มเคย ครั้งเห็นหนุ่มหน้าสวยแปลกหน้านั่งอยู่ทั้งคู่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง ฟลุ๊คหันกลับมามองเห็นทีท่าของพ่อกับแม่ก็เดาได้ เขาเรียกพ่อแม่เข้ามาและแนะนำให้มิลล์รู้จักทั้งสองคน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
มิลล์ค้อมศีรษะลงนิดหนึ่ง ในขณะที่พ่อแม่ทักทายกลับ
“พ่อกับแม่ไม่คิดว่าลูกจะเอาเพื่อนมานอนด้วยมาก่อนวันๆลูกไม่เคยคิดจะมีเพื่อน พ่อแม่กลับมาทุกปีก็เห็นแกอยู่คนเดียวตลอดแล้วทำไมปีนี้ถึงมีคนมาอยู่กับแกได้เล่ามาให้พ่อแม่ฟังหน่อยสิ”
มิลล์มองฟลุ๊คที่ยืนนิ่งเฉยอยู่ข้างหลังพ่อแม่ เด็กหนุ่มรู้ว่าอยูไปก็ไม่มีประโยชน์จึงตัดสินใจที่จะกลับและออกไปทำธุระ
“อ้าว...ไม่อยู่ต่อเหรอ”
พ่อ ถาม ชูถุงใบใหญ่ในมือ
“พ่อแม่ซื้อขนมขบเคี้ยวมาเยอะแยะเลยน่ะอยู่กินกันก่อนก็ได้นะ”
มิลลส่ายหน้า
“ผมต้องกลับไปจัดห้องและก็ออกไปทำธุระส่วนตัวน่ะครับ”
ฟลุ๊คเดินตามมาเปิดประตูให้มิลล์และจังหวะที่ร่างบางเดินผ่านเขาไปนั่นเอง พ่อแม่ก็เริ่มตั้งคำถามต่างๆนานๆและทำให้พ่อแม่รู้สึกแปลกใจว่าทำไมลูกชายตัวเองถึงยอมเปิดรับเพื่อน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ