มนตร์หงส์ NC 18+

10.0

เขียนโดย WiwaWriter

วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 20.02 น.

  13 บท
  0 วิจารณ์
  23.95K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 21.06 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) คนเรานี่ก็แปลก ถึงรู้ว่าอาจถูกหลอก แต่ก็ยังชอบรับค

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

คนเรานี่ก็แปลก ถึงรู้ว่าอาจถูกหลอก แต่ก็ยังชอบรับความสุขจากคำลวง

 

ชีวิตมนุษย์ช่างวุ่นวายจนหงส์อย่างนิภิศาแทบจะตามจิตใจของคนพวกนั้นไม่ทัน โดยเฉพาะสาวงามที่ชื่อสุทัตตา เธอดูสวยปราดเปรียวแค่ภายนอก แท้จริงนิสัยดุร้ายราวกับนางเสือ และดูเหมือนจะหึงหวงกันต์กรมากจนไม่ลืมหูลืมตา ช่างน่าสงสารที่เธอต้องใช้ชีวิตอยู่เพื่อแย่งชิงตบตีกับหญิงอื่น

หญิงสาวเลิกคิดเรื่องพวกนี้ ก่อนจะแปลงกายเปลี่ยนชุดเพื่อไปช่วยป้าเมี้ยนทำขนม นิภิศาท่องเอาไว้ในใจอยู่เสมอว่า หากเธอตีสนิทกับคนในบ้านหลังนี้ได้ การเข้าถึงตัวอโรคาคงจะไม่ใช่เรื่องยาก และเธอจะทำให้หงส์หนุ่มกลับสู่จิตตกูฏอย่างเต็มใจ

“หนูศา!” ป้าเมี้ยนทักขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นนิภิศายืนอยู่หน้าบ้าน “เป็นไงบ้างจ๊ะ เห็นคุณกรบอกว่ามีเรื่องกับคุณซูซี่”

นิภิศาส่ายหน้าตอบอย่างไม่ใส่ใจ

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ป้ารู้ว่าหนูไม่ได้เป็นคนหาเรื่องอีกฝ่ายก่อนหรอก”

บางครั้งนิภิศาก็แทบจะปักใจเชื่อหญิงสูงวัยคนนี้ว่านางเป็นคนจิตใจดีจริงๆ แต่เธอก็พยายามไม่หลงกลและมีสติระมัดระวังมนุษย์อยู่เสมอ เพราะหากเธอเผลอถลำลึกเชื่อใจใครไป สักวันอาจกลายเป็นคนโง่ให้มนุษย์หลอกเอาได้

“แล้วไม่เจ็บเนื้อเจ็บตัวตรงไหนใช่มั้ย” ป้าเมี้ยนถามพลางยกแขนนิภิศาพิจารณาอย่างกังวล

“ไม่ค่ะ” หญิงสาวตอบนิ่งๆ คราวนี้ไม่ต้องมีนกกระจิบมาช่วยแนะนำคำพูดให้เธออีก นิภิศาพอจะชินกับคำพูดของโลกมนุษย์ยุคปัจจุบันบ้างแล้ว

ป้าเมี้ยนยิ้มโล่งอกก่อนจะดึงแขนนิภิศาไปที่ห้องครัว ขณะที่หงส์สาวนั้นมองมือที่จับแน่นของหญิงมีอายุอย่างตะลึง มันช่างดูอบอุ่นและปลอดภัยราวกับมือของแม่ ซึ่งเธอลืมสัมผัสนี้ไปนานแล้ว

พอมาถึงครัวป้าเมี้ยนก็จัดแจงแนะนำ

“ป้านึ่งถั่วเสร็จแล้ว รอหนูมาช่วยกันต่อนี่แหละ”

ว่าแล้วนางก็ยกซึ้งออกจากเตา ทันทีที่เปิดฝา กลิ่นหอมของถั่วเหลืองก็ฟุ้งไปทั่ว นิภิศารู้สึกชอบกลิ่นแปลกๆ แบบนี้ เพราะมันหอมกรุ่นและอิ่มใจ คงเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศที่นำมาใช้ในการทำอาหารรสโอชะ ซึ่งเธอก็ยังไม่เคยลิ้มรส

“ป้าจะเอาไปบด” นางตักถั่วที่นึ่งแล้วใส่ผ้าขาวบาง ก่อนจะเอาใส่ครกหินแล้วตำจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนนิภิศาได้แต่ยืนดูเพราะยังทำอะไรไม่ค่อยเป็น

“หนูศาไปต้มน้ำตาลกับกะทิให้ป้าหน่อย หัวกะทิสองถ้วยตวง และน้ำตาลทรายแดงครึ่งกิโลนะ”

นิภิศาทำหน้างงๆ กับคำสั่งของป้าเมี้ยน เธอไม่รู้ว่าอะไรคือหัวกะทิ อะไรคือน้ำตาลทรายแดง แล้วจะต้มอย่างไรล่ะ เธอต้องก่อไฟก่อนหรือไม่ และแน่นอนเธอใช้อิทธิฤทธิ์ไม่ได้ ถึงจะใช้จริงๆ ก็ไม่รู้จะมีมนตร์บทไหนทำได้โดยรอดพ้นสายตาของป้าเมี้ยน

“หนูศา”

“คะ?” นิภิศาขานรับเบาๆ

“หนูเป็นอะไรหรือเปล่า ดูเหม่อลอย”

“ถ้าทำไม่เป็นเดี๋ยวป้าสอน” ป้าเมี้ยนละมือจากครกหิน ก่อนจะหันมาหยิบหม้อโลหะกลมๆ นางเทน้ำสีขาวขุ่นกับน้ำตาลลงไปอย่างชำนาญ หมุนหัวกลมๆ ที่เครื่องโลหะสองสามทีแล้วไฟก็ลุกขึ้นใต้หม้อโดยไม่ต้องใช้ฟืน นิภิศาได้แต่นึกสงสัยว่า ป้าเมี้ยนมีเวทมนตร์อันใดจึงสามารถเรียกไฟได้ง่ายเช่นนี้ แต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยถาม

ครู่หนึ่งของเหลวในหม้อก็ส่งกลิ่นหอมหวนยวนใจ จนนิภิศาเผลอสูดเข้าเต็มปอด ส่วนใหญ่แล้วป้าเมี้ยนจะเป็นคนลงมือทำให้ดูก่อน จนถึงขั้นที่ต้องปั้นก้อนถั่วเป็นรูปผลไม้ต่างๆ ซึ่งยากพอสมควรสำหรับนิภิศา เธอจึงลองปั้นเป็นรูปอื่นดูเช่นรูปหงส์ ป้าเมี้ยนเห็นก็หัวเราะออกมาอย่างประหลาดใจ

“หนูศานี่ความคิดดีจริงๆ ป้าว่าเราทำเป็นรูปทรงหงส์ไปขายดีกว่า รูปทรงผลไม้นั่นมีเกลื่อนแล้ว” ป้าเมี้ยนเสนอ

นิภิศาพยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่ใส่ใจนัก

“ป้าว่าเดี๋ยวจะลองปั้นแบบหนูดูนะ” ว่าแล้วป้าเมี้ยนก็เริ่มทำเหมือนนิภิศาดู ไม่นานนางก็ทำลูกชุบรูปหงส์ได้สำเร็จ จากนั้นก็เสียบก้อนถั่วด้วยไม้ปลายแหลม แล้วนำสีผสมอาหารมาระบายเป็นสีสันต่างๆ แต่บางสีอย่างสีน้ำเงิน แม่บ้านสูงวัยก็ได้จากธรรมชาติโดยการคั้นเอาน้ำจากดอกอัญชัน หรือสีแดงจากดอกกระเจี๊ยบแห้ง ก่อนนำก้อนถั่วรูปต่างๆ จุ่มลงในน้ำวุ้นที่ต้มไว้ แล้วปักไม้ลงบนแผ่นโฟม รอให้มันเย็น

ขณะที่ทั้งสองกำลังเพลิดเพลินอยู่นั้น เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น ป้าเมี้ยนวางมือก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ใครนะ มากลางวันแบบนี้ เดี๋ยวป้าไปดูก่อนนะ”

ว่าแล้วหญิงสูงวัยก็รีบก้าวฉับๆ ออกจากครัว ขณะที่นิภิศากำลังชุบก้อนถั่วลงในวุ้นอยู่อย่างสนใจ เจ้านกกระจิบที่บินมาเกาะหน้าต่างห้องครัวเอ่ยขึ้น

“เป็นไงบ้างนิภิศา”

หญิงสาวหันซ้ายหันขวาก่อนพูดแผ่วๆ

“ข้าต้องทำแบบนี้อีกนานเท่าไร กระจิบ”

“นานจนกว่าตัวเองจะเข้าตีสนิทกับกันติยาได้”

“เจ้าก็รู้ว่าเมื่อวานข้าเจออะไรบ้าง”

“อย่าได้ใส่ใจ มันเป็นเรื่องปกติของยายซูซี่” กระจิบทำเสียงไม่พอใจ

“ข้าไม่เข้าใจมนุษย์พวกนี้จริงๆ หากข้ามีหัวใจเหมือนที่อโรคาว่าก็ดี”

“ตัวเองมีหัวใจ แต่แค่ยังไม่ได้เปิด”

นิภิศาฟังแล้วก็ต้องนิ่วหน้า แต่ทั้งสองต้องรีบหยุดคุยขณะที่เสียงเข้มๆ แว่วมา นิภิศารู้ทันทีว่าเจ้าของเสียงคือกันต์กร เธอจึงนิ่งฟังเขากับป้าเมี้ยนคุยกันที่ห้องรับแขก

“ผมจะมาเอาเอกสารสำคัญน่ะครับ ลืมซะได้”

“บอกป้าก็ได้ เดี๋ยวเอาไปส่งให้”

“ไม่เป็นไร บริษัทไม่ได้อยู่ไกลสักหน่อย แล้วนี่ป้าทำอะไรอยู่”

“ทำขนมกับหนูศาน่ะ”

นิภิศาเริ่มรู้สึกกังวลในใจเมื่อมีคนพูดถึงเธอ ไม่ช้าก็เป็นอย่างที่เธอคิด ชายหนุ่มคนนั้นมุ่งเข้ามาในห้องครัว ก่อนจะมองเธออย่างจับผิด

“กินได้มั้ยล่ะนั่นป้า”

“กินได้สิคะ” ป้าเมี้ยนตอบอย่างยิ้มแย้ม “หนูศาเธอมีไอเดียบรรเจิดดีนะ ทำลูกชุบเป็นรูปหงส์”

นิภิศาไม่หันหน้าไปมองกันต์กรเพราะไม่อยากมีเรื่อง แต่ชายหนุ่มที่ดูเหมือนอยากแกล้งหญิงสาวผมเปียกลับเอ่ยขึ้น

“ผมอยากกินลูกชุบฝีมือป้ามากกว่า แต่ว่า…จะลองชิมฝีมือลูกน้องของป้าดูหน่อยก็ได้ ถ้าไม่ผ่านอาจมีพิจารณายกเลิกจ้าง”

“คุณกรนี่ละก็” ป้าเมี้ยนทำเสียงดุ “แล้วนี่ไม่รีบไปบริษัทเหรอคะ”

 “ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม” กันต์กรพูดพลางยิ้มพราย “ผมจะรอกินลูกชุบฝีมือคุณนิภิศาก่อน”

“ช้าๆ ได้พร้าสองเล่มงามต่างหาก” ป้าเมี้ยนส่ายหน้าอย่างเอ็นดู “งั้นคุณกรไปนั่งรอก่อน เดี๋ยวป้าจะเอาไปเสิร์ฟให้”

“ได้เล้ย” กันต์กรทำเสียงสูงก่อนจะฮัมเพลงออกไปจากห้องครัว

นิภิศาถอนหายใจอย่างหนักอก มนุษย์หนุ่มผู้นี้ร้ายกาจกว่าที่คิด

“ไหนดูซิ สวยจังเลย” ป้าเมี้ยนชมก่อนจะเอาลูกชุบของลูกมือมาดม “หืม หอมด้วย คุณกันติยากับคุณกรต้องชอบแน่”

ป้าเมี้ยนจัดลูกชุบใส่จานเล็กๆ ก่อนจะเอาส้อมไว้ข้างจาน

“หนูรออยู่ตรงนี้นะ ป้าจะไปเสิร์ฟให้คุณกรก่อน”

ป้าเมี้ยนหายไปจากห้องครัวได้ไม่นาน กันต์กรก็แผดเสียงร้องลั่น เหมือนจงใจให้นิภิศาที่อยู่ในครัวได้ยิน

“อะไรเนี่ย ลูกชุบหรือลูกบอระเพ็ด ทำไมมันขมแบบนี้”

ขมหรือ...เกิดอะไรขึ้นกับขนมของเธอกับป้าเมี้ยนกันแน่ หญิงสาวมองไปบนโต๊ะทำขนมแต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ หรือเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีอะไรผิดปกติ  ครู่หนึ่งกระจิบน้อยก็หัวเราะร่าอย่างสะใจ นิภิศาขมวดคิ้วมุ่นแล้วเข้าไปถามอย่างตกใจ

“กระจิบนี่เจ้าทำอะไร”

“ฮ่าๆๆ เค้าก็แค่ใส่ผงบอระเพ็ด สมุนไพรของป้าเมี้ยนลงไปในวุ้นน่ะสิ” กระจิบน้อยบอก “หมั่นไส้เจ้ากันต์กรมันนัก ชอบแอบทำสายตาเจ้าชู้ใส่นิภิศา ตัวเองไม่เห็นเหรอเมื่อกี้น่ะ”

“แต่เจ้าทำไม่ถูกนะ”

ไม่นานชายหนุ่มคนนั้นก็เข้ามาด้วยท่าทีเอาเรื่อง

“นี่เธอ”

นิภิศาจำเป็นต้องหันหน้าไปตามเสียง

“เธอแกล้งฉันใช่มั้ย”

“ป้าว่า มันคงเป็นการเข้าใจผิดน่ะค่ะ” ป้าเมี้ยนพยายามไกล่เกลี่ย “คงจะใส่ส่วนผสมผิด”

“อี๋ ขมปาก” ชายหนุ่มทำหน้าแหย

“เดี๋ยวป้าไปเอาน้ำมาให้นะคะ”

“ไม่ต้อง ใครผสมผิดก็ไปเอาน้ำมาให้ฉันละกัน” กันต์กรกระแทกเสียงอย่างฉุนเฉียวแล้วก็หมุนตัวเดินจากห้องครัว ส่วนป้าเมี้ยนเดินเข้ามาเกาะแขนนิภิศาแล้วพูดปลอบ

“ปกติคุณกรเขาใจดีนะ เดี๋ยวป้าเอาน้ำไปให้เขาเอง”

หญิงสูงวัยเดินไปเปิดตู้เย็น ก่อนจะเอาน้ำสีแดงออกมาเทใส่แก้ว

“ไม่ต้องค่ะ” นิภิศาเอ่ยพร้อมกับคว้าเอาแก้วน้ำจากมือป้าเมี้ยน เธอต้องรับผิดชอบแทนนกกระจิบ

หงส์สาวรีบมุ่งไปที่โซฟาซึ่งกันต์กรกำลังทำหน้านิ่วพร้อมกับดื่มน้ำเปล่าล้างปากอยู่  เธอวางแก้วไว้บนโต๊ะตรงหน้าเขา ชายหนุ่มรีบคว้าไปดื่ม สีหน้าบ่งบอกว่าอาการดีขึ้น แต่ยังมิวายทำเสียงเขียวใส่นิภิศาต่อ

“คุณจงใจแกล้งผมใช่มั้ย” แต่นิภิศากลับตอบนิ่งๆ ว่า

“เปล่า”

“ไม่จริง” กันต์กรค้าน

เขายังหัวรั้นเหมือนเคย นิภิศาไม่อยากเสวนากับเขาให้มากความ เธอจึงเลือกที่จะเดินหนี แต่จู่ๆ เขาก็ทักขึ้น

“มานวดให้หน่อย”

นิภิศาสะดุ้งเฮือก เอามือกุมอกอย่างตกใจ ชายผู้นี้เรียกผู้หญิงไปนวดให้ หมายความว่าเยี่ยงไร

“ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ”

“มีอะไรหรือเปล่าคะ คุณกร ป้าขอโทษจริงๆ” ป้าเมี้ยนโผล่เข้ามาได้ทันเวลา

กันต์กรได้แต่ถอนหายใจเบาๆ

“ขนมชิ้นก่อนหน้าก็ไม่ขมนะคะ มีแต่ลูกชุบหลังๆ แหละที่ขม สงสัยจะเป็นอุบัติเหตุ”

“อุบัติเหตุอะไรล่ะ” กันต์กรยังไม่ยอม “แกล้งกันชัดๆ”

“หนูศาไม่ทำแบบนั้นหรอก” ป้าเมี้ยนรีบปฏิเสธ

“อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน” กันต์กรแย้งทันที ก่อนจะหันไปสั่งป้าเมี้ยน “ป้าไปเอาสมุดเล่มสีดำในลิ้นชักให้ผมหน่อย”

“ได้ค่ะ” ว่าแล้วป้าเมี้ยนก็รีบขึ้นบันไดไปชั้นบน

พอป้าเมี้ยนหายลับ กันต์กรก็ลุกพรวดขึ้นตรงเข้าหานิภิศา สีหน้าของเขาเคร่งขรึม แววตาดุดัน แล้วเริ่มถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้น

“เรามาพูดกันอย่างเปิดอกดีกว่า คุณต้องการอะไรกันแน่”

นิภิศานิ่งฟังอย่างสงสัย

“นี่คุณปล่อยให้แฟนของคุณไปยุ่งกับน้องสาวผมได้ยังไง”

“แฟน?”

“ใช่ หมออโรไง”

“อโรคา” นิภิศาพึมพำเบาๆ แต่ก็ยังถามต่อเพื่อความกระจ่าง “อโรคาทำอะไร”

“ก็ไปดู๋ดี๋กับน้องสาวผมน่ะสิ เพื่อนผมบอกมา”

“ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูด”

“คุณอย่ามาทำเป็นไม่เข้าใจ” กันต์กรกอดอกเถียง “ป้าเมี้ยนบอกว่าคุณเป็นคนดี ถ้าคุณเป็นคนดีจริง คุณไปบอกแฟนของคุณด้วย อย่ามายุ่งกับน้องสาวผมอีก”

คำพูดนี้พอจะทำให้นิภิศาเข้าใจคนตรงหน้าขึ้นมาบ้าง ที่แท้เขาก็หวงน้องสาวตนเอง หงส์สาวจึงอธิบายให้เขาฟัง

“พวกเขาทำกรรมร่วมกันมา”

อีกฝ่ายทำหน้าอึ้งแล้วหลุดขำแวบหนึ่ง แต่ก็ยังปั้นหน้าเถียงต่อ

“ดูหนังมากไปหรือเปล่า วันนั้นยังเห็นจะฉุดเอาตัวเขากลับอยู่เลย แต่วันนี้กลับปลงคนรักให้ไปจีบน้องสาวผม ผมถามจริงเถอะคุณเป็นคนที่รักกันจริงหรือเปล่า”

“ฉันไม่ใช่คนรักของอโรคา” นิภิศาตอบทันควัน

“ไม่ใช่คนรัก” กันต์กรทวนคำเสียงหนัก “ถ้าไม่ใช่คนรักแล้วจะทำอะไรกันขนาดนั้นได้ยังไง”

“ได้แล้วค่ะ คุณกร” เสียงป้าเมี้ยนดังมาจากบันได กันต์กรเลยชะงักแล้วทำเป็นจัดเนกไท

เขารับสมุดจากป้าเมี้ยนแล้วรีบจ้ำอ้าวออกจากบ้าน พอเจ้านายไปแล้วป้าเมี้ยนจึงหันมาจับแขนนิภิศาก่อนเอ่ยปากถาม

“คุณกรเขาเป็นอะไร ป้าได้ยินเขาซักถามอะไรเกี่ยวกับแฟนของหนู”

นิภิศาส่ายหน้าตอบเบาๆ

“ว่าแต่ หนูเคยรู้จักกับคุณกรด้วยเหรอ”

“ไม่รู้จัก” นิภิศาพูดผ่านๆ

“แล้วทำไมเขาถึงถามแบบนั้น หมออโรอะไรที่ไปจีบคุณยา”

นิภิศาหันมามองหน้าป้าเมี้ยน หญิงแก่ผู้นี้ได้ยินที่พูดหมดเลยหรือ แต่พอนิภิศาไม่ตอบ ป้าเมี้ยนจึงพูดขึ้น

“ป้าขอโทษที ป้าไม่น่าถามเลย รู้ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ที่ถามเพราะว่าเป็นห่วงทั้งหนู ทั้งคุณกรนะ”

นิภิศาถอนหายใจเบาๆ ใครจะมารู้ดีและเป็นห่วงเธอไปมากกว่าตัวเธอเอง มนุษย์คนนี้ก็ได้แต่พูดเพื่อให้ตัวเองดูดีเท่านั้นแหละ

“ป้าว่าไปดูลูกชุบก่อนดีกว่า ยังพอจะแบ่งไปขายได้มั้ย เกิดอะไรขึ้น ทำไมใส่ผงบอระเพ็ดของป้าลงในวุ้นได้นะ ช่างเถอะ ป้าผิดเองที่เอาผงบอระเพ็ดไว้ใกล้กะละมังเกินไป”

นิภิศาได้แต่คิดว่าหญิงคนนี้โง่หรือแกล้งโง่กันแน่ ขณะที่เธอทำผิดนางยังพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น การให้อภัยต้องชดใช้ด้วยการลงโทษมิใช่หรือ แต่ไม่ใช่หญิงสูงวัยคนนี้ นางให้อภัยแก่ความผิดพลาดในครั้งนี้ หรือเพราะนางยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร

“คุณกรดูเหมือนแกจะไม่ค่อยชอบหนูนัก แต่ป้าก็ไม่เคยเห็นว่า คุณกรจะจริงจังกับคนแปลกหน้าแบบนี้มาก่อน”

นิภิศามองหน้าป้าเมี้ยนที่ส่ายหน้าช้าๆ ...แล้วเธอจะเข้าใจมนุษย์ได้หรือนี่ หากมนุษย์เองก็ยังไม่เข้าใจกันเลย

นิภิศาได้ลูกชุบกลับมาที่รัง ก่อนจะส่งให้เจ้ากระจิบเอาไปฝากเพื่อนฝูงอีกตามเคย หงส์สาวถอนหายใจ ภารกิจเข้าไปตีสนิทของเธอผ่านไปได้อีกวัน ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีเรื่องยุ่งๆ อะไรเกิดขึ้นอีก

 

@อโรคาในชุดสูทสีขาวนั่งอยู่กับกันติยามาตั้งแต่เช้า ดวงตาของชายหนุ่มจับจ้องอยู่ที่เธออย่างไม่ละสายตา ส่วนเด็กสาวเองก็ทำหน้าทำตาชื่นมื่นยิ่งกว่ามีดาราเกาหลีมาอยู่ตรงหน้าเสียอีก เพราะกันติยามีความสุขที่ได้อยู่ใกล้เขา อีกทั้งเธอเริ่มมั่นใจแล้วว่าคุณหมอคนนี้คิดกับเธอมากกว่าคนไข้ ไม่อย่างนั้นจะมาเยี่ยมเยียนและคอยดูแลเธอทุกวันทำไม อีกอย่างแววตาคู่สวยของเขานั้นยังแสดงความเอ็นดูเธออย่างเปิดเผย เขามักจะเล่าเรื่องราวจำพวกนิทานเหนือธรรมชาติ ซึ่งกันติยาไม่เคยฟังมาก่อน และมันก็น่าสนใจจนเธออยากไปเหยียบดินแดนงดงามอย่างจิตตกูฏจริงๆ

แต่ส่วนลึกในใจของหญิงสาวก็ยังรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่บ้าง เพราะเธอแปลกใจตัวเองเหมือนกันที่สามารถใกล้ชิดผู้ชายแปลกหน้าได้ง่ายขนาดนี้ กันติยามั่นใจว่าไม่ใช่เพราะหน้าตาตรงสเปกของเขา แต่เป็นความรู้สึกที่เธอเองก็บอกไม่ถูก เหมือนว่าผูกพัน ราวกับโหยหาเขามาแสนนาน  

กันติยาคิดว่าตัวเองเริ่มเพ้อเจ้อไปใหญ่ เธอชักแปลกใจที่หมออโรมาคลุกอยู่กับเธอเป็นวันๆ จนต้องถามขึ้น

“ตกลงพี่หมอจะไม่ทำงานแล้วใช่มั้ย”

อโรคายิ้มให้อย่างอ่อนโยนพร้อมกับลูบหัวกันติยาเบาๆ

“พี่ขออยู่เฝ้าน้องยาดีกว่า”

กันติยาทำหน้านิ่งๆ แต่หัวใจนั้นยิ้มแก้มปริ ผู้ชายอาร้าย สุภาพปากหวานจริงๆ แต่ก็ต้องเตือนตัวเองไม่ให้เผลอใจ เผื่อเขามีเจ้าข้าวเจ้าของแล้ว เห็นทีเธอต้องลองหลอกถามดูสักหน่อย

“มาดูแลยาทุกวันแบบนี้ แฟนพี่หมอไม่ว่าหรือไง”

“พี่ไม่มีแฟนนี่นา” อโรคาตอบอย่างหน้าใสซื่อ

“หน้าอย่างพี่หมอเนี่ยนะไม่มีแฟน” กันติยาย้อนอย่างไม่เชื่อหูตนเอง แต่ใจนั้นอยากจะกรีดร้องดีใจให้คอแตก

“ครับ” อโรคายืนยันเสียงนิ่มนวล

“แล้วมาเฝ้ายาทุกวัน ยาไม่มีค่าจ้างให้หรอกนะ”

ชายหนุ่มเท้าแขนบนขอบเตียงเหล็กของกันติยาพร้อมยิ้มกว้าง

“พี่ไม่ได้ต้องการค่าจ้างสักหน่อย”

กันติยาหันหน้าไปอีกทางหนึ่งอย่างเขินๆ ผู้ชายคนนี้เจ้าเล่ห์นัก แต่หูตาใสซื่อแบบนั้นตามเกมกันติยาไม่ทันหรอก หากคิดจะงาบแม่เสืออย่างเธอไม่มีทางเสียหรอก

เด็กสาวหันกลับมาพินิจใบหน้าชายหนุ่มอย่างจริงจัง แล้วก็เกิดความสงสัย ยิ่งเห็นเขาใกล้ๆ ก็รู้สึกคุ้นหน้า

“ถามจริงๆ นะคะ เราสองคนเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า”

อโรคาเงยหน้ามองเพดานเหมือนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ

“คงเป็นชาติก่อนละมั้ง”

กันติยาหัวเราะเบาๆ แต่ที่จริงกลบเกลื่อนความเขิน หมอคนนี้ช่างเล่นมุกกับเธอเสียจริง มาดนิ่งแต่คารมดีแบบนี้ สาวๆ คงจะติดตรึม แต่น้องสาวพี่เสือกันต์กรไม่มีทางหลงใหลคำพูดหนุ่มไหนง่ายๆ แน่ เว้นแต่ว่าเธอจะเป็นฝ่ายคิดแอ้มหมออโรแทน

“พี่หมอนี่พูดเล่นเก่งจังเลยนะคะ ปากหวานแบบนี้กับทุกคนหรือเปล่านะ”

อโรคาหัวเราะ เงียบไปนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “น้องยาคิดว่าพี่หมอมากวนหรือเปล่า”

“ไม่ๆๆ เลยค่ะ” กันติยารีบปฏิเสธ กลัวว่าอีกฝ่ายจะลากลับ “ดีซะอีกจะได้มีเพื่อน พี่ไก่เขาจะได้พักผ่อนบ้าง”

กันติยาหันไปมองพยาบาลเฝ้าไข้ที่นั่งอ่านนิตยสารบนโซฟาและหันมายิ้มให้ เด็กสาวเริ่มเบื่อกับชีวิตในโรงพยาบาล พอรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงตัวเองกลับมา เธอก็อยากออกจากที่นี่ จนเผลอระบายออกมาให้ชายหนุ่มฟัง

“พี่หมอ ยาอยากกลับบ้านแล้ว”

“แน่นอนครับ” อโรคาปลอบใจอย่างอ่อนโยน “อีกไม่นานน้องยาต้องได้กลับบ้าน”

“จริงเหรอคะ”

“จริงสิ ดูสิ สุขภาพน้องยาดีวันคืนแบบนี้อีกหน่อยต้องหายดีแน่ครับ”

กันติยาไม่ได้ดีใจอย่างที่ควรจะเป็น เธอเหยียดยิ้มสมเพชตัวเอง หมออโรก็แค่พูดปลอบใจ เพราะเด็กสาวรู้ดีว่าโรคประจำตัวของเธอไม่มีทางหาย นอกจากผ่าตัดหัวใจเทียมซึ่งมีเปอร์เซ็นต์รอดชีวิตน้อย หากเธอเลือกที่จะทำ ป่านนี้เธอคงไม่ได้มาเจอหมออโรผู้น่ารัก ตอนนี้เธอก็มีความสุขดี ไม่จำเป็นต้องสรรหาการรักษาต่างๆ มาทำให้อายุขัยตัวเองสั้นลงหรอก

กลัวแต่ว่า หมออโรจะมาเพื่อประโยชน์อย่างอื่น ซึ่งเธอก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเขา หมอคนนี้ดูใสซื่อแต่บางคำพูดก็ดูเหมือนเป็นพวกเจ้าชู้ กันติยาไม่อยากหลงรักคนแบบนี้ หากวันไหนเธอต้องจากโลกนี้ไป จะได้ไม่ต้องมีพันธะผูกพันกับใครอีก

“น้องยาได้เวลาทานข้าวแล้วค่ะ” แม่บ้านสาวในชุดขาวเข็นรถอาหารมาส่ง เธอวางถาดอาหารลงบนโต๊ะเมโยซึ่งใช้คร่อมเตียงสำหรับคนป่วยกินอาหาร

“มาเดี๋ยวผมป้อนเอง” อโรคาเดินเข้าไปหยิบถ้วย

แต่ก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาคว้าไว้ก่อน

“ผมจะป้อนเอง”

พี่กร! กันติยาร้องในใจ ก่อนปากจะร้องออกไปจริงๆ “มาได้ไงเนี่ย”

“ว่างก็มา” กันต์กรพูดอย่างไม่ค่อยพอใจขณะดึงโต๊ะเมโยออกไปข้างเตียง เขาเปิดถ้วยออก อาหารวันนี้เป็นข้าวหอมมะลิ ผัดผัก ไข่เจียว และต้มจืด พี่ชายตัวใหญ่หันไปมองหมอที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มแปลกๆ

“สวัสดีครับหมออโร”

อโรคาพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะขอตัวจากไป กันติยาชักเสียอารมณ์ที่พี่ชายเข้ามาขัดจังหวะความสุขของเธอ

 “พี่กร ทำไรอะ”

“เอ้า ก็จะมาป้อนข้าวแกไง” กันต์กรยื่นช้อนไปที่ปากน้องสาว “อ้าปากสิ”

เด็กสาวอ้าปากงับช้อน กันต์กรรีบดึงช้อนออกอย่างไม่ไยดีฟันน้องสาว กันติยามองพี่ชายตาขวางพร้อมกับถามเสียงเขียว

“พี่กรไล่หมอไปทำไม”

“ไม่ได้ไล่ หมอเขาคงมีธุระ” กันต์กรตักข้าวช้อนใหม่

“ไม่จริง ยารู้น่า จะกันท่าหมอเขาไม่ให้เข้ามาใกล้ยาน่ะสิ” กันติยาลองพูดไป เห็นได้ชัดว่าพี่ชายเธอมีปฏิกิริยากับคำพูดนี้ เขาหยุดตักข้าว กันติยาจึงว่าต่อ “จู่ๆ พี่กรไม่ค่อยมาป้อนข้าวยาแบบนี้นี่ วันนี้นึกอุตริอะไรได้ละ”

กันติยาดึงเอาช้อนมาจากมือพี่ชาย

“ยากินเองได้ ไม่ต้องมาทำแบบนี้หรอก มีอะไรก็พูดมาตรงๆ”

กันต์กรทำหน้านิ่ง แค่นี้กันติยาก็พอจะเดาออกว่าคืออะไร

“หวงยา?”

“ห่วง” กันต์กรเปลี่ยนคำ “พี่ว่าหมออโรดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ”

“โธ่ พี่กร ยาโตแล้วนะ”

“โตนี่แหละ ตัวดีเลย” กันต์กรหน้านิ่ว “ยิ่งโตยิ่งบ้า”

“ไอ้พี่กร” กันติยาเอ็ดเสียงเบา “ไม่ต้องมาห่วงยาหรอกค่ะ ยาดูแลตัวเองได้”

“ให้มันจริงเถอะ รู้หรือเปล่าว่าหมออโรมีแฟนแล้ว”

“ไม่รู้ค่ะ หมออโรบอกยาว่าเขายังไม่มีแฟน”

“นี่แกไม่เชื่อพี่เหรอยา”

“ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ยาก็ไม่ได้คิดอะไรกับหมออโรอยู่แล้ว” กันติยาโกหก เธอเจ็บจี๊ดที่ใจเมื่อได้ยินคำพูดของพี่ชาย แต่เธอก็ปั้นหน้านิ่งๆ แล้วเถียงอย่างคนไม่รู้สึกรู้สาอะไร เพราะเธอไม่ต้องการให้พี่ชายเห็นว่าเธออ่อนแอ “เขาจะมีแฟนหรือไม่มีแฟนไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถ้าเขามีจริงแล้วไหนล่ะแฟนเขา”

“ก็ผู้หญิงคนนั้นไง ที่มาโวยในโรงพยาบาลตอนนั้น จำไม่ได้เหรอ”

“จำไม่ได้ค่ะ จำได้แต่พี่ซูซี่น่ะแหละค่ะที่มาโวยวาย”

กันต์กรถอนหายใจหนักอก กันติยารีบตัดบท

“ช่างมันเถอะค่ะ ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องของยาอยู่แล้ว”

กันต์กรหรี่ตามองหน้าน้องสาวจนคนโดนจ้องรู้สึกอึดอัด ทำไมพี่ชายต้องมาจับผิดสีหน้าเธอตอนนี้ด้วย กันติยารีบยัดข้าวใส่ปากเพื่อแก้อาการเขิน พี่ชายคงมองออกว่าเธอคิดอย่างไรกับหมออโร และคงรู้ว่าเธอรู้ ว่าผู้หญิงที่เขาพูดหมายถึงนิภิศา แต่เด็กสาวก็ยังเชิดหน้าแล้วเถียงต่อ

“ยาไม่เชื่อหรอกค่ะ ว่าพี่ศาจะเป็นแฟนหมออโร”

“สองคนนั้นอาจเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ” กันต์กรทำเสียงแข็ง “ยายศาเข้าไปตีสนิทกับป้าเมี้ยน ส่วนหมออโรนั่นก็อาจจะเข้ามาตีสนิทกับแก อยากจะหลอกให้แกจดทะเบียนสมรสด้วย แล้วพอ…”

กันต์กรชะงักเมื่อรู้ตัวว่าเขาพูดไปด้วยอารมณ์ร้อน กันติยารู้สึกเจ็บปลาบที่หัวใจน้อยๆ แต่เธอก็ต่อคำพูดของพี่ชายจนจบ

“จนยาตายแล้วเขาจะได้สมบัติในส่วนของยา”

“คือพี่…”

“ไม่ต้องพูดแล้วค่ะพี่กร” กันติยาตัดบทเสียงสั่นเครือ “เลิกคิดอะไรไร้สาระได้แล้ว คนเราจะมีชีวิตอยู่ได้สักกี่วัน แล้วคนที่ใกล้ตายอย่างยาคงคิดอะไรกว้างไกลขนาดนั้นไม่ได้หรอกค่ะ ยาแค่อยากใช้ชีวิตให้มีความสุขไปวันๆ ก็พอ”

กันติยาแอบเห็นสีหน้าของพี่ชายดูอึดอัด ก่อนเขาจะเอ่ยเบาๆ อย่างเสียใจ

“พี่ขอโทษ”

“ไม่เป็นไรค่ะพี่” กันติยาบอกปัด “พี่กรออกไปก่อนเถอะค่ะ ยาอยากพัก”

กันต์กรลุกขึ้นช้าๆ มองกันติยาอย่างรู้สึกผิด เขาไม่น่าพูดให้เธอไม่สบายใจเลย แต่ขืนอยู่ไปตอนนี้มีหวังกันติยาต้องเจ็บช้ำใจเพราะคำพูดของเขาอีก ชายหนุ่มตัดสินใจเดินออกจากห้องผู้ป่วย โดยไม่เห็นว่าที่มุมทางเดินมีกลุ่มชายชุดดำจ้องเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา