มนตร์หงส์ NC 18+
เขียนโดย WiwaWriter
วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 20.02 น.
แก้ไขเมื่อ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 21.06 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) คนที่ใช่ก็คือใช่ คนที่ไม่ใช่ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเธอคือใคร…
คำถามนี้วนอยู่ในหัวกันต์กรมาตลอดคืน ชายหนุ่มในสภาพนอนหงายก่ายหน้าผากนึกถึงใบหน้ามนเรียวได้รูปกับดวงตาอ่อนโยนที่ดูสงบนิ่งลึกลับน่าค้นหา ปากนิดจมูกหน่อยผสมผสานความสวยกับความน่ารักได้อย่างสมบูรณ์แบบราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดที่ตวัดด้วยพู่กันวิเศษ ทั้งยังรูปร่างสูงระหงเย้ายวนนั่นอีก ทำให้หัวใจของเขาเต้นระส่ำเมื่อนึกถึงตอนอยู่ใกล้เธอ
ใช่ว่าเขาจะไม่เคยมีอารมณ์กับผู้หญิงประเภทนี้มาก่อน มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงจำพวกแต่งตัวยั่วยวนเพื่อมาหาเหยื่อในผับ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องออกหน้าเข้าไปช่วยเธอและยอมเสี่ยงถ่ายคลิปขู่เด็กนักเลงคนนั้นเพื่อให้ตัวเองโดนหมายหัว
อาจเป็นเพราะถูกใจเธอแล้ว พอนึกถึงเนื้อขาวนวลเนียนของเธอ ชายหนุ่มยิ่งอยากจับเธอขย้ำเสียตรงนั้น แต่เป็นการขย้ำที่อ่อนโยนและเสน่หา เขายอมรับว่าความรู้สึกที่มีต่อเธอต่างจากที่มีต่อสุทัตตาและผู้หญิงคนอื่น เพราะเธอคนนี้มีเสน่ห์เหลือล้ำแต่ขณะเดียวกันก็ดูน่าค้นหา แม้ภายนอกจะดูแข็งแกร่งดังเสือขาวแต่กันต์กรกลับสัมผัสได้ถึงความบอบบางน่าทะนุถนอม
เขาอยากฟังเสียงจากปากเธอว่าจะใสเหมือนหน้าตาหรือเปล่า ยิ่งเธอเงียบ เขาก็อยากใช้ปากงัดปากอิ่มน้อยๆ ของเธอให้เอ่ยพูดสักคำ ที่สำคัญพออยู่ใกล้หญิงสาวคนนี้ สร้อยคอของเขากลับมาร้อนผ่าวอีกครั้ง ทั้งที่เดิมทีอาการทุเลาแล้วตอนเขาขอตัวออกไปสูดอากาศ ชี้ชัดว่ามันแสดงปฏิกิริยากับหญิงงามคนนั้นคนเดียว ณ ตอนนั้นสร้อยไม่ได้ทำให้กันต์กรอึดอัดหรือร้อนรุ่มไปกว่าหัวใจของเขาเลย เขาจำสัมผัสของมืออันอ่อนนิ่มแต่มีกำลังมหาศาลที่รั้งเขาไว้ไม่ให้ตกพื้น กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่โชยเข้าจมูก ดวงตาคมที่มองมาและดวงหน้าขาวผ่องไร้ตำหนิที่ชายหนุ่มคนใดก็ต้องคำนึงหา
จู่ๆ ก็ทำให้กันต์กรนึกถึงนางคนหนึ่งที่เขาเห็นในฝันเกือบทุกคืนขึ้นมา เธอเป็นหญิงสาวในชุดขาวบางเหาะลงมาจากฟากฟ้า เขาจำชุดสีขาวเปล่งประกายกับขนนกที่ร่วงมาจากตัวเธอได้ขึ้นตา ถึงเขาจะมองไม่เห็นใบหน้าภายใต้เงามืด แต่ดูจากหุ่นเอกซ์ๆ แล้วกันต์กรก็จินตนาการว่ามันคงงดงามคล้ายเธอคนนี้เหลือเกิน
ชายหนุ่มเลื่อนมือมาจับที่จี้รูปบ่วงเชือกสีทองก่อนจะนึกไปถึงคำพูดของเพื่อนคนหนึ่ง
‘สร้อยนั่นเป็นของวิเศษ สวมมันไว้แล้วแกจะได้เจอเนื้อคู่’ ยายอ้วนนุชจัย หรือ ญานุชจัย ดอกเตอร์ร่างท้วมผู้หลงใหลไสยศาสตร์ทักเขาในวันงานเลี้ยงรุ่น หล่อนเป็นแม่หมอดูประจำคณะที่กันต์กรเรียน จนป่านนี้ลูกสองก็ยังคงชอบทำนายดวงชะตาคนอื่นไม่เลิก
‘บ้าน่า สร้อยเส้นนี้เนี่ยนะจะทำให้ฉันเจอเนื้อคู่’ กันต์กรถามกลับอย่างไม่เชื่อคำพูดอีกฝ่ายเท่าไร
‘เดี๊ยนดูดวงไม่เคยพลาด แกก็รู้ ไปถามยายจิ๊บ จอย ชมพู่ดูสิ’ ญานุชจัยจีบปากจีบคอพูดอย่างมั่นใจ “ฉันบอกว่ายายจิ๊บจะได้ผัวฝรั่งก็ได้จริงๆ ยายจอยฉันว่าจะได้ผัวแก่มันก็ได้แต่งกับคนรุ่นพ่อ ส่วนยายชมพู่ฉันบอกว่ามันจะเป็นโสด ก็ดูป่านนี้มันก็ยังไม่มีใคร แกไม่เชื่อก็ตามใจนะกร เรื่องดวงความรักนี้ฉันแม่นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
กันต์กรไม่ได้เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ก็ไม่ได้ลบหลู่ เพราะทุกวันนี้เขาก็ยังหมั่นทำบุญสุนทานบ่อยๆ เพื่อขอให้บุญกุศลช่วยทำให้กันติยาหายป่วย
สร้อยเส้นนี้แม่ของเขาได้มาจากตาคำ ตาของญานุชจัยอีกทีหนึ่ง แม่เรียกมันว่า สร้อยบ่วงบาศหงส์ เชื่อว่าเป็นของวิเศษ ช่วยให้ภยันตรายไม่เข้ามากล้ำกราย แต่แม่ไม่ได้บอกว่ามันจะนำพาเนื้อคู่มาให้ด้วย
เอ๊ะ! หรือว่าเขาจะเจอเนื้อคู่แล้ว
ชายหนุ่มคิดเข้าข้างตัวเอง ก่อนจะเหยียดยิ้มกับคำพูดไร้สาระของตนเอง เขาก็แค่ชอบความงามของเธอเท่านั้น ไม่นาน เขาก็คงลืมไปได้
กันต์กรสะบัดศีรษะเร็วๆ ตื่นจากภวังค์ได้เต็มที่ เขาก็หันไปมองนาฬิกาปลุกข้างกาย วันนี้เป็นวันหยุด รองประธานบริษัทจึงได้นอนตื่นสายอย่างสมใจ แต่กิจกรรมของวันนี้คือต้องไปรับสุทัตตาที่สนามบิน
ครั้งนี้คุณหนูลูกครึ่งจะมาอารมณ์ไหน ชายหนุ่มชักหนักสมอง เพราะต้องเตรียมลูกไม้ไว้รับมือกับหล่อนเหมือนเคย
@ชายหนุ่มนั่งวิเคราะห์ตลาดหุ้นผ่านแท็บเล็ตพลางจิบกาแฟอยู่ในคอฟฟีคาเฟ่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อรอรับทายาทหญิงของบริษัทคอลลี่ ท่ามกลางผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ จู่ๆ กันต์กรก็คิดเสียดายวันหยุดและเวลาว่างอื่นๆ เพราะหลังจากที่สุทัตตามาถึงเธอคงอยากควงแขนเขาไปชอปปิงนู่นนี่นั่นอีกตามเคย แต่ที่ชายหนุ่มมารับเธอถึงที่ก็เพราะเห็นแก่พี่ชายของเธอที่จะเดินทางมาด้วย
กันต์กรก้มมองหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ เมื่อเห็นว่าถึงเวลาที่คนสำคัญจะมาถึง ชายหนุ่มจึงรีบจิบกาแฟที่เหลืออยู่ครึ่งแก้ว แล้วลุกไปที่ประตูผู้โดยสารขาเข้า อีกประมาณสิบนาทีพวกเขาคงมาถึง และเผื่อเวลาอีกยี่สิบนาทีกว่าซูซี่จะแต่งหน้าเติมปากตามประสาของหญิงเปรี้ยวพ่อรวย
“นั่นกรใช่ไหม”
กันต์กรไม่คิดว่าสุทัตตาจะมาถึงเร็วกว่าที่คาดไว้ แต่พอหันขวับไปทางต้นเสียงกลับเห็นผู้หญิงร่างอวบพร้อมกับสร้อยไข่มุกเส้นโต หิ้วกระเป๋าแบรนด์เนมเดินดุ่มๆ เข้ามา กันต์กรจำได้ในทันทีว่า เธอคือเพื่อนที่เพิ่งจะคิดพาดพิงถึงเมื่อตอนเช้า ยายช้างน้ำญานุชจัยนั่นเอง
กันต์กรจึงยิ้มทักอย่างเพื่อนที่แสนดี
“ว่าไง นุชจัย ยังอยู่ดีมีสุขนะ”
“สบายดี แต่แกนี่หล่อไม่เปลี่ยนเลยนะ” เธอทักทายกลับพร้อมกับมองหน้ากันต์กรอย่างมีเลศนัย ไม่ต้องรอให้ชายหนุ่มเอ่ยถาม เธอสะบัดผมสั้นเป็นลอนถามด้วยรอยยิ้มกว้าง “เป็นไง เจอเนื้อคู่เหรอยังยะ”
คนถูกถามอึ้งไปนิดหนึ่ง ไม่คิดว่าเพื่อนสาวยังจำคำทำนายดวงของตนเองเมื่อหลายปีก่อนได้ จึงตอบกลับไปเสียงสูง
“เนื้อคู่อะไรแก ไม่มี”
“ไม่มีจริงเร้อ” ญานุชจัยหรี่ตามองเหมือนพยายามจับผิด กันต์กรจึงพยายามหลบสายตาเธออย่างอายๆ จนเธอต้องเปลี่ยนเรื่องคุย “แล้วนี่จะไปไหน”
“มารับเพื่อน” กันต์กรตอบเรียบๆ
“เพื่อนหรือแฟนยะ” เธอหยอก “ทิ้งลายได้แล้ว เจ้าหนุ่มทหารเสือ”
“แกก็พูดไป ฉันมารับน้องสาวเจ้านายน่ะ” กันต์กรปฏิเสธ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องย้อนถามกลับ “แล้วเธอล่ะ”
ญานุชจัยยิ้มกริ่ม “ฉันก็มารับแฟนกลับจากไปดูงานที่ญี่ปุ่นจ้ะ”
กันต์กรพยักหน้ารับรู้
“ว่าแต่...” ดวงตากลมของเพื่อนสาวมองมาที่อกของกันต์กร ชายหนุ่มรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้าอกตัวเองพร้อมกับทำหน้ากวน
“แกดูนมฉันเหรอ”
“ว้าย อีกรบ้า ฉันไม่อุตริดูอะไรของแกหรอกนะ” ญานุชจัยกรีดร้องเบาๆ ขณะที่กันต์กรหัวเราะอย่างสมใจที่ได้แกล้งเจ้าแม่หมอดูประจำคณะ “แล้วแกมองอะไร ยายนุช”
“ฉันจะดูว่าแกยังสวมสร้อยนั่นอยู่หรือเปล่าน่ะสิ”
กันต์กรพยักหน้าตอบเบาๆ ญานุชจัยกำชับพร้อมยิ้มกว้าง “ดีแล้ว ใส่มันไว้ มันจะนำพาเนื้อคู่มาหาแก”
ไม่ทันที่กันต์กรจะอ้าปากขัด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน หน้าจอปรากฏเบอร์โทร.ของสุทัตตาอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด เขารีบกดรับแล้วมองไปที่ประตูทางเข้าของผู้โดยสาร ก่อนจะเห็นหญิงสาวสวย ผมยาวสีบลอนด์ ร่างสูงเพรียวราวนางแบบ ในชุดเดรสเกาะอกสีน้ำเงิน พร้อมสวมแว่นตาดำ ก้าวฉับๆ มาพร้อมกับผู้โดยสารคนอื่น กันต์กรรีบโบกมือให้เธอเห็น
“แฟนแกเหรอ” ญานุชจัยทัก
“แฟนบ้าอะไรล่ะ”
แต่พอมาถึงตัว สุทัตตาก็เขย่งเท้าเกาะคอชายหนุ่ม ก่อนจะใช้จมูกโด่งเป็นสันบรรจงหอมฟอดๆ อย่างไม่อายสายตาประชาชี กันต์กรจึงค่อยๆ ดันตัวเธอออก
“ไม่เอาน่า อย่าทำแบบนี้สิ ซูซี่ นี่เมืองไทยนะครับ”
หญิงสาวทำหน้าเง้างอนพร้อมเกาะแขนทำเสียงอ้อน
“ก็ซูซี่มิสกรโซมัสนี่ค่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายเดือนแล้ว”
“แค่หนึ่งเดือนพอดีค่ะคุณซูซี่” ยายแจ๋นผู้ติดตามของสุทัตตาเอ่ยขึ้น จึงโดนเจ้านายทำตาเขียวใส่จนเจ้าหล่อนรีบหุบปาก
กันต์กรมองซ้ายมองขวาเพื่อหาคนที่มาด้วย พอไม่เห็นวี่แววจึงรีบถาม
“แล้วคุณร็อบล่ะ”
“ร็อบบอกว่าเสร็จธุระแล้วจะรีบตามมาค่ะ” สุทัตตาตอบพร้อมทำตาปริบๆ
คนอุตส่าห์เตรียมต้อนรับท่านประธานถึงกับเริ่มเคือง นี่คงเป็นแผนของเธอแต่แรก
“ไหนซูซี่บอกคุณร็อบมาด้วยไม่ใช่เหรอ”
“ก็ร็อบยุ่งจริงๆ นี่ค่ะ”
กันต์กรได้แต่ส่ายหน้าอย่างหน่ายใจ
“แฟนสวยนะ กันต์กร” ญานุชจัยที่ยืนฟังอยู่นานได้ทีเอ่ยแซว เล่นเอาสุทัตตาถึงกับยิ้มเขินอายๆ ขณะที่กันต์กรได้แต่โบกมือเป็นสัญญาณว่าไม่ใช่
“มาดามคนนี้พูดดีจังนะคะ” สุทัตตาหันไปถามญานุชจัยตรงๆ “คุณเป็นใครคะ”
“ฉัน ญานุชจัย เป็นเพื่อนซี้นายกันต์กร” หญิงร่างอวบได้จังหวะแนะนำตัวพร้อมกับยื่นมือทักทาย สุทัตตาจับมือตอบไม่กี่วินาที ญานุชจัยก็ถามอีกฝ่ายด้วยความทะเล้น “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ แล้วมีฤกษ์แต่งกันเมื่อไหร่จ๊ะ”
“นุชจัย สำรวมหน่อย” กันต์กรขบฟันพูดเบาๆ ขณะที่สุทัตตาทำหน้างง “เลิกเหรอคะ โนค่ะ โนเวย์ เราไม่มีทางเลิกกันแน่”
“เขาหมายถึง ฤกษ์ ที่แปลว่า วันดีค่ะ” แจ๋นเอ่ยขึ้น ทำให้สุทัตตาถึงกับหน้าเจื่อน แต่ก็รีบหันมาคุยกับญานุชจัยต่อเหมือนแก้เขิน “ยังเลยค่ะ คงจะเร็วๆ นี้ชัวร์ค่ะ”
“ดีเลยค่ะ สนใจดูดวงคู่มั้ยคะ”
“ยายนุช” กันต์กรเริ่มคำรามในคอ แต่ดูเหมือนว่าเวลานี้สุทัตตากับญานุชจัยจะไม่รู้สึกว่ามีเขาอยู่ด้วย
“Awesome ค่ะคุณนูส” สุทัตตาสะบัดเสียงตัวเอสได้อย่างชัดเจน
กันต์กรเห็นท่าจะไปกันใหญ่จึงรีบสะกิดแขนสุทัตตาพร้อมกับปรามเบาๆ
“อย่าไปรบกวนเขาเลย นุชจัยจะรีบไปธุระ”
แต่ยายช้างน้ำกลับชักเข้าเรื่องอีกตามเคย “ไม่เป็นไรกร ไฟลต์ของแฟนฉันยังไม่แลนดิ้ง” ส่วนสุทัตตาก็พลอยเห็นดีเห็นงามกับเรื่องการดูดวงไปด้วย ทั้งคู่พากันไปนั่งที่โต๊ะในร้านกาแฟก่อนญานุชจัยจะจัดแจงเอากระดาษในกระเป๋ามาคำนวณวันเกิดของกันต์กรกับสุทัตตาอยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่คุณหนูลูกครึ่งนั่งเท้าคางมองอย่างสนใจ
“เสร็จแล้ว” แม่หมอญานุชจัยร้องออกมา
“เป็นไงบ้างคะ” สุทัตตาถามทันควัน
ขณะที่ญานุชจัยได้แต่นิ่วหน้าและเริ่มเขียนยุกยิกอีกครั้ง แต่ที่กันต์กรเห็นก็เป็นเลขตัวเดิม เธอหันมามองหน้ากันต์กรเป็นเชิงถามคนเสียอารมณ์จึงเค้นให้เพื่อนตัวดีปริปากพูด
“มีอะไรก็พูดไปสิยายนุช”
“ดวงไม่สมพงศ์กัน”
กันต์กรเบิกตากว้างอย่างตกใจ ชายหนุ่มไม่คิดว่าญานุชจัยจะกล้าทำนายดวงและพูดตรงแบบนี้
สุทัตตานั้นได้แต่ทำหน้าฉงน ส่วนแจ๋นเอามืออุดปาก เท่านั้นยังไม่พอ หมอดูร่างอ้วนยังย้ำให้สุทัตตาต้องเหวอไปอีกสเต็ป
“หมายความว่า คุณซูซี่กับกรไม่ใช่คู่รักกัน”
“วอท! อะไรกันเนี่ย” สุทัตตาร้องเสียงดังอย่างไม่แคร์คนรอบข้าง ใบหน้าสวยบูดบึ้ง ขณะที่ปากแดงเริ่มแว้ดใส่แม่หมอตัวดี “คุณมั่วมากคุณนุช คุณมันแย่มาก”
สาวอ้วนยืดอกใหญ่ขึ้นสู้
“เอ๊ะ! ฉันก็ทำนายไปตามที่ฉันรู้ฉันเห็นนั่นแหละ”
สองสาวที่จูบปากกันเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ตอนนี้แทบจะกัดกันจนหนังเหวอะ
“โน กรต้องเป็นของซูซี่เท่านั้น” สุทัตตาสะบัดเสียงก่อนจะเข้ามากระซากแขนกร “ไปเถอะค่ะ”
“ไปนะกร” ด้านญานุชจัยก็รีบคว้ากระเป๋าแล้วทำหน้าไม่พอใจเช่นกัน “ฉันว่าบรรยากาศไม่ค่อยดี ฉันดูดวงเนื้อคู่ของแก ใกล้เข้ามาแล้ว”
“อะไรนะ” ขณะที่โดนลากแขน กันต์กรกลับสงสัยกับคำพูดและใบหน้าจริงจังของเพื่อนหญิงขณะที่เธอค่อยๆ ก้าวจากไป
ญานุชจัยพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนร่างอวบจะสะบัดบ๊อบใส่สาวลูกครึ่งแล้วเชิดหน้าจากไป สุทัตตาก็ไม่แพ้กัน เธอแบะปากพลางต่อว่าเพื่อนของชายหนุ่ม
“กร ยายแฟตนั่นท่าจะเพี้ยน”
กันต์กรส่ายหน้าอย่างหน่ายใจก่อนจะหันมาตำหนิสุทัตตา
“ก็ซูซี่นั่นแหละ ผมบอกว่าอย่าดูก็ไม่เชื่อ”
“แอมซอร์รี่ แต่ช่างเถอะ ซูซี่อยากไปจากที่นี่ใจจะขาด” สุทัตตาชวนก่อนปรายตาไปสั่งแจ๋นที่กำลังยืนนิ่งอึ้งอยู่ “ไปได้แล้ว”
“ผมจะพาคุณไปส่งบ้านนะครับ” กันต์กรหมายถึงบ้านของหญิงสาวที่เมืองไทย
“กรขา อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ” สุทัตตาขยิบตาให้อย่างมีความหมาย “ทำเหมือนซูซี่เป็นคนอื่นคนไกลไปได้”
มองปราดเดียวกันต์กรก็รู้ว่าเธอต้องการอะไร เขาจึงรีบยกประเพณีอันดีงามของไทยมาอ้าง
“ไม่ได้นะ ซูซี่เป็นผู้หญิงนะ”
“หมายความว่าไงกร” สุทัตตาเท้าสะเอวทำตาขวาง “ตอนอยู่ที่เมกากรไม่เห็นจะคิดอะไรมากมายแบบนี้เลย”
สุทัตตาเอ่ยเสียงสะบัดก่อนจะรีบเดินนำหน้ากันต์กร ขณะที่สาวแจ๋นรีบลากกระเป๋าตามไปถามติดๆ
“จะไปไหนคะ คุณหนู”
“บ้านกรสิ ถามได้” เธอตอบเสียงเข้ม
สุทัตตาไม่เคยจะเชื่อฟังเขา ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจยาวตามหลังคุณหนูผู้เอาแต่ใจอย่างหน่ายๆ ขณะเดียวกันในใจก็คิดถึงคำพูดของเพื่อนสาว แม้ปากจะบอกซูซี่ว่าไม่ได้ใส่ใจเรื่องคำทำนายของญานุชจัย แต่พอเห็นใบหน้าจริงจังกับรอยยิ้มมั่นใจแบบนั้นของเพื่อนก็ทำให้เขาอดกังวลกับคำพูดประหลาดของเธอไม่ได้ ญานุชจัยไม่เคยทำนายพลาด จนบางครั้งกันต์กรแอบตั้งข้อสันนิษฐานในใจว่าเธอมีตาทิพย์หรืออย่างไรถึงได้รู้เรื่องของชาวบ้านดีขนาดนี้
@กันติยาค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ แสงสว่างทำให้เด็กสาวต้องปิดตาลงอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วกะพริบตาถี่ๆ เพื่อให้ปรับสายตาให้มองเห็นชัดขึ้น สีขาวของเพดานห้องคือสิ่งแรกที่เธอเห็น เมื่อปรายตาไปทางซ้ายก็เห็นสายถุงน้ำเกลือกับถุงเลือดที่ฉีดเข้ามาที่หลังมือ ส่วนบนโซฟาอีกด้านมีพยาบาลนั่งอ่านหนังสืออยู่ พอเห็นคนไข้ฟื้นเธอจึงรีบเข้ามาถามพร้อมกับกดปุ่มเรียกหมอ
“เป็นไงบ้างคะ น้องยา”
กันติยาทำหน้านิ่ว
“สบายดีค่ะ แล้วพี่กรล่ะคะ”
“คุณกรทำงานอยู่ค่ะ”
เด็กสาวถอนหายใจเบาๆ
“ดีจังที่หนูยังไม่ตาย”
“ตายแล้ว น้องยาอย่าพูดอย่างนั้นสิคะ” พยาบาลประจำตัวปรามเด็กสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้น “ยังเจ็บแผลอยู่หรือเปล่าคะ”
กันติยาพยักหน้าช้าๆ เธอรู้สึกตึงที่หน้าอก ความเจ็บปวดจากแผลเย็บทุเลาลงบ้างแล้ว แต่ให้ลุกขึ้นนั่งก็คงยังไม่ไหว เด็กสาวรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตเป็นที่สุด เธอไม่อยากให้ตัวเองต้องตื่นขึ้นมาเจอกับห้องพักผู้ป่วยแบบนี้อีกแล้ว แต่ไม่ทันได้คิดแช่งตัวเองในใจต่อ ประตูห้องก็เปิดออก เด็กสาวจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่ต้องมองหน้าคนมาหา
“พี่หมอชัย ตามพี่กรให้หน่อย”
กันติยาหลับตาแล้วเชิดหน้าใส่ ลองดูว่าหมอสมชัยจะตอบเธอว่าอย่างไร แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงของอีกฝ่าย เธอจึงลืมตาหันไปมองคนที่เข้ามา ยังคงเป็นหมอร่างสูงที่ใส่ชุดกาวน์สีขาว แต่หน้าตาหมอสมชัย เพื่อนพี่ชายของเธอเปลี่ยนไปมาก ดูหนุ่มขึ้น หน้าเรียวขาวผ่องเป็นยองใย คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตานั้นมีประกายราวกับมีดวงดาวนับร้อยนับพันกะพริบพราวอยู่ในนั้น
นั่นไม่ใช่หมอชัย!
ภาพที่เห็นทำเอาเด็กสาวเหมือนกับหลุดไปอยู่ในโลกที่มีเธอกับซุป’ตาร์เกาหลีในฝันอย่างไรอย่างนั้น แต่ชายหนุ่มตรงหน้านี้ช่างเป็นอะไรที่เกินฝันจริงๆ ทุกท่วงท่าที่เดินมายังเตียงคนไข้ กันติยาแทบจะหยุดหายใจเสียให้ได้ แต่แล้วหัวใจอ่อนแรงนั้นกลับเต้นแรงขึ้นเหมือนจะทะลุออกจากอก เผลอๆ มีแรงมากพอจะลุกขึ้นมาเต้นโคฟเวอร์เสียด้วยซ้ำ เมื่อเขามาหยุดยืนข้างเตียง ห่างจากเธอแค่คืบ
“เป็นยังไงบ้าง น้องกันติยา” เสียงของชายหนุ่มช่างนุ่มเพราะหูมากมาย ขณะที่กันติยายังอึ้งกิมกี่
“รู้สึกยังไงบ้างครับน้องกันติยา”
กันติยาไม่ได้ยินเสียงที่แว่วมานั้นแล้ว เธอได้แต่มองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มตรงหน้า จนแทบจะลืมหายใจ พอเขาใช้หูฟังทาบเหนือหน้าอกของเด็กสาว เธอก็แทบจะกรีดร้องจนตัวสั่น
“น้องกันติยา ได้ยินที่หมอพูดมั้ย เป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บแผลหรือรู้สึกเหนื่อยหรือเปล่า”
กันติยาหลุดจากภวังค์แล้วสะดุ้งตอบเบาๆ
“คะ?”
หมอหนุ่มยิ้มกริ่มอย่างเอ็นดู
“รู้สึกยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่หรือเปล่าครับ”
“ไม่เจ็บแล้วค่ะ ไม่เจ็บเลย สบายดีมากเลยค่ะ” กันติยาตอบเสียงหวาน
“ดีแล้วครับ” หมอหนุ่มเอามือจับไหล่กันติยาแล้วบีบเบาๆ “งั้นก็พักผ่อนต่อนะครับ”
หมอหน้าเกาหลีหันหลังกลับ เห็นเพียงแผ่นหลังกว้าง แม้แต่ด้านหลังก็ทำให้กันติยาเคลิบเคลิ้มได้ถึงเพียงนี้ อยากจะกระโดดกอดเสียให้ได้
“เดี๋ยวค่ะ พี่หมอชื่ออะไรคะ”
หมอหนุ่มชะงัก หันหน้ามาก่อนจะยิ้มตอบ
“ชื่ออโรครับ”
“ลีจุนอโร” กันติยาเสริมเติมแต่งชื่อให้เขาเสียขนาดนั้น จนพยาบาลสองนางที่ตามมาแอบขำกันคิกคัก
“แล้วพี่หมอชัยล่ะคะ”
“หมอชัยตกลงกับคุณกันต์กรโอนคนไข้ให้ผมแล้วครับ”
“อะไรนะคะ!” กันติยาแกล้งถามไปตามมารยาท แต่ในใจกลับกรีดร้องดังอย่างมีความสุข ต่อไปนี้เธอคงมีแก่จิตแก่ใจอยากจะอยู่บนโลกต่ออีกนาน นึกว่าต้องทนดูหน้าเหี่ยวจืดชืดของหมอสมชัยต่อไปอีกหลายปีเสียแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นยอมตายเสียดีกว่า
...หมออโรขา มาหากันติยาบ่อยๆ นะ
เด็กสาวประสานมือสองข้างบนหน้าอกแล้วมองอโรด้วยความปรารถนา
“ไงยายตัวแสบ”
เสียงนั้นทำให้ภาพฝันแห่งความสุขหายวับไปทันที ทำเอากันติยาอยากจะปรี่เข้าไปทุบพี่ชายที่เดินเข้ามาขัดจังหวะตอนเธอกำลังเคลิ้มเสียให้น่วม
กันติยาส่งสายตาขุ่นเคืองมองกันต์กรที่กำลังเดินเข้ามา ทำให้มีโอกาสพินิจใบหน้าของพี่ชายจริงๆ จังๆ พี่ชายของเธอจัดว่าเป็นคนหล่อ และหากเทียบความหล่อของกันต์กรกับหมออโรแล้วก็คงเป็นคนละแบบ แต่ตอนนี้กันติยาเทคะแนนแถมเทใจให้หมออโรทั้งหมด เพราะตรงสเปกเธออย่างจัง
“รีบมาทำไมพี่กร” เด็กสาวเอ่ยถามผู้เป็นพี่ด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ
“อ้าว ยายนี่ ก็พยาบาลโทร. ไปบอกว่าตื่นมาแกถามหาฉัน” กันต์กรว่า “แหม พอมาถึงก็พูดอย่างกับไม่อยากเจอฉันเลยนะ”
“ความอยากเจอหายไปห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วละ”
กันติยาเห็นกันต์กรหันไปมองหมออโรก่อนจะยิ้มแปลกๆ เด็กสาวรู้ว่าพี่ชายเธอมองออกว่าเธอคิดอย่างไรกับอโร พี่ชายตัวแสบแสยะยิ้มก่อนจะหันไปถามหมอหนุ่ม
“เป็นยังไงบ้าง ยายน้องสาวหัวทโมน”
กันติยาอ้าปากค้างเมื่อโดนพี่ชายเล่นงาน ...จะหักหน้าเธออย่างนั้นหรือ ไม่มีทาง
“ก็สบายดีค่ะ พี่ชายจอมเจ้าชู้”
“อะไรๆ” กันต์กรรีบเอ็ด “หุบปากไปเลย ฉันคุยกับคุณหมอ ไม่ได้คุยกับแกสักหน่อย”
“เผอิญได้ยินค่ะ” กันติยากอดอกเถียง หน้าแดงเรื่อเพราะความเขินอายหมอหนุ่ม
“น้องกันติยาอาการดีขึ้นมากแล้วครับ จากนี้ไปคงดีขึ้นเรื่อยๆ”
กันต์กรยิ้มอย่างพอใจกับคำพูดของหมออโร ก่อนจะขยี้ผมของยายหัวทโมนให้ยุ่งเหยิงอย่างมันเขี้ยว
“เถียงได้ขนาดนี้คงจะไม่เป็นไรแล้วจริงๆ แหละ”
แล้วจู่ๆ กันต์กรก็เข้าไปกอดหมออโร “ขอบคุณมากครับหมอ”
“อี๋ ไอ้พี่กรออกมาจากหมออโรเดี๋ยวนี้นะ” กันติยาร้องขณะที่กันต์กรทำสายตาเย้าแหย่ใส่
“หึงหรืออิจฉาวะ ยายยา” กันต์กรสวนคืน กันติยาหน้าแดงก่ำ เถียงไม่ออก “คุณหมอต้องระวังยายเด็กหัวทโมนคนนี้ไว้ให้ดีนะครับ มันคลั่งดาราเกาหลี คุณหมอหน้าตรงสเปกมันแบบนี้ ระวังจะโดนยายเด็กนี่เขมือบแล้วไม่ยอมคายนะครับ”
“ตายแล้ว ไอ้พี่กร อย่าเอานิสัยของตัวเองมาป้ายให้คนอื่นแบบนี้สิ” กันติยาร้องเสียงสูง “น้องไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก”
หมออโรกำหมัดปิดปากหัวเราะเบาๆ
“พี่กรน่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้ ดูหมอเขาหัวเราะเยาะยาแล้ว” กันติยาทำหน้าไม่พอใจ แต่เธอก็แกล้งงอนไปอย่างนั้นแหละ เพราะรู้ว่าพี่ชายต้องง้ออยู่ดี
“โธ่ๆ พี่ก็ล้อเล่นน่า ยายยาของพี่น่ารักที่สุดในสามโลกเลย”
กันติยาที่ปั้นหน้าบึ้งหลุดขำกับคำพูดของกันต์กร ยิ่งเห็นใบหน้าหล่อเข้มที่เหมาะกับบทขรึมๆ แต่มาเล่นมุกใส่แบบนี้ ก็ยิ่งขำ ...หมดหล่อไปเลยพี่ชาย
ได้เห็นใบหน้าที่มีความสุขของพี่ชาย เด็กสาวก็โล่งใจ ที่เธอแกล้งทะเลาะเล่นกับเขาก็เพราะไม่ต้องการให้เขาเคร่งเครียดเหมือนตอนเวลาที่อยู่ข้างนอกห้อง เธอรักกันต์กรมาก เพราะนอกจากเขาจะเป็นพี่ชายแล้วยังเป็นเหมือนพ่อและเพื่อน หากเธอต้องการอะไร เขาก็จะหามาให้ได้เสมอ แม้จะงานยุ่งแค่ไหนก็ยังรีบแวบมาหากเธอต้องการเจอ แต่สิ่งเดียวที่คนเป็นน้องสาวปรารถนาก่อนจะตายก็คือได้เห็นพี่ชายได้อยู่กับคนที่เขารัก แต่เด็กสาวก็ไม่แน่ใจเลยว่าเธอจะมีโอกาสนั้นหรือไม่ เพราะกันติยารู้ตัวดีว่าเธอคงอยู่ในโลกนี้ได้อีกไม่นาน
แต่นั่นมันคือความคิดในอดีต วันนี้พอได้พบหมอใหม่คนนี้แล้วเธอกลับรู้สึกเหมือนมีแรงกำลังที่จะสู้ต่ออย่างประหลาด เพียงแค่เขาพูดหรือสัมผัสตัวเธอเบาๆ ก็ทำให้หัวใจเธอเต้นแรง และอยากจะลุกลงไปกระโดดสักสิบครั้ง ผู้ชายอะไรทั้งสุภาพและน่ารักน่าหยิกขนาดนี้
“น้องกันติยาแข็งแรงขึ้นมาก อีกหน่อยก็เดินได้ครับ” หมออโรบอกอย่างมั่นใจ “ตอนนี้ให้น้องกันติยาพักผ่อนก่อนแล้วกัน”
กันติยายิ้มกว้างให้คำพูดของหมออโร แต่จู่ๆ สีหน้าของหมอหนุ่มก็เปลี่ยนไป ดูเหมือนประหลาดใจกับอะไรบางอย่าง
“คุณกร ขนนกติดหลังแน่ะครับ”
“ขนนก ไหนครับ” กันต์กรขมวดคิ้วก่อนจะเอี้ยวหัวไปมองหลังตัวเองอย่างสงสัย “ไม่เห็นมีนี่ครับ ยายยาเห็นมั้ย”
“สงสัยเมื่อคืนขนจากปีกนางฟ้าจะติดมาละมั้ง” น้องตัวแสบไม่ได้ตอบแต่กลับเอ่ยแซว
กันต์กรทำหน้านิ่วก่อนจะแยกเขี้ยวใส่น้องสาว
“สงสัยผมจะตาฝาดน่ะครับ” หมออโรตัดบท “ไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”
กันต์กรกล่าวขอบคุณ ขณะที่กันติยาโบกมือพร้อมโปรยรอยยิ้มหวาน อโรยิ้มจางๆ ให้กันติยาก่อนจะรีบออกจากห้องทันที เขาแยกกับพยาบาลทั้งสองแล้วหยุดยืนอยู่มุมทางเดินปลอดคน หมอหนุ่มค่อยๆ แบมือข้างซ้ายออกเผยให้เห็นขนหงส์สีขาว
อโรเม้มปากแน่นก่อนจะพึมพำกับตัวเอง
“นิภิศา เจ้าตามมาหาข้าแล้วจริงๆ!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ