มนตร์หงส์ NC 18+

10.0

เขียนโดย WiwaWriter

วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 20.02 น.

  13 บท
  0 วิจารณ์
  24.35K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 21.06 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) แปลกที่ก็แปลกใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หลังต้นไม้ใหญ่ในสวนสาธารณะใจกลางเมืองหลวง หงส์นิภิศากลับสู่ร่างมนุษย์แล้วกวาดมองเมืองอันมโหฬารเกินกว่าที่เธอนึกภาพไว้อย่างแปลกตาแปลกใจ ตึกสูงเทียมฟ้าเบื้องหน้าและรอบตัวละลานไปด้วยแสงจากหลอดแก้วมากมาย แม้หลอดแก้วพวกนั้นจะแวววาวแต่ก็ไม่สดใสเหมือนดังธรรมชาติสร้าง ส่วนบนผืนฟ้ามืดก็ยังถูกอำพรางไปด้วยหมอกควันจนไม่เห็นดวงดาว แถมยังมีเสียงร้องดังไปทั่วทุกอาณาบริเวณ ซึ่งไม่นานเธอก็จับต้นเสียงได้ว่ามันมาจากพวกเต่ายักษ์หลากสีซึ่งมีดวงไฟสาดแสงอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แล่นแข่งกันไปมาบนพื้นและสะพานหินใหญ่ที่ทอดยาวข้ามแม่น้ำกว้างด้านข้าง แม้มองไม่เห็นความใสหรือขุ่นมัวของสายน้ำ แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นที่ไม่สะอาดบริสุทธิ์เช่นทะเลสาบใกล้กระท่อมของเธอ คิดแล้วนิภิศาก็โหยหาความสงบในจิตตกูฏมากกว่าสถานที่อันครึกครื้นเช่นนี้

นิภิศาสร้างมนตร์พรางกายขึ้นเพื่อทดสอบว่าพลังของเธอใช้การได้ดีหรือไม่ ผลเป็นที่น่าพอใจ เพราะตลอดเวลาที่หญิงสาวเดินเตร็ดเตร่ให้คุ้นกับเมืองอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง มนุษย์ที่เดินผ่านเธอไม่มีปฏิกิริยากับชุดแปลกตาของเธอสักคน นี่เป็นลางดีว่ามนตราอื่นๆ จะใช้ได้ดีไม่แพ้กัน

หงส์สาวหันมาพิจารณาลักษณะของพวกมนุษย์ ส่วนใหญ่แล้วเพศหญิงจะสวมชุดวับๆ แวมๆ ปิดนิดเปิดหน่อย ต่างจากอาภรณ์รุ่มร่ามของนิภิศาอย่างสิ้นเชิง มนุษย์ชอบเดินเกี้ยวกันเป็นคู่ๆ อย่างไม่อายฟ้าอายดิน หากเป็นที่จิตตกูฏคงจะถูกเหล่าหงส์ติฉินกันให้อายจนต้องแทรกแผ่นดินหนี นิภิศาไม่ได้กังวลว่าต้องใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น เพราะกายของเธอเป็นแค่กายจำแลงจึงไม่น่าอายและถือว่าเป็นการทำตัวให้กลมกลืนกับพวกมนุษย์

นิภิศาลองมองรอบตัวเพื่อหาชุดของมนุษย์ผู้หญิงมาเป็นแบบ แล้วสายตาคมก็เหลือบไปเห็นหญิงชุดขาวคนหนึ่งกำลังเกาะแขนเคียงคู่มากับชายวัยกลางคนร่างอ้วนพีศีรษะล้าน คงจะมากับบิดาของหล่อน ช่างดูเป็นบุตรีผู้กตัญญูในสายตาของนิภิศา หงส์สาวจึงไม่ลังเลที่จะเลือกเสื้อผ้าของมนุษย์หญิงคนนั้นเป็นต้นแบบ ชุดสีขาวลายดอกไม้ดูงามนักเมื่ออยู่บนร่างสะโอดสะองของหญิงสาวผู้นั้น และเป็นชุดที่นิภิศาถูกใจที่สุดในตอนนี้

คิดแล้วจึงพนมมือไหว้ท่องคาถาเปลี่ยนชุดที่ได้ร่ำเรียนมา ไม่นานชุดรุ่มร่ามของเธอก็ค่อยๆ หดลงและแปรเปลี่ยนเป็นชุดเดียวกับต้นแบบไม่มีผิด

ชั่วพริบตานิภิศาก็อยู่ในชุดเดรสรัดรูปเกาะอกสีขาว โชว์เนินอกนวลเนียน ชายกระโปรงสั้นขึ้นมาจากเข่าประมาณสองคืบ เผยเรือนขาเรียวยาว รองเท้าส้นสูงที่ไม่เคยใส่ทำให้นิภิศาเดินลำบาก แต่วิชาทรงตัวบนเถาวัลย์ข้ามแม่น้ำใหญ่จากท่านยายสุเรนนากลับช่วยให้เธอปรับสมดุลบนรองเท้าประหลาดได้โดยมิยาก

นิภิศาหันไปมองเจ้าของชุดต้นแบบ หล่อนเดินไปที่เต่ายักษ์ ขณะที่ชายคนสูงวัยกว่าเปิดประตูข้างตัวเต่าพร้อมกับผายมือเชิญให้ลูกสาวเข้าไป นิภิศาที่อยู่ไม่ไกลจึงได้ยินที่หญิงคนนั้นพูดกับผู้เป็นพ่อ

“เสี่ยขา คืนนี้เราไปที่ไหนกันดี”

“ไปที่ไหนก็ได้ที่หนูอยากไป สวรรค์หรือโรงแรมดีล่ะ”

“เสี่ยน่ะ บ้า” หญิงสาวคนนั้นตีไหล่ผู้ที่หล่อนเรียกว่าเสี่ยเพียงเบาๆ

นิภิศาเผลอยิ้มน้อยๆ ที่เห็นคู่พ่อลูกหยอกล้อกันอย่างรักใคร่ ซึ่งในชีวิตนี้เธอคงไม่มีวันได้สัมผัสกับตัว

สายตาของมนุษย์ผู้ชายแถวนั้นทำให้นิภิศากลับมาสนใจตัวเองอีกครั้ง ขนาดเธอแปลงกายให้กลมกลืนกับมนุษย์ผู้หญิงแล้วไฉนถึงมีคนมองเธอด้วยสายตาตะลึงงัน แต่นิภิศาก็ไม่ได้ใส่ใจ เธอรีบมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือตามที่หงส์หยั่งรู้เคยบอกไว้จากการขอพรข้อแรกของเธอ หญิงสาวเดินเตร่ไปจนเจอกับปราสาทใหญ่หลังงาม มีรูปหงส์คู่ส่องแสงสวยงามกับตัวหนังสือที่เธออ่านไม่ออก ด้านหน้าทางเข้ามีทหารในชุดสีขาวและใส่เสื้อนอกสีดำสนิท มีเครื่องประดับที่ทำจากผ้าคาดไว้ที่คอด้วย พวกเขากำลังผายมือเชื้อเชิญให้ผู้คนเข้าไปข้างใน

“เชิญครับคุณผู้หญิง สวอนผับยินดีต้อนรับครับ” ทหารคนหนึ่งเอ่ยกับเธอ เป็นสำเนียงที่เพี้ยนไปจากผู้หญิงคนเมื่อกี้อยู่บ้าง

นิภิศาเห็นหลายคนเข้าไปในนั้น บางทีอโรคาอาจจะมาอยู่ที่นี่ นิภิศาตัดสินใจเดินเข้าไปข้างใน ทันทีที่ประตูเปิดออก เสียงดนตรีที่ฟังแล้วเหมือนเสียงพสุธาถล่มก็ดังโหมกระหน่ำเข้าใส่ พร้อมกับกลิ่นของอบายมุขที่ชวนให้พะอืดพะอมยิ่งนัก ทำให้หงส์สาวต้องถอยออกมาทันใด

“คุณผู้หญิงเชิญข้างในครับ”

ทหารคนนั้นพูดเชื้อเชิญ แต่นิภิศากลับตัดสินใจถอยออกมาตั้งหลักก่อนเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ แม้ความบริสุทธิ์จะห่างชั้นจากจิตตกูฏนัก แต่ก็มิเลวร้ายเท่าข้างในนั้น

หรือมันจะเป็นปราสาทของปิศาจร้ายกันแน่ อโรคาถูกจับตัวอยู่ในนั้นหรืออย่างไร คิดแล้วหงส์สาวก็เลี่ยงออกมาที่หลังต้นไม้หน้าปราสาท ก่อนจะพนมมืออธิษฐานขอใช้พรข้อที่สอง

‘ขอจงส่งความในจิตขอพรถึงหงส์สุรเสียงแห่งจิตตกูฏ’

 “นิภิศา” เสียงหนึ่งดังแว่วขึ้นมา

“ข้าต้องเข้าไปในปราสาทนั่นใช่หรือไม่”

“ใช่ เจ้าต้องเข้าไป หงส์หยั่งรู้บอกว่าจับสัมผัสของอโรคาได้จากข้างในนั่น”

“สัมผัสของอโรคา” นิภิศาทวนคำพลางคิด แต่ก็ยังเป็นกังวล “พลังแห่งกิเลสร้ายแรงขนาดนั้น ข้าไม่แน่ใจว่าต้องเจอกับอะไร”

“ฤทธีของเจ้านั้นสูงส่ง พลังแห่งกิเลสพวกนั้นทำอะไรเจ้าไม่ได้หรอก มีเพียงแต่จะทำให้เจ้ารำคาญเท่านั้น” เสียงของหงส์ผู้หยั่งรู้ดังแทรกเข้ามา “พวกเรามิอาจช่วยเจ้าได้ตลอด พลังที่จะส่งถึงเจ้า พวกเราใช้ได้แค่คนละครั้ง มั่งมีมีอะไรจะให้เจ้า แบมือสิ นิภิศา”

หงส์สาวพยักหน้าเข้าใจที่พูด ก่อนจะแบมือตรงหน้า ทันใดนั้นถุงผ้าถักด้วยไหมเงินก็ปรากฏบนฝ่ามือ

“นี่คือพวกอัญมณี เห็นยายสุเรนนาบอกว่ามนุษย์นั้นชอบมันยิ่งนัก”

นิภิศามองถุงอัญมณีมีค่า ซึ่งมั่งมีให้เธอไว้ใช้ในการแลกเปลี่ยนหรือตอบแทนแก่มนุษย์ อันเป็นพรข้อที่สามที่หงส์สาวใช้ไป

ไม่ทันได้คุยกันต่อ เสียงของพวกหงส์วิเศษก็หายไป แต่ภารกิจต้องดำเนินต่อ เธอต้องตามอโรคากลับมาให้ได้ นิภิศาสูดหายใจลึกยาว หันมามองประตูอย่างแน่วแน่ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าไปข้างใน คราวนี้หงส์สาวต้องรับคลื่นแห่งกิเลสมากมายที่ถาโถมใส่ ทั้งกลิ่นของน้ำจัณฑ์ กลิ่นควันเหม็นโฉ่ โลกีย์กามในแววตาของบรรดาบุรุษและสตรี แต่ร่างกายเธอก็สามารถสะท้อนมันออกไปได้หมด

ทันใดนั้นทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่งลง นิภิศารู้ตัวว่าเธอไม่ได้เผลอใช้มนตร์สะกดอันใดเลย แต่ทำไมทุกคนในผับต่างหยุดนิ่ง ทุกคนเพ่งความสนใจมาที่เธอ ไม่ว่าจะเป็นหญิง ชาย หรือชายที่แต่งตัวคล้ายหญิง ความสนุกสนานชะงักลง มีเพียงเสียงดนตรีที่ยังบรรเลงอยู่

ดวงตาหลายคู่ลุกวาวและจับจ้องคนมาใหม่ สำหรับนิภิศาทุกสายตานั้นช่างน่าขยะแขยงและน่ารังเกียจ เพราะมันดูโสมมยิ่งกว่าสายตาของบรรดาหงส์หนุ่มที่พินิจพิศมองหงส์สาวที่ตนชอบพอมาก ถึงกระนั้นคนแปลกถิ่นก็ไม่ได้หวั่นเกรงแต่อย่างใด

ไม่นานก็มีหญิงวัยกลางคนแต่งตัววับๆ แวมๆ ทำทรงผมฟูเหมือนพุ่มไม้ เข้ามาทักนิภิศา

“สวัสดีค่ะ จองโต๊ะไว้มั้ยคะ”

นิภิศางุนงงกับสิ่งที่หล่อนพูด ก่อนจะส่ายหน้าตอบไปเป็นสัญญาณว่าไม่เข้าใจ หญิงที่ออกมาต้อนรับก็ยิ้มกว้างแล้วพูดว่า

“อ้อ ถ้าเป็นลูกค้ารายใหม่ ผับของเราต้องสมัครสมาชิกก่อนนะคะ ถึงจะเข้าใช้บริการได้”

แต่ไม่นานนิภิศาก็นึกถึงคำพูดของท่านยายสุเรนนา มนุษย์อาจต้องการเงิน  นิภิศาล้วงเข้าไปในถุงผ้า ก่อนจะหยิบเพชรเม็ดหนึ่งให้อีกฝ่าย แต่หญิงผมฟูกลับเหยียดยิ้มแล้วส่ายหน้าตอบ

“เราไม่รับเครื่องประดับค่ะ ขอเป็นเงินสดหรือไม่ก็เครดิตการ์ดเท่านั้น”

นิภิศาไม่รู้ว่าเจ้าเงินสดหรือเครดิตการ์ดที่ว่าเป็นอย่างไร แต่มั่นใจว่าในถุงผ้าของเธอไม่มีแน่

“ไม่มีก็เชิญออกก่อนค่ะ” หญิงคนนั้นพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ แต่สายตาดูเหยียดหยามอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันเสียงของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้น

“ไม่ต้องหรอก เจ๊อ้อย”

นิภิศาหันไปมองเจ้าของเสียงอย่างช้าๆ เขาเป็นบุรุษหนุ่มร่างสูง แต่แววตานั้นแฝงความเจ้าเล่ห์ ดูแล้วอายุอานามคงเด็กกว่าเธอมาก

“อ้อ เป็นแขกของคุณเองเหรอ” คนที่ถูกเรียกว่าเจ๊อ้อยพยักหน้าอย่างนอบน้อม “งั้นก็เชิญตามสบายนะคะ”

ว่าแล้วหล่อนก็ขอตัวจากไปอย่างนอบน้อม ดูท่าทางชายที่มาช่วยเธอคงจะมียศถาสูงพอควร

“คืนนี้มากับใครเหรอครับ”

เขากล่าวอย่างสุภาพ แต่ลมปากของเขามีกลิ่นน้ำจัณฑ์ปนมาด้วย

“ถ้าไม่รังเกียจไปนั่งดื่มกับผมสักหน่อยมั้ย” เขายกแก้วให้แล้วผายมือเชิญ นิภิศาขยับตัวออกห่างก่อนจะโบกมือปฏิเสธ  มีหลายคนเหมือนจะเข้ามาหาเธอ แต่พอชายหนุ่มตรงหน้านั้นปรายตามองก็ไม่มีใครกล้าเหยียดเท้าเข้ามา ชายหนุ่มทรงอิทธิพลพยายามยิงคำถามใส่นิภิศาหลายข้อ เช่น ชื่ออะไร มีเบอร์ไหม มีฟงมีแฟนอะไรสักอย่างซึ่งนิภิศาก็ได้ยินไม่ค่อยชัด ดูท่าทางแล้วไม่น่าไว้ใจเท่าไร แถมยังพยายามเฉียดตัวเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ หงส์สาวพยายามไม่ใช้มนตราและได้แต่ท่องในใจว่า...ใจเย็น

จากนั้นนิภิศาก็หันหลังให้เขาแล้วจะเดินหนี

หมับ…

เพราะมีแต่กลิ่นอายแห่งโลกีย์ทำให้นิภิศาไม่มีสมาธิระวังตัวเท่าที่ควร อะไรบางอย่างสัมผัสที่บั้นท้ายอันงอนงามของเธอ ตอนนี้ธรรมบทไหนก็รั้งอารมณ์เธอไว้ไม่อยู่ หงส์สาวหันขวับแล้วผลักร่างนั้นไปติดกับโต๊ะจนล้มคว่ำ แก้วและจานตกลงมาแตกระเนระนาด เหล่าคนที่เริงระบำอยู่ต่างชะงักนิ่ง แล้วส่งเสียงร้องอย่างตกใจ ชายหนุ่มผู้ฉวยโอกาสคนนั้นนอนหงายไม่เป็นท่า นิภิศาใจเต้นแรง ในที่สุดเธอก็เผลอใช้พลังไปจนได้

ท่ามกลางความอลหม่าน ชายหนุ่มคนนั้นลุกขึ้นมาชี้หน้าเธอ

“แกกล้าดียังไงมาผลักฉัน นังตัวดี”

“เจ้าล่วงเกินข้า” นิภิศาบอก

“ล่วงเกินเหรอวะ” มันหัวเราะเยาะ ขณะที่คนอื่นๆ ได้แค่มุงดู “ดูแต่งตัวสิ อย่างกับผ่านมาเป็นร้อยเป็นพัน ของมันสวยแต่ไม่สด จับนิดจับหน่อยจะเป็นไรไป อย่ามาทำเป็นเวอร์จินไปหน่อยเลย แต่งตัวมาขนาดนี้ก็อยากได้ผู้ชายรวยๆ ไม่ใช่เหรอไงวะ”

นิภิศายังทำหน้านิ่งและตั้งใจฟัง เธอไม่ได้เข้าใจทุกคำพูดหรอก แต่ดูจากสีหน้าแล้วคงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่

“เห็นมั้ย ไม่เถียง โธ่เอ๊ย”

แต่มีอย่างหนึ่งที่เธอเถียงได้ นั่นคือเรื่องการแต่งตัว ผิดตรงไหน เธอก็แต่งตัวเหมือนคนอื่นๆ แล้วไยถึงมาตำหนิกัน

เมื่อเหลียวมองดูรอบตัวแล้วเห็นคนอื่นพากันนิ่งเฉย หงส์สาวก็ได้แต่คิดว่าโลกมนุษย์นี่ก็แปลก แล้งน้ำใจกันจริง ขนาดสตรีเพศถูกล่วงเกินแบบนี้ยังนิ่งเฉย ยืนดูกันอยู่ได้ แล้วมนุษย์ต่ำทรามคนนี้ยังอาจหาญกระทำผิดต่อหน้าสาธารณชน หากเป็นจิตตกูฏคงจะโดนหักขาหักปีก นิภิศานึกโกรธในใจแต่ก็ยังนิ่งทั้งหน้าและท่าทีเพื่อรอดูว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนต่อ

“เกิดอะไรขึ้นครับ ผมเป็นตำรวจ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ชายในสภาพเมาคนนั้นเดินเข้ามาถาม นิภิศาเบี่ยงตัวให้เขาผ่านไปหาชายบ้ากาม

“ใครวะ ใครกล้ายุ่ง” คนล่วงเกินประกาศกร้าว

“เมื่อกี้เห็นมันแอบจับก้นน้องเขาว่ะ ไอ้กล้า” ชายคนที่ใส่กรอบสี่เหลี่ยมไว้ที่ตาพูดเสริม

“คุณทำแบบนี้ไม่ถูกนะ” คนที่ประกาศตัวว่าเป็นตำรวจเดินเข้าไปเจรจา แต่อีกฝ่ายกลับแสดงความไม่พอใจ ก่อนตำรวจหนุ่มจะทำตาปรือตามประสาคนเมามองอีกฝ่ายเหมือนรู้จักกัน “อ้อ ลูกรัฐมนตรีทรงธรรมนี่เอง”

“เออว่ะ รู้แล้วก็ดี อย่ามายุ่ง” ฝ่ายที่ถูกเอ่ยถึงยืดตัวกร่าง

“ผมว่าคุณเมามากแล้ว กลับไปเถอะ” นายตำรวจที่ชื่อกล้าลูบหลังเขา แต่ฝ่ายนั้นที่หน้าแดงเรื่อสะบัดมือตำรวจหนุ่มออกไปอย่างไม่ไยดี “อย่ามายุ่งกับกู เดี๋ยวจะโดนเด้ง”

“ไอ้น้อง ทำแบบนี้นึกว่าเท่หรือไง” จู่ๆ ก็มีชายคนที่สามแทรกเข้ามา

ทันทีที่เขาผ่านตัวนิภิศาไป หญิงสาวต้องสะดุ้งกับบางสิ่ง เธอไม่ได้อยากรู้ว่าเขาเป็นใคร แต่เธอสัมผัสถึงบางอย่างได้จากเขา

ชายหนุ่มแปลกหน้าแทรกร่างสูงใหญ่ออกมาจากฝูงชนพร้อมถือวัตถุเล็กบางในมือ และมันกำลังฉายภาพของหนุ่มที่ลวนลามเธออยู่ในจอสี่เหลี่ยม

...หรือมนุษย์คนนี้จะมีคาถามนตราเช่นกัน ท่านยายสุเรนนาเคยบอกว่ามีมนุษย์บางคนที่ใช้มนตร์คาถาได้ หรือคนนี้จะเป็นหนึ่งในนั้น

 “เฮ้ย แกทำไรวะ” เจ้ามนุษย์หื่นกามดูท่าจะเป็นเดือดเป็นร้อนไม่น้อย ดูเหมือนว่าอาวุธวิเศษนั้นกำราบมันได้อย่างดี

“ถ่ายคลิปไง” ชายหนุ่มร่างสูงที่ถือของวิเศษบอกให้อีกฝ่ายรู้ “คอยดูสิว่าลูกชายนักการเมืองชื่อดัง เมาแอ๋ จับก้นสาวในผับจะเป็นยังไง”

“เฮ้ย อย่านะมึง ฝากไว้ก่อนเหอะ” ว่าแล้วมันก็รีบปิดหน้าปิดตาก่อนจะวิ่งเซไปชนโต๊ะล้ม ไม่นานก็มีคนหิ้วปีกออกไป

หญิงเจ้าของร้านหัวฟูที่ทำอะไรไม่ได้เดินเข้ามาขอค่าเสียหายที่นิภิศา แต่ชายหนุ่มที่ชื่อกล้าก็อาสาไปเจรจาให้หล่อนเพราะนิภิศายังทำหน้านิ่งอยู่

“เจ๋งว่ะ ไอ้กร สมกับเป็นหัวหน้าทหารเสือจริงๆ” นิภิศาได้ยินชายหนุ่มใส่แว่นชมพร้อมกับกอดคอเพื่อนคนนั้น

หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มตาไม่กะพริบ ขณะที่คนอื่นๆ เริ่มสลายตัวไปรื่นเริงกันต่อ ผู้มีฤทธิ์ที่เข้ามาไล่มนุษย์ชั่วไปคือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ แม้ข้างในนี้จะสลัวแต่ก็เห็นชัดถึงใบหน้าคมเข้ม คิ้วหนา นิภิศามองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นผู้มีบุญญาธิการ และที่สำคัญเขามีสัมผัสของอโรคาอยู่ เธอยิ่งต้องระวังตัวเต็มที่ เพราะเขากำลังเดินมาหา

“คุณไม่เป็นไรนะครับ” เสียงทุ้มทักขึ้น ขณะที่ด้านหลังนั้นมีหนุ่มติดกรอบสี่เหลี่ยมที่ตากำลังทำหน้าเจ้าเล่ห์พิกล

เขาจับที่ไหล่เธอเบาๆ  นิภิศาสะดุ้งเล็กน้อยจนต้องรีบเอาตัวออกห่าง แต่เธอก็รู้ว่ามีสัมผัสของอโรคาติดอยู่บนมือของเขา แสดงว่าชายคนนี้เคยเจออโรคาหรือไม่ก็จับตัวอโรคาไว้

“เจ้าหมอนั่นมันก็แบบนี้แหละครับ ลูกนักการเมืองชื่อดัง กร่างไปทั่ว โดยเฉพาะที่นี่ มันเห็นว่ามีพ่อเป็นหุ้นส่วนอยู่เลยจะทำอะไรก็ได้”

นิภิศายังคงมองหน้าคนพูดอย่างสงสัย ขณะที่อีกฝ่ายต้องหุบปากและจ้องตาปริบๆ ใส่

“นี่คุณจะไม่พูดอะไรเลยหรือไง”

“โธ่ จะขอเบอร์ก็ขอไปสิวะ อ้อมค้อมอยู่ได้ เสียลายเสือหมด” คนที่สวมกรอบสี่เหลี่ยมที่ตาเอ่ยขึ้น นิภิศาได้ยินอีกคนเรียกเขาว่า ชัย

“ไอ้ชัย เดี๋ยวเหอะ” ชายหนุ่มผู้มีเวทมนตร์หันไปตำหนิเพื่อนเบาๆ

ส่วนนิภิศาก้าวถอยหลังแล้วรีบเดินหนี อีกฝ่ายวิ่งตามมาอย่างไม่ระวังจนสะดุดขาตัวเอง แต่นิภิศาที่ว่องไวกว่าช่วยคว้าเอวเขาไว้ได้ ขณะที่ชายหนุ่มคนนั้นอยู่ในอ้อมแขนเธอ เล่นเอาคนแถวนั้นอ้าปากค้างกับความแข็งแรงของหญิงสาว

คนที่ตะลึงที่สุดเห็นจะเป็นชายหนุ่มตรงหน้า เขาตัวแข็งทื่อเหมือนรูปปั้นหินก็มิปาน นิภิศามองหน้าเขาแล้วแลเลยไปเห็นบางอย่างที่คอเสื้อของอีกฝ่าย

...สร้อยสีทองอร่ามกับจี้รูปบ่วงบาศ

นิภิศาใจเต้นแรงทันที ดวงหน้าเรียบเนียนนั้นแสดงความตกใจเพียงเล็กน้อย ก่อนมือของเธอจะอ่อนแรงปล่อยให้ชายหนุ่มร่วงลงไปกองกับพื้น

“โอ๊ย...นี่คุณ เต็มใจช่วยผมหรือเปล่าเนี่ย”

นิภิศาแทบไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่าเขาพูดอะไร เธอรีบก้าวยาวๆ ออกจากที่แห่งนั้นทันที เพราะเธอได้แปะขนนกติดตามไว้ที่ด้านหลังเขาแล้ว แต่ประเด็นสำคัญยิ่งก็คือ สร้อยบ่วงบาศหงส์มาอยู่ที่ชายผู้นี้ได้อย่างไร

ตอนนี้เธอไม่รู้สึกยินดีปรีดากับกลิ่นอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกอีกแล้ว เพราะบางอย่างในใจกำลังเรียกร้อง เธอยกแหวนทองที่สวมอยู่ที่นิ้วขึ้นมาดู...แหวนหงส์ฟ้า หัวแหวนเป็นรูปหงส์สยายปีก พร้อมกับนึกถึงเรื่องที่ยายสุเรนนาเคยเล่าให้ฟังว่า สร้อยบ่วงบาศหงส์กับแหวนหงส์ฟ้าล้วนเป็นของศักดิ์สิทธิ์หายากทั้งคู่ ผู้ครอบครองต้องเป็นผู้มีตำแหน่งสูงในจิตตกูฏ

แต่นิภิศาไม่ได้สนใจในจุดนั้น สร้อยบ่วงบาศนั่นหายไปเนิ่นนานแล้ว ยายสุเรนนาบอกว่ามันเคยเป็นของวิเศษในการดูแลของพี่สาวเธอ แต่ตอนนี้กลับมาอยู่ในมือมนุษย์คนนี้

เกิดคำถามขึ้นในใจนิภิศาอย่างปฏิเสธมิได้ หรือท่านยายสุเรนนามีอะไรปกปิดเธอไว้กันแน่

ไม่ ท่านยายสุเรนนาแม้จะเป็นคนเข้าใจยาก แต่ก็จริงใจ ท่านคงอธิบายสิ่งที่เธอเห็นหลังจากที่กลับไปจิตตกูฏได้ แต่ตอนนี้หงส์สาวต้องหาตัวอโรคาให้พบก่อน ซึ่งก็คงไม่นานนักหรอก หากเธอพยายามจับตามองบุรุษคนนี้ไว้ให้ดี

ต่อไปนี้เธอคงต้องระวังตัวมากขึ้น โลกมนุษย์อันตรายเหมือนที่ท่านยายสุเรนนาว่าไว้ไม่ผิด ใจมนุษย์ลึกล้ำเกินกว่าจะเข้าใจ กิเลสตัณหาลอยว่อนไปทั่วสิ่งก่อสร้างสูงใหญ่ท่ามกลางแสงสียามวิกาล

 

@นิภิศานั่งอยู่บนต้นไม้ใหญ่ในสวนสาธารณะ เธอเพิ่งไปเด็ดยอดหญ้าอ่อนมาประทังชีวิต รสชาติมันเฝื่อนๆ ต่างจากที่จิตตกูฏอย่างมาก คงเพราะถูกควันจากเต่าเหล็กเคลื่อนที่นับร้อยนับพันที่ผ่านไปมาบนทางหินเรียบสีเทากระมัง

“ตัวเอง” เสียงเล็กแหลมดังแจ้วๆ ขึ้นข้างๆ นิภิศาหันไปมองจึงรู้ว่าเป็นนกกระจิบตัวน้อยตัวหนึ่ง “ตัวเองไม่ใช่คนแถวนี้นี่”  

“ข้าเป็นหงส์มาจากจิตตกูฏ” นิภิศาแนะนำตัวอย่างไม่อิดเอื้อนเพราะเดรัจฉานคงไม่คิดร้ายเหมือนมนุษย์

“เค้าไม่เคยได้ยิน” เจ้านกเสียงแจ๋วขยับเข้ามาใกล้นิภิศาแล้วถามต่ออย่างสนใจ “แล้วมาทำอะไรที่นี่น่ะ”

“ข้ามาตามหาหงส์ตัวหนึ่ง”

“อ้อ ตัวเองดูเรียบร้อย แต่เค้าว่าตัวเองแต่งตัว…” จู่ๆ เจ้านกน้อยก็หยุดพูดเสียดื้อๆ นิภิศาจึงถามต่อ

“เจ้าอยากจะพูดอะไร ก็ว่ามาสิ”

“แต่งตัวเซ็กซี่จัง” มันว่าพร้อมกับหัวเราะคิกคัก

“เซ็กซี่คืออะไร” นิภิศาขมวดคิ้วโก่งสวยอย่างแปลกใจ

“ก็ประมาณว่า นุ่งน้อยห่มน้อยน่ะ”

นิภิศาก้มมองดูร่องอกที่โผล่ออกมาจากชุดเกาะอกแล้วถามกลับ

“หญิงชาวมนุษย์ไม่ได้แต่งตัวกันอย่างนี้รึ”

กระจิบน้อยยกปีกขึ้นป้องปากหัวเราะลั่น ก่อนจะรีบอธิบาย

“ตัวเองคงไปเลียนแบบคนย่านนี้เข้าสิท่า แถวนี้มันเป็นที่ตั้งผับ มีแต่คนเที่ยวกลางคืน แต่งตัวแบบนี้เดี๋ยวคนอื่นก็หาว่าตัวเองเป็นพวก เอ่อ…” เจ้านกกระจิบชะงัก แต่พอเห็นนิภิศาตั้งใจฟังจึงพูดต่อ

“เป็นผู้หญิงอย่างว่า”

นิภิศาทำหน้างงยิ่งกว่าเดิม

“ตัวเองก็ดูฉลาด แต่ก็ยังอ่อนต่อโลกนักนะ” กระจิบน้อยถอนหายใจแล้วคลายข้อสงสัยให้คนไม่รู้เรื่องรู้ราว “ผู้หญิงอย่างว่า ก็เป็นประมาณว่า ให้ผู้ชายร่วมหลับนอนด้วยเพื่อแลกกับเงินไง”

นิภิศาอ้าปากค้างตกใจแต่พองาม ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ  เธอพลาดอย่างหนัก มิน่าล่ะ ชายหนุ่มเมามายคนนั้นถึงมาล่วงเกินเธอ เพราะว่าเธอแต่งกายแบบนี้นี่เอง โลกมนุษย์นี่อยู่ยากจริงๆ  นิภิศาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในปราสาทนั้นให้ฟัง กระจิบน้อยจึงอธิบายว่า มันไม่ใช่ปราสาท หากเป็นผับ สถานรื่นเริงของพวกมนุษย์ แต่สำหรับนิภิศามันเป็นปราสาทอสูรดีๆ นี่เอง คุยกันไปได้พักหนึ่งนกกระจิบน้อยยังช่วยให้เธอตาสว่างมากขึ้นกับเรื่องหญิงสาวกับชายวัยกลางคน แท้จริงแล้วมิใช่พ่อลูก หากแต่เป็นคู่รักชั่วคราวเท่านั้น นิภิศาจึงได้ความรู้ใหม่คือ วัยไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับการครองคู่ของมนุษย์

หลังจากที่ได้เสวนากับเจ้านกกระจิบ หงส์สาวจึงเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธออย่างแจ่มแจ้ง

“ตัวเองต้องระวังตัวให้มาก แต่เค้าว่าตัวเองคงเอาตัวรอดได้” คำเตือนของนกกระจิบทำให้นิภิศารู้ว่าต้องระวังตัวมากขึ้น คราวหน้าเธอจะไม่เสียท่าให้แก่ความแปลกประหลาดของโลกมนุษย์อีก

หลังจากที่เฝ้ารออยู่เป็นชั่วโมง เป้าหมายของนิภิศาก็เริ่มเคลื่อนไหวจากปราสาทหงส์ส่องแสง หรือที่มนุษย์เรียกว่า ผับ  เธอเห็นเขากับสหายอีกสองคนแยกย้ายกันที่ทางเข้า ก่อนบุรุษที่นิภิศาให้ความสนใจจะเข้าไปในเต่าเหล็กแล้วมุ่งหน้าออกไปสมทบกับกองทัพเต่าอีกหลายตัวบนถนน นิภิศาเคี้ยวยอดหญ้าอ่อนช้าๆ ก่อนจะกลืนลงคอ

“ข้าต้องไปแล้ว”

หงส์สาวบอกนกกระจิบแล้วมองซ้ายมองขวา พอเห็นว่าปลอดคน เธอก็ปล่อยขนนกอีกอันหนึ่งให้ลอยไปตามอากาศ ส่วนตัวเองก็กระโจนลงจากต้นไม้ใหญ่ ไม่ทันที่เท้าจะแตะพื้นร่างงามก็แปรเปลี่ยนเป็นหงส์ขาวพิศุทธิ์สยายปีกบินตามขนนกที่ใช้สะกดรอยตามชายหนุ่มซึ่งเป็นกุญแจนำทางให้เธอเจอตัวอโรคา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา