"Yes, I do" ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย

8.9

เขียนโดย January13

วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.54 น.

  37 ตอน
  25 วิจารณ์
  42.71K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 20.46 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ยูทากะ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
     อริสารู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง เธอนอนหลับตาปี๋...เอาหล่ะอริสา เมื่อกี้มันก็แค่ความฝัน ตอนนี้เราตื่นแล้ว...เธอคิดในใจแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้น ก่อนจะรีบหลับตาลงอีกครั้งทันที...ยังไม่ตื่นหรอเนี่ย!!!บ้าจริง...อริสาทำเช่นนี้อยู่หลายรอบ หวังให้ภาพห้องสีครีมไสตล์ญี่ปุ่นโบราณนี้หายไป แต่ก็ต้องยอมแพ้ในที่สุด เธอประครองร่างที่บอบช้ำลุกขึ้นอย่างช้าๆ ข้อเท้าซ้ายยังเจ็บแปล๊บอยู่
     ผู้หญิงในชุดยูกาตะสีขาว ลายดอกซากุระสีน้ำเงินเข้ม กางแขนแล้วก้มดูตัวเองอย่างประหลาดใจ ก่อนเดินสำรวจห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ไม่กว้างเท่าไหร่ ภายในโล่ง ไม่มีสิ่งของอะไรมากนัก มีเพียงเสื่อหวาย และหมอนสี่เหลี่ยมสีขาว ที่เธอนอนอยู่เมื่อครู่นี้ บนผนังด้านหนึ่งตรงข้ามประตู มีภาพวาดปลาคราฟสีแดง และดำแหวกว่ายอยู่ในน้ำแขวนอยู่ ซ้ายมือเธอเป็นตู้ไม้ขนาดใหญ่ มือเรียวเลื่อนเปิดบานประตูตู้ ภายในมีเสื่อ หมอน และผ้าห่ม ที่ถูกพับและจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ อริสาเดินกระโผลกกระเผลกไปยังหน้าต่างที่อยู่อีกฝั่ง ก่อนเลื่อนออกช้าๆ
     “นี่ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย!!??” ปากเล็กอุทานเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
     พระอาทิตย์ลอยต่ำอยู่เหนือเหลี่ยมเขา สาดแสงสีส้มทองเป็นริ้วๆ กระจายอยู่ทั่วท้องฟ้า บ้านไม้แบบญี่ปุ่นสมัยเก่าปลูกเรียงกันเป็นแนว สุดลูกหูลูกตา โดยมีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นแซมอยู่ทั่วไป
     “ฝันบ้าอะไรก็ไม่รู้ เมื่อไหร่จะตื่นสักที” พูดจบก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เธอได้ยินเสียงสนทนาดังมาจากด้านนอก จึงปิดหน้าต่างแล้วเดินออกไปดู
     หลังบานประตูเป็นห้องเล็กๆ อีกห้องหนึ่ง กลางห้องมีโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมเตี้ยๆ ซึ่งมีกับข้าววางอยู่สองสามอย่าง
     “อ้าวตื่นแล้วหรอลูก มาทานข้าวเย็นมา” คุมิโกะเรียก ขณะตักข้าวส่งให้จิโร่ น้องชายแท้ๆ 
     “ไม่หล่ะค่ะ ฉันยังไม่หิว” โคร่อกกกๆๆ! พูดจบเสียงท้องร้องก็ดังขึ้นคัดคาน เจ้าตัวกุมท้องไว้ แล้วยิ้มแห้งๆ
     “นั่นหน่ะไม่หิวเลยใช่ไหม” ซาซาโกะมองน้องสาว อย่างอดอมยิ้มไม่ได้
     อริสาปิดประตู แล้วเดินมาทรุดตัวนั่งลงด้านหนึ่งของโต๊ะ ระหว่างคนที่บอกว่าเป็นแม่และพี่สาวของเธอ ก่อนรับถ้วยข้าวเล็กๆ ที่คุมิโกะส่งให้อย่างปฏิเสธไม่ได้ เธอหิวจริงๆ 
     “วันนี้วันที่เท่าไหร่คะ” อริสาถามก่อนจะคีบข้าวเข้าปาก
     “วันที่ 2” พี่สาวตอบเสียงเรียบ
     “เดือนสิงหาหรอ” เธอถามต่อ ซาซาโกะพยักหน้าตอบ
     “ก็วันเดียวกันนี่นา....แล้วปีอะไรคะ” อริสาพรึมพรำก่อนถามขึ้นอีก
     “ปีโชวะที่ 19” ซาซาโกะตอบ มองหน้าน้องสาวอย่างหนักใจ
     “หือ!!” อริสาอุทานในลำคอ สีหน้ามึนงงสุดๆ...ปีโชวะที่ 19!!! ว่าแต่มันคืออะไรหรอ? ถึงจะมีแฟนญี่ปุ่นแต่ก็ไม่ได้รู้ประวัติศาสตร์ลึกขนาดนั้นนะ!?...
     “โธ่ลูกแม่” คุมิโกะอุทานเสียงเครือด้วยความสงสาร
     "นี่ฮิเดโกะอาการหนักมากเลยนะ" จิโร่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง หลังจากก้มหน้าก้มตาโซ้ยข้าวจนหมดเกลี้ยง
     อีกครั้งที่เสียงวิ่งกระแทกเท้าดังมาแต่ไกลและใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เด็กชายคนเดิมโผล่มาจากประตูด้านหลังจิโร่ ที่เปิดไว้อยู่แล้ว
     “พี่ฮิเดโกะฮะ มีคนมาหาหน่ะ” ฮิคารุพูดแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะเข้ามาเบียดนั่งกับน้าชาย อาริสาเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ...ใครอีกหล่ะ แค่สี่คนนี้ฉันก็งงจนจะเป็นบ้าอยู่แล้วนะ...
     อริสาเดินผ่านประตูออกมา ที่ห้องโถงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแคบๆ บนผนังมีรูปหญิงสาวแต่งชุดกิมิโน หน้าตาเหมือนคุมิโกะแต่ดูอ่อนเยาว์กว่ายืนอยู่ข้าง ชายร่างใหญ่หน้าตาดี ในชุดทหารญี่ปุ่นเต็มยศ ข้างหน้าเป็นพื้นต่างระดับ มีรองเท้าเกี๊ยะห้าคู่วางเรียงขนาดอยู่อย่างเป็นระเบียบ
     “หนึ่ง สอง สาม สี่” เธอไล่นับจากขนาดใหญ่ไปเล็ก แล้วคิดว่าคู่ที่สี่ต้องเป็นของเธอแน่ ไม่สิถ้าจะพูดให้ถูกคือ ของผู้หญิงที่ชื่อฮิเดโกะต่างหาก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้สวมมัน เพราะดูท่าทางคงเดินไม่ถนัด อริสาละความสนใจจากรองเท้า แล้วเดินมาเลื่อนเปิดประตู ก่อนจะก้าวออกมายืนที่ชานไม้หน้าบ้าน ถัดลงมาเป็นบันไดเตี้ยๆ สองขั้น
     “ฮิเดโกะจัง เป็นยังไงบ้าง” ชายรูปร่างสันทัด สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวคอกลม กางเกงผ้าขาจั๊มสีเขียวขี้ม้า และรองเท้าหนังสีดำหุ้มข้อ ยืนอยู่ด้านล่างไม่ห่างจากตัวบ้านนัก นัยน์ตาสีนิลส่งแววห่วงใย
     “เอ่อ...” อริสาอ้ำอึ้ง เธอไม่รู้ว่าผู้ชายหน้าตาดีที่ยืนอยู่ตรงหน้านี่เป็นใคร มีความสัมพันธ์อะไรกับผู้หญิงที่ชื่อฮิเดโกะ 
     “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เขาถามต่อ
     “เอ่อ..ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่เจ็บที่ข้อเท้าซ้ายนิดหน่อย” เธอยืนเขย่งขาข้างที่เจ็บ แล้วทิ้งน้ำหนักลงขาอีกข้าง
     “ไหน มา ฉันขอดูหน่อย” คนแปลกหน้าพูดจบก็เดินตรงเข้ามา
     “หยุดนะ!!” อริสาร้องอย่างตกใจพร้อมถอยหลังชิดประตู ทำเอาชายคนนั้นหยุดชะงัก มองเธอหน้าเหวอ
     “นะ นะนายเป็นใครหน่ะ” เธอละล่ำละลักถาม คนถูกถามมองเธอนิ่งอยู่ครู่เดียว ก็หลุดขำยกใหญ่ อริสาขมวดคิ้วอย่างสงสัย...ขำอะไรของเขาหน่ะ...
     “ฮิเดโกะจังนี่ตลกจริงๆเลยน้า ฮ่าๆๆ” เขาพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะเปลี่ยนมาทำสีหน้าขรึม ยืนตัวตรงแขนแนบลำตัว สูดหายใจเข้าพร้อมยืดอกขึ้น แล้วโค้งตัวอย่างเป็นทางการ
     “สวัสดีครับ ผมชื่อยูทากะ ยินดีที่ได้รู้จัก ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” เขาพูดน้ำเสียงจริงจังเหมือนทหารแนะนำตัว แล้วโค้งตัวอีกครั้งหลังจบประโยค พอเงยหน้าขึ้นมาได้ ก็กลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ เสียงหัวเราะจึงดังขึ้นอีกรอบ
     “ฮ่าๆๆๆ มุขนี้ตลกดีนะ ว่าไหม” เขาหันมาถามอริสาที่ยืนทำหน้างง 
     “ห๊ะ?...เอ่อ...ไม่รู้สิ??” เธอตอบขณะเลิกคิ้วมองชายแปลกหน้าอย่างปรับอารมณ์ไม่ทัน แวบหนึ่งที่อริสาหยุดมองรอยยิ้มของผู้ชายคนนั้น ปากหยักอิ่มยิ้มกว้าง เผยให้เห็นฟันขาวซี่เล็กเรียงกันเป็นระเบียบ ลักยิ้มที่แก้มสองข้างปุ๋มลึกลง เธอคิดไปว่า...ถ้ายัยนิชมาเห็นภาพนี้ต้องกรี๊ดสลบแน่ๆ ‘น่ารักจุงเบย!!!’…อริสาเดาว่าน้องสาวจะพูดอย่างนั้น
     “นี่ ข้อเท้าของเธอหน่ะ ขอฉันตรวจดูอาการหน่อยสิ” ยูทากะหยุดขำแล้วเดินเข้ามาส่งมือให้คนเจ็บ แววตาคู่นั้นจับจ้องอย่างห่วงใย อริสาชั่งใจ ก่อนเอื้อมไปจับมือเขาแต่โดยดี เขาประครองเธอเดินลงบันได มานั่งลงตรงริมชานไม้ซึ่งไม่สูงมากนัก เท้าอริสาแตะพื้นได้พอดี ยูทากะคุกเข่าลงข้างๆ ก่อนดึงเท้าของหญิงสาวมาวางบนตักอย่างทะนุถนอม  
     “ตรงนี้เจ็บไหม” เขาถามพรางบีบข้อเท้าที่มีอาการบวมเล็กน้อยเบาๆ อริสาพยักหน้าหงึกๆ กัดฟันด้วยความเจ็บ ยูทากะก้มหน้าก้มตาตรวจอย่างจริงจังต่อไป เขากดนิ้วลงเบาๆ บริเวณเอ็นร้อยหวาย ก่อนจะสรุป
     “แค่ข้อเท้าพลิกนิดหน่อยหน่ะ โชคดีที่เอ็นไม่ได้ฉีกขาด กระดูกก็ไม่ได้เป็นอะไร” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาพูดพร้อมส่งยิ้มให้ ด้วยระยะที่ใกล้กว่าเดิมทำให้อริสามองเห็นนัยน์ตาสีนิลคู่นั้นได้ถนัด เขาสะกดเธอให้หยุดมองจนเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะ พอรู้สึกตัวหญิงสาวก็รีบชักเท้ากลับ แล้วพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน
     “อืม ขอบใจนะ” พูดแล้วก็ทำท่าจะกลับเข้าบ้านอย่างเย็นชา
     “เดี๋ยวสิ!!” เสียงเรียกทำให้เธอต้องหันกลับ ยูทากะลุกขึ้นจากพื้น ก่อนล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
     “นี่ยาแก้อักเสบ ทานเช้า-เย็นหลังอาหารนะ อย่าลืมหล่ะ รู้ไหม แล้วเวลานอนก็หาอะไรมารองเท้าให้ยกสูงขึ้นสักหน่อย” เขาพูดแบบออกคำสั่งกลายๆ แต่น้ำเสียงและแววตาเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน ในมือยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลส่งให้อริสา
     “อืม...ขอบใจนะ” เธอเอื้อมมือไปรับแล้วโค้งหัวแสดงความขอบคุณ ชายหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะหันหลังวิ่งเหยาะๆจากไป นาทีนั้นเองที่อริสาเผลออมยิ้มโดยไม่รู้ตัว...ยูทากะ...เธอทวนชื่อเข้าในใจ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา