"Yes, I do" ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย

8.9

เขียนโดย January13

วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.54 น.

  37 ตอน
  25 วิจารณ์
  43.44K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 20.46 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ว่าที่เจ้าบ่าว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น อริสาและครอบครัวพากันเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ถึงสนามบินนานาชาตินาริตะใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ก่อนจะเปลี่ยนมาโดยสาร รถไฟ JR Rail Pass ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมา เพราะจะได้ชมวิวทิวทัศน์ตลอดการเดินทาง

     เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงต้นเดือนสิงหาคม อากาศจึงค่อนข้างร้อน แต่นางาซากิเป็นจังหวัดที่มีชายหาดเหยียดยาวสุดลูกหูลูกตา จึงมีลมเย็นพัดโชยจากทะเลตลอดเวลา ประกอบกับเป็นแหล่งที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เพราะเปิดรับศิลปวิทยาการจากโลกตะวันตกในยุคแรกๆ อันจะเห็นได้จากโบสถ์คริสต์ที่สวยงามอลังการ และสวนสาธารณะแบบชาวดัตช์ ทำให้จังหวัดนี้มีเสน่ห์น่าท่องเที่ยวมากจังหวัดหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น จึงไม่น่าแปลกใจที่วันนี้อริสาจะมีเพื่อนร่วมขบวนรถไฟมากกว่าปกติ

     “หะ..ถึงแล้วหรอกำลังเพลินเลย” นิชนกพูดหลังจากรถไฟจอดลงที่สถานีปลายทาง พรางเก็บกล้องใส่กระเป๋า

     “เร็วดีไหมหละ” พี่สาวหันมาถามแล้วเดินนำหน้าอย่างชำนาญ พวกเขาพากันมารับสัมภาระ ฝ่าฝูงชนออกมายืนรอบริเวณใกล้ประตูทางออก ชายรูปร่างสูงโปร่ง สวมเสื้อโปโลสีขาวกางเกงสแล็คสีดำ ชะเง้อมองผู้คนที่ทยอยเดินออกมาจากสถานีรถไฟ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ามืออีกข้างหนึ่งถือโทรศัพ์ต่อสายหาใครบางคน

     “อริสจังอยู่ไหนเอ่ย ผมอยู่ตรงหน้าทางออกนะ” เขาพูดกับปลายสาย

     “ไหนอ่ะ ไม่เห็นเลย...อ๊ะเจอแล้วอยู่ทางนี้ค่ะ เคนจัง ซ้ายมือคุณ” อริสาตอบ เคนอิจิกวาดตามองอยู่แป๊บหนึ่งก่อนจะเห็นแฟนสาวยืนโบกมือให้อยู่ไม่ไกล

     “สะ-วะ-ดิ-กั๊บ” เคนอิจิกล่าวทักทายเป็นภาษาไทยกับว่าที่พ่อตาแม่ยายพร้อมยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อมพลภัทรและศิริรับไหว้ ถึงลูกสาวคนโตจะมีแฟนเป็นหนุ่มญี่ปุ่น คบกันมานาน แต่พวกเขาทั้งสองไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นเลยสักนิด นิชนกก็เช่นกัน ส่วนอริสาอาจจะยังอ่าน เขียนไม่คล่อง แต่การโต้ตอบสื่อสารและสำเนียงถือว่าดีเลยทีเดียว เคนอิจิเองถึงจะมีแฟนเป็นสาวไทย แต่ภาษาไทยของเขาไม่พัฒนาเลย เพราะส่วนใหญ่พวกเขาใช้ภาษาอังกฤษคุยกัน เคนอิจิเคยขอให้อริสาสอน แต่เธอไม่สอนเพราะอดขำสำเนียงตลกๆของแฟนหนุ่มไม่ได้

     “น้องนิชเดินทางมาเหนื่อยไหมครับ” เคนอิจิถามหันมาถามนิชนก

     “ไม่เหนื่อยหรอกคะ ปกติบินไปกลับสองเที่ยวพักแค่สองชั่วโมงยังไหวเลย แค่นี้สบายมาก” นิชนกพูดจบก็ยักไหล่แบบกวนๆ ว่าที่พี่เขยยิ้มเอ็นดู

     “แล้วอริสจังหละ เหนื่อยไหม” ชายหนุ่มหันมาถามคนรัก ก่อนกุมมือเบาๆ

     “ไม่ค่ะ ไม่เหนื่อย” เธอตอบเสียงหวาน ทั้งสองสบตาพริ้มอย่างกับมีกันอยู่สองคน ทำเอาอีสามคนที่เหลือกลายเป็นส่วนเกินไปเลย

     “อ่ะแฮ่มๆ...” พลภัทรกระแอมขึ้น ศิริตีแขนสามีเบาๆ ฐานขัดจังหวะ

     “อ่อ..เอ่อเราไปเช็คอินที่โรงแรมกันเลยดีกว่าเนอะ” อริสาหันมาพูดกับครอบครัว

     “จ๊ะ” ผู้เป็นแม่ตอบ เคนอิจิเข้ามาช่วยเข็นกระเป๋าสัมภาระแล้วเดินนำหน้าไปยังรถของเขาที่จอดอยู่ริมฟุตบาท

     หลังจากเช็คอินที่โรงแรมเสร็จแล้ว เคนอิจิและอริสาพากันมาร้านเวดดิ้งที่พวกเขาใช้บริการในการจัดงานงานวิวาห์ครั้งนี้ เพื่อลองชุดที่สั่งตัดไว้เมื่อหลายเดือนก่อน

     หญิงสาวร่างเล็กในชุดเจ้าสาวสีขาว หันซ้ายหันขวาให้กระจกตรงหน้า เธอรวบผมหลวมๆ ขึ้นด้วยมือ แล้วเอียงคอมองอย่างคิดไม่ตกว่าจะทำผมทรงไหนดีในวันจริง

     “เป็นยังไงบ้างค่ะ ใส่ได้พอดีไหม” พนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องลองเสื้อ

     “ตรงช่วงเอวหลวมไปหน่อยคะ” อริสาบอก พนักงานคนนั้นเดินเข้ามาดูอย่างใส่ใจ

     “หลวมไปจริงๆ ด้วยขอโทษนะคะทางเราจะรีบแก้ไขให้” พนักงานสาวกล่าวพร้อมโค้งตัว

     “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ กว่าจะถึงวันงานก็อีกสองสัปดาห์ ทางร้านยังมีเวลาแก้ไข เดี๋ยวขอตัวไปดูเจ้าบ่าวก่อนนะคะ” เธอพูดพร้อมยิ้มให้อย่างไม่ถือสา ก่อนจะเดินไปที่ห้องลองเสื้อผู้ชาย

     “เคนจัง เป็นยังไงบ้างค่ะ” อริสาเอ่ยถาม ชายหนุ่มในชุดสูตรสีขาวหันมาขณะก้มหน้าก้ม ตาจัดหูกระต่ายสีทองให้ตรง

     “ไม่รู้สิ ผมว่า...”

     “มานี่มะ” ว่าแล้วเธอก็เข้าไปจัดหูกระตายให้ เคนอิจิมองวงหน้ารูปไข่ของแฟนสาวที่อยู่ใกล้เพียงคืบอย่างรักใคร่ ก่อนจะก้มลงจรดริมฝีปากบนแก้มสีชมพูระเรื่อ

     “เคนจัง! ทำอะไรหน่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” อริสาร้องอย่างตกใจ

     “ก็เจ้าสาวของผม น่ารักขนาดนี้จะให้ผมห้ามใจได้ยังไงหละ” พูดจบเขาก็ทำท่าจะก้มลงมาอีก อริสาเบี่ยงตัวออกมาอย่างรู้ทัน

     “เคนจังรีบลองชุดให้เสร็จ เราต้องไปดูโบสถ์กันต่อนะ” เธอพูดแบบออกคำสั่ง แต่ใบหน้าแดงกร่ำ ก่อนจะวิ่งกลับไปยังห้องลองชุดของตัวเอง ทิ้งให้เคนอิจิยืนยิ้มอยู่เบื้องหลัง

 

     เมื่อสิบปีก่อน อริสามาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่นอยู่หนึ่งภาคเรียน เคนอิจิเป็นเพื่อนร่วมห้องที่เธอสนิทที่สุด ก่อนกลับประเทศไทย เขาชวนเธอมาดูดอกซากุระบานที่อุทยานไซไก ซึ่งภายในหนึ่งขวบปีของฤดูใบไม้ผลิ จะมีดอกซากุระบานยาวนานเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น ในวันนั้นเองที่เคนอิจิรวบรวมความกล้าขออริสาเป็นแฟน และตั้งแต่นั้น ทั้งคู่ก็จะมาดูดอกซากุระบานด้วยกันทุกปี แต่ในปีที่สิบมีความพิเศษกว่าตรงที่ เขาจะรวบรวมความกล้าอีกครั้งเพื่อขออริสาแต่งงาน

     “อริสจัง” เคนอิจิเรียกหญิงสาวขณะเดินกุมมือกันชมดอกซากุระที่กำลังบานสะพรั่ง ต้นซารุกะเรียงเป็นแนวสองข้างทางสุดลูกหูลูตาไกลออกไป เหมือนบนอยู่สรวงสวรรค์

     “ค่ะ” อริสาขานรับอย่างไม่ได้ใส่ใจเพราะมัวแต่จดจ่ออยู่กับภาพตรงหน้า

     “ปีนี้เป็นปีที่สิบแล้วสินะที่เรามาดูซากุระบานด้วยกันแบบนี้” ชายหนุ่มกล่าวนุ่มๆ

     “เคนจังเบื่อแล้วสิ” อริสาหันมาพูดเสียงเล็กเสียงน้อย

     “ไม่หรอ ผมอยากมาเดินเล่นกับอริสจัง ดูซากุระบานด้วยกันอย่างนี้ตลอดไปเลย” เขาพูดแล้วหันมาสบตาด้วยความอ่อนโยน อริสาเลิกคิวอย่างงงๆ เคนอิจิปล่อยมือที่กุมกันไว้ก่อนจะจับไหล่สองข้างขยับให้เธอหันหน้ามาสบตากันตรงๆ แล้วคุกเข่าลง ล้วงบางสิ่งออกจากกระเป๋าแจ็คเก็ต

     “อริสจังครับ แต่งงานกับผมนะครับ” เขาเอ่ยถามหลังจากเปิดกล่องแหวนกำมะหยี่สีน้ำเงินออก เผยให้เห็นแหวนเพชรรูปหัวใจที่ส่องประกายวิบวับ ท่ามกลางกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาชมซากุระบานเหมือนกัน

     “อะ..เอ่อ เคนจัง ทำอะไรหน่ะ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ ดูสิคนเขามองใหญ่แล้ว” เธอดึงแขนเสื้อเคนอิจิให้ลุกขึ้น ใบหน้าแดงกร่ำด้วยความเขินอาย

     “ไม่ ผมจะไม่ลุกจนกว่าคุณจะตอบตกลง” ชายหนุ่มพูดน้ำเสียงจริงจรัง แต่นัยน์ตากลับส่งแววอ้อนวอน อริสาเคยคิดว่าถ้าเธอจะแต่งงานกับใครสักคน ก็คงต้องเป็นเคนอิจิแน่ๆ เพราะในชีวิตที่ผ่านมา เขาเป็นแฟนคนแรก และคนเดียวที่เธอมี ที่สำคัญเขารักและให้เกียรติเธอมาก ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะไม่ตกลง

     “คะ” อริสาตอบสั้นๆ พร้อมพยักหน้า เคนอิจิยิ้มกว้างตาเล็กๆของเขาหยี๋ลงจนแทบเป็นสระอิ เขาสวมแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ ก่อนจะลุกขึ้นมาสวมกอดด้วยความดีใจ อริสากอดตอบ ภาพคู่รักขอกันแต่งงานท่ามกลางซากุระสีชมพูอ่อนบานสะพรั่ง ช่างหวานเสียเหลือเกิน ทำเอานักท่องเที่ยวรอบข้างพากันปรบมือแสดงความยินดี บางคนถึงกับถ่ายภาพเก็บเป็นที่ระลึก อริสาคลายกอดอย่างขวยเขิน เคนอิจิโค้งแสดงความขอบคุณผู้ที่ร่วมแสดงความยินดีอย่างสุภาพ

     “ผมรักคุณนะ อริสจัง” เคนอิจิหันกลับมาบอกหญิงสาวน้ำเสียงหนักแน่น แววตาเปี่ยมไปด้วยความมั่นคง

     “คะ ฉันก็รักคุณ” อริสาตอบ ทันทีที่สิ้นประโยคริมฝีปากบางๆของเคนอิจิก็ประทับลงบนหน้าผากของเธอ อริสาหวนคิดถึงเหตุการณ์วันนั้นขณะนั่งรอคนรักอยู่บนรถ รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้น เธอคิดในใจว่าเธอช่างโชคดี ที่มีคนรักที่ดีอย่างเคนอิจิ

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา