"Yes, I do" ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย
8.9
เขียนโดย January13
วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.54 น.
37 ตอน
25 วิจารณ์
42.47K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 20.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
28) คืนสุดท้าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ หลังจากพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่เหลี่ยมเขา ท้องฟ้าจากสีส้มทองค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มมืดมิด ขลับให้แสงวุววับของดาวดวงเล็กที่กระจายอยู่ทั่วท้องฟ้าโดดเด่นขึ้นมา ทุกคนที่ทราบข่าวเรื่องเทศกาลดอกไม้ไฟอย่างลับๆ ของไดกิ ต่างพากันเตรียมตัวทั้งการแต่งกาย และเรื่องอาหารการกิน แม้จะเป็นเพียงงานเล็กๆ แต่ก็ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย
โกโร่ที่แต่งกายด้วยชุดยูกาตะผู้ชาย พื้นขาวลายใบไผ่สีฟ้าอมม่วง มารับซาซาโกะและครอบครัวที่หน้าบ้านตั้งแต่หัวค่ำ เพื่อเดินทางไปยังริมแม่น้ำอุราคามิพร้อมกัน เว้นแต่อริสาที่ขอรอยูทากะอยู่ที่บ้านก่อนเพราะนัดหมายกันไว้แล้ว มือเรียวเลื่อนเปิดประตูหน้าบ้าน ชะเง้อมองไปรอบๆ
“เฮ้อ ไปไหนของเขานะ” อริสาถอนหายใจก่อนพรึมพรำเบา จังหวะที่กำลังจะเลื่อนปิดประตู เสียงทุ้มที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
“ฮิเดโกะจัง โทษทีนะ มาช้าไปหน่อยหนะ” ยูทากะโค้งขอโทษพรางหอบแฮกๆ เนื่องจากช่วยหมอแฮรี่ขนสัมภาระลงเรือจนมืดค่ำ กว่าจะกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็เลยเวลานัดมาพอสมควร เขาจึงรีบวิ่งมาจากบ้านเพราะไม่อยากให้คนรักรอนาน อริสาไม่ได้โกรธเคืองอะไร เธอหยุดมองชายหนุ่มในชุดจินเบแขนสั้นสีกรมท่า ดูแปลกตา เพราะปกติยูทากะจะชอบใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงขายาวมากกว่า แต่ในชุดพื้นบ้านแบบนี้เขาก็ดูดีไม่น้อยเลยทีเดียว
“วันนี้ฮิเดโกะจังสวยมากๆเลยนะ” ยูทากะพูดยิ้มๆ หลังจากเลิกหอบ ไม่ใช่แกล้งชมเพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตัวเองแต่อย่างใด อริสาในชุดยูกาตะสีม่วงอ่อน ลายดอกไม้สีม่วงเข้มเล็กบ้างใหญ่บ้างที่กระจายอยู่บนผืนผ้าอย่างลงตัว และปิ่นเงินรูปช่อดอกซากุระที่ห้อยลงมาประหู ขับผิวขาวเหลืองของเธอให้ดูผุดผ่องยิ่งขึ้น
“ไม่ต้องมาพูดเลย ปล่อยให้รอนานขนาดนี้ คราวหลังฉันจะไม่รอแล้วนะ” อริสาแสร้งงอนเพื่อกลบความเขินอาย พูดจบก็ออกเดินนำหน้าไป ยูทากะรีบวิ่งตามและพูดขอโทษเธอมาตลอดทาง
ที่ริมแม่น้ำอุราคามิฝั่งหนึ่งไดกิกำลังเตรียมการที่จะจุดพลุ และดอกไม้ไฟ โดยมีคนงานของพ่อนามิสองสามคนมาช่วยด้วย อีกฟากเป็นที่สำหรับผู้ชม จิโร่ปูผ้าไว้เป็นแนวยาวข้างๆ ริมแม่น้ำ บริเวณนั้นถูกโอบล้อมด้วยไม้โปร่งสูง ทำให้ลมเย็นพัดผ่านมาอยู่เนื่องๆ
“อ๊า ฮานะจังมาแล้วหรอ สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ฮานะจัง” ฮิคารุรีบลุกขึ้นจากที่นั่ง วิ่งมาโค้งทักทายพ่อแม่เพื่อน ตอนเย็นก่อนกลับจากบ้านฮานะฮิคารุได้แอบกระซิบบอกเพื่อนเอาไว้ว่าจะมีงานรื่นเริงเกิดขึ้นที่นี่
“สวัสดีฮิคารุคุง พอดีพวกเรารู้เรื่องช้าไปหน่อย แม่ของฮานะจังหนะ เตรียมอาหารไม่ทัน ฉันเลยเหมาร้านทาโกะยากิ และร้านน้ำแข็งไสเจ้าอร่อยของหมู่บ้านมาแทน ยังไงก็ทานให้เต็มที่เลยนะ” ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงบุคลิกภาพดี พูดพร้อมชี้มือไปทางกลุ่มคนที่กำลังจัดแจงตั้งร้านอยู่ไม่ไกล
“โอ้โห้ พ่อของฮานะจัง ขอบคุณมากๆ เลยครับ” เด็กชายตาเป็นประกาย
“ปะ ฮิคารุไปดูน้ำแข็งไสกัน” ฮานะเอ่ยชวน
“อือๆ” ฮิคารุขานรับพรางยักหน้าถี่ๆ ผู้ใหญ่สองคนมองเด็กๆ วิ่งผ่านไปอย่างร่าเริง จากนั้นพวกเขาก็พากันเดินเข้ามาทักทายคุมิโกะ และซาซาโกะที่กำลังจัดแจงอาหารที่เตรียมมามีทั้งยากิโซบะ ไก่ย่างเทอริยากิ ข้าวห่อสาหร่าย และมิโซซุป
“สวัสดีคะคุณคุมิโกะ ซาซาโกะด้วยนะ”
“สวัสดีคะคุณโคคุระ คุณมากิโนะ นั่งก่อนสิคะ” คุมิโกะชวน
“ว้าว อาหารน่าทานจังเลยนะคะคุณ ดูสิ” มากิโนะหันมาคุยกับสามี
“ฝีมือแม่เองคะ ทานเยอะๆ เลยนะคะ” ซาซาโกะที่นั่งอยู่ข้างๆ ผู้เป็นแม่พูดพรางตักยากิโซบะแบ่งใส่ถ้วยข้าวก่อนส่งให้ผู้อาวุโสกว่าทั้งสองคน
“หืม อร่อยด้วยนะ” โคคุระพูดพรางเคี้ยวอาหารเต็มปาก
“จริงด้วย คุณคุมิโกะนี่นอกจากจะตัดชุดกิโมโนสวยแล้ว ยังทำอาหารอร่อยมากๆ ด้วยนะคะ” มากิโนะเอ่ยชมอย่างจริงใจ
“แหม พูดต่อหน้าอย่างนี้ก็เขินแย่หนะสิค่ะ” คุมิโกะพูดอย่างเขินๆ เสียงเสวนาปนเสียงหัวเราะดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดอย่างสนุกสนาน โกโร่เข้ามาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ซาซาโกะหลังจากหายไปพักหนึ่ง
“โกโร่ซังไปไหนมาค่ะ” หญิงสาวหันมาถาม
“ไปรับคุณพ่อคุณแม่มาครับ โน่นไง” เขาตอบก่อนลุกขึ้นไปพยุงผู้สูงอายุสองคนที่ดูลักษณะเป็นคนมีฐานะ และชาติตระกูลดี ให้เดินเข้ามานั่งฝั่งเดียวกัน ซาซาโกะรู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที โกโร่ไม่ได้บอกมาก่อนว่าจะพาผู้ใหญ่มาด้วย ทำให้เธอทำตัวไม่ถูก
“สวัสดีครับทุกคน นี่คุณพ่อคุณแม่ของผมครับ คุณพ่อคุณแม่ครับ นี่ซาซาโกะจังที่ผมเล่าให้ฟังครับ” เขาแนะนำ
“สะสวัสดีคะ” ซาซาโกะโค้งทักทาย เสียงตะกุกตะกักด้วยความตื่นเต้น
“นี่หนะหรอ ซาซาโกะ อืม...น่ารักดีนะจ๊ะ” แม่ของโกโร่เอ่ยชม หลังจากมองสำรวจอยู่ครู่หนึ่ง
“ขอบคุณคะ ฝากเนื่อฝากตัวด้วยนะคะ” เธอรู้สึกโล่งอกไปเปราะหนึ่ง ที่ผู้ใหญ่ทั้งสองไม่ได้มีท่าทีรังเกลียดอะไร มีเพียงรอยยิ้มเอ็นดูบางๆ ส่งให้
“จิโร่ นี่เขายังไม่ทันจะจุดพลุกันเลย เมาซะแล้วหรอ” คุมิโกะเอ็ดน้องชายที่เดินเซลงมานั่งอีกข้างเบาๆ เขาไม่ได้พูดอะไร เอาแต่นั่งเงียบ
“คิดถึงอายากิอีกแล้วหรอ” พี่สาวเลียบถาม
“อืม” จิโร่ตอบสั้นๆ อายากิคือคนรักของเขา เธอเป็นลูกสาวเศรษฐีของหมู่บ้าน เมื่อทางบ้านรู้ว่าลูกสาวรักกับชาวประมงจึงพยายามกีดกันทุกวิถีทาง พวกเขาแอบนัดเจอกันที่แม่น้ำอุราคามิทุกคืน เพื่อจะได้พบหน้ากันเพียงไม่กี่นาที จนในที่สุดโดนจับได้ พ่อของอายากิจึงบังคับให้เธอแต่งงานกับผู้ชายที่เขาเลือกให้ เธอโศกเศ้าตรอมใจจนล้มป่วย และเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน ตั้งแต่นั้นมาจิโร่ก็จะมาที่แม่น้ำอุราคามิทุกคืนเพื่อระลึกถึงคนรัก
ฮิคารุและฮานะที่ถือน้ำแข็งไสมาคนละถ้วย เดินมานั่งลงข้างๆ โคคุระและมากิโนะ
“เอ๊ะ พี่ฮิเดโกะกับพี่ยูทากะยังไม่มาอีกหรอเนี่ย” ฮิคารุถามขึ้นหลังจากตักน้ำแข็งไสกินอย่างเพลิดเพลิน
“นั่นไง มานู้นแล้ว” ซาซาโกะชี้บอก เมื่อเห็นน้องสาวเดินมาพร้อมกับยูทากะและนายจ้างชาวต่างชาติ เวลาเดียวกันนั้นเองหมอแฮรี่ นามิ และพ่อแม่ของเธอก็มาถึงพอดี ทุกคนนั่งเรียงเป็นแนวยาวหันหน้าชนกัน แล้วเวลาแห่งความสุขก็เริ่มต้นขึ้น จิโร่ตะโกนให้สัญญาณไดกิและลูกมือที่ฝั่งตรงข้ามให้เริ่มการแสดงได้ ไม่นานลำแสงสีขาววิ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ามืดมิดก่อนจะกระจายตัวตัวออกเป็นเส้นแสงสีทอง ทำให้ท้องฟ้าสว่างวาบ แล้วก็จางหายไป ลูกแล้วลูกเล่าหลากหลายสีคละเคล้ากันไป เสียงฮือฮาดังขึ้นเป็นระลอกตามความสวยงามของดอกไม้ไฟ
หลังจากทานอาหารค่ำและพูดคุยเสวนากันพักใหญ่ อริสากับยูทากะก็แยกตัวออกมา พวกเขาเดินคุยกันท่ามกลางแสงสีของดอกไม้ไฟ ที่กระจายตัวอยู่บนท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม
“นี่ยูทากะ สมมติว่าพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายที่นายจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ สิ่งสุดท้ายที่นายอยากจะทำก่อนตาย คืออะไรหรอ” อริสาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ทำไมถึงได้ถามอะไรแปลกๆ อย่างนั้นหละ” ยูทากะเลิกคิ้วถามกลับอย่างแปลกใจ
“ตอบมาเถอน่า”
“อืม...ถ้าพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตหนะหรอ” เขาทำท่าครุ่นคิดก่อนหันมามองคนรักแล้วอมยิ้มน้อยๆ
“ยิ้มอะไรของนายหนะ”
“อืม...ไม่บอกดีกว่า ไว้ให้วันนั้นมาถึงก่อน แล้วฉันจะบอก”
“โถ่”
“แต่ว่านะ...ตอนนี้สิ่งที่ฉันอยากทำมากที่สุดก็คือ...” พูดยังไม่ทันจบประโยคเขาก็ก้มลงมาหอมหน้าผากอริสาแบบไม่ทันตั้งตัว เธอถึงกับสะดุ้งโหยง
“อุ๊ย!!! ทำอะไรของนายเนี่ย ” พอตั้งหลักได้อริสาก็ง้างมือจะฟาดเข้าที่แขนชายหนุ่ม แต่เขาดันเอาคว้าไว้ทัน ก่อนจะดึงมาจูบบนหลังมืออย่างแผ่วเบา แล้วนำมาวางไว้ที่อกข้างซ้ายของเขา อริสาไม่ได้ขัดขืนอะไร แก้มแดงซ่านของเธอกำลังร้อนผ่าว
“ฮิเดโกะจังรู้สึกไหม” เขาถาม นัยต์ตาสีนินเปล่งประกายท่ามกลางความมืดมิด
“อืม” อริสายักหน้าเบาๆ ตอบ รอยยิ้มของเขาส่งความอบอุ่นมายังหัวใจของเธอ อริสากำลังรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นเป็นจังหวะเดียวกับเขา ยูทากะเอนตัวลงมาใกล้ๆ ปลายจมูกโด่งโค้งของเขาอยู่ห่างจากอริสาเพียงคืบ เขาจ้องมองเจ้าของวงหน้ารูปไข่ แก้มทั้งสองระเรื่อสีชมพูเปล่ง ที่กำลังหลับตาพริ้ม
...ปั้ง ปั้ง ปั้ง...ยังไม่ทันที่ริมฝีปากบางของเขาจะประทับลง เสียงดอกไม้ไฟชุดใหม่ก็ดังขึ้นมาอีกรอบ ทำให้พวกเขาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ก่อนแหงนขึ้นมามองท้องฟ้าสว่างไสว ด้วยริ้วรุ้งสีแดงส้ม กระจายตัวเป็นวงใหญ่และจางหายไป ก่อนที่อันใหม่จะขึ้นมาแทนที่ พวกเขาหันกลับมาหัวเราะให้กันอย่างขวยเขิน ยูทากะยังคงกุมมือคนรักไว้และพากันชื่นชมความสวยงามของดอกไม้ไฟต่อ อริสาหันกลับมามองยูทากะที่กำลังเพลิดเพลินกับภาพตรงหน้า คิ้วขมวดชนกันอย่างครุ่นคิด เธอจะทำอย่างไรดี เพื่อที่จะรักษาทุกคนที่เธอรักเอาไว้ ไม่ให้ต้องพบกับโชคชะตาอันเลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น...พรุ่งนี้แล้วสินะ...
ขอบคุณเพลงประกอบตอนที่ 7-28
http://www.youtube.com/watch?v=1rAKFLKXvHQ&list=PLCCB34DBAD02BA1E7&feature=share
โกโร่ที่แต่งกายด้วยชุดยูกาตะผู้ชาย พื้นขาวลายใบไผ่สีฟ้าอมม่วง มารับซาซาโกะและครอบครัวที่หน้าบ้านตั้งแต่หัวค่ำ เพื่อเดินทางไปยังริมแม่น้ำอุราคามิพร้อมกัน เว้นแต่อริสาที่ขอรอยูทากะอยู่ที่บ้านก่อนเพราะนัดหมายกันไว้แล้ว มือเรียวเลื่อนเปิดประตูหน้าบ้าน ชะเง้อมองไปรอบๆ
“เฮ้อ ไปไหนของเขานะ” อริสาถอนหายใจก่อนพรึมพรำเบา จังหวะที่กำลังจะเลื่อนปิดประตู เสียงทุ้มที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
“ฮิเดโกะจัง โทษทีนะ มาช้าไปหน่อยหนะ” ยูทากะโค้งขอโทษพรางหอบแฮกๆ เนื่องจากช่วยหมอแฮรี่ขนสัมภาระลงเรือจนมืดค่ำ กว่าจะกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็เลยเวลานัดมาพอสมควร เขาจึงรีบวิ่งมาจากบ้านเพราะไม่อยากให้คนรักรอนาน อริสาไม่ได้โกรธเคืองอะไร เธอหยุดมองชายหนุ่มในชุดจินเบแขนสั้นสีกรมท่า ดูแปลกตา เพราะปกติยูทากะจะชอบใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงขายาวมากกว่า แต่ในชุดพื้นบ้านแบบนี้เขาก็ดูดีไม่น้อยเลยทีเดียว
“วันนี้ฮิเดโกะจังสวยมากๆเลยนะ” ยูทากะพูดยิ้มๆ หลังจากเลิกหอบ ไม่ใช่แกล้งชมเพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตัวเองแต่อย่างใด อริสาในชุดยูกาตะสีม่วงอ่อน ลายดอกไม้สีม่วงเข้มเล็กบ้างใหญ่บ้างที่กระจายอยู่บนผืนผ้าอย่างลงตัว และปิ่นเงินรูปช่อดอกซากุระที่ห้อยลงมาประหู ขับผิวขาวเหลืองของเธอให้ดูผุดผ่องยิ่งขึ้น
“ไม่ต้องมาพูดเลย ปล่อยให้รอนานขนาดนี้ คราวหลังฉันจะไม่รอแล้วนะ” อริสาแสร้งงอนเพื่อกลบความเขินอาย พูดจบก็ออกเดินนำหน้าไป ยูทากะรีบวิ่งตามและพูดขอโทษเธอมาตลอดทาง
ที่ริมแม่น้ำอุราคามิฝั่งหนึ่งไดกิกำลังเตรียมการที่จะจุดพลุ และดอกไม้ไฟ โดยมีคนงานของพ่อนามิสองสามคนมาช่วยด้วย อีกฟากเป็นที่สำหรับผู้ชม จิโร่ปูผ้าไว้เป็นแนวยาวข้างๆ ริมแม่น้ำ บริเวณนั้นถูกโอบล้อมด้วยไม้โปร่งสูง ทำให้ลมเย็นพัดผ่านมาอยู่เนื่องๆ
“อ๊า ฮานะจังมาแล้วหรอ สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ฮานะจัง” ฮิคารุรีบลุกขึ้นจากที่นั่ง วิ่งมาโค้งทักทายพ่อแม่เพื่อน ตอนเย็นก่อนกลับจากบ้านฮานะฮิคารุได้แอบกระซิบบอกเพื่อนเอาไว้ว่าจะมีงานรื่นเริงเกิดขึ้นที่นี่
“สวัสดีฮิคารุคุง พอดีพวกเรารู้เรื่องช้าไปหน่อย แม่ของฮานะจังหนะ เตรียมอาหารไม่ทัน ฉันเลยเหมาร้านทาโกะยากิ และร้านน้ำแข็งไสเจ้าอร่อยของหมู่บ้านมาแทน ยังไงก็ทานให้เต็มที่เลยนะ” ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงบุคลิกภาพดี พูดพร้อมชี้มือไปทางกลุ่มคนที่กำลังจัดแจงตั้งร้านอยู่ไม่ไกล
“โอ้โห้ พ่อของฮานะจัง ขอบคุณมากๆ เลยครับ” เด็กชายตาเป็นประกาย
“ปะ ฮิคารุไปดูน้ำแข็งไสกัน” ฮานะเอ่ยชวน
“อือๆ” ฮิคารุขานรับพรางยักหน้าถี่ๆ ผู้ใหญ่สองคนมองเด็กๆ วิ่งผ่านไปอย่างร่าเริง จากนั้นพวกเขาก็พากันเดินเข้ามาทักทายคุมิโกะ และซาซาโกะที่กำลังจัดแจงอาหารที่เตรียมมามีทั้งยากิโซบะ ไก่ย่างเทอริยากิ ข้าวห่อสาหร่าย และมิโซซุป
“สวัสดีคะคุณคุมิโกะ ซาซาโกะด้วยนะ”
“สวัสดีคะคุณโคคุระ คุณมากิโนะ นั่งก่อนสิคะ” คุมิโกะชวน
“ว้าว อาหารน่าทานจังเลยนะคะคุณ ดูสิ” มากิโนะหันมาคุยกับสามี
“ฝีมือแม่เองคะ ทานเยอะๆ เลยนะคะ” ซาซาโกะที่นั่งอยู่ข้างๆ ผู้เป็นแม่พูดพรางตักยากิโซบะแบ่งใส่ถ้วยข้าวก่อนส่งให้ผู้อาวุโสกว่าทั้งสองคน
“หืม อร่อยด้วยนะ” โคคุระพูดพรางเคี้ยวอาหารเต็มปาก
“จริงด้วย คุณคุมิโกะนี่นอกจากจะตัดชุดกิโมโนสวยแล้ว ยังทำอาหารอร่อยมากๆ ด้วยนะคะ” มากิโนะเอ่ยชมอย่างจริงใจ
“แหม พูดต่อหน้าอย่างนี้ก็เขินแย่หนะสิค่ะ” คุมิโกะพูดอย่างเขินๆ เสียงเสวนาปนเสียงหัวเราะดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดอย่างสนุกสนาน โกโร่เข้ามาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ซาซาโกะหลังจากหายไปพักหนึ่ง
“โกโร่ซังไปไหนมาค่ะ” หญิงสาวหันมาถาม
“ไปรับคุณพ่อคุณแม่มาครับ โน่นไง” เขาตอบก่อนลุกขึ้นไปพยุงผู้สูงอายุสองคนที่ดูลักษณะเป็นคนมีฐานะ และชาติตระกูลดี ให้เดินเข้ามานั่งฝั่งเดียวกัน ซาซาโกะรู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที โกโร่ไม่ได้บอกมาก่อนว่าจะพาผู้ใหญ่มาด้วย ทำให้เธอทำตัวไม่ถูก
“สวัสดีครับทุกคน นี่คุณพ่อคุณแม่ของผมครับ คุณพ่อคุณแม่ครับ นี่ซาซาโกะจังที่ผมเล่าให้ฟังครับ” เขาแนะนำ
“สะสวัสดีคะ” ซาซาโกะโค้งทักทาย เสียงตะกุกตะกักด้วยความตื่นเต้น
“นี่หนะหรอ ซาซาโกะ อืม...น่ารักดีนะจ๊ะ” แม่ของโกโร่เอ่ยชม หลังจากมองสำรวจอยู่ครู่หนึ่ง
“ขอบคุณคะ ฝากเนื่อฝากตัวด้วยนะคะ” เธอรู้สึกโล่งอกไปเปราะหนึ่ง ที่ผู้ใหญ่ทั้งสองไม่ได้มีท่าทีรังเกลียดอะไร มีเพียงรอยยิ้มเอ็นดูบางๆ ส่งให้
“จิโร่ นี่เขายังไม่ทันจะจุดพลุกันเลย เมาซะแล้วหรอ” คุมิโกะเอ็ดน้องชายที่เดินเซลงมานั่งอีกข้างเบาๆ เขาไม่ได้พูดอะไร เอาแต่นั่งเงียบ
“คิดถึงอายากิอีกแล้วหรอ” พี่สาวเลียบถาม
“อืม” จิโร่ตอบสั้นๆ อายากิคือคนรักของเขา เธอเป็นลูกสาวเศรษฐีของหมู่บ้าน เมื่อทางบ้านรู้ว่าลูกสาวรักกับชาวประมงจึงพยายามกีดกันทุกวิถีทาง พวกเขาแอบนัดเจอกันที่แม่น้ำอุราคามิทุกคืน เพื่อจะได้พบหน้ากันเพียงไม่กี่นาที จนในที่สุดโดนจับได้ พ่อของอายากิจึงบังคับให้เธอแต่งงานกับผู้ชายที่เขาเลือกให้ เธอโศกเศ้าตรอมใจจนล้มป่วย และเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน ตั้งแต่นั้นมาจิโร่ก็จะมาที่แม่น้ำอุราคามิทุกคืนเพื่อระลึกถึงคนรัก
ฮิคารุและฮานะที่ถือน้ำแข็งไสมาคนละถ้วย เดินมานั่งลงข้างๆ โคคุระและมากิโนะ
“เอ๊ะ พี่ฮิเดโกะกับพี่ยูทากะยังไม่มาอีกหรอเนี่ย” ฮิคารุถามขึ้นหลังจากตักน้ำแข็งไสกินอย่างเพลิดเพลิน
“นั่นไง มานู้นแล้ว” ซาซาโกะชี้บอก เมื่อเห็นน้องสาวเดินมาพร้อมกับยูทากะและนายจ้างชาวต่างชาติ เวลาเดียวกันนั้นเองหมอแฮรี่ นามิ และพ่อแม่ของเธอก็มาถึงพอดี ทุกคนนั่งเรียงเป็นแนวยาวหันหน้าชนกัน แล้วเวลาแห่งความสุขก็เริ่มต้นขึ้น จิโร่ตะโกนให้สัญญาณไดกิและลูกมือที่ฝั่งตรงข้ามให้เริ่มการแสดงได้ ไม่นานลำแสงสีขาววิ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ามืดมิดก่อนจะกระจายตัวตัวออกเป็นเส้นแสงสีทอง ทำให้ท้องฟ้าสว่างวาบ แล้วก็จางหายไป ลูกแล้วลูกเล่าหลากหลายสีคละเคล้ากันไป เสียงฮือฮาดังขึ้นเป็นระลอกตามความสวยงามของดอกไม้ไฟ
หลังจากทานอาหารค่ำและพูดคุยเสวนากันพักใหญ่ อริสากับยูทากะก็แยกตัวออกมา พวกเขาเดินคุยกันท่ามกลางแสงสีของดอกไม้ไฟ ที่กระจายตัวอยู่บนท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม
“นี่ยูทากะ สมมติว่าพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายที่นายจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ สิ่งสุดท้ายที่นายอยากจะทำก่อนตาย คืออะไรหรอ” อริสาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ทำไมถึงได้ถามอะไรแปลกๆ อย่างนั้นหละ” ยูทากะเลิกคิ้วถามกลับอย่างแปลกใจ
“ตอบมาเถอน่า”
“อืม...ถ้าพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตหนะหรอ” เขาทำท่าครุ่นคิดก่อนหันมามองคนรักแล้วอมยิ้มน้อยๆ
“ยิ้มอะไรของนายหนะ”
“อืม...ไม่บอกดีกว่า ไว้ให้วันนั้นมาถึงก่อน แล้วฉันจะบอก”
“โถ่”
“แต่ว่านะ...ตอนนี้สิ่งที่ฉันอยากทำมากที่สุดก็คือ...” พูดยังไม่ทันจบประโยคเขาก็ก้มลงมาหอมหน้าผากอริสาแบบไม่ทันตั้งตัว เธอถึงกับสะดุ้งโหยง
“อุ๊ย!!! ทำอะไรของนายเนี่ย ” พอตั้งหลักได้อริสาก็ง้างมือจะฟาดเข้าที่แขนชายหนุ่ม แต่เขาดันเอาคว้าไว้ทัน ก่อนจะดึงมาจูบบนหลังมืออย่างแผ่วเบา แล้วนำมาวางไว้ที่อกข้างซ้ายของเขา อริสาไม่ได้ขัดขืนอะไร แก้มแดงซ่านของเธอกำลังร้อนผ่าว
“ฮิเดโกะจังรู้สึกไหม” เขาถาม นัยต์ตาสีนินเปล่งประกายท่ามกลางความมืดมิด
“อืม” อริสายักหน้าเบาๆ ตอบ รอยยิ้มของเขาส่งความอบอุ่นมายังหัวใจของเธอ อริสากำลังรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นเป็นจังหวะเดียวกับเขา ยูทากะเอนตัวลงมาใกล้ๆ ปลายจมูกโด่งโค้งของเขาอยู่ห่างจากอริสาเพียงคืบ เขาจ้องมองเจ้าของวงหน้ารูปไข่ แก้มทั้งสองระเรื่อสีชมพูเปล่ง ที่กำลังหลับตาพริ้ม
...ปั้ง ปั้ง ปั้ง...ยังไม่ทันที่ริมฝีปากบางของเขาจะประทับลง เสียงดอกไม้ไฟชุดใหม่ก็ดังขึ้นมาอีกรอบ ทำให้พวกเขาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ก่อนแหงนขึ้นมามองท้องฟ้าสว่างไสว ด้วยริ้วรุ้งสีแดงส้ม กระจายตัวเป็นวงใหญ่และจางหายไป ก่อนที่อันใหม่จะขึ้นมาแทนที่ พวกเขาหันกลับมาหัวเราะให้กันอย่างขวยเขิน ยูทากะยังคงกุมมือคนรักไว้และพากันชื่นชมความสวยงามของดอกไม้ไฟต่อ อริสาหันกลับมามองยูทากะที่กำลังเพลิดเพลินกับภาพตรงหน้า คิ้วขมวดชนกันอย่างครุ่นคิด เธอจะทำอย่างไรดี เพื่อที่จะรักษาทุกคนที่เธอรักเอาไว้ ไม่ให้ต้องพบกับโชคชะตาอันเลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น...พรุ่งนี้แล้วสินะ...
ขอบคุณเพลงประกอบตอนที่ 7-28
http://www.youtube.com/watch?v=1rAKFLKXvHQ&list=PLCCB34DBAD02BA1E7&feature=share
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ