"Yes, I do" ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย

8.9

เขียนโดย January13

วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.54 น.

  37 ตอน
  25 วิจารณ์
  42.51K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 20.46 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

24) ข้อเสนอ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
     หลังจากมื้อค่ำที่แสนครึกครื้นผ่านพ้นไป ซาซาโกะก็เดินออกมาส่งครูหนุ่มหน้าบ้าน สองหนุ่มสาวพูดคุยกันภายใต้แสงพระจันทร์นวลที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม ท่ามกลางหมู่ดาวนับร้อยพัน
     “ขอบคุณโกโร่ซังมากๆเลยนะคะ ที่อุตสาห์มาส่งฮิคารุถึงที่บ้าน” หญิงสาวกล่าวเสียงเรียบ
     “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมยินดี” โกโร่พูดพร้อมส่งแววตาจริงใจ ทำเอาฝ่ายตรงข้ามหลุบตาลงต่ำ ด้วยความเขิน
     “ผมเสียใจด้วยนะครับ เรื่องคุณทาคาชิ คุณพ่อของคุณซาซาโกะหนะ เป็นพี่สาวคนโตคงเหนื่อยแย่เลยสินะ”
     “ขอบคุณคะ ฉันหนะไม่เป็นไรหรอกคะ แม่มากกว่าที่เหนื่อยที่สุด” ซาซาโกะพูดพรางยิ้มชื่นชมผู้เป็นแม่ที่เข้มแข็งของเธอ
     “นั่นสินะ....เอ่อ..คุณซาซาโกะ” เขาเห็นด้วยก่อนเว้นจังหวะเรียกเหมือนจะถามอะไร
     “ค่ะ??”
     “จะว่าอะไรไหมถ้าผมจะขอ....เรียกว่าซาซาโกะจัง” คำถามนี้ทำเอาพี่สาวคนโตจอมโหดถึงกับอึกอักพูอไม่ออก แก้มแดงซ่านไปถึงใบหู
     “อะอะ เอ่อ ซาซาโกะจังหรอค่ะ...ฟังดูน่ารักดีนะคะ”
     “แปลว่าตกลงใช่ไหมครับ” เขาถามย้ำ ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่หลุบตามองพื้น แล้วพยักหน้าเบาๆ โกโร่คลี่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจก่อนบอกลาแล้วเดินจากไป
     ขณะที่อริสาช่วยคุมิโกะล้างถ้วยชามอยู่ในครัว ใจก็ลอยไปถึงหญิงมีอายุที่ตรอมใจกับการจากไปของสามี จะทำอย่างไรเพื่อเรียกสติคาซูมิให้กลับคืนมา ทำหน้าที่แม่ที่ดีเหมือนเดิมได้ เธอสงสารยูทากะจับใจที่ต้องใช้ชีวิตเหมือนไม่เหลือใคร เสียผู้เป็นพ่อไปก็ว่าแย่แล้ว แต่มีแม่ก็เหมือนไม่มีสิแย่ยิ่งกว่า
     “คิดอะไรอยู่หนะลูก” เสียงคุมิโกะดึงอริสาจากห้วงความคิด
     “อ๋อ..ปะ เปล่าคะ” เธอตอบไปอย่างนั้น ทั้งๆ ที่อยากจะเล่าทุกอย่างให้ผู้เป็นแม่ฟัง แต่รับปากกับยูทากะไว้แล้วว่าจะไม่บอกเรื่องคาซูมิให้ใครรู้ จึงหันกลับมาเช็ดถ้วยข้าวแล้วเรียงเข้าตู้ไม้สีเข้มเล็กๆ ก่อนจะหยุดถอนหายใจเบาๆ
     “แม่ค่ะ” อริสาเอ่ยเรียกคุมิโกะที่กำลังจะก้าวออกจากห้องครัว
     “มีอะไรหรอฮิเดโกะ” ผู้เป็นแม่หันมาเลิกคิ้วถาม ลูกสาวเดินมาชะโงกดูน้องชายที่กำลังนั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะกินข้าว ส่วนจิโร่ไม่อยู่แล้ว คงออกไปดื่มกับเพื่อนชาวประมง เธอดึงตัวคุมิโกะเข้ามาในครัวก่อนกระซิบเล่าเรื่องราวของคาซูมิให้ฟังทั้งหมด ไม่ใช่ว่าอริสาเป็นคนเก็บความลับไม่อยู่ แต่เธอไตร่ตรองดูแล้วว่าปัญหานี้เธอไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งคุมิโกะเองก็อยู่ในสถานะเดียวกับคาซูมิ น่าจะมีความเข้าอกเข้าใจและแนะนำอะไรได้มากกว่า หลังจากฟังเรื่องราวของคาซูมิจากปากลูกสาวคนรองจบ คุมิโกะก็เสนอว่าจะเข้าไปเยี่ยมในเช้าวันพรุ่งนี้
     ที่โรงหมอช่วงหัวค่ำเงียบสงัด นามิกลับบ้านไปนานแล้วหลังจากหาข้าวหาปลาให้สามีทาน เหลือแต่หมอแฮรี่ที่กำลังค้นกล่องซิก้า ที่เก็บไว้นานในลิ้นชักโต๊ะทำงานออกมาจุดไฟ ก่อนสูบแล้วปล่อยควันขาวลอยออกจากปากเบาๆ เขากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะลงหลักปักฐานที่นางาซากิไปชั่วชีวิต แต่ก็กลับมีเรื่องราวที่ทำให้เขาต้องคิดทบทวนใหม่ เรื่องการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ ของฝ่ายสัมพันธมิตรที่ฮิโรชิมาในเช้าวันนี้ ก่อความเสียหายรุนแรงมหาศาล แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความฮึกเหิมของจักรวรรดิญี่ปุ่นลดละลงไป จึงทำให้เกิดการประกาศเตือนทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ลูกที่สองตามมา
     ตั้งแต่เรียนจบแพทย์ในมหาวิทยาลัยอันดับต้นของอังกฤษ หมอแฮรี่ก็อุทิศตนด้วยการทำงานอย่างหนักมาโดยตลอด จึงทำให้ไม่มีเวลาออกเดทกับสาวๆ ที่ไหน จนอายุปาเข้าไปสี่สิบกว่าแล้ว เขาไม่คิดที่จะมีครอบครัวจนได้มาพบกับนามิ เขาคิดว่าชีวิตของเขากำลังจะสมบูรณ์แบบ เขามีคลินิกเล็กๆ ในชุมชนน่าอยู่ มีภรรยาที่น่ารัก และกำลังจะมีทายาทตัวน้อย ซึ่งไม่คิดว่าจะมีได้แล้วในชีวิตนี้ เพื่อนชาวอังกฤษที่โรงพยาบาลในตัวเมืองกำลังรอคำตอบจากเขา ว่าจะย้ายกลับอักฤษพร้อมกันไหม ก่อนที่นางาซากิจะพังพินาศเหมือนฮิโรชิมาอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
     “เฮ้อ” เขาถอนหายใจเฮือก ในใจมีคำตอบอยู่แล้ว เพียงแต่เสียดายชีวิตที่ได้วาดฝันเอาไว้ แค่คิดว่าโรงหมอแห่งนี้จะต้องพังทลายลง หัวใจของเขาก็หล่นฮวบ
     ..ก๊อก..ก๊อก... เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนเปิดออก ยูทากะเดินช้าๆเข้ามานั่งเก้าอี้คนป่วย ตรงข้ามกับหมอแฮรี่
     “วันนี้อารมณ์ดีหรอครับ ถึงได้สูบซิก้าหนะ” ยูทากะแซวถาม
     “หึหึ ไม่หรอก แค่กำลังใช้ความคิดหนะ” นายแพทย์ตอบเสียงขรึม
     “กำลังใช้ความคิด? เรื่องอะไรหรอครับ?”
     “ก็...ไม่มีอะไรมากหรอกนะ ฉันแค่กำลังคิดว่าจะย้ายกลับอังกฤษหนะ”
     “ห๊ะ!! อะไรนะครับ??” คนป่วยถามน้ำเสียงตกใจ
     “ฟังไม่ผิดหรอก ฉันว่าจะพานามิกลับไปอยู่อังกฤษด้วยกัน” หมอแฮรี่ย้ำอีกที
     “แล้วโรงหมอหละ ทำไมอยู่ดีๆ ถึงจะทิ้งที่นี่ไปหละครับ”
     “ฉันอยากให้นามิ และลูกที่กำลังจะเกิดมา ได้อยู่ในที่ที่สะดวกสบาย เจริญก้าวหน้าในทุกๆด้าน” เขาหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องที่เป็นต้นเหตุของการตัดสินใจในครั้งนี้ เพราะไม่อยากให้ข่าวแพร่กระจายออกไป กลัวทุกคนจะตกใจและแตกตื่น ได้ยินดังนั้น สีหน้ายูทากะก็หมองลงทันที นั่นหมายความว่าเขากำลังจะตกงาน และต้องเสียบุคคลที่นับถือเสมือนอาจารย์ไป
     “นายเองก็ด้วยนะ”
     “หืม???” เขาเลิกคิ้วให้ผู้อาวุโสกว่าแทนคำถาม
     “ฉันหนะตั้งใจว่าจะชวนนายไปด้วยอยู่กัน เห็นแววแล้วถ้าไม่ปั้นก็เสียดาย ไปอยู่ที่นั่นฉันจะส่งเสียให้เรียนในคณะแพทย์ มหาวิทยาลัยเดียวกับที่ฉันจบมา นายต้องอนาคตไกลแน่ๆ แล้วเรื่องแม่นายหนะ ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันมีเพื่อนเป็นจิตแพทย์ที่เก่งๆอยู่ แม่นายต้องหายแน่ๆ แล้วจะได้ช่วยนามิเลี้ยงลูก” หมอแฮรี่เป็นคนแรกที่รู้เรื่องการป่วยของคาซูมิ เนื่องจากยูทากะมาปรึกษาเป็นครั้งคราว ชายหนุ่มฟังข้อเสนอแล้วนิ่งงันไป ในหัวมีภาพของใครบางคนลอยเข้ามา ถ้าเขาเลือกที่จะไปอยู่อังกฤษชีวิตเขาต้องดีกว่าที่เป็นอยู่นี้แน่นอน เพียงแต่เขาจะต้องพรากจากหญิงอันเป็นที่รัก รักแรก รักเดียวตลอดมา เขาไม่แน่ใจว่าจะมีความสุขกับชีวิตที่ดีกว่าได้หรือไม่ หากไม่ได้เห็นรอยยิ้มสดใสของเธอ
     “ว่ายังไงหละยูทากะ” หมอแฮรี่ถามย้ำ หลังจากเห็นเขาเงียบไปนาน
     “เอ่อ ขอบคุณคุณหมอมากๆเลยนะครับ เรื่องนี้ผมขอคิดดูก่อนได้ไหมครับ”
     “ได้สิ เรือจะออกท่าอีกสามวัน ยังไงก็ลองเก็บเอาไปคิดดูแล้วกันนะ”
     พวกเขาพูดคุยเรื่องชีวิตต่างๆ นานาอยู่สักพักก็พากันเข้านอน หมอแฮรี่หลับไปแล้วบนที่นอนผู้ป่วยถัดจากยูทากะ แต่ยูทากะเองยังคงนอนกายหน้าผาก คิดหนักกับโอกาสที่หมอแฮรี่มีน้ำใจหยิบยื่นให้ แม่ของเขามีโอกาสที่จะหายป่วย ตัวเขาจะได้เรียนแพทย์ และเป็นหมออย่างสมบูรณ์เมื่อจบการศึกษา ได้ทำงานในสายอาชีพที่รัก เงินเดือน และความสุขสบายต่างๆ ก็จะตามมา แน่นอนว่าถึงตอนนั้นจะหาผู้หญิงดีๆ สักคนมาเป็นภรรยานั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่เขาไม่คิดว่าจะสามารถรักใครได้อีกแล้วตลอดชีวิตนี้นอกจากเธอ...ฮิเดโกะจัง...
     ค่ำคืนอันแสนยาวนานผ่านพ้นไป รุ่งขึ้นไดกิรีบกุลีกุจรมาที่โรงหมอตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อรอฟังอาการของหลานสาวที่รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลในตัวเมือง เขายืนอยู่หน้าประตูที่ปิดสนิทอยู่พักใหญ่ เมื่อถึงเวลาทำการ หมอแฮรี่เปิดประตูออกมาก็ต้องประหลาดใจ ที่เห็นชายมีอายุในสภาพโทรมเหมือนอดนอน นัยน์ตาเศร้าหม่น เดินไปเดินมาอย่างร้อนใจ
     “หมอ!!! หลานผมเป็นยังไงบ้าง ฮิมาวาริจัง” ไดกิเดินตรงเข้ามาถามทันทีที่แฮรี่เปิดประตูออกมา
     “ใจเย็นๆก่อนนะ นี่ยังเช้าอยู่เลย อีกสักประเดี๋ยวเพื่อนของผมที่เป็นหมอดูแลอาการฮิมาวาริจะส่งโทรเลขมา เข้ามารอด้านในก่อนเถอะครับ” หมอใจดีเชื้อเชิญ เขาสังเกตอาการซึมเศร้าของไดกิได้ชัดเจน ด้วยนิสัยของหมอจึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
     “ไม่รู้ว่าคุณลุงมีเรื่องกังวลใจมากกว่าเรื่องของฮิมาวาริจังหรือเปล่าครับ” คำถามนั้นทำชายมีอายุ ที่พึ่งจะหย่อนก้นนั่งเก้าอี้ไม้ยาวที่มีไว้บริการคนไข้ถึงกับนิ่งงันไป ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆเล่าเรื่องราวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
     “เมื่อวานนี้มีข่าวลือหนาหูว่าที่ฮิโรชิมาโดนทิ้งบอมบ์ มีคนตายเยอะมาก....ฉันหนะ คิดว่าไกโตะและอุเมะโอะ พ่อกับแม่ของฮิมาวาริจัง ที่ไปทำงานที่นู้น คงจะไม่มีโอกาสรอดแน่ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ฉันคงเหลือแค่ฮิมาวาริจังเพียงคนเดียว ฉันเสียหลานไปไม่ได้” พูดจบเขาก็ปล่อยโหอย่างกล้ำกลืนความเจ็บปวดของการสูญเสียไว้ไม่ไหว จัวหวะเดียวกันที่ยูทากะเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย เขาได้ยินดังนั้นก็แสนสลดใจ แฮ่รี่เองก็เช่นกัน
     ...ตี๊ด...ตี๊ด...ตี๊ด...เสียงเครื่องโทรเลขร้องดัง แฮรี่รีบวิ่งตรงไปยังหลังเคาน์เตอร์ รอจนเครื่องโทรเลขพิมพ์ข้อความเสร็จก็ดึงออกมา ก้มหน้ากวาดตาอ่านข้อความ
     “อาการของฮิมาวาริหนะ พ้นขีดอันตรายแล้วนะครับ แต่ยังต้องรักษาตัวในห้องปลอดเชื้ออยู่ คุณลุงไม่ต้องกังวลแล้วนะ” คุณหมอแจ้งพร้อมส่งยิ้มให้กำลังใจ
     “จริงหรอหมอ!!! หมอพูดจริงใช่ไหม” เขาถามย้ำ หมอแฮรี่พยักหน้ายืนยัน ก่อนหันมาพูดกับผู้ช่วยของตัวเอง
     “ส่วนนาย ยูทากะผลการตรวจเลือดเป็นปกติไม่ได้รับพิษแต่อย่างใดนะ” ได้ยินดังนั้นยูทากะก็ยิ้มและยักหน้าตอบ
     “ดีจริงๆ โชคยังเข้าข้างฉัน ขอบคุณหมอมากๆเลยนะ...ตะ..ตะ..แต่ว่าเรื่องค่าใช้จ่ายหนะ คงจะแพงโขสินะ” ไดกิรู้สึกกังวล เพราะเงินที่ลูกชายส่งมาให้เมื่อเดือนก่อนเริ่มร่อยหรอแล้ว หนำซ้ำกิจการพลุดอกไม้ไฟของเขาก็ซบเซาตั้งแต่มีสงคราม ยิ่งปีนี้สงครามรุนแรงมากขึ้น การจัดงานรื่นเริงจึงถูกสั่งงด รวมถึงเทศการดอกไม้ไฟในหน้าร้อนนี้เช่นกัน
     “ผมบอกแล้วไงว่าเรื่องนั้นหนะผมจะจัดการให้ คุณลุงไม่ต้องคิดมากเลยครับ” แฮรี่ออกตัว ไหนๆเขาก็ตัดสินใจจะย้ายกลับไปอยู่อังกฤษแล้ว แฮรี่จึงอยากช่วยเหลือชาวบ้านที่นี้ให้มากที่สุดก่อนจะจากไป
     “แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เป็นหมอช่วยเหลือคนแล้วไม่เก็บค่าตอบแทน แถมยังจะมารับภาระค่าใช่จ่ายให้อีก ทำอย่างนั้นหนะฉันรู้สึกเกรงใจยังไงชอบกล จะมีทางไหนที่ฉันจะตอบแทนหมอได้บ้างนะ” ไดกิถามพรางกลอกตาใช้ความคิด ยูทากะหันมาสบตาเลิกคิ้วอย่างสงสัยส่งให้หมอแฮรี่
     “อ๋อ!!! นึกออกแล้ว” ชายมีอายุร้องขึ้น
     “อะไรหรอครับ” ยูทากะถามบ้าง หลังจากเงียบฟังมานาน
     “ไหนๆพลุ กับดอกไม้ไฟร้านฉันก็ขายไม่ได้แล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันขอแสดงการจุดพลุให้ทุกคนดูเป็นการตอบแทนก็แล้วกัน” ไดกิเสนอ
     “ทำแบบนั้นจะดีหรอครับ ทางการสั่งงดงานรื่นเริงอยู่นะ” ยูทากะเอ่ยขึ้น
     “นั่นสิ” หมอแฮรี่พูดเสริม
     “จริงด้วย แต่ถ้ามีที่เหมาะๆ อย่างเช่นหลังภูเขาลูกใหญ่ๆ ก็น่าจะใช้ได้อยู่นะ” ชายมีอายุครุ่นคิด
     “อืม ที่แบบนั้นหรอ ที่ไหนกันนะ” ยูทากะกอดอกและคิดตาม
     “แม่น้ำอุราคามิ!!! แม่น้ำอุราคามิยังไงหละ” ไดกิพึ่งนึกขึ้นได้ว่า บริเวณแม่น้ำอุราคามิมีแนวเขาน้อยใหญ่รายล้อมเป็นทิวแถว น่าจะพอกำบังแสงของดอกไม้ไฟได้บ้าง หมอแฮรี่และยูทากะฟังแล้วก็ยักหน้าอย่างคิดตาม พวกเขาเองก็ลืมไปสนิท
     “เอาเป็นว่า คืนพรุ่งนี้เชิญทุกคนมาชมการแสดงพลุ ดอกไม้ไฟ ของร้านฉัน ที่บริเวณแม่น้ำอุราคามิก็แล้วกันนะ ชวนกันมาดูเยอะๆหละ” ไดกิกล่าวอย่างเป็นทางการ เขาดีใจที่ได้ตอบแทนน้ำใจของหมอแฮรี่และยูทากะบ้าง นี่อาจเรียกได้ว่าเป็นเทศกาลดอกไม้ไฟอย่างย่อมๆ พอพูดถึงเทศกาลดอกไม้ไฟหนุ่มๆ สาวๆ ก็จะรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันที ยูทากะอมยิ้ม เขากำลังนึกภาพคนรักในชุดยูกาตะสีหวาน เดินเคียงข้างกันในคืนที่ท้องฟ้าถูกแต่งแต้มประกายพลุสีรุ้ง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา