"Yes, I do" ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย

8.9

เขียนโดย January13

วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.54 น.

  37 ตอน
  25 วิจารณ์
  43.45K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 20.46 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

23) ว่าที่ลูกเขยคนที่ 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     ...กรี๊งงงงงง...เสียงออดโรงเรียนดังขึ้น เป็นสัญญาณบอกเหล่านักเรียนให้ทะยอยกันกลับบ้าน ฮิคารุเดินออกจากห้องเรียนด้วยใบหน้าเคร่งเครียด วิชาคณิตศาสตร์ที่พึ่งจบไปเมื่อครู่นี้ ทำเอาเด็กชายปวดหัว

     “ฮิคารุ” เสียงเล็กๆของเพื่อนดังขึ้นข้างหลัง ก่อนเธอจะวิ่งเข้ามาเดินข้าง

     “นี่ เป็นอะไรหนะ หน้านิ่วเชียว” ฮานะเอ่ยถาม

     “ก็ ฉันหนะไม่เข้าใจที่คุณครูสอนเลย ถึงจะตั้งใจฟังมากก็เถอะ การบ้านก็เยอะด้วย ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า” ฮิคารุพูดเสียงอ่อน

     “อืม เอาอย่างนี้ไหมหละ วันอาทิตย์นี้เรามาช่วยกันทำการบ้านที่บ้านฉันกัน” เด็กหญิงเสนอ

     “จะดีหรอ ฉันไม่อยากรบกวนเธอหนะ”

     “ดีสิ ไม่เป็นการรบกวนอะไรหรอก แล้วอีกอย่างคุณแม่ฉันหนะกำลังฝึกทำขนมเค้กอยู่ด้วย ทุกวันนี้ฉันต้องกินเค้กทุกมื้อหลังอาหารเลยหละ อ้วนจะแย่อยู่แล้ว ฮิคารุไปช่วยกันกินหน่อยนะ” เนื่องจากทางบ้านฮานะค่อนข้างมีฐานะ แม่ของเธอก็เป็นแม่บ้านที่ทันสมัย ชอบติดตามกระแสต่างๆ ที่มาจากต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือแม้แต่อาหารการกิน

     “ขนมเค้กหรอ” ฮิคารุน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะเคยเห็นตามร้านขายขนม หน้าตาน่ารับประทาน แต่ราคาแพงจึงไม่เคยได้ลิ้มรส

     “อืมใช่ ตกลงไปนะ” เธอถามย้ำ

     “อืม ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนด้วยนะครับ” เด็กชายทำเป็นพูดอย่างสุภาพ แล้วโค้งหัวให้เพื่อน ฮานะเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะชอบใจ ขณะที่นักเรียนสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเอง ร่างสูงของครูประจำชั้นก็เดินมาหยุดลงตรงหน้าพวกเขา

     “ฮิคารุคุง กำลังจะกลับบ้านใช่ไหม” โกโร่ถามอย่างเป็นกันเอง ผิดกับเมื่อก่อน

     “ฮิคารุคุงหรอ??” ฮานะทวนคำที่ครูประจำชั้นเรียกเพื่อนอย่างประหลาดใจ

     “เอ๊ ฟังดูแปลกๆนะ” ฮิคารุพรึมพรำ เจ้าตัวเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน

     “งั้นไปกันเถอะ เดี๋ยวที่บ้านจะรอนาน” พูดจบร่างสูงก็ออกเดินนำหน้าไป ฮิคารุมองหน้ากับฮานะอย่างงงๆ ก่อนบอกลาเพื่อน แล้วเดินตามหลังโกโร่ไป

     หลังจากป้อนปรนนิบัติคนป่วยจอมกวนที่โรงหมอเสร็จเรียบร้อย อริสาก็ขอตัวกลับ เธอเดินเลยบ้านของตัวเองมายังซอยเล็กๆ ที่ยูทากะเคยพามาแล้วครั้งหนึ่ง เพื่อแวะมาดูแลคาซูมิตามที่ได้รับปากกับชายหนุ่มไว้ ร่างเล็กเดินเข้ามาในซอยดินสีน้ำตาล ที่ขนาบข้างไปด้วยบ้านไม้ทรงญี่ปุ่นไปเรื่อยๆ จนเจอบ้านของยูทากะ ที่ถูกปรกคลุมด้วยร่มไม้ใหญ่ สีหน้าของอริสาไม่สู้ดีนัก จำได้ว่าครั้งนั้นที่เห็นสภาพแม่ของยูทากะ เธอแทบช็อคไปเลย คาซูมิน่ากลัวจริงๆ เหมือนร่างที่ไร้วิญญาณ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้า ก่อนเลื่อนเปิดประตูหน้าบ้าน และค่อยๆ ก้าวเข้าไปภายใน อริสาตรงมายังห้องรับประทานอาหารก่อนเป็นอันดับแรก ตามที่ยูทากะได้บอกไว้ก่อนเธอจะมา หญิงสาวจัดการเก็บอาหารบนโต๊ะ ที่พร่องไปเพียงเสี้ยวทิ้ง นำจานชามไปล้าง เช็ด และเก็บอย่างเป็นระเบียบ ต่อมาก็รองน้ำใส่กะละมังสแตนเลสเล็กๆ แล้วคว้าเอาผ้าขนหนูสีขาวผืนจิ๋ว ที่ตากอยู่บริเวณหน้าต่าง ตรงซิงค์ล้างจานพาดไหล่ไว้ ก่อนเดินมายังห้องข้างๆ ที่ ปิดเงียบอยู่

     มือเรียวเลื่อนประตูเปิดออกอย่างช้า เป็นอย่างที่คิดไว้ เธอเห็นหญิงมีอายุนั่งนิ่งเหม่อลอยออกไปยังนอกหน้าต่าง ผมเผ้ายาวรุงรัง ปกคลุมใบหน้าซูบตอบ อริสากล้าๆ กลัวๆ เดินเข้ามานั่งลง พร้อมวางข้าวของที่ถือมาไว้ข้างๆ

     “คะ คะ คุณคาซูมิค่ะ” อริสาเรียกเบาๆ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองกลับจากคาซูมิ เห็นดังนั้นอริสาก็ถอนหายใจอย่างแรงด้วยความเหนื่อยใจ เธอค่อยๆ เอาผ้าชุบน้ำ บิดหมาดๆ แล้วบรรจงเช็ดหน้า เช็ดตัวให้หญิงตรอมใจ เสร็จก็หยิบหวีไม้มาสางผมสังกะตัง

     “วันนี้ยูทากะไม่ได้กลับบ้านนะคะ เขาไม่สบายเลยต้องรักษาตัวอยู่โรงหมอ เขาช่วยชีวิตเด็กที่โดนงูกัด จนตัวเองต้องแย่ไปด้วย ลูกชายคุณคาซูมิหนะจิตใจดีมากๆเลยนะคะ” อริสาเล่า เหมือนเสียงนั้นจะเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านไป คาซูมิยังคงนิ่งเฉย อริสาละมือจากการสางผม แล้ววางหวีลงอย่างเหลืออด

     “ยูทากะไม่สบายคุณคาซูมิ ไม่สนใจเลยหรอคะ เขาคือลูกชายคุณนะ หรือจะต้องเสียเขาไปอีกคนคุณถึงจะพอใจ” อริสาตำหนิเสียงสั่นเครือด้วยความโกรธ ทำไมคนเป็นแม่ถึงไม่ใยดีลูกตัวเองเลย ทั้งๆ ที่ยูทากะพยายามจะทำทุกอย่างให้ดีแท้ๆ ทั้งตั้งใจทำงานอย่างทุ่มเท ดูแลบ้าน ทำกับข้าว ดูแลแม่ น้ำใสๆเอ่อคลอจนไหลอาบลงบนแก้มเนียน อริสารีบปาดน้ำตาออกก่อนวิ่งออกจากห้องไป

     “ใจร้ายที่สุดเลย”  เธอพูดกับตัวเองพรางเช็ดน้ำตาลวกๆ อริสาแค่คิดว่า ทุกครั้งที่เธอไม่สบายก็จะมีศิริค่อย หายา หาข้าวให้ ดูแลไม่เคยห่าง และคิดว่าตอนนี้ยูทากะก็ต้องการเช่นนั้นเหมือนกัน ร่างเล็กหันไปเห็นรูปนายทหารที่อยู่บนหิ้งด้านซ้ายมือ ความรู้สึกเหมือนใบหน้าใจดีของเขากำลังส่งยิ่มให้เธอ หญิงสาวเลยโค้งให้รูปภาพหนึ่งครั้งก่อนเดินทางกลับบ้านตัวเอง

     ที่บ้านฟูคูดะ หลังจากวางมือกับการเย็บชุดกิโมโน สองแม่ลูกก็กำลังง้วนอยู่กับการทำอาหารเย็นอย่างเช่นทุกวัน แต่วันนี้มีบางสิ่งที่แปลกไป คุมิโกะสังเกตอาการลูกสาวคนโตที่เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับหัวไชเท้าที่กำลังหั่นอยู่นานสองนาน

     “ซาซาโกะ ระวังมีดจะหั่นมือเอานะลูก” คนแม่พูดเตือน

     “ค่ะ?? เมื่อกี้แม่ว่ายังไงนะ??” ด้วยความที่ใจลอยไปถึงชายหนุ่มที่เธอมอบผ้าเช็ดหน้าให้เมื่อเช้า จึงไม่ทันได้ฟังคำแม่

     “นี่ไม่ได้ฟังกันเลยใช่ไหม แม่บอกให้ระวังมือหน่อยหนะ” คุมิโกะย้ำอีกที

     “อ่อๆ รู้แล้วคะ” ซาซาโกะรับคำ ผู้เป็นแม่ก็อมยิ้มและส่ายหัวน้อยๆ ก่อนหันกลับไปคนหม้อซุปต่อ

     “กลับมาแล้วครับ” เสียงใหญ่ดังมาจากหน้าบ้าน สักพักร่างท้วมใหญ่ก็เดินเข้ามาในห้องครัว จากห้องที่แคบอยู่แล้ว ก็ยิ่งแคบเข้าไปใหญ่

     “มีอะไรกินบ้างนะวันนี้” จิโร่ถามขึ้นลอยยๆ ก่อนฉวยเอาแผ่นสาหร่ายแห้งเข้าปาก

     “วันนี้หาปลาเป็นยังไงบ้างค่ะ” หลานสาวถามขึ้น

     “อ๋อ ดีมากเลยหละ พายุผ่านไปแล้ว จับได้เยอะแยะเลย”  เขาเล่าพรางเคี้ยวสาหร่ายกรวบๆ

     “ถ้าอย่างนั้นก็ได้เงินเยอะเลยหนะสิ”  ซาซาโกะน้ำเสียงตื่นเต้น จิโร่ทำเป็นไม่พูดไม่จา แล้วค่อยๆ ย่องออกจากห้องครัว

     “อ้าวน้าจิโร่ ไหนหละเงินหนะ” หลานสาวจอมโหดตะโกนตามหลัง

     “แหมให้ฉันเก็บไปกินเหล้าบ้างสิ” คนน้าบ่นอุบ ขณะนั่งลงจิบชาที่โต๊ะกินข้าว ดีที่วันนี้ซาซาโกะอารมณ์ดี เขาจึงไม่โดนต่อว่าอะไร

     “กลับมาแล้วครับ” เสียงเล็กของฮิคารุดังขึ้น ก่อนเดินเข้ามาที่ห้องรับประทานอาหารพร้อมกับคุณครูประจำชั้น

     “อ้าวฮิคารุนั่นใครหนะ” จิโร่เอ่ยถาม เพราะไม่เคยเห็นครูประจำชั้นของหลายชายเลยสักครั้ง

     “อ๋อ นี่คุณครูโกโร่ ครูประจำชั้นของผม ส่วนคุณครูฮะ นี่น้าจิโร่ฮะ” เด็กชายแนะนำ ด้วยความที่ห้องครัวกับห้องรับประทานอาหารอยู่ติดกัน เสียงเจื้อยแจ้วของฮิคารุจึงลอยไปเข้าหูพี่สาวคนโต

     “โกโร่ซังหรอ!!” เธออุทาน ก่อนเดินออกมาดู

     “สวัสดีครับคุณซาซาโกะ” ชายหนุ่มทักทาย ทันทีที่เห็น

     “สะสวัสดีคะ” ซาซาโกะโค้งตอบมือพรางทัดผมยาวที่ล่วงลงมาปรกหน้า โกโร่ส่งยิ้มแล้วมองนิ่งอยู่อย่างนั้น จนฮิคารุหันไปสบตากับผู้เป็นน้าอย่างสงสัย

     “สวัสดีคะคุณครู มาถึงนี่มีอะไรหรอค่ะ ฮิคารุทำอะไรไม่ดีหรือเปล่า” คุมิโกะเดินออกมาทักทายบ้าง

     “สวัสดีครับ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ คือ ผมมาส่งฮิคารุเฉยๆ” เขาตอบใบหน้าเกลี้ยงเกลาส่งยิ้มอย่างใจดี

     “ขอบคุณมากเลยนะคะ”  หญิงมีอายุกล่าวแล้วโค้งให้เล็กน้อย

     “ยินดีครับ ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนเวลาทุกคนดีกว่า ขอตัวกลับก่อนนะครับ”

     “อยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันก่อนสิคะ ถ้าไม่รังเกียด” คุมิโกะเอ่ยชวน

     “เอ่อ จะดีหรอครับ ถ้าอย่างนั้นก็ รบกวนด้วยนะครับ” พูดจบก็หันมายิ้มให้หญิงสาวที่หมายตา เจ้าของฉายาพี่สาวแก้มแดง

มื้อเย็นวันนี้จึงคึกครื้นเป็นพิเศษ เสียงหัวเราะเฮฮาดังออกมาถึงหน้าบ้าน อริสาที่พึ่งมาถึงจึงหยุดยืนฟังอย่างแปลกใจ ก่อนจะเดินเข้ามาในบ้าน

     “อ้าวโกโร่ซัง” คนที่พึ่งมาถึงร้องทักอย่างประหลาดใจ ก่อนหันไปยิ้มกับพี่สาวที่กำลังเขินม้วน

     “อ้าว กลับมาแล้วหรอลูก มานั่งก่อนสิ” คุมิโกะเรียก อริสาจึงเดินเข้านั่งมาเบียดพี่สาว แล้วดันให้เขยิบไปนั่งติดกับครูหนุ่ม พี่สาวหันมาค้อนใส่ แต่ใบหน้าแต้มยิ้มแดงเรื่อ

     “ไปไหนมาเหรอฮิเดโกะ” จิโร่ถามขึ้น

     “ไปบ้านยูทากะมาหนะคะ พอดียูทากะป่วยต้องนอนพักที่โรงหมอ เลยฝากให้ไปดูแม่เขาหน่อยหนะคะ” พูดจบก็คีบข้าวคำแรกเข้าปาก

     “เอ๊ ยูทากะเป็นอะไรหรอ” ซาซาโกะถามน้ำเสียงตกใจ

     “อ่อ พอดีเขาช่วยเด็กที่โดนงูกัดผิดวิธีไปหน่อย แต่ ไม่เป็นอะไรมากหรอกคะ รอดูผลตรวจเลือดพรุ่งนี้อีกที”

     “แล้วคุณคาซูมิหละเป็นอะไรหรอลูก เห็นวันนั้นยูทากะยังบอกว่าสบายดีอยู่เลย” คนแม่ถามต่อ

     “เอ่อ......อ๋อ คือ แค่ไม่สบายเป็นหวัดนิดหน่อยหนะคะ” อริสาตอบตะกุกตะกัก แล้วก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที

     “แล้วเป็นยังไงมายังไงค่ะ โกโร่ซังถึงได้มาร่วมทานอาหารเย็นด้วยหนะ”

     “พอดีคุณครูมาส่งฮิคารุหนะ แม่เลยชวน”

     “โอ้โห้ คุณครูโรงเรียนนี้ดีจริงๆเลยนะคะ มีบริการส่งนักเรียนถึงบ้านด้วย” อริสาแซวพร้อมหันไปยิ้มล้อพี่สาว

     “นั่นหนะสิ” จิโร่ก็ช่วยเสริม

     “ว่าแต่...ทำอย่างนี้กับนักเรียนทุกบ้านเลยหรือเปล่าค่ะ” น้องสาวคนรองยังไม่หยุดแซว

     “อ๋อ ไม่หรอกครับ บ้านฟูคูดะบ้านเดียว” โกโร่พูดพรางลูบหัวตัวเองเบาๆแก้เขิน ก่อนหันมาสบตากับซาซาโกะ

     “นี่ถ้าฉันเดาไม่ผิดนะ ฉันว่าพี่คุมิโกะกำลังจะมีว่าที่ลูกเขยคนที่สองแล้วหละนะ ฮ่าๆๆๆ” จิโร่อ่านแววตาของหนุ่มสาวออก

     “ว่าที่ลูกเขยหรอ??” ฮิคารุยังงงกับเรื่องที่ผู้ใหญ่พูด จู่ๆครูประจำชั้น กับพี่สาวคนโตของเขาไปรักใคร่ชอบพอกันตอนไหนก็ไม่รู้ จริงๆเขาน่าจะรู้ตั้งแต่วันนั้น ที่ซาซาโกะไปส่งที่โรงเรียนแล้ว

     “น้าจิโร่พูดอะไรก็ไม่รู้” ซาซาโกะประท้วง ตอนนี้ใบหน้าแดงไปถึงหู

     “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสินะ เป็นเรื่องน่ายินดีมากเลยหละ” ผู้เป็นแม่พูดขึ้นพรางมองดูลูสาวที่กำลังเขินอาย

     “ถ้ายังไงก็...ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” ชายหนุ่มบอกอย่างตรงไปตรงมา ด้วยน้ำเสียงจริงจังหนักแน่น

     “ฟะฟะฝากเนื้อ ฝากตัวเลยหรอค่ะ” ซาซาโกะอึ้งเล็กน้อยไม่คิดว่าชายหนุ่มจะประกาศเจตน์จำนงค์รวดเร็วขนาดนี้

     “ว้าว ถ้าอย่างนั้นเทอมนี้ผมคงจะสอบผ่านทุกวิชาเลยหนะสินะ” ฮิคารุพูดแทรกขึ้นมาน้ำเสียงตื่นเต้น

     “ผ่านสิ ถ้าตั้งใจเรียน และทำข้อสอบได้ แต่ถ้าไม่ตั้งใจหละก็ ครูช่วยไม่ได้หรอกนะ” โกโร่บอก เขาคิดว่าบทบาทของการเป็นครูประจำชั้น กับการเป็นว่าที่พี่เขยควรจะต้องแยกออกจากกัน

     “ฮะ” เด็กชายหน้าจ๋อย ก้มหน้าทานข้าวต่อ ทำเอาทุกคนพากันหัวเราะชอบใจใหญ่

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา