"Yes, I do" ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย
เขียนโดย January13
วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.54 น.
แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 20.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) เหตุฉุกเฉิน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพระอาทิตย์ดวงกลมตื่นจากนิทรา ปลุกทุกสรรพสิ่งจากหลับไหล เว้นแต่หญิงวัยกลางคน ในชุดยูกาตะสีขาว ที่ไม่ได้หลับไม่ได้นอนตลอดคืน เธอยังคงเหม่อลอย จ้องมองดวงดาวที่เห็นเพียงลางเลือน เพราะแสงอาทิตย์จ้ากลบทับ
“แม่ กับข้าวอยู่บนโต๊ะนะครับ เดี๋ยวตอนเย็นเลิกงานจะรีบกลับ” ยูทากะบอก หลังจากเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ ผู้เป็นแม่ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด ยังคงนั่งนิ่ง เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนลุกขึ้น แล้วเดินจากไป
ยูทากะในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว แขนสั้น กับกางเกงขายาวสีน้ำตาล หยุดยืนอยู่หน้าบ้าน เขายืดตัว มือล้วงกระเป๋าสองข้าง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เหมือนเรียกกำลังให้ตัวเอง ก่อนผ่อนออกแรงๆ แล้วเดินผ่านรั้วสีน้ำตาลออกไป วันนี้เขาไม่ได้แวะไปรับคนรักที่บ้าน คิดว่าทุกคนคงกำลังวุ่นวาย กับการเตรียมตัวไปดูการแสดงร้องเพลงประสานเสียงของฮิคารุที่โบสถ์ จึงเดินเลยบ้านหลังเล็กกระทัดรัดที่คุ้นเคยมา แต่ก็ยังส่งยิ้มน้อยๆ ให้กับประตูหน้าบ้านบานใหญ่ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้น เขาเดินมาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่หน้าโรงหมอ ก่อนพบเข้ากับบุคคลที่คุ้นเคย
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณหมอ อรุณสวัสดิ์นามิ” ยูทากะกล่าวทักทายพร้อมโค้งหัวเล็กน้อย แก่ผู้อาวุโสกว่า ที่กำลังเลื่อนเปิดประตูบานกว้างออก หมอแฮรี่และนามิก็พึ่งมาถึงเช่นกัน เขาอาศัยอยู่ที่บ้านพ่อแม่ของภรรยา ที่อยู่เลยโรงเรียนของชุมชนไปเล็กน้อย
“อรุณสวัสดิ์ยูทากะ มาแต่เช้าเลยนะ....เอ๊ะ!!! ค่อยๆ เดินสินามิจัง” หมอแฮรี่ทักกลับ ก่อนเอ็ดภรรยา ที่เดินสาวเท้ายาวๆ เข้ามาภายในโรงหมอ พร้อมกับเข้ามาประคองอย่างทะนุถนอม ทำเอานามิยิ้มแก้มปริ ในความน่ารักของสามี
“จริงสิ นามิไม่สบายเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง” ยูทากะถามอย่างนึกขึ้นได้
“ฉันหนะไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกจ๊ะ” นามิตอบ ก่อนหันมายิ้มหวานกับสามี หวานซะจนคนบางคนดูเป็นส่วนเกินไปเลย
“เอ๊ะ มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” คนส่วนเกินถามต่ออย่างสงสัย
“นามิหนะ กำลังจะมีน้อง ฉันจะเป็นพ่อคนแล้วนะยูทากะ” หมอแฮรี่บอกข่าวดี พรางลูบท้องภรรยาเบาๆ
“ฮะ เรื่องจริงหรอเนี่ย เป็นข่าวดีจริงๆเลยนะ ยินดีด้วยนะครับคุณหมอ ยินดีด้วยนะนามิ” ยูทากะพูดน้ำเสียงตื่นเต้น
“ขอบใจจ๊ะ เอ๊ะจริงสิ วันนี้ที่โบสถ์มีงานแสดงร้องเพลงประสานเสียง ของเด็กนักเรียนนี่นา ตอนเดินผ่านหน้าโรงเรียน ฉันเห็นป้ายประชาสัมพันธ์ ที่รักค่ะฉันอยากไปดูจังเลย” นามิพูดเสียงเล็กเสียงน้อย อ้อนสามี
“ได้สิ ผมตามใจนามิจังทุกอย่างอยู่แล้ว” หมอแฮรี่รีบตกลง ยิ่งรู้ว่านามิตั้งครรภ์อ่อนๆ เขายิ่งตามใจภรรยยาทุกอย่าง นามิรู้สึกโชคดีที่แต่งงานกับคนต่างชาติ เพราะถ้าเป็นผู้ชายญี่ปุ่น คงไม่มานั่งเอาอกเอาใจเธอแบบนี้
“ยูทากะไปด้วยกันไหมจ๊ะ” นามิหันมาถาม
“อ๋อ ไม่หละ ฉันอยู่เฝ้าโรงหมอดีกว่า เผื่อมีเหตุฉุกเฉินหนะ”
“ยูทากะนี่รอบครอบจริงๆเลยนะ” ว่าที่คุณแม่เอ่ยชมเพื่อน
“งานแสดงมีแค่ช่วงเช้าเอง น่าจะไปด้วยกันนะยูทากะ” หมอแฮรี่อยากให้ยูทากะพักผ่อนหย่อนใจบ้าง ในสายตาของเขานอกจากยูทากะจะเป็นผู้ช่วยที่ดีแล้ว หมอแฮรี่ยังเอ็นดูยูทากะเหมือนลูกเหมือนหลาน
“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ งั้นคุณหมอกับนามิล่วงหน้าไปก่อน เดี๋ยวสักพักผมจะตามไป”
“อืม แล้วอย่าลืมตามมาหละ” หมอแฮรี่กำชับอีกครั้ง ก่อนประคองภรรยาเดินจากไป
“ครับ” ยูทากะรับคำ เขามองตามหลังสองสามีภรรยาที่เดินเคียงคู่กันไป ก็รู้สึกดีใจตามไปด้วย เผลอแป๊บเดียวเพื่อนรุ่นเดียวกัน กำลังจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์แล้ว ไม่เพียงนามิเท่านั้น เพื่อนคนอื่นๆ ในห้องก็เช่นกัน ไม่ใช่ยูทากะไม่คิดเรื่องแต่งงาน เขาคิดมาสักพักใหญ่แล้ว ก่อนที่ชีวิตของเขา จะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่สูญเสียพ่อ หรือเรื่องอาการป่วยของแม่ ทำให้โครงการใหญ่ ต้องหยุดชะงักกลางครัน...เหลือแต่เราสินะ...
ที่ โบสถ์อุราคามิ แม้จะยังไม่ถึงเวลานัดหมาย แต่เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สี่ และผู้ปกครอง ก็เริ่มทะยอยมารวมตัวกันที่หน้าโบสถ์หนาตาพอสมควร
“พี่ฮิเดโกะฮะ ตื่นเต้นจัง” เด็กชายในชุดเสื้อสีแดงแขนยาว คลุมทับด้วยเสื้อสีขาว ชายยาวถึงตาตุ่ม แหงนหน้ามองพี่สาวคนรองอย่างไม่ค่อยมั่นใจ อริสาขำน้อยๆ กับสีหน้าซีดเผือกของฮิคารุ ก่อนจะนั่งยองๆ ลงตรงหน้า สองมือจับไหล่น้องชายไว้
“เอาอย่างนี้นะ ถ้าฮิคารุตื่นเต้น ตอนร้องเพลงให้มองมาที่พี่ ให้นึกซะว่ามีพี่คนเดียวที่มองฮิคารุอยู่ แล้วก็ร้องให้เหมือนกับตอนเราซ้อมด้วยกัน ทำได้ไหม” อริสาพูด น้องชายทำหน้าครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็ยักหน้ารับ แม่และพี่สาวคนโตที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ ส่งกำลังใจให้ผ่านรอยยิ้ม ไม่นานก็มีเสียงเรียกให้นักเรียนเข้าแถวตามห้องที่หน้าโบสถ์ และเชิญผู้ปกครองเข้ามานั่งรอด้านใน บาทหลวงอาซากิเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงกลางแท่นพิธี ก่อนจะกล่าวเปิดงาน
“วันนี้พ่อมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ลูกๆมารวมตัวกันที่นี่ในวันนี้ เพื่อร่วมชมการแสดงขับร้องเพลงประสานเสียงของเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สี่ นอกจากกิจกรรมนี้จะเสริมสร้างความกล้าแสดงออกแก่เด็กๆแล้ว ยังเป็นการสร้างความสามัคคีในชุมชนคริสเตียนของเราให้เข้มแข็งมากขึ้น ถึงเวลาอันสมควรแล้ว พ่อขอเปิดงานการแสดงขับร้องเพลงประสานเสียงอย่างเป็นทางการ” สิ้นสุดคำกล่าวเปิดงาน เสียงปรบมือของคริสต์ศาสนิกชน ที่นั่งอยู่ตรงหน้าบาทหลวงอาซากิก็ดังขึ้นแทนที่
มาริซะคุณครูประจำวิชากิจกรรม ในชุดกระโปรงยาวสีครีมลายดอกกุหลาบดอกใหญ่สีแดง แต่งแต้มอยู่รอบๆ ช่วงบนเป็นเสื้อเปิดไหล่สีครีมที่ติดกับกระโปรงเป็นชุดเดียว เผยร่องอกอิ่มเล็กน้อย ดูเหมือนว่าในงานนี้จะไม่มีใครโดดเด่นเท่าเธออีกแล้ว หญิงสาวเดินมานั่งลงบนเก้าอี้เปียโน ที่ถูกตั้งไว้ทางซ้ายมือของแทนพิธี เพื่อเตรียมตัวบรรเลงเพลง ประตูโค้งสีขาวบานใหญ่เปิดออก เด็กนักเรียนห้องแรกเดินเป็นแถวตอนลึกคู่กันมาสองแถว แล้วเข้ามายืนประจำที่ตรงกลางแทนพิธี มาริซะชำเลืองมองเด็กนักเรียนเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าทุกคนพร้อมแล้วก็เริ่มบรรเลงดนตรีขึ้น
ยูทากะใช้เวลาสักพักในการสะสางเอกสารที่ทำค้างไว้ให้เสร็จเรียบร้อย หมอแฮรี่ให้ยูทากะเขียนรายงานรวบรวมข้อมูลการรักษาในแต่ละเดือน เพื่อจะเก็บไว้ใช้เป็นสถิติและนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป มือหนาเลื่อนปิดประตูบานใหญ่สองฝั่งเข้าด้วยกัน ก่อนจะแขวนป้ายไม้สีเข้มเพื่อบอกว่าร้านปิด
“ช่วยด้วยๆ!!!! พ่อหนุ่ม ช่วยหลานฉันด้วย” ไดกิเจ้าของร้านพลุวิ่งอุ้มหลานสาวที่ร้องไห้งอแงเสียงดัง มาหน้าตาตื่น
“ฮิมาวาริจัง!!! คุณลุงฮิมาวาริจังเป็นอะไรหรอครับ!!??” ผู้ช่วยหมอถามอย่างเป็นกังวล
“งะงะงูๆๆ ฮิมาวาริจังโดนงูกัด” คนแก่ละล่ำละลักตอบ
“ห๊ะ??!! จริงหรอครับ”
“ใช่ ช่วยหลานฉันที ฉันไม่รู้ว่าต้องทำยังไง” ไดกิสีหน้าไม่สู้ดี ได้แต่ลูบหลังปลอบหลานสาวที่อยู่ในอ้อมกอด
“ตรงไหนครับ ที่โดนกัด” ยูทากะถาม ไดกิจับข้อเท้าข้างหนึ่งของฮิมาวาริพลิกให้เขาดู ยูทากะไม่รอช้า ฉีกแขนเสื้อข้างหนึ่งของตัวเอง มาพันไว้เหนือรอยเคี้ยวงูแน่นพอประมาณ ก่อนจะหันมาเอาป้ายไม้ที่แขวนไว้หน้าประตูออก และเลื่อนเปิดประตูกว้าง
“ตามผมมาทางนี้ครับ” เขาเดินนำคนสูงอายุมายังห้องพักผู้ป่วย ซึ่งมีเบาะนอนว่าง เรียงอยู่สี่ที่ ไดกิจึงวางหลานไว้บนเบาะนอนที่หนึ่ง
“คุณลุงเห็นหรือเปล่าว่าเป็นงูอะไร”
“ไม่เห็น รู้ว่าโดนงูกัดเพราะฮิมาวาริงอแง ตอนแรกนึกว่าหิวนม พอมาเห็นแผลที่ข้อเท้าเลยตกใจ นึกอะไรไม่ออก วิ่งมาที่นี่เลย” ไดกิเล่าน้ำเสียงสั่น
“คุณลุงช่วยไปตามคุณหมอที่โบสถ์อุราคามิทีครับ ผู้ชายต่างชาติที่ตัวสูงๆ หนะครับ” เมื่อได้ยินดังนั้นไดกิจึงพยักหน้า แล้วรีบวิ่งแจ๋นออกไปทันที
“แง้ๆๆๆๆ เจ็บจัง แง้ๆๆๆๆ” ฮิมาวาริงอแงใหญ่ ใบหน้าชุ่มไปด้วยน้ำตา และเหงื่อ ผมเส้นเล็กๆก็พลอย เปียกไปด้วย
“เข้มแข็งไว้นะฮิมาวาริ” ยูทากะพูดจบก็รีบหาอุปกรณ์ที่ต้องใช้ ทั้งสำลี แอลกอฮอล์ ยาฆ่าเชื้อ และอีกหลายอย่างมา วางลงข้างๆเด็กน้อย เขาจับข้อเท้าของฮิมาวาริเบาๆ แผลที่โดนงูกัดบวมขึ้น รอบๆ แผลมีเขียวช้ำ และมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด
“น่าจะเป็นกลุ่มงูแมวเซา งูกะปะ หรืองูเขียวหางไหม้นะ” เขาพรึมพรัมกับตัวเอง ก่อนจะเอาสำลีชุบน้ำเปล่าแล้วเช็ดที่แผลเบาๆ เด็กน้อยกระตุกเล็กน้อยด้วยความเจ็บ และยังคงงอแงไม่หยุด จากนั้นก็เช็ดแผลต่อด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ก่อนจะค่อยๆคลายปมที่มัดไว้เหนือแผลออก
“ฮิมาวาริจัง!!!” ยูทากะร้องเรียกเมื่อเห็นเด็กน้อยหมดสติไป จึงเชยคางขึ้น ปิดปากเล็กๆไว้ แล้วเป่าลมเข้าทางจมูก ฮิมาวาริจึงมีสติขึ้นมาอีกครั้ง ชายหนุ่มลุกขึ้นวิ่งไปยังห้องตรวจที่อยู่ข้างๆ ก่อนหยิบซองพลาสติกเล็กๆ ที่อยู่ในตู้โลหะขนาดใหญ่ข้างหลังโต๊ะหมอมาสามถุง แต่ละถุงมีซองกระดาษสี และตัวอักษรภาษาอักฤษ เป็นศัพท์ทางการแพทย์ที่เขียนไว้ต่างกัน แล้ววิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว
“สรุปคืองูอะไรกันแน่นะ ถ้าใช้เซรุ่มผิดก็ไม่สามารถช่วยได้ เสียเวลาอีกต่างหาก ถึงตอนนั้นพิษคงกระจายไปทั่วแล้ว ทำยังไงดี” ชายหนุ่มมองซองพลาสติกในมืออย่างคิดไม่ตก ที่สำคัญการจะให้เซรุ่มได้ ต้องนำเลือดไปตรวจเสียก่อน เพื่อวัดระดับพิษในร่างกาย ก่อนจะพิจารณาว่าควรจะใช้เซรุ่มในปริมาณเท่าไหร่ เขาวางซองที่บรรจุผงเซรุ่มเหล่านั้นลง ก่อนจะก้มลงไปดูดเลือดที่ไหลออกจากแผลเบาๆ เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำให้แผลบอบช้ำมากขึ้นไปอีก แล้วบ้วนใสถังขยะเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ ทำเช่นนี้อยู่สักพักใหญ่ จนเขาเริ่มรู้สึกอ่อนเพลียจนหมดสติไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ