"Yes, I do" ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย
8.9
เขียนโดย January13
วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.54 น.
37 ตอน
25 วิจารณ์
42.53K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 20.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ฝันร้าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ พิธีแต่งงานแบบคริสต์ที่ถูกจัดขึ้นในช่วงศึกสงครามแบบนี้ ไม่มีแขกเกลื่อที่มาร่วมแสดงยินดี ไม่มีการตกแต่งภายในโบสถ์ด้วยดอกไม้หลากสี ไม่มีเสียงเปียโนบรรเลงเพลงแคนนอน มีเพียงบ่าวสาว และบาทหลวงตรงแท่นพิธีเท่านั้น
“วาตานาเบะ ยูทากะ คุณจะรับ ฟูคูดะ ฮิเดโกะ เป็นภรรยาและขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อเธอ ทั้งในยามสุข และยามทุกข์ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติเธอ จนกว่าชีวิตจะหาไม่หรือไม่”
“รับครับ”
“ฟูคูดะ ฮิเดโกะ คุณจะรับ วาตานาเบะ ยูทากะ เป็นสามีและขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อเขา ทั้งในยามสุข และยามทุกข์ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติเขา จนกว่าชีวิตจะหาไม่หรือไม่”
...หวอ...หวอ...หวอ...เสียงไซเรนเตือนภัยดังกึกก้อง เพดาและผนังโบสถ์สั่นสะเทือน บ่าวสาวจับมือกันไว้แน่น ก่อนที่ประสาทการได้ยินจะหายไป บาทหลวงหันหน้าเข้าหารูปเคารพไม้สลักของพระแม่มารี ที่โอบอุ้มพระบุตรอยู่ในอ้อมกอด แล้วสวดมนต์ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ผนังโบสถ์เริ่มร้าวเศษอิฐปูนบางส่วนแตกร่วงลงมา แสงสีขาวปรากฏขึ้น เจิดจ้ามากจนไม่สามารถลืมตาได้ เพียงชั่วครู่ก็เกิดลมแรงพัดมาปะทะร่างทั้งสอง มือของบ่าวสาวผละออกจากกันในทันที!!!
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มเบิกโพล่ง ร่างเล็กสะดุ้งตื่นจากภวังค์ พร้อมกับหัวใจที่เต้นถี่
“ฝันแบบนี้อีกแล้ว...” อริสาบ่นพรางคว้านาฬิกาปลุกบนหัวเตียงมาดูอย่างหงุดหงิด
“โอ๊ย ยังไม่ตีห้าเลย” ว่าแล้วก็ดึงผ้าห่มมาคลุมโปงหลังจากโยนนาฬิกาปลุกทิ้งไป เธอดิ้นไปดิ้นมาอยู่ใต้ผ้าห่มนานสองนานสุดท้ายก็ลุกพรวดขึ้นมา
“เฮ้ย นอนไม่หลับแล้วอ่ะ เป็นอย่างนี้ประจำเลยเชียว”เธอใช้มือสองข้างลูบหน้าตัวเองแรงๆ แล้วลุกจากที่นอนเดินไปยังห้องครัว เวฟนมสดอุ่นๆ หนึ่งแก้ว ปากเรียวเล็กเป่าไล่ความร้อนเบาๆ ก่อนจะจิบอย่างระวัง
“ทำไมฝันแบบนี้บ่อยจัง น่ากลัว มันคืออะไร ที่ไหน ผู้ชายคนนั้นคือใคร เฮ้อ” เธอครุ่นคิดพรางทอดสายตาเหม่อมองทัศนียภาพกรุงเทพยามเช้าตรู่ จากระเบียงของคอนโดหรูย่านใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง
อริสากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังสถานีรถไฟฟ้า ที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดนัก ถึงแม้จะตื่นเช้าแต่เธอก็เกือบสายเพราะดันเผลองีบหลับบนโซฟา วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการทำงาน เธอกำลังจะบินไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อเข้าพิธีแต่งงานกับเคนอิจิ แฟนหนุ่มที่คบกันมา 10 ปี พวกเขาพบรักกันสมัยเธอไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่น ช่วงมัธยมปลาย หลังจากแต่งงานเธอตั้งใจว่าจะไปอยู่และทำงานที่นั่นเลย
ไม่ถึง 15 นาทีอริสาก็มาถึงออฟฟิส เธอมองอาคารสามชั้นไตล์โมเดิร์นที่ตั้งอยู่ตรงหน้า
“ใจหายเหมือนกันเนอะ” พูดพร้อมถอนหายใจเบาๆ ที่นี่เป็นที่ทำงานที่แรกตั้งแต่เธอเรียนจบ นี่ก็ผ่านมาประมาณ 6 ปีแล้ว เริ่มแรกเธอเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับจูเนียร์ จนตอนนี้เป็นถึงซูเปอร์ไวเซอร์ จริงแล้วเธอไม่อยากจากบ้านเกิดเมืองนอนไปเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ตัดสินใจแบบนั้น ทั้งๆที่ เคนอิจิเสนอว่าจะเป็นฝ่ายย้ายมาอยู่ประเทศไทยเอง
อริสาเปิดประตูออฟฟิสเข้ามาก็ต้องประหลาดใจที่ออฟฟิสปิดเงียบอย่างกับเป็นวันหยุด
“เอ๊ะ หรือวันนี้วันเสาร์ ก็ไม่หนิวันศุกร์ชัดๆ” เธอล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดูเพื่อความมั่นใจ
“นี่ก็เก้าโมงแล้ว ไปไหนกันหมดนะ” พูดพรางเดินงงๆ มาที่โต๊ะ หยิบกล่องลังใต้โต๊ะขึ้นมาเก็บของที่ละอย่างวันนี้อริสาไม่จำเป็นต้องทำงานเพราะเธอเคลียงาน และถ่ายทอดงานทั้งหมดให้กับคนใหม่ที่มาแทนตำแหน่งเธอเรียบร้อยแล้ว
“เซอร์ไพรซ์!!!!” อริสาหันไปมองต้นเสียง เพื่อนๆและเจ้านายรวมตัวกันอยู่ข้างหลัง
“ยินดีด้วยนะแก” อรณิชา เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของเธอเพราะเข้ามาเริ่มงานพร้อมกัน เดินตรงเข้ามาสวมกอดก่อนใคร
“แกไปฉันคงเหงาแย่” อรณิชาพูดเบะๆ น้ำตาใสคลอ
“บ้าเหงาอะไร แกก็มีไอต้นอยู่ทั้งคน” อริสาแซวพร้อมหันไปมองคนที่พูดถึง ทั้งต้นและอรณิชาหน้าแดงกร่ำ
“เขินบ้าอะไรกันอายุเท่าไหร่กันแล้วพวกเอ็ง” ทักษนัยน์ บอสใหญ่ใจดีพูดแทรกขึ้นมาทำเอาคนอื่นๆหัวเราะไปตามๆกัน
“หลีกไปๆ ขอข้ามั่ง” เขาเดินเขามาแทรกระหว่างอริสา และอรณิชา
“แหมบอสทีกับหนูอ่ะ รุนแรงเชียวนะ” อรณิชาบ่น
“เออ เหอะ เหอะ” พูดพร้อมหัวเราะเสียงดัง ตามขนาดตัว
“แหม ใจหายจริงๆ ทำงานด้วยกันมาหกปี จะหนีไปแต่งงานกับยุ่นซะแล้ว” เขาตัดพ้อ
“บอสก็ หนูไม่ได้ไปไหนไกลสักหน่อยอยู่ญี่ปุ่นเอง สัญญาว่าถ้าว่างจะมาเยี่ยมบ่อยๆเลย” อริสาอ้อน
“เออ ไม่ต้องมาบ่อยหรอก เปลืองตังค์เลี้ยงข้าว” ทักษนัยน์ประชดติดตลก อริสาทำหน้างอพร้อมพูดเสียงขึ้นจมูก “ใจร้ายอ่ะ”
“ไม่เป็นไรแก บอสไม่เลี้ยง พวกฉันเลี้ยงเอง” มานพเพื่อนหนุ่มออกสาวพูดขึ้น เพื่อนคนอื่น เออออตามกัน
“เฮ้ย พวกเอ็งรุมข้าหรอ ที่นี่ข้าใหญ่สุดนะโว้ย เดี๋ยวไม่ได้โบนัส ฮ่าๆๆ” เขาพูดแล้วหัวเราะอย่างผู้ชนะ ลูกน้องต่างพากันแกล้งทำท่ายำเกรง ปิดปากบ้าง ยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัวบ้าง อย่างขำขำ
“พอแล้วๆ ทีนี้เข้าโหมดจริงจังนะ ก็ขอให้เดินทางปลอดภัย มีความสุขกับชีวิตหลังแต่งงาน มีอริสาตัวน้อยๆ มาให้ข้าอุ้มบ้างนะ” ทักษนัยน์อวยพร อริสากล่าวขอบคุณพร้อมยกมือไหว้รับพร และกล่องของขวัญที่เจ้านายยื่นให้
เพื่อนๆ เขามาอวยพรและมอบของขวัญให้ทีละคน ช่วงเช้านั้นทุกคนในออฟิสไม่ได้ทำงาน เพราะเอาแต่พากันคุยเรื่องความหลังสมัยเข้ามาทำงานด้วยกันใหม่ๆ อริสานั่งมองภาพนั้นรอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้น เธอคิดในใจว่าเธอช่างโชคดี ที่มีเจ้านายดี เพื่อนร่วมงานดี และหน้าที่การงานดี
“วาตานาเบะ ยูทากะ คุณจะรับ ฟูคูดะ ฮิเดโกะ เป็นภรรยาและขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อเธอ ทั้งในยามสุข และยามทุกข์ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติเธอ จนกว่าชีวิตจะหาไม่หรือไม่”
“รับครับ”
“ฟูคูดะ ฮิเดโกะ คุณจะรับ วาตานาเบะ ยูทากะ เป็นสามีและขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อเขา ทั้งในยามสุข และยามทุกข์ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติเขา จนกว่าชีวิตจะหาไม่หรือไม่”
...หวอ...หวอ...หวอ...เสียงไซเรนเตือนภัยดังกึกก้อง เพดาและผนังโบสถ์สั่นสะเทือน บ่าวสาวจับมือกันไว้แน่น ก่อนที่ประสาทการได้ยินจะหายไป บาทหลวงหันหน้าเข้าหารูปเคารพไม้สลักของพระแม่มารี ที่โอบอุ้มพระบุตรอยู่ในอ้อมกอด แล้วสวดมนต์ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ผนังโบสถ์เริ่มร้าวเศษอิฐปูนบางส่วนแตกร่วงลงมา แสงสีขาวปรากฏขึ้น เจิดจ้ามากจนไม่สามารถลืมตาได้ เพียงชั่วครู่ก็เกิดลมแรงพัดมาปะทะร่างทั้งสอง มือของบ่าวสาวผละออกจากกันในทันที!!!
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มเบิกโพล่ง ร่างเล็กสะดุ้งตื่นจากภวังค์ พร้อมกับหัวใจที่เต้นถี่
“ฝันแบบนี้อีกแล้ว...” อริสาบ่นพรางคว้านาฬิกาปลุกบนหัวเตียงมาดูอย่างหงุดหงิด
“โอ๊ย ยังไม่ตีห้าเลย” ว่าแล้วก็ดึงผ้าห่มมาคลุมโปงหลังจากโยนนาฬิกาปลุกทิ้งไป เธอดิ้นไปดิ้นมาอยู่ใต้ผ้าห่มนานสองนานสุดท้ายก็ลุกพรวดขึ้นมา
“เฮ้ย นอนไม่หลับแล้วอ่ะ เป็นอย่างนี้ประจำเลยเชียว”เธอใช้มือสองข้างลูบหน้าตัวเองแรงๆ แล้วลุกจากที่นอนเดินไปยังห้องครัว เวฟนมสดอุ่นๆ หนึ่งแก้ว ปากเรียวเล็กเป่าไล่ความร้อนเบาๆ ก่อนจะจิบอย่างระวัง
“ทำไมฝันแบบนี้บ่อยจัง น่ากลัว มันคืออะไร ที่ไหน ผู้ชายคนนั้นคือใคร เฮ้อ” เธอครุ่นคิดพรางทอดสายตาเหม่อมองทัศนียภาพกรุงเทพยามเช้าตรู่ จากระเบียงของคอนโดหรูย่านใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง
อริสากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังสถานีรถไฟฟ้า ที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดนัก ถึงแม้จะตื่นเช้าแต่เธอก็เกือบสายเพราะดันเผลองีบหลับบนโซฟา วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการทำงาน เธอกำลังจะบินไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อเข้าพิธีแต่งงานกับเคนอิจิ แฟนหนุ่มที่คบกันมา 10 ปี พวกเขาพบรักกันสมัยเธอไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่น ช่วงมัธยมปลาย หลังจากแต่งงานเธอตั้งใจว่าจะไปอยู่และทำงานที่นั่นเลย
ไม่ถึง 15 นาทีอริสาก็มาถึงออฟฟิส เธอมองอาคารสามชั้นไตล์โมเดิร์นที่ตั้งอยู่ตรงหน้า
“ใจหายเหมือนกันเนอะ” พูดพร้อมถอนหายใจเบาๆ ที่นี่เป็นที่ทำงานที่แรกตั้งแต่เธอเรียนจบ นี่ก็ผ่านมาประมาณ 6 ปีแล้ว เริ่มแรกเธอเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับจูเนียร์ จนตอนนี้เป็นถึงซูเปอร์ไวเซอร์ จริงแล้วเธอไม่อยากจากบ้านเกิดเมืองนอนไปเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ตัดสินใจแบบนั้น ทั้งๆที่ เคนอิจิเสนอว่าจะเป็นฝ่ายย้ายมาอยู่ประเทศไทยเอง
อริสาเปิดประตูออฟฟิสเข้ามาก็ต้องประหลาดใจที่ออฟฟิสปิดเงียบอย่างกับเป็นวันหยุด
“เอ๊ะ หรือวันนี้วันเสาร์ ก็ไม่หนิวันศุกร์ชัดๆ” เธอล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดูเพื่อความมั่นใจ
“นี่ก็เก้าโมงแล้ว ไปไหนกันหมดนะ” พูดพรางเดินงงๆ มาที่โต๊ะ หยิบกล่องลังใต้โต๊ะขึ้นมาเก็บของที่ละอย่างวันนี้อริสาไม่จำเป็นต้องทำงานเพราะเธอเคลียงาน และถ่ายทอดงานทั้งหมดให้กับคนใหม่ที่มาแทนตำแหน่งเธอเรียบร้อยแล้ว
“เซอร์ไพรซ์!!!!” อริสาหันไปมองต้นเสียง เพื่อนๆและเจ้านายรวมตัวกันอยู่ข้างหลัง
“ยินดีด้วยนะแก” อรณิชา เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของเธอเพราะเข้ามาเริ่มงานพร้อมกัน เดินตรงเข้ามาสวมกอดก่อนใคร
“แกไปฉันคงเหงาแย่” อรณิชาพูดเบะๆ น้ำตาใสคลอ
“บ้าเหงาอะไร แกก็มีไอต้นอยู่ทั้งคน” อริสาแซวพร้อมหันไปมองคนที่พูดถึง ทั้งต้นและอรณิชาหน้าแดงกร่ำ
“เขินบ้าอะไรกันอายุเท่าไหร่กันแล้วพวกเอ็ง” ทักษนัยน์ บอสใหญ่ใจดีพูดแทรกขึ้นมาทำเอาคนอื่นๆหัวเราะไปตามๆกัน
“หลีกไปๆ ขอข้ามั่ง” เขาเดินเขามาแทรกระหว่างอริสา และอรณิชา
“แหมบอสทีกับหนูอ่ะ รุนแรงเชียวนะ” อรณิชาบ่น
“เออ เหอะ เหอะ” พูดพร้อมหัวเราะเสียงดัง ตามขนาดตัว
“แหม ใจหายจริงๆ ทำงานด้วยกันมาหกปี จะหนีไปแต่งงานกับยุ่นซะแล้ว” เขาตัดพ้อ
“บอสก็ หนูไม่ได้ไปไหนไกลสักหน่อยอยู่ญี่ปุ่นเอง สัญญาว่าถ้าว่างจะมาเยี่ยมบ่อยๆเลย” อริสาอ้อน
“เออ ไม่ต้องมาบ่อยหรอก เปลืองตังค์เลี้ยงข้าว” ทักษนัยน์ประชดติดตลก อริสาทำหน้างอพร้อมพูดเสียงขึ้นจมูก “ใจร้ายอ่ะ”
“ไม่เป็นไรแก บอสไม่เลี้ยง พวกฉันเลี้ยงเอง” มานพเพื่อนหนุ่มออกสาวพูดขึ้น เพื่อนคนอื่น เออออตามกัน
“เฮ้ย พวกเอ็งรุมข้าหรอ ที่นี่ข้าใหญ่สุดนะโว้ย เดี๋ยวไม่ได้โบนัส ฮ่าๆๆ” เขาพูดแล้วหัวเราะอย่างผู้ชนะ ลูกน้องต่างพากันแกล้งทำท่ายำเกรง ปิดปากบ้าง ยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัวบ้าง อย่างขำขำ
“พอแล้วๆ ทีนี้เข้าโหมดจริงจังนะ ก็ขอให้เดินทางปลอดภัย มีความสุขกับชีวิตหลังแต่งงาน มีอริสาตัวน้อยๆ มาให้ข้าอุ้มบ้างนะ” ทักษนัยน์อวยพร อริสากล่าวขอบคุณพร้อมยกมือไหว้รับพร และกล่องของขวัญที่เจ้านายยื่นให้
เพื่อนๆ เขามาอวยพรและมอบของขวัญให้ทีละคน ช่วงเช้านั้นทุกคนในออฟิสไม่ได้ทำงาน เพราะเอาแต่พากันคุยเรื่องความหลังสมัยเข้ามาทำงานด้วยกันใหม่ๆ อริสานั่งมองภาพนั้นรอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้น เธอคิดในใจว่าเธอช่างโชคดี ที่มีเจ้านายดี เพื่อนร่วมงานดี และหน้าที่การงานดี
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ