Love hazard of genius girl รักร้ายของยัยอัจฉริยะ?

7.1

เขียนโดย ME_KnOmwAn

วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.59 น.

  11 chapter
  6 วิจารณ์
  15.64K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม พ.ศ. 2557 06.30 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทที่ 1. เหตุที่ว่าด้วยคำขอร้อง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
   
 
    ณ คฤหาสน์หลังใหญ่หลังหนึ่งที่ตั้งตะหงานตะการตาอยู่ที่เชิงเขาที่โอบล้อมไปด้วยป่าไม้ธารน้ำตกท่ามกลางอันกวางไกลภายใต้กำแพงสูงของธรรมชาติ(??) คฤหาสน์หลังนี้ถูกตั้งอยู่ที่เชิงเขาที่มีภูเขาโอบล้อมอยู่สองสามลูก ที่นี่ห่างไกลจากตัวเมืองและติดตัวออกห่างจากชานเมืองมาไกลหลายสิบกิโลเช่นกันเนื่องจากเจ้าของบ้านนั้นเป็นผู้รักสันโดษรักความสงบเงียบรักธรรมชาติและรักครอบครัว(??) การที่สร้างบ้านอยู่ในที่แบบนี้ก็เป็นเพราะจะหนีจากความวุ่นวาย(??)จากการปองร้ายของคนที่ถูกส่งมาเพื่อมาจัดการกับทายาทคนเดียวของตะกูลหลักที่สืบเชื้อสายมาจากตะกลูใหญ่ที่มีสิทธิในการรับมรดกของตะกูลใหญ่แต่ใช่ว่าตะกูลหลักนี้อยากจะได้ทรัพย์สมบัติเลยแม้แต่น้อย
  
 
  เสียงเอะอะ(?)อะไรบางอย่างดังลั่นขึ้นจนทำให้คนทั้งบ้านสะดุ้งตกใจกันเลยทีเดียวเมื่อลองฟังจากต้นเสียงแล้วก็ทำให้รู้ทันทีว่าเสียงนี้มาจากไหนต้นเสียงนั้นมาจากห้องทำงานของนายท่านใหญ่ของบ้าน(?)นั้นเอง
   
 
 " เอ๊ะ !! นั้นเสียงดังเอะอะอะไรมาจากห้องทำงานของคุณพ่อน่ะแล้วใครอยู่กับคุณพ่อตอนนี้ " คุณผู้หญิงของบ้านชะงักมือที่กำลังทำของว่างยามบ่ายอยู่ทันทีพร้อมกับเอ่ยขึ้นเมื่อเสียงนั้นหยุดลงพร้อมหันหน้าไปมองเด็กสาวอายุ 17 ปีเจ้าของเลือนผมยาวสรวยประสะโพกสีฟ้าสว่างประกายเขียวน้ำทะเลเมื่อโดนแดดนั้น มือเรียวสวยที่กำลังปรับอุณหภูมิของเตาอบที่จำใช้อบเค้กโอเปร่า ดวงตากลมโตคู่คมสวยสีฟ้าสว่างอมเขียวกับแพรขนตาหนายาวสีเดียวกับผม คิ้วโค้งมนคมติดหนานิดๆนั้นขมวดเข้าหากันอย่างฉับพลัน จมูกโด่งสวยเป็นสันและริมฝีปากเรียวบางอมชมพูแลดูสุขภาพดีนั้นเอ่ยขึ้น
 " เห็นคุณพ่อเรียกดาร์ฟไปตั้งแต่ตอนกลางวันแล้วน่ะคะ ยังไม่เห็นลงมาเลยสงสัยจะอยู่ด้วยกันข้างบนนั้นแหละค่ะ " เธอพูดชื่อของพี่ชายแฝดแท้ขึ้นทั้งที่สายตาและมือยังจับจ้องอยู่กับการทำเค้กของเธออย่างใจจดใจจ่อ
 " งั้นเหรอ คุณพ่อเรียกดาร์ฟขึ้นไปคุยด้วยสินะจ๊ะ แต่ทำไมต้องส่งเสียงดังกันแบบนี้ด้วยนะแม่ล่ะใจหายใจควั้มหมด " หญิงวัยกลางคนที่อายุพร้อมเข้าเลขสี่แต่ใบหน้ายังเพียงแค่สามสิบนิดๆที่ตอนนี้ฉายแววกังวนปนตกใจอยู่ไม่น้อยด้วยความที่เป็นห่วงลูกชายจับใจเอ่ยขึ้นพร้อมกับลงมือทำของว่างต่อ
 " ดิร์ฟก็ไม่ทราบเหมือนกันคะ แต่เห็นสีหน้าคุณพ่อไม่ค่อยดีนักท่านดูเคลียดๆด้วยน่ะสิคะ " เธอว่าพร้อมกับหยุดมือที่กำลังทำเค้กนั้นแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออกก่อนจะเดินไปล้างมือแล้วรีบเดินออกจากห้องครัวแต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินออกไปเธอก็ต้องชะงักเมื่อคนเป็นแม่ที่เห็นลูกสาวกำลังจะเดินออกไปทั้งๆอย่างนั้นก็ตกใจเรียกเธอไว้ก่อน
 " ดิร์ฟจะไปไหนค่ะลูก !! " คนเป็นแม่หยุดมืออีกครั้งก่อนจะจ้องมองลูกสาวคนเดียวด้วยความตกใจ
 " ดิร์ฟจะไปดูดาร์ฟหน่อยน่ะคะ ยังไงคุณแม่ช่วยทำที่เหลือต่อด้วยแล้วกันนะคะ " เธอพูดขึ้นเพื่อให้ผู้เป็นแม่สบายใจ
 " จ๊ะ!! ฝากด้วยนะดิร์ฟ เดี๋ยวที่เหลือแม่กับคุณแม่บ้านจะทำกันเอง " ผฝุ้เป็นแม่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่คลายความกังวนลงพร้อมกับส่งยิ้มเจื่อนๆไปให้ลูกสาวเพื่อให้เธอรู้ว่าคนเป็นแม่รู้สึกดีขึ้นแล้ว
 " ค่ะ!! " เธอตอบกลับเพียงแค่ก่อนก่อนจะเดินออกจากห้องครัวแล้วดินขึ้นบันไดที่นำไปยังชั้นที่สามอย่างรีบเร่ง
 
 พอเดินมาถึงเธอก็เดินเลี้ยวไปยังมุมปีกซ้ายของชั้นสามก่อนจะเดินตรงไปเรื่อยพร้อมทั้งสังเกตเห็นที่หน้าประตูห้องทำงานของผู้เป็นพ่อมีการ์ดหน้าโหดยืนเฝ้าอยู่สามสี่คน ซึ่งปกติแล้วจะมีการ์ดเฝ้าเพียงสองคนเท่านั้น
 " เปิดประตูฉันจะเข้าไป " พอเธอเดินมาถึงก็เอ่ยปากสั่งการ์ดหน้าโหดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกและสายตาดุดัน
 " เอ่อ...คุณหนูดิร์ฟมาทำอะไรครับ " หนึ่งในการ์ดนั้นเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกักพร้อมกับหน้าที่ซีดลงเรื่อยๆนั้น
 " ฉัน บอก ให้ เปิด ประตู " ครั้งนี้เธอเน้นเสียงทีละคำทำให้คนฟังลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบาก
 " ต แต่ว่า ...คุณท่านสะ สั่งไว้ว่า ห้ามใครเข้าไปจนกว่าท่านจะอนุญาติครับ " การ์ดหน้าโหดนั้นพูดขึ้นแต่เธอกลับสวนคำพูดนั้นด้วยการตวัดหางตาดุดันนั้นใส่จนพวกการ์ดนั้นพากันก้มหน้าก้มตาหนีกันหมด
 " เปิดให้คุณหนูเข้าไปเถอะ ถ้าพวกนายยังไม่อยากจะเห็นนรกทั้งที่ยังไม่ได้ตาย " แล้วเสียงทุ้มฟังดูน่าขนลุกนั้นก็ดังมาจากทางด้านหลัง เธอจึงหันไปมองพร้อมกับแสยะยิ้มร้ายกาจออกมาเหมือนใช่แทนการขอบคุณที่ผู้ช่วยส่วนตัวของคุณพ่อของเธอที่เดินมาจากมุมไหนของบ้านก็ไม่อาจจะทราบได้นั้นเอ่ยสั่งการ์ดนั้นแทนเธอ พอการ์ดหน้าโหดสี่พะหน่อได้ยินเช่นนั้นจึงรีบทำตามคำสั่งทันทีโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆทั้งสิ้นพร้อมกับความกลัวลูกสาวคนเดียวของบ้านนี้อย่างจับใจ
 " ดิร์ฟเข้าไปนะค่ะ คุณพ่อ " เมื่อประตูเปิดเธอก็เดินเข้าไปพร้อมกับเอ่ยขออนุญาติแต่ก็เอาแต่สาวเท้าเดินเข้าไปโดยไม่รีรอคำอนุญาติใดๆทั้งสิ้น เมื่อเดินมาถึงโต๊ะทำงานของผู้เป็นพ่อที่ตั้งอยู่ด้านขวาของห้องเธอก็จัดแจงเอาตัวเองไปนั้งลงที่เก้าอี้ข้างๆพี่ชายแฝดแท้ทันทีพร้อมกับจ้องมองหน้าเขานิ่งเพื่อมองหาความผิดปกติ
 " ดิร์ฟลูกรักมาพอดีเลยลูก เจ้าดาร์ฟมันกำลังจะฆ่าพ่อ T^T " คนเป็นพ่อที่อายุเข้าเลขห้าแล้วแต่หน้าตายังหล่อเหล่าเหมือนยังหนุ่มยังแน่นนั้นเอ่ยขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงเหมือนคนจะร้องไห้
 " ไม่จริงนะพ่อโกหก พ่อนั้นแหละที่เข้ามาแกล้งดาร์ฟ ดิร์ฟอย่าไปเชื่อมารยาของพ่อนะ " คนเป็นแฝดพี่เอ่ยเถียงผู้เป็นพ่อทันที ที่ถูกกล่าวหา แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกยี่ระอะไรพร้อมกับทำหน้าหน่ายๆส่ายไปมาเบาพร้อมกับเสียงที่ตำหนิสองพ่อลูกนี้
 " เอะอะเสียงดังลั่นบ้านอะไรกันคะ รู้ไหมว่าคุณแม่ตกใจมากแค่ไหนน่ะ " เธอพูดเสียงเย็นทำเอาคนเป็นพ่อยังไม่กลล้าเถียง
 " ก็ดาร์ฟมายืมวีดีโอที่พ่อไปจัดค่ายที่จีนมาเพราะเดี๋ยวดาร์ฟมีจัดค่ายว่าจะเอามาเป็นแนวทางอะ แต่พ่อแหละบอกดาร์ฟว่าดูในห้องพ่อด้วยกันแล้วดันเปิดผิดม้วนแถมเครื่องเล่นก็ยังเสียลดเสียงไม่ได้ปิดก็ยังปิดไม่ได้เลย ดีนะที่ดาร์ฟดึงปลั๊กออกก่อนอะ " พี่ชายแฝดแท้ก็เอ่อยขึ้นพร้อมกับโบ้ยความผิดไปให้ผู้เป็นพ่อรับคนเดียวเลยซะอย่างนั้น
 " อ่าวไหงแกพูดอย่างนี้ห๊ะไอ้ลูกบ้า! ก็แกบอกจะขอคำปรึกษาไปด้วยดุไปด้วยฉันก็บอกว่างั้นก็ดูในนี้แหละแล้วมันผิดยังไงห๊ะ! " คนเป็นพ่อสวนคืนบ้างแต่เมื่อรู้สึกตัวอีกทีทั้งสองก็นั่งนิ่งเงียบทันทีเพราะรู้สึกถึงไอสังหารที่ลอยมาในอากาศจากตัวของลูกสาวคนเดียวของบ้าน
 " งะ งั้นเดี๋ยวดาร์ฟเอาไปดูที่ห้องแล้วกันนะครับพ่อ เดี๋ยวดูจบค่อยมาถามอีกที่ ==; " คนเป็นพี่ลนลานรีบลุกหนีออกจากห้องทันทีทิ้งให้คนเป็นพ่ออยู่ในห้องกับลูกสาวเพียงตามลำพัง แฝดน้องเห็นอย่างนั้นจึงทำท่าจะลุกเดินตามไปเช่นกันแต่ต้องชะงักเพราะถูกผู้เป็นพ่อเรียกไว้ซะก่อน
 " ดิร์ฟเฟอล์ลูกรัก อย่าเพิ่งไปสิจ๊ะพ่อกำลังจะให้คนไปตามลูกมาพอดีเลย " คนเป็นพ่อเอ่ยขึ้นพร้อมกับทำสีหน้าจังจัง ส่วนเด็กสาวที่ได้ยินคนเป็นพ่อเรียกชื่อตัวเองซ๊ะเติมศักดิ์เต็มยศก็รู้ได้ทันทีว่าพ่อของเธอต้องมีเรื่องอะไรมาให้เธอช่วยอีกแล้วแน่ๆ
 " เรียกแบบนี้มีเรื่องอะไรหรือป่าวคะ " เธอถามผู้เป็นพ่อออกไปตรงๆเพราะไม่อยากจะเสียเวลามากเพราะที่เธอขึ้นมาที่นี่ก็เพราะจะมาดูว่าเอะอะอะไรกันเสียงดังก็เท่านั้น
 " แหมๆ ดิร์ฟนี่ช่างรูใจพ่อจริงๆเลยนะเนี่ย ^^; " คนเป็นพ่อว่าพลางส่งยิ้มอย่างล้อเลียนให้เธอแต่ก็ถูกเธอตัดบทด้วยคำถาม
 " มีอะไรก็รีบๆพูดมาเถอะคะ ดิร์ฟไม่ได้ขึ้นมาเพื่อฟังพ่อพูดอะไรแบบนั้นหรอกนะ " ผู้เป็นพ่อได้ยินเช่นนั้นจึงเริ่มเกิ่น
 " รู้ใช่ไหมว่า พี่การ์ฟติดงานอยู่ที่อิตาลีสิ้นเดือนถึงได้กลับ พี่เจร์ฟก็จะถูดส่งตัวไปวิจัยที่เยอรมันอาทิตย์หน้า ดาร์ฟเองก็จะจัดค่ายอะไรพ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน ส่วนน้องเราอะ นอร์ฟน่ะรายนั้นที่จริงก็เหมาะกับงานของพ่ออยุ่หรอกแต่ดันติดสอบขึ้นวอล์ดมหาลัยฯ ดังนั้นก็เลยไม่มีใครว่างเลยสักคนตอนนี้ดิร์ฟเหมือนเป็นความหวังเพียงความหวังเดียวของพ่อ " คนเป็นพ่อว่าพลางทำหน้าออดอ้อนและน้ำเสียงที่แสนจะมีความวังนั้นส่งไปให้ลูกสาว
 " พ่อก็น่าจะรู้ว่าดิร์ฟเองก็ไม่ว่างขนาดนั้นหรอกงานดิร์ฟเยอะจะตายไป " ใช่เธอพูดถูกเนื่องจากความสามารถของเธอทำให้เธอไม่หยุดนิ่งอยู่กับงานเดิมๆแต่จะหาอะไรใหม่ๆเข้ามาทำเสมอทั้งที่งานเก่าเองก็ไม่ได้ทิ้งไปไหนเพราะเธอเองก็เรียนจบปริญญามานานแล้วแถมยังเป็นปริญญาเอกจากหลายๆคณะด้วย เธอที่ทำงานด้านจิวัยที่แล็ปแล้วยังต้องลงพิ้นที่ แล้วไหนที่เธอฟอร์มวงดนตรีกับเพื่อนรุ่นพี่ถึงจะเป็นเพียงการ Cover แต่เธอก็ดังใช่ย่อย แล้วไหนที่เธอไปเป็นเซฟที่โรงแรมอีก ถึงจะแบ่งวันทำงานและทำเป็นกะ กะละสามชั่วโมงแต่นั้นมันก็ทำให้เธอมีเวลาน้อยลงแล้วในหนึ่งวันแล้วยังมีงานถ่ายแบบของนิตยาสารของยุโรปที่เธอเพิ่งจะทำเรื่องยกเลิกสัญญาซึ่งจะหมดสัญญาตอนสิ้นเดือนอีก แล้วยังมีอีกบลาๆๆๆ (พอดีนางเอกเรางกไปนิด ชนิดที่ว่าทะเลเรียกว่า ท่านศาสดาตัวแม่ )(??)
 " ถ้าคนของพ่อไม่มีธุระด่วนกระทันหันพ่อก็ไม่ต้องมานั่งลำบากใจแบบนี้หรอกนะ ดิร์ฟช่วยแทรกเวลางานให้พ่อหน่อยไม่ได้หรอ T^T " คนเป็นพ่อพูดเสียงอ่อยเหมือนอยากจะร้องไห้จนเธอต้องหันหน้าหนีเพราะไม่อยากมอง เวลามองเเล้วมันจะทำให้เธอใจอ่อน
 " เนี่ยพ่อทำวิจัยที่มหาลัยฯ WS อีกสองคณะเองนะลูกเนี่ยๆ คณะวิศวะกรรมศาสตร์กับคณะแพทยศาสตร์ พ่อจะส่งลูกไปเป็นนักศึกษาแลกเป็นปีสาม รับรองว่าต้องสนุกมากแน่ๆ นะลูกทำให้พ่อหน่อยนะดิร์ฟลูกรักพ่อไม่เหลือใครแล้ว " คนเป็นพยายามพูดจาหว่านล้อมเต็มที่พร้อมกับน้ำเสียงที่แสนจะออดอ้อน อ้อนวอนนั้นอีกก่อนเธอจะถอนหายใจพร้อมกับทำหน้าเหนื่อยหน่ายส่ายไปมาเบาๆ
 " เฮออออ !! นานเท่าไหร่คะ " เธอตัดสินใจถามออกไปอย่างหน่ายๆก่อนที่คนเป็นพ่อจะทำตาโตท่าทางดีใจ
 " สี่เดือนลูกรัก แค่สี่เดือนเท่านั้นเองแต่ถ้าดิร์ฟเก็บข้อมูลทำวิจัยให้พ่อเส็จไวดิร์ฟก็ได้ออกมาไวเหมือนกัน " คนเป็นพ่อยื่นข้อเสนอสุดท้ายให้เธออีกข้อและมันต้องเป็นข้อที่ทำให้เธอยอมแน่ๆ
 " แล้วก็นะทางมหาลัยฯเค้าเข้าใจว่าดิร์ฟชอบแต่งตัวแบบผู้ชายเวลาออกนอกบ้าน ทางนั้นเลยยื่นข้อเสนอมาว่าดิร์ฟจะใส่ชุดนักศึกษาชายไปก็ได้ แต่เค้าขอสองเดือนสุดท้ายที่เป็นเดือนกิจกรรมและกฏระเบียบอะไรนั้นแหละที่จะให้ลูกแต่งตัวตามเพศแบบคนปกติน่ะนะลูกสนใจไหม พ่อรับรองได้ว่ามันจะต้องสนุกแน่ๆ " คนเป็นพ่อพูดขึ้นพร้อมกับจ้องมองลูกสาวคนเดียวที่กำลังพยายามคิดถึงข้อเสนอนั้นอย่างเอาจริงเอาจังก่อนที่เธอจะเอ่ยขึ้น
 " เริ่มเมื่อไหร่คะ  " แค่คำถามนี้ออกมาจากปากเธอก็ทำให้คนเป็นพ่อดีใจจนเนื้อเต้นจนนั่งไม่ติดกับที่แล้วลุกขึ้นมาทำท่า YES! แบบไม่สนอายุกันเลยทีเดียว
 " วันศุกร์นี้เลยจ๊ะ พรุ่งนี้ก็วันศุกร์พอดี พ่อส่งพ่อบ้านประจำตัวลูกพร้อมกับข้างของเครื่องใช้ของลูกไปที่บ้านเล็กที่อยู่ไกลกับมหาลัยฯแล้ว อ๋อ! เกือบลืมไปเลยแน่ะ! พ่อส่งสาวใช้ไปให้ด้วยสี่คน พร้อมการ์ดอีก เจ็ดแปดคนพวกเขาจะค่อยดูแลลูกอยู่ห่างๆ เพราะถ้าเกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้นพ่อจะได้ไปช่วยลูกสาวคนเดียวของพ่อทัน " ประโยคสุดท้ายที่คนเป็นพ่อเอ่ยด้วยสั่นปนกับเป็นห่วงลูกสาวคนเดียวอย่างหนักเพราะ เป็นลูกสาวแถมยังเป็นลูกสาวคนเดียวซึ่งตามต้นตะกูลแล้วลูกสาวของตะกูลหลักจะมีสิทธิในการรับมรดกทั้งหมดของปู่ปวดของปวดที่เป็นต้นตะกูลใหญ่ถึงแม้ตะกูลหลักจะไม่ต้องการที่จะรับมรดกแต่ก็ต้องจำใจ และแน่นอนว่าพวกตะกูลรองกับตะกูลเล็กๆที่แยกออกมานั้นจะไม่พอใจและเกิดการแย่งชิงมรดกกันซึ่ง 'ดิร์ฟเฟอล์'ที่เป็นลูกสาวคนเดียวของตะกูลหลักก็ถูกจ้องเล่นงานและถูกปองร้ายหมายจะเอาชีวิตด้วยแล้วนั้น การส่งเธอไปในเมืองที่มีผู้คนมากหน้าหลายตาแบบนั้นเป็นการเสี่ยงอันตรายอย่างมากสำหรับเธอ
 " งั้นเดี๋ยวดิร์ฟจะเก็บตัวที่ห้องคืนนี้นะคะ วานคุณพ่อบอกทุกคนด้วยว่าอย่าเข้ามาที่ห้องถ้ามีการ์ดยืนอยู่หน้าห้องด้วยก็เป็นการดีมากคะ ดิร์ฟอยากเตรียมตัวจนถึงพรุ่งนี้ได้ไหมค่ะ " คำพูดของเธอทำให้คนเป็นพ่อหลุดออกมาจากห้วงความคิดนั้นก่อนที่คนเป็นพ่อจะเอื้อมมือขึ้นมาลูบหัวลูกสาวอย่างแผ่วเบา
 " ได้สิแค่นี้เองพ่อทำให้ได้อยู่แล้วล่ะ ^^ " คนเป็นพ่อว่า
 " ดิร์ฟพ่อรักลูกมากนะ ดูแลตัวเองให้ดีๆถ้ามีอะไรที่ลูกรู้สึกไม่ดีให้โทรมาหาพ่อทันทีเลยนะ "คนเป็นพ่อพูดออกไปด้วยความเป็นห่วงลูกสาวอย่างเต็มอก
 " ดิร์ฟก็รักพ่อค่ะ แล้วไว้เจอกันนะคะ " เธอพูดแค่นั้นก็เดินออกมาจากห้องทำงานของผู้เป็นพ่อแล้วเดินลงไปยังชั้นสองของบ้านซึ่งที่ชั้นสองนั้นมีเพียงสองห้องใหญ่ที่แบ่งกันคนละครึ่งของชั้น ทางปีกซ้ายเป็นห้องของเธอที่เป็นแฝดน้อง ปีขวาเป็นห้องของอีกคนที่เป็นแฝดพี่ ชั้นทั้งชั้นมีเพียงแค่สองห้องเท่านั้นห้องมันจึงกว้างมากเป็นพิเศษ เพราะแฝดแท้คู่นี้เพิ่งจะแยกกันอยู่ได้แค่ สองปีนิดๆ หลังจากที่ทั้งคู่เกิดมาก็อยู่ด้วยกันตลอดไม่เคยแยกจากกันไปไหนแฝดทั้งสองจะจับมือกันอยุ่ตลอดเวลาซึ่งมันคงไม่เป็นผลดีแน่ๆถ้าไม่จับทั้งสองแยกจากกัน พอเธอเดินมาถึงหน้าห้องที่มีป้ายแขวนติดอยู่แล้วเขียนด้วยปากกาสีน่ารักๆ ว่า 'Dirfful ห้ามซนนะ แล้วยังไม่อนุญาติก็อย่าเพิ่งเข้ามา :')' เธอก็เปิดประตูเข้าไปข้างในห้องด้วยใบหน้าที่มองไม่่ออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่หรือเธอเป็นอะไรแล้วประตูก็ปิดลงเธอก็ไม่ยอมออกมาตลอดทั้งคืนนั้นเลย
 
 
 

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 
 
 
 
 
  ฝากรีดเดอร์ช่วยเม้นและวิจาณด้วยนะขอรับจะได้เอาไปปรับปรุงแก้ไข 
ถ้ามีคำผิดหรืออย่างไรก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วยนะขอรับ
สุดทายก็ขอฝากติดตามผลงานกันด้วยนะขอรับ
 
  ปล. แล้วข้าน้อยจะรีบมาต่อให้ไวเลยนะขอรับ
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา