มาตรา...มายารัก
9.1
เขียนโดย ปัณณพร
วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.54 น.
7 ตอน
1 วิจารณ์
9,810 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 มีนาคม พ.ศ. 2557 04.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
5)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “ นี่คะ ห้องทำงานของคุณวิภูวรรธน์ ห้องทำงานของคุณวิภูถูกตกแต่งภายในตามที่คุณวิภูออกแบบมาเลยนะคะ ยังไงคุณวิภูเชิญพักผ่อนได้ตามสบาย แล้วสิบโมงเชิญที่ห้องประชุมใหญ่นะคะ ” เมื่อลดาพาวิภูวรรธน์และปัณชญาเดินมาหยุดหน้าห้องทำงานห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องทำงานของวิภูวรรธน์ แล้วเธอก็เดินออกไป
“ พี่วิภู...ไม่ใช่สิ คุณวิภูวรรธน์คะแล้วโต๊ะทำงานของปันหล่ะคะ ? ” ปัณชญาถามด้วยความสงสัย
เธอเป็นเลขาไม่ใช่หรอ โต๊ะทำงานของเลขาก็สมควรจะอยู่หน้าของเจ้านายสิ แล้วโต๊ะทำงานของเธอหายไปไหน วิภูวรรธน์ไม่ได้ตอบอะไรเธอเพียงแต่ยิ้มและเดินนำเธอเข้าไปในห้อง
“ นี่โต๊ะทำงานของเธอปัณชญา ” วิภูวรรธน์บอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
เมื่อเข้ามาในห้องทำงานของวิภูวรรธน์แล้วปัณชญาก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเพราะห้องทำงานของวิภูวรรธน์ถูกแต่งด้วยโทนสีขาวดำ ดูหรูหรามีสไตล์ ประดับตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะทำงาน เก้าอี้ทันสมัยโทนสีดำ ในรูปแบบลักษณะสวยงาม แปลกแตกต่างแต่เข้ากับโทนสีของห้องที่เน้นโทนสีขาวได้อย่างสวยงามลงตัว
“ การตกแต่งห้องนี้ คุณวิภูออกแบบเองหรอค่ะ ” ปัณชญาอดที่จะแปลกใจไม่ได้ จริงๆแล้ววิภูวรรธน์เป็นคนยังไงกันแน่เป็นคนเงียบขรึมเหมือนเมื่อครั้งแรกที่เธอเจอเขา เป็นคนที่ดูอบอุ่นมีรอยยิ้มสดใสเหมือนเมื่อเช้าที่โต๊ะอาหารบ้านของเธอ หรือจริงๆแล้วเขาเป็นคนที่น่าค้นหาเหมือนสไตล์ห้องทำงานที่เขาเป็นคนออกแบบกันแน่
“ ใช่พี่ออกแบบเองแหละ ดูหรูหราน่าค้นหาดีใช่ไหมหล่ะ พี่ว่าการทำงานในห้องทำงานสไตล์โมเดิร์นมันน่าเบื่อหน่ะ เลยออกแบบมาให้ช่างเค้าบิวท์อินให้ใหม่ และเค้าก็ทำได้ถูกใจพี่จริงๆ ” วิภูวรรธน์พูดอย่างภูมิใจในฝีมือการออกแบบของตนและชื่นชมในฝีมือการทำงานของช่างที่ทำออกมาได้ดีตามแบบที่ตนวาดไว้
“ แล้วนั่นก็โต๊ะทำงานของเธอ ไม่ต้องสงสัยหรอกนะว่าทำไมมันถึงมาอยู่ในห้องพี่ บอกตรงๆเลยแล้วกันก็เพราะพี่ชายเธอนั่นแหละ ” วิภูวรรธน์รีบพูดตัดบทซะก่อนเพราะเค้ารู้ว่ายังไงปัณชญาคงต้องถามเขาแน่ๆ
ปัณชญารู้สึกเซ็งไม่น้อยเลยทีเดียวที่ปุณณภพพี่ชายของเธอคอยจัดการอะไรให้ไปหมดทุกอย่าง ทั้งให้วิภูวรรธน์คอยรับ คอยส่งเธอ ให้เธอมานั่งทำงานในห้องทำงานของวิภูวรรธน์อีก ไม่รู้ว่าป่านนี้พนักงานในบริษัทวิฑิตโยธิน กรุ๊ป จะมองเธอแบบไหนบ้าง ตั้งแต่ตอนแรกที่เธอมาเหยียบที่บริษัทนี้วิภูวรรธน์ก็เดินลงมาเปิดประตูให้เธอ ไหนจะต้องมานั่งทำงานในห้องทำงานเดียวกันอีก ดูจากคุณลดาที่เป็นเลขาของคุณภูสิทธิ์คุณพ่อของวิภูวรรธน์ก็ดูจะไม่ค่อยชอบเธอเลย เพราะดูเธอจะมีอภิสิทธิ์เหนือพนักงานทั่วไปทุกอย่าง ตาย ตาย ตาย งานเป็นสายลับครั้งนี้ดูจะไม่หมูสำหรับเธอซะแล้ว
“ คุณวิภูคะ ให้ปันออกไปนั่งทำงานข้างนอกเหมือนพนักงานทั่วไปเถอะคะ เราไม่ต้องบอกพี่ปุณเรื่องนี้ก็ได้ ” ปัณชญาพูดแกมขอร้องวิภูวรรธน์
“ คงจะไม่ได้หรอกคะน้องปัน พี่รับปากไอ้ปุณพี่ชายของน้องปันไว้แล้วว่าจะดูแลน้องปันให้เหมือนที่ไอ้ปุณดูแล แล้วอีกอย่างเวลานี้ไม่มีคนอยู่เรียกพี่ว่า “พี่วิภู” ตามเดิมเถอะคะ ”
“ เรื่องที่นั่งทำงานปันจะไม่ขอเถียงกับคุณวิภูให้เหนื่อยหรอกนะคะ ในเมื่อสาเหตุมาจากพี่ปุณเอาเป็นว่าปันเข้าใจ แต่จะให้ปันเรียกคุณวิภูว่าพี่วิภูเหมือนเดิมปันเกรงว่าจะมีคนอื่นแอบมาได้ยินได้ ยังไงก็รบกวนคุณวิภูเรียกปันว่า ปันหรือปัณชญานะคะ อย่าเรียกน้องปันอีกเลย เราเข้าใจกันตามนี้นะคะ งั้นปันขอตัวไปทำงานนะคะ ต้องการอะไรบอกปันนะคะ ” เมื่อพูดจบปันชญาก็เดินไปที่โต๊ะทำงานของเธอเพื่อเช็คดูว่ามีอะไรที่เธอจะต้องทำบ้างปล่อยให้วิภูวรรธน์ยืนนิ่งอึ้งกับคำพูดของเธอ
ณ ห้องประชุมใหญ่ บริษัทวิฑิตโยธิน กรุ๊ป
“ และทั้งหมดที่ทุกท่านได้เห็นในวีดีโอก็เป็นการดำเนินงาน และธุรกิจในเครือบริษัทวิฑิตโยธิน กรุ๊ป ตลอด45ปีที่ผ่านมา ซึ่งบริหารงานโดยคุณภูสิทธิ์ วิฑิตโยธิน แต่เป็นที่น่าเสียใจที่ในช่วงหลายเดือนมานี้คุณภูสิทธิ์ได้ป่วยอย่างกระทันหัน ไม่สามารถมาบริหารงานได้ ท่านเลยส่งคุณวิภูวรรธน์ วิฑิตโยธิน มารับตำแหน่งรองประธานบริษัทวิฑิตโยธิน กรุ๊ปค่ะ ”
เมื่อลดาพูดจบเสียงสมาชิกที่อยู่ในห้องประชุมซึ่งมีทั้งคณะกรรมการบริษัทและหุ้นส่วนบริษัทต่างก็ปรบมือต้อนรับวิภูวรรธน์เป็นเสียงเดียวกัน และหนึ่งในนั้นก็มีภูผาและชานนท์สองคนพ่อลูกที่เป็นเป้าหมายในการทำภารกิจของปัณชญาในครั้งนี้ด้วย
“ สวัสดีครับท่านคณะกรรมการบริษัท หุ้นส่วนบริษัททุกคนผมดีใจที่ทุกคนให้การต้อนรับผมอย่างอบอุ่น ผมพึ่งเรียนจบจากอเมริกามา ยังใหม่อยู่มากสำหรับการบริหารงาน ยังไงผมก็ขอรบกวนทุกท่านที่เปรียบเสมือนพี่ ป้า น้า อา ซึ่งเป็นครอบครัวเดียวกันกับผม ช่วยชี้แนะผมด้วยนะครับ แล้วเรามาร่วมกันพัฒนาบริษัทวิฑิตโยธิน กรุ๊ป รวมไปถึงบริษัทต่างๆในเครือวิฑิตโยธิน กรุ๊ป ให้เป็นหนึ่งด้วยกันนะครับ ”
ด้านหน้า ห้องประชุมใหญ่ บริษัทวิฑิตโยธิน กรุ๊ปขณะที่ปัณชญากำลังจะเดินตามวิภูวรรธน์ออกไป
“ ปัน ปัน ปัณชญาใช่ไหม ? ” ชานนท์ร้องทักปัณชญาพร้อมกับวิ่งมาจับมือปัณชญาไว้
เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกพร้อมกับดึงมือเธอเอาไว้ ปัณชญาก็หันไปทันที คนที่เรียกเธอคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากชานนท์เป้าหมายของเธอ
“ อ้าววว...ว่าไงคะพี่ชานนท์ โลกกลมจังเลยนะคะ พี่ทำงานอยู่ที่นี้หรอคะ ? ” ปันชญาแสร้งทำเป็นเอ่ยทักชานนท์ขึ้น
“ ใช่จ้ะปัน ไหนว่าเรากำลังเรียนปริญญาโทอยู่ไม่ใช่หรอ ? แล้วเรามาเป็นเลขาให้พี่วิภูได้ยังไงหล่ะ ” ชานนท์ถามขึ้นอย่างสงสัย
“ เรื่องมันยาวหน่ะคะ ไว้มีโอกาสปันจะเล่าให้พี่ชานนท์ฟังนะคะ เดี๋ยวปันขอตัวไปทำงานก่อน มัวแต่มายืนคุยกับคนอื่น เดี๋ยวคุณวิภูจะไม่พอใจเอาได้ ” ปัณชญาแกล้งทำเป็นรีบตัดบทและขอตัวไปทำงานเพราะเค้ารู้นิสัยชานนท์ดีว่าถ้ายิ่งหนีก็จะยิ่งอยากเจอ ชานนท์เป็นคนชอบเอาชนะ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทางด้านปุณณภพที่กำลังคร่ำเคร่งกับการอ่านเอกสารกองโต ก็ต้องผละจากการอ่านเอกสารเมื่อได้เสียงเคาะประตูหน้าห้องของตนดังขึ้น
“ สารวัตรครับ คุณพิมพ์ลภัสมาแล้วครับ สารวัตรจะให้เธอเข้ามาพบเลยไหมครับ ” ตำรวจนายหนึ่งซึ่งเป็นหนึ่งในลูกทีมของปุณณภพเอ่ยขึ้น
“ เชิญคุณพิมพ์ลภัสเข้ามาได้เลย ” ปุณณภพเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่มือของเขากลับรีบเก็บเอกสารเป็นพัลวัน
“ พี่ปุณ สวัสดีคะ ” พิมพ์ลภัสเอ่ยทักปุณณภพขึ้นขณะเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของปุณณภพ
“ เชิญนั่งก่อนเลย ยัยพิมพ์ พี่ต้องขอโทษด้วยที่ต้องเรียกเรามาเร่งด่วน ” ปุณณภพเอ่ยด้วยน้ำเสียงเครียดๆ
“ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะพี่ปุณ ? ” พิมพ์ลภัสถามด้วยความสงสัยเพราะฟังดูจากน้ำเสียงของปุณณภพแล้วดูท่าน่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ มันจะเป็นการรบกวนพิมพ์หรือเปล่า ถ้าพี่...เอ่อ...ถ้าพี่อยากขอให้พิมพ์ช่วย...”
“ ช่วยอะไรหรอค่ะพี่ปุณ ? ถ้าเป็นเรื่องคดีอะไรพิมพ์ยินดีคะ ”
“ มันก็ไม่ใช่เรื่องนั้นครับ แต่มันคือเรื่อง...” ปุณณภพก็ยังคงอ้ำอึ้ง
“ เรื่องอะไรคะพี่ปุณ ? ”
“ คือ...พิมพ์ช่วยไปทานข้าวกลางวันกับพี่หน่อยได้ไหมครับ ? ” ปุณณภพตัดสินใจพูดออกไปอย่างรวดเร็ว
“ ห๊ะ!!! อะไรนะคะ ? พี่ปุณให้พิมพ์มาหาพี่ปุณที่นี่เพื่อชวนพิมพ์ทานข้าวกลางวัน ? ” พิมพ์ลภัสถามปุณณภพเพราะไม่คิดว่าสิ่งที่ตนได้ยินจะเป็นความจริง ปุณณภพชวนเธอทานข้าวกลางวัน นี่เธอฝันอยู่รึเปล่าเนี่ย ?
“ ใช่ครับ พิมพ์ได้ยินไม่ผิดหรอก คือพี่คิดว่าช่วงนี้พิมพ์ทำงานเครียดๆหน่ะ เลยอยากจะชวนพิมพ์ไปทานอะไรอร่อยๆ ขอโทษทีนะที่พี่ต้องให้พิมพ์มาเองไม่ได้ไปรับที่บริษัทของพิมพ์พอดีพี่ติดงานอยู่ครับ ” ปุณณภพกล่าวอย่างรู้สึกผิดพลางเหล่มองเอกสารกองโต
“ วันหลังอย่าเล่นแบบนี้อีกนะคะพี่ปุณ โทรไปหาพิมพ์ พิมพ์ก็ตกอกตกใจหมดนึกว่ามีเรื่องด่วนอะไร วันหลังจะชวนทานข้าวก็บอกกันดีๆก็ได้คะ ” ประโยคหลังพิมพ์ลภัสพูดด้วยอาการเขินอาย
“ ขอโทษทีนะ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก พี่จะชวนพิมพ์ออกมาทานข้าวเฉยๆก็กลัวพิมพ์จะห่วงงานปฏิเสธไม่ยอมมาทานข้าวกับพี่หน่ะสิ ”
“ โอเคค่ะพี่ปุณ ว่าแต่พี่ปุณทำงานเสร็จหรือยังคะ พี่ปุณทำงานให้เสร็จก่อนก็ได้นะคะ แล้วเราค่อยไปทานข้าวกัน ข้าวฟรีมื้อนี้พี่ปุณเลี้ยงพิมพ์รอได้คะ ” พิมพ์ลภัสพูดอย่างติดตลก
“ เราไปกันเลยดีกว่าครับ เดี๋ยวพี่ค่อยกลับมาทำงานต่อ เดี๋ยวพิมพ์ไปรถพี่นะไม่ต้องขับรถไปเอง ” ปุณณภพพูดพลางเดินนำพิมพ์ลภัสออกไป
ห้องทำงานของวิภูวรรธน์ บริษัทวิฑิตโยธิน กรุ๊ป
“ ดีมากคะพี่ปุณ พี่ปุณทำถูกแล้วแหละคะ แล้วเดี๋ยวปันกลับไปตอนเย็นเราคุยกันนะค่ะ แค่นี้ก่อนนะค่ะ เดี๋ยวปันก็จะไปทานข้าวแล้วหล่ะคะ ” ปัณชญากรอกเสียงหวานใสใส่ปลายสายโทรศัพท์อย่างอารมณ์ดี เพราะเธอเองนี่แหละที่เป็นคนโทรไปบอกให้ปุณณภพโทรไปชวนพิมพ์ลภัสไปทานข้าว โทษฐานที่พี่ชายของเธอทำให้เธอต้องมานั่งทำงานในห้องเดียวกับวิภูวรรธน์
“ แหม...คุยโทรศัพท์กับพี่ชายอารมณ์ดีเชียวนะคุณปัณชญา ”ได้ยินเสียงหวานใสของปัณชญาคุยกับปุณณภพวิภูวรรธน์ก็อดแซวไม่ได้
“ แน่นอนค่ะ คุณวิภู นี่มันก็พักกลางวันแล้วคุณวิภูจะไปทานข้าวกลางวันที่ไหนคะ หรือจะให้ปันหามาให้ทาน อยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ ”
“ นี่ปัณชญา เธอไม่ต้องทำหน้าที่เลขาเคร่งครัดขนาดนี้ก็ได้มั้ง เราก็รู้ๆกันอยู่ว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ ”วิภูวรรธน์พูดอย่างเหลืออดหลังจากที่เริ่มรู้สึกหมันไส้กับพฤติกรรมการเป็นเลขาที่เคร่งครัดต่อหน้าที่มากเกินไปของปัณชญา
“ ไม่ได้คะคุณวิภู ถึงปันจะรู้ตัวว่าปันมาที่นี่เพื่ออะไร แต่ปันคงจะทนเห็นใครมองว่าปันบกพร่องต่อหน้าที่ไม่ได้หรอกนะคะ ”
“ ก๊อก ก๊อก ก๊อก ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของปัณชญาและวิภูวรรธน์ ปัณชญาจึงทำหน้าที่เลขารีบเดินไปเปิดประตู
“ อ้าว...พี่ชานนท์มาได้ยังไงคะ ” ปัณชญาถามอย่างสงสัยไม่คิดว่าเค้าจะกล้ามาหาเธอถึงที่นี่
“ พี่มาชวนปันไปทานข้าวกลางวันหน่ะ เห็นพึ่งมาทำงานวันแรกคงยังไม่รู้ที่ทางอะไรเท่าไหร่ ”
“ อะแฮ่มๆ จะคุยอะไรกันก็เกรงใจเจ้าของห้องบ้างนะครับ ” วิภูวรรธน์พูดขัดการสนทนาระหว่างปัณชญาและชานนท์ขึ้น
“ โทษทีนะครับ พี่วิภู พอดีผมไม่ทันสังเกตเห็นพี่ เห็นว่าอยู่ในช่วงพักเที่ยง เลยคิดว่าพี่คงจะออกไปทานข้าวกลางวันแล้ว ” ชานนท์ตอบวิภูวรรธน์กลับด้วยท่าทียียวนกวนอารมณ์
“ แล้วแกมาที่นี่ทำไมชานนท์ เลขาของฉันมาทำงานวันแรกแกก็คิดจะมาจีบแล้วหรอ ”
“ จะเรียกว่าจีบก็คงไม่ถูกหรอกครับพี่วิภู เพราะผมกับปันเราเคยรักกันมาก่อน ”
“ ก็แค่เคยรักกันมาก่อน ” วิภูวรรธน์เน้นเสียงด้วยท่าทีกวนอารมณ์
“ งั้นปันขอตัวไปทานข้าวนะคะ คุณวิภูแล้วปันจะรีบกลับมาทำงาน ” ปัณชญาพูดพลางกึ่งลากกึ่งจูงชานนท์ออกไป ขืนปล่อยไว้นานกว่านี้มีหวังว่าชานนท์และวิภูวรรธน์คงได้วางมวยกันแน่
“ พี่วิภู...ไม่ใช่สิ คุณวิภูวรรธน์คะแล้วโต๊ะทำงานของปันหล่ะคะ ? ” ปัณชญาถามด้วยความสงสัย
เธอเป็นเลขาไม่ใช่หรอ โต๊ะทำงานของเลขาก็สมควรจะอยู่หน้าของเจ้านายสิ แล้วโต๊ะทำงานของเธอหายไปไหน วิภูวรรธน์ไม่ได้ตอบอะไรเธอเพียงแต่ยิ้มและเดินนำเธอเข้าไปในห้อง
“ นี่โต๊ะทำงานของเธอปัณชญา ” วิภูวรรธน์บอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
เมื่อเข้ามาในห้องทำงานของวิภูวรรธน์แล้วปัณชญาก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเพราะห้องทำงานของวิภูวรรธน์ถูกแต่งด้วยโทนสีขาวดำ ดูหรูหรามีสไตล์ ประดับตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะทำงาน เก้าอี้ทันสมัยโทนสีดำ ในรูปแบบลักษณะสวยงาม แปลกแตกต่างแต่เข้ากับโทนสีของห้องที่เน้นโทนสีขาวได้อย่างสวยงามลงตัว
“ การตกแต่งห้องนี้ คุณวิภูออกแบบเองหรอค่ะ ” ปัณชญาอดที่จะแปลกใจไม่ได้ จริงๆแล้ววิภูวรรธน์เป็นคนยังไงกันแน่เป็นคนเงียบขรึมเหมือนเมื่อครั้งแรกที่เธอเจอเขา เป็นคนที่ดูอบอุ่นมีรอยยิ้มสดใสเหมือนเมื่อเช้าที่โต๊ะอาหารบ้านของเธอ หรือจริงๆแล้วเขาเป็นคนที่น่าค้นหาเหมือนสไตล์ห้องทำงานที่เขาเป็นคนออกแบบกันแน่
“ ใช่พี่ออกแบบเองแหละ ดูหรูหราน่าค้นหาดีใช่ไหมหล่ะ พี่ว่าการทำงานในห้องทำงานสไตล์โมเดิร์นมันน่าเบื่อหน่ะ เลยออกแบบมาให้ช่างเค้าบิวท์อินให้ใหม่ และเค้าก็ทำได้ถูกใจพี่จริงๆ ” วิภูวรรธน์พูดอย่างภูมิใจในฝีมือการออกแบบของตนและชื่นชมในฝีมือการทำงานของช่างที่ทำออกมาได้ดีตามแบบที่ตนวาดไว้
“ แล้วนั่นก็โต๊ะทำงานของเธอ ไม่ต้องสงสัยหรอกนะว่าทำไมมันถึงมาอยู่ในห้องพี่ บอกตรงๆเลยแล้วกันก็เพราะพี่ชายเธอนั่นแหละ ” วิภูวรรธน์รีบพูดตัดบทซะก่อนเพราะเค้ารู้ว่ายังไงปัณชญาคงต้องถามเขาแน่ๆ
ปัณชญารู้สึกเซ็งไม่น้อยเลยทีเดียวที่ปุณณภพพี่ชายของเธอคอยจัดการอะไรให้ไปหมดทุกอย่าง ทั้งให้วิภูวรรธน์คอยรับ คอยส่งเธอ ให้เธอมานั่งทำงานในห้องทำงานของวิภูวรรธน์อีก ไม่รู้ว่าป่านนี้พนักงานในบริษัทวิฑิตโยธิน กรุ๊ป จะมองเธอแบบไหนบ้าง ตั้งแต่ตอนแรกที่เธอมาเหยียบที่บริษัทนี้วิภูวรรธน์ก็เดินลงมาเปิดประตูให้เธอ ไหนจะต้องมานั่งทำงานในห้องทำงานเดียวกันอีก ดูจากคุณลดาที่เป็นเลขาของคุณภูสิทธิ์คุณพ่อของวิภูวรรธน์ก็ดูจะไม่ค่อยชอบเธอเลย เพราะดูเธอจะมีอภิสิทธิ์เหนือพนักงานทั่วไปทุกอย่าง ตาย ตาย ตาย งานเป็นสายลับครั้งนี้ดูจะไม่หมูสำหรับเธอซะแล้ว
“ คุณวิภูคะ ให้ปันออกไปนั่งทำงานข้างนอกเหมือนพนักงานทั่วไปเถอะคะ เราไม่ต้องบอกพี่ปุณเรื่องนี้ก็ได้ ” ปัณชญาพูดแกมขอร้องวิภูวรรธน์
“ คงจะไม่ได้หรอกคะน้องปัน พี่รับปากไอ้ปุณพี่ชายของน้องปันไว้แล้วว่าจะดูแลน้องปันให้เหมือนที่ไอ้ปุณดูแล แล้วอีกอย่างเวลานี้ไม่มีคนอยู่เรียกพี่ว่า “พี่วิภู” ตามเดิมเถอะคะ ”
“ เรื่องที่นั่งทำงานปันจะไม่ขอเถียงกับคุณวิภูให้เหนื่อยหรอกนะคะ ในเมื่อสาเหตุมาจากพี่ปุณเอาเป็นว่าปันเข้าใจ แต่จะให้ปันเรียกคุณวิภูว่าพี่วิภูเหมือนเดิมปันเกรงว่าจะมีคนอื่นแอบมาได้ยินได้ ยังไงก็รบกวนคุณวิภูเรียกปันว่า ปันหรือปัณชญานะคะ อย่าเรียกน้องปันอีกเลย เราเข้าใจกันตามนี้นะคะ งั้นปันขอตัวไปทำงานนะคะ ต้องการอะไรบอกปันนะคะ ” เมื่อพูดจบปันชญาก็เดินไปที่โต๊ะทำงานของเธอเพื่อเช็คดูว่ามีอะไรที่เธอจะต้องทำบ้างปล่อยให้วิภูวรรธน์ยืนนิ่งอึ้งกับคำพูดของเธอ
ณ ห้องประชุมใหญ่ บริษัทวิฑิตโยธิน กรุ๊ป
“ และทั้งหมดที่ทุกท่านได้เห็นในวีดีโอก็เป็นการดำเนินงาน และธุรกิจในเครือบริษัทวิฑิตโยธิน กรุ๊ป ตลอด45ปีที่ผ่านมา ซึ่งบริหารงานโดยคุณภูสิทธิ์ วิฑิตโยธิน แต่เป็นที่น่าเสียใจที่ในช่วงหลายเดือนมานี้คุณภูสิทธิ์ได้ป่วยอย่างกระทันหัน ไม่สามารถมาบริหารงานได้ ท่านเลยส่งคุณวิภูวรรธน์ วิฑิตโยธิน มารับตำแหน่งรองประธานบริษัทวิฑิตโยธิน กรุ๊ปค่ะ ”
เมื่อลดาพูดจบเสียงสมาชิกที่อยู่ในห้องประชุมซึ่งมีทั้งคณะกรรมการบริษัทและหุ้นส่วนบริษัทต่างก็ปรบมือต้อนรับวิภูวรรธน์เป็นเสียงเดียวกัน และหนึ่งในนั้นก็มีภูผาและชานนท์สองคนพ่อลูกที่เป็นเป้าหมายในการทำภารกิจของปัณชญาในครั้งนี้ด้วย
“ สวัสดีครับท่านคณะกรรมการบริษัท หุ้นส่วนบริษัททุกคนผมดีใจที่ทุกคนให้การต้อนรับผมอย่างอบอุ่น ผมพึ่งเรียนจบจากอเมริกามา ยังใหม่อยู่มากสำหรับการบริหารงาน ยังไงผมก็ขอรบกวนทุกท่านที่เปรียบเสมือนพี่ ป้า น้า อา ซึ่งเป็นครอบครัวเดียวกันกับผม ช่วยชี้แนะผมด้วยนะครับ แล้วเรามาร่วมกันพัฒนาบริษัทวิฑิตโยธิน กรุ๊ป รวมไปถึงบริษัทต่างๆในเครือวิฑิตโยธิน กรุ๊ป ให้เป็นหนึ่งด้วยกันนะครับ ”
ด้านหน้า ห้องประชุมใหญ่ บริษัทวิฑิตโยธิน กรุ๊ปขณะที่ปัณชญากำลังจะเดินตามวิภูวรรธน์ออกไป
“ ปัน ปัน ปัณชญาใช่ไหม ? ” ชานนท์ร้องทักปัณชญาพร้อมกับวิ่งมาจับมือปัณชญาไว้
เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกพร้อมกับดึงมือเธอเอาไว้ ปัณชญาก็หันไปทันที คนที่เรียกเธอคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากชานนท์เป้าหมายของเธอ
“ อ้าววว...ว่าไงคะพี่ชานนท์ โลกกลมจังเลยนะคะ พี่ทำงานอยู่ที่นี้หรอคะ ? ” ปันชญาแสร้งทำเป็นเอ่ยทักชานนท์ขึ้น
“ ใช่จ้ะปัน ไหนว่าเรากำลังเรียนปริญญาโทอยู่ไม่ใช่หรอ ? แล้วเรามาเป็นเลขาให้พี่วิภูได้ยังไงหล่ะ ” ชานนท์ถามขึ้นอย่างสงสัย
“ เรื่องมันยาวหน่ะคะ ไว้มีโอกาสปันจะเล่าให้พี่ชานนท์ฟังนะคะ เดี๋ยวปันขอตัวไปทำงานก่อน มัวแต่มายืนคุยกับคนอื่น เดี๋ยวคุณวิภูจะไม่พอใจเอาได้ ” ปัณชญาแกล้งทำเป็นรีบตัดบทและขอตัวไปทำงานเพราะเค้ารู้นิสัยชานนท์ดีว่าถ้ายิ่งหนีก็จะยิ่งอยากเจอ ชานนท์เป็นคนชอบเอาชนะ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทางด้านปุณณภพที่กำลังคร่ำเคร่งกับการอ่านเอกสารกองโต ก็ต้องผละจากการอ่านเอกสารเมื่อได้เสียงเคาะประตูหน้าห้องของตนดังขึ้น
“ สารวัตรครับ คุณพิมพ์ลภัสมาแล้วครับ สารวัตรจะให้เธอเข้ามาพบเลยไหมครับ ” ตำรวจนายหนึ่งซึ่งเป็นหนึ่งในลูกทีมของปุณณภพเอ่ยขึ้น
“ เชิญคุณพิมพ์ลภัสเข้ามาได้เลย ” ปุณณภพเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่มือของเขากลับรีบเก็บเอกสารเป็นพัลวัน
“ พี่ปุณ สวัสดีคะ ” พิมพ์ลภัสเอ่ยทักปุณณภพขึ้นขณะเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของปุณณภพ
“ เชิญนั่งก่อนเลย ยัยพิมพ์ พี่ต้องขอโทษด้วยที่ต้องเรียกเรามาเร่งด่วน ” ปุณณภพเอ่ยด้วยน้ำเสียงเครียดๆ
“ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะพี่ปุณ ? ” พิมพ์ลภัสถามด้วยความสงสัยเพราะฟังดูจากน้ำเสียงของปุณณภพแล้วดูท่าน่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ มันจะเป็นการรบกวนพิมพ์หรือเปล่า ถ้าพี่...เอ่อ...ถ้าพี่อยากขอให้พิมพ์ช่วย...”
“ ช่วยอะไรหรอค่ะพี่ปุณ ? ถ้าเป็นเรื่องคดีอะไรพิมพ์ยินดีคะ ”
“ มันก็ไม่ใช่เรื่องนั้นครับ แต่มันคือเรื่อง...” ปุณณภพก็ยังคงอ้ำอึ้ง
“ เรื่องอะไรคะพี่ปุณ ? ”
“ คือ...พิมพ์ช่วยไปทานข้าวกลางวันกับพี่หน่อยได้ไหมครับ ? ” ปุณณภพตัดสินใจพูดออกไปอย่างรวดเร็ว
“ ห๊ะ!!! อะไรนะคะ ? พี่ปุณให้พิมพ์มาหาพี่ปุณที่นี่เพื่อชวนพิมพ์ทานข้าวกลางวัน ? ” พิมพ์ลภัสถามปุณณภพเพราะไม่คิดว่าสิ่งที่ตนได้ยินจะเป็นความจริง ปุณณภพชวนเธอทานข้าวกลางวัน นี่เธอฝันอยู่รึเปล่าเนี่ย ?
“ ใช่ครับ พิมพ์ได้ยินไม่ผิดหรอก คือพี่คิดว่าช่วงนี้พิมพ์ทำงานเครียดๆหน่ะ เลยอยากจะชวนพิมพ์ไปทานอะไรอร่อยๆ ขอโทษทีนะที่พี่ต้องให้พิมพ์มาเองไม่ได้ไปรับที่บริษัทของพิมพ์พอดีพี่ติดงานอยู่ครับ ” ปุณณภพกล่าวอย่างรู้สึกผิดพลางเหล่มองเอกสารกองโต
“ วันหลังอย่าเล่นแบบนี้อีกนะคะพี่ปุณ โทรไปหาพิมพ์ พิมพ์ก็ตกอกตกใจหมดนึกว่ามีเรื่องด่วนอะไร วันหลังจะชวนทานข้าวก็บอกกันดีๆก็ได้คะ ” ประโยคหลังพิมพ์ลภัสพูดด้วยอาการเขินอาย
“ ขอโทษทีนะ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก พี่จะชวนพิมพ์ออกมาทานข้าวเฉยๆก็กลัวพิมพ์จะห่วงงานปฏิเสธไม่ยอมมาทานข้าวกับพี่หน่ะสิ ”
“ โอเคค่ะพี่ปุณ ว่าแต่พี่ปุณทำงานเสร็จหรือยังคะ พี่ปุณทำงานให้เสร็จก่อนก็ได้นะคะ แล้วเราค่อยไปทานข้าวกัน ข้าวฟรีมื้อนี้พี่ปุณเลี้ยงพิมพ์รอได้คะ ” พิมพ์ลภัสพูดอย่างติดตลก
“ เราไปกันเลยดีกว่าครับ เดี๋ยวพี่ค่อยกลับมาทำงานต่อ เดี๋ยวพิมพ์ไปรถพี่นะไม่ต้องขับรถไปเอง ” ปุณณภพพูดพลางเดินนำพิมพ์ลภัสออกไป
ห้องทำงานของวิภูวรรธน์ บริษัทวิฑิตโยธิน กรุ๊ป
“ ดีมากคะพี่ปุณ พี่ปุณทำถูกแล้วแหละคะ แล้วเดี๋ยวปันกลับไปตอนเย็นเราคุยกันนะค่ะ แค่นี้ก่อนนะค่ะ เดี๋ยวปันก็จะไปทานข้าวแล้วหล่ะคะ ” ปัณชญากรอกเสียงหวานใสใส่ปลายสายโทรศัพท์อย่างอารมณ์ดี เพราะเธอเองนี่แหละที่เป็นคนโทรไปบอกให้ปุณณภพโทรไปชวนพิมพ์ลภัสไปทานข้าว โทษฐานที่พี่ชายของเธอทำให้เธอต้องมานั่งทำงานในห้องเดียวกับวิภูวรรธน์
“ แหม...คุยโทรศัพท์กับพี่ชายอารมณ์ดีเชียวนะคุณปัณชญา ”ได้ยินเสียงหวานใสของปัณชญาคุยกับปุณณภพวิภูวรรธน์ก็อดแซวไม่ได้
“ แน่นอนค่ะ คุณวิภู นี่มันก็พักกลางวันแล้วคุณวิภูจะไปทานข้าวกลางวันที่ไหนคะ หรือจะให้ปันหามาให้ทาน อยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ ”
“ นี่ปัณชญา เธอไม่ต้องทำหน้าที่เลขาเคร่งครัดขนาดนี้ก็ได้มั้ง เราก็รู้ๆกันอยู่ว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ ”วิภูวรรธน์พูดอย่างเหลืออดหลังจากที่เริ่มรู้สึกหมันไส้กับพฤติกรรมการเป็นเลขาที่เคร่งครัดต่อหน้าที่มากเกินไปของปัณชญา
“ ไม่ได้คะคุณวิภู ถึงปันจะรู้ตัวว่าปันมาที่นี่เพื่ออะไร แต่ปันคงจะทนเห็นใครมองว่าปันบกพร่องต่อหน้าที่ไม่ได้หรอกนะคะ ”
“ ก๊อก ก๊อก ก๊อก ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของปัณชญาและวิภูวรรธน์ ปัณชญาจึงทำหน้าที่เลขารีบเดินไปเปิดประตู
“ อ้าว...พี่ชานนท์มาได้ยังไงคะ ” ปัณชญาถามอย่างสงสัยไม่คิดว่าเค้าจะกล้ามาหาเธอถึงที่นี่
“ พี่มาชวนปันไปทานข้าวกลางวันหน่ะ เห็นพึ่งมาทำงานวันแรกคงยังไม่รู้ที่ทางอะไรเท่าไหร่ ”
“ อะแฮ่มๆ จะคุยอะไรกันก็เกรงใจเจ้าของห้องบ้างนะครับ ” วิภูวรรธน์พูดขัดการสนทนาระหว่างปัณชญาและชานนท์ขึ้น
“ โทษทีนะครับ พี่วิภู พอดีผมไม่ทันสังเกตเห็นพี่ เห็นว่าอยู่ในช่วงพักเที่ยง เลยคิดว่าพี่คงจะออกไปทานข้าวกลางวันแล้ว ” ชานนท์ตอบวิภูวรรธน์กลับด้วยท่าทียียวนกวนอารมณ์
“ แล้วแกมาที่นี่ทำไมชานนท์ เลขาของฉันมาทำงานวันแรกแกก็คิดจะมาจีบแล้วหรอ ”
“ จะเรียกว่าจีบก็คงไม่ถูกหรอกครับพี่วิภู เพราะผมกับปันเราเคยรักกันมาก่อน ”
“ ก็แค่เคยรักกันมาก่อน ” วิภูวรรธน์เน้นเสียงด้วยท่าทีกวนอารมณ์
“ งั้นปันขอตัวไปทานข้าวนะคะ คุณวิภูแล้วปันจะรีบกลับมาทำงาน ” ปัณชญาพูดพลางกึ่งลากกึ่งจูงชานนท์ออกไป ขืนปล่อยไว้นานกว่านี้มีหวังว่าชานนท์และวิภูวรรธน์คงได้วางมวยกันแน่
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ