พบรักที่ปลายเวลา
-
เขียนโดย ปากาดาว
วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 14.43 น.
7 ตอน
8 วิจารณ์
11.19K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557 21.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ปริศนาแห่งบทเพลงจากสาวปริศนา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกระแตหาบขนม เข้ามาในร้านขาย ของชำ ทำตัวลับๆ ล่อๆ เหมือนมี แผนการซ่อนอยู่ ส่งสายตาให้นที เป็นอันรู้กัน"ไปเร็วกระแต เดียวใครเห็นเข้า" นทีกาญจน์รีบชวนกระแตลุกขึ้นออกจากบ้านไปโดยไม่ให้คนในบ้านผิดสังเกตุ ในหาบขนมมี อุปกรณ์ทำแผล-สำลี-ผ้าก็อซกับยา เท่าที่นทีกาญจน์กับกระแตหามาได้ หญิงสาวซุกช่อนใว้ไม่ให้ใครเห็นอย่างกะของ ผิดกดหมาย ทีท่าเรื่อในสายของวันสองสาวกำลังเอาหาบขนม มารอเรือเพื่อจะขึ้นไปยังค่ายเชลยของญี่ปุ่น"พี่ นที ..ทำอย่างนี้ไม่กลัว หลวงเขาจับได้หรอคะ""ทำตัวปกติ..เดียวนทีจัดการเอง" สาวใช้ตัวน้อยกลัวจนตัวสั่นอ้าปากค้างเสียวสันหลังวาบ เมื่อมองเห็น สารวัตรองอาจเดินตรงมาทางเธอ"ขนมตาลนี้..หวานไหมคับ" สารวัตรองอาจ ก้มลงดูขนมในหาบยิบขนมขึ้นมาหนึ่งชิ้น มองไปยังนทีกาญจน์ แบบสายตาหวานฉ่ำสุดจะพรรณา ตามประสาชายเจ้าชู้"พี่นที เรือมาแล้วเราไปกันเถอะ""ขอตัวก่อนนะคะ" นทีกาญน์กล่าวแบบลวกๆเสียงเรื่อวิ่งมาจอดตรงท้าเรือกระแตดึงนที ลงเรือมาพร้อมกับหาบขนม"เกือบไปแล้วคะ..พี่นทีกระแตว่าล้มเลิกดีกว่า..ถ้าโดนจับได้พวกเราตายแน่ๆคะ""อย่างกลัวสิกระแต..ทำดี..ต่อไปมันจะดีต่อประเทศเรานะ." นทีนั้งลงข้างๆกระแตเอามือไปกุมมือที่สั่นเทาเพราะความกลัวของสาวน้อยเรือแล่นมาถึงท่าค่ายเชลยญี่ปุ่น สองสาวพากันยกของลงมาจากเรือเดินตรงไปยังรั่วที่พ่อค้าแม่ค้าขายของ กระแตขายของเป็นปกกติ"ขนมหวานๆจร้า..ขนมไหมจ๊ะ.."นทีกาญจน์ ส่งสัญญาให้กลุ่มของแดเดียล แอบส่งของให้ เชลยโดยที่เธอก็ไม่รู้ว่ามีสายตาของโทโมโยชิบังเบิญผ่านมาเห็น"นี้..ฉันหามาได้แค่นี้..พวกคุณรีบไปเถอะ..เดียวพวกญี่ปุ่นจะเห็น."ขอบคุณมาก...คุณคือนางฟ้า.."แดลเนียลสือสารเป็นถาษาอังกฤษกลุ่มของแดลเนียล วิ่งหลบเข้าไปในค่ายอย่างรวดเร็วว นทีกาญจน์ชะเง้อดูจนสุดสายตา ก่อนจะถอนหายใจโล่งอกหันไปมองที่หาบขนม กระแตกำลังยุงกับการขายของให้ทหายญี่ปุนอันนั้นคืออะไรครับ” ทหารญี่ปุ่นคนหนึ่งถาม" ขนมตาลจ๊ะ...นายจะลองชิมไหมจ๊ะ"นทีกาญจน์นั้นลง ข้างๆกระแต กระแตส่งขนมให้ลูกค้าญี่ปุ่นก่อนจะส่งเงินจำนวนหนึ่งให้นทีกาญจน์ นี้จ๊ะเงินที่เหลือจากชื้อของ นทีรับมา "ทำไมมันเยอะจังละ เต็มถุงเลย""ก็มัน เหลือตั้ง 5000 บาท มันก็เยอะขนานนี้ละพี่"" นทีแบ่งให้กระแตนะ..พอเก็บของเสร็จเราไปหาขออร่อยๆกินกัน แถวนี้มีอารัยอร่อยๆพานทีไปชิมหน่อยนะ" นทียืนเงินให้กระแตพลางช่วยกระแตเก็บของใส่หาบ แล้วยกขึ้นบาพากันเดินตรงไปยังท่าเรือก้าวขึ้นเรือที่รออยู่ นั่งลงในขณะที่ร่างใหญ่ของโทโมโยชิ ก้าวขึ้นเรือมานั้งข้างๆนทีกาญจน์. อ้าว ผู้กองโยชิ..จะกลับบ้านหรอค่ะ..ไปกับพวกเราไหมคะ.หาอะไรอร่อยๆทานกันในตลาด.""อย่างไปชวน เลยกระแต ตอนบ่ายๆแบบนี้เค้าคงอยากกินอย่างอื่น"นทีกาญจน์แหวใส่โทโมโยชิทันที" ไป..ผมจะไป..ผมกำลังหิวววว " โทโมโยชิกล่าวเสียงเข้ม พร้อมกับมีน้ำเสียงประชด. ประชันจนทำให้หญิงสาวแอบส่งค้อนให้ ชายหนุ่มอย่างไม่รู้ตัว.เรือแล่นมาถึงท่าตลาดบ้านแพรกยามบ่ายดูคึกคัก มีทหารญี่ปุ่นเดินแถวมาเป็นกลุ่มๆ เรือเทียบท่าผู้โดยสารต่างพากันลงออกจากเรือจากนั้นโทโมโยชิก็ก้าวขึ้นไปบนศาลาท่าเรือพร้อมกับส่งมือให้หญิง สาวจับเพื่อก้าวขึ้นฝั่ง ."ขอบคุณ..แต่ไม่ต้องฉันดูแลตัวเองได้.." นทีกาญจน์รีบปฏิเสธมือของชายหนุ่ม เป็นครั้งแรกที่มีผู้หญิงปฏิเสธผู้ชายอย่างโทโมโยชิเจ้าโก๊ะวิ่งอย่างเร็วๆมาทางกระแต จนผมแกละปลิว ปากก็แหกตะโกนอยู่"พี่กระแต พี่กระแต...ครูให้มาตาม""จิงสิ! ครู ซ๊อมรำ วันนี้มีช๊อมรำ..จิงสิโกะ..พี่ลืมไปเลย" กระแตทำท่านึกอะไรบ้างอย่างออกก่อนจะพูดอกมา พลางยกหาบขนมขึ้นบ่าหันไปร่ำลาหญิงสาวและชายหนุ่มก่อรจะวิ่งออกไปกับเด็กผมโกะ"พี่นที กระแตไปก่อนนะคะกระแตมีนัด""อ้าว..กระแตยังไม่ได้พาฉันไปเทเที่ยวตลาดเลยนี้จ๊ะนทีแย้งแต่ไม่ทันแล้วเพราะกระแตวิ่งไปไกลแล้ว พลางหันไปทางโทโมโยชิที่ยังยืนอยู่เงียบๆ แล้วเดินตรงไปที่ตลาด"เดียว..ผมมีเรื่องจะคุยด้วย"ชายหนุ่มว่าก่อนจะหันไปคว้ามือของหญิงสาวโดยเร็ว"แต่ฉันไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณ""คุณพากระแตไปทำอะไรที่ค่ายเชลย"เสียงทุ่มนุ่มและเย็นของชายหนุ่มทำหญิงสาวสะดุ้งมือเย็นยืนตัวแข็งทื่อ เมื่อตั้งสติได้มือบางก็สะบับมือของจากมือชายหนุ่ม"ก็ไปขายขนมไง ""ถ้าไปขายขนมอย่างที่คุณว่า ผมคงไม่ยุ่ง...แต่ที่คุณทำ..คุณกำลังจะทำให้เด็กอย่างกระแต..กับเชลยพวกนั้นตาย รวมถึงคุณ"ชายหนุ่มหันหน้าไปประชิดหน้านทีกาญจน์ยืนนิ่ง คอแข็ง หน้าแดงก่ำ"ฉันไม่เคย แล้วจะไม่มีวันทำให้ใคร ตาย "นทีกาญจน์ฉุนตัดสิน ใจ เดินหนีแต่เทโมโยชิจับร่างบ้างมาประชิดร่างแกร่งของเขา" ผมเป็นห่วงคุณ..ถ้าถูกจับได้คุณและพวกของคุณต้องเดือดร้อน"โทโมโยชิมองเข้าไปในดวงตาของนทีกาญจน์คำพูดนั้น ยิ่งทำให้ร่างบางใจหายเข้าไปอีก ..."งั้น พวกคุณ ก็กลับบ้านไปสิ ยังไงฝ่ายอักษะก็แพ้สงคราม ไม่มีประโยคน์อะไรที่คุณจะอยู่ที่นี้" ดวงตาของทหารหนุ่มเบิกกว้าง ความรู้สึกโกรธเกรี้ยวมาก เชยคางนทีการจน์ขึ้นพร้อมถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก"ทำไมคุณคิดว่าพวกผมจะแพ้..น่าแปลกที่คุณอาศัยอยู่กับครอบครัวชาวญี่ปุ่นแต่จิตใจกลับทรยศ ไปช่วยพวกเชลย ปากอย่างใจอย่างนี้คงเป็นนิสัยของคนไทย เชือถือไม่ได้" ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวโกรธ ริมฝีปากเอ่ยคำที่ทำร้ายจิตใจนทีกาญจน์มากที่สุดออกไป ฝ่ามือเล็กยกขึ้นแล้วฝาดไปบนวงหน้าคร้ามแกร่งเต็มแรง จนในหูเธอได้ยินเสียงปะทะ... เพี๊ยะ! ดังกึกก้อง."คูณคงรู้มาผิดๆแล้วมั้ง ปากคนใทย กับใจคนไทย ถ้าเกลียดแล้วก็จะเกลียด เกียยดๆ"พูดจบ ร่างสูงก็คว้ามืออ่อนนุ่มของนทีกาญจน์ทันที ... ฝ่ามือบางตวัดลงไปยังแก้มซ้ายของชาย หนุ่มอย่างแรง ... หญิงสาวยกมือขึ้นอีกครั้งเตรียมผลักเขาออกไป แต่ก็ไม่ทันริมฝีปากอุ่น .... ปากอิ่มทาบลงไปบนริมฝีปากของนทีกาญจน์โดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว. “ปล่อยฉันนะ คุณมัน เลวรังแกคนไม่มีทางสู้” ...” นทีกาญจน์ ตวาดเสียงเกรี้ยวเป็นถาษาญี่ปุ่นดังๆแล้วค่อนแผ่วเบาจนแทบจะกลืนหายไปกับสายลมแทนที่ ด้วยคราบน้ำตาที่หางตาของร่างบางอแวดตาสีใสที่เคยเปล่งประกายตอนนี้กลับเศร้าหมอง แววตาสั่นระริก ด้วยความกลัวเมื่อชายหนุ่มตั้งสติได้ก็รู้สึกว่ามีน้ำไสๆออกมาจากแวดตาของนทีกาญจน์ ค่อยๆปล่อยนทีกาญจน์" เจ็บมากไหม ผมขอโทษ ผมรู้ว่าคุณโกรธผม แต่คุณฟังผมก่อนได้ไหม" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น แต่ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับ เสียงหวอเตือนภัยทางอากาศดังลั่น กองทัพของสัมพันธมิตรได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด บี. 21 และ บี. 29 โดยบินจากฐานทัพประเทศอินเดิย ผ่านเข้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี ทางทิศตะวันตก หญิงสาวตกใจแหงนดูฟ้าพร้อมกับชาวบ้านในตลาดต่างพากันยืนดูบริเวณตลิ่งริมแมน้ำแคว ที่ท่าเรือ พากันไปยืนดูกเป็นจำนวนมากสามารถมองเห็นลูกระเบิดที่ปล่อยจากเครื่องบินลงสู่พื้นบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว ระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวสามารถมองเห็นได้ ไม้หมอนรางรถไฟกระจายขึ้นสูอากาศด้วยแรงระเบิด สร้างความเสียหายยับเยินแก่กองทัพญี่ปุ่นเป็นอย่างยิ่ง ในขณะที่ระเบิดถูกทิ้งดังเป็นระยะบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแควนั่นเอง ฝูงบินดังกล่าวจะมาประมาณ 5-6 ลำ บางเครื่องบินสูงก็จะบินผ่านเมือกาญจน์เลยเข้าไปกรุงเทพฯ ไปทิ้งระเบิดที่หัวลำโพง และท่าข้าม จังหวัดนครปฐม ฝูงบินดังกล่าวจะบินมาเป็นเวลา คือ เวลาประมาณ บ่าย 4โมงเย็นของทุกวัน ซึ่งจะมาเป็นระยะ บางครั้งก็สองวัน แล้วทิ้งช่วงจึงจะบินมาใหม่ หลังจากเสียงระเบิดลูกสุดท้าย ชาวบ้านต่างพากันกลับเข้ามาในตลาดต่างพากัน จับกลุ่มคุยกันเป็นกลุ่มนทีกาญจน์วิ่งมายังร้านขายกาแฟของอาเป๊ะ แก่ๆคนหนึ่งและนั่งลง ก่อนจะสั่งน้ำหวานหนึ่งแก้ว โดยมีโทโมโยชิวิ่งตามมา นั่งใกล้ๆ อาเปะหันไปชงน้ำหวาน"ไอ้พวกเวรตะไล ..ไอ้ยุ่นนี้มันโหดร้ายที่สุด.. มันเกณฑ์เอาบรรดา เชลยศึกขึ้นไปยืนบนสะพาน เป็นที่กำบัง... เพื่อไม่ให้เครื่องบินสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดลงมา..แต่เครืองบินมองไม่เห็นเชลย..ทิ้งระเบิดลงมาตายกันเยอะเชียวหนา" ชายคนที่หนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มนทีกาญน์ เม้มปาก หันหน้าไปทางโทโมโยชิ"พอพวกฝรั่งมัมมาทิ้งระเบิด พังลงแล้วก็เกณฑพวกเชลยศึกลงมือสร้างใหม่ และเมื่อถูกระเบิดพังลงไปอีกก็ใช้เหล่าเชลยศึกสร้างใหม่ เป็นอย่างนี้จนพวกฝรั่งผอมข้าวปลาก็ไม่ให้กินน่าสงสาร"หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นโทโมโยชิลุกขึ้นยืนทำหน้าดุดัน คนทั้งร้านหน้าหน้าซีด สบตากันตื่นระหว่างนั้นเสียงสารวัตรองอาจดังขึ้นมา “สวัสดีจ้ะ...ผู้กองโยชิ” จงอางอาจเดินเข้ามา สวมชุดครึ่งท่อนกางเกงกากี สวมหมวกมะนิลา มาดกร่างๆโค้งคับนับโทโมโยชิ พร้อม กับลูกน้องอีสองคนเดินเข้ามาในร้านถามเสียงเบาลง กลัวว่าจะมีปัญหาอะไรในร้าน"มีปัญญาอะไรหรือคับ ..ผู้กองโยชิ""อ๋อ..ไม่มีอะไรหรอค่ะ ผู้กองเค้าฟังภาษาไทยยังไม่ค่อยได้ก็เลยไม่เข้าใจชาวบ้านสักเท่าไรนะคะ"นทีกาญจน์เห็นท่าไม่ค่อยดี กลัวชาวบ้านจะเดือนร้อนเลยปัดคำถาม ของสารวัตรจงอาง แขนเรียวยาวรีบยกขึ้นคล้องแขนของคนตรงหน้าอย่างถือวิสาสะก่อนที่จะพูดเป็นถาษาญี่ปุ่น"กลับบ้านกันเถอะ..คุณไม่ควรอยู่ที่นี้" นทีกาญจน์ดึงมือโทโมโยชิอย่างสนิทสนม ทำให้ชายหนุ่มต้องเดินตามไปงงๆ .... พอจะรู้ทันแผนของหญิงสาวตรงหน้า ออกจากร้านไป“นี่ ไอ้ยุ่นมันมากับผู้หญิงทีไหน..สวยสะด้วย..ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน"ลูกน้องคนสนิตคนหนึ่งของสารวัตรองอาจเอ๋ยขึ้นสร้างความแปลกใจให้สารวัตรองอาจเป็นอย่างมาก รถจิ๊บทหารญี่ปุ่นวิ่งเลี้ยว เข้ามาตรงหน้าโทโมโยชิอย่างรวดเร็ว นายสิบคนสนิท ก้าวลงจากรถ โค้งคับนับและ พูดถาษาญี่ปุ่ณอย่างรวดเร็ว"ผู้กองคับ..ผู้พันทะดะโอะ ให้มาตามไปพบคับ""ได้กลับไปที่ค่ายก่อน..เดียวฉันตามไป..ไปทางเรือนะ..ฉันจะใช้รถ ""คับ"นายสิบคำนับให้อีกก่อนจะถอยหลังวิ่งออกไป โทโมโยชิหันไปทางนทีกาญจน์ ออกคำสั่งเสียงเรียบ "ขึ้นรถเดียวนี้ ""คุณจะพาฉันไปไหน ฉันไม่ไป""เงียบซะ แล้วไปขึ้นรถ" โทโมโยชิดุ นทีกาจน์หุบปากฉับลงในทันทีและพยักหน้ารับและเดินไปขึ้นรถอย่างว่าง่าย ...ขับมาได้ไม่นานโทโมโยชิก็จอดรถที่หน้าร้านขายของชำของมะลิ"ถึงแล้ว..คุณกลับเข้าบ้านไปได้แล้ว เดียวมะลิจังจะเป็นห่วง""เดียว..แล้วคุณละ" นทีกาญจน์เงย หน้าขึ้นมาสบตากับชายหนุ่มด้วยนัยตาเป็นอ่อนหวานบอกถึงความรู้สึกเป็นห่วง"ผมต้อง..กลับค่ายไปทำงานต่อ""แต่มันเพิ่งมีระเบิดมาลงนะ..คุณจะเข้าไปตรงนั้นหรือป่าว..มันตรายไหม..อย่างเพิ่งไปเลยนะ?น้ำเสียงแสดงถึงความเป็นห่วงของหญิงสาวที่เปล่งออกมาทำให้ชายหนุ่มต่างบ้านต่างเมืองรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เมื่อได้ยิน"ขอบคุณ..ที่มีน้ำใจเป็นห่วง""ทุกคนที่นี้ไม่ควรตาย..รวมถึงคุณด้วย..อีกไม่นานสงครามจะจบพวกคุนจะได้กลับบ้าน"“ผู้กองคะ” นทีกาญจน์เม้มริมฝีปาก นึกหาคำพูดที่จะทำร้ายจิตใจของเขาให้น้อยที่สุด เรื่องที่เขาเป็นฝ่ายแพ้สงคราม“คือ... ฉันจะพูดยังไงดี... คือว่า...” มือที่แข็งแรงทั้งสองข้างของโทโมโยชิหันนทีกาญจน์ที่นั่งอยู่ให้หันมาเผชิญหน้า เธอเกือบร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ แต่ก็ช็อคตัวแข็งจนไม่ทันได้กรี๊ดเพราะใบหน้าโทโมโยชิก้มลงมาใกล้จนหน้าผากและปลายจมูกของทั้งคู่ชนกัน"คุณจะบอกอะไรผม""ป่าวๆ"“ผมต้องการรู้ว่าคุณหมายถึงอะไร” เค้นเอาความจริงด้วยน้ำเสียงเข้มๆของทหารหนุ่ม"ฉันเข้าบ้านดีกว่า.."นทีกาญจน์หันหน้าหนี หญิงสาวก้าวลงจากรถอย่างรวดเร็วก่อนจะหันหลังเดินเข้าบ้าน ใบหน้าหวานแดงก่ำด้วยความอายมะลิเจ้าของบ้าน ใบหน้าหวานใส ... ท้องที่กำลังเริ่มโตคุณแม่ที่มีสุขภาพดีฉีกยิ้มมาแต่ไกล"ไปเที่ยวมาสนุกไหมคะ.."เธอไปถึงตัวนทีกาญจน์ พลางจับตัวหญิงสาวที่อ่อนกว่านั้งลง"ก็สนุกดีคะ..""ดูสิ..หน้าแดงก่ำเลย..สงสัยข้างนอกจะร้อน..ขึ้นไปอาบน้ำแล้วมาทานข้าว..วันนี้พี่ทำอาหารอร่อยๆให้ทานตั้งเยอะ"มะลิยิ้มกว้างถามอย่างนึกเอ็นดูหญิงสาว ... อยากได้เธอมาเป็นน้อง บุญธรรมทั้งเอ็นดูสงสารและเมตตามากแค่ไหนหญิงเสาว สายตาอ่อนโยนทอดมองสาวน้อย ตรงหน้า ยามค่ำคืนในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวคืนนทีกาญจน์ตอนนี้อยู่ในชุดนอนสีขาวบางนอนอยู่บนเตียง เตรียมตัวหลับเต็มที่เธอได้แต่คิดไปในใจว่าเธอจะกลับบ้านได้อย่างไร หรือว่าเธอตายไปในโลกของเธอแล้วเสียงฝีเท้าของรองเท้าบูทยาวครึ่งข้อของทหารที่จรดลงขึ้นบันได เสียงดัง พอที่คนในห้องจะรู้ได้ นทีกาจน์ มองไปที่ประตู แล้วชะงัก ภาพตอนโทโมโยชิกอดจูบผุดขึ้นมาหลอกหลอน นทีกาญจน์พยายามสลัดความคิด รีบเอาหมอนมาปิดหน้า ในห้องนอนบนโต๊ะทำงานมีจดหมายวางอยู่ โดยไม่ได้ถูกเปิดอ่านโทโมโยชิในชุดลำลองกำลัง ยืนเหม่อลอย รุ่นคิดถึงเหตุการณ์ตอนปะทะคารมกับกับนทีการจน์ จนไปประทับรอยจูบบนปากอิ่มคู่นั้น"ก๊อก ก๊อก" เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ชายหนุ่มเปิดประตูห้องพเป็นหมอโอโดะดะยืนอยู่หน้าห้อง โทโมโยชิโค้งคำนับหมอ"อ้าวหมอ! ยังไม่นอนอีกหรอ""ผมเห็นห้องคุณไฟเปิดอยู่ ก็เลยแวะมาคุยด้วย"' หมอโอโดะดะ เดินเข้ามายังห้องนอนยองโทโมโยชิ อย่างเป็นกันเอง"วันนี้ที่สะพานโดนเสียหายไปเยอะหรือป่าว?"หมอโอโดะดะพลางรับแก้วน้ำชาจากโทโมโยชิ"ก็ไม่เยอะ..พอซ่อมแซมได้คับ" โทโมโยชิตอบเสียงเรียบ หมอโอโดะดะเลือบไปเห็นซอง จดหมายสีน้ำตาบนโต๊ะทำงานของโทโมโยชิ"จดหมายของคู่หมั่น..ทำไมยังไม่เปิดอ่าน""ช่วงนี้ผมค่อนข้างงานยุ่งมาก.."โทโมโยชิตอบปัดๆ หมอโอโดะดะ หยิบซองจดหมายขึ้น"หัวใจคนเรานี้ เวลาต้องการยารักษาหัวใจ ก็ต้องใช้ยาเฉพาะของหัวใจ ..ถึงจะมียาอยู่กับตัวถ้าไม่ใช้มันก็ใช้ไม่ได้..ไม่มีมีประโยชน์ที่จะใช้มัน..คุณหายารักษาหัวใจของคุณเจอหรือยัง..ผมขอตัวไปนอนก่อนนะ"หมอโอโนดะส่งจดหมายให้โทโมโยชิพริ้อมกับตบหลัง เบาๆบอกเป็นนัยน์ๆแล้วเดินออกไปอรุณรุ่งยามเช้า มะลิแต่งตัวสวยกว่าปกติยืนอยู่หน้าบ้านนทีกาญจน์ลงมาเห็นพอดี"พี่จะไปไหนกันคะ..แต่วสวยจังคะ"นทีการจน์เข้าไปสวมกอดสาวท้องแก่ตรงหน้า"“พี่จะไปคุย ธุรกิจตัวใหม่ที่จะลองทำที่เมืองหลวงอะคะ..."หมอโอโดะดะเดินออกมาแต่งตัวชุดลำลองในแบบพ่อค้า ไม่เหมือนทหารสักนิด"ไปกันหรือยังจ๊ะ“"ไปสิคะ”ตอบก่อนจะยกมือขึ้นเกาะแขน แข็งแรงที่ยื่นมาให้ ... นทีกาญจน์รู้สึกแปลกๆสองผัวเมียคู่นี้อาจจะไปสืบอะไรบ้างอย่าง ..แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร รอจน สองคนนี้ อออจากบ้านไป จึงกลับมายังห้องโถงของบ้านเช้าเกินที่กระแตสาวใช้จะมาทำงาน เดินวนไปวนมาหยุดอยู่ที่เปียโนไม้ . นิ้วมือสวยๆ ยามนี้จรดลงบนโน๊ตเปียโนโน๊ตเพลงลงไปบนเปียโน"เมื่อฉันได้พบเธอเป็นครั้งแรกI knew you were the oneฉันก็รู้ว่าเธอคือคนที่ใช่You didn’t say a word to meเธอไม่ได้พูดกับฉันสักคำBut love was in the airแต่ความรักล่องลอยอยู่ในอากาศ" เนื้อเพลงถาษาอังกษฤทำนองแปลกๆน้ำเสียงอ่อนหวาน ลอยล่องมาถึงห้องของชายหนุ่ม อยู่ในภวังค์. เหมือนเธออยู่ใกล้ๆ...สะดุ้งตื่นถึงรู้นั้นไม่ใช้ความฝัน ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องเดินลงบันไดมาช้าๆอย่างเงียบๆ หยุดอยู่ข้างหลังนทีกาญจน์โดยเธอไม่รู้เลยLove, how can I explain to youที่รัก…ฉันจะอธิบายกับเธอได้อย่างไรthe way I feel inside when I think of youถึงความรู้สึกที่มีอยู่ข้างในเมื่อยามที่คิดถึงเธอI thank you for everything that you showed meฉันขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่เธอแสดงให้ฉันเห็นDon’t you ever forget that I love youโปรดอย่าลืมว่าฉันรักเธอLove, I know that someday real soonที่รัก ฉันรู้ว่าสักวันหนึ่งในไม่ช้าyou’ll be right next to meเธอจะมาอยู่เคียงข้างฉันHolding me so tight so I’ll always be yoursโอบกอดฉันไว้ให้แนบแน่น เพื่อที่ฉันจะเป็นของเธอเสมอAlthough we can’t be together nowแม้เวลานี้เราอยู่ด้วยกันไม่ได้remember I am here for youแต่จำไว้ว่าฉันอยู่ตรงนี้เพื่อเธอand I know you’re there for meและฉันรู้ว่าเธออยู่ตรงนั้นเพื่อฉันเสียงเพลงจบลงด้วยทวงทำนองที่เศร้าพร้อมเนื้อเพลงที่มีความหมายไพเราะ"เพลงชื่ออะไร..เนื้อเพลงทำไมเศร้าทำนองแปลกๆไม่เคยได้ยิน"คนข้างหลังเอ๋ยถาม ทำให้นทีกาญจน์สะดุ้ง เพราะไม่คิดว่ามีใครอยู่ในบ้าน"อ้าว..คุณยังไม่ได้ออกไปทำงานอีกหรอ?"นทีกาญจน์หันหน้า ชายหนุ่ม ที่ยืนอยู่ โทโมโยชิขยับตัวมานั้งในท่าสบาบๆก่อนตอบ"วันนี้วันหยุด.. วันนี้ไม่ต้องไปทำงาน""แล้วนี้ ฉันรบกวนคุณหรือป่าว" นทีกาญจน์ถามเชิงสำนึกผิดที่เสียงเพลงของเธออาจไปรบกวนชายหนุ่ม"ไม่หรอกเพลงคุณออกจะไพเราะ ..คุณยังไม่ได้ตอบเลย เพลงอะไร "โทโมโยชิย้ำคำถาม"เพลง One เพลงนี้แต่งขึ้นหลังจากนี้ไปอีกหลายสิบปี ถ้าคุณรอดจากสงครามไปได้คุณก็รู้เองละ ว่าเพลงอะไร แต่ขึ้นเพราะไร ดังนั้นคุณก็ต้องรอดไปให้ได้ จำใว้นะ อีกสามสิยปีจจากนีคุณจะรู้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ