พบรักที่ปลายเวลา

-

เขียนโดย ปากาดาว

วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 14.43 น.

  7 ตอน
  8 วิจารณ์
  11.38K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557 21.16 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ปริศนาแห่งบทเพลงจากสาวปริศนา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

กระแตหาบขนม เข้ามาในร้านขาย ของชำ ทำตัวลับๆ ล่อๆ เหมือนมี แผนการซ่อนอยู่ ส่งสายตาให้นที เป็นอันรู้กัน

"ไปเร็วกระแต เดียวใครเห็นเข้า"

      นทีกาญจน์รีบชวนกระแตลุกขึ้นออกจากบ้านไปโดยไม่ให้คนในบ้านผิดสังเกตุ ในหาบขนมมี อุปกรณ์ทำแผล-สำลี-ผ้าก็อซกับยา เท่าที่นทีกา

ญจน์กับกระแตหามาได้ หญิงสาวซุกช่อนใว้ไม่ให้ใครเห็นอย่างกะของ ผิดกดหมาย ทีท่าเรื่อในสายของวันสองสาวกำลังเอาหาบขนม มารอเรือ

เพื่อจะขึ้นไปยังค่ายเชลยของญี่ปุ่น

"พี่ นที ..ทำอย่างนี้ไม่กลัว หลวงเขาจับได้หรอคะ"

"ทำตัวปกติ..เดียวนทีจัดการเอง" สาวใช้ตัวน้อยกลัวจนตัวสั่นอ้าปากค้างเสียวสันหลังวาบ เมื่อมองเห็น สารวัตรองอาจเดินตรงมาทางเธอ

"ขนมตาลนี้..หวานไหมคับ"

     สารวัตรองอาจ ก้มลงดูขนมในหาบยิบขนมขึ้นมาหนึ่งชิ้น มองไปยังนทีกาญจน์ แบบสายตาหวานฉ่ำสุดจะพรรณา ตามประสาชายเจ้าชู้

"พี่นที เรือมาแล้วเราไปกันเถอะ"

"ขอตัวก่อนนะคะ"  นทีกาญน์กล่าวแบบลวกๆเสียงเรื่อวิ่งมาจอดตรงท้าเรือกระแตดึงนที ลงเรือมาพร้อมกับหาบขนม

"เกือบไปแล้วคะ..พี่นทีกระแตว่าล้มเลิกดีกว่า..ถ้าโดนจับได้พวกเราตายแน่ๆคะ"

"อย่างกลัวสิกระแต..ทำดี..ต่อไปมันจะดีต่อประเทศเรานะ."

    นทีนั้งลงข้างๆกระแตเอามือไปกุมมือที่สั่นเทาเพราะความกลัวของสาวน้อย

เรือแล่นมาถึงท่าค่ายเชลยญี่ปุ่น สองสาวพากันยกของลงมาจากเรือเดินตรงไปยังรั่วที่พ่อค้าแม่ค้าขายของ กระแตขายของเป็นปกกติ

"ขนมหวานๆจร้า..ขนมไหมจ๊ะ.."

นทีกาญจน์ ส่งสัญญาให้กลุ่มของแดเดียล แอบส่งของให้ เชลยโดยที่เธอก็ไม่รู้ว่ามีสายตาของโทโมโยชิบังเบิญผ่านมาเห็น

"นี้..ฉันหามาได้แค่นี้..พวกคุณรีบไปเถอะ..เดียวพวกญี่ปุ่นจะเห็น.

"ขอบคุณมาก...คุณคือนางฟ้า.."

แดลเนียลสือสารเป็นถาษาอังกฤษกลุ่มของแดลเนียล วิ่งหลบเข้าไปในค่ายอย่างรวดเร็วว นทีกาญจน์ชะเง้อดูจนสุดสายตา ก่อนจะถอนหายใจโล่ง

อก

หันไปมองที่หาบขนม กระแตกำลังยุงกับการขายของให้ทหายญี่ปุน

อันนั้นคืออะไรครับ” ทหารญี่ปุ่นคนหนึ่งถาม

" ขนมตาลจ๊ะ...นายจะลองชิมไหมจ๊ะ"

นทีกาญจน์นั้นลง ข้างๆกระแต กระแตส่งขนมให้ลูกค้าญี่ปุ่นก่อนจะส่งเงินจำนวนหนึ่งให้นทีกาญจน์ นี้จ๊ะเงินที่เหลือจากชื้อของ นทีรับมา "ทำไม

มันเยอะจังละ เต็มถุงเลย"

"ก็มัน เหลือตั้ง 5000 บาท มันก็เยอะขนานนี้ละพี่"

" นทีแบ่งให้กระแตนะ..พอเก็บของเสร็จเราไปหาขออร่อยๆกินกัน แถวนี้มีอารัยอร่อยๆพานทีไปชิมหน่อยนะ"

    นทียืนเงินให้กระแตพลางช่วยกระแตเก็บของใส่หาบ แล้วยกขึ้นบาพากันเดินตรงไปยังท่าเรือ

ก้าวขึ้นเรือที่รออยู่ นั่งลงในขณะที่ร่างใหญ่ของโทโมโยชิ ก้าวขึ้นเรือมานั้งข้างๆนทีกาญจน์

. อ้าว ผู้กองโยชิ..จะกลับบ้านหรอค่ะ..ไปกับพวกเราไหมคะ.หาอะไรอร่อยๆทานกันในตลาด."
"อย่างไปชวน เลยกระแต ตอนบ่ายๆแบบนี้เค้าคงอยากกินอย่างอื่น"

นทีกาญจน์แหวใส่โทโมโยชิทันที

" ไป..ผมจะไป..ผมกำลังหิวววว "

  โทโมโยชิกล่าวเสียงเข้ม พร้อมกับมีน้ำเสียงประชด. ประชันจนทำให้หญิงสาวแอบส่งค้อนให้ ชายหนุ่มอย่างไม่รู้ตัว.

เรือแล่นมาถึงท่าตลาดบ้านแพรกยามบ่ายดูคึกคัก มีทหารญี่ปุ่นเดินแถวมาเป็นกลุ่มๆ เรือเทียบท่าผู้โดยสารต่างพากันลงออกจากเรือจากนั้นโทโม

โยชิก็ก้าวขึ้นไปบนศาลาท่าเรือพร้อมกับส่งมือให้หญิง สาวจับเพื่อก้าวขึ้นฝั่ง .

"ขอบคุณ..แต่ไม่ต้องฉันดูแลตัวเองได้.."

     นทีกาญจน์รีบปฏิเสธมือของชายหนุ่ม เป็นครั้งแรกที่มีผู้หญิงปฏิเสธผู้ชายอย่างโทโมโยชิ

เจ้าโก๊ะวิ่งอย่างเร็วๆมาทางกระแต จนผมแกละปลิว ปากก็แหกตะโกนอยู่

"พี่กระแต พี่กระแต...ครูให้มาตาม"

"จิงสิ! ครู ซ๊อมรำ วันนี้มีช๊อมรำ..จิงสิโกะ..พี่ลืมไปเลย"

     กระแตทำท่านึกอะไรบ้างอย่างออกก่อนจะพูดอกมา พลางยกหาบขนมขึ้นบ่าหันไปร่ำลาหญิงสาวและชายหนุ่มก่อรจะวิ่งออกไปกับเด็กผมโกะ
"พี่นที กระแตไปก่อนนะคะกระแตมีนัด"

"อ้าว..กระแตยังไม่ได้พาฉันไปเทเที่ยวตลาดเลยนี้จ๊ะ

นทีแย้งแต่ไม่ทันแล้วเพราะกระแตวิ่งไปไกลแล้ว พลางหันไปทางโทโมโยชิที่ยังยืนอยู่เงียบๆ แล้วเดินตรงไปที่ตลาด

"เดียว..ผมมีเรื่องจะคุยด้วย"

ชายหนุ่มว่าก่อนจะหันไปคว้ามือของหญิงสาวโดยเร็ว

"แต่ฉันไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณ"

"คุณพากระแตไปทำอะไรที่ค่ายเชลย"

เสียงทุ่มนุ่มและเย็นของชายหนุ่มทำหญิงสาวสะดุ้งมือเย็นยืนตัวแข็งทื่อ เมื่อตั้งสติได้มือบางก็สะบับมือของจากมือชายหนุ่ม

"ก็ไปขายขนมไง "

"ถ้าไปขายขนมอย่างที่คุณว่า ผมคงไม่ยุ่ง...แต่ที่คุณทำ..คุณกำลังจะทำให้เด็กอย่างกระแต..กับเชลยพวกนั้นตาย รวมถึงคุณ"

ชายหนุ่มหันหน้าไปประชิดหน้านทีกาญจน์ยืนนิ่ง คอแข็ง หน้าแดงก่ำ

"ฉันไม่เคย แล้วจะไม่มีวันทำให้ใคร ตาย "

นทีกาญจน์ฉุนตัดสิน ใจ เดินหนีแต่เทโมโยชิจับร่างบ้างมาประชิดร่างแกร่งของเขา

" ผมเป็นห่วงคุณ..ถ้าถูกจับได้คุณและพวกของคุณต้องเดือดร้อน"

โทโมโยชิมองเข้าไปในดวงตาของนทีกาญจน์คำพูดนั้น ยิ่งทำให้ร่างบางใจหายเข้าไปอีก ...

"งั้น พวกคุณ ก็กลับบ้านไปสิ ยังไงฝ่ายอักษะก็แพ้สงคราม ไม่มีประโยคน์อะไรที่คุณจะอยู่ที่นี้"

    ดวงตาของทหารหนุ่มเบิกกว้าง ความรู้สึกโกรธเกรี้ยวมาก เชยคางนทีการจน์ขึ้นพร้อมถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

"ทำไมคุณคิดว่าพวกผมจะแพ้..น่าแปลกที่คุณอาศัยอยู่กับครอบครัวชาวญี่ปุ่นแต่จิตใจกลับทรยศ ไปช่วยพวกเชลย ปากอย่างใจอย่างนี้คงเป็น

นิสัยของคนไทย เชือถือไม่ได้"
 
   ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวโกรธ ริมฝีปากเอ่ยคำที่ทำร้ายจิตใจนทีกาญจน์มากที่สุดออกไป ฝ่ามือเล็กยกขึ้นแล้วฝาดไปบนวงหน้าคร้ามแกร่งเต็มแรง จนในหูเธอได้ยินเสียงปะทะ... เพี๊ยะ! ดังกึกก้อง.

"คูณคงรู้มาผิดๆแล้วมั้ง ปากคนใทย กับใจคนไทย ถ้าเกลียดแล้วก็จะเกลียด เกียยดๆ"

พูดจบ ร่างสูงก็คว้ามืออ่อนนุ่มของนทีกาญจน์ทันที ... ฝ่ามือบางตวัดลงไปยังแก้มซ้ายของชาย หนุ่มอย่างแรง ... หญิงสาวยกมือขึ้นอีกครั้ง

เตรียมผลักเขาออกไป แต่ก็ไม่ทันริมฝีปากอุ่น .... ปากอิ่มทาบลงไปบนริมฝีปากของนทีกาญจน์โดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว

. “ปล่อยฉันนะ คุณมัน เลวรังแกคนไม่มีทางสู้” ...”

     นทีกาญจน์ ตวาดเสียงเกรี้ยวเป็นถาษาญี่ปุ่นดังๆแล้วค่อนแผ่วเบาจนแทบจะกลืนหายไปกับสายลมแทนที่ ด้วยคราบน้ำตาที่หางตาของร่างบางอ

แวดตาสีใสที่เคยเปล่งประกายตอนนี้กลับเศร้าหมอง แววตาสั่นระริก ด้วยความกลัว

เมื่อชายหนุ่มตั้งสติได้ก็รู้สึกว่ามีน้ำไสๆออกมาจากแวดตาของนทีกาญจน์ ค่อยๆปล่อยนทีกาญจน์

" เจ็บมากไหม ผมขอโทษ ผมรู้ว่าคุณโกรธผม แต่คุณฟังผมก่อนได้ไหม"
  
  ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น แต่ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับ  เสียงหวอเตือนภัยทางอากาศดังลั่น

       กองทัพของสัมพันธมิตรได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด บี. 21 และ บี. 29 โดยบินจากฐานทัพประเทศอินเดิย ผ่านเข้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี  ทาง

ทิศตะวันตก หญิงสาวตกใจแหงนดูฟ้าพร้อมกับชาวบ้านในตลาดต่างพากันยืนดูบริเวณตลิ่งริมแมน้ำแคว ที่ท่าเรือ พากันไปยืนดูกเป็นจำนวนมาก

สามารถมองเห็นลูกระเบิดที่ปล่อยจากเครื่องบินลงสู่พื้นบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว ระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวสามารถมองเห็นได้ ไม้หมอนรางรถไฟ

กระจายขึ้นสูอากาศด้วยแรงระเบิด สร้างความเสียหายยับเยินแก่กองทัพญี่ปุ่นเป็นอย่างยิ่ง

      ในขณะที่ระเบิดถูกทิ้งดังเป็นระยะบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแควนั่นเอง ฝูงบินดังกล่าวจะมาประมาณ 5-6 ลำ บางเครื่องบินสูงก็จะบินผ่านเมือ

กาญจน์เลยเข้าไปกรุงเทพฯ ไปทิ้งระเบิดที่หัวลำโพง และท่าข้าม จังหวัดนครปฐม ฝูงบินดังกล่าวจะบินมาเป็นเวลา คือ เวลาประมาณ บ่าย 4

โมงเย็นของทุกวัน ซึ่งจะมาเป็นระยะ บางครั้งก็สองวัน แล้วทิ้งช่วงจึงจะบินมาใหม่ หลังจากเสียงระเบิดลูกสุดท้าย ชาวบ้านต่างพากันกลับเข้ามา

ในตลาดต่างพากัน จับกลุ่มคุยกันเป็นกลุ่ม

นทีกาญจน์วิ่งมายังร้านขายกาแฟ

ของอาเป๊ะ แก่ๆคนหนึ่งและนั่งลง ก่อนจะสั่งน้ำหวานหนึ่งแก้ว โดยมีโทโมโยชิวิ่งตามมา นั่งใกล้ๆ อาเปะหันไปชงน้ำหวาน

"ไอ้พวกเวรตะไล ..ไอ้ยุ่นนี้มันโหดร้ายที่สุด.. มันเกณฑ์เอาบรรดา เชลยศึกขึ้นไปยืนบนสะพาน เป็นที่กำบัง... เพื่อไม่ให้เครื่องบินสัมพันธมิตรทิ้ง

ระเบิดลงมา..แต่เครืองบินมองไม่เห็นเชลย..ทิ้งระเบิดลงมาตายกันเยอะเชียวหนา" ชายคนที่หนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม

นทีกาญน์ เม้มปาก หันหน้าไปทางโทโมโยชิ

"พอพวกฝรั่งมัมมาทิ้งระเบิด พังลงแล้วก็เกณฑพวกเชลยศึกลงมือสร้างใหม่ และเมื่อถูกระเบิดพังลงไปอีกก็ใช้เหล่าเชลยศึกสร้างใหม่ เป็นอย่างนี้

จนพวกฝรั่งผอมข้าวปลาก็ไม่ให้กินน่าสงสาร"หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

โทโมโยชิลุกขึ้นยืนทำหน้าดุดัน คนทั้งร้านหน้าหน้าซีด สบตากันตื่น

ระหว่างนั้นเสียงสารวัตรองอาจดังขึ้นมา “สวัสดีจ้ะ...ผู้กองโยชิ”

    จงอางอาจเดินเข้ามา สวมชุดครึ่งท่อนกางเกงกากี สวมหมวกมะนิลา มาดกร่างๆโค้งคับนับโทโมโยชิ พร้อม กับลูกน้องอีสองคนเดินเข้ามาใน

ร้าน

ถามเสียงเบาลง กลัวว่าจะมีปัญหาอะไรในร้าน

"มีปัญญาอะไรหรือคับ ..ผู้กองโยชิ"

"อ๋อ..ไม่มีอะไรหรอค่ะ ผู้กองเค้าฟังภาษาไทยยังไม่ค่อยได้ก็เลยไม่เข้าใจชาวบ้านสักเท่าไรนะคะ"

นทีกาญจน์เห็นท่าไม่ค่อยดี กลัวชาวบ้านจะเดือนร้อนเลยปัดคำถาม ของสารวัตรจงอาง แขนเรียวยาวรีบยกขึ้นคล้องแขนของคนตรงหน้าอย่างถือ

วิสาสะก่อนที่จะพูดเป็นถาษาญี่ปุ่น

"กลับบ้านกันเถอะ..คุณไม่ควรอยู่ที่นี้"

     นทีกาญจน์ดึงมือโทโมโยชิอย่างสนิทสนม ทำให้ชายหนุ่มต้องเดินตามไปงงๆ .... พอจะรู้ทันแผนของหญิงสาวตรงหน้า ออกจากร้านไป

“นี่ ไอ้ยุ่นมันมากับผู้หญิงทีไหน..สวยสะด้วย..ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน"

ลูกน้องคนสนิตคนหนึ่งของสารวัตรองอาจเอ๋ยขึ้นสร้างความแปลกใจให้สารวัตรองอาจเป็นอย่างมาก

   รถจิ๊บทหารญี่ปุ่นวิ่งเลี้ยว เข้ามาตรงหน้าโทโมโยชิอย่างรวดเร็ว นายสิบคนสนิท ก้าวลงจากรถ โค้งคับนับและ พูดถาษาญี่ปุ่ณอย่างรวดเร็ว

"ผู้กองคับ..ผู้พันทะดะโอะ ให้มาตามไปพบคับ"

"ได้กลับไปที่ค่ายก่อน..เดียวฉันตามไป..ไปทางเรือนะ..ฉันจะใช้รถ "

"คับ"

นายสิบคำนับให้อีกก่อนจะถอยหลังวิ่งออกไป โทโมโยชิหันไป

ทางนทีกาญจน์ ออกคำสั่งเสียงเรียบ "ขึ้นรถเดียวนี้ "

"คุณจะพาฉันไปไหน ฉันไม่ไป"

"เงียบซะ แล้วไปขึ้นรถ" โทโมโยชิดุ

    นทีกาจน์หุบปากฉับลงในทันทีและพยักหน้ารับและเดินไปขึ้นรถอย่างว่าง่าย ...

ขับมาได้ไม่นานโทโมโยชิก็จอดรถที่หน้าร้านขายของชำของมะลิ

"ถึงแล้ว..คุณกลับเข้าบ้านไปได้แล้ว เดียวมะลิจังจะเป็นห่วง"

"เดียว..แล้วคุณละ"  นทีกาญจน์เงย หน้าขึ้นมาสบตากับชายหนุ่มด้วยนัยตาเป็นอ่อนหวานบอกถึงความรู้สึกเป็นห่วง

"ผมต้อง..กลับค่ายไปทำงานต่อ"

"แต่มันเพิ่งมีระเบิดมาลงนะ..คุณจะเข้าไปตรงนั้นหรือป่าว..มันตรายไหม..อย่างเพิ่งไปเลยนะ?

น้ำเสียงแสดงถึงความเป็นห่วงของหญิงสาวที่เปล่งออกมาทำให้ชายหนุ่มต่างบ้านต่างเมืองรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เมื่อได้ยิน

"ขอบคุณ..ที่มีน้ำใจเป็นห่วง"

"ทุกคนที่นี้ไม่ควรตาย..รวมถึงคุณด้วย..อีกไม่นานสงครามจะจบพวกคุนจะได้กลับบ้าน"

“ผู้กองคะ” นทีกาญจน์เม้มริมฝีปาก นึกหาคำพูดที่จะทำร้ายจิตใจของเขาให้น้อยที่สุด เรื่องที่เขาเป็นฝ่ายแพ้สงคราม

“คือ... ฉันจะพูดยังไงดี... คือว่า...”
 
    มือที่แข็งแรงทั้งสองข้างของโทโมโยชิหันนทีกาญจน์ที่นั่งอยู่ให้หันมาเผชิญหน้า เธอเกือบร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ แต่ก็ช็อคตัวแข็งจนไม่ทัน

ได้กรี๊ดเพราะใบหน้าโทโมโยชิก้มลงมาใกล้จนหน้าผากและปลายจมูกของทั้งคู่ชนกัน

"คุณจะบอกอะไรผม"

"ป่าวๆ"

“ผมต้องการรู้ว่าคุณหมายถึงอะไร” เค้นเอาความจริงด้วยน้ำเสียงเข้มๆของทหารหนุ่ม

"ฉันเข้าบ้านดีกว่า.."

นทีกาญจน์หันหน้าหนี หญิงสาวก้าวลงจากรถอย่างรวดเร็วก่อนจะหันหลังเดินเข้าบ้าน ใบหน้าหวานแดงก่ำด้วยความอาย



มะลิเจ้าของบ้าน ใบหน้าหวานใส ... ท้องที่กำลังเริ่มโตคุณแม่ที่มีสุขภาพดีฉีกยิ้มมาแต่ไกล

"ไปเที่ยวมาสนุกไหมคะ.."

เธอไปถึงตัวนทีกาญจน์ พลางจับตัวหญิงสาวที่อ่อนกว่านั้งลง

"ก็สนุกดีคะ.."

"ดูสิ..หน้าแดงก่ำเลย..สงสัยข้างนอกจะร้อน..ขึ้นไปอาบน้ำแล้วมาทานข้าว..วันนี้พี่ทำอาหารอร่อยๆให้ทานตั้งเยอะ"

มะลิยิ้มกว้างถามอย่างนึกเอ็นดูหญิงสาว ... อยากได้เธอมาเป็นน้อง บุญธรรมทั้งเอ็นดูสงสารและเมตตามากแค่ไหนหญิงเสาว สายตาอ่อนโยน

ทอดมองสาวน้อย ตรงหน้า


     ยามค่ำคืนในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวคืนนทีกาญจน์ตอนนี้อยู่ในชุดนอนสีขาวบางนอนอยู่บนเตียง เตรียมตัวหลับเต็มที่เธอได้แต่คิดไปในใจว่า

เธอจะกลับบ้านได้อย่างไร หรือว่าเธอตายไปในโลกของเธอแล้ว

เสียงฝีเท้าของรองเท้าบูทยาวครึ่งข้อของทหารที่จรดลงขึ้นบันได เสียงดัง พอที่คนในห้องจะรู้ได้ นทีกาจน์ มองไปที่ประตู แล้วชะงัก ภาพตอนโท

โมโยชิกอดจูบผุดขึ้นมาหลอกหลอน

     นทีกาญจน์พยายามสลัดความคิด รีบเอาหมอนมาปิดหน้า

          ในห้องนอนบนโต๊ะทำงานมีจดหมายวางอยู่ โดยไม่ได้ถูกเปิดอ่านโทโมโยชิในชุดลำลองกำลัง ยืนเหม่อลอย รุ่นคิดถึงเหตุการณ์ตอน

ปะทะคารมกับกับนทีการจน์ จนไปประทับรอยจูบบนปากอิ่มคู่นั้น

"ก๊อก ก๊อก" เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ชายหนุ่มเปิดประตูห้องพเป็นหมอโอโดะดะยืนอยู่หน้าห้อง โทโมโยชิโค้งคำนับหมอ

"อ้าวหมอ! ยังไม่นอนอีกหรอ"

"ผมเห็นห้องคุณไฟเปิดอยู่ ก็เลยแวะมาคุยด้วย"'  หมอโอโดะดะ เดินเข้ามายังห้องนอนยองโทโมโยชิ อย่างเป็นกันเอง

"วันนี้ที่สะพานโดนเสียหายไปเยอะหรือป่าว?"หมอโอโดะดะพลางรับแก้วน้ำชาจากโทโมโยชิ

"ก็ไม่เยอะ..พอซ่อมแซมได้คับ" โทโมโยชิตอบเสียงเรียบ หมอโอโดะดะเลือบไปเห็นซอง จดหมายสีน้ำตาบนโต๊ะทำงานของโทโมโยชิ

"จดหมายของคู่หมั่น..ทำไมยังไม่เปิดอ่าน"

"ช่วงนี้ผมค่อนข้างงานยุ่งมาก.."

โทโมโยชิตอบปัดๆ หมอโอโดะดะ หยิบซองจดหมายขึ้น

"หัวใจคนเรานี้ เวลาต้องการยารักษาหัวใจ ก็ต้องใช้ยาเฉพาะของหัวใจ ..ถึงจะมียาอยู่กับตัวถ้าไม่ใช้มันก็ใช้ไม่ได้..ไม่มีมีประโยชน์ที่จะใช้มัน

..คุณหายารักษาหัวใจของคุณเจอหรือยัง..ผมขอตัวไปนอนก่อนนะ"

หมอโอโนดะส่งจดหมายให้โทโมโยชิพริ้อมกับตบหลัง เบาๆบอกเป็นนัยน์ๆแล้วเดินออกไป


อรุณรุ่งยามเช้า มะลิแต่งตัวสวยกว่าปกติยืนอยู่หน้าบ้านนทีกาญจน์ลงมาเห็นพอดี

"พี่จะไปไหนกันคะ..แต่วสวยจังคะ"

นทีการจน์เข้าไปสวมกอดสาวท้องแก่ตรงหน้า"

“พี่จะไปคุย ธุรกิจตัวใหม่ที่จะลองทำที่เมืองหลวงอะคะ..."

หมอโอโดะดะเดินออกมาแต่งตัวชุดลำลองในแบบพ่อค้า ไม่เหมือนทหารสักนิด

"ไปกันหรือยังจ๊ะ“

"ไปสิคะ”

ตอบก่อนจะยกมือขึ้นเกาะแขน แข็งแรงที่ยื่นมาให้ ... นทีกาญจน์รู้สึกแปลกๆสองผัวเมียคู่นี้อาจจะไปสืบอะไรบ้างอย่าง ..แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร รอ

จน สองคนนี้ อออจากบ้านไป จึงกลับมายังห้องโถงของบ้านเช้าเกินที่กระแตสาวใช้จะมาทำงาน เดินวนไปวนมาหยุดอยู่ที่เปียโนไม้ . นิ้วมือ

สวยๆ ยามนี้จรดลงบนโน๊ตเปียโนโน๊ตเพลงลงไปบนเปียโน

"เมื่อฉันได้พบเธอเป็นครั้งแรก

I knew you were the one

ฉันก็รู้ว่าเธอคือคนที่ใช่

You didn’t say a word to me

เธอไม่ได้พูดกับฉันสักคำ

But love was in the air

แต่ความรักล่องลอยอยู่ในอากาศ"

     เนื้อเพลงถาษาอังกษฤทำนองแปลกๆน้ำเสียงอ่อนหวาน ลอยล่องมาถึงห้องของชายหนุ่ม อยู่ในภวังค์. เหมือนเธออยู่ใกล้ๆ...สะดุ้งตื่นถึงรู้นั้น

ไม่ใช้ความฝัน ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องเดินลงบันไดมาช้าๆอย่างเงียบๆ หยุดอยู่ข้างหลังนทีกาญจน์โดยเธอไม่รู้เลย

Love, how can I explain to you

ที่รัก…ฉันจะอธิบายกับเธอได้อย่างไร

the way I feel inside when I think of you

ถึงความรู้สึกที่มีอยู่ข้างในเมื่อยามที่คิดถึงเธอ

I thank you for everything that you showed me

ฉันขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่เธอแสดงให้ฉันเห็น

Don’t you ever forget that I love you
โปรดอย่าลืมว่าฉันรักเธอ


Love, I know that someday real soon

ที่รัก ฉันรู้ว่าสักวันหนึ่งในไม่ช้า

you’ll be right next to me

เธอจะมาอยู่เคียงข้างฉัน

Holding me so tight so I’ll always be yours

โอบกอดฉันไว้ให้แนบแน่น  เพื่อที่ฉันจะเป็นของเธอเสมอ

Although we can’t be together now

แม้เวลานี้เราอยู่ด้วยกันไม่ได้

remember I am here for you

แต่จำไว้ว่าฉันอยู่ตรงนี้เพื่อเธอ

and I know you’re there for me

และฉันรู้ว่าเธออยู่ตรงนั้นเพื่อฉัน



เสียงเพลงจบลงด้วยทวงทำนองที่เศร้าพร้อมเนื้อเพลงที่มีความหมายไพเราะ

"เพลงชื่ออะไร..เนื้อเพลงทำไมเศร้าทำนองแปลกๆไม่เคยได้ยิน"

คนข้างหลังเอ๋ยถาม ทำให้นทีกาญจน์สะดุ้ง เพราะไม่คิดว่ามีใครอยู่ในบ้าน

"อ้าว..คุณยังไม่ได้ออกไปทำงานอีกหรอ?"

นทีกาญจน์หันหน้า ชายหนุ่ม ที่ยืนอยู่ โทโมโยชิขยับตัวมานั้งในท่าสบาบๆก่อนตอบ

"วันนี้วันหยุด.. วันนี้ไม่ต้องไปทำงาน"

"แล้วนี้ ฉันรบกวนคุณหรือป่าว"

 นทีกาญจน์ถามเชิงสำนึกผิดที่เสียงเพลงของเธออาจไปรบกวนชายหนุ่ม

"ไม่หรอกเพลงคุณออกจะไพเราะ ..คุณยังไม่ได้ตอบเลย เพลงอะไร "

โทโมโยชิย้ำคำถาม

"เพลง One เพลงนี้แต่งขึ้นหลังจากนี้ไปอีกหลายสิบปี ถ้าคุณรอดจากสงครามไปได้คุณก็รู้เองละ ว่าเพลงอะไร แต่ขึ้น

เพราะไร ดังนั้นคุณก็ต้องรอดไปให้ได้  จำใว้นะ อีกสามสิยปีจจากนีคุณจะรู้ 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา