ราชินีสี่ปฐพี
เขียนโดย Manny
วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.29 น.
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 13.45 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) วันเวลาหลังงานเฉลิมพระชนมพรรษา 3 รอบ ผ่านไป (ตอนจบ)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเมื่อมาเรียพักเสร็จจึงทำการสัมภาษณ์ต่อ ซึ่งมาเรียได้เล่าต่อว่า
"อ่า! เล่าต่อนะ หลังจากที่เสร็จจากการเยี่ยมประชาชนที่ภาคกลางมาประมาณปีสองปีได้กระมังนะ หลังจากสูญเสียเสด็จพ่อเอ็ดเวิร์ด เลิกทาสและเสด็จพี่เอ็ดเวิร์ดขึ้นครองราชสมบัติ แล้วข้าพเจ้าก็มีเจ้าหญิงแมรี่ ประสูติออกมา ต่อมาอีกปีหนึ่งเจ้าชายหลุยส์ ก็ประสูติออกมา แล้วไม่นานเสด็จพี่เอ็ดเวิร์ดและเอ็ดน่า ก็เสด็จประพาสยุโรป เมื่อหนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ทั้งสองก็กลับพระนคร พร้อมกับวิวัฒนาการต่างๆของชาติตะวันตก เมื่อวิวัฒนาการต่างๆของชาติตะวันตกทั้งการคมนาคม การรับรู้ข่าวสาร การแต่งกาย หรืออะไรอีกต่างๆนานา เริ่มแพร่หลายได้ไม่นาน เจ้าหญิงเจน ลูกของข้าพเจ้า ก็ประสูติกาล และอีก 1 ปีต่อมา เจ้าหญิงโรสก็ประสูติออกมา หลังจากที่เจ้าหญิงโรส ประสูติได้ไม่นาน ภาระอันยิ่งใหญ่ก็มาอีกแล้ว คือ เจ้าชายจอห์นและข้าพเจ้า ก็ได้ไปเยี่ยมประชาชนเป็นอีกครั้ง เป็นภาคอีสาน ซึ่งเมื่อเราสองคนไปถึงภาคอีสานะ ก็เห็นว่าผู้คนก็ต่างฐานะ ต่างอาชีพกันไป แต่ใจนั้นเป็นหนึ่งเดียวคือมารับเสด็จเจ้าชายจอห์นและข้าพเจ้าเหมือนกัน ตลอดหลายวันที่อยู่ที่ภาคอีสานนะ ก็รู้สึกดีใจที่เห็นผู้คนต่างก็มารับเสด็จและเฝ้าเจ้าชายและข้าพเจ้าเหมือนภาคอื่นๆที่เจ้าชายและข้าพเจ้าไป
แล้วต่อมาอีก 1 ปี ข้าพเจ้ากับเจ้าชายจอห์น ก็ได้ไปเยี่ยมประชาชนที่ภาคเหนือ ซึ่งสภาพอากาศบนภาคเหนือส่วนใหญ่ จะมีอากาศหนาวมาก แล้วดอกไม้ พืชพันธุ์ต่างๆอุดมสมบูรณ์มาก เพราะอากาศอำนวย และเมืองต่างๆที่ไปเนี่ย ก็เป็นชื่อดอกไม้ส่วนใหญ่ ประชาชนแต่ละเมืองที่มาเฝ้าก็มาด้วยใจรักเหมือนเมืองอื่นๆ และ 1 ปีต่อมา ก็ได้ไปเยี่ยมประชาชนที่ภาคใต้ ซึ่งเมืองต่างๆก็ติดอยู่กับริมทะเล ตอนที่มาถึงเมืองแรกของภาคใต้นะ ได้กลิ่นน้ำเค็มจากทะเลก่อนสิ่งอื่นเลย ซึ่งเราสองคนอยู่และเยี่ยมประชาชนถึง 20 วัน 20 วันเลย ซึ่งใช้เวลามากกว่าภาคอื่นด้วยซ้ำ และขอสรุปความเลยว่า ไม่ว่าข้าพเจ้ากับเจ้าชายจอห์น จะไปเยี่ยมประชาชนที่ภาคไหนก็ตาม ก็จะมีแต่ประชาชนที่นำความเป็นมิตรและความรักที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เรียกว่า "ความจงรักภักดี"มาด้วย" จบแล้วค่ะ" แล้วเมื่อการสัมภาษณ์เสร็จ นักข่าวหนังสือพิมพ์ก็กล่าวคำขอบคุณ จากการสัมภาษณ์ในวันนั้นนั้น ทำให้มาเรียรู้สึกว่า ความรักประชาชน และความรักที่มีต่อเจ้าชายจอห์น ที่ตนเองให้ไว้ ล้วนแล้วมีความยิ่งใหญ่เท่ากับผืนพสุธา และนานเนาว์เท่ากับเข็มนาฬิกาที่เดินด้วยความเชื่องช้าบนหน้าปัดนาฬิกา
เมื่อการเสด็จเยี่ยมประชาชนในภูมิภาคหลักๆของอาณาจักรเสร็จสิ้นลงแล้วนั้นบรรดาประเทศต่างๆในภูมิภาคอื่นของโลก ล้วนกราบบังคมทูลเชิญเสด็จเจ้าชายจอห์นและมาเรีย ไปเยือนประเทศเหล่านั้นเพื่อสัมพันธไมตรีอันดี แต่เจ้าชายจอห์นทรงยังอยากพักผ่อนและปฏิบัติพระราชกิจในอาณาจักรให้เสร็จสิ้นก่อนถึงจะเสด็จไปได้ ทีแรกทุกอย่างก็ดูปกติดีแต่แล้วเมื่อเสร็จงานพระราชพิธีสมโภชราชสมบัติ ซึ่งวันนั้นเป็นวันพระราชพิธีสมโภชนพปฎลมหาเศวตฉัตร เครื่องราชกุกธภัณฑ์ พระแสงสำคัญ ดวงพระบรมราชสมภพ พระสุพรรณบัฏ และพระราชลัญจกรประจำพระองค์ ที่วังหลวงแล้ว พระราชาเอ็ดเวิร์ด ทรงเกิดอาการเวียนพระเศียร แล้วทรงพระอาเจียนออกมา เมื่อพระราชินีเอ็ดน่า ทรงเห็นเข้าจึงสั่งให้มหาดเล็กของที่ประทับพยุงพระราชาเอ็ดเวิร์ด ไปประทับที่ห้องพระบรรทม แล้วพระราชินีเอ็ดน่า ทรงเรียกหมอมาตรวจพระอาการ เมื่อหมอมาถึงประทับแล้ว ทำการตรวจพระอาการปรากฏว่า พระราชาเอ็ดเวิร์ด ทรงเป็นโรคเส้นพระโลหิตในพระสมองตีบ เมื่อหมอรู้เรื่องเช่นนี้แล้วจึงบอกกับพระราชินีเอ็ดน่าด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อว่า
"ฝ่าบาทขอรับ พระราชาเอ็ดเวิร์ด ทรงเป็นโรคเส้นพระโลหิตในพระสมองตีบ ขอรับ" ซึ่งตอนนั้นเจ้าชายจอห์นและมาเรีย ก็ฟังด้วย เมื่อทุกคนรู้เรื่องอย่างนี้แล้วจึงร้องห่มร้องไห้และตกใจกันทั่วหน้า ตั้งแต่วันนั้นพระราชินีก็คอยปรนนิบัติรับใช้ดูแลจนพระอาการก็ดีขึ้น จนพระราชาเอ็ดเวิร์ดทรงมีพระอาการดีขึ้น
หลายปีต่อมาเหล่าพระราชโอรสและพระราชธิดาของเจ้าชายจอห์นและมาเรียก็ทรงพระเจริญวัยเป็นหนุ่มเป็นสาวใหญ่ โดยเจ้าหญิงแมรี่ ผู้เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ พระชนมายุ 21 พรรษา เป็นคนที่ร่าเริง ว่าง่ายและเสียสละให้น้องเสมอๆ เจ้าชายหลุยส์ พระราชโอรสพระองค์เดียว พระชนมายุ 20 พรรษา เป็นคนที่ร่าเริง เวลาทำอะไรก็เอาจริงเอาจังเสมอ และมีความเป็นผู้นำสูง เจ้าหญิงเจน พระราชธิดาพระองค์กลาง พระชนมายุ 17 พรรษา เป็นคนที่ร่าเริง มีอารมณ์ขัน ว่าง่าย และเจ้าหญิงโรส พระราชธิดาพระองค์เล็ก พระชนมายุ 15 พรรษา เป็นคนที่ร่าเริง และเวลาทำสิ่งใดก็เอาจริงเอาจัง ส่วนพระราชธิดาในพระราชาเอ็ดเวิร์ดและพระราชินีเอ็ดน่า ก็ทรงพระเจริญวัยมากขึ้น คือเจ้าหญิงอาร์เวนน่า พระชนมายุ 14 พรรษา เป็นคนที่ว่าง่าย ใจดีและร่าเริง ส่วนใหญ่พระราชโอรสและพระราชธิดาของเจ้าชายจอห์นและมาเรีย และพระราชธิดาในพระราชาเอ็ดเวิร์ดและพระราชินีเอ็ดน่า จะมีความกตัญญูกตเวทีต่อบุพการี เหมือนกันทุกคน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ