ราชินีสี่ปฐพี
8.6
เขียนโดย Manny
วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.29 น.
20 บท
1 วิจารณ์
22.51K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 13.45 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) มาเรีย กับชีวิตที่เปลี่ยนไป (ตอนจบ)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ วันรุ่งขึ้นเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปยังวัดโกลเดนรีลิเจิน ทรงนมัสการพระประจำวัด แล้วพระสงฆ์ของวัด เจริญชัยมงคลคาถา แล้วไปยังศาลประจำเมือง ทรงทอดพระเนตรการพิจารณาคดี แล้วเจ้าชายจอห์น และมาเรีย ประทับรถม้าไปเมืองฟันนี่ ถึงเมืองฟันนี่ ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลรับเสด็จ ภริยาผู้ว่าการเมือง ถวายช่อดอกไม้แด่มาเรีย แล้วเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปต่อยังศาลากลางเมือง ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลนำข้าราชการและประชาชนเฝ้า มีพระราชดำรัสแก่ประชาชน แล้วเสด็จลงเยี่ยมประชาชนพร้อมด้วยมาเรีย เสด็จต่อไปยังค่ายทหารฟันนี่ ผู้บังคับบัญชาทหาร กราบบังคมทูลเบิกนายทหารและภรรยา เข้าเฝ้า แล้วพระราชทานพระราโชวาท แล้วตรวจแถวทหาร เสร็จแล้วไปทอดพระเนตรเหมืองแหล่งแร่รัตนชาติหรือเพชรของเมือง เสร็จแล้วไปยังวัดบุ๊ดดิซึม ทรงนมัสการพระประจำวัด แล้วไปสักการะเสาหลักเมืองที่ศาลหลักเมืองประจำเมือง และเจ้าชายจอห์น เสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปทอดเนตรการพิจารณาคดีที่ศาลประจำเมือง แล้วเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปต่อยังเมืองเฮฮา เมื่อประทับรถม้าถึงเมือง ตอนนั้นเย็นแล้วแต่ยังมีประชาชนมาเฝ้ารับเสด็จกันอย่างเนืองแน่น เมืองที่เสด็จไปนั้นก็มีการจัดซุ้มรับเสด็จอย่างอลังการ ซึ่งเมืองนี้ก็ไม่แพ้กับเมืองอื่นเช่นกัน แล้วพักแรมกันที่จวนผู้ว่าการเมืองที่ติดอยู่ริมทะเล
รุ่งขึ้น 8 โมงเช้า เจ้าชายจอห์นและมาเรีย มายังศาลากลางเมือง แล้วประทับมุขของศาลากลางเมือง ผู้ว่าการเมือง เมืองเฮฮา กราบบังคมทูลนำข้าราชการและประชาชนเฝ้า มีพระราชดำรัสแก่ประชาชน แล้วเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ภริยาผู้ว่าการเมือง ถวายช่อดอกไม้แด่มาเรีย แล้วลงเยี่ยมประชาชน เสร็จแล้วไปค่ายทหารเฮฮา ผู้บังคับบัญชาทหารกราบบังคมทูลนำนายทหารและภรรยา เข้าเฝ้า แล้วพระราชทานพระราโชวาท แล้วเสด็จตรวจแถวทหาร เสร็จแล้วเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปทอดพระเนตรเหมืองน้ำมันดิบของเมือง ทำให้มาเรียเกิดความสนใจในแหล่งพลังงานของเมือง เพราะในชีวิตของมาเรียนั้นไม่เคยมาก่อนเลย เสร็จแล้วไปวัดโกลเดนเทมเพิล ทรงนมัสการพระประจำวัด แล้วเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปสักการะเสาหลักเมืองที่ศาลหลักเมืองประจำเมืองเฮฮา เสร็จแล้วไปทอดพระเนตรการพิจารณาคดีที่ศาลประจำเมือง แล้วเสด็จกลับที่พัก แล้วเจ้าชายจอห์นและมาเรีย เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ทอดพระเนตรการแสดงพายเรือถวายพระพร และแข่งพายเรือที่แม่น้ำเฟมัส แล้วเสด็จกลับ
รุ่งขึ้นเจ้าชายจอห์ เสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ออกจากเมืองเฮฮา โดยรถม้าพระที่นั่งต่อไปยังเมืองซันชายน์ เมื่อถึงเมือง ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลรับเสด็จ ภริยาผู้ว่าการเมือง ถวายช่อดอกไม้แด่มาเรีย แล้วเสด็จต่อไปยังศาลาว่าการเมือง ขณะที่เสด็จนั้นได้ประทับรถม้าพระที่นั่งลอดผ่านซุ้มรับเสด็จที่ประชาชนจัดทำขึ้น และมีประชาชนมาเฝ้ารับเสด็จกันอย่างคับคั้ง พร้อมทั้งโบกมือ และโห่ร้องดีใจถวายพระพร เหมือนเมืองอื่นๆที่เสด็จไป เมื่อถึงศาลากลางเมือง ประทับบนพลับพลาจำลอง ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลนำข้าราชการและประชาชนเฝ้า พระราชดำรัสแก่ประชาชน แล้วลงเยี่ยมประชาชนใชัเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง เสด็จต่อไปยังค่ายทหารซันชายน์ ผู้บังคับบัญชาทหาร กราบบังคมทูลเบิกนายทหารและภริยา เข้าเฝ้า แล้วพระราชทานพระราโชวาท แล้วตรวจแถวทหาร เสร็จแล้วจึงเสด็จต่อไปยังวัดบุ๊ดดา ทรงนมัสการพระประจำวัด แล้วเสด็จต่อไปยังศาลหลักเมืองประจำเมือง ทรงสักการะเสาหลักเมือง แล้วเสด็จไปทอดพระเนตรเหมืองแร่เหล็กของเมือง มาเรียจะสนใจเรื่องพวกนี้มาก เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตของมาเรีย แล้วเสด็จไปทอดพระเนตรการพิจารณาคดีของศาลประจำเมือง แล้วเสด็จกลับที่ประทับจวนผู้ว่าการเมือง ระหว่างนี้ที่เมืองเซ็นเตอร์ พระนคร บริเวณถนนก๊อดครีเอท พระราชาอเล็กซานเดอร์ ทรงโปรดให้สร้างพระราชวังแห่งใหม่ ในที่ดินหลายร้อยไร่ เพราะปราสาทพระราชวังตำหนักบางแห่ง ในวังหลวงเกิดความทรุดโทรมและยากที่จะบูรณะปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมไหว จึงให้สร้างใหม่ เพราะการนี้โดยเฉพาะ และทรงจะแปรพระราชฐานมาประทับ ณ ที่แห่งนี้เป็นการถาวร ก็ต่อเมื่อสร้างเสร็จทันที
วันรุ่งของวันใหม่ที่เมืองซันชายน์เจ้าชายจอห์นและมาเรีย ออกจากจวนผู้ว่าการเมือง ไปต่อยังเมืองมูนไลฟ์ ใช้ระยะทางถึงหลายกิโลเมตร ตามระยะทางก็มีทั้งฝุ่น ทำให้มาเรียคิดว่ายังมีถนนที่มีความทุรกันดารอยู่ จึงคิดอยู่ว่า เมื่อกลับไปพระนครแล้ว จะสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มาซ่อมแซมถนนเส้นนี้เพื่อให้ถนนเส้นนี้ใช้เดินทางได้สะดวกของคนละแวกแถวนั้น ถึงเมืองมูนไลฟ์แล้ว ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลรับเสด็จ ภริยาผู้ว่าการเมือง ถวายช่อดอกไม้แด่มาเรีย แล้วประทับรถม้าพระที่นั่งไปศาลากลางเมือง โดยได้ผ่านซุ้มที่ประชาชนจัดสร้าง แล้วมีประชาชนบางส่วนมารับเสด็จด้วย เมื่อมาถึง มาเรีย ก็มองดูคนที่มาเฝ้า ซึ่งมีบางคนเป็นคนที่มีฐานะและมีฐานะยากจนบ้าง ทำให้รู้สึกสงสาร แต่ผู้คนที่มากันนั้นไม่สนใจว่าจะเป็นฐานะอะไร แต่ใจเดียวกันคือความจงรักภักดี แล้วเจ้าชายจอห์นและมาเรีย ขึ้นบนมุขของศาลากลางเมือง ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลนำข้าราชการและประชาชนเฝ้า มีพระราชดำรัสแก่ประชาชน แลัวลงเยี่ยมประชาชน แต่ละเมืองที่มาเรียไปกับเจ้าชายจอห์นนั้น ก็จะมีผู้เฒ่าผู้แก่ ทั้งผู้ชายและผู้หญิง มาจับไม้จับมือของเจ้าชายจอห์นและมาเรีย ด้วยความดีใจ ใช้เวลาเยี่ยมประมาณ 1 ถึง 2 ชั่วโมง สมควรแก่เวลาจึงเสด็จต่อไปยังค่ายทหารมูนไลฟ์ ผู้บังคับบัญชาทหาร กราบบังคมทูลเบิกนายทหารและภริยา เข้าเฝ้า แล้วพระราชทานพระราโชวาท แล้วตรวจแถวทหาร แล้ววเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปต่อยังเหมืองแร่ลิกไนต์ของเมือง แล้วเจ้าชายจอห์น ทอดพระเนตรและมาเรียดูเหมืองแร่ แล้วผู้ที่ทำหน้าที่ไปขุดแร่ ไปขุดแร่ลิกไนต์ แล้วมาถวายเจ้าชายจอห์นและมาเรีย เสร็จแล้วไปทอดพระเนตรการพิจารณาคดีที่ศาลประจำเมือง แล้วเสด็จพร้อมด้วยมาเรียไปต่อยังโบสถ์ประจำเมือง เจ้าชายหลุย์ ทรงลงพระนามในสมุดเยี่ยม มาเรีย ลงนามในสมุดเยี่ยม แล้วบาทหลวงประจำโบสถ์ ถวายรูปปั้นพระเยซูเขียนสี องค์เล็กแด่เจ้าชายจอห์น และถวายรูปปั้นพระเยซูตรึงไม้กางเขนเขียนสีแด่มาเรีย เสร็จแล้วเจ้าชายจอห์น เสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปวัดอิมพีเรียล แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงนมัสการและมาเรีย นมัสการพระประจำวัด เสร็จแล้วไปศาลหลักเมืองประจำเมืองมูนไลฟ์ แล้วสักการะเสาหลักเมือง แล้วทั้งสองประทับรถม้าพระที่นั่ง เดินทางไปต่อที่เมืองเชียร์ฟลูลี้ รถม้าพระที่นั่ง ขณะเดินทางอยู่นั้นปรากฏว่า มาเรีย รู้สึกว่ารถม้าหยุดแบบกะทั่นหัน แล้วตกใจจึงถามเจ้าชายจอห์นว่า
"เกิดอะไรหรือ เพคะ เสด็จพี่" แล้วเจ้าชายจอห์นจึงถามสารถีว่า
"เกิดอะไรขึ้น คุณสารถี"
สารถีจึงลงจากรถแล้ว จึงดูที่ล้อแต่ละล้อแล้วปรากฏว่า ล้อหลังทางด้านซ้ายเกิดแตก แต่โชคดีที่มีล้อสำรอง แล้วจึงทำการเปลี่ยน มาเรียจึงพูดว่า
"โชคดีจังเลยนะ เพคะ ที่มีล้อเปลี่ยน"
เจ้าชายจอห์นเมื่อฟังแล้วก็ยิ้ม เมื่อเปลี่ยนล้อเสร็จแล้วจึงเดินทางไปต่อ จนถึงเมืองเชียร์ฟลูลี้ ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลรับเสด็จ ภริยาผู้ว่าการเมือง ถวายช่อดอดไม้แด่มาเรีย ซึ่งทำให้มาเรียคิดว่า ภริยาผู้ว่าการเมืองแต่ละเมืองเหมือนได้ซักซ้อมนัดแนะกัน จึงให้ช่อดอกไม้เหมือนกันกับแต่ละเมืองที่ให้มา แต่มาเรียนั้นก็รับไว้ด้วยความเต็มอกเต็มใจ แล้วไปต่อที่ศาลากลางเมือง โดยรถม้าพระที่นั่งได้ผ่านซุ้มที่จัดสร้าง เหมือนเมืองอื่นๆที่เสด็จไป แล้วประทับบนพลับพลาจำลองที่ประชาชนจัดสร้างขึ้น ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลนำข้าราชการและประชาชนเฝ้า แล้วมีพระราชดำรัสแก่ประชาชน เสร็จแล้วลงเยี่ยมประชาชน ประชานต่างนำของมาถวายเหมือนเมืองต่างๆที่เคยเสด็จมา ของที่นำมาถวายส่วนใหญ่เป็นของที่ทำขึ้นเอง ด้วยความปราณีตบ้าง เป็นของที่หาได้บ้าง ใช้เวลาเยี่ยมประมาณ 1 ถึง 2 ชั่วโมงกว่าๆ เสด็จต่อไปยังค่ายทหารเชียร์ฟลูลี้ ผู้บังคับบัญชาทหาร กราบบังคมทูลเบิกนายทหารและภริยา เข้าเฝ้า แล้วพระราชทานพระราโชวาท แล้วตรวจแถวทหาร แล้วเสด็จต่อไปยังเหมืองแร่ทองแดงของเมือง แล้วเจ้าของเหมือง ถวายแร่ทองแดงแด่เจ้าชายจอห์น และมาเรีย เสร็จแล้วไปศาลหลักเมือง แล้วสักการะเสาหลักเมือง แล้วจากนั้นไปวัดทรีคิงครีเอท แล้วทำการนมัสการพระประจำวัด เจ้าอาวาสถวายวัตถุมงคลแด่ทั้งสอง แล้วเดินทางออกจากเมืองเชียร์ฟลูลี้ แล้วเดินทางต่อไปยังเมืองไบรท์ ถึงเมืองแล้วผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลรับเสด็จ ภริยาผู้ว่าการเมือง ถวายช่อดอกไม้แด่มาเรีย แล้วไปต่อที่ศาลากลางเมือง ซึ่งได้ผ่านซุ้มที่ประชาชนจัดสร้าง แล้วมีประชาชนบางส่วนมาเฝ้ารับเสด็จ เมื่อถึงศาลากลางเมือง ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลนำข้าราชการและประชาชนเฝ้า เจ้าชายจอห์น มีพระราชดำรัสแก่ประชาชน แล้วลงเยี่ยมประชาชนใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ เสด็จต่อไปยังค่ายทหารไบร์ท ผู้บังคับบัญชาทหาร กราบบังคมทูลเบิกนายทหารและภริยา เข้าเฝ้า แล้วพระราชทานพระราโชวาท แล้วตรวจแถวทหาร แล้วเสด็จไปยังศาลหลักเมือง แล้วทั้งสองสักการะเสาหลักเมือง แล้วไปต่อยังวัดฟรอทเตอร์ ทั้งสองนมัสการพระประจำวัด แล้วเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปทอดพระเนตรการพิจารณาคดีที่ศาลประจำเมือง เมื่อทอดพระเนตรเสร็จแล้ว ตอนนั้นเย็นแล้วทั้งสองก็ต้องพักที่จวนผู้ว่าการเมือง ในคืนนั้นเจ้าชายจอห์น ทรงถามมาเรียว่า
"แม่มาเรีย ฉันถามเธอจริงๆเถอะ เธอรู้สึกเหนื่อยบ้างหรือเปล่า" แล้วมาเรียตอบว่า
"ก็เหนื่อยนะ เพคะ แต่มันก็มีคุณค่นะ เพคะ" แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงถามอีกว่า
"คุณค่าอะไรหรือแม่มาเรีย" แล้วมาเรียตอบว่า
"คุณค่าทางการทำงานไงล่ะเพคะ เพราะว่าการทำงานหนักในครั้งนี้นั้นนะเพคะ จะมีส่วนในการพัฒนาอาณาจักรของเรา ให้ดีขึ้นด้วยนะเพคะ"
คำพูดของมาเรียนั้นทำให้เจ้าชายจอห์น เกิดความรู้หายเหนื่อยจากการทำงานทันที เพราะคำพูดหวานๆของมาเรียทุกคำที่พูดออกมานั้นประดุจเหมือนยาวิเศษ ที่มีส่วนผสมคือความรักและความห่วงใยใส่เข้าไปด้วยกัน แล้วกลั่นออกมาเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของมาเรีย ย่อมมีสรรพคุณกับเจ้าชายจอห์น เท่านั้น คือพูดแล้วรู้สึกหายเหนื่อย หรือหายจากความเครียดต่างๆได้ ซึ่งเจ้าชายจอห์นนั้น สัมผัสรับรู้ได้
วันรุ่งอรุณขึ้นสู่ท้องฟ้านภาอันกว้างใหญ่อันแสดงถึงว่าเช้าวันใหม่มาถึง เจ้าชายจอห์นและมาเรีย ออกจากเมืองไบร์ท ไปยังเมืองกู๊ดเนส ถึงเมืองกู๊ดเนส ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลรับเสด็จ ภริยาผู้ว่าการเมือง ถวายช่อดอกไม้แด่มาเรีย แล้วประทับรถม้าพระที่นั่งไปศาลากลางเมือง โดยได้ผ่านซุ้มที่ประชาชนจัดสร้าง แล้วมีประชาชนบางส่วนมารับเสด็จด้วย แล้วเจ้าชายจอห์นและมาเรีย ขึ้นบนมุขของศาลากลางเมือง ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลนำข้าราชการและประชาชนเฝ้า มีพระราชดำรัสแก่ประชาชน แลัวลงเยี่ยมประชาชน ใช้เวลาเยี่ยมประมาณ 1 ถึง 2 ชั่วโมง แล้วเสด็จต่อไปยังค่ายทหารกู๊ดเนส ผู้บังคับบัญชาทหาร กราบบังคมทูลเบิกนายทหารและภริยา เข้าเฝ้า แล้วพระราชทานพระราโชวาท แล้วตรวจแถวทหาร สมควรแก่เวลาจึงเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปต่อยังโรงงานอุตสาหกรรมน้ำตาลของเมือง ซึ่งน้ำตาล ที่เมืองต่างๆใช้นั้นล้วนสั่งซื้อน้ำตาลมาจากเมืองนี้ทั้งนั้น แล้วเจ้าชายจอห์น ทอดพระเนตรและมาเรียดูการผลิตน้ำตาล ด้วยความสนใจ แล้วเจ้าของโรงงาน ถวายน้ำตาลถุง 2 ถุงใหญ่ แด่เจ้าชายจอห์นและมาเรีย เสร็จแล้วไปทอดพระเนตรการพิจารณาคดีที่ศาลประจำเมือง แล้วเสด็จพร้อมด้วยมาเรียไปต่อยังโบสถ์ประจำเมือง เจ้าชายหลุย์ ทรงลงพระนามในสมุดเยี่ยม มาเรีย ลงนามในสมุดเยี่ยม แล้วเสร็จแล้วเจ้าชายจอห์น เสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปวัดอาเซ็นหาว แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงนมัสการและมาเรีย นมัสการพระประจำวัด เสร็จแล้วไปศาลหลักเมืองประจำ เมืองกู๊ดเนส แล้วสักการะเสาหลักเมือง แล้วทั้งสองประทับรถม้าพระที่นั่ง เดินทางไปต่อที่เมืองบิ๊กซิตี้
เมืองบิ๊กซิตี้ เป็นเมืองสุดท้ายที่จะเสด็จเยี่ยมประชาชนในภาคกลางของอาณาจักรกลอรี แลนด์ เมื่อเสด็จพร้อมด้วยมาเรียถึงเมืองแล้ว ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลรับเสด็จ ภริยาผู้ว่าการเมือง ถวายช่อดอกไม้แด่มาเรีย แล้วประทับรถม้าพระที่นั่งไปศาลากลางเมือง โดยได้ผ่านซุ้มที่ประชาชนจัดสร้าง แล้วมีประชาชนบางส่วนมารับเสด็จด้วย เช่นเดียวกับเมืองอื่นที่เสด็จไปพร้อมกับมาเรีย เมื่อถึงศาลากลาง แล้วขึ้นบนมุขของศาลากลางเมือง ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลนำข้าราชการและประชาชนเฝ้า มีพระราชดำรัสแก่ประชาชน แลัวลงเยี่ยมประชาชน ใช้เวลาเยี่ยมประมาณ 1 ถึง 2 ชั่วโมง แล้วเสด็จต่อไปยังค่ายทหารบิ๊กซิตี้ ผู้บังคับบัญชาทหาร กราบบังคมทูลเบิกนายทหารและภริยา เข้าเฝ้า แล้วพระราชทานพระราโชวาท แล้วตรวจแถวทหาร สมควรแก่เวลาจึงเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปทอดพระเนตรการพิจารณาคดีที่ศาลประจำเมือง แล้วเสด็จพร้อมด้วยมาเรียไปต่อยังโบสถ์ประจำเมือง เจ้าชายหลุย์ ทรงลงพระนามในสมุดเยี่ยม มาเรีย ลงนามในสมุดเยี่ยม แล้วบาทหลวงประจำโบสถ์ ถวายสร้อยไม้กางเขนทองคำฝังเพชรแด่เจ้าชายจอห์น และมาเรีย เสร็จแล้วเจ้าชายจอห์น เสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปวัดจอร์ชยอร์ค แล้วเจ้าชายแกรนด์บุ๊ดดา ทรงนมัสการและมาเรีย นมัสการพระประจำวัด เสร็จแล้วไปศาลหลักเมืองประจำเมืองบิ๊กซิตี้ แล้วสักการะเสาหลักเมือง แล้วทั้งสองประทับรถม้าพระที่นั่ง เดินทางไปต่อที่สถานีรถไฟบิ๊กซิตี้ ขณะที่เสด็จไปนั้นก็เป็นเวลาเย็นใกล้พลบค่ำ ประมาณ 5 ถึง 6 โมงเย็นแล้ว แล้วก็มีประชาชนมาส่งเสด็จกลับพระนครตั้งแต่ศาลหลักเมืองจนถึงชานชาลาสถานีรถไฟ เมื่อถึงสถานีรถไฟแล้ว ผู้ว่าการเมือง ภริยาผู้ว่าการเมือง ข้าราชการและประชาชนชาวเมืองบิ๊กซิตี้ทุกคน เฝ้าส่งเสด็จ แล้วเจ้าชายจอห์นและมาเรีย ขึ้นรถไฟพระที่นั่ง แล้วออกจากสถานี ประมาณ 1 ทุ่ม ประชาชนที่ไปเฝ้าส่งเสด็จนั้นต่างโบกมือและเปล่งเสียงถวายพระพรลาทั้งสอง แล้วรถไฟพระที่นั่งเคลื่อนหายออกไปจากสถานีอย่างรวดเร็วราวกับลมพายุที่พัดปลิวสิ่งต่างๆหายไปในพริบตา
การที่มาเรียตามเสด็จในการเสด็จเยี่ยมประชาชน ตลอดหลายวันที่ผ่านมานั้น ทำให้มาเรียรู้ว่าเมืองต่างๆในภาคกลางนั้น ไม่ได้สมบูรณ์และสะดวกสบายเสมอไป แต่ทุกคนต้องทำงานด้วยหยาดเหงื่อและแรงกาย จึงจะสามารถกลั่นออกมาเป็นคำว่าสมบูรณ์และสะดวกสบายได้ และทำให้เมืองนั้นเจริญขึ้นได้ และบางสิ่งบางอย่างที่มาเรีย ได้รู้ได้เห็นจากเมืองต่างๆนั้น สามารถหยิบยกมาใช้ในการพัฒนาอาณาจักรได้ และสามารถที่จะพัฒนาเมืองต่างๆให้มีความเจริญได้ขึ้นอีก แล้วทำให้มาเรีย เกิดความรู้ว่ามาเรียนั้นไม่ใช้เด็กอีกต่อไป แต่มาเรีย รู้สึกว่าตัวเองคือผู้ใหญ่ และพร้อมที่จะเป็นผู้นำในการทำสิ่งต่างๆ
วันรุ่งขึ้นเช้า 7 โมงกว่าๆ รถไฟพระที่นั่ง ถึงสถานีรถไฟหลวงรอยัลเทรน ประชาชนต่างมารับเสด็จกันอย่างคับคั้ง ที่ชานชาลาสถานี ประธานอาณาจักร ภริยาประธานอาณาจักร พร้อมคณะบริหารอาณาจักร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการสามเหล่าทัพ ข้าราชการ เฝ้ารับเสด็จและทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ที่ไปตั้งแถวรับเสด็จ ถวายความเคารพ เจ้าชายจอห์น มีพระปฏิสันถารกับผู้ที่มาเฝ้ารับเสด็จ ที่ชานชาลาสถานี โดยหม่อมราชวงศ์ไมเคิลและหม่อมเจ้าซาร่า มารับมาเรีย โดยทั้งสองกอดมาเรีย เพื่อให้หายคิดถึง แล้วเจ้าชายจอห์น เสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ประทับรถม้าพระที่นั่งกลับวังหลวง โดยผ่านประชาชนที่จงรักภักดีที่มาเฝ้ารับเสด็จ พร้อมกับผ่านซุ้มที่สร้างเพื่อส่งเสด็จแต่บัดนี้ได้กลายเป็นรับเสด็จแทนแล้ว พร้อมกับคำอวยพรต้อนรับทั้งสองจากประชาชน
รุ่งขึ้น 8 โมงเช้า เจ้าชายจอห์นและมาเรีย มายังศาลากลางเมือง แล้วประทับมุขของศาลากลางเมือง ผู้ว่าการเมือง เมืองเฮฮา กราบบังคมทูลนำข้าราชการและประชาชนเฝ้า มีพระราชดำรัสแก่ประชาชน แล้วเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ภริยาผู้ว่าการเมือง ถวายช่อดอกไม้แด่มาเรีย แล้วลงเยี่ยมประชาชน เสร็จแล้วไปค่ายทหารเฮฮา ผู้บังคับบัญชาทหารกราบบังคมทูลนำนายทหารและภรรยา เข้าเฝ้า แล้วพระราชทานพระราโชวาท แล้วเสด็จตรวจแถวทหาร เสร็จแล้วเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปทอดพระเนตรเหมืองน้ำมันดิบของเมือง ทำให้มาเรียเกิดความสนใจในแหล่งพลังงานของเมือง เพราะในชีวิตของมาเรียนั้นไม่เคยมาก่อนเลย เสร็จแล้วไปวัดโกลเดนเทมเพิล ทรงนมัสการพระประจำวัด แล้วเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปสักการะเสาหลักเมืองที่ศาลหลักเมืองประจำเมืองเฮฮา เสร็จแล้วไปทอดพระเนตรการพิจารณาคดีที่ศาลประจำเมือง แล้วเสด็จกลับที่พัก แล้วเจ้าชายจอห์นและมาเรีย เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ทอดพระเนตรการแสดงพายเรือถวายพระพร และแข่งพายเรือที่แม่น้ำเฟมัส แล้วเสด็จกลับ
รุ่งขึ้นเจ้าชายจอห์ เสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ออกจากเมืองเฮฮา โดยรถม้าพระที่นั่งต่อไปยังเมืองซันชายน์ เมื่อถึงเมือง ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลรับเสด็จ ภริยาผู้ว่าการเมือง ถวายช่อดอกไม้แด่มาเรีย แล้วเสด็จต่อไปยังศาลาว่าการเมือง ขณะที่เสด็จนั้นได้ประทับรถม้าพระที่นั่งลอดผ่านซุ้มรับเสด็จที่ประชาชนจัดทำขึ้น และมีประชาชนมาเฝ้ารับเสด็จกันอย่างคับคั้ง พร้อมทั้งโบกมือ และโห่ร้องดีใจถวายพระพร เหมือนเมืองอื่นๆที่เสด็จไป เมื่อถึงศาลากลางเมือง ประทับบนพลับพลาจำลอง ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลนำข้าราชการและประชาชนเฝ้า พระราชดำรัสแก่ประชาชน แล้วลงเยี่ยมประชาชนใชัเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง เสด็จต่อไปยังค่ายทหารซันชายน์ ผู้บังคับบัญชาทหาร กราบบังคมทูลเบิกนายทหารและภริยา เข้าเฝ้า แล้วพระราชทานพระราโชวาท แล้วตรวจแถวทหาร เสร็จแล้วจึงเสด็จต่อไปยังวัดบุ๊ดดา ทรงนมัสการพระประจำวัด แล้วเสด็จต่อไปยังศาลหลักเมืองประจำเมือง ทรงสักการะเสาหลักเมือง แล้วเสด็จไปทอดพระเนตรเหมืองแร่เหล็กของเมือง มาเรียจะสนใจเรื่องพวกนี้มาก เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตของมาเรีย แล้วเสด็จไปทอดพระเนตรการพิจารณาคดีของศาลประจำเมือง แล้วเสด็จกลับที่ประทับจวนผู้ว่าการเมือง ระหว่างนี้ที่เมืองเซ็นเตอร์ พระนคร บริเวณถนนก๊อดครีเอท พระราชาอเล็กซานเดอร์ ทรงโปรดให้สร้างพระราชวังแห่งใหม่ ในที่ดินหลายร้อยไร่ เพราะปราสาทพระราชวังตำหนักบางแห่ง ในวังหลวงเกิดความทรุดโทรมและยากที่จะบูรณะปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมไหว จึงให้สร้างใหม่ เพราะการนี้โดยเฉพาะ และทรงจะแปรพระราชฐานมาประทับ ณ ที่แห่งนี้เป็นการถาวร ก็ต่อเมื่อสร้างเสร็จทันที
วันรุ่งของวันใหม่ที่เมืองซันชายน์เจ้าชายจอห์นและมาเรีย ออกจากจวนผู้ว่าการเมือง ไปต่อยังเมืองมูนไลฟ์ ใช้ระยะทางถึงหลายกิโลเมตร ตามระยะทางก็มีทั้งฝุ่น ทำให้มาเรียคิดว่ายังมีถนนที่มีความทุรกันดารอยู่ จึงคิดอยู่ว่า เมื่อกลับไปพระนครแล้ว จะสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มาซ่อมแซมถนนเส้นนี้เพื่อให้ถนนเส้นนี้ใช้เดินทางได้สะดวกของคนละแวกแถวนั้น ถึงเมืองมูนไลฟ์แล้ว ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลรับเสด็จ ภริยาผู้ว่าการเมือง ถวายช่อดอกไม้แด่มาเรีย แล้วประทับรถม้าพระที่นั่งไปศาลากลางเมือง โดยได้ผ่านซุ้มที่ประชาชนจัดสร้าง แล้วมีประชาชนบางส่วนมารับเสด็จด้วย เมื่อมาถึง มาเรีย ก็มองดูคนที่มาเฝ้า ซึ่งมีบางคนเป็นคนที่มีฐานะและมีฐานะยากจนบ้าง ทำให้รู้สึกสงสาร แต่ผู้คนที่มากันนั้นไม่สนใจว่าจะเป็นฐานะอะไร แต่ใจเดียวกันคือความจงรักภักดี แล้วเจ้าชายจอห์นและมาเรีย ขึ้นบนมุขของศาลากลางเมือง ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลนำข้าราชการและประชาชนเฝ้า มีพระราชดำรัสแก่ประชาชน แลัวลงเยี่ยมประชาชน แต่ละเมืองที่มาเรียไปกับเจ้าชายจอห์นนั้น ก็จะมีผู้เฒ่าผู้แก่ ทั้งผู้ชายและผู้หญิง มาจับไม้จับมือของเจ้าชายจอห์นและมาเรีย ด้วยความดีใจ ใช้เวลาเยี่ยมประมาณ 1 ถึง 2 ชั่วโมง สมควรแก่เวลาจึงเสด็จต่อไปยังค่ายทหารมูนไลฟ์ ผู้บังคับบัญชาทหาร กราบบังคมทูลเบิกนายทหารและภริยา เข้าเฝ้า แล้วพระราชทานพระราโชวาท แล้วตรวจแถวทหาร แล้ววเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปต่อยังเหมืองแร่ลิกไนต์ของเมือง แล้วเจ้าชายจอห์น ทอดพระเนตรและมาเรียดูเหมืองแร่ แล้วผู้ที่ทำหน้าที่ไปขุดแร่ ไปขุดแร่ลิกไนต์ แล้วมาถวายเจ้าชายจอห์นและมาเรีย เสร็จแล้วไปทอดพระเนตรการพิจารณาคดีที่ศาลประจำเมือง แล้วเสด็จพร้อมด้วยมาเรียไปต่อยังโบสถ์ประจำเมือง เจ้าชายหลุย์ ทรงลงพระนามในสมุดเยี่ยม มาเรีย ลงนามในสมุดเยี่ยม แล้วบาทหลวงประจำโบสถ์ ถวายรูปปั้นพระเยซูเขียนสี องค์เล็กแด่เจ้าชายจอห์น และถวายรูปปั้นพระเยซูตรึงไม้กางเขนเขียนสีแด่มาเรีย เสร็จแล้วเจ้าชายจอห์น เสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปวัดอิมพีเรียล แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงนมัสการและมาเรีย นมัสการพระประจำวัด เสร็จแล้วไปศาลหลักเมืองประจำเมืองมูนไลฟ์ แล้วสักการะเสาหลักเมือง แล้วทั้งสองประทับรถม้าพระที่นั่ง เดินทางไปต่อที่เมืองเชียร์ฟลูลี้ รถม้าพระที่นั่ง ขณะเดินทางอยู่นั้นปรากฏว่า มาเรีย รู้สึกว่ารถม้าหยุดแบบกะทั่นหัน แล้วตกใจจึงถามเจ้าชายจอห์นว่า
"เกิดอะไรหรือ เพคะ เสด็จพี่" แล้วเจ้าชายจอห์นจึงถามสารถีว่า
"เกิดอะไรขึ้น คุณสารถี"
สารถีจึงลงจากรถแล้ว จึงดูที่ล้อแต่ละล้อแล้วปรากฏว่า ล้อหลังทางด้านซ้ายเกิดแตก แต่โชคดีที่มีล้อสำรอง แล้วจึงทำการเปลี่ยน มาเรียจึงพูดว่า
"โชคดีจังเลยนะ เพคะ ที่มีล้อเปลี่ยน"
เจ้าชายจอห์นเมื่อฟังแล้วก็ยิ้ม เมื่อเปลี่ยนล้อเสร็จแล้วจึงเดินทางไปต่อ จนถึงเมืองเชียร์ฟลูลี้ ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลรับเสด็จ ภริยาผู้ว่าการเมือง ถวายช่อดอดไม้แด่มาเรีย ซึ่งทำให้มาเรียคิดว่า ภริยาผู้ว่าการเมืองแต่ละเมืองเหมือนได้ซักซ้อมนัดแนะกัน จึงให้ช่อดอกไม้เหมือนกันกับแต่ละเมืองที่ให้มา แต่มาเรียนั้นก็รับไว้ด้วยความเต็มอกเต็มใจ แล้วไปต่อที่ศาลากลางเมือง โดยรถม้าพระที่นั่งได้ผ่านซุ้มที่จัดสร้าง เหมือนเมืองอื่นๆที่เสด็จไป แล้วประทับบนพลับพลาจำลองที่ประชาชนจัดสร้างขึ้น ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลนำข้าราชการและประชาชนเฝ้า แล้วมีพระราชดำรัสแก่ประชาชน เสร็จแล้วลงเยี่ยมประชาชน ประชานต่างนำของมาถวายเหมือนเมืองต่างๆที่เคยเสด็จมา ของที่นำมาถวายส่วนใหญ่เป็นของที่ทำขึ้นเอง ด้วยความปราณีตบ้าง เป็นของที่หาได้บ้าง ใช้เวลาเยี่ยมประมาณ 1 ถึง 2 ชั่วโมงกว่าๆ เสด็จต่อไปยังค่ายทหารเชียร์ฟลูลี้ ผู้บังคับบัญชาทหาร กราบบังคมทูลเบิกนายทหารและภริยา เข้าเฝ้า แล้วพระราชทานพระราโชวาท แล้วตรวจแถวทหาร แล้วเสด็จต่อไปยังเหมืองแร่ทองแดงของเมือง แล้วเจ้าของเหมือง ถวายแร่ทองแดงแด่เจ้าชายจอห์น และมาเรีย เสร็จแล้วไปศาลหลักเมือง แล้วสักการะเสาหลักเมือง แล้วจากนั้นไปวัดทรีคิงครีเอท แล้วทำการนมัสการพระประจำวัด เจ้าอาวาสถวายวัตถุมงคลแด่ทั้งสอง แล้วเดินทางออกจากเมืองเชียร์ฟลูลี้ แล้วเดินทางต่อไปยังเมืองไบรท์ ถึงเมืองแล้วผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลรับเสด็จ ภริยาผู้ว่าการเมือง ถวายช่อดอกไม้แด่มาเรีย แล้วไปต่อที่ศาลากลางเมือง ซึ่งได้ผ่านซุ้มที่ประชาชนจัดสร้าง แล้วมีประชาชนบางส่วนมาเฝ้ารับเสด็จ เมื่อถึงศาลากลางเมือง ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลนำข้าราชการและประชาชนเฝ้า เจ้าชายจอห์น มีพระราชดำรัสแก่ประชาชน แล้วลงเยี่ยมประชาชนใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ เสด็จต่อไปยังค่ายทหารไบร์ท ผู้บังคับบัญชาทหาร กราบบังคมทูลเบิกนายทหารและภริยา เข้าเฝ้า แล้วพระราชทานพระราโชวาท แล้วตรวจแถวทหาร แล้วเสด็จไปยังศาลหลักเมือง แล้วทั้งสองสักการะเสาหลักเมือง แล้วไปต่อยังวัดฟรอทเตอร์ ทั้งสองนมัสการพระประจำวัด แล้วเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปทอดพระเนตรการพิจารณาคดีที่ศาลประจำเมือง เมื่อทอดพระเนตรเสร็จแล้ว ตอนนั้นเย็นแล้วทั้งสองก็ต้องพักที่จวนผู้ว่าการเมือง ในคืนนั้นเจ้าชายจอห์น ทรงถามมาเรียว่า
"แม่มาเรีย ฉันถามเธอจริงๆเถอะ เธอรู้สึกเหนื่อยบ้างหรือเปล่า" แล้วมาเรียตอบว่า
"ก็เหนื่อยนะ เพคะ แต่มันก็มีคุณค่นะ เพคะ" แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงถามอีกว่า
"คุณค่าอะไรหรือแม่มาเรีย" แล้วมาเรียตอบว่า
"คุณค่าทางการทำงานไงล่ะเพคะ เพราะว่าการทำงานหนักในครั้งนี้นั้นนะเพคะ จะมีส่วนในการพัฒนาอาณาจักรของเรา ให้ดีขึ้นด้วยนะเพคะ"
คำพูดของมาเรียนั้นทำให้เจ้าชายจอห์น เกิดความรู้หายเหนื่อยจากการทำงานทันที เพราะคำพูดหวานๆของมาเรียทุกคำที่พูดออกมานั้นประดุจเหมือนยาวิเศษ ที่มีส่วนผสมคือความรักและความห่วงใยใส่เข้าไปด้วยกัน แล้วกลั่นออกมาเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของมาเรีย ย่อมมีสรรพคุณกับเจ้าชายจอห์น เท่านั้น คือพูดแล้วรู้สึกหายเหนื่อย หรือหายจากความเครียดต่างๆได้ ซึ่งเจ้าชายจอห์นนั้น สัมผัสรับรู้ได้
วันรุ่งอรุณขึ้นสู่ท้องฟ้านภาอันกว้างใหญ่อันแสดงถึงว่าเช้าวันใหม่มาถึง เจ้าชายจอห์นและมาเรีย ออกจากเมืองไบร์ท ไปยังเมืองกู๊ดเนส ถึงเมืองกู๊ดเนส ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลรับเสด็จ ภริยาผู้ว่าการเมือง ถวายช่อดอกไม้แด่มาเรีย แล้วประทับรถม้าพระที่นั่งไปศาลากลางเมือง โดยได้ผ่านซุ้มที่ประชาชนจัดสร้าง แล้วมีประชาชนบางส่วนมารับเสด็จด้วย แล้วเจ้าชายจอห์นและมาเรีย ขึ้นบนมุขของศาลากลางเมือง ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลนำข้าราชการและประชาชนเฝ้า มีพระราชดำรัสแก่ประชาชน แลัวลงเยี่ยมประชาชน ใช้เวลาเยี่ยมประมาณ 1 ถึง 2 ชั่วโมง แล้วเสด็จต่อไปยังค่ายทหารกู๊ดเนส ผู้บังคับบัญชาทหาร กราบบังคมทูลเบิกนายทหารและภริยา เข้าเฝ้า แล้วพระราชทานพระราโชวาท แล้วตรวจแถวทหาร สมควรแก่เวลาจึงเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปต่อยังโรงงานอุตสาหกรรมน้ำตาลของเมือง ซึ่งน้ำตาล ที่เมืองต่างๆใช้นั้นล้วนสั่งซื้อน้ำตาลมาจากเมืองนี้ทั้งนั้น แล้วเจ้าชายจอห์น ทอดพระเนตรและมาเรียดูการผลิตน้ำตาล ด้วยความสนใจ แล้วเจ้าของโรงงาน ถวายน้ำตาลถุง 2 ถุงใหญ่ แด่เจ้าชายจอห์นและมาเรีย เสร็จแล้วไปทอดพระเนตรการพิจารณาคดีที่ศาลประจำเมือง แล้วเสด็จพร้อมด้วยมาเรียไปต่อยังโบสถ์ประจำเมือง เจ้าชายหลุย์ ทรงลงพระนามในสมุดเยี่ยม มาเรีย ลงนามในสมุดเยี่ยม แล้วเสร็จแล้วเจ้าชายจอห์น เสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปวัดอาเซ็นหาว แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงนมัสการและมาเรีย นมัสการพระประจำวัด เสร็จแล้วไปศาลหลักเมืองประจำ เมืองกู๊ดเนส แล้วสักการะเสาหลักเมือง แล้วทั้งสองประทับรถม้าพระที่นั่ง เดินทางไปต่อที่เมืองบิ๊กซิตี้
เมืองบิ๊กซิตี้ เป็นเมืองสุดท้ายที่จะเสด็จเยี่ยมประชาชนในภาคกลางของอาณาจักรกลอรี แลนด์ เมื่อเสด็จพร้อมด้วยมาเรียถึงเมืองแล้ว ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลรับเสด็จ ภริยาผู้ว่าการเมือง ถวายช่อดอกไม้แด่มาเรีย แล้วประทับรถม้าพระที่นั่งไปศาลากลางเมือง โดยได้ผ่านซุ้มที่ประชาชนจัดสร้าง แล้วมีประชาชนบางส่วนมารับเสด็จด้วย เช่นเดียวกับเมืองอื่นที่เสด็จไปพร้อมกับมาเรีย เมื่อถึงศาลากลาง แล้วขึ้นบนมุขของศาลากลางเมือง ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลนำข้าราชการและประชาชนเฝ้า มีพระราชดำรัสแก่ประชาชน แลัวลงเยี่ยมประชาชน ใช้เวลาเยี่ยมประมาณ 1 ถึง 2 ชั่วโมง แล้วเสด็จต่อไปยังค่ายทหารบิ๊กซิตี้ ผู้บังคับบัญชาทหาร กราบบังคมทูลเบิกนายทหารและภริยา เข้าเฝ้า แล้วพระราชทานพระราโชวาท แล้วตรวจแถวทหาร สมควรแก่เวลาจึงเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปทอดพระเนตรการพิจารณาคดีที่ศาลประจำเมือง แล้วเสด็จพร้อมด้วยมาเรียไปต่อยังโบสถ์ประจำเมือง เจ้าชายหลุย์ ทรงลงพระนามในสมุดเยี่ยม มาเรีย ลงนามในสมุดเยี่ยม แล้วบาทหลวงประจำโบสถ์ ถวายสร้อยไม้กางเขนทองคำฝังเพชรแด่เจ้าชายจอห์น และมาเรีย เสร็จแล้วเจ้าชายจอห์น เสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปวัดจอร์ชยอร์ค แล้วเจ้าชายแกรนด์บุ๊ดดา ทรงนมัสการและมาเรีย นมัสการพระประจำวัด เสร็จแล้วไปศาลหลักเมืองประจำเมืองบิ๊กซิตี้ แล้วสักการะเสาหลักเมือง แล้วทั้งสองประทับรถม้าพระที่นั่ง เดินทางไปต่อที่สถานีรถไฟบิ๊กซิตี้ ขณะที่เสด็จไปนั้นก็เป็นเวลาเย็นใกล้พลบค่ำ ประมาณ 5 ถึง 6 โมงเย็นแล้ว แล้วก็มีประชาชนมาส่งเสด็จกลับพระนครตั้งแต่ศาลหลักเมืองจนถึงชานชาลาสถานีรถไฟ เมื่อถึงสถานีรถไฟแล้ว ผู้ว่าการเมือง ภริยาผู้ว่าการเมือง ข้าราชการและประชาชนชาวเมืองบิ๊กซิตี้ทุกคน เฝ้าส่งเสด็จ แล้วเจ้าชายจอห์นและมาเรีย ขึ้นรถไฟพระที่นั่ง แล้วออกจากสถานี ประมาณ 1 ทุ่ม ประชาชนที่ไปเฝ้าส่งเสด็จนั้นต่างโบกมือและเปล่งเสียงถวายพระพรลาทั้งสอง แล้วรถไฟพระที่นั่งเคลื่อนหายออกไปจากสถานีอย่างรวดเร็วราวกับลมพายุที่พัดปลิวสิ่งต่างๆหายไปในพริบตา
การที่มาเรียตามเสด็จในการเสด็จเยี่ยมประชาชน ตลอดหลายวันที่ผ่านมานั้น ทำให้มาเรียรู้ว่าเมืองต่างๆในภาคกลางนั้น ไม่ได้สมบูรณ์และสะดวกสบายเสมอไป แต่ทุกคนต้องทำงานด้วยหยาดเหงื่อและแรงกาย จึงจะสามารถกลั่นออกมาเป็นคำว่าสมบูรณ์และสะดวกสบายได้ และทำให้เมืองนั้นเจริญขึ้นได้ และบางสิ่งบางอย่างที่มาเรีย ได้รู้ได้เห็นจากเมืองต่างๆนั้น สามารถหยิบยกมาใช้ในการพัฒนาอาณาจักรได้ และสามารถที่จะพัฒนาเมืองต่างๆให้มีความเจริญได้ขึ้นอีก แล้วทำให้มาเรีย เกิดความรู้ว่ามาเรียนั้นไม่ใช้เด็กอีกต่อไป แต่มาเรีย รู้สึกว่าตัวเองคือผู้ใหญ่ และพร้อมที่จะเป็นผู้นำในการทำสิ่งต่างๆ
วันรุ่งขึ้นเช้า 7 โมงกว่าๆ รถไฟพระที่นั่ง ถึงสถานีรถไฟหลวงรอยัลเทรน ประชาชนต่างมารับเสด็จกันอย่างคับคั้ง ที่ชานชาลาสถานี ประธานอาณาจักร ภริยาประธานอาณาจักร พร้อมคณะบริหารอาณาจักร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการสามเหล่าทัพ ข้าราชการ เฝ้ารับเสด็จและทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ที่ไปตั้งแถวรับเสด็จ ถวายความเคารพ เจ้าชายจอห์น มีพระปฏิสันถารกับผู้ที่มาเฝ้ารับเสด็จ ที่ชานชาลาสถานี โดยหม่อมราชวงศ์ไมเคิลและหม่อมเจ้าซาร่า มารับมาเรีย โดยทั้งสองกอดมาเรีย เพื่อให้หายคิดถึง แล้วเจ้าชายจอห์น เสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ประทับรถม้าพระที่นั่งกลับวังหลวง โดยผ่านประชาชนที่จงรักภักดีที่มาเฝ้ารับเสด็จ พร้อมกับผ่านซุ้มที่สร้างเพื่อส่งเสด็จแต่บัดนี้ได้กลายเป็นรับเสด็จแทนแล้ว พร้อมกับคำอวยพรต้อนรับทั้งสองจากประชาชน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ