ราชินีสี่ปฐพี
เขียนโดย Manny
วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.29 น.
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 13.45 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) มาเรีย กับชีวิตที่เปลี่ยนไป (ตอนที่ 1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความระยะเวลา 3 ถึง 4 วัน หลังจากการอภิเษกสมรสและสถาปนายศของมาเรีย ผ่านไปเร็วมากอย่างกับฝัน ทำให้มาเรีย เกิดความรู้สึกที่แน่นอน ไม่มีวันที่จะเปลี่ยนแปลงและหวั่นไหวได้คือ ตัวเองนั้นได้หลงรักเจ้าชายจอห์น อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิตของมาเรียและเจ้าชายจอห์นนั้น มีความรู้สึกที่ว่า เขาเป็นเจ้าของของตน เป็นหลักที่ตนต้องยึดไว้ในชีวิตนี้ ไม่มีวันที่จะผลักออกไปได้
ระยะเวลาอีก 7 ถึง 8 วัน ต่อจากนั้นไป มาเรียต้องใช้เวลาระหว่างนั้นขึ้นรถลงเรือ ไปกับเจ้าชายจอห์น พร้อมด้วยพานดอกไม้ธูปเทียนแพและช่อดอกไม้ เพื่อเคารพบรรดาญาติผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายพระญาติตระกูลของเจ้าชายจอห์นและฝ่ายญาติตระกูลของมาเรีย ซึ่งมาเรียไปที่บ้านที่ถนนกู๊ดกลอรี อันเป็นบ้านของตนนั้น เพื่อบูชาพระประจำบ้าน เคารพกระดูกบรรพบุรุษ และเคารพหม่อมราชวงศ์ไมเคิล หม่อมเจ้าซาร่า ผู้เป็นบิดามารดาบังเกิดเกล้าของมาเรีย โดยก่อนถึงบ้านของมาเรีย มีประชาชนมากมายมารับเสด็จเจ้าชายจอห์น และมาต้อนรับมาเรีย ผู้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาท พระองค์ใหม่ โดยเมื่อผ่านประชาชนแต่ละครั้ง ประชาชนก็มีใบหน้าอันยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมโบกมือ และเปล่งเสียงถวายพระพรแด่ทั้งสอง เมื่อถึงบ้านที่ถนนกู๊ดกลอรี แล้วทั้งสองทำการบูชาพระประจำบ้าน เคารพกระดูกบรรพบุรุษ และเคารพหม่อมราชวงศ์ไมเคิล หม่อมเจ้าซาร่า ทั้งสองคนออกมานั่งรับเจ้าชายจอห์นและมาเรีย ตั้งแต่เช้า ซึ่งหม่อมราชวงศ์ไมเคิล รับเคารพเจ้าชายจอห์นด้วยแหวนทองฝังมรกต และรับเคารพมาเรียด้วยกำไลทองฝังทับทิม แล้วเจ้าชายจอห์นและมาเรีย มุ่งหน้าต่อไปยังวัดรอยัลบุ๊ดดาอินแกรนด์แพลเลส ซึ่งเป็นวัดในพระราชวังโกลเดน เพื่อนมัสการพระพุทธคอสทูมเอมเมอร์เริลด์ พระคู่บ้านคู่เมืองของอาณาจักรกลอรี แลนด์ ขณะที่เสด็จไปพร้อมกับมาเรียนั้น มีประชาชนต่างเฝ้ารับเสด็จ ตลอดทาง เมื่อถึงวัดแล้วนมัสการเสร็จ สมเด็จพระสังฆราชยอร์คจอห์น มาประทับรอ เเล้วเจริญชัยมงคลคาถาถวายพระพรแด่ทั้งสอง เสร็จแล้วประทานวัตถุมงคล พร้อมถวายพระพร แล้วกลับที่ประทับของเจ้าชายจอห์น เพื่อเคารพพระราชาอเล็กซานเดอร์ และพระราชาอเล็กซานดาร์ ผู้เป็นพระบิดาพระมารดาของเจ้าชายจอห์น ถึงแม้ราชพาหนะที่ประทับซึ่งก็คือรถม้าเข้าประตูวังหลวงไปแล้ว แต่เสียงเพื่อเปล่งถวายพระพรของประชาชนนั้น ก็ยังดังอยู่ตลอดเวลา เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนเหล่านั้นไม่เคยประสบพบเห็นมาก่อน เมื่อถึงห้องที่ประทับของพระราชาและพระราชินีแล้ว ทั้งสองเคารพพระราชาและพระราชินีแล้วพระราชา ทรงรับเคารพเจ้าชายจอห์นด้วยหีบพระโอสถประดับพระนามย่อทองคำลงยา และรับเคารพมาเรีย ด้วยหีบบรรจุพระสุคนธ์ประดับพระนามย่อถมทอง แล้วพระราชินี ทรงรับเคารพเจ้าชายหลุยส์ด้วยฉลองพระองค์ครุยดิ้นทอง ครุยผ้าแพร และครุยยกทอง และรับเคารพจากมาเรียด้วยผ้าไหม 7 สี ผ้าสะพัก ผ้าแพร ผ้ายกทองและผ้าดิ้นทอง แล้วพระราชินี ทรงพูดกับมาเรียว่า
"ผ้าพวกนี้น่ะฉันให้นะ เพราะว่าเธอเสมือนลูกสาวของฉัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องเกรงใจในการใช้ผ้าพวกนี้ห่มกายนะ เพราะว่าผ้าพวกนี้น่ะเป็นของเธอแท้ๆแล้วนะ"
แล้วทั้งสองไปสักการพระบรมอัฐิของพระบรมราชบุพากรีซึ่งมีทั้งพระมหากษัตริย์ทั้ง 4 พระองค์ ที่เคยปกครองอาณาจักรกลอรี แลนด์และพระมเหสีในพระมหากษัตริย์ทั้ง 4 พระองค์ ที่เคยปกครองอาณาจักรกลอรี แลนด์ เสร็จแล้วกลับที่ประทับ แต่เมื่อเสียงเปล่งถวายพระพรของประชาชนยังไม่ยอมเลิกรา จึงทรงขับรถม้าโดยมีมาเรียนั่งข้างๆ ทั่งสองเมื่อนั่งรถผ่านประชาชน ก็โบกมือรับเสียงถวายพระพร เจ้าชายจอห์น ทรงขับรถม้าพระที่นั่งวนรอบเมืองแล้วให้ประชาชนเปล่งเสียงถวายพระพร เมื่อวนรอบเมืองเสร็จแล้ว จึงเสด็จกลับ แล้วประชาชนต่างๆกลับบ้านเพราะซึ่งได้เเสดงออกถึงความจงรักภักดีให้ทั้งสองเกิดความประทับใจ แต่คนที่ประทับตราตึงใจมากที่สุดคือ มาเรีย เพราะในชีวิตของมาเรียพึ่งได้เจอคนมากมายอย่างนี้ แล้วก็ไม่เคยเห็นคนสรรเสริญต้อนรับมาเรีย มากมายถึงเพียงนี้
พอตกกลางคืนพระราชินีก็สอนงานฝีมือให้แก่มาเรีย ขณะพระราชินีทรงสอนการจัดดอกไม้อยู่นั้นทรงพูดกับมาเรียว่า
"จำเอาไว้นะ งานพวกนี้เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวสำหรับสตรีเพศอย่างพวกเรา เพราะฉะนั้นงานพวกนี้ห้ามทิ้งเด็ดขาด เพราะนี่คือศิลปะของผู้หญิงไงเล่า เข้าใจหรือเปล่า มาเรีย"
แล้วมาเรีย ตอบว่า
"เข้าใจเพคะ เสด็จแม่"
แล้วพระราชินี ทรงชมว่า
"ดีมาก สมแล้วที่เธอสมควรมาเป็นลูกสะใภ้ของฉันนะ" แล้วเสียระฆังของนาฬิกาบอกเวลาก็ดังขึ้นแล้วพระราชินี ทรงพูดว่า
"เอ่า! อะไรกันนี่ 3 ทุ่มแล้วหรอเนี่ย มาเรีย เข้านอนได้แล้วนะลูก"
แล้วมาเรีย ตอบว่า "เพคะ เสด็จแม่" มาเรีย เข้าห้องนอนเพื่อเตรียมตัวที่จะเข้านอน
ที่ห้องทรงงานของพระราชาอเล็กซานเดอร์ เจ้าชายจอห์น ทรงเข้าเฝ้าพระราชา แล้วทรงพูดกับพระราชาว่า "เสด็จพ่อ ขอรับ ลูกมีเรื่องที่จะขอ ขอรับ" แล้วพระราชาก็ทรงถามว่า "เรื่องอะไรหรอลูก ที่จะขอน่ะลูก" แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงตอบว่า
"อาทิตย์หน้า ลูกขอเยี่ยมประชาชนในภาคกลางของอาณาจักร ขอรับ"
แล้วพระราชา ก็ทรงตอบด้วยความดีพระทัยว่า
"จริงหรอลูก พ่อดีใจมากเลยนะลูก ที่พ่อจะได้เห็นลูกทำงานซะที เรื่องนี้พ่ออนุญาตนะลูก เดี๋ยวพ่อจะส่งเรื่องนี้ไปสภาอาณาจักรนะลูก พ่อดีใจจริงๆ"
แล้วทรงกอดเจ้าชายจอห์นด้วยความดีพระทัย แล้วพระราชา ทรงนำเรื่องนี้ไปแจ้งกับสภาอาณาจักร แล้วสภาอาณาจักรก็นำเรื่อง การเสด็จเยี่ยมประชาชนในภาคกลางของอาณาจักร แจ้งผ่าทางจดหมายส่งไปยังผู้ว่าการเมืองของแต่ละเมือง เมื่อผู้ว่าการเมืองในภูมิภาคภาคกลางทั้ง 9 เมือง เมื่อทราบเรื่องต่างก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่จะมีพระราชโอรสของพระมหากษัตริย์ที่พวกเขารักนั้น จะเสด็จมาเยี่ยมประชาชนของพวกเขาพร้อมด้วยพระชายา ผู้เลอโฉม และมีจิตใจอันเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและขันติธรรม แล้วเจ้าชายจอห์น ก็เสด็จเข้าห้องพระบรรทมซึ่งเป็นห้องที่มาเรียอยู่ เพราะมาเรีย เชิญเสด็จเจ้าชายจอห์น ให้มาประทับอยู่ด้วยกันเยี่ยงสามีและภรรยา เพราะตลอดหลายวันหลังจากการแต่งงานนั้น ทำให้มาเรียเกิดความรู้สึกที่เรียกว่า"รัก"และความรู้สึกที่เรียกว่า"ห่วงใย"กับเจ้าชายจอห์น มากขึ้นจนปักเข้าไปถึงหัวใจ ทำให้ใจของมาเรียได้ปฏิญาณว่าจะดูแลและจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เมื่อเจ้าชายจอห์น เข้าไปในห้องพระบรรทม แล้วทรงเตรียมพระองค์ที่จะทรงพระบรรทม แล้วทรงบอกกับมาเรียว่า
"แม่มาเรีย อาทิตย์หน้านะ เราสองคนจะต้องไปเยี่ยมประชาชนที่เมืองต่างๆในภาคกลางของอาณาจักรน่ะสิ" แล้วมาเรียก็พูดว่า
"งั้นหรือ ดีเลย ได้ไปต่างเมืองบ้างแล้ว และเป็นครั้งแรกที่หม่อมฉันไปทำงานด้วยนะเพคะ เสด็จพี่ เอาอย่างนี้นะเพคะ เรื่องข้าวของ สัมภาระอะไรต่างๆนะเพคะ เดี๋ยววันศุกร์นี้ หม่อมฉัน จะจัดเตรียมเองนะเพคะ"
แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงตอบว่า
"ตกลง แม่มาเรีย แม่หวานใจของฉัน"
แล้วทั้งสองก็หลับนอนสลบไสลพักผ่อนไปเหมือนมีมารนิทรามาเข้าสิง อาจเป็นเพราะความเหนื่อยล้าที่ทำกิจกรรมหลายอย่างในวันเดียวทำให้ทั้งสองหลับไปอย่างที่เรียกว่าหลับเป็นตายไปเลย เมื่อเช้าวันศุกร์มาถึง ประชาชนบางคนก็ทราบข่าวว่า เจ้าชายจอห์น และพระชายาจะไปเยี่ยมประชาชนที่เมืองในภาคกลางของอาณาจักร ทำให้ประชาชนต่างมารวมตัวกันที่พระมหาปราสาทที่ประทับ เพื่อให้เจ้าชายจอห์นแจ้งความจริงว่าเสด็จไปเยี่ยมประชาชนที่ภาคกลางจริงหรือเปล่า โดยประชาชนต่างเปล่งเสียงเรียกเจ้าชายจอห์น เจ้าชายจอห์นได้ยินอย่างนี้จึงบอกกับมาเรียว่า "มาเรียดูเหมือนประชาชนจะเรียกฉันเลยนะเนี่ย ลองออกไปดูด้วยกันไป" มาเรียตอบว่า
"เพคะ เสด็จพี่"
เมื่อทั้งสองออกทางสีหบัญชรแล้ว ประชาชนที่มารวมตัวนั้นต่างเปล่งเสียงถวายพระพรและโห่ร้องดีใจ เจ้าชายจอห์น สั่งให้มหาดเล็กวังหลวง นำไมโครโฟนมาถวายเพื่อให้ทรงพูด แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงพูดออกทางไมโครโฟนว่า
"ประชาชนทุกคน มีอะไรกันหรือเปล่า ถึงได้มารวมตัวกันเหมือนงานสันนิบาตอย่างนี้" มีประชาชนคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยเสียงอันดังว่า "เรื่องที่ฝ่าบาทจะไปเยี่ยมประชาชนที่เมืองต่างๆในภาคกลางเนี่ย ในอาทิตย์หน้านี้ จริงหรือไม่อย่างไร ขอรับ" แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงยิ้มแล้วพูดว่า
"แหม ฉลาดเฉลียว รู้เก่งกันจัง" แล้วมาเรียและประชาชนที่มารวมตัวต่างหัวเราะชอบใจในคำพูดของเจ้าชายจอห์น แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงพูดต่ออีกว่า
"มันเป็นความจริงเรื่องที่เราจะไปเยี่ยมประชาชนที่ภาคกลางจะไปพร้อมกับมาเรีย เจ้าหญิงของเรา ที่เราไปนั้นเพื่อที่จะดูสภาพแวดล้อมทั่วไปของเมืองต่างๆในภาคกลางของอาณาจักร และเยี่ยมประชาชนเพื่อถามไถ่ถึงทุกข์สุขของประชาชน จะได้พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ก็ขอให้ประชาชนจงเข้าใจไว้แล้วกันนะทุกคน"
แล้วประชาชนที่มีรวมตัวกันเหมือนการรวมพลของทหารนั้นได้เปล่งเสียงถวายพระพรหลายครั้งหลายครา เจ้าชายจอห์นและมาเรีย โบกพระหัตถ์และโบกมือ รับเสียงประชาชน แล้วทั้งสองเข้าท้องพระโรง มาเรียก็เข้าไปเก็บข้าวของสัมภาระที่ต้องใช้ในการพักแรมระหว่างการเสด็จเยี่ยมประชาชน ประชาชนที่มารวมตัวกันนั้นได้ทางกลับบ้านกลับช่องของตน ตลอดทั้งวันของวันเสาร์ ประชาชน ได้จัดซุ้มส่งเสด็จหลากหลายรูปแบบรายทางจากพระราชวังโกลเดนถึงสถานีรถไฟหลวงรอยัลเทรน เพื่อที่จะต้องการให้เจ้าชายจอห์นและมาเรียได้เห็นถึงความจงรักภักดีที่สรรค์สร้างขึ้นมาเป็นซุ้มส่งเสด็จ
เมื่อวันที่กำหนดว่าจะเสด็จไปเยี่ยมประชาชนที่เมืองต่างๆในภาคกลางของอาณาจักรก็มาถึง พระราชินีทรงตื่นพระบรรทมพร้อมพระราชา เพื่อที่จะเสด็จไปทรงไปส่งเจ้าชายจอห์นและมาเรียที่สถานีรถไฟ โดยเสด็จเข้าไปที่ห้องพระบรรทม เมื่อเจ้าชายจอห์น ตื่นขึ้นมาแล้ว พระราชินีทรงเข้าไปสวมกอดเจ้าชายจอห์น พร้อมกับทรงพระกันแสงแล้วพูดว่า
"โธ่! ลูกแม่ แม่ไม่อยากให้ลูกไปเลย แต่เพื่อการทำงานและการพัฒนาอาณาจักรให้มีความเจริญของลูก แม่ก็ไม่ขัดนะลูก"
เมื่อทุกคนทำพระราชกิจและกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำทุกวัน เสร็จแล้วพระราชา พระราชินี เจ้าชายจอห์นและมาเรียก็ประทับรถม้าพระที่นั่งออกจากพระราชวังโกลเดน ไปยังสถานีรถไฟรอยัลเทรน ระหว่างทางเสด็จได้ผ่านซุ้มส่งเสด็จและประชาชนที่มาเฝ้าส่งเสด็จพร้อมทั้งเปล่งเสียงถวายพระพร โห่ร้องยินดีและโบกไม้โบกมือ เมื่อพระราชาเห็นอย่างนี้แล้วก็พูดกับเจ้าชายจอห์นและมาเรียว่า
"อื้ม คนมาส่งจอห์นและมาเรียเนี่ย เยอะมากเลยนะ" แล้วพระราชินี ทรงพูดว่า "จริงด้วย เพคะ เสด็จพี่"
เจ้าชายจอห์นและมาเรียก็ยิ้มแล้วหันหน้ามาพร้อมกัน พร้อมทั้งกุมมือ เพื่อแสดงให้เห็นว่าประชาชนนี่เองที่ทำให้มาเรียเกิดความรู้สึกของความรักและความห่วงใยในเจ้าชายจอห์น มากขึ้น แล้วพระราชา พระราชินี เจ้าชายจอห์น โบกพระหัตถ์และมาเรีย โบกมือรับความรักจากประชาชนทุกคน รายทางก็มีทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศอยู่สองฝั่งถนน ถวายความเคารพ ตึกสองข้างถนนก็มีการโปรยกระดาษสายรุ้งลงมา เพื่อส่งเสด็จ ทำให้เจ้าชายจอห์นและมาเรีย เกิดความตื้นเต้นที่มีคนมาส่งเสด็จมากมาย ทำให้พระราชา เกิดความประทับใจในประชาชนทุกคนของพระองค์ที่มีความรักและสนใจต่อเจ้าชายจอห์นและมาเรีย ที่จะเป็นส่วนสำคัญต่อจากพระองค์ ในการพัฒนาอาณาจักรให้มีความเจริญและอดุมสมบูรณ์ในด้านต่างๆ
เมื่อรถม้าพระที่นั่งถึงสถานีรถไฟหลวงรอยัลเทรนแล้ว เสียงประชาชนร้องถวายพระพรจากพระราชวังโกลเดนมาถึงที่นี่นั้น ก็ดังอยู่ตลอดเวลา ณ ที่สถานีรถไฟนี้ ประธานอาณาจักร ภริยา พร้อมด้วยคณะบริหารอาณาจักร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารทั้งสามเหล่าทัพ มาเฝ้าส่งเสด็จ ก่อนที่เจ้าชายจอห์น และมาเรียจะขึ้นรถไฟพระที่นั่ง พระราชา กอดลาเจ้าชายจอห์นและมาเรีย และพระราชินี กอดลาเจ้าชายจอห์น แล้วทรงพูดกับเจ้าชายจอห์นว่า
"ไปดีมาดีนะลูกนะ" แล้วทรงกอดลามาเรีย แล้วทรงพูดว่า
"ไปดีมาดีนะ ดูแลจอห์นให้ดีด้วยนะลูก" แล้วหม่อมราชวงศ์ไมเคิลและหม่อมเจ้าซาร่า ผู้เป็นพ่อและแม่ของมาเรีย กอดลาเจ้าชายจอห์น โดยที่เจ้าชายจอห์น ทรงไม่ถือพระองค์ และกอดลามาเรีย แล้วทั้งสองก็ขึ้นรถไฟพระที่นั่ง แล้วรถไฟพระที่นั่งเคลื่อนออกจากสถานีรอยัลเทรน ประมาณ ตี5 กว่าๆประชาชนที่มีเฝ้าในบริเวณใกล้ๆสถานี ต่างโบกมือลา พร้อมทั้งเปล่งเสียงถวายพระพร ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ที่ไปตั้งแถวรับเสด็จ ถวายความเคารพ แล้วรถไฟพระที่นั่งก็แล่นหายไปจากสถานี ของเมืองเซ็นเตอร์ พระนคร ซึ่งเป็นเมืองที่มาเรียเกิดและอยู่อาศัย พร้อมกับเสียงประชาชนที่เปล่งออกมา ไปโผล่อีกทีที่สถานีแฮปปี้ ของเมืองแฮปปี้ เมืองแรกในภาคกลางของอาณาจักร รถไฟพระที่นั่งเทียบที่สถานนีประมาณ 8 โมงกว่าๆ ผู้ว่าการเมือง เมืองแฮปปี้ กราบบังคมทูลรับเสด็จ ภริยาผู้ว่าการเมือง ถวายช่อดอกไม้แด่มาเรีย แล้วมาเรียก็พูดกับภริยาผู้ว่าการเมืองว่า
"ขอบคุณค่ะ สำหรับช่อดอกไม้นี้ค่ะ"
ภริยาผู้ว่าการเมืองยิ้มรับคำขอบคุณของมาเรีย แล้วเสด็จพร้อมกับมาเรียไปที่จวนผู้ว่าการเมือง โดยรถม้าพระที่นั่ง ไปที่จวนผู้ว่าการเมือง ระหว่างทางเสด็จได้ผ่านประชาชนที่มารับเสด็จมากมาย ทำให้มาเรียเห็นแล้วว่าประชาชนต่างหลอมรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกันมาแสดงถึงความจงรักภักดีให้เห็น ทำให้มาเรียเกิดความตื่นตันใจมาก เมื่องถึงจวนผู้ว่าการเมือง ที่พักแรมของเจ้าชายจอห์นและมาเรีย เแล้วทำการเก็บข้าวเก็บของสัมภาระต่างๆ เสร็จแล้ว เสด็จไปยังศาลากลางเมืองพร้อมกับมาเรีย เมื่อถึงแล้วประทับบนพลับพลาที่ประชาชนสร้างขึ้น แล้วมาเรียก็มองไปมองมาทั้งทางซ้ายและทางขวาก็มีแต่ประชาชนมาเฝ้า แล้วผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลนำข้าราชการและประชาชนเฝ้า แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงมีพระราชดำรัสแก่ประชาชน แล้วทั้งสองลงจากพลับพลา เยี่ยมประชาชน ประชาชนที่มาส่วนใหญ่ต่างมีของมาถวายล้วนเป็นของทำด้วยความปราณีต ทำให้มาเรียเริ่มรักและห่วงใยประชาชนมากขึ้นและพร้อมที่จะดูแลให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี ใช้เวลาเยี่ยมประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่อเยี่ยมประชาชนเสร็จ เสด็จต่อไปยังค่ายทหารแฮปปี้ ผู้บังคับบัญชาทหาร กราบบังคมทูลเบิกนายทหารและภรรยา เข้าเฝ้า แล้วพระราชทานพระราโชวาท แล้วตรวจแถวทหาร แล้วเสด็จต่อไปยังศาลหลักเมืองประจำเมืองแฮปปี้ ทั้งสองสักการะเสาหลักเมือง เสร็จแล้วไปทอดพระเนตรแหล่งแร่ทอง มาเรียเมื่อเห็นแหล่งแร่ทองแล้วก็เกิดความสนใจมาก เสร็จแล้วเสวยพระสุธารสและดื่มน้ำ แล้วจึงกลับที่ประทับพักแรม
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ