ราชินีสี่ปฐพี
8.6
เขียนโดย Manny
วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.29 น.
20 บท
1 วิจารณ์
22.40K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 13.45 น. โดย เจ้าของนิยาย
16) แผ่นดินที่ 4 แผ่นดินลูกปกครอง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ มาเรียเริ่มชีวิตในแผ่นดินที่ 4 ในอายุและอิสริยยศของตน หรืออีกความหมายหนึ่งว่า เอทคิง แห่งราชอาณาจักรกลอรี แลนด์ ด้วยความรู้สึกที่ว่าตนนั้นอยู่ในวัยชรา มาเรียมีอายุได้ห้าสิบเศษ แต่อาศัยที่ภายในชั่วชีวิตของตนได้ผ่านมาถึงหลายปี และเหตุการณ์ทั้งปวงได้ผันผวนเปลี่ยนแปรไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มาเรียเห็นไปว่าตนเองได้ใช้ชั่วชีวิติมานานหนักหนา
หลังจากการสวรรคตของดวงใจในมาเรียและดวงใจของปวงประชา หรือล้นเกล้าเซเว่นคิง เจ้าชายหลุยส์ ผู้เป็นพระราชโอรสในมาเรีย ได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์โกลเดน โดยมีพระนามว่า "พระราชาหลุยส์" พร้อมทั้งมีการสถาปนามาเรีย จากพระราชินีมาเรีย เป็น "พระราชินีมาเรีย พระบรมราชชนนี" ได้สถาปนาพระราชินีเอ็ดน่า พระอัครมเหสีในพระราชาเอ็ดเวิร์ด ผู้เป็นพระปิตุลา หรือลุงในพระราชาหลุยส์ ขึ้นเป็น "พระราชปิตุจฉาเจ้าเอ็ดน่า" และได้สถาปนาเจ้าหญิงลอร่า พระชายาในเจ้าชายหลุยส์ เป็น "พระราชินีลอร่า" หลังจากงานบรมราชาภิเษกเสร็จสิ้นได้ไม่นาน หม่อมเจ้าซาร่า ผู้เป็นแม่ในมาเรีย ได้สิ้นชีพตักษัยลง และวันรุ่งขึ้นถัดมา พระราชินีเอ็ดน่า ก็ได้เสด็จสวรรคต เหมือนกับนัดหมายกัน
หลังงานศพของหม่อมเจ้าซาร่า ผู้เป็นแม่ เสร็จลง ก็ยังเหลืองานถวายพระเพลิงของพระราชินีเอ็ดน่า ที่ต้องจัดและประกอบให้เสร็จ แล้วเมื่อได้เตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้ว ปีหนึ่งต่อมา ก็ได้ทำการประกอบพระราชพิธีถวายพระเพลิง จนเสร็จสิ้น หลังงานถวายพระเพลิงเสร็จ คุณมาลี ที่ได้ถวายการรับใช้มาเรียมาตั้งแต่ 10 ขวบ ก็ได้มาล้มหายตายจากมาเรีย ไปอีกคนหนึ่ง ทำให้มาเรียคิดว่า มัจจุราชนั้น มิได้ยกเว้นให้แก่ใครจริงๆ เพราะชีวิตคนนั้น ต่างก็ประกอบไปด้วย การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ เพราะมันคือสัจธรรม ที่แท้จริงอันธรรมดาของโลกมนุษย์เรา หลังจากงานศพของคุณมาลีเสร็จสิ้นลงแล้ว ในระยะ 1 ถึง 2 เดือนต่อมานั้น เจ้าหญิงเจน และเจ้าหญิงโรส ได้กระทำพระราชพิธีอภิเษกสมรสขึ้นพร้อมกันกับชายที่แต่ละคนนั้นรัก
ทุกๆวันมาเรีย ก็จะไปวัดเพื่อบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระราชาจอห์นเสมอ เพราะยังมีความเชื่อเสมอว่านี้คือการมอบความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแด่พระราชาจอห์น ถึงแม้พระราชาจอห์นจะสวรรคตไปนานแล้วก็ตามที ทุกครั้งที่มาเรีย หลั่งทักษิโนทกกรวดน้ำถวายแด่พระราชาจอห์น ก็จะอธิษฐานในใจถวายว่า
"เสด็จพี่ เพคะ หม่อมฉันมาถวายแด่เสด็จพี่ แล้วนะเพคะ ขอให้เสด็จพี่พระราชาจอห์น จงได้รับผลบุญกุศลนี้ด้วย เทอญ."
แล้ว 1 เดือนต่อมา พระราชาหลุยส์ และพระราชินีลอร่า ก็เสด็จไปเยี่ยมประชาชนในภาคกลางของราชอาณาจักร ตามพระราชประสงค์ของพระราชาหลุยส์ ที่จะทำตามที่พระราชาจอห์น พระราชบิดาของพระองค์เคยทำไว้ ขณะที่ที่มาเรียอยู่พระนครนั้น มาเรียก็นั่งใจจดใจจ่อรอวันที่ลูกจะกลับบ้านหลังจากที่ทำงานเสร็จ ขณะที่ลูกของมาเรียไปทำงานเยี่ยมประชาชนอยู่ต่างจังหวัดนั้น มาเรียก็ทำงานว่าราชการเหมือนกับทุกวันตามภาษาของอิสริยยศ พระราชินีเก่า
แล้ว 1 ปีต่อมา พระราชาหลุยส์ และพระราชินีลอร่า ก็เสด็จไปเยี่ยมประชาชนในภาคอีสานของราชอาณาจักร ซึ่งถือว่าเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 2 ต่อจากพระราชจอห์น ที่ได้เสด็จไปเยี่ยมประชาชนถึงภาคอีสาน เมื่อการเสด็จเยี่ยมประชาชนในภาคอีสานได้เสร็จสิ้นลง วันมหามงคลอันปิติของมาเรีย ผู้เป็นแม่ นั่นก็คือ พระราชาหลุยส์ ทรงมีพระราชดำริว่า จะทรงออกพระผนวชสืบทอดพระพุทธศาสนา
โดยวันรุ่งขึ้นพระราชินีลอร่า ก็เสด็จไปยังที่ประชุมรัฐธรรมนูญสภา โดยทรงปฏิญาณพระองค์ต่อหน้าคณะรัฐธรรมนูญสภา มีประธานรัฐธรรมนูญสภา เป็นสักขีพยาน ในโอกาสที่พระราชาหลุยส์ ทรงโปรดให้แต่งตั้งเป็น "ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์" ในระหว่างทรงพระผนวช
หลายวันต่อมาในตอนเย็น ที่พระมหามณเฑียร พระราชาหลุยส์ พร้อมด้วยพระราชินีลอร่า เสด็จออกรับพระบรมวงศานุวงศ์ โดยมีมาเรีย เป็นต้น เสนาอำมาตย์ คณะบริหารอาณาจักร คณะรัฐธรรมนูญสภา ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน ที่เข้าเฝ้าอยู่ ณ ที่นั้น พร้อมทั้งพระราชาหลุยส์ พระราชทานพระราชดำรัสอำลาเพื่อทรงพระผนวชใจความว่า
"ข้าพเจ้ามีความยินดีที่ท่านทั้งปวงมาร่วมประชุมกัน ขอถือโอกาสแจ้งดำริที่จะบวช ให้บรรดาอาณาประชาชนทราบทั่วกัน"
แล้วในเวลาต่อมาเสด็จออก ณ สีหบัญชร พระที่นั่งแกรนด์พรอพเพอร์ตี้ แล้วพระราชาหลุยส์ พระราชินีลอร่า เสด็จออก ประชาชนที่มาเฝ้าต่างเปล่งเสียงโห่รัองด้วยความดีใจและเปล่งเสียงถวายพระพร จากนั้นพระราชาหลุยส์ มีพระราชดำรัสแก่ประชาชนที่มาเฝ้าอยู่ในบริเวณนั้น จบพระราชดำรัสแล้ว ประชาชนที่มาเฝ้าต่างเปล่งเสียงโห่รัองด้วยความดีใจและเปล่งเสียงถวายพระพร แล้วพระราชหลุยส์ ทรงโบกพระหัตถ์รับเสียงโห่รัองด้วยความดีใจและเปล่งเสียงถวายพระพร แล้วทั้งสอง เสด็จกลับ
เมื่อทั้งสองลับถึงที่ประทับแล้ว พระราชาหลุยส์ ก็ไปซบลงที่ตรงตักมาเรีย แล้วมาเรียก็นำมือมาลูบที่หัวพระราชาหลุยส์ พร้อมกับหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ แล้วพูดออกมาว่า
"เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวจริงๆในชีวิตของคนอย่างแม่ ที่จะได้เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์เสียที เพราะว่าชีวิตแม่ ได้ผ่านอะไรมาตั้งเยอะตั้งแยะ มีทั้งเรื่องดีและไม่ดี แต่เรื่องในวันนี้แม่ดีใจสุดๆ ที่ลูกของชายของแม่จะบวชเป็นพระน่ะ"
แล้วพระราชาหลุยส์ก็พูดต่ออีกว่า
"มันเป็นความตั้งใจของกระผมเอง ที่จะบวชอุทิศส่วนกุศลให้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการี และเสด็จพ่อ และเพิ่มผลบุญให้แก่เสด็จแม่ด้วย"
แล้วมาเรียก็พูดว่า
"เพราะฉะนั้นบวชแล้วต้องตั้งใจปฏิบัติธรรมนะลูก" แล้วมาเรียก็กิดพระราชาหลุยส์ด้วยความดีใจ ตลอดทั้งวันนั้นได้มีการเตรียมการพระราชพิธีทรงพระผนวช ที่วัดรอยัลบุ๊ดดาอินแกรนด์แพลเลส และวัดที่ทรงประทับจำพระพรรษานั้นได้เตรียมที่ไว้พักพร้อมสรร
หลังจากการสวรรคตของดวงใจในมาเรียและดวงใจของปวงประชา หรือล้นเกล้าเซเว่นคิง เจ้าชายหลุยส์ ผู้เป็นพระราชโอรสในมาเรีย ได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์โกลเดน โดยมีพระนามว่า "พระราชาหลุยส์" พร้อมทั้งมีการสถาปนามาเรีย จากพระราชินีมาเรีย เป็น "พระราชินีมาเรีย พระบรมราชชนนี" ได้สถาปนาพระราชินีเอ็ดน่า พระอัครมเหสีในพระราชาเอ็ดเวิร์ด ผู้เป็นพระปิตุลา หรือลุงในพระราชาหลุยส์ ขึ้นเป็น "พระราชปิตุจฉาเจ้าเอ็ดน่า" และได้สถาปนาเจ้าหญิงลอร่า พระชายาในเจ้าชายหลุยส์ เป็น "พระราชินีลอร่า" หลังจากงานบรมราชาภิเษกเสร็จสิ้นได้ไม่นาน หม่อมเจ้าซาร่า ผู้เป็นแม่ในมาเรีย ได้สิ้นชีพตักษัยลง และวันรุ่งขึ้นถัดมา พระราชินีเอ็ดน่า ก็ได้เสด็จสวรรคต เหมือนกับนัดหมายกัน
หลังงานศพของหม่อมเจ้าซาร่า ผู้เป็นแม่ เสร็จลง ก็ยังเหลืองานถวายพระเพลิงของพระราชินีเอ็ดน่า ที่ต้องจัดและประกอบให้เสร็จ แล้วเมื่อได้เตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้ว ปีหนึ่งต่อมา ก็ได้ทำการประกอบพระราชพิธีถวายพระเพลิง จนเสร็จสิ้น หลังงานถวายพระเพลิงเสร็จ คุณมาลี ที่ได้ถวายการรับใช้มาเรียมาตั้งแต่ 10 ขวบ ก็ได้มาล้มหายตายจากมาเรีย ไปอีกคนหนึ่ง ทำให้มาเรียคิดว่า มัจจุราชนั้น มิได้ยกเว้นให้แก่ใครจริงๆ เพราะชีวิตคนนั้น ต่างก็ประกอบไปด้วย การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ เพราะมันคือสัจธรรม ที่แท้จริงอันธรรมดาของโลกมนุษย์เรา หลังจากงานศพของคุณมาลีเสร็จสิ้นลงแล้ว ในระยะ 1 ถึง 2 เดือนต่อมานั้น เจ้าหญิงเจน และเจ้าหญิงโรส ได้กระทำพระราชพิธีอภิเษกสมรสขึ้นพร้อมกันกับชายที่แต่ละคนนั้นรัก
ทุกๆวันมาเรีย ก็จะไปวัดเพื่อบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระราชาจอห์นเสมอ เพราะยังมีความเชื่อเสมอว่านี้คือการมอบความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแด่พระราชาจอห์น ถึงแม้พระราชาจอห์นจะสวรรคตไปนานแล้วก็ตามที ทุกครั้งที่มาเรีย หลั่งทักษิโนทกกรวดน้ำถวายแด่พระราชาจอห์น ก็จะอธิษฐานในใจถวายว่า
"เสด็จพี่ เพคะ หม่อมฉันมาถวายแด่เสด็จพี่ แล้วนะเพคะ ขอให้เสด็จพี่พระราชาจอห์น จงได้รับผลบุญกุศลนี้ด้วย เทอญ."
แล้ว 1 เดือนต่อมา พระราชาหลุยส์ และพระราชินีลอร่า ก็เสด็จไปเยี่ยมประชาชนในภาคกลางของราชอาณาจักร ตามพระราชประสงค์ของพระราชาหลุยส์ ที่จะทำตามที่พระราชาจอห์น พระราชบิดาของพระองค์เคยทำไว้ ขณะที่ที่มาเรียอยู่พระนครนั้น มาเรียก็นั่งใจจดใจจ่อรอวันที่ลูกจะกลับบ้านหลังจากที่ทำงานเสร็จ ขณะที่ลูกของมาเรียไปทำงานเยี่ยมประชาชนอยู่ต่างจังหวัดนั้น มาเรียก็ทำงานว่าราชการเหมือนกับทุกวันตามภาษาของอิสริยยศ พระราชินีเก่า
แล้ว 1 ปีต่อมา พระราชาหลุยส์ และพระราชินีลอร่า ก็เสด็จไปเยี่ยมประชาชนในภาคอีสานของราชอาณาจักร ซึ่งถือว่าเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 2 ต่อจากพระราชจอห์น ที่ได้เสด็จไปเยี่ยมประชาชนถึงภาคอีสาน เมื่อการเสด็จเยี่ยมประชาชนในภาคอีสานได้เสร็จสิ้นลง วันมหามงคลอันปิติของมาเรีย ผู้เป็นแม่ นั่นก็คือ พระราชาหลุยส์ ทรงมีพระราชดำริว่า จะทรงออกพระผนวชสืบทอดพระพุทธศาสนา
โดยวันรุ่งขึ้นพระราชินีลอร่า ก็เสด็จไปยังที่ประชุมรัฐธรรมนูญสภา โดยทรงปฏิญาณพระองค์ต่อหน้าคณะรัฐธรรมนูญสภา มีประธานรัฐธรรมนูญสภา เป็นสักขีพยาน ในโอกาสที่พระราชาหลุยส์ ทรงโปรดให้แต่งตั้งเป็น "ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์" ในระหว่างทรงพระผนวช
หลายวันต่อมาในตอนเย็น ที่พระมหามณเฑียร พระราชาหลุยส์ พร้อมด้วยพระราชินีลอร่า เสด็จออกรับพระบรมวงศานุวงศ์ โดยมีมาเรีย เป็นต้น เสนาอำมาตย์ คณะบริหารอาณาจักร คณะรัฐธรรมนูญสภา ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน ที่เข้าเฝ้าอยู่ ณ ที่นั้น พร้อมทั้งพระราชาหลุยส์ พระราชทานพระราชดำรัสอำลาเพื่อทรงพระผนวชใจความว่า
"ข้าพเจ้ามีความยินดีที่ท่านทั้งปวงมาร่วมประชุมกัน ขอถือโอกาสแจ้งดำริที่จะบวช ให้บรรดาอาณาประชาชนทราบทั่วกัน"
แล้วในเวลาต่อมาเสด็จออก ณ สีหบัญชร พระที่นั่งแกรนด์พรอพเพอร์ตี้ แล้วพระราชาหลุยส์ พระราชินีลอร่า เสด็จออก ประชาชนที่มาเฝ้าต่างเปล่งเสียงโห่รัองด้วยความดีใจและเปล่งเสียงถวายพระพร จากนั้นพระราชาหลุยส์ มีพระราชดำรัสแก่ประชาชนที่มาเฝ้าอยู่ในบริเวณนั้น จบพระราชดำรัสแล้ว ประชาชนที่มาเฝ้าต่างเปล่งเสียงโห่รัองด้วยความดีใจและเปล่งเสียงถวายพระพร แล้วพระราชหลุยส์ ทรงโบกพระหัตถ์รับเสียงโห่รัองด้วยความดีใจและเปล่งเสียงถวายพระพร แล้วทั้งสอง เสด็จกลับ
เมื่อทั้งสองลับถึงที่ประทับแล้ว พระราชาหลุยส์ ก็ไปซบลงที่ตรงตักมาเรีย แล้วมาเรียก็นำมือมาลูบที่หัวพระราชาหลุยส์ พร้อมกับหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ แล้วพูดออกมาว่า
"เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวจริงๆในชีวิตของคนอย่างแม่ ที่จะได้เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์เสียที เพราะว่าชีวิตแม่ ได้ผ่านอะไรมาตั้งเยอะตั้งแยะ มีทั้งเรื่องดีและไม่ดี แต่เรื่องในวันนี้แม่ดีใจสุดๆ ที่ลูกของชายของแม่จะบวชเป็นพระน่ะ"
แล้วพระราชาหลุยส์ก็พูดต่ออีกว่า
"มันเป็นความตั้งใจของกระผมเอง ที่จะบวชอุทิศส่วนกุศลให้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการี และเสด็จพ่อ และเพิ่มผลบุญให้แก่เสด็จแม่ด้วย"
แล้วมาเรียก็พูดว่า
"เพราะฉะนั้นบวชแล้วต้องตั้งใจปฏิบัติธรรมนะลูก" แล้วมาเรียก็กิดพระราชาหลุยส์ด้วยความดีใจ ตลอดทั้งวันนั้นได้มีการเตรียมการพระราชพิธีทรงพระผนวช ที่วัดรอยัลบุ๊ดดาอินแกรนด์แพลเลส และวัดที่ทรงประทับจำพระพรรษานั้นได้เตรียมที่ไว้พักพร้อมสรร
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ