ราชินีสี่ปฐพี
เขียนโดย Manny
วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.29 น.
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 13.45 น. โดย เจ้าของนิยาย
17) พระราชาแห่งพระธรรม กับวันเวลาในแต่ละวัน ที่เกิดขึ้นได้ตลอด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ3 วันต่อมา ที่วัดรอยัลบุ๊ดดาอินแกรนด์แพลเลส พระราชาหลุยส์ ทรงประกอบพระราชพิธีทรงพระผนวช โดยวันนั้นมาเรีย มีความดีใจอยู่หลายหลากประการ คือ ประการแรก มาเรียได้ตัดผมของผู้เป็นลูกที่เป็นกษัตริย์ ที่จะได้กลายเป็นพระ ประการต่อมา คือมาเรีย ได้ถวายผ้าไตรแด่นาคผู้เป็นกษัตริย์หรือลูกของตนนั่นเอง ประการถัดมา คือมาเรีย ได้ช่วยผู้เป็นลูกห่มจีวรผ้าไตร และประการสุดท้าย คือ มาเรีย ได้ถวายเครื่องอัฐบริขารแด่พระภิกษุพระราชาหลุยส์ ผู้เป็นลูกนั่นเอง โดยพระฉายาในพระพุทธศาสนาของพระภิกษุพระราชาจอห์น คือ "หลุยส์ ดิซิเพิล ออฟ บุ๊ดดา"
ผู้ที่เข้าร่วมพระราชพิธีประกอบด้วย มาเรีย พระราชินีลอร่า เจ้าหญิงแมรี่ เจ้าหญิงเจน พระสวามีของเจ้าหญิงเจน เจ้าหญิงโรส และพระสวามีของเจ้าหญิงโรส พระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่นๆ เสนาอำมาตย์ ข้าราชบริพาร คณะบริหารอาณาจักร คณะรัฐธรรมนูญสภา ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายทหารทั้งสามเหล่าทัพ และพลเรือน และคณะทูตานุทูต เมื่อเสร็จการทรงพระผนวชแล้ว ไปประทับที่วัดที่จัดไว้เป็นที่ประทับระหว่างทรงพระผนวช
ทุกๆวันพระภิกษุพระราชาหลุยส์ ลงพระอุโบสถทรงทำวัตรเช้า และทำวัตรเย็น ตลอดจนทรงสดับพระธรรมและพระวินัยนอกจากนี้ยังได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจพิเศษอื่นๆ คือ เสด็จฯ ไปทรงรับบิณฑบาต จากพระบรมวงศานุวงศ์บ้าง เสนาอำมาตย์บ้าง ข้าราชบริพารบ้าง คณะบริหารอาณาจักรบ้าง คณะรัฐธรรมนูญสภาบ้าง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายทหารทั้งสามเหล่าทัพบ้าง และในแต่ละวัน จะทรงรับบิณฑบาตจากประชาชน ตามถนนต่างๆ หลังจากเสร็จพระราชกิจของการเป็นสมณเพศทั้งในเวลาเช้าและเที่ยง มาเรียจะไปถวายภัตตาหารเช้าและเพล แด่พระภิกษุพระราชาหลุยส์ พร้อมทั้งเสนวนาธรรมกัน ไม่เว้นแต่ละวัน ระหว่างที่พระราชาหลุยส์ ทรงพระผนวชอยู่นั้น พระราชินีลอร่า ผู้เป็นพระอัครมเหสี ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในระหว่างทรงพระผนวช ได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆไม่ว่าจะเป็นงานเล็ก หรืองานใหญ่ ก็ทรงปฏิบัติแทน ซึ่งวันและเวลาระหว่างทรงพระผนวชอยู่นั้นเป็นเดือนตุลาคม ตามหลักพระพุทธศาสนา แล้วเป็นเทศกาลการทอดกฐิน ซึ่งพระราชินีลอร่า ก็ได้ทรงเสด็จไปถวายผ้าพระกฐินหลวงยังที่พระอารามต่างๆ ที่เป็นพระอารามหลวงที่สงวนไว้ไม่ให้ถวายสำหรับสามัญชน ส่วนวัดที่พระภิกษุพระราชาหลุยส์ ประทับอยู่นั้นก็เป็นพระอารามหลวงที่สงวนไว้ไม่ให้ถวายสำหรับสามัญชนด้วย ซึ่งพระราชินีลอร่า ก็ได้เสด็จไปถวายเป็นวัดแรก
สำหรับงานราชการบริหารแผ่นดินนั้น พระราชินีลอร่า ก็ได้เสด็จไปราชการเสมอ เมื่อมีการประชุมที่เกี่ยวข้องกับราชการบริหารแผ่นดินคราใด ก็ได้เสด็จไปตลอดมิได้ขาด เวลาว่างจากงานในหน้าที่ของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระราชินีลอร่า ก็จะไปเสวนาธรรมกับพระภิกษุพระราชาหลุยส์เสมอ
วันรุ่งขึ้น ประมาณ 8 โมงเช้า มาเรีย ผู้เป็นแม่ของพระได้ไปถวายภัตตาหารเช้าแด่พระภิกษุพระราชาหลุยส์ เมื่อเสร็จการถวายภัตตาหารแล้วมาเรีย ก็พูดคุยและสอบถามกับพระภิกษุพระราชาหลุยส์ว่า
"ช่วงนี้แม่ลอร่า มาปรารภสอบถามดิฉันว่า ประธานอาณาจักร ต้องการที่จะให้ระบบกระทรวงหลักๆ นั้นมีความชัดเจนให้กับประชาชนมากขึ้น หรือก็คือต้องการให้ประชาชนทราบว่ากระทรวงนี้ กระทรวงนี้คืออะไรจะต้องทำอย่างไรดีเจ้าค่ะ"
แล้วพระภิกษุพระราชาหลุยส์ ก็พูดในอารมณ์ของผู้เป็นพระทรงศีลและตอบในเชิงปริศนาธรรมว่า
"นี่ โยมแม่ราชินี เราตัดจากทางโลกเพื่อดำรงมั่นอยู่ในโลกธรรมเพื่อความสงบทางจิตใจ เห็นทีว่าอาตมาจะช่วยไม่ได้ แต่อาตมาจะชี้นำทางให้โยมแม่ราชินีเพื่อให้คิดได้ก็แล้วกันนะ ถ้าโยมแม่ราชินี เห็นว่ามีของเกลื่อนกลาดเต็มพื้น แล้วโยมแม่ราชินีจะทำอย่างไรเล่า"
แล้วมาเรียก็นั่งคิดอยู่นาน ปรากฏว่ามีบางสิ่งบางอย่างดลใจให้มาเรียคิดออก เมื่อมาเรียคิดออกจึกพูดกับพระภิกษุพระราชาหลุยส์ว่า
"นึกออกแล้วเจ้าค่ะ ขอนมัสการลานะเจ้าค่ะ" แล้วมาเรียก็ถือตะกร้าที่ใส่สำรับภัตตาหารที่มาถวายกลับพระราชวังแฮพพะลี ด้วยอาการที่ดีใจ
วันรุ่งขึ้นได้มีการประกาศพระราชบัญญัติจัดเรียงระบบกระทรวง โดยกระทรวงในราชอาณาจักร มีทั้งหมด 16 กระทรวง มีทั้ง
สภาอาณาจักร มีหน้าที่เกี่ยวกับราชการทั่วไปของประธานอาณาจักร และคณะบริหารอาณาจักร รับผิดชอบการบริหารราชการทั่วไป เสนอแนะนโยบายและวางแผนการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และความมั่นคง และราชการเกี่ยวกับงบประมาณ ระบบราชการ การบริหารงานบุคคล กฎหมายและการพัฒนากฎหมาย การติดตามและประเมินผลการปฏิบัติราชการ การปฏิบัติภารกิจพิเศษ และราชการอื่นตามที่มีกฎหมาย
กระทรวงวัง มีหน้าที่บังคับบัญชาการในพระราชวัง
กระทรวงกลาโหม มีหน้าที่ป้องกันอาณาจักร เพิ่มขีดความสามารถ และรักษาผลประโยชน์ของอาณาจักร
กระทรวงนครบาล มีหน้าที่บังคับบัญชาการรักษาพระนคร คือปกครองมณฑลกลอรี แลนด์
กระทรวงการคลัง มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินของแผ่นดิน การภาษี และอะไรอีกต่างๆ
กระทรวงการต่างประเทศ มีหน้าที่เกี่ยวกับราชการต่างประเทศและราชการอื่น
กระทรวงธรรมการ มีหน้าที่ดูแลการศาสนา
กระทรวงศึกษาธิการ มีหน้าที่ส่งเสริมการศึกษาให้กับประชาชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม สร้างความเสมอภาคและโอกาสทางการศึกษา ส่งเสริมให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้มีส่วนร่วมทางการศึกษา ส่งเสริมการศึกษาวิชาชีพ
กระทรวงเกษตราธิการ มีหน้าที่จัดการไร่นา ที่นาสำหรับการทำมาหากิน
กระทรวงเศรษฐการ มีหน้าที่เกี่ยวกับการค้า ธุรกิจบริการ และดูแลเศรษฐกิจของราชอาณาจักร
กระทรวงมหาดไทย มึหน้าที่เกี่ยวกับการบำบัดทุกข์บำรุงสุข การรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน การอำนวยความเป็นธรรมของสังคม การส่งเสริมและพัฒนาการเมืองการปกครอง
กระทรวงยุติธรรม มีหน้าที่ดำเนินการเพื่อพัฒนากฎหมาย และระบบบริหารจัดการของ กระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นเอกภาพ โปร่งใส คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ช่วยเหลือและให้ความรู้แก่ประชาชนทางกฎหมาย ป้องกัน ปราบปราม แก้ไข รวมทั้งป้องกัน แก้ไขปัญหาอาชญากรรมในสังคมและอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ การบังคับคดี ทางแพ่ง บังคับคดีทางอาญา บำบัดแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด
กระทรวงคมนาคม มีหน้าที่ยกระดับการให้บริการประชาชน ของระบบโครงสร้างพื้นฐาน และบริการคมนาคมขนส่ง ให้มีความคุ้มค่าและทั่วถึง ทำให้ระบบคมนาคมขนส่ง มีความปลอดภัย มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย และส่งเสริมคุณภาพชีวิต ผสานและเชื่อมโยง โครงข่ายระบบขนส่งมวลชน ระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งคนและสินค้า และขยายโอกาสการเดินทางสัญจร อย่างเสมอภาคโดยทั่วถึงกัน
กระทรวงสาธารณสุข มีหน้าที่เกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพอนามัย การป้องกัน ควบคุม และรักษาโรคภัย การฟื้นฟูสมรรถภาพของประชาชน
กระทรวงอุตสาหกรรม มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมด้านต่างๆ ของราชอาณาจักร
และกระทรวงศิลปวัฒนธรรม มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับวัฒนธรรม ภาษา ศาสนา และขนบธรรมเนียมประเพณีอื่นๆ พร้อมทั้งฟื้นฟู ดูแลศิลปะแขนงต่างๆ โดยไดัออกพระราชบัญญัติไป ภายใต้พระราชอำนาจ และพระปรมาภิไธยของพระราชาหลุยส์
ไม่น่าเชื่อคำพูดที่กล่าวเป็นปริศนาธรรมที่ว่า "ถ้ามีของเกลื่อนกลาดเต็มพื้น แล้วจะทำอย่างไร" ที่บอกให้มาเรียรู้ แล้วให้มาเรียไปบอกกับพระราชินีลอร่านั้น จะทำให้กระทรวงที่มีความไม่เป็นระเบียบ และไม่รู้ว่ากระทรวงแต่ละกระทรวง มีความสำคัญอย่างไรบ้าง มาแต่ก่อนนั้น ทำให้กระทรวงแต่ละกระทรวงนั้นมีความเป็นระเบียบมากขึ้น และมีความสำคัญมากขึ้น ในเวลาพริบตาเดียว
หลังจากออกพระราชบัญญัติจัดเรียงระบบกระทรวง ได้ไม่นานนัก พระราชินีลอร่า ได้พระประสูติกาลเป็นพระราชโอรส หลังจากพระราชโอรสมีพระชนมายุครบ 1 เดือน มาเรียก็โปรดให้ตั้งการพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ ที่ที่ประทับในพระราชวังแฮพพะลี โดยพระภิกษุพระราชาหลุยส์ ได้เสด็จไปร่วมงานนี้ด้วย โดยเสด็จพร้อมกับสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดที่พระภิกษุพระราชาหลุยส์ ประทับอยู่ พร้อมคณะพระสงฆ์วัดที่พระภิกษุพระราชาหลุยส์ ประทับอยู่ ไปสวดชัยมงคลคาถา ซึ่งเมื่อพระภิกษุพระราชาหลุยส์ ทราบข่าวพระราชโอรส ทรงพระประสูติกาล เกิดความดีพระทัยมากเป็นพิเศษ แต่ไม่แสดงอาการแตกตื่น แต่ดีพระทัยขณะสำรวมกาย วาจา และใจ และดำรงมั่นอยู่ในสมณเพศ ในการพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่นั้น มาเรียได้กล่าวต่อหน้าผู้มาร่วมพระราชพิธีอันมี พระบรมวงศานุวงศ์ เสนาอำมาตย์ ข้าราชบริพาร ประธานอาณาจักร คณะบริหารอาณาจักร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารทั้งสามเหล่าทัพ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายทหารทั้งสามเหล่าทัพ และฝ่ายพลเรือน และข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรมว่า
"ข้าพเจ้าในฐานะพระอัยยิกาของพระราชกุมาร ในพระราชินีลอร่า ขอขนานพระนามว่า "เจ้าชายเจมส์ อเล็กซานเดอร์ วิลเลี่ยม เวลส์สัน" ผู้เป็นองค์รัชทายาท ลำดับที่ 1 ในรัชสมัยเอทคิง แห่งราชวงศ์โกลเดน ขอให้พระราชโอรสพระองค์นี้ จงทรงพระเจริญ และจงมีพระชนมายุที่ยั่งยืนยิ่งยืนนาน เทอญ." แล้วผู้มาร่วมพระราชพิธีนั้น ก็เปล่งเสียงถวายพระพรถึง 3 ครั้ง 3 ครา
3 วันต่อมา พระภิกษุพระราชาหลุยส์ ได้ทำการปลูกต้นเมเปิ้ล เป็นที่ระลึกในการทรงพระผนวช ในบริเวณที่ประทับในวัดที่ทรงประทับขณะทรงพระผนวช แล้วในช่วงบ่าย เสด็จยังพระตำหนักของสมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดที่พระภิกษุพระราชาหลุยส์ ประทับอยู่ แล้วทรงประกอบการลาสิกขาบท แล้วสมเด็จพระสังฆราช ประทานพระโอวาทแก่พระราชาหลุยส์ว่า
"บัดนี้มหาบพิตรมิได้ใช่พระภิกษุอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นพระมหากษัตริย์ ผู้มากด้วยพระธรรม ถึงแม้มหาบพิตรได้ลาสิกขาบทไปแล้ว แต่จงนำกิริยา การกระทำต่างๆที่สำรวม และพระธรรมนำไปปฏิบัติใช้ในชีวิตจริง เพื่อให้เกิดประโยชน์และความสุขต่อตนเอง ต่อผู้อื่นและต่ออาณาจักร เทอญ. มหาบพิตร"
แล้วเสด็จออก ณ ห้องโถงพระตำหนักที่ประทับตอนขณะทรงพระผนวช โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ อันมี มาเรีย ผู้ที่พระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์ได้ยกย่องเป็น "ปฐมบรมวงศานุวงศ์" แล้วมีพระราชินีลอร่า ผู้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เจ้าหญิงแมรี่ พระเชษฐภคินี หรือพี่สาว เจ้าหญิงเจน พระขนิษฐา หรือน้องสาว พร้อมพระสวามี เจ้าหญิงโรส พระขนิษฐา พร้อมพระสวามี และพระบรมวงศานุวงศ์ พระองค์อื่น เข้าเฝ้า แล้วพระราชาหลุยส์ พระราชทานพระราชดำรัส จบแล้วทรงเข้าไปหามาเรียแล้วทรงสวมกอดมาเรีย แล้วมาเรียพูดกับพระราชาหลุยส์ ด้วยคำพูดอันสั้นและชื่นใจสำหรับพระราชาหลุยส์ว่า
"กลับบ้านกันนะลูก"แล้วพระราชาหลุยส์ ทรงแย้มพระสรวล พร้อมกับพยักพระพักตร์
แล้วพระราชาหลุยส์ ทรงประคองมาเรีย ขึ้นรถยนต์พระที่นั่ง แล้วพระราชินีลอร่าก็ขึ้นรถตาม แล้วเจ้าหญิงแมรี่ เจ้าหญิงเจน พร้อมด้วยพระสวามี เจ้าหญิงโรส พร้อมพระสวามี ประทับรถยนต์พระที่นั่ง และพระบรมวงศานุวงศ์ พระองค์อื่น ประทับรถยนต์พระที่นั่งของพระองค์ แล้วเคลื่อนกระบวนรถยนต์กลับสู่พระราชวังแฮพพะลี บ้านอันแสนสุขของพระราชาหลุยส์ ซึ่งเมื่อถึงที่ประทับ พระราชาหลุยส์ ได้รับการกอดที่อบอุ่นจากเจ้าชายเจมส์ พระราชโอรส พระองค์น้อย
5 วันต่อมา พระราชาหลุยส์ ได้ออกพระบรมราชโองการ สถาปนาฐานันดรศักดิ์ พระราชินีลอร่า ซึ่งมีใจความว่า
"ตามราชประเพณี เมื่อพระราชินี ได้ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งยังมิเคยมีการประกาศให้ออกพระนาม พระราชินีนาถ เลยในแผ่นดินราชอาณาจักรกลอรี แลนด์ และทรงพระราชดำริเห็นว่า พระราชินีลอร่า ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ครบถ้วนสมบูรณ์ด้วยพระปรีชาสามารถ สนองพระราชประสงค์เป็นที่เรียบร้อย เป็นการสมควรที่จะสถาปนาฐานันดรศักดิ์ให้สมพระเกียรติยศยิ่งขึ้น
จึงทรงโปรดให้ เฉลิมพระนามพระราชินีลอร่าว่า "พระราชินีนาถรอล่า" ผู้เป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระองค์แรกแห่งราชอาณาจักรกลอรี แลนด์"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ