ราชินีสี่ปฐพี

8.6

เขียนโดย Manny

วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.29 น.

  20 บท
  1 วิจารณ์
  22.42K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 13.45 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) หลายเรื่องราวในคราวเดียวกัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
          เมื่อหม่อมราชวงศ์ลอร่า เข้ามาในห้องพักของเจ้าชายหลุยส์ได้สักพักแล้ว เจ้าชายหลุยส์ก็ทรงตื่นจากการพระบรรทม แล้วทรงนำพระหัตถ์คลำหาที่ค้ำยันเพื่อทรงลุก ขณะที่พระหัตถ์กำลังคลำหาที่ค้ำยันอยู่นั้นหม่อมราชวงศ์ลอร่า ก็นำมือมาจับพระหัตถ์เจ้าชายหลุยส์ แล้วนำพระหัตถ์วางลงบนเตียง พร้อมกับพูดว่า
          "พักก่อนนะเพคะ อย่าเพิ่งลุกนะเพคะ ไม่ต้องกลัวนะเพคะ หม่อมฉันล่อร่าคนนี้ จะดูแลฝ่าบาทเอง เพคะ"
          หลายเดือนที่เจ้าชายหลุยส์ ประทับรักษาพระอาการประชวรอยู่นั้น ทุกๆวันหม่อมราชวงศ์ลอร่า ก็มาเฝ้าและดูแลเจ้าชายหลุยส์ตลอด เป็นประจำ จนทำให้เป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดสนิทสนมมากขึ้น หลังจากที่เจ้าชายหลุยส์ ทรงหายจากการพระประชวรแล้วนั้น เวลาที่เจ้าชายหลุยส์จะเสด็จไปไหนมานั้น ก็ต้องทรงพาหม่อมราชวงศ์ลอร่า ไปตลอดทุกครั้ง จนทำให้มาเรียรู้ได้ทันทีว่า พระราชโอรสของตนนั้นได้หลงรักหม่อมราชวงศ์ลอร่า เข้าไปเต็มๆ จนมาวันหนึ่งมาเรีย ได้ถามเจ้าชายหลุยส์ว่า
          "หลุยส์ แม่ขอถามจริงเถอะ ลูกน่ะรักแม่ลอร่า ใช่ไหม" แล้วเจ้าชายหลุยส์ ก็ตอบด้วยความสัตย์จริงว่า
          "ขอรับ เสด็จแม่ กระผมรักแม่ลอร่า ขอรับ" แล้วมาเรียก็พูดว่า
          "ก็ขอแต่งงานไปเลยสิ เรื่องพ่อแม่ของแม่ลอร่า ไม่ต้องเดี๋ยวแม่จัดให้นะ" แล้วเจ้าชายก็ตอบว่า 
          "ขอบคุณขอรับ เสด็จแม่" แล้วเจ้าชายหลุยส์ก็ทรงกอดมาเรียด้วยความดีใจ แล้วมาเรียก็เข้าไปหาหม่อมเจ้าแมนลี ซึ่งหม่อมหลวงคาร่าก็อยู่ เลยพูดกับทั้งสองว่า
          "คุณแมนลี คุณคาร่า ฉันขออะไรซะอย่างได้ไหม" แล้วหม่อมหลวงคาร่า ก็ถามว่า
          "ขออะไรหรือเพคะ" แล้วมาเรียก็ตอบว่า "ฉันขอให้แม่ลอร่า ลูกของพวกคุณน่ะ แต่งงานกับลูกเราได้ไหมล่ะ" แล้วทั้งสองก็ตอบพร้อมกันว่า "ได้ ขอรับ/เพคะ" 
          และแล้วอยู่มาวันหนึ่งที่ภัตตาคารเลิฟลี้ ซึ่งเจ้าชายหลุยส์ ทรงพาหม่อมราชวงศ์ลอร่า ไปเลี้ยงอาหารเย็น ขณะที่เสวยพระกระยาหารและรับประทานอาหารอยู่นั้น เจ้าชายหลุยส์ ทรงพูดและก็ถามหม่อมราชวงศ์ลอร่าว่า
          "แม่ลอร่า จริงๆเราก็รู้จักกันมาก็หลายเดือนแล้วนะ รู้จักกันจนสนิทสนม และฉันมีเรื่องที่จะเธอว่า....."
          แล้วหม่อมราชวงศ์ลอร่าก็ถามว่า "ว่าอะไรหรือเพคะ" แล้วเจ้าชายหลุยส์ก็ตอบว่า "ช่วยแต่งงานเป็คู่ชีวิตฉันได้ไหม"  แล้วหม่อมราชวงศ์ลอร่า ก็ตอบว่า "ได้เพคะ แล้วทำไมฝ่าบาทถึงจะแต่งงานกับหม่อมฉันล่ะเพคะ" 
          แล้วเจ้าชายหลุยส์ก็ทรงตอบหม่อมราชวงศ์ลอร่า ด้วยใจอันบริสุทธิ์ของลูกผู้ชายคนหนึ่งกับผู้หญิงที่เขารัก ความว่า
          "ก็เพราะว่าฉันรักเธอตั้งแต่แรกพบเลยไง" แล้วหม่อมราชวงศ์ลอร่าก็พูดต่ออีกว่า "หม่อมฉันก็รักฝ่าบาทตั้งแต่แรกพบเช่นกับ เพคะ" แล้วเจ้าชายหลุยส์ ก็สวมแหวนที่มาเรียให้ไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายของหม่อมราชวงศ์ลอร่า แล้วจูบที่มือของหม่อมราชวงศ์ลอร่า แล้วจับมือพร้อมทั้งสองก็มองหน้ากันด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม บรรยากาศในตอนนั้นดอกไม้ต่างเบ่งบานด้วยความสดใส และเหล่านกต่างก็ร้องลั่นด้วยความดีใจ
          หลังจากที่ทุกคนรู้เรื่อง เจ้าชายหลุยส์ ขอหม่อมราชวงศ์ลอร่าอภิเษกสมรสแล้วนั้น วันรุ่งขึ้นพระราชาจอห์น ทรงโปรดให้จัดงานพระราชพิธีอภิเษกสมรสขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งได้มีการเชิญพระประมุข และทูตานุทุตจากประเทศต่างๆ มาร่วมงานพระราชพิธีด้วยเป็นจำนวนมาก ในช่วงเช้าเป็นการเจริญพระพุทธมนต์ ทำพิธีมิสซา และถวายน้ำเทพมนต์จากพราหมณ์ แล้วประกอบพิธีรดน้ำอภิเษกสมรส ซึ่งมีผู้ร่วมพิธีเยอะมากมีทั้งพระราชาจอห์น มาเรีย พระราชินีเอ็ดน่า หม่อมเจ้าซาร่า ผู้เป็นแม่ของมาเรีย ถึงแม้จะประชวรอยู่ ก็เสด็จมาด้วย แล้วมีเจ้าหญิงแมรี่ เจ้าหญิงเจน เจ้าหญิงโรส หม่อมเจ้าแมนลี หม่อมหลวงคาร่า และแขกสำคัญทั้งในอาณาจักร และแขกต่างประเทศ
          พอมาถึงตอนกลางคืน  ก็ได้มีพิธีส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอ ที่เรือนหอในพระมหามณเฑียรที่วังหลวง วันรุ่งขึ้น ทั้งสองก็กลับที่ประทับ พระราชวังแฮพพะลี แล้วในช่วงบ่าย เจ้าชายหลุยส์และหม่อมราชวงศ์ลอร่า ออกมหาสมาคม รับการถวายพระพรจากประชาชนทุกหมู่เหล่า ที่สีหบัญชร พระที่นั่งแกรนด์พรอพเพอร์ตี้ ซึ่งได้มีประชาชนมาเฝ้าถวายพระพรกันอย่างคับคั้ง พร้อมทั้งพระราชทานพระราชดำรัสตอบขอบใจ 
          วันรุ่งขึ้น ในตอนบ่าย พระราชาจอห์น ทรงโปรดให้สถาปนา หม่อมราชวงศ์ลอร่า ขึ้นเป็น "เจ้าหญิงลอร่า" โดยออกพระบรมราชโองการความว่า 
          "ให้ออกประกาศสถาปนาหม่อมราชวงศ์ลอร่า รอยัลกู๊ด ขึ้นเป็น เจ้าหญิง อันมีนามว่า เจ้าหญิงลอร่า พระชายาในเจ้าชายหลุยส์ และพร้อมทั้งได้ทรงโปรดให้พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อินซิกเนีย ออฟ โกลเดนไดนัสที ซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่พระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งทรงพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้แก่เจ้าหญิงลอร่า พระชายาในเจ้าชายหลุยส์ เพื่อเป็นการสมควรแก่อิสริยศักดิ์ สำหรับพระชายา สืบไป"
          แล้วในตอนค่ำ พระราชาจอห์น ทรงโปรดให้จัดงานพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำแด่พระประมุข และทูตานุทุตจากประเทศต่างๆ ที่วังหลวง เพื่อเป็นการตอบแทนพระประมุข และทูตานุทุตจากประเทศต่างๆ ที่มีความอุตสาหะพยายามมาร่วมงานอภิเษกสมรสครั้งนี้ แทนคำขอบคุณจากราชวงศ์โกลเดน
          หลังจากงานอภิเษกสมรสของเจ้าชายหลุยส์ และเจ้าหญิงลอร่า ผ่านไปประมาณ 10 วันแล้วนั้น พระราชาจอห์น ได้ทรงออกพระราชกำหนดกฎหมาย ในเรื่อง พีเพิ้ลการ์ด หรือบัตรประจำตัวประชาชน โดยหัวใจหลักของการมีบัตรนี้นั้นคือ เป็นการประกาศว่า "เมื่อพลเมืองทุกคนมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ หรืออายุเกิน 18 ปี ต้องมีพีเพิ้ลการ์ดแล้วจะเป็นพลเมืองอาณาจักรกลอรี แลนด์ที่แท้จริง แต่ถ้าพลเมืองผู้ใดที่มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ หรืออายุเกิน 18 ปี แล้วไม่มีพีพิ้ลการ์ดแล้วถือว่าไม่ใช่พลเมืองอาณาจักรกลอรี แลนด์ที่แท้จริง"
          เมื่อประกาศกฎหมายนี้ออกไป ก็มีประชาชนเป็นส่วนมากที่เห็นด้วยกับกฎหมายข้อนี้ จึงหลั่งไหลกันมาทำพีเพิ้ลการ์ด ที่กระทรวงมหาดไทยของอาณาจักรเป็นจำนวนมาก แต่มีกลุ่มกลุ่มหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้ โดยมีชื่อกลุ่มว่า "แอนตี้ พีเพิ้ลการ์ด" ได้เดินไปประท้วงเพื่อแสดงว่าไม่ยอมรับกับกฎหมายการมีพีเพิ้ลการ์ด ที่กระทรวงมหาดไทย โดยกลุ่มนี้ทำการปักหลักอยู่ที่กระทรวงมหาดไทยอยู่หลายวัน โดยทุกๆ็วันกลุ่มนี้ จะเจรจากับเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ให้ยกเลิกกฎหมายนี้ซะ แต่คำเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยตอบปฏิเสธไปทุกทีว่า
          "ยังไงก็ไม่สามารถยกเลิกกฎหมายนี้ เพราะถ้ายกเลิกการใช้พีเพิ้ลการ์ดนี้ไป ก็เท่ากับว่าพลเมืองทุกคนเป็นคนไร้สัญชาติ เหมือนกับพวกเจ้าไง" แล้วเมื่อกลุ่มนี้ไม่ได้ดังที่ใจต้องปรารถนา ต่างก็ทำลายข้าวของต่างๆ จนได้รับความเสียหาย แล้วมาวันหนึ่งพระราชาจอห์น ก็ได้ปรากฏพระองค์ต่อหน้ากลุ่มแอนตี้พีเพิ้ลการ์ด แล้วพูดสอนใจให้ยอมรับในกฎใหม่ และให้กลับตัวกลับใจยอมมอบตัวในความผิดที่กระทำไปต่อกระทรวงนครบาลว่า
          "พวกท่านทั้งหลาย จงเข้าใจในกฎหมายนี้นะ เพราะถ้ามีพีเพิ้ลการ์ดแล้ว ก็จะเป็นพลเมืองของอาณาจักรที่แท้จริง ก็เหมือนกับแพนเค้กนั่นแหละ ถ้าเราทำตามสูตรแล้วล่ะก็ก็จะเป็นแพนเค้กที่แท้จริงได้ เพราะฉะนั้นแล้วการมีกฎหมายใหม่นั้นล้วนแล้วทำให้ชีวิตของคนทุกคนและอาณาจักรเจริญได้ และแล้วการชุมนุมประท้วงในครั้งนี้นั้นเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์กลอรี แลนด์ และการประท้วงครั้งนี้ก็ทำผิดตามหลักรัฐธรรมนูญที่มีมานานถึง 6 รัชกาล เพราะฉะนั้นมอบตัวเสียนะ พอออกมาจากคุกจากตารางแล้วก็กลับตัวเป็นคนดีเสียนะ" แล้วกลุ่มแอนตี้ พีเพิ้ลการ์ด ก็ทำหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสำนึกผิด แล้วถวายความเคารพพระราชาจอห์น แล้วไม่นานตำรวจจากกระทรวงนครบาล หรือที่ประชาชนเรียกกันทั่วไปว่า "นครบาล" ก็มาควบคุมตัวสมาชิกกลุ่มแอนตี้ พีเพิ้ลการ์ด  และก็เป็นการสิ้นสุดกลุ่มที่จะพยายามปฏิวัติกฎหมายการมีพีเพิ้ลการ์ดที่มีชื่อว่า "แอนตี้ พีเพิ้ลการ์ด"
          หลังจากเหตุการณ์ที่มีการพยายามปฏิวัติกฎหมายการมีพีเพิ้ลการ์ด ได้สิ้นสุดลงได้ไม่นาน พระราชาจอห์น ได้ทรงริเริ่มการเดินทางสัญจรทางอากาศ โดยให้กองทัพอากาศประดิษฐ์ยานพาหนะชนิดหนึ่งที่มีใบพัดอยู่ตรงกลาง และมีปีกอยู่สองข้าง ลำตัวยาวและกว้างขวาง ซึ่งได้ตั้งชื่อยานพาหนะชนิดนี้ว่า "เครื่องบิน" พร้อมทั้งได้ก่อสร้างสถานีสำหรับพักและจอดเครื่องบิน และสำหรับรับและส่งผู้โดยสาร ที่มีชื่อว่า "สนามบิน" ใช้เวลาก่อสร้างอยู่ประมาณ 8 เดือน และสร้างแล้วเสร็จ พระราชาจอห์น และมาเรีย จึงมาทำพิธีเปิดสนามบินแห่งแรกของอาณาจักร แล้วมาเรีย ได้มอบชื่อให้แก่สนามบินแห่งแรกว่า "เฟิร์สท์เซ็นแอนด์แลนด์" ซึ่งมาเรียได้ให้ความหมายไว้ว่า
          "เฟิร์สท์เซ็นแอนด์แลนด์ ที่ให้ไว้กับสนามบินนี้นั้นมีความหมายว่า สนามบินสายแรกของเมืองเซ็นเตอร์ พระนคร และเป็นสนามบินแห่งแรกของอาณาจักรกลอรี แลนด์" หลังจากนั้นก็เปิดให้บริการอย่างถาวร ทุกๆวันก็มีทั้งผู้คนมาใช้บริการบินหรือไม่ก็ส่งสินค้าไม่เว้นแต่ละวัน
          แล้วในเวลาต่อมาซึ่งเป็นเวลาที่มาเรียเปรมปรีที่สุดในชีวิตที่ผ่านตลอดหลายปี คืออาณาจักรกลอรี แลนด์ ได้สถิตสถาพรยั่งยืนถึง 150 ปี ในรัชสมัยเซเว่นคิง ในโอกาสอันยิ่งใหญ่นี้ได้มีการจัดงานฉลองพร้อมสีสันที่ตระการตาตลอดเดือนพฤษภาคม สำหรับการสมโภชในโอกาสสมโภชอาณาจักร เพื่อเป็นการเทิดทูนสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ที่ทรงทำทุกอย่างเพื่อให้อาณาจักรผืนนี้ แห่งนี้ มีความสุข ความเจริญจนมาถึงทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นพระราชาจอห์น ทรงโปรดให้ตั้งการพระราชพิธีสมโภชอาณาจักรกลอรี แลนด์ 150 ปีขึ้น เป็นเวลาถึง 21 วัน
          โดยวันแรกเป็นงานบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุประทานถวายสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช และสมเด็จพระอัครมเหสี ทุกพระองค์ ในงานทักษิณานุประทานนั้นได้มีการถวายพระราชสมัญญาว่า "มหาราช" แด่พระราชาอิมพีเรียล ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรกลอรี แลนด์ และพระราชาอเล็กซานเดอร์ พระมหากษัตริย์ผู้เลิกทาสในปัจฉิมพระชนม์ชีพ และผู้เป็นพระราชบิดาในพระราชาจอห์น
          วันที่สองของงานสมโภชเป็นพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ณ มณฑลพระราชพิธีท้องสนามรอยัล ในช่วงเช้า แล้วต่อมาในช่วงบ่ายเป็นพระราชพิธีฉลองวัดรอยัลบุ๊ดดาอินแกรนด์แพลเลส 
          วันรุ่งขึ้นเป็นงานพระราชพิธีเปิดสะพานและพระบรมราชานุสาวรีย์ พระราชาอิมพีเรียลมหาราช ซึ่งสร้างขึ้นในวาระฉลองอาณาจักรครบ 150 ปี ซึ่งสะพานนี้พระราชาจอห์น พระราชทานนามว่า "สะพานอิมพีเรียล" พระราชพิธีวันที่ระลึกราชวงศ์โกลเดน ซึ่งเป็นการถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระราชาอิมพีเรียลมหาราช และการพระราชพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณพระราชาอิมพีเรียลมหาราช
          วันต่อมาก็เป็นพระราชพิธีบวงสรวงเทพกลอรี แลนด์โพรเทคซ์ เทพผู้ปกปักรักษาอาณาจักร ซึ่งเป็นทั้งการบูชาเทพยดาที่รักษานพปฎลมหาเศวตฉัตร เครื่องราชกุกธภัณฑ์ และพระแสงสำคัญ ที่วังหลวง
          3 วันต่อมาเป็นงานรัฐพิธีรอยัลโซเชียว ฟังค์ชั่น หรืองานสโมสรสันนิตบาตเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสสมโภชอาณาจักรครบ 150 ปี ที่สภาอาณาจักร ในงานวันนั้นได้มีการขนานนามจากอาณาจักรกลอรี แลนด์ เป็น "ราชอาณาจักรกลอรี แลนด" เพื่อเป็นการเฉลิมเกียรติแก่ราชอาณาจักรที่ได้ยืนยงยั่งยืนสถิตสถาพรมาบรรจบครบ 150 ปีบริบูรณ์
          ประมาณหลาย 10 วันต่อมาเป็นพระราชพิธีสมโภชเสาหลักเมือง และเทพารักษ์ประจำศาลหลักเมือง ซึ่งมีพระซัน พระมูน พระคลาวด์ พระสกาย พระทรี พระเวทเทอร์ พระซอล์ย พระริเวอร์ พระฟอล และพระไฟลเออร์ ซึ่งเทพารักษ์ทั้งหมดนี้เป็นเทพารักษ์คุ้มครองธรรมชาติในราชอาณาจักร
          หลังจากงานสมโภชพระนครได้ผ่านไป พระราชาจอห์น ได้เกิดพระประชวรถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ ทำให้มาเรียเกิดเป็นลมเป็นแล้งกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไปหลายวัน หมอบอกว่าพระราชาจอห์น ทรงพระประชวรด้วยพระโรคเส้นพระโลหิตในพระสมองตีบ และพระโรคพระหทัย กับทั้งหมอบอกอีกว่า โรคพวกนี้พระราชาจอห์น ทรงมีโดยที่ไม่รู้พระองค์ แต่จะหายขาดได้ต้องผ่านพ้นไป 10 วัน 
          แล้วอยู่มาวันหนึ่งมาเรียได้หอบสังขารที่ยังมีอาการเป็นลมเข้าไปหาพระราชาจอห์น แล้วมาเรียก็พูดขึ้นมากับทั้งน้ำตาว่า
          "เสด็จพี่ เพคะ อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะเพคะ อยู่พวกเราไปก่อนนะเพคะ" แล้วพระราชาจอห์น ตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า
          "ทำใจเสียเถิด เกิด แก่ เจ็บ ตายน่ะเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์เรา แม่มาเรีย ปลงเสียเถิด เพราะเวลาที่เรียกว่าตายนั้นได้มาถึงฉันแล้ว เฮ่ออ แม่มาเรีย ทรัพย์สินเงินทอง เครื่องเพชรต่างๆ รวมถึงวังแฮพพะลี พื้นแห่งนี้ฉันขอยกให้เธอนะ และฉันขอให้แม่น่ะ ดูแลทุกๆคน แทนฉันด้วย"
          เมื่อคำพูดของพระราชาจอห์น ที่พูดในเชิงสั่งเสียง ได้จบลง พระราชาจอห์น ก็สิ้นบุญลงท่ามกลางความเงียบสงบโดยมีมาเรีย เป็นผู้แบกรับความรู้สึกนั้นไว้ เหมือนกับสองแผ่นดินก่อน
 
                                     "จบแผ่นดินที่สาม"
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา