A DaY ....วันรักวุ่นลุ้นรัก

-

เขียนโดย fibo6040

วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 00.02 น.

  8 บท
  1 วิจารณ์
  11.20K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557 19.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) ความหลังของคิงและบลู

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณคิง” เพนนีเงยหน้าจากจอไอแพดขึ้นมาทักทายคิงที่เดินหาวเข้ามาในห้องเรียน
 
“อืม อ้าวยังไม่มีใครมาเลยเหรอ” เขากวาดสายตามองเมื่อไม่พบนิลและไนท์
 
“หมายถึงคุณไนท์หรือคุณนิลล่ะคะ” เพนนีถามยิ้มๆ
 
“พูดอะไรของเธอยัยคุณหนู ไม่เห็นจะเข้าใจเลย เชอะ” คิงแกล้งโมโหกลบเกลื่อน
 
“คุณคิงคะมีจดหมายอยู่ในลิ้นชักนะคะ” เพนนีเตือน คิงถอนหายใจอย่างเบื่อๆ
 
“เฮ้อ อะไรนักหนานะ” เขาก้มลงหยิบขึ้นมาวางบนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้น หยิบมันออกจากห้อง คิงเหมือนนึกอะไรขึ้นได้หันมามองเพนนี
 
“แล้วอย่ามาแอบดูนะ” เพนนีทำเสียงจิ๊จ๊ะเมื่อโดนคิงรู้ทัน
 
ที่ลานน้ำพุบริเวณกลางอาคารเรียน คิงยืนมองอีกฝ่ายอย่างยุ่งยากใจ ตามปกติแล้วถ้ามีใครมาชอบเราสักคนเราจะรู้สึกดีและภูมิใจในตัวเอง แต่เขาเป็นพวกไม่สนใจใคร ไม่สนใจจะสร้างความสัมพันธ์กับใครทั้งนั้น ดังนั้นสำหรับคิงแล้วการเกิดเหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นบ่อยจนชินและเขามักจะลำบากใจเสมอที่ต้องคอยปฏิเสธทุกคนที่มาชอบเขาและครั้งนี้ก็เช่นกัน
 
“จดหมายนี่ของเธอเหรอ” คิงถามเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเรียนอยู่ชั้นเดียวกัน
 
“เราชอบคิงมาตั้งแต่ตอนม.ต้นแล้วล่ะ เอ่อ เรารู้ว่าคิงคงลำบากใจ แต่เราก็แค่อยากจะบอก” อีกฝ่ายเอ่ยเบาๆ คิงถอนหายใจอย่างหงุดหงิด
 
“ถ้ารู้ว่าเราลำบากใจก็อย่าทำสิ”คิงเอ่ยเรียบๆพร้อมยื่นจดหมายคืนให้อีกฝ่าย เขาเดินออกมาโดยไม่ได้สนใจเลยว่าอีกฝ่ายกำลังร้องไห้โดยมีเพื่อนๆของเธอเข้ามาปลอบ
 
“เห็นไหมบอกแล้วว่าคนอย่างจักรพรรดิน่ะ ไม่มีหัวใจหรอก”เพื่อนของเธอพูดปลอบใจ
 
“หมอนั่น ถ้าไม่นับเรื่องรูปลักษณ์ก็นิสัยแย่สุดๆเลยนะ”
 
“ใช่คนแบบนี้ไม่มีใครรักจริงหรอก”
 
ทุกเสียงที่วิจารณ์เกี่ยวกับตัวเขานั้น คิงได้ยินชัดเจนแม้ว่าจะเดินออกมาไกลแล้ว คำพูดที่ทุกคนพูดนั้นล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น เพราะเขาทำตัวแบบนี้เองโทษใครไม่ได้ คิงสูดลมหายใจยาวขับไล่ความอึดอัดใจ นิลเดินออกมากจากมุมตึกเรียน คิงมองนิลด้วยสีหน้าตกใจ
 
“เธอมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
 
“ตั้งแต่แรกเลย ได้เห็น ได้ยินอะไรเด็ดๆด้วย ”นิลตอบช้าๆ
 
“แล้วยังไงล่ะ อยากจะสั่งสอนอะไรกันอีกล่ะ” คิงพูดพลางออกเดินขึ้นบันไดไปพร้อมๆกับนิล
 
“ไม่มีหรอก แต่แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอไม่ใจดีกับคนอื่นมากกว่านี้”
 
“ใจดี” คิงทวนคำ
 
“หมายถึงมนุษยสัมพันธ์กับคนอื่นๆน่ะ เพนนีบอกว่าเมื่อก่อนคิงเป็นคนอ่อนโยนแล้วก็ใจดี คิงเองก็ใจดีกับเราแล้วก็กระเต็นบ่อยๆ” คิงเม้มปากอย่างอัดอั้นตันใจ
 
“เมื่อก่อน ก็ แปลว่า อดีตสินะ อดีตก็คืออดีต ตอนนี้ฉันก็เป็นแบบนี้ล่ะ” เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจ
 
“คิงมีเรื่องอะไรในใจใช่ไหม เกี่ยวกับผู้หญิงคนเมื่อวานหรือเปล่า” นิลถาม คิงหยุดชะงักเมื่อนิลเอ่ยถึงบลู
 
“ไม่เกี่ยวกับเธอ อย่ามายุ่งเรื่องของฉันหน่อยเลย” คิงบอกเสียงห้วน นิลเดินขึ้นบันไดนำหน้าแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนร่างสูง
 
“เกี่ยวสิ เราเป็นเพื่อนกันนะ เวลาที่มีคนมาว่าเพื่อนเราว่าเป็นคนไม่คนไม่มีหัวใจน่ะมันน่าหงุดหงิดจะตายแถมคิงเองก็ทำตัวไม่ดีกับคนอื่นด้วย” คิงมองนิลที่แสดงสีหน้าเจ็บใจแทนเขา คิงยิ้มยกมือลูบหัวนิลเบาๆ
 
“ขอโทษนะที่พูดจาไม่ดีกับเธอ แต่ไม่เป็นไรหรอก แค่เธอเข้าใจฉันก็พอแล้ว” คิงยิ้มให้อย่างขอบคุณก่อนจะรีบชักมือกลับ
 
“ถ้าทำตัวดีกว่านี้ก็คงมีเพื่อนเยอะแยะไปแล้ว ชีวิตคนเราน่ะสั้นจะตายไป ถ้ามัวแต่พูดว่าช่างมัน สักวันก็จะเสียใจ” นิลเตือนคิงด้วยสีหน้าจริงจังเพราะครอบครัวของนิลต้องมาด่วนจากไปจนหมด นิลจึงเห็นเรื่องของเวลาเป็นสิ่งสำคัญเธอไม่เคยรั้งรอให้เวลาผ่านไปเฉยๆอีกเลย
 
“เข้าห้องเรียนเถอะ ออดดังแล้วตอนเช้ามีเรียนวิทยาศาสตร์ซะด้วย” คิงเปลี่ยนเรื่องพูดทันที
 
ที่ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ เพนนี ไนท์ นิลและคิง จับกลุ่มเตรียมทำการทดลองเคมี ต่างคนต่างเตรียมอุปกรณ์ ในขณะที่นักเรียนหญิงคนหนึ่งกำลังยกลังบีกเกอร์เพื่อเตรียมแจกให้แต่ละกลุ่ม เธอเกิดสะดุดขาเก้าอี้ทำให้ ลังใส่บีกเกอร์เทเอียงลงมา นิลตกใจรีบพุ่งเข้าไปบังตัวคิงที่นั่งอยู่ใกล้ๆส่งผลให้เศษบีกเกอร์ที่แตกกระจาย กระเด็นโดนนิลเข้า เสียงหวีดร้องของเหล่านักเรียนหญิงดังขึ้น
 
“นิล” ไนท์ร้องออกมาด้วยความตกใจ เพนนีรีบเข้าไปดูนิล เลือดสีแดงจากบาดแผลตามแขนหยดลงบนพื้น
 
ห้องคิงลุกขึ้นยืนเขาเดินถอยหลังผละจากตัวนิลสายตากวาดมองทั่วร่างของนิลสีหน้าเขาซีดเผือดลง ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายของเพื่อนร่วมห้อง ความทรงจำที่เลวร้ายเมื่อครั้งอดีตของคิงถาโถมเข้าใส่มันซ้อนทันสลับกับเหตุการณ์ปัจจุบันตรงหน้าวนไปมา ร่างสูงเซถลาไปชนขอบโต๊ะเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นเต็มหน้า ไม่จริงนี่มันเกิดอะไรขึ้น
 
“คิง” เสียงเรียกเขาดังแว่วจากที่ใดซักที่ที่ดูเหมือนช่างแสนไกลเหลือเกิน ก่อนที่มันจะดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆ คิงสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมา สายตากวาดไปทั่วห้อง ก่อนจะพบว่า นิลนั่งอยู่ข้างเตียง เขาค่อยๆลุกขึ้นนั่งสายตาและสมองกำลังประมวลผล เขามานอนอยู่ที่ห้องพยาบาลได้ยังไง
 
“คิงเป็นลมในห้องเรียน”นิลเล่าให้ฟังเมื่อเห็นแววตาของคิงที่ฉายแววตั้งคำถาม คิงหันมามองนิลเต็มตา ที่แขนของเธอมีผ้าพันแผลอยู่ เสื้อนักเรียนมีรอยเลือดจางๆกระจายอยู่เล็กน้อย คิงเบิกตาโตเอื้อมมือไปจับตัวนิล
 
“แขนเธอ เป็นอะไรไหม เจ็บหรือเปล่า มีแผลตรงไหนอีก “เขาเผลอถามอย่างตกใจ นิลเองก็ตกใจในท่าทีของคิงเช่นกัน เธอจับมือคิงไว้แน่น
 
“คิงใจเย็นๆนะ เราไม่ได้เป็นอะไร คิงหยุดสิ” คิงชะงักเมื่อนิลเรียกเตือนสติเขา คิงปล่อยมือจากตัวนิล เขาเอนหลังพิงเตียงยกมือลูบหน้าตัวเองอย่างสับสน
 
“คนอื่นๆล่ะ”เขาเอ่ยถามหลังจากนิ่งเงียบไปนาน
 
“ตอนนี้พักเที่ยงแล้ว เพนนีกับไนท์ไปซื้อขนมปังเดี๋ยวก็คงมา” คิงพยักหน้ารับก่อนจะล้มตัวลงนอนใหม่
 
“เธออยากรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงเป็นกลายคนแบบนี้”คิงถามทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่ นิลยกมือขึ้นมาเท้าคางกับเตียงมองดูคิง
 
“ฉันแค่กลัวน่ะ”
 
“หืม กลัว”
 
“ฉันกลัวว่าความใจดีของฉันจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิด ฉันทำให้คนหนึ่งต้องเข้าใจผิดมาแล้ว ฉันไม่อยากทำร้ายใครอีก”เสียงของคิงดูสั่นพร่าเหมือนกับเขากำลังต่อสู้กับความกดดันในจิตใจ
 
“ดังนั้นถ้าฉันไม่ใจดีกับใครอีกเรื่องเลวร้ายก็จะไม่เกิด”
 
“บลูใช่ไหม ที่คิงกำลังพูดถึงอยู่” นิลถาม คิงกำหมัดแน่น
 
“ใช่ฉันทำผิดต่อเขา ยังไงก็ชดใช้ไม่หมด”
 
……………………………………….2 ปีก่อน…………………………………………
 
กรี๊ดดดดดดด เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อร่างเล็กกระแทกเข้ากับกำแพงอาคารเรียน เด็กสาวพลิกดูข้อศอกของตัวเองที่มีรอยถลอกเลือดแดงสดซึมออกบริเวณปากแผล เธอมองเหล่าเด็กนักเรียนหญิงซึ่งเป็นรุ่นพี่อย่างไม่พอใจ
 
“พวกโรคจิต” เธอเอ่ยออกมาด้วยความโมโห
 
“ว่ายังไงนะ” มือหนึ่งกระชากผมเธอเข้ามาใกล้ตัว
 
“แกถือว่าหน้าตาสวย แล้วจะมายุ่งกับแฟนคนอื่นได้นะ นังหน้าด้าน”
 
“ฉันไม่เคยไปยุ่งกับแฟนของใคร พวกแกมันอัปลักษณ์ ผู้ชายเขาเบื่อเขาก็ทิ้ง” บลูแค่นเสียงพูด พร้อมกับยิ้มเยาะ
 
คำพูดของเธอกระทบไฟโทสะอีกฝ่ายอย่างรุนแรง ร่างเล็กนั้นถูกเหวี่ยงกองกับพื้น ร่างสูงใหญ่คร่อมตัวเธอไว้ เงื้อมือตบเข้าที่ใบหน้าเธอเต็มแรง
 
“หยุดนะ” เสียงตะโกนของผู้มาใหม่ ทำให้เหตุการณ์หยุดลงโดยพลัน
 
“คิง” เด็กสาวยิ้มเมื่อเห็นว่าคนที่มาช่วยเธอคือใคร
 
“อย่ายุ่งกับเธออีกไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ไม่จบแน่” คิงเดินไปประคองบลูให้ลุกขึ้น เขาตวัดสายตาคมจ้องมองกลุ่มนักเรียนหญิงนั้น
 
“คิง เธอไม่เกี่ยวนะ นังบลูมันแย่งแฟนเอม พวกเราต้องสั่งสอนมัน” หนึ่งในนั้นแก้ตัวกับคิง
 
“ผมไม่สนใจ ใครที่มารังแกบลู ผมไม่ยอม ผมถือว่าเตือนแล้วนะ ” เขาเดินจูงมือบลูออกจากกลุ่มคนพวกนั้นไป
 
ระหว่างทางเดินบลูได้แต่ยิ้มมองมือคิงที่จับมือเธอเอาไว้
 
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแทบจะทุกวัน เรื่องที่พวกรุ่นพี่บ้าง รุ่นเดียวกันบ้างมาหาเรื่องเธอ เหตุเพราะหมั่นไส้ในหน้าตาสะสวยของเธอ ใบหน้ารูปไข่ รับกับจมูกโด่งเป็นสัน ตากลมโต ถูกล้อมด้วยขนตางอนยาว รูปร่างที่เพรียวบาง ด้วยเหตุนี้บางครั้งก็มีเหล่านักเรียนชายเข้ามาคุยด้วยบ่อยๆ แต่คนที่เธอไว้ใจและอยากอยู่ใกล้มากที่สุดก็คือคิงคนเดียวเท่านั้น
 
“เอ้านั่งลง เดี๋ยวหายาก่อน” คิงดันไหล่บลูให้นั่งลงที่เตียงพยาบาล เขาเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาไว้ใกล้ๆตัวบลู เด็กสาวยื่นแขนให้คิง
 
“ดูแลเราดีๆนะ คุณหมอขา” บลูหัวเราะคิก
 
“ยังจะมาล้อเล่นอยู่อีก ไม่เจ็บหรือไง ทำไมชอบมีเรื่องนักนะ” คิงบ่นแต่ก็ยอมทำแผลให้ บลูหน้ายู่ด้วยความเจ็บ
 
“เราไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย แต่ว่าถึงยังไงคิงก็มาช่วยอยู่ดี”
 
“ใครจะไปช่วยเธอได้ตลอดกันล่ะ ฉันไม่ใช่แฟนเธอนะจะได้คอยดูแล 24 ชั่วโมง” คิงตอกกลับ บลูยิ้ม
 
“ถ้าอย่างนั้นก็มาเป็นแฟนเราสิ จะได้ดูแลเราไง” คิงหัวเราะ ยกนิ้วดีดหน้าผากบลู
 
“อยู่แค่ม.2 จะแก่แดดเกินไปแล้ว เอ้า ลุก กลับเข้าห้องเรียนได้ ” คิงเก็บของวางไว้ที่เดิม ก่อนจะเดินออกจากห้องพยาบาลกลับห้องเรียนของตัวเอง บลูถอนหายใจ อยากเรียนอยู่ห้องเดียวกันจังเลย
 
ในตอนเย็น หลังโรงเรียนเลิก บลูเดินออกมาจากอาคารเรียน มันเป็นช่วงเวลาที่เธอเกลียดที่สุดเพราะเธอจะต้องอยู่บ้านคนเดียวเนื่องจากพ่อแม่ของเธอเอาแต่ทำงาน ธุรกิจผลิตและนำเข้าเครื่องมือแพทย์กำลังไปได้ดีทำให้ครอบครัวของเธอต้องยุ่งวุ่นวายกับงานตลอดเวลา บลูถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
 
“ไงจ๊ะน้องสาว เดินคนเดียวไม่เหงาเหรอ” เสียงแซวหยอกล้อทักขึ้นข้างหลัง บลูหันไปมอง เป็นคิงที่ยืนยิ้มให้
 
“เหงาสิคะพี่ชาย”บลูตอบกลับ
 
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพาไปกินขนม” เขาพูดพร้อมดึงมือบลูให้เดินไปทางตึกคหกรรม
 
“คิงพาเรามาทำไมที่นี่กันล่ะ”เธอถามขึ้นอย่างสงสัย คิงยิ้มกริ่มไม่ตอบแต่ดันร่างเธอเข้าห้องคหกรรม สายตาสองคู่จับจ้องผู้ที่เข้ามาใหม่
 
“ไนท์ พาเหยื่อดีๆมาให้ด้วยแหละ”คิงเรียกเด็กชายที่ผูกผ้ากันเปื้อนในมือถือชามแก้ว เจ้าของชื่อยิ้ม
 
“คุณคิงพาใครมาคะ สวยจังเลย” เพนนีเอ่ยถาม
 
“ขอแนะนำเลยละกัน นี่คือ บลู เพื่อนของเราเอง เรียนอยู่แผนกอินเตอร์น่ะ พวกเราเลยไม่ค่อยเจอเธอ ส่วนบลูนี่คือ ไนท์ กับเพนนี เพื่อนสนิทเราเอง” คิงแนะนำตัวทุกคน
 
“ แล้วยังไงต่อ”บลูถาม
 
“ก็เราบอกว่าจะพามากินขนมไง นี่เลยเชพขนมผู้ยิ่งใหญ่อยู่ตรงหน้าแล้วจ้า ฮ่าๆ” คิงตอบบลูพร้อมชี้ไปทางไนท์
 
“เราเพิ่งหัดทำขนมน่ะ ถ้ายังไงช่วยลองชิมหน่อยสิ”ไนท์อธิบายแทนคิง เขาเลื่อนจานใส่ขนมเค้กให้บลู เธอตักมันเข้าปากช้าๆ
 
“อืม อร่อย” บลูเอ่ยปากชม ไนท์ยิ้มดีใจ
 
“ใช่ค่ะคุณไนท์ทำขนมอร่อยที่สุดในโลก”เพนนีเอ่ยขึ้น
 
“เธอมันแค่ชอบกินเท่านั้นแหละ ยัยคุณหนูตะกละ”คิงค่อนขอดเพนนี เด็กสาวเม้มปาก
 
“พูดจาร้ายกาจกับสุภาพสตรีได้ไงยังไงคะ สักวันฟ้าดินจะต้องลงโทษ” เพนนีต่อว่าคิง อีกฝ่ายยักไหล่ไม่สนใจ เพนนีจึงหันไปมองไนท์ให้จัดการแทน
 
“เอาน่าๆ อย่าทะเลาะกันสิ กินเค้กกันเข้าไป ยังมีเหลืออีกเยอะเลยวันนี้กินไม่หมดไม่ให้กลับบ้านนะ ฮ่าๆ” ทุกคนหันไปมองเค้กที่ตั้งเรียงรายเต็มโต๊ะอย่างสยอง ขืนกินเข้าไปหมดนั่นต้องตายแน่ๆ แต่ถ้าไม่กินไนท์ก็เอาตายเหมือนกัน
 
“สรุปที่พามาคือ ให้มาช่วยกินเค้กนี่สินะ คนเจ้าเล่ห์” บลูต่อว่ายิ้มๆ คิงเท้าคางมอง
 
“หายเหงาไปเยอะเลยไม่ใช่เหรอไง” บลูชะงักจ้องมองคิง
 
“รู้ด้วยเหรอ”
 
“รู้สิ พ่อแม่เธองานยุ่งจะตาย เธออยู่คนเดียวต้องเหงาอยู่แล้ว”
 
“ขอบคุณนะคิง ที่ใจดีกับเราเสมอ”
 
“แค่เธอมีความสุขก็ดีแล้ว เอ้า ตอบแทนด้วยการกินเค้กจานนี้ให้ด้วยนะฉันเอียนเต็มทนแล้ว ฮ่าๆ” คิงผลักจานเค้กตัวเองส่งให้บลู
 
ความใจดีใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยของคิงที่มีต่อบลู ยิ่งทำให้เธอรู้สึกดีกับคนตรงหน้ามากขึ้นไปอีก เธอมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ สายตาเธอมักจะมองหาเขาในโรงเรียนเสมอ
 
“เราว่านะบลู คิงต้องชอบเธอแน่ๆ” เพื่อนคนหนึ่งของบลูเอ่ยขึ้น
 
“ใช่ ถ้าเขาไม่ชอบเขามาสนใจเธอทำไม” อีกเสียงเอ่ยสนับสนุน
 
“แต่คิงไม่เคยบอกเราเลยนะ” บลูแย้ง
 
“เขาอาจจะเขินก็ได้นี่นา บลูสารภาพก่อนเลย” บลูมีท่าทีลังเลเมื่อได้ยินดังนั้น
 
“ยังไงก็สมหวังอยู่แล้ว เขาคอยเป็นห่วงเธอ ช่วยเหลือ เอาใจใส่ ถ้าไม่ชอบจะเรียกว่าอะไรล่ะ”
 
“ปิดเทอมใหญ่นี้ บลูบอกเขาไปเลย”
 
“เอาจริงเหรอ” บลูถามเพื่อนทั้งสอง ทั้งสองพยักหน้า
 
ย่านการค้าของเมืองทะเลสาบ บลูในชุดเดรสสั้นสีขาว สวมทับด้วยแจคเกตยีนส์สีซีด ทรงผมยาวดำขลับสยายเต็มแผ่นหลัง บลูหยิบกระจกขึ้นมาสำรวจใบหน้าและทรงผมครั้งแล้วครั้งเล่าระหว่างรอคนที่เธอนัดหมาย วันนี้แหละที่เธอจะสารภาพรักกับเขาเธอจะต้องสื่อความในใจถึงเขาและเขาจะต้องตอบรับเธอแน่นอน สถานที่คือสวนสาธารณะใจกลางเมือง
 
“ไง บลู” คิงเขกศรีษะบลูเบาๆเป็นเชิงทักทาย บลูที่กำลังมองหาคิงสะดุ้ง เมื่อคิงดันโผล่มาอีกทาง คิงหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางอีกฝ่าย
 
“ตกใจหมดเลยมาทางนี้ก็ไม่บอก”
 
“ว่าแต่วันนี้มีอะไรเหรอ ถึงได้เรียกออกมา” คิงถามขึ้นพร้อมๆกับเดินไปด้วย
 
“ก็แค่จะชวนมาเที่ยวน่ะ ปิดเทอมอยู่บ้านมันน่าเบื่อน่ะ”บลูตอบช้าๆ
 
“เหรอ เออว่าแต่เธอเอาไวโอลินมาด้วยทำไมน่ะ” คิงถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายสะพายกล่องเก็บไวโอลินไว้ข้าง
 
“ก็เดี๋ยวจะไปซ้อมต่อน่ะเลยพกมาด้วย” ความสามารถพิเศษของบลูก็คือการเล่นไวโอลิน เธอใฝ่ในจะเป็นนักดนตรีในวงออเครสต้าในซักวันดังนั้นจึงซ้อมและเรียนไวโอลินอย่างหนักมาตลอด บลูหยุดเดินหันไปมองคิง
 
“คิงคือว่าเรามีเรื่องจะบอก”
 
“เหรอ อืม แปปนึงนะ” บลูได้แต่มองตามคิงที่เดินไปร้านไอศกรีมเคลื่อนที่ ถอนหายใจกดดันชะมัดเลย ไม่นานเขาก็กลับมากับไอศกรีมโคนสองแท่ง เขายื่นให้เธอแท่งหนึ่ง
 
“ของบลูรสคาราเมล”
 
“จำได้ด้วยเหรอว่าเราชอบรสนี้”บลูถาม
 
“อืมจำได้สิ ว่าแต่เมื่อกี้บอกมีเรื่องจะบอกเราเหรอ เรื่องอะไรล่ะ” คิงถามต่อ บลูเงียบตั้งสติ
 
“คือ....ว่า เราชอบคิงน่ะ คิงคิดยังไงกับเราเหรอ” เธอรีบพูดอย่างรวดเร็ว คิงเงียบ ความเงียบนั้นทำให้บลูเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเธอกำลังทำผิดพลาดไปแล้วหรือเปล่า คิงเม้มปากมองบลูอย่างลังเลแกมสับสน
 
“เราคิดกับบลูแบบเพื่อนมาตลอดเลย”เขาเอ่ยช้าๆ เหมือนฟ้าผ่าลงมาบลูรู้สึกหนาวยะเยือกทั่วร่างไม่จริงน่า ไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก
 
“ละ แล้ว ที่ ผ่านมาคิงทำดีกับเรามาตลอด คิงช่วยเรา ใจดีกับเรามันแปล่าว่าอะไร” บลูละล่ำละลักถามอย่างไม่เข้าใจ คิงมีสีหน้าลำบากใจมากขึ้นเมื่อได้ยิน
 
“เราไม่ได้ตั้งใจให้บลูเข้าใจผิดแบบนั้น เรารู้สึกว่าแค่อยากให้บลูมีความสุข มันเป็นความหวังดีของเพื่อนก็เท่านั้น” คิงตอบ บลูถอยหลังหากจากคิงแสดงสีหน้าผิดหวังอย่างที่สุด
 
“คิงทำให้เราคิดไปไกลมาก มันไม่จริง คิงทำแบบนี้ได้ยังไง” เธอตัดพ้อเขาทั้งน้ำตา
 
“เราขอโทษบลู เราไม่ได้ตั้งใจ แต่เราก็อยากเป็นเพื่อนกับบลูตลอดไปนะ” คิงรู้สึกผิดที่ทำให้บลูเสียใจ เด็กสาวส่ายหน้า
 
ปรี๊นนนนนน เสียงแตรรถยนต์ดังขึ้น ผู้คนบริเวณสี่แยกแตกตื่นเมื่อเห็นรถยนต์คันหนึ่งหมุนคว้างอยู่กลางถนน ความวุ่นวายที่เกิด คิงและบลูเองก็ตกใจกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด ใครคนหนึ่งชนคิงให้เซไปทางหนึ่ง รถยนต์คันนั้นยังหมุนคว้างมาทางคิง บลูผลักคิงให้หลบไปอีกทาง รถยนต์คันเล็กกระแทกเข้ากับเสาไฟฟ้า เศษกระจกจากหลอดไฟ และกระจกหน้ารถปลิวว่อน บลูเซถลาล้มลงเสาไฟหล่นทับร่างเธอโดยไม่มีใครคาดคิด เสียงหวอรถพยาบาล รถตำรวจดังขึ้นระงม คิงนั่งมองภาพตรงหน้าอย่างตื่นตระหนกเลือดแดงฉานไหลนองเต็มพื้น ตัวเขาเองก็บาดเจ็บจากเศษกระจกเช่นเดียวกับคนอื่น แต่บลูใบหน้าเธอมีเลือดไหลเต็ม
 
นี่มันเกิดอะไรขึ้น นี่มันเรื่องอะไรกัน คิงนั่งนิ่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล ที่แขนและศีรษะมีผ้าพันแผลเรียบร้อย เสียงฝีเท้าเดินมานั่งข้างๆเขา
 
“มันเป็นเพราะผม”คิงเอ่ยเสียงแหบพร่า ผ่ามือแกร่งโอบตัวลูกชายเอาไว้อย่างปลอบโยน
 
“มันคืออุบัติเหตุคิง ไม่เกี่ยวกับลูก” นายแพทย์จักรินทร์ตอบลูกชาย
 
“ผมผิดเอง มันเป็นเพราะผม” เขาพูดตอบกลับซ้ำไปมา นายแพทย์กอดลูกชายไว้อย่างสงสาร มันเป็นเรื่องสะเทือนใจเกินกว่าเด็กอายุ 14 ปี จะรับไหว
 
“ไม่เป็นไรคิง มันจบแล้วนะลูก”
………………………………………………………………………………………………………………………
 
“ฉันทำให้เขาต้องเสียโฉม ฉันทำลายชีวิตเขา” คิงยกหลังมือขึ้นมาปิดตาเอาไว้ไม่อยากให้นิลเห็นน้ำตาของเขา นิลมีสีหน้าตกตะลึงเมื่อได้ฟังคิงพูด ร่างนั้นสั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้น
 
คิงเจ็บปวดมาคนเดียวตลอดเลยสินะ นิลจับมืออีกข้างของเขาไว้อย่างปลอบโยน สายตามองอีกฝ่ายอย่างสงสารจับใจการที่ต้องอยู่กับความรู้สึกผิดทำให้คิงต้องทุกข์ทรมานใจอยู่ไม่น้อย เธออยากทำให้เขามีความสุขมากกว่านี้ เธอจะทำได้ไหมนะ
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา