ร้ายเพ(ร)าะรัก
10.0
เขียนโดย giffgiw
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 15.42 น.
5
1 วิจารณ์
8,193 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 16.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ตอนที่ 2 ความทรงจำในวันวาน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 2 ความทรงจำในวันวาน
‘พี่เพลง ยายว่าไงบ้าง’
‘...พี่โทรบอกยายว่าเฟรมทำกิจกรรมที่โรงเรียน และขอค้างที่บ้านเพื่อนแล้วล่ะ...ทนหน่อยนะ พี่จะช่วยเฟรมออกมาให้เร็วที่สุด’
‘พี่เพลง ถ้าเฟรมไม่อยู่...พี่เลิกเข้ากะตอนกลางคืนเลยนะ เพราะมันอันตราย’
‘...พูดอะไรอย่างนั้น ...อีกไม่นาน ก็จะได้ออกมาแล้วน่า’
‘พี่เพลงฟังที่เฟรมพูดนะ ห้ามไปขอความช่วยเหลือจากยัยแม่มดนั่นเด็ดขาด ถ้าเฟรมไม่ได้ไปรับพี่ก็เลิกทำงานตอนกลางคืนด้วย รับปากเฟรมสิ พี่เพลง!’
‘...เฟรม’
‘พี่เพลง!!’
‘ก็ได้ก็ได้ แต่...’
‘ไม่มีแต่ อย่างที่บอก...ครั้งนี้เฟรมตั้งใจที่จะทำแบบนั้น...’
‘ทำไมเหรอ... เรื่องเป็นยังไงกันแน่ เฟรม...’
‘...’
‘...ไม่เป็นไร ถ้ายังไม่อยากพูดตอนนี้ เอาไว้สบายใจเมื่อไรค่อยว่ากันอีกที’
ครอบครัวของฉันไม่ได้ยากจนน่าเวทนาอะไร แต่ก็ไม่สามารถใช้จ่ายโดยไม่คิดหน้าคิดหลังได้ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะคุณลุงกนต์ธรหรือพ่อของเฟรมเป็นคนจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมทั้งค่าเทอมระดับเทพนั่นด้วย ลำพังยายกับฉันคงไม่มีปัญญาส่งเขาเรียนที่แพงๆ แบบนั้นแน่ แต่คุณลุงต้องย้ายไปทำงานต่างประเทศกระทันหัน คุณแม่คนใหม่ของเฟรม เธอจึงขอเป็นคนจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘ลูกของคุณก็เหมือนลูกของฉัน’ แต่เธอจัดการได้ถึงใจจริงๆ ไม่เคยตกถึงท้องตาเฟรมสักบาทเดียว เดือดร้อนสุดๆ ตอนค่าเทอม ม.ปลายปีสุดท้าย แล้วถ้าเรื่องตาเฟรมถูกตำตรวจจับรู้ถึงหูคุณแม่เลี้ยง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอต้องเอาเรื่องนี้ไปปั้นน้ำเป็นตัวหลอกพ่อของตาเฟรมอีกแน่ๆ จากนั้นเรื่องทั้งหมดก็จะยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม เธอเป็นนางฟ้าแสนใจดีเมื่ออยู่ต่อหน้าสามี แต่ลับหลังเป็นยิ่งกว่าแม่มดใจร้ายในนิทานซะอีก ...อีกอย่างไอ้น้องตัวแสบไม่เคยญาติดีกับพ่อของเขาเลยสักครั้ง ไม่เคยแม้แต่จะไปเหยียบบ้านโน้นหลังจากที่พ่อของเขาแต่งงานใหม่ ออกแนวต่อต้านขั้นรุนแรงด้วยซ้ำไปหลังจากแม่ของเขาเสียชีวิต
ฉันคิดทบทวนเรื่องวุ่นวายที่ไอ้ตัวแสบก่อขึ้นจนต้องเข้าไปนอนเล่นอยู่ในคุกตอนนี้ ...เคยคิดว่าถ้ามีเหตุผลไม่ดีพอละก็นะ กะว่าจะอาละวาดใส่ให้คุกแตกไปข้างหนึ่งเลยแต่พอเห็นหน้าเท่านั้นล่ะ หมอนั่นก็เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาท่าเดียว จะให้โวยวายหรือต่อว่า...ฉันก็เริ่มไม่ถูก แถมยังบอกว่า...ตั้งใจที่จะทำแบบนั้นและหน้าตาโกรธแค้นฝังหุ่นที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนนั่นอีก นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับตาเฟรมกันแน่
ฉันขึ้นรถเมล์สายหนึ่งมุ่งหน้าไปย่านการค้าชื่อดัง มันเป็นสถานที่ของคนชอบดื่มชอบเที่ยวชอบกินและชอบช๊อป แต่ฉันไม่ชอบที่นั่นเท่าไรเพราะผู้คนค่อนข้างพลุกพล่านไม่ว่ากลางคืนหรือกลางวัน
...และตอนนี้ฉันยืนอยู่หน้าร้านทูเก็ทเทอร์คลับตามนามบัตรที่ได้มาจากไอ้หน้าหล่อ ผิวขาว ตาดุ ตัวสูงๆ แต่เหมือนจอมมารหนังจีนอยากครองยุทธภพนั่นให้มา
“ขอโทษครับ... มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า ตอนนี้ร้านยังไม่เปิดนะ” รอยยิ้มบางๆ แต่หวานจับใจเหมือนมนต์สะกด รูปหน้า ดวงตา คิ้ว ทุกๆ อย่างดูดีทุกรูขุมขน จนฉันไม่ต้องอธิบายแล้วว่านี่มันผู้ชายหน้าตาดี
ลักษณะท่าทางสุภาพอ่อนโยนแบบนี้ร้อยละ 99 เป็นเกย์ คือสิ่งที่เพื่อนสนิทของฉันบอกไว้ ...! ยัยจีนโกหกฉันแน่ๆ
“หึๆๆ ตลกจัง เธอทำหน้าตาตกตะลึง ครุ่นคิด เพ้อฝัน และผิดหวัง เพียงเวลาไม่ถึงนาที”
“ปะ เปล่านะ ฉันไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับคุณเลย”
“หือ! ...อย่างนั้นหรอกเหรอ แย่จังเลยนะ” เขายิ้มละลายใจ
“ฮ่าๆๆ แหะๆๆ” ให้ตายสินี่ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย
“ร้านเปิด บ่ายสองนะ แต่ถ้าจะเข้าไปนั่งรออีกสามชั่วโมงข้างในก่อนก็ได้”
อ่า... รอยยิ้มแบบนี้ ...เหมือนรอยยิ้มเจ้าชายที่ฉันจินตนาการไว้เลยแฮะ
“อ่อ! ...เอ่อคือฉันมาหา...” ฉันไม่แน่ใจชื่อในนามบัตร เพราะอ่านไม่ออก ...ไม่กล้าพูดเลยยื่นนามบัตรให้ดูแทน
“ยาเรกิ ทามะ ...มาหาไอ้ทามเหรอ?”
“คะ...?” หมอนั่นชื่อยากูซ่า ...ไม่ๆ ธรรมะ เอ๊ะ ...หรือว่าไอ้ทาม ฟังไม่ทันอะ...? “ชื่อว่าอะไรนะคะ”
“ยาเรกิคือนามสกุล ส่วนทามะคือชื่อจริง แต่พวกเราเรียกหมอนั่นว่าไอ้ทามน่ะ หนุ่มหล่ออันตรายลูกครึ่งญี่ปุ่น-ไทยที่สาวๆ มากหน้าหลายตามาตามหากันที่นี่อยู่บ่อยๆ ถ้ามาหาโดยไม่ได้นัดไว้ละก็มันน่าจะนอนอยู่ที่นี่กับผู้หญิง หรือไม่ก็คงหลับอยู่ที่บ้านปลายน้ำ”
“หา... !” แล้วฉันจะแปลกใจทำไมนะ... นั่นสิทำไมฉันต้องแปลกใจด้วย “อ่ะ อ๋อ... ค่ะ”
“สอนฉันทำหน้าหลายๆ ความรู้สึกแบบนั้นบ้างสิ”
“เฮ้! เพื่อนภู”
ฉันสะดุ้งเพราะเสียงผู้ชายอีกคนดังขึ้น แว่นตาของเขามันช่างเข้ากันกับทรงผมยุ่งๆ ที่เหมือนรังนกแบบตั้งใจนั่นจัง ให้ตายเถอะช่วงนี้ชีวิตฉันพบเจอแต่คนหน้าดีๆ ติดต่อกันสองวันแล้ว ยัยจีนต้องอิจฉาฉันแน่ๆ
“มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้... อ่า! ใครเหรอ สวัสดี! สาวน้อย...ทำหน้าแบบนี้รู้จักพี่คิมคนนี้สินะ”
นายหัวรังนกแบกกระเป๋ากีต้าร์ เดินมายืนตัวสูงอยู่ข้างๆ และหันมาพูดกับฉัน ตอนเด็กๆ พวกเขากินขายีราฟทรงเครื่องกันรึไงถึงได้สูงแบบนี้ เมื่อกี้นายหัวรังนกเรียกยิ้มเจ้าชายว่า ...เพื่อนภูหรือเปล่า
“เธอมาหาไอ้ทามน่ะ” ยิ้มเจ้าชายหันไปบอกหัวรังนก หมอนี่เลยก้มลงเอาหน้ายื่นมามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า อย่างที่บอกพวกเขาน่าจะสูงประมาณ180 กว่าๆ เห็นจะได้ ส่วน 160 ของฉันช่างดูต่ำเตี้ยเรี่ยราดซะจริงๆ
“เธอ...มาหาทามะคุงเหรอ” หัวรังนกจ้องหน้าฉันเขม็ง และหันกลับไปพูดกับยิ้มเจ้าชาย “...ว่าแต่ไอ้หมอนั่น
มันเปลี่ยนมาชอบผู้หญิงสไตล์นี้ตั้งแต่เมื่อไรวะ”
เขาว่าไงนะ ฉันได้ยินไม่ชัด
“เธอมาจุดๆๆ กับทามะคุงน่ะสินะ ...เข้าใจละ”
“จุด จุด จุด อะไรห๊ะ!!!” อารมณ์ฉันจะขึ้น! ตาหัวรังนกนี่ไร้มารยาทจริงๆ ได้ข่าวว่าเราเพิ่งเจอกันเมื่อกี้นะ
“เอาน่า...ก็แค่เรื่องธรรมชาติ ว่าแต่...ฉันเคยเห็นเธอที่ไหนรึเปล่าน้า?”
กรี๊ด!!! เรื่องธรรมชาติอะไรของนาย แล้วฉันไปเหมือนญาติผู้ใหญ่คนไหนของนายไม่ทราบยะ ทำไมฉันได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ ทำไม ทำม๊ายยย!
“ทำอะไรอยู่ตรงนั้น”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่ง
“อ้าว! ทามะคุง แกอยู่ที่นี่เหรอ มีน้องสาวน่ารักๆ มาหาว่ะ” อีตาหัวรังนกตอบรับและมองขึ้นไปบนระเบียงของร้าน ขณะที่ฉันเองก็มองตามเขาขึ้นไปเช่นกัน
ระเบียงชั้นสองที่สูงกว่าชั้นสองของตึกปกติเล็กน้อย ส่วนที่ยื่นออกมาเป็นระเบียงตกแต่งด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์ ดอกไม้บางส่วนที่กำลังบานสะพรั่งรับแดดยามบ่าย บนนั้นมีคนที่ฉันต้องการพบใส่ชุดคลุมอาบน้ำสีขาว ยืนหน้าตายุ่งๆ เช่นเดียวกับผมเผ้าอันยุ่งเหยิงบอกให้รู้ว่าเขาเพิ่งจะตื่นนอน หมอนั่นไม่ได้หล่อน้อยลงจากครั้งแรกที่ฉันพบเขาเลยแถมยังดูดีกับสภาพนั้นได้ยังไงเนี่ย จะบ้าตาย!
ฉันเดินทางมาพบคู่กรณีโดยไม่มีเงินมาจ่ายค่าเสียหาย ...ก็ฉันไม่มีนี่นา คิดไว้อย่างเดียวว่าจะเอาตัวเข้าแลกแบบว่ามาขอร้องสุดชีวิตให้เขาผ่อนผัน หรือยอมให้ฉันทยอยจ่ายหนี้ค่าเสียหายทั้งหมดนั่นประมาณนี้ ไม่ใช่เอาตัวเข้าแลกอย่างที่ไอ้ผู้ชายหัวรังนกพูดไว้ซะหน่อย
ยิ้มเจ้าชายบอกให้ฉันตามเขาเข้ามาในร้าน ที่นี่กว้างและใหญ่มากถ้าเทียบกับร้านข้างๆ ภายในร้านจะถูกแบ่งเป็นโซนด้วยโต๊ะและเก้าอี้สไตล์แตกต่างกัน ฝั่งขวามือจะเป็นโซฟาพนักพิงสูงแลดูเป็นส่วนตัว หรูหราไฮโซคงเป็นโซนวีไอพี ฝั่งซ้ายตกแต่งแบบน่ารักๆ เป็นกันเองดูอบอุ่น ตรงกลางเป็นลานกว้าง มีน้ำพุ และเวทีอะไรสักอย่างอยู่ฝั่งตรงข้าม โต๊ะเก้าอี้ทรงสูงเหมือนในผับเรียงรายแต่เป็นระเบียบ เคาน์เตอร์บาร์ขนานเป็นทางยาวดูเข้ากันกับทุกโซน บนชั้นมีเหล้ายี่ห้อดังต่างๆ วางอยู่เป็นสัดเป็นส่วน ที่นี่คงเป็นร้านเหล้าสินะ แต่ที่แปลกมันมีเมนูนม ขนมหวาน ขนมปังปิ้งสูตรต่างๆ รวมทั้งเค้ก ของเหล่านี้มันไม่น่าจะอยู่ในร้านเหล้าไม่ใช่เหรอ แต่ถูกเขียนอยู่บนกระดาน ‘เมนูพิเศษวันนี้’ นี่มันร้านอะไรกันแน่อะ?
หัวรังนกกดรหัสแล้วใช้หัวแม่มือทาบไว้กับเครื่องสแกนเล็กๆ ข้างกำแพง มันเป็นประตูทางเข้าเพื่อขึ้นไปชั้นสอง ฉันเดินตามพวกเขาสองคนขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ ขณะที่หัวรังนกพูดจ้อไม่หยุดแต่ฉันก็ไม่ได้สนใจฟัง... พอขึ้นมาถึงชั้นสองมีโซฟาสีดำหรูหราอยู่ตรงกลาง ฟอร์นิเจอร์เป็นโทนสีดำเทาและขาว มีอีก 4 ห้องบนนี้ ฉันคิดว่าน่าจะเป็นห้องส่วนตัวของพวกเขา เมื่อมองผ่านประตูและกระจกใสออกไปที่ระเบียง ข้างนอกนั่นตกแต่งด้วยม้านั่งและโต๊ะสีขาวอยู่ท่ามกลางเหล่าต้นไม้ดอกไม้ ดูร่มรื่นมากขึ้นเพราะน้ำตกด้านข้าง ตรงนั้นเป็นที่ที่ไอ้หน้าหล่อตาดุโผล่ออกไปตอนฉันยืนอยู่หน้าร้านด้านล่าง
...แล้วนี่ฉันกล้าเดินตามพวกเขาเข้ามาได้ยังไงเนี่ย!
“นั่งก่อนสิ” ยิ้มเจ้าชายหันมาบอกฉันและเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์ด้านข้างของห้องโถงนี้
“ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้มให้เขาและมองตามไปจนกระทั่งเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น
“จะปล้ำหมอนั่นรึไง” อ๊ากกก! ใครล่วงรู้ความคิดดิฉัน
ฉันเพิ่งเห็นว่าอีตาทามคุงอะไรนั่น นั่งไขว่ห้างอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษอยู่ที่โซฟา นึกว่าเท่รึไง ชิ!!
“ตกลงว่า ...แก กับ เธอ ...สองคน? จุด จุด จุด ใช่มะ” นายหัวรังนกมองหน้าอีตาทามและฉันสลับกันไปมา ทำไมหมอนี่ชอบผลุบๆ โผล่ๆ อยู่เรื่อย ในหัวรังนกแบบนี้มีแค่สามจุดรึไงยะ
“ทามคะ ตื่นแล้วก็ไม่ยอมปลุกดีดี้เลยอะ”
ผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องริมสุดซึ่งติดกับระเบียง ด้วยท่าทางงัวเงีย ทรงผมยุ่งเหยิงไม่ต่างไปจากคนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โซฟาเท่าไรนัก เธอห่อร่างกายอันเซ็กชี่ด้วยผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียว เดินตรงมาโอบอีตาทามจากด้านหลัง ...ต่อหน้าผู้คนมากมาย (ที่จริงแค่สองสามคน)ยัยนี่แรงชะมัด!
“ออกไป” อีตาทามคะของยัยดีดี๊... พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ทามคะ!!!...” เจ๊ดีดี๊กระทืบเท้าแรงๆ เดินเข้าไปในห้องที่เธอเพิ่งเดินออกมา พลางถลึงตาโตๆ ใส่ฉัน
เธอออกมาอีกครั้งกับชุดสั้นๆ วับๆ แวมๆ จากนั้นก็ปิดประตูเสียงดังสนั่น และหันมาค้อนฉันด้วยหางตา แล้วเดินลงบันไดไปทางเดียวกับที่ฉันขึ้นมา ...ว่าแต่ยัยนั่นจะค้อนฉันเพื่อ?
“ทามะคุง แกมันร้ายจริงๆ น้องดีดี๊งอนไปอีกคนแล้ว ใช้สาวๆ เปลืองชะมัดเลยไอ้เพื่อนเลว!” หัวรังนกนั่งเกากีต้าร์พูดขึ้นราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรรมดาในชีวิตประจำวัน
“...คือว่าฉันอยากจะขอร้องคุณให้ช่วยบอกตำรวจปล่อยน้องฉันก่อนได้ไหมคะ ส่วนค่าเสียหาย...ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมจะจ่ายได้ทั้งหมด เอาเป็นว่าฉันจะค่อยๆ ทยอยจ่ายจนกว่าจะครบได้รึเปล่า” เขายังคงสนใจหนังสือพิมพ์ในมือ เหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันพูด มีแค่หัวรังนกเท่านั้นที่หยุดเล่นกีต้าร์แล้วเงยหน้ามองฉันผ่านกรอบแว่นด้วยท่าทางสงสัย ขณะที่ยิ้มเจ้าชายนั่งลงไม่ไกลจากฉันนัก หลังจากวางแก้วน้ำและของว่างไว้ที่โต๊ะ เขาแสดงสีหน้าประหนึ่งว่าพอจะเข้าใจเรื่องที่ฉันมาที่นี่ด้วยสาเหตุอะไรประมาณนั้น
“ยัยนี่เป็นแฟนไอ้โย” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น ขณะที่ขยับมือเพื่อเปลี่ยนหน้าหนังสือพิมพ์ไปหน้าถัดไป
“อะไรนะ!!!” ยิ้มเจ้าชายและหัวรังนกโพล่งขึ้นพร้อมกัน ทำเอาฉันตกใจไปด้วย
...อีตาทามว่าฉันเป็นแฟนของใครนะ พระเจ้าฉันมีแฟนตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย ยิ้มเจ้าชายรึเปล่า ...แล้วใครชื่อโยอะ?
“แกรู้ได้ไงว่าเป็นเธอ”
ใช่ๆ ยิ้มเจ้าชายถามได้ตรงใจฉันมาก ฉันก็อยากจะรู้ว่านี่มันเรื่องอะไร ใครกันที่เป็นแฟนของฉัน แล้วพวกเขาพูดเรื่องอะไรกัน ว่าแต่... เขาไม่ได้ฟังที่ฉันพูดหรือไงเนี่ย!
“พวกแกน่าจะถามยัยนี่เอาเองนะ”
เฮ้ย เฮ้ย! ฉันมาด้วยเรื่องช่วยน้องชายที่อยู่ในคุกต่างหากเล่า
“นี่! พวกคุณพูดอะไรกัน ที่ฉันมาในวันนี้ เฮ้ย!!! นี่! นายทำบ้าอะไร” ฉันจับมือของอีตาทามด้วยความตกใจทันทีที่เขายื่นมือมาคว้าสร้อยคอของฉันจนโน้มตัวไปตามแรงดึง ตาบ้านี่! ถ้าสร้อยมันอยู่ต่ำกว่านี้นายก็ยังจะจับรึไงยะ อีกแล้วๆ ให้ตาย! นี่มันครั้งที่สองแล้วนะโว้ย
“แหวนนี่ไง หลักฐาน”
จริงสิฉันลืมไปเลยว่าเขาพยายามถามอะไรเกี่ยวกับแหวนวงนี้ตั้งแต่เมื่อวาน ฉันน่าจะถอดมันทิ้งไว้ที่บ้านซะก็ดี
“แหวน... แหวนอะไร” หัวรังนกมองมาที่ฉันและสร้อย
“แหวนที่ไอ้โยเป็นคนออกแบบและสั่งทำ” อีตาทามมองด้วยสายตาจับผิดมาที่ฉัน “ใครเป็นคนทำร้ายเพื่อนฉัน นั่นไม่ใช่อุบัติเหตุใช่ไหม”
เสียงของเขาทุ้มต่ำแต่แข็งกร้าว พูดประโยคที่ชวนฉันงงแบบสุดๆ ???
“...อุบัติเหตุอะไร” ฉันถามเขาด้วยท่าทางงงๆ กลับไปอย่างจริงจัง พร้อมกับดึงสร้อยออกจากมือของเขาสุดแรง
“ใครร่วมมือกับเธอ”
...ใครร่วมมือกับฉัน? ...ถามอะไรของเขา?
“ใจเย็นก่อนดิวะ แกแน่ใจได้ยังไงว่าเป็นเธอ แหวนนั่นอาจจะมีคนเคยเห็น...และเอ่อ ฉันหมายถึงอาจเป็นของเลียนแบบก็ได้” หัวรังนกพยายามพูดให้คนในชุดคลุมอาบน้ำสงบสติอารมณ์ ระหว่างที่ยิ้มเจ้าชายยังคงนั่งเงียบเหมือนใช้ความคิด
อีตาทามหยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาเปิดและโยนภาพใบหนึ่งลงบนโต๊ะ ยิ้มเจ้าชายของฉันในตอนนี้ไม่มีรอยยิ้มแบบนั้นอีกแล้วบนใบหน้า เขาหยิบมันขึ้นไปดูโดยไม่พูดอะไรเลย จริงๆ แล้วเขาไม่พูดอะไรสักคำตั้งแต่ไอ้คุณทามบอกว่าฉันเป็นแฟนของใครสักคน หัวรังนกเข้าไปดูรูปในมือของยิ้มเจ้าชายใกล้ๆ และมองฉันกับรูปสลับกันไปมา
ฉันไม่ทันได้สังเกตว่าเป็นรูปของใครตอนที่มันวางอยู่บนโต๊ะ จากที่เห็นเพียงคร่าวๆ ดูเหมือนจะเป็นภาพคู่รักชายหญิงอะไรประมาณนั้นนะ
“ใช่เธอจริงๆ ด้วย” หัวรังนกพึมพำออกมาเบาๆ
ยิ้มเจ้าชายวางรูปลงบนโต๊ะกระจกตรงหน้าฉัน จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและหันหลังเดินออกไปจากห้องนี้
ภาพถ่าย ภาพถ่ายใบนี้มัน...ใช่จริงๆ ใช่เขาจริงๆ
เรื่องราวต่างๆ ในอดีตวิ่งผ่านเข้ามาในความคิดของฉันเป็นร้อยๆ ครั้ง นาทีแรกที่ฉันเห็นรูปถ่าย ก็จำได้ทันทีเขาเป็นคนที่ฉันกำลังรอ ...รอที่จะพบกันอีกครั้งมาตลอด รอว่าสักวันจะได้เจอและคืนของบางอย่างให้เขา
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ รูปที่ฉันถ่ายกับเขาเพียงใบเดียวในวันนั้น ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ คนพวกนี้เป็นใคร เกิดอะไรขึ้นกับพี่ แล้วตอนนี้พี่อยู่ที่ไหน...
“เขาอยู่ที่ไหน คนในรูปนี้อยู่ที่ไหน” ฉันถามไอ้หน้าหล่อตาดุตรงหน้าเสียงแข็ง ดวงตาร้อนผ่าว
“ทำไม ...เธอจะได้ตามไปจัดการมันให้สิ้นซากรึไง” ฉันมองกลับไปอย่างหาเรื่องเมื่อได้คำตอบน่าโมโหนี้กลับมา ถ้ามีสักครั้งที่อีตานี่พูดกับฉันเหมือนคนปกติมโลกใบนี้คงหยุดหมุนรอบตัวเอง เขากระแทกหนังสือลงบนโต๊ะจนฉันสะดุ้งแล้วถามเสียงดัง “ไอ้ผู้ชายคนใหม่ของเธออยู่ที่ไหน!”
“ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณพูด” ฉันถอนหายใจเซ็งๆ พร้อมกับละสายตาจากตาดุๆ ของเขาไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสบนัยน์ตาน่ากลัวนั้นอีกครั้งด้วยความโมโห “แต่ช่างเถอะ ...พี่เขาอยู่ที่ไหน ฉันจะพบเขาได้ที่ไหน”
“นี่เธอแกล้งโง่หรือว่าแกล้งบ้ากันแน่วะ ห๊ะ!!!”
ฉันสะดุ้งเพราะเสียงตะคอกของเขาอีกครั้ง ตาบ้านี่พูดแบบคนปกติไม่ได้จริงๆ สินะ
“เธอเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุของเพื่อนฉันรึป่าว เรื่องมันเป็นยังไง รู้หรือไม่รู้กันแน่” หัวรังนกพูดขึ้นบ้างหลังจากที่นั่งเงียบอยู่นาน น้ำเสียงจริงจังของเขา ทำให้ดูน่ากลัวขึ้นมาก ฉันเลื่อนสายตาไปมองมือทั้งสองของนายหัวรังนกที่ยังคงจับแขนของคนตาดุบ้าเลือดไว้แน่น
“ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอุบัติเหตุหรืออะไรทั้งนั้น ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณพูดถึงอะไร แล้วทำไมต้องมาถามฉัน” ฉันยังคงพูดสุภาพถ้าฉันยังมีความอดทน ทำไมพวกเขาสองคนต้องคิดว่าฉันรู้เห็นเรื่องอุบัติเหตุด้วยนะ
“เฮอะ!!!” อีตามามถอนหายใจทางปากด้วยท่าทางหัวเสียกับคำพูดของฉัน
“โอ้ย! ฉันเจ็บ ปล่อยนะ!” อยู่ๆ เขาก็ยื่นมือมาบีบแก้มของฉันในทันทีที่สลัดแขนออกจากการจับกุมของนายหัวรังนกได้สำเร็จ เขาบีบแก้มของฉันไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างก็ล็อคข้อมือของฉันไว้ “พวกนายต้องการอะไรกันแน่”
“ไอ้ทามใจเย็นๆ ดิวะ ปล่อยเธอก่อน” นายหัวรังนกพยายามเข้ามาช่วยงัดมือของเขาออกจากแก้มฉันที่ตอนนี้รู้สึกเจ็บและชาไปทั้งหน้า
“ไอ้ผู้ชายที่ทำให้เธอหักหลังเพื่อนฉันมันอยู่ที่ไหน” เสียงที่รอดออกมาจากไรฟันทำให้ใจฉันเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความกลัว แต่ก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างถึงที่สุด
“ฉันไม่รู้ว่านายหมายถึงใคร ปล่อยสิมันเจ็บนะ”
“ถ้าเพื่อนฉันไม่ฟื้น ไม่ว่าไอ้นรกหน้าไหนหรือว่ามันเป็นใคร มุดหัวอยู่ที่ไหน มันจะต้องชดใช้รวมทั้งเธอด้วย” เขาพูดด้วยเสียงที่โกรธจัด ‘ถ้าเพื่อนฉันไม่ฟื้น’ ...หมายความว่าไง ใครกันที่จะไม่ฟื้น แล้วไอ้นรกที่เขาตามหานั่นใคร ...นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย
“นายหมายถึงใครไม่ฟื้น คนในรูปนี้ไม่ฟื้นงั้นเหรอ เขาเป็นอะไร ปล่อยก่อนได้ไหม มันเจ็บ!” ฉันรู้สึกเจ็บที่แก้มมากขึ้นๆ ตามแรงบีบจากมือของอีตาทาม ...เขาจับข้อมือทั้งสองของฉันไว้ด้วยฝ่ามือเพียงข้างเดียวได้ยังไงเนี่ย
อ๊าก!!! เจ็บนะเว้ย ไอ้ที่นายบีบอยู่เนี่ยมันแก้มฉันนะ ไอ้ผู้ชายบ้าเลือด ไอ้จอมมารซาดิสม์
“เดี๋ยวแก้มยัยนี่ก็ระเบิดก่อน วิธีนี้ไม่ได้ผลหรอกน่า” นายหัวรังนกเข้ามาแกะ แงะ ดึงมือของไอ้บ้าพลังออกจากแก้มของฉัน
ใช่นายพูดถูก... เพราะแก้มฉันกำลังจะระเบิดถ้าเขายังบีบมันอยู่
“...นายหมายความว่าพี่เขายังไม่ฟื้น เพราะอุบัติเหตุอะไรที่ว่านั่นน่ะเหรอ” ฉันถอยออกมารักษาระยะห่างเพื่อความปลอดภัยหลังหลุดออกมาจากการจับกุม ก่อนจะเงยหน้าไปมองตาดุๆ เช่นเดียวกับเขาที่มองมาแบบอำมหิตไม่วางตาเช่นกัน สองมือของฉันยังลูบแก้มที่ยังรู้สึกเจ็บไม่หายไปมาอยู่อย่างนั้น
“ทำไม!!! เสียใจที่หมอนั่นยังไม่ตายหรือไง” เขากัดฉันไม่เลิก
“ถ้าเธอยังอยากมีชีวิต ก็พูดความจริงซะ” หัวรังนกพูดขึ้นหลังจากสยบอีตามามให้นั่งอยู่กับที่อย่างทุลักทุเล
“ก็ได้ ฉันจะพูด ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ไม่รู้เรื่องอุบัติเหตุอะไรทั้งนั้น เขาไม่ใช่แฟนของฉัน และฉันก็ไม่ใช่แฟนของเขา เรารู้จักกันแค่วันเดียว แม้แต่ชื่อของเขาฉันก็ไม่รู้จัก รูปนั่นเราก็แค่ถ่ายกันเล่นๆ และแหวนนี่เขาทำตกไว้ ในวันที่เขาช่วยฉันจากพวกอันธพาลบ้ากาม” ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดออกไปรวดเดียว จะเชื่อหรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับสมองของพวกนาย อีกอย่างฉันก็เริ่มหมดความอดทนกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ส่วนเรื่องตาเฟรม ฉันจะไปคิดหาทางช่วยเขาออกมาจากคุกด้วยวิธีอื่นทีหลังละกัน
“งั้นเหรอ...ฮึ ตลกมาก ตลกสิ้นดี ความจริงของเธอมันช่างเหมือนการปัดสวะให้พ้นตัวไม่ใช่รึไง เมื่อวานเธอบอกฉันว่าเป็นแฟนไอ้โย และวันนี้จะบอกว่าไม่ใช่ เธอรู้จักกับหมอนั่นแค่วันเดียวก็สนิทถึงขั้นถ่ายรูปเอาหน้าแนบชิดติดกันและอะไรนะ เธอบังเอิญเก็บแหวนที่มันทำตกไว้ ฮ่าๆๆๆ ฉันเชื่อว่ะ!” อีตาทามประชดประชันด้วยประโยคที่ยาวที่สุดตั้งแต่ฉันเคยคุยกับเขามา ฉันถอนหายใจอย่างอดกลั้น และพยายามควบคุมสติที่ขาดอีกครั้ง
“ที่ฉันพูดคือความจริงทั้งหมด จะเชื่อหรือไม่มันก็เรื่องของนาย มีอะไรก็ไปคุยกันที่โรงพักแล้วกัน บางทีฉันจะได้ฟ้องกลับบ้าง เผื่อจะได้เรียกค่าเสียหายมาใช้ฟรีๆ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัว” ทันทีที่ฉันลุกขึ้น ไอ้บ้าหน้าหล่อตาดุก็คว้าข้อมือของฉันไว้อย่างแรงจนรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งแขน นายทำฉันเจ็บนะ ฮึ่ย!!!
“เธอคิดว่ามาที่นี่แล้วจะได้กลับออกไปง่ายๆ หรือไง” เขากระชากแขนฉันให้นั่งลง ...ไม่ดึงให้มันหลุดติดมือนายไปด้วยเลยล่ะ คนถ่อย!
“...นายไม่มีสิทธ์จะมากักตัวฉันไว้ ถ้ามีหลักฐานมากพอก็ไปคุยกันที่โรงพัก”
“เธอลืมน้องของเธอแล้วรึไง” ฉันเห็นรอยยิ้มมุมปากร้ายกาจ
“ฉันจะหาเงินมาชดใช้ให้”
“เรื่องนั้นฉันไม่สน ...แต่ถ้าเธอออกไปจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียว ...ไม่ว่ายายหรือน้องของเธอ ...
...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ