ลิขิตจันทรา ภาค มายาแห่งดวงใจ (注定月下老人 )

8.0

เขียนโดย Wuzhenni

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 22.20 น.

  22 ตอน
  9 วิจารณ์
  30.39K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 20.59 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

19) เขียนเสร็จแล้ว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ตะวันรอนรอนใกล้ลับแสง สายลมเย็นๆ พัดพริ้วผ่านร่างผอมหุ่นเพรียว

 

ลานสนามเขียวขจีกับแสงสีส้มที่พาดผ่านต้นหญ้าใบอ่อน

 

ช่วงเวลาดูเหมือนจะเป็นอิสระสำหรับเด็กนักเรียนทุกคน

 

แต่สำหรับหญ้าฟาง...คงไม่ใช่

 

เป็นเด็ก...ดีที่มีชีวิตมีช่วงเวลาที่งดงาม สนุกสนานและพร้อมที่จะก้าวข้ามวันเวลาในอนาคตต่อไป

 

แต่ผู้ใหญ่...กลับต้องใช้ชีวิตเพื่อการอยู่รอด ชิงดีชิงเด่นกันถ้วนหน้า มัวเมาในอำนาจจนลืมภาระหน้าที่ของวัยตน

 

กระนั้น...เด็กบางคน ก็ไม่ได้มีชีวิตเป็นไปตามวัฏจักรของธรรมชาติ

 

เช่นหล่อนเอง! 

 

ขณะที่ลูกคนแถวบ้านเกิดมาบนกองเงินกองทอง สุขสบาย ทำอะไรตามแต่ที่ใจของมันพึงปราถนา

 

แต่ตัวเธอกลับต้องตื่นเช้านอนค่ำช่วยแม่ปั้นกำยานแท่งเล็กๆ วิ่งเร่ขายอยู่ในวัด...

 

ก็เด็กวัดนั้นแหล่ะหน่า..!

 

ขนาดบ้านยังอยู่ใกล้หน้าประตูวัด  เปิดประตูออกมา ก็เห็นซุ้มลวดลายของเสาอิฐเสาปูนตั้งอยู่หน้าบ้าน

 

" วัดมังกรกมลาวาส"  เสียงของพ่อดังขึ้นใกล้ๆหู 

 

หญ้าฟางเมื่อครั้งเป็นเด็กตัวน้อยกระจ้อยร่อย มัดแกละสองข้าง ดูน่ารักน่าชังดี 

 

แต่หน้าตาพริ้มพราวราวนางฟ้าตัวนิด  ใครจะรู้..

 

ดันฤทธิ์เยอะ...จนพวกไอ้เด็กผู้ชายในตลาดยังกลัว! 

 

" เข้าไปไหว้พระกันหน่อยมั้ย?"   ผู้เป็นพ่อหันมาถามเจ้าลูกตัวแสบซึ่งเขาเคยคิดอยู่เสมอว่า

 

อนาคต...ลูกสาวคนนี้คงจะเท้าแตะขอบไม้คานเป็นแน่

 

พ่อลูกจูงมือกันเดินเข้าไปในวัดเก่าแก่ แต่ไม่ไร้ศรัทธาจากผู้คนทั่วทุกหนแห่ง

 

กลิ่นพวงมาลัยกับกลิ่นหอมของกำยานบ้านตระกูลอนันตมุริน

 

ชื่อตระกูลดูดี  หากทว่า...ฐานะการเงินมิค่อยจะสู้ดีมากนัก

 

มานั่งปั้นแท่งกำยานขาย คงจะรวยตายล่ะ

 

เหตุผลเพียงเพราะบิดาของหล่อนนั้นทำผิดกฏแห่งตระกูล...

 

ผิดกฏจารีตแห่งสายเลือดมังกร!

 

ในช่วงที่ประตูวัดใกล้ปิดลง เหล่าบรรดานักท่องเที่ยวต่างก็แห่แหนเดินกลับออกไปด้วยความเสียดายเป็นล้นพ้น

 

" คนเขามีจิตศรัทธา อยากมาทำบุญกันมาก...นึกๆไปถ้าที่แห่งนี้กลายเป็นอย่างอื่น พวกเขาคงจะไม่ยอมกันหรอก" 

 

ซึ่งก็จริงอย่างที่พ่อเคยพูดเอาไว้  พวกมีอิทธืพลล้วนอยากจะครอบครองกรรมสิทธิ์ตรงนี้กันมาก

 

มากเสียจนคนที่สวมบทเป็นหมอดูต้องถูดตัดชะตาชีวิตให้หายลอยไป

 

ไม่หวนคืน...กลับมา!

 

 

ทั้งสองเดินผ่านวิหารที่ประดิษฐานประตืมากรรมรูปปั้นสำริดของเทพประจำทิศทั้งสี่

 

ใบหน้าเทวเทพมีความแตกต่าง โดดเด่น ชัดเจน 

 

เทพทำหน้าที่พิทักษ์รักษาแสงแห่งธรรมนั้นไว้ 

 

"ท้าวจตุโลกบาล"  เสียงของพ่อเอ่ยนิ่มนวลข้างหู

 

" ไหว้ท่านเสียก่อน เดี๋ยวจะพาไปไหว้อีกองค์หนึ่ง"

 

เจ้าหล่อนทำตามอย่างว่าง่าย  หากพอเงยหน้าสบตามองกลับรู้สึกถึงพลังที่แฝงเร้นภายใต้กรอบดวงตาถมึงตึง  

 

ช่างน่าเกรงขาม หวามหวั่น

 

ทว่า...ในความรู้สึกของเด็กหญิงตัวกระเปี๊ยก กลับรู้สึกไม่ชอบเทวเทพที่ประหนึ่งกำลังจดจ้องมายังตัวหล่อน

 

" เทพอะไร ทำไมดูน่ากลัวจัง"  หญ้าฟางบ่นออกมา เพราะรู้สึกไม่ถูกโฉลกกับเทพองค์นี้เลยจริงๆ

 

" นั้นน่ะ ....ท่านท้าวิรุฬหกมหาราช เป็นหนึ่งในท้าวจตุโลกบาลที่ปกครองอยู่ในแดนทิศทักษิณ ถ้าทางฝั่งจีนจะเรียกว่าเตียงเชียงเทียนอ๋อง แต่ถ้าฝั่งไทยก็น่าจะรู้จักกันดี ..ท่านพญายมยังไงล่ะ "  

 "เหรอคะ มิน่าดูท่านไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่เลยเนอะ ปะป๊า" 

 

" พูดแบบนั้น ใช้ได้ที่ไหน"  สายตาของพ่อชำเลืองมองไปยังรูปปั้นสำริดเนื้อทอง พลางก้มหัวลงนอบน้อม

 

"ในเทวตำนานยุคต้น เทพองค์นี้คือ จ้าวแห่งยมราชผู้ปกครองในแดนยมโลก เป็นเจ้าหรือนายแห่งภูตผีปีศาจ เป็นผู้ที่ตัดสินชะตาชีวิตของมนุษย์ทุกคนบนโลกได้ คงไม่เเปลกหรอกที่ท่านจะมีพระพักต์เหมือนอย่างที่ลูกเอ่ย" 

 

หญ้าฟางเกาหัวแกรกๆ  ทำตาปริบๆบ่งบอกได้ชัดว่า ไม่เข้าใจอะไรมากไปกว่าการที่จดจำเทวเทพองค์นี้ด้วยความรู้สึกไม่ปลื้มอกปลื้มใจนัก 

 

บิดายิ้มขำขันท่าทีของลูกสาวก่อนจะจูงมือมุ่งหน้าไปยังวิหารเล็กอีกที่หนึ่ง

 

หญ้าฟางเดินตามไปด้วยอารมณ์แปลกประหลาดระคนกึ่งแปลกใจ

 

" ตรงนี้มีวิหารด้วยหรือคะ?" 

 

" ..วิหารในเขตภิกษุ  เขาไม่ให้คนนอกเข้ามา"

 

" แล้วเราเข้ามาได้หรือคะ?"  

 

" ท่านเจ้าอาวาส อนุญาตเราแล้ว....ไม่ต้องห่วงหรอก"

 

พ่อยิ้มนิดๆ รอยยิ้มของคนที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว

 

ย่อมแน่....สถานที่แห่งนี้คงมีความสำคัญมาก มิเช่นนั้น ทำไมถึงต้องปิดเป็นความลับ..

 

คำตอบอยู่ตรงหน้าหล่อน!

 

รูปปั้นเนื้อทองที่ถูกสรรค์สร้างคล้ายดั่งชายแก่ทรงอาภรณ์เเบบจีนโบราณ ดวงหน้าอิ่มเอิบ สุขล้น เนตรระยับเต็มไปด้วยรัศมีแห่งพระเมตตาที่แผ่สยายปกคลุมในดวงจิตน้อยๆของหญ้าฟาง

 

ความรู้สึกที่แตกต่างและรับรู้ได้

 

มิใช่เทพที่ดูน่ายำเกรงเมื่อแรกห็น

 

หากแต่พลังในบางอย่างส่งสะท้อนลงมา

 

เหมือนมีสิ่งใดติดตรึงเป็นเครื่องพันธนาการไว้ในฤทัยทรวง

 

เทวรูปแปลกตา หัตถ์ข้างขวาถือหนังสือเล่มหนึ่ง ส่วนอีกข้างถือด้ายสีแดงสดที่ถูกถักทอร้อยเรียง

 

ไปยังมุมห้องทั้งสองฟาก

 

" ท่านเทพเย่เซี่ยเหล่าเหริน บ้านเราเรียกท่านว่า  ผู้เฒ่าจันทรา..."  เสียงของพ่อบรรยายประกอบ พลางเดินไปยังมุมห้อง

 

" อ๋อ..มิน่าทำไมถึงมีพระจันทร์อยู่ข้างหลัง"  เจ้าหล่อน แม้จะยังเด็กแต่ก็ฉลาดพอที่จะสังเกตเห็นอะไรได้ว่องไว

 

รูปปั้นที่ยืนเยื้องด้านหน้าของพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว  หญ้าฟางรู้สึกเย็นชื่นอย่างบอกไม่ถูก

 

" ไหว้ขอพรท่านซะสิ..."

 

" ถ้าเราขอพรแล้วจะได้อะไรจากท่านหรือคะ?"

 

มุมปากของพ่อเชิดขึ้น  ชี้นิ้วมาที่อกด้านซ้ายของตน

 

" วาสนาของหัวใจ!.."  ก่อนจะเชยตามองไปยังป้ายศิลาแกะสลักตัวอักษรจีนสีทอง  ซึ่งเด็กอายุเก้าขวบได้แต่จ้องมองตาเป้ง เพราะอ่านไม่ออกเลยซักคำ

 

คงจะเหลือผู้ใหญ่หัวหงอก ที่ช่ำชองภาษาจีนได้ดีเท่าเจ้าของภาษาอยู่คนเดียว

 

... ท่านเทพแห่งจันทรา ผู้ลิขิตชะตาแห่งด้ายแดง คำขอที่กล่าวไว้  กำหนดจากเทพ ปลดปล่อยจากใจ  อุปสรรคหนักหนาแค่ไหน  เพียงผ่านพ้นมันได้  ก็จักโชคดี...

 

"ว้าว...ป๊าเก่งจัง"  เธอเอ่ยชม จริงๆแล้วมันก็เป็นเรื่องปกติที่หญ้าฟางจะได้เห็นพ่อพูดหรือกล่าวสนทนา เป็นว่าที่ล่ามประจำถิ่นได้อย่างฉะฉาน ชัดเจน

 

โดยเฉพาะภาษาจีน ทั้งจีนกลาง จีนแต้  จีนตุ้ง พ่อพูดได้ราวกับเป็นคนจีนเลยทีเดียว

 

แต่คราวนี้...หญ้าฟางถึงจะเป็นแค่เด็กอายุเก้าขวบ  ทว่า...หล่อนก็มองอะไรได้ไวกว่าเด็กทั่วๆไป

 

ภาษาที่ถูกแกะสลักเอาไว้บนแผ่นศิลา ความเก่าแก่จากตัวอักษร

 

เธอมั่นใจ...นั้นมิใช่ภาษาจีนที่คนยุคปัจจุบันจะอ่านมันได้

 

" แต่ฟางไม่รู้จะขอพรอะไรจากท่าน  ...ถ้าเป็นไปได้ พ่อก็ขอให้หนูเลยดีกว่า ไอ้เรื่องวาสนาหัวใจอะไรนั้น  ฟางไม่รู้เรื่องหรอก  ฟางยังเด็ก"

 

คนถูกขอชายหางตามามองนิดๆ ก่อนจะพนมมือขึ้นไว้กลางอก หลับตาลง 

 

ปล่อยให้ลูกสาวคนเก่งเที่ยวเดินตุบตับหาของเล่นตามประสาเด็กวัยคึกจอมคะนอง

 

อาจหารู้ไม่ว่า....

 

สิ่งที่ผู้เป็นพ่อต้องการที่จะขอพรแทนหล่อน

 

บัดนี้...คำขอพรนั้น จากปลายฟ้า

 

ลิขิตเทพแห่งจันทรา   วาสนาเพี้ยงเสี้ยวของหัวใจ

 

คู่แท้ที่มิอาจเคียงข้าง  หากควมรัก...ฝังแน่น ตราตรึง!!

 


 

 

" ปิ๊ด ปิ๊ด"  เสียงแตรรถจักรยานดังขึ้น เป็นผลให้คนที่ยืนเหม่ออยู่กลางทางเดินรู้สึกตัว

 

และคงรู้ว่่า ไอ้คนหน้าเหม่อตาลอย กลายเป็นจุดเป้าสายตาของไอ้คนบีบแตรนั้นแหล่ะ

 

" ขอโทษคร้า "  หญ้าฟางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรงๆ เพราะคนที่อยู่ตรงหน้า ดันเป็นคนบุคคลชั้นสูง

 

หล่อน หมายถึง...เลขอายุ!

 

หากทว่า...สีหน้ากลับฉาบฉายความอ่อนโยนผ่านดวงตาที่แต่งแต้มรอยกลีบเท้ากาไว้โดยรอบ

 

"มายืนทำไมตรงนี้ล่ะครับ ครู"

 

" ม่ายช่ายครู  เป็นนักศึกษาตั้งหากล่ะ"

 

หญ้าฟางไม่รู้ว่า หล่อนต้องพูดประโยคนี้ซ้ำซากมากเสียจนไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่กัน

 

ตั้งแต่แม่บ้าน ยัน หัวหน้าฝ่ายโน้น..

 

" เก๊าะมาสอนเด็ก ไม่ให้เรียกครูแล้วจะให้ลุงเรียกว่าอะไรล่ะ ห่ะ?"

 

" เรียกแค่ชื่อเฉยๆก็ได้ค่ะ"

 

" ไม่รู้จัก"  สั้นๆง่ายๆ  นี้ถ้าไม่ติดว่ายืนคุยกับคนแก่ หญ้าฟางคงยันศอกใส่ซักทีสองที

 

แหม่ะ...ตั้งแต่เช้ายันเย็น  ไมมีแต่คนแก่ชอบมาหาเรื่องตลอดเลยฟ่ะ!

 

" จะกลับบ้านพักเหรอครับ?"

 

คนถูกถามพยักหน้างึดๆ

 

" งั้นก็กลับด้วยกัน"

 

" ไม่ต้องหรอก ลุง...ใกล้ๆแค่นี้เอง หนูเดินไปเองได้หน่า..ลุงกลับบ้านไปเหอะ หมดเวลางานแล้ว"

 

" ไปที่ไหนล่ะ  บ้านของผมก็อยู่ที่นี้"

 

หญิงสาวคิ้วขมวด ก่อนจะนึกบางอ้อได้ทัน

 

" ใช่บ้านหลังเล็กๆที่อยู่ติดกับรั้วด้านหลังโรงเรียนรึเปล่า... " 

 

"ถูก"  คำตอบนั้นใช่ แต่ในใจกลับรู้สึกประหลาด

 

เหมือนเคยพานพบ ประสบใจให้แย้มชื่น

 

"ที่แท้ก็บ้านหลังนั้นเป็นของคุณลุง บ้านของคุณลุงเป็นบ้านพักของยามในโรงเรียน งั้นแสดงว่าลุงก็คือ ลุงจัน ที่เด็กๆมันเล่าให้ฟัง"

 

" เล่าว่าไงมั้ง?"  

 

คนถามเริ่มปั้นหน้าอยากฟัง  ไอ้คนถูกถามก็ชักคันปากอยากเมาธ์เสียเต็มทน

 

" โอ๊ย...เยอะ จะเรียกว่านินทาก็ได้นะ แต่พูดๆไป เดี๋ยวจะถูกหาว่า เป็นคนไม่มีมารยาททางสังคม !"

 

 

วลีที่ไม่อาจเอ่ยเอื้อน  หญ้าฟางรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ

 

ตั้งแต่เช้านี้ที่ได้ปะทะคารมกับไอ้เฒ่าซอมบี้ขี้เก๊ก หล่อนก็เหมือนจะซวยซ้ำซวยซ้อนทั้งวัน

 

เข้าสอนผิดห้องเอย เดินหลงตึกบ้างเอย เยอะหน่อย...แบตโทรศัพท์ก็หมดทั้งๆที่ชาร์จมาเต็มทั้งคืน  

 

ตามปกติแม้หล่อนจะไม่ใช่คนเจ้าระเบียบหรือเคร่งครัดกับกฏชีวิตของตัวเอง

 

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ตัวเธอจะสะเพร่าในเรื่องที่ไม่ควรจริงๆ

 

และทีเด็ดกว่านั้น ... 

 

" ฟารีย์ฎา....มานี่สิ"  เสียงที่คุ้นหู แต่น้ำเสียงปนโทสะที่ไม่คุ้นชิน

 

" อาจารย์หวัง"  หล่อนเดินเข้าไปหา เพราะคิดว่าคงจะมีงานเร่งด่วน

 

" ไปไหนมา..ทำไมถึงไม่เข้าปฐมนิเทศกับท่านรอง?"

 

" อ้าว...เด็กเขาไม่ได้ฝากมาบอกหรอกเหรอคะ 'จารย์" 

 

"บอก .."  น้ำเสียงที่เริ่มโมโห  ภาพของครูฝ่ายปกครองเด่นชัดจนหญ้าฟางรู้สึกถึงรังสีที่แผ่ซ่านออกมา

 

ผีงิ้วลงโรงแล้วกระมัง...

 

หากแต่ หล่อนไม่เคยยอมใคร ทุกอย่างเหตุผลต้องมาก่อนเสมอ

 

" ไม่ต้องพูดอะไร นี้ไม่ใช่เวลามาแก้ตัว"  แค่เห็นริมฝีปากทำท่าจะเขยื้อน อาจารย์หน้าดุก็ดูท่าจะรู้ทันอากัปกิริยาของคนที่ไม่ยอมคน

  

" อย่าเอานิสัยแบบเด็กหอเด็กมหาลัยมาใช้กับที่นี้ โตแล้ว มีอย่างที่ไหน เข้าพบผู้ใหญ่  แล้วมาเบี้ยวนัดกัน.."

 

" ก็ฟางมีธุระ"  หญิงสาวแย้งกลับ

 

" แล้วก็ฝากเด็กมาบอกแล้วด้วย"

 

" ฝากเด็กมาบอก ก็ดูด้วยว่าเด็กใหม่หรือเด็กเก่า แล้วคราวหลัง โทรศัพท์ควรจะชาร์จมาให้เต็ม แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องวิ่งแจ้นกลับไปเอาถึงที่บ้านพักก็ได้"

 

" อาจารย์หลี่หวังคะ...แต่" 

 

สัญญานโบกมือเป็นอันสิ้นสุดบทสนทนาทั้งสองฝ่าย แต่มิวายจะโยนลูกระเบิดลูกใหญ่เข้าให้

 

" โรงเรียนนี้ มารยาท ความรับผิดชอบ การตรงต่อเวลา สำคัญมาก...อาจารย์น่ะไม่เท่าไหร่ 

แต่ท่านรอง คงจะลิตส์ชื่อเธอขึ้นบัญชีดำเก็บเข้ากรุ รอวันนัดพิพากษากับเธออีกรอบแน่"

 

 

แสงสุดท้ายในยามเย็น จากสีส้มออละอ่อน จรลีจรหาย กลายเป็นเมฆสีทะมึนรวมตัวเลยเหนือหัวขึ้นไป

 

หญิงสาวที่กำลังเดินขนาบพร้อมๆกับลุงยาม ต่างก็หยุดชะงัก แหงนหน้ามองมัน

 

" เมฆตั้งเค้าอย่างนี้  ตกชัวร์ "  หญ้าฟางดีดนิ้วดังเป๊าะ คล้ายกับจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองพยากรณ์เอาไว้

 

" ฝีมือของหยี่ว์ซือ..."

 

" คะ?"  โฉมอนงค์ปรายตามองอีกฝ่าย แกมใคร่รู้  รึจะเสือกรู้ ก็ไม่ผิดนัก

 

" หยี่ว์ซือ เทพแห่งฝนรู้จักมั้ย?"  

 

" อ่า...เหมือนคุ้นๆ"  

 

ย่อมแน่...ความผูกพันกับวัดจีน ศาลเจ้าที่มีมาครั้งกระโน้น  ตอนที่ยังเป็นเด็กวิ่งเร่ขายแท่งกำยานกับดอกไม้บูชาพระ

 

ชื่อของเทพแต่ละองค์ถูกกลั่นกรองออกมาจากปากลูกค้าที่ยืนรอต่อคิวซื้อสินค้าจากเธอ

 

เดี๋ยวก็เทพองค์นู้นศักดิ์สิทธิ์บ้างล่ะ  เทพองค์นั้นให้หวยแม่นนักล่ะ เทพองค์นี้มาเข้าฝันบอกโชคบอกลาภบ้างล่ะ

 

สารพัดสารเพ...จนคร้านไม่อยากจะเก็บมาจำ

 

แต่จนแล้วจนรอด พอตัวหล่อนต้องบินไปเรียนที่จีนสองปี ก็มิวายเหล่าซือยังจะให้มานั่งท่องชื่อเทพแต่ละองค์จนตาลาย  

 

ท้ายที่สุด....ผลลัพธ์ของการท่องเพื่อเกรด คือ การโยนความรู้ลงหม้อ

 

ป่านฉะนี้ มิลอยเคว้งอยู่กลางแยงซี เดอะ รีเวอร์ไปแล้วรึ?

 

" จำไม่ได้หรอกลุง รู้แต่ว่า พญามังกรเป็นเทพแห่งฝน ที่ท่องๆมาก็มีแค่นี้แหล่ะ"

 

" มีหลายคน แล้วแต่ช่วงยุคกันไป ถ้าเป็นยุคโบราณ ยุคสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ เทพแห่งฝน คือ ฉื้อซงจื่อ ถ้าต้นราชวงศ์ถัง ก็เป็น ยอดขุนพลหลี่จิ้ง รูปสัญลักษณ์เป็นชายสูงกำยำ ผมดำ มือซ้ายถือเหยือกน้ำ มือขวทำท่าสาดน้ำ ในเหยือกน้ำนั้นจะมีมังกรปรากฏอยู่"

 

หญ้าฟางทำหน้าอึ้งๆ ไม่ใช่อะไร..คนอายุปูนจะเข้าโลงอยู่ร่อมร่อ หากทว่า...ความจำกลับดียิ่งกว่าเด็กอายุคราวหลานอย่างหล่อน

 

หนือฟ้ายังมีฟ้าสินะ!

 

หยาดน้ำฝนหยดแรกร่วงหล่นใส่กลางกระหม่อม หญ้าฟางรับรู้ได้...อีกเดี๋ยวคงมาเป็นห่าใหญ่

 

ทั้งสองรีบเดินมุ่งตรงไปยังทิศที่ตั้งของหลังโรงเรียน...

 

หล่อนหันไปมองอีกฝ่ายที่แลดูจะดีกว่าเธอตรงที่ มีจักรยานเป็นราชพาหนะประจำตัว แต่ไหงถึงขับช้ายังกะเต่า

 

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะหยั่งรู้ลึกถึงความคิดของเจ้าตัวได้

 

" เดินไปก่อนเถอะ...บ้านพักลุงอยู่ใกล้ๆ อีกเดี๋ยวก็ถึง"

 

หญ้าฟางพยักหน้าหงึกหงัก  เมื่อเม็ดฝนเริ่มพรั่งพรูจากหนึ่งเป็นสอง สองเป็นสาม สามเป็น.....

 

" ครืน..ครืน.!!"

 

เสียงอสุนีบาตคำรามก้องไปทั่ว  ก่อนที่เม็ดน้ำละเอียดจะโปรยลงมา ราวกับม่านสีใสปกคลุมพื้นที่โดยรอบไว้จนหมดสิ้น

 

เธอหันกลับมาอีกครั้ง...น่าแปลก ที่เงาร่างของลุงยามเหมือนจะถอยห่างไปไกล ทั้งๆที่หล่อนก็ไม่ได้ขยับฝีเท้าให้เร็ว

 

ระยะทาง...แท้จริง คือ ไกล  หากแต่...ความรู้สึก เพียงแค่พระพายผัดผ่าน

 

หากหล่อนมีดวงตาด้านบน มองสิ่งที่อยู่เหนือท้องนภา

 

ชายคนหนึ่งกับเหยือกน้ำที่อยุ่ในมือ 

 

กิ่งต้นหลิว ปลายของมันถูกสะบัดกลายเป็นหยดน้ำฝนปรอยๆ

 

เทพ...เทพแห่งสายฝน

 

หาใช่หนึ่งแต่เป็นสอง  ด้ายสีแดงพลิ้วไสวท่ามกลางละอองฝนที่ปลิดโปรย

 

นั้น....ท่านผู้เฒ่าจันทรา

 

รอยยิ้มของผู้มาเยือน ทำให้เทพหยี่ว์ซือหยุดชะงัก พร้อมทั้งน้อมกายถวายคาระวะแด่เทพอาวุโส

 

" ไม่มีอะไรหรอก  ทำหน้าที่ของท่านต่อไปเถอะ"

 

หน้าที่ ที่จะทำให้โฉมงามได้พบกับใครคนหนึ่ง...

 

ม่านแพรสีใส...ยังคงวิ่งเข้าใส่ร่างสูงหุ่นบางไม่ยั้ง  

 

ขืนวิ่งต่อ...จากครูสอนหนังสือจะได้กลายเป็นนางเอกเอวีเสียประไร

 

เดี๋ยวมิงามตา!

 

หญ้าฟางพยายามมองหาที่หลบฝน และดูเหมือนม่านแพรที่ปกคลุมจะรู้ใจหล่อนยอมคลี่ตัวให้เห็นบ่านเก่าซ่อมซ่อ 

 

ฝีเท้าขยับวิ่งมุ่งตรงไปยังบ้านหลังนั้นโดยไว

 

แต่หารู้ไม่...

 

เมื่อแสงอสุนีแห่งฟ้าฟาก แววปลาบผ่านดวงตาของหล่อน

 

สิ่งที่หญ้าฟางเห็นแทบจะบิดตัวหนีไม่ทัน

 

สายตาอันเยือกเย็นที่หล่อนเคยพานพบเมื่อไม่นาน

 

เทวดาบนฟ้ายิ้มชื่น ด้ายแดงปลิวว่อนโดยทั้ว หากทว่า...มิมีใครเห็น

 

ทั้งหล่อนและเขาคงจักหนีไม่พ้นลิขิตจากสวรรค์

 

ถึงจะหนีไปได้ ต่อให้ไกลจนสุดขอบฟ้า

 

ก็มิอาจหนีพ้นอำนาจเสน่หาดวงใจแห่งตน!

 

  จบตอนที่ 19 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา