ลิขิตจันทรา ภาค มายาแห่งดวงใจ (注定月下老人 )
8.0
เขียนโดย Wuzhenni
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 22.20 น.
22 ตอน
9 วิจารณ์
30.38K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 20.59 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) แก้ไขเสร็จแล้ว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหญิงสาวหน้าแฉล้มในชุดนักศึกษาครูที่เนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า
เสื้อสีขาว เรียบกริบ กระโปรงพลีทสีดำยาวถึงเข่าถูกอัดกลีบสวยงามน่ามองชม
ทรงผมถูกมัดรวบให้แน่นตึง ใบหน้าเกลี้ยงเกลา แม้ไม่ขาวผ่อง แต่ก็พอสวยสู้มิสทิฟฟานี่ได้
หากความจริง การแต่งตัวในลักษณะ "นักศึกษา" ในอุดมคติของเจ้าหล่อน
มิได้หมายถึงเฉกเช่นที่เห็นอยู่ตอนนี้
" นักศึกษาครูนะย่ะ ไม่ใช่นักศึกษาคู ทำตัวยังกะกุ๊ยข้างคลอง"
เสียงแว้ดๆของอาจารย์เปรี้ยว ล่องลอยผ่านโสตทรงจำเมื่อครั้งพบปะกันใหม่ๆ
ชายเสื้อโผล่พ้นขอบกระโปรง รองเท้าผ้าใบลายสีแสบสัน ผมเผ้าที่รวบไว้ดูเหมือนจะไม่อยู่เป็นที่เป็นทางตามทรงเดิม
แฟชั่นตามใจฉัน อาจบังเกิดขึ้นได้ในชั่วขณะ
ยิ่งในเขตรั้วมหาลัย แต่งยังไงใครจะกล้าว่า
แต่นักศึกษาครู แค่ผมเผ้าเหมือนอีเพิ้งก็โดนซะแล้ว
แหม..ถ้าให้มาตรวจเครื่องแต่งกายตอนนี้ คงจะได้เต็มสิบ!!
" แล้วดูสิเนี้ย..แขนไปโดนอะไร ทำไมถึงเข้าเฝือกซะล่ะ"
" มีเรื่องนิดหน่อยเอง" เสียงอ่อยๆ พลอยให้คนยืนหน้าบึ้งคลายรอยย่นระหว่างคิ้วได้
" เป็นครู ไปมีเรืองกับคนอื่น มันไม่ดี....ทุกวันนี้เขามองครูกันยังไง ก็น่าจะพอรู้บ้างนะ"
ความเป็นครู ทุกย่างก้าว คือ ระเบียบ พ่วงท้ายด้วย ความยุติธรรมที่เหนือกว่าความถูกต้องแห่งบุคคล
อาจารย์เปรี้ยว แม้นจะดุด่าว่ากล่าวเธอจนนับคำไม่รู้จักจบสิ้น
หากท้องฟ้าและเมฆา คือ คำสอนสั่ง
วิถีบินเข้าสู่เวหานภาพาน ก็คงเป็นหนทางที่จะตามคำสอนนั้นให้ไปถึงจุดมุ่งหมาย
หญ้าฟางยืนยิ้มกริ่ม เสียงในโสตเริ่มหายเข้าในซอกเส้นประสาทการ์ดความจำตน
ดวงตาคู่สวยเฉิดฉาย เปล่งประกาย ท้าแสงนวลละอุ่นยามเช้า
ฟ้ากว้างในวันเปิดเทอมใหญ่
หน้าที่ใหม่ของนักศึกษาปีห้า ปีสุดท้ายพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต
การเปลี่ยนแปลงที่ล่องลอยอยู่ท่ามกลางผืนฟ้าสีอ่อนสดใส
หากจุดมุ่งหมายของชีวิต จะอยู่เหนือขอบจักรวาล ไกลแสนไกลยากนักที่จะแหงนมองถึง
ชีวิตที่ติดปีกก่อนโผบินตามเส้นทางน่านฟ้านานเนิ่นจนเริ่มรู้
ครานี้จักได้ทำหน้าที่เป็นผู้บอกเส้นทางให้กับคนอื่นเขาเสียที!!
คนนึกคิดทอดตามอง เชิดคางขึ้นแต่พอควร นัยนาเรียวคู่กรีดมองเจ้าปุยขาวที่ค่อยๆเคลื่อนตัวอยู่เหนือหัวหล่อน
อุปสรรคปัญหาที่จะเผชิญ มันคงไม่แคบกว่าผืนฟ้า
แต่คงไม่ถึงกับ ฆ่า คนให้ร่วงหล่นลงพื้นได้กระมัง?
" ปั๊ดโธ่...เกิดเป็นหวงเฟยฟาง เต๊ะท่ากร่างใส่ชาวบ้านเขาไปทั่ว จะมามั่วขี้ขลาดอะไรตอนนี้กันเล่า"
เสียงจิตใต้สำนึกสะท้อนก้องในใจ
เออ...จริงของมัน
" มีปัญหา ใครบ้างจะไม่เคยท้อ ท้อได้แต่อย่าถอย อดข้าวอดน้ำ ตรากตรำทำงานต้องให้ไหว
แต่อย่าขาดใจ อดทนไว้ ต้องมี"
เสียง...ยังคงเตือนเจ้าตัวอยู่เช่นเคย
ยามใดมีปัญหา เตือนตัวเอง คุมสติให้อยู่กับที่
นั้นแหล่ะ วิธีอันแสนเลิศประเสริฐศรี
ดีกว่ามานั่งด่าตัวเอง ทั้งๆที่ยังไม่เริ่มทำอะไร
ใช่! ท้อได้ แต่จะไม่มี คำว่าถอยแน่
อีฟางนะอีฟาง....ยังไม่เริ่มจับชอล์กสอนเด็กก็ทำเป็นกลัวเสียแล้ว
ประเดี๋ยวถ้าไอ้ปวงโชครู้เขา จะไม่เยาะเย้ยจนกรามหลุดหรอกฤา?
หญ้าฟางสะบัดศรีษะเล็กน้อย ก่อนจะหายใจเข้าออก เรียกความกล้ากลับคืน
รั้วเหล็กดัดสีหม่นตัดกับฉากหลังที่อยู่ไกลลิบ
ซุ้มประตูทางเข้าของโรงเรียน
สถาปัตย์แบบโรงเรียนจีน
หลังคาเขียวระเรื่อลาดเอียงลงมาก่อนที่ปลายกระเบื้องจะตวัดงอนเล็กน้อยพองาม
หน้าจั้วสลักลายมังกรดูน่าเกรงขาม แม้สีที่ย้อมเนื้อปูนจะหลุดลอกออกไปบ้างแล้ว
หากแต่นี้คือ หลังคาปั้นหยาทรงหักมุกจีนโบราณของแท้
หญิงสาวเพ่งตามองตรง เสียงคัทชูกระทบกันดังกึกกักทั่วลาน
เสียง..ช่างสัมพันธ์กับฝีเท้าที่เร่งเร้าให้ดิ่งตรงไปยังทิศเบื้องหน้า
ภาพซุ้มประตูอันวิจิตรเลอค่าดูตั้งเด่นเป็นสง่า พลอยให้คนมองชักหมั่นไส้ ไอ้คน"สั่ง" สร้างขึ้นมาเสียมิได้
แหม่ะ..แค่ประตูหน้าโรงเรียนมันยังเว่อร์ได้ขนาดนี้
แสดงว่าเจ้าของที่นี่ "คงกระเป๋าหนักไม่ใช่เล่น"
ร่าง ไอ้โย่ง รีบสาวพระบาทให้ไว เมื่อแฉลบเห็นรถของใครคนหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูรั้วเหล็กลายจรัสงาม
รถเปิดประทุน...รถคนรวย!!
หญ้าฟางยิ้มกระหยิ่ม
นอกจากเจ้าของโรงเรียนแล้ว คนมาเรียนก็คงจะกระเป๋าหนักไม่ต่างกัน
เด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้ม ผมสั้นพริ้วปลิดปลิวรับลมอรุณของวันใหม่
ในขณะที่เด็กรุ่นราวคราวเดียว ล้วนแล้วแต่ทำทรงผมเปียข้างสวยเป็นระเบียบเรียบร้อยดี
ยูนิฟอร์มสีขาวแขนยาว ประดับด้วยเนคไทสีฟ้าครามที่ผูกไว้แทบจะชิดคอ
กระโปรงสีเดียวกันกับเนคไท ปลิวไสวไปตามแรงลม
หากดวงหน้ากลับรู้สึกมิสู้อยากจะเหยียบย่างก้าวเท้าเข้าโรงเรียนเสียเท่าไหร่
ชายแว่นดำทั้งสองกับอีกหนึ่งหนุ่มที่ดูๆแล้ว เหมือนจะอายุน้อยกว่าหล่อนแค่สามสี่ปีแต่โครงหน้าหล่อใส มัดใจสาวเนี่ยสิ
เป็นใครกันน๊า
พี่น้องก็ไม่ใช่ หน้าตาไม่เห็นจะพิมพ์เดียวกัน
รึ..จะเป็นคนสวน?? แต่คนสวนบ้านไหนฟ่ะยังกะดาราเกาหลี
หญ้าฟางสับเท้าเข้าหาอย่างไว ยิ่งทำให้เห็นสีหน้าหงุดหงิดของนักเรียนวัยสาวสะพรั่งได้ถนัดชัดเจนยิ่ง
" พี่นัน..รตาไม่อยากเรียนที่นี่"
" จะขัดคำสั่งของท่านรึ? เถอะน่า ...อย่างน้อยเครดิตของโรงเรียนนี้ก็ยังดีกว่าที่อื่น "
" แต่.." คนพูดง้างปากจะเอ่ยต่อ แต่กลับถูกห้ามเสีย
เมือ่ร่างตัวโย่งมหาโหด ทว่า..หุ่นเพรียวราวกับนางแบบชั้นหนึ่งเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าไมตรีจิต
" มีอะไรกันหรือเปล่าค่ะ? แหม..มาแต่เช้าเลยเชียว"
แน่ล่ะ...พวกเธอเป็นนักศึกษาฝึกสอน ห้องหอก็อยู่ใกล้ๆรั้งโรงเรียน
ขืนนอนตื่นสาย จะได้โดนด่าวายวอดกันทั้งคู่!!
อุตส่าห์รีบเร่งตื่นมาเข้าเวรประตูให้ทัน แต่ไอ้หุ่นกระปุกดันส่งข้อความมาบอกให้รอเก้อซะนี้
" ฟาง เข้าเวรประตูก่อนเราเลยนะ อาจารย์ที่ประจำอยู่โรงครัว ท่านใช้ให้พราวถืออาหารไปส่งลุงยามหลังประตูน่ะ"
เออ...มือไม้ก็มี เดินไปส่งข้าวส่งน้ำ สามสี่ก้าวก็ถึง
ขี้คร้านกันดีจริงๆ !
" ไม่ทราบว่า ตึกอาคารเรียนม.ปลาย อยู่ตรงไหนเหรอครับ?" คนหน้าละอ่อนเอ่ยถามขึ้นด้วยสำเนียงสุภาพชัดถ้อยชัดคำ
รอยยิ้มประดับแต้มที่ดวงหน้า ดวงตาหวานหยดย้อยพลอยให้คนยืนฟังจ้องตาไม่กระพริบเลยทีเดียวเทียว
" อ๋อ.. อยู่ตึกสามนู่นแหน่ะ ถัดจากโรงอาหารไปอีกนิดหนึ่ง ไม่ไกลนักหรอก เดินแปบๆเดี๋ยวก็ถึง"
" ครับ" เขาก้มหัวลงเล็กน้อย หล่อเนี๊ยบไม่พอ มารยาทยังดีเลิศยิ่งกว่านางสาวไทยซะอีก
" รตา...เข้าโรงเรียนได้แล้ว เดี๋ยวจะสาย พี่ต้องรีบกลับไปทำงานต่ออีก"
" พี่นัน ตาไม่อยาก..."
คนครวญร่ำร้องได้เพียงแค่นั้น
สายตาของคนหน้าอ่อนอิ่มหันกลับมาจ้องตาดุใส่
รอยคมของดวงตา แม้จะดูเด็ก หากแต่ความเป็นผู้ใหม่กลับฉายให้เห็นผ่านม่านเนตรหลายชั้นที่ทับซ้อน
คล้ายดั่งคนมีภาระ งานหนักต้องสะสาง
แววตาที่คู่ควรกับเขา "ดวงตาหวานแห่งเยาว์วัย"
มิใช่ แววตาของคนผ่านโลกผ่านงานหนักมามากมายเยี่ยงนี้!
" ฝากด้วยนะครับ คุณครู...แกเป็นเด็กใหม่ อาจจะไม่ค่อยคุ้นชินกับบรรยากาศแบบนี้"
" ไม่ต้องห่วงคะ มาใหม่ ก็คงไม่คุ้น กล้าๆกลัวๆ เป็นธรรมดา เดี๋ยวอยู่ไปซักพัก จะกลายร่างเป็นจิงโจ้เข้าให้"
ชายหนุ่มยืนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มเข้าใจในทันที
" ไม่ต้องถึงกับจิงโจ้หรอกครับ เด็กคนนี้แกดื้อเงียบ แต่ฉลาด"
" เด็กดื้อ คือ เด็กฉลาด แต่ถ้าดื้อกับครูมาก เดี๋ยวจะพลาดเกรดดีๆไปนะ"
ประโยคช่วงหลังเจ้าหล่อนหันมาสบตากับนักเรียนหญิงคนข้างๆ
เส้นผมตัดสั้นชิดหู หากดวงหน้ากลับเรียวหวาน รับกันได้ กับดวงตากลมโตสุกประกายนับว่าสวยสะดุดตา ดีกว่าสวยแล้วน่าถีบเหมือนใครบางคน
" เดินไปคนเดียว ประเดี๋ยวจะหลง ยังไม่รู้จักทิศจักทางดี เดี๋ยวครูจะหาคนเดินไปเป็นเพื่อนให้"
คุณครูมือใหม่กวาดสายตา มองหาคนที่พอจะเป็นที่พึ่งยามนี้ได้
ตัวเองเดินเองยังหลงเอง ขืนพาไปด้วยกัน มีหวังหลงทั้งเด็กทั้งครู อายเขาตายสิ
ตึกเรียนนี่ก็จะสร้างเยอะเกิน ผลาญงบกันไปกี่บาทแล้วฟ่ะ
เวลาสอนเด็ก อยากจะรู้นักว่ามันจะเต็มที่เหมือนเวลาสร้างตึกกันรึเปล่า?
รึดีแต่จะเอาเงินเข้ากระเป๋าอย่างเดียว
หญ้าฟางไล่หางตามองไปทั่ว
เด็กหนุ่มร่างสูงฉะลูด ผิวพรรณขาวใส มุมปากหยักโค้งรูปสวย ความสูงก็แลดูจะกินขาดกว่านักเรียนคนอื่นๆ
ความหล่อเชิดที่ฉายให้เห็นผ่านดวงหน้าคมสันได้รูป ดวงตาสองชั้นเปล่งรัศมีสิเนหา จมูกมีมิติสูงสะท้อนเงาแดดให้ "คนมีไม่เท่า" อิจฉาพอควร รอยคิ้วหนาพาดเฉียงเหนือดวงเนตร
สอดรับกันดีกับทรงผมสกินเฮด ละม้ายคล้าย นักเลง มากกว่า นักเรียน
" นี่ๆ เธอ ครูมีเรื่องวานให้ช่วยหน่อย"
คนถูกเรียกหันมาสบตา พลางเชิดปากดูยิ้มเยาะแลเหยียดขัน
ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินสวบๆเข้ามาประชิดคนเรียก หากเคราะห์ดีที่หล่อนเองก็พอหลีกทันอยู่
"อะไร?" วาจาหวนห้าว พร้อมทีท่ากริ่งกร่างปานกุ๊ยข้างคอก
ยังไม่พอ..มีโลมเลียผ่านสายตาอีก มันน่านัก...!!
" พาเพื่อนใหม่ไปที่ตึกสามได้มั้ย? ไปตรงบอร์ดรายชื่อ... "
มัน ไอ้หนุ่มคลอรีน ละสายตาพาเกี้ยวไปยัง เด็กหญิงผมสั้นก่อนจะแสยะยิ้มนิดๆ
" ทำตัวเหมือนเด็ก..."
วาจาเสียดสีพร้อมสายตาดวงเชิด
นัยนาร้อนแรงพร้อมที่จะแผดเผาทุกสิ่ง
ใบหน้าดุจดั่งเทวดา หากแต่นิสัยยังกะซาตานลงมาเกิด
" ลูกคุณหนู งอมืองอเท้า รอให้คนอื่นประเคนความสบายให้รึไง สมองก็มี...รุ้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ซะบ้างสิ"
คนถูกกล่าวหา นิ่งตะลึงไปชั่วขณะ หากระบบประสาทได้บรรจุคำๆหนึ่ง ที่แสนจะห่างไกลตัว
ลูกคุณหนู
ศัพท์เฉพาะที่เป็นได้แค่ช่วงเพลานี้
น่าขัน.....คนใช้ตัวกระจ๊อก ผิวพรรณหยาบหม่น ใต้ดวงตาปรากฏรอยด่างดำอันเกิดจากภาวะนอนดึกดื่นติดต่อกันนานแรมปี
เด็กโทรมๆที่ถูกคลุมร่างด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ชั้นเลิศ
เพียงแค่เสื้อผ้าราคาหรู ก็ลบสถานะอันต้อยต่ำของตนได้
นี้กระมัง...ดวงตาเนื้อของเหล่ามนุษย์
รับรู้ได้แค่สิ่งที่เห็น สัมผัสได้ในสิ่งที่สัมผัสถึง
แต่มิเคย ที่จะมองให้ลึกลงไปให้มากกว่านั้น
ลึกลงไปในจิตใจของคนเรา
" ขอบคุณ เราจะใช้สมองหาห้องเรียนของเราเอง"
แม้นไม่รู้ว่าคนที่ยืนยิ้มร้ายอยู่ตรงหน้านี้จะเป็นใคร
รุ่นพี่ รุ่นเพื่อน
จะมีอิทธิพลมากขนาดไหน
ก็คงมิอาจเทียบอำนาจ "เจ้านายร่วมสายเลือด" ของเธอไม่ได้แน่
แล้วไยหล่อนต้องกลัวมัน
" แค่ห้องเรียนห้องเดียว หาไม่ได้ ก็คงจะอยู่บนโลกนี้ไม่ได้ นิสัยคนเรา มันหายากยิ่งกว่าหาห้องเรียน"
ดรุณีแช่มช้อยยกมือไหว้หญ้าฟางอีกครั้งก่อนจะหันกลับไปไหว้ คนมาส่งเธอด้วยกิริยานอบน้อมน่าดูชม
" ขอบคุณนะคะพี่นัน..ขอบคุณที่มาส่ง"
ชายหนุ่มรับไหว้ หากแต่สายตากลับชำเลืองมองไปยังนักเรียนตัวโตที่หันมาพินิจพิเคราะห์ตัวเขาอยู่เช่นกัน
" ขอบคุณอาจารยมากคะ ที่เป็นธุระให้ "
" ...ไม่เป็นไรจ๊ะ เป็นหน้าที่ของครูอยู่แล้ว"
" หน้าที่สูบเงินเด็กน่ะสิ!! "
ไอ้ตัวคลอรีน เหยียดยิ้มมุมปากก่อนจะเดินลิ่ว ไม่สนใจ ครูมือใหม่ ที่มือสั่นระริกๆ เตรียมพร้อมจะตวัดฟาดใส่หัวคนได้ทุกเวลา
แขนขาเริ่มขยับเขยื้อนหมายจะพุ่งเข้าใส่คนตัวโต
หากแต่ กิริยามารยาท ของคนที่ได้รับการศึกษามาอย่างดี
นิสัยกำหมัดแล้วซัดใส่ท้อง คงต้องระงับโครงการไว้ในใจ
หญ้าฟางหันกลับมาหน้ายิ้มระรื่น
เย็นไว้ เย็นไว้
อยู่ๆไปเดี๋ยวก็ชินเอง!! สู้กับเด็ก ไม่เหนื่อยเท่าสู้กับไอ้ลูกผู้ว่านั้นหรอกหน่า!
" หมดธุระแล้ว ผมขอตัวกลับก่อน"
ชายหนุ่ม ยกมือไหว้อย่างสุภาพ ก่อนจะขึ้นรถพร้อมบอดี้การ์ดชุดดำ
รกเปิดประทุนสีดำเงาวาวขับออกไปเกือบพ้นซุ้มประตู หากเขาที่กำลังนั่งอิงเอนตัวอยู่เห็นอะไรในบางสิ่ง
บีเอ็มสีขาวขับสวนเข้ามา เนิบนาบ นิ่มนวล เครื่องยนตร์ถูกเร่งสปีดจากบอดี้การ์ดนายตน
มิอาจทำให้เห็นภาพคนขับที่สวนกันอย่างเร็วไว
ใครคนหนึ่ง ที่เขาดูเหมือนจะเคยคุ้น?
ลำคอขาวนวลละอ่องเหลียวหันกลับไปจ้องมองอีกครั้ง
ดวงตาดำขลับเห็นได้แค่เพียงด้านหลังของรถคันนั้น
" มีอะไรรึเปล่า? คุณพ่อบ้าน" ชายชุดดำมองอากัปกิริยาของอีกฝ่ายอย่างใคร่รู้
" เปล่า ไม่มีอะไร ขับต่อไปเถอะ"
รถคันหรูวิ่งผ่านกลางถนนใหญ่ ดวงใจที่ล่องลอย คำถามที่ลอยวนอยู่กลางหัว
รถบีเอ็ม? คงมิใช่คันเดียวกับวันนั้น
วันที่เขาจะจดจำภาพ หยกสลักเลือดเย็นแห่งตะกูลจาง
กับรอยยิ้มเย็นชืด พิมพ์ประดับใจในครั้งแรกที่เจอะเจอ
" จางอี้เซียว ! "
รถ....เลี้ยวจอดไว้ในโรงจอดเฉพาะที่
ป้ายแขวนบ่งบอกถึงฐานะและตำแหน่งของเจ้าของ ณ ที่แห่งนี้
" ที่จอดรถสำหรับรองผู้อำนวยการ"
ใคร...ในชุดสูทสีดำอำพัน ก้าวลงจากรถ
ดวงตาคลับคล้ายสะท้อนข้อมูลที่ถูกถ่ายเก็บไว้จากภาพเมื่อครู่
เด็กคนนั้น....
กับความรู้สึกที่รับรู้ได้
แม้ไม่มาก
ดวงตาที่มิอาจมองเห็นในสิ่งที่ควรเห็น
วิญญาณ!!
ชายหนุ่มเคลื่อนตัวผ่านประตูรั้วเหล็ก รายล้อมด้วยบุคคลอื่น
ผ่านร่างของใครอีกคนที่กำลังยืนพักเท้าหันหลัง เสวนากับคนปลายสาย
ก่อนจะสะกดฝีเท้านั้นเอาไว้ ไม่ไกลจาก
โสตทั้งสอง สดับฟังเสียงพรรณา หวานไพเราะเสนาะหูเกินจับใจ...
" สกปรกบ้านเมียมึงสิ อุตส่าห์เช็ดถูทั้งคืน ย้ายลงมาตอนไหน ก็ไม่เห็นบอกก่อน
อย่าให้กูกลับไปที่บ้านพักนะ จะเอาปังตอสับหัวมึงให้เละเลย บ่นจริงเชียว ไอ้หัวเผือกเอ๊ย!"
จบตอนที่ 13
เสื้อสีขาว เรียบกริบ กระโปรงพลีทสีดำยาวถึงเข่าถูกอัดกลีบสวยงามน่ามองชม
ทรงผมถูกมัดรวบให้แน่นตึง ใบหน้าเกลี้ยงเกลา แม้ไม่ขาวผ่อง แต่ก็พอสวยสู้มิสทิฟฟานี่ได้
หากความจริง การแต่งตัวในลักษณะ "นักศึกษา" ในอุดมคติของเจ้าหล่อน
มิได้หมายถึงเฉกเช่นที่เห็นอยู่ตอนนี้
" นักศึกษาครูนะย่ะ ไม่ใช่นักศึกษาคู ทำตัวยังกะกุ๊ยข้างคลอง"
เสียงแว้ดๆของอาจารย์เปรี้ยว ล่องลอยผ่านโสตทรงจำเมื่อครั้งพบปะกันใหม่ๆ
ชายเสื้อโผล่พ้นขอบกระโปรง รองเท้าผ้าใบลายสีแสบสัน ผมเผ้าที่รวบไว้ดูเหมือนจะไม่อยู่เป็นที่เป็นทางตามทรงเดิม
แฟชั่นตามใจฉัน อาจบังเกิดขึ้นได้ในชั่วขณะ
ยิ่งในเขตรั้วมหาลัย แต่งยังไงใครจะกล้าว่า
แต่นักศึกษาครู แค่ผมเผ้าเหมือนอีเพิ้งก็โดนซะแล้ว
แหม..ถ้าให้มาตรวจเครื่องแต่งกายตอนนี้ คงจะได้เต็มสิบ!!
" แล้วดูสิเนี้ย..แขนไปโดนอะไร ทำไมถึงเข้าเฝือกซะล่ะ"
" มีเรื่องนิดหน่อยเอง" เสียงอ่อยๆ พลอยให้คนยืนหน้าบึ้งคลายรอยย่นระหว่างคิ้วได้
" เป็นครู ไปมีเรืองกับคนอื่น มันไม่ดี....ทุกวันนี้เขามองครูกันยังไง ก็น่าจะพอรู้บ้างนะ"
ความเป็นครู ทุกย่างก้าว คือ ระเบียบ พ่วงท้ายด้วย ความยุติธรรมที่เหนือกว่าความถูกต้องแห่งบุคคล
อาจารย์เปรี้ยว แม้นจะดุด่าว่ากล่าวเธอจนนับคำไม่รู้จักจบสิ้น
หากท้องฟ้าและเมฆา คือ คำสอนสั่ง
วิถีบินเข้าสู่เวหานภาพาน ก็คงเป็นหนทางที่จะตามคำสอนนั้นให้ไปถึงจุดมุ่งหมาย
หญ้าฟางยืนยิ้มกริ่ม เสียงในโสตเริ่มหายเข้าในซอกเส้นประสาทการ์ดความจำตน
ดวงตาคู่สวยเฉิดฉาย เปล่งประกาย ท้าแสงนวลละอุ่นยามเช้า
ฟ้ากว้างในวันเปิดเทอมใหญ่
หน้าที่ใหม่ของนักศึกษาปีห้า ปีสุดท้ายพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต
การเปลี่ยนแปลงที่ล่องลอยอยู่ท่ามกลางผืนฟ้าสีอ่อนสดใส
หากจุดมุ่งหมายของชีวิต จะอยู่เหนือขอบจักรวาล ไกลแสนไกลยากนักที่จะแหงนมองถึง
ชีวิตที่ติดปีกก่อนโผบินตามเส้นทางน่านฟ้านานเนิ่นจนเริ่มรู้
ครานี้จักได้ทำหน้าที่เป็นผู้บอกเส้นทางให้กับคนอื่นเขาเสียที!!
คนนึกคิดทอดตามอง เชิดคางขึ้นแต่พอควร นัยนาเรียวคู่กรีดมองเจ้าปุยขาวที่ค่อยๆเคลื่อนตัวอยู่เหนือหัวหล่อน
อุปสรรคปัญหาที่จะเผชิญ มันคงไม่แคบกว่าผืนฟ้า
แต่คงไม่ถึงกับ ฆ่า คนให้ร่วงหล่นลงพื้นได้กระมัง?
" ปั๊ดโธ่...เกิดเป็นหวงเฟยฟาง เต๊ะท่ากร่างใส่ชาวบ้านเขาไปทั่ว จะมามั่วขี้ขลาดอะไรตอนนี้กันเล่า"
เสียงจิตใต้สำนึกสะท้อนก้องในใจ
เออ...จริงของมัน
" มีปัญหา ใครบ้างจะไม่เคยท้อ ท้อได้แต่อย่าถอย อดข้าวอดน้ำ ตรากตรำทำงานต้องให้ไหว
แต่อย่าขาดใจ อดทนไว้ ต้องมี"
เสียง...ยังคงเตือนเจ้าตัวอยู่เช่นเคย
ยามใดมีปัญหา เตือนตัวเอง คุมสติให้อยู่กับที่
นั้นแหล่ะ วิธีอันแสนเลิศประเสริฐศรี
ดีกว่ามานั่งด่าตัวเอง ทั้งๆที่ยังไม่เริ่มทำอะไร
ใช่! ท้อได้ แต่จะไม่มี คำว่าถอยแน่
อีฟางนะอีฟาง....ยังไม่เริ่มจับชอล์กสอนเด็กก็ทำเป็นกลัวเสียแล้ว
ประเดี๋ยวถ้าไอ้ปวงโชครู้เขา จะไม่เยาะเย้ยจนกรามหลุดหรอกฤา?
หญ้าฟางสะบัดศรีษะเล็กน้อย ก่อนจะหายใจเข้าออก เรียกความกล้ากลับคืน
รั้วเหล็กดัดสีหม่นตัดกับฉากหลังที่อยู่ไกลลิบ
ซุ้มประตูทางเข้าของโรงเรียน
สถาปัตย์แบบโรงเรียนจีน
หลังคาเขียวระเรื่อลาดเอียงลงมาก่อนที่ปลายกระเบื้องจะตวัดงอนเล็กน้อยพองาม
หน้าจั้วสลักลายมังกรดูน่าเกรงขาม แม้สีที่ย้อมเนื้อปูนจะหลุดลอกออกไปบ้างแล้ว
หากแต่นี้คือ หลังคาปั้นหยาทรงหักมุกจีนโบราณของแท้
หญิงสาวเพ่งตามองตรง เสียงคัทชูกระทบกันดังกึกกักทั่วลาน
เสียง..ช่างสัมพันธ์กับฝีเท้าที่เร่งเร้าให้ดิ่งตรงไปยังทิศเบื้องหน้า
ภาพซุ้มประตูอันวิจิตรเลอค่าดูตั้งเด่นเป็นสง่า พลอยให้คนมองชักหมั่นไส้ ไอ้คน"สั่ง" สร้างขึ้นมาเสียมิได้
แหม่ะ..แค่ประตูหน้าโรงเรียนมันยังเว่อร์ได้ขนาดนี้
แสดงว่าเจ้าของที่นี่ "คงกระเป๋าหนักไม่ใช่เล่น"
ร่าง ไอ้โย่ง รีบสาวพระบาทให้ไว เมื่อแฉลบเห็นรถของใครคนหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูรั้วเหล็กลายจรัสงาม
รถเปิดประทุน...รถคนรวย!!
หญ้าฟางยิ้มกระหยิ่ม
นอกจากเจ้าของโรงเรียนแล้ว คนมาเรียนก็คงจะกระเป๋าหนักไม่ต่างกัน
เด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้ม ผมสั้นพริ้วปลิดปลิวรับลมอรุณของวันใหม่
ในขณะที่เด็กรุ่นราวคราวเดียว ล้วนแล้วแต่ทำทรงผมเปียข้างสวยเป็นระเบียบเรียบร้อยดี
ยูนิฟอร์มสีขาวแขนยาว ประดับด้วยเนคไทสีฟ้าครามที่ผูกไว้แทบจะชิดคอ
กระโปรงสีเดียวกันกับเนคไท ปลิวไสวไปตามแรงลม
หากดวงหน้ากลับรู้สึกมิสู้อยากจะเหยียบย่างก้าวเท้าเข้าโรงเรียนเสียเท่าไหร่
ชายแว่นดำทั้งสองกับอีกหนึ่งหนุ่มที่ดูๆแล้ว เหมือนจะอายุน้อยกว่าหล่อนแค่สามสี่ปีแต่โครงหน้าหล่อใส มัดใจสาวเนี่ยสิ
เป็นใครกันน๊า
พี่น้องก็ไม่ใช่ หน้าตาไม่เห็นจะพิมพ์เดียวกัน
รึ..จะเป็นคนสวน?? แต่คนสวนบ้านไหนฟ่ะยังกะดาราเกาหลี
หญ้าฟางสับเท้าเข้าหาอย่างไว ยิ่งทำให้เห็นสีหน้าหงุดหงิดของนักเรียนวัยสาวสะพรั่งได้ถนัดชัดเจนยิ่ง
" พี่นัน..รตาไม่อยากเรียนที่นี่"
" จะขัดคำสั่งของท่านรึ? เถอะน่า ...อย่างน้อยเครดิตของโรงเรียนนี้ก็ยังดีกว่าที่อื่น "
" แต่.." คนพูดง้างปากจะเอ่ยต่อ แต่กลับถูกห้ามเสีย
เมือ่ร่างตัวโย่งมหาโหด ทว่า..หุ่นเพรียวราวกับนางแบบชั้นหนึ่งเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าไมตรีจิต
" มีอะไรกันหรือเปล่าค่ะ? แหม..มาแต่เช้าเลยเชียว"
แน่ล่ะ...พวกเธอเป็นนักศึกษาฝึกสอน ห้องหอก็อยู่ใกล้ๆรั้งโรงเรียน
ขืนนอนตื่นสาย จะได้โดนด่าวายวอดกันทั้งคู่!!
อุตส่าห์รีบเร่งตื่นมาเข้าเวรประตูให้ทัน แต่ไอ้หุ่นกระปุกดันส่งข้อความมาบอกให้รอเก้อซะนี้
" ฟาง เข้าเวรประตูก่อนเราเลยนะ อาจารย์ที่ประจำอยู่โรงครัว ท่านใช้ให้พราวถืออาหารไปส่งลุงยามหลังประตูน่ะ"
เออ...มือไม้ก็มี เดินไปส่งข้าวส่งน้ำ สามสี่ก้าวก็ถึง
ขี้คร้านกันดีจริงๆ !
" ไม่ทราบว่า ตึกอาคารเรียนม.ปลาย อยู่ตรงไหนเหรอครับ?" คนหน้าละอ่อนเอ่ยถามขึ้นด้วยสำเนียงสุภาพชัดถ้อยชัดคำ
รอยยิ้มประดับแต้มที่ดวงหน้า ดวงตาหวานหยดย้อยพลอยให้คนยืนฟังจ้องตาไม่กระพริบเลยทีเดียวเทียว
" อ๋อ.. อยู่ตึกสามนู่นแหน่ะ ถัดจากโรงอาหารไปอีกนิดหนึ่ง ไม่ไกลนักหรอก เดินแปบๆเดี๋ยวก็ถึง"
" ครับ" เขาก้มหัวลงเล็กน้อย หล่อเนี๊ยบไม่พอ มารยาทยังดีเลิศยิ่งกว่านางสาวไทยซะอีก
" รตา...เข้าโรงเรียนได้แล้ว เดี๋ยวจะสาย พี่ต้องรีบกลับไปทำงานต่ออีก"
" พี่นัน ตาไม่อยาก..."
คนครวญร่ำร้องได้เพียงแค่นั้น
สายตาของคนหน้าอ่อนอิ่มหันกลับมาจ้องตาดุใส่
รอยคมของดวงตา แม้จะดูเด็ก หากแต่ความเป็นผู้ใหม่กลับฉายให้เห็นผ่านม่านเนตรหลายชั้นที่ทับซ้อน
คล้ายดั่งคนมีภาระ งานหนักต้องสะสาง
แววตาที่คู่ควรกับเขา "ดวงตาหวานแห่งเยาว์วัย"
มิใช่ แววตาของคนผ่านโลกผ่านงานหนักมามากมายเยี่ยงนี้!
" ฝากด้วยนะครับ คุณครู...แกเป็นเด็กใหม่ อาจจะไม่ค่อยคุ้นชินกับบรรยากาศแบบนี้"
" ไม่ต้องห่วงคะ มาใหม่ ก็คงไม่คุ้น กล้าๆกลัวๆ เป็นธรรมดา เดี๋ยวอยู่ไปซักพัก จะกลายร่างเป็นจิงโจ้เข้าให้"
ชายหนุ่มยืนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มเข้าใจในทันที
" ไม่ต้องถึงกับจิงโจ้หรอกครับ เด็กคนนี้แกดื้อเงียบ แต่ฉลาด"
" เด็กดื้อ คือ เด็กฉลาด แต่ถ้าดื้อกับครูมาก เดี๋ยวจะพลาดเกรดดีๆไปนะ"
ประโยคช่วงหลังเจ้าหล่อนหันมาสบตากับนักเรียนหญิงคนข้างๆ
เส้นผมตัดสั้นชิดหู หากดวงหน้ากลับเรียวหวาน รับกันได้ กับดวงตากลมโตสุกประกายนับว่าสวยสะดุดตา ดีกว่าสวยแล้วน่าถีบเหมือนใครบางคน
" เดินไปคนเดียว ประเดี๋ยวจะหลง ยังไม่รู้จักทิศจักทางดี เดี๋ยวครูจะหาคนเดินไปเป็นเพื่อนให้"
คุณครูมือใหม่กวาดสายตา มองหาคนที่พอจะเป็นที่พึ่งยามนี้ได้
ตัวเองเดินเองยังหลงเอง ขืนพาไปด้วยกัน มีหวังหลงทั้งเด็กทั้งครู อายเขาตายสิ
ตึกเรียนนี่ก็จะสร้างเยอะเกิน ผลาญงบกันไปกี่บาทแล้วฟ่ะ
เวลาสอนเด็ก อยากจะรู้นักว่ามันจะเต็มที่เหมือนเวลาสร้างตึกกันรึเปล่า?
รึดีแต่จะเอาเงินเข้ากระเป๋าอย่างเดียว
หญ้าฟางไล่หางตามองไปทั่ว
เด็กหนุ่มร่างสูงฉะลูด ผิวพรรณขาวใส มุมปากหยักโค้งรูปสวย ความสูงก็แลดูจะกินขาดกว่านักเรียนคนอื่นๆ
ความหล่อเชิดที่ฉายให้เห็นผ่านดวงหน้าคมสันได้รูป ดวงตาสองชั้นเปล่งรัศมีสิเนหา จมูกมีมิติสูงสะท้อนเงาแดดให้ "คนมีไม่เท่า" อิจฉาพอควร รอยคิ้วหนาพาดเฉียงเหนือดวงเนตร
สอดรับกันดีกับทรงผมสกินเฮด ละม้ายคล้าย นักเลง มากกว่า นักเรียน
" นี่ๆ เธอ ครูมีเรื่องวานให้ช่วยหน่อย"
คนถูกเรียกหันมาสบตา พลางเชิดปากดูยิ้มเยาะแลเหยียดขัน
ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินสวบๆเข้ามาประชิดคนเรียก หากเคราะห์ดีที่หล่อนเองก็พอหลีกทันอยู่
"อะไร?" วาจาหวนห้าว พร้อมทีท่ากริ่งกร่างปานกุ๊ยข้างคอก
ยังไม่พอ..มีโลมเลียผ่านสายตาอีก มันน่านัก...!!
" พาเพื่อนใหม่ไปที่ตึกสามได้มั้ย? ไปตรงบอร์ดรายชื่อ... "
มัน ไอ้หนุ่มคลอรีน ละสายตาพาเกี้ยวไปยัง เด็กหญิงผมสั้นก่อนจะแสยะยิ้มนิดๆ
" ทำตัวเหมือนเด็ก..."
วาจาเสียดสีพร้อมสายตาดวงเชิด
นัยนาร้อนแรงพร้อมที่จะแผดเผาทุกสิ่ง
ใบหน้าดุจดั่งเทวดา หากแต่นิสัยยังกะซาตานลงมาเกิด
" ลูกคุณหนู งอมืองอเท้า รอให้คนอื่นประเคนความสบายให้รึไง สมองก็มี...รุ้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ซะบ้างสิ"
คนถูกกล่าวหา นิ่งตะลึงไปชั่วขณะ หากระบบประสาทได้บรรจุคำๆหนึ่ง ที่แสนจะห่างไกลตัว
ลูกคุณหนู
ศัพท์เฉพาะที่เป็นได้แค่ช่วงเพลานี้
น่าขัน.....คนใช้ตัวกระจ๊อก ผิวพรรณหยาบหม่น ใต้ดวงตาปรากฏรอยด่างดำอันเกิดจากภาวะนอนดึกดื่นติดต่อกันนานแรมปี
เด็กโทรมๆที่ถูกคลุมร่างด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ชั้นเลิศ
เพียงแค่เสื้อผ้าราคาหรู ก็ลบสถานะอันต้อยต่ำของตนได้
นี้กระมัง...ดวงตาเนื้อของเหล่ามนุษย์
รับรู้ได้แค่สิ่งที่เห็น สัมผัสได้ในสิ่งที่สัมผัสถึง
แต่มิเคย ที่จะมองให้ลึกลงไปให้มากกว่านั้น
ลึกลงไปในจิตใจของคนเรา
" ขอบคุณ เราจะใช้สมองหาห้องเรียนของเราเอง"
แม้นไม่รู้ว่าคนที่ยืนยิ้มร้ายอยู่ตรงหน้านี้จะเป็นใคร
รุ่นพี่ รุ่นเพื่อน
จะมีอิทธิพลมากขนาดไหน
ก็คงมิอาจเทียบอำนาจ "เจ้านายร่วมสายเลือด" ของเธอไม่ได้แน่
แล้วไยหล่อนต้องกลัวมัน
" แค่ห้องเรียนห้องเดียว หาไม่ได้ ก็คงจะอยู่บนโลกนี้ไม่ได้ นิสัยคนเรา มันหายากยิ่งกว่าหาห้องเรียน"
ดรุณีแช่มช้อยยกมือไหว้หญ้าฟางอีกครั้งก่อนจะหันกลับไปไหว้ คนมาส่งเธอด้วยกิริยานอบน้อมน่าดูชม
" ขอบคุณนะคะพี่นัน..ขอบคุณที่มาส่ง"
ชายหนุ่มรับไหว้ หากแต่สายตากลับชำเลืองมองไปยังนักเรียนตัวโตที่หันมาพินิจพิเคราะห์ตัวเขาอยู่เช่นกัน
" ขอบคุณอาจารยมากคะ ที่เป็นธุระให้ "
" ...ไม่เป็นไรจ๊ะ เป็นหน้าที่ของครูอยู่แล้ว"
" หน้าที่สูบเงินเด็กน่ะสิ!! "
ไอ้ตัวคลอรีน เหยียดยิ้มมุมปากก่อนจะเดินลิ่ว ไม่สนใจ ครูมือใหม่ ที่มือสั่นระริกๆ เตรียมพร้อมจะตวัดฟาดใส่หัวคนได้ทุกเวลา
แขนขาเริ่มขยับเขยื้อนหมายจะพุ่งเข้าใส่คนตัวโต
หากแต่ กิริยามารยาท ของคนที่ได้รับการศึกษามาอย่างดี
นิสัยกำหมัดแล้วซัดใส่ท้อง คงต้องระงับโครงการไว้ในใจ
หญ้าฟางหันกลับมาหน้ายิ้มระรื่น
เย็นไว้ เย็นไว้
อยู่ๆไปเดี๋ยวก็ชินเอง!! สู้กับเด็ก ไม่เหนื่อยเท่าสู้กับไอ้ลูกผู้ว่านั้นหรอกหน่า!
" หมดธุระแล้ว ผมขอตัวกลับก่อน"
ชายหนุ่ม ยกมือไหว้อย่างสุภาพ ก่อนจะขึ้นรถพร้อมบอดี้การ์ดชุดดำ
รกเปิดประทุนสีดำเงาวาวขับออกไปเกือบพ้นซุ้มประตู หากเขาที่กำลังนั่งอิงเอนตัวอยู่เห็นอะไรในบางสิ่ง
บีเอ็มสีขาวขับสวนเข้ามา เนิบนาบ นิ่มนวล เครื่องยนตร์ถูกเร่งสปีดจากบอดี้การ์ดนายตน
มิอาจทำให้เห็นภาพคนขับที่สวนกันอย่างเร็วไว
ใครคนหนึ่ง ที่เขาดูเหมือนจะเคยคุ้น?
ลำคอขาวนวลละอ่องเหลียวหันกลับไปจ้องมองอีกครั้ง
ดวงตาดำขลับเห็นได้แค่เพียงด้านหลังของรถคันนั้น
" มีอะไรรึเปล่า? คุณพ่อบ้าน" ชายชุดดำมองอากัปกิริยาของอีกฝ่ายอย่างใคร่รู้
" เปล่า ไม่มีอะไร ขับต่อไปเถอะ"
รถคันหรูวิ่งผ่านกลางถนนใหญ่ ดวงใจที่ล่องลอย คำถามที่ลอยวนอยู่กลางหัว
รถบีเอ็ม? คงมิใช่คันเดียวกับวันนั้น
วันที่เขาจะจดจำภาพ หยกสลักเลือดเย็นแห่งตะกูลจาง
กับรอยยิ้มเย็นชืด พิมพ์ประดับใจในครั้งแรกที่เจอะเจอ
" จางอี้เซียว ! "
รถ....เลี้ยวจอดไว้ในโรงจอดเฉพาะที่
ป้ายแขวนบ่งบอกถึงฐานะและตำแหน่งของเจ้าของ ณ ที่แห่งนี้
" ที่จอดรถสำหรับรองผู้อำนวยการ"
ใคร...ในชุดสูทสีดำอำพัน ก้าวลงจากรถ
ดวงตาคลับคล้ายสะท้อนข้อมูลที่ถูกถ่ายเก็บไว้จากภาพเมื่อครู่
เด็กคนนั้น....
กับความรู้สึกที่รับรู้ได้
แม้ไม่มาก
ดวงตาที่มิอาจมองเห็นในสิ่งที่ควรเห็น
วิญญาณ!!
ชายหนุ่มเคลื่อนตัวผ่านประตูรั้วเหล็ก รายล้อมด้วยบุคคลอื่น
ผ่านร่างของใครอีกคนที่กำลังยืนพักเท้าหันหลัง เสวนากับคนปลายสาย
ก่อนจะสะกดฝีเท้านั้นเอาไว้ ไม่ไกลจาก
โสตทั้งสอง สดับฟังเสียงพรรณา หวานไพเราะเสนาะหูเกินจับใจ...
" สกปรกบ้านเมียมึงสิ อุตส่าห์เช็ดถูทั้งคืน ย้ายลงมาตอนไหน ก็ไม่เห็นบอกก่อน
อย่าให้กูกลับไปที่บ้านพักนะ จะเอาปังตอสับหัวมึงให้เละเลย บ่นจริงเชียว ไอ้หัวเผือกเอ๊ย!"
จบตอนที่ 13
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ