ลิขิตจันทรา ภาค มายาแห่งดวงใจ (注定月下老人 )
8.0
เขียนโดย Wuzhenni
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 22.20 น.
22 ตอน
9 วิจารณ์
30.38K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 20.59 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) (แก้ไขเสร็จแล้ว)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหญิงสาวร่างระหง ผมยาวประบ่า ริมฝีปากบางอมชมพูคล้ายดั่งสีกลีบกุหลาบ ผิวพรรณนวลน้ำผึ้งสดใส ดุจประหนึ่งผิวเด็ก นุ่มละอุ่น น่าจับน่ากอด
หากใครได้เห็นเธอ เป็นต้องเหลียวมอง...จนคอแทบบิด
ควันไฟอ่อนๆที่ประทุขึ้น หางตาของผู้คนที่เดินผ่านไปมาบ่งบอกถึงคำว่า "อิจฉา" อยู่ไม่น้อย
โดยเฉพาะในหมู่ของหญิงสาวด้วยกัน
บนหน้าอกเสื้อขาวติดป้ายชื่อสีดำ ตัวอักษรสีทองจารึกชื่อเสียงเรียงนาและตำแหน่งอันภาคภูมิของรุ่นพี่ปีสูงอย่างเจ้าหล่อน
"นางสาวฟารีย์ฎา อนันตมุริน นักศึกษาวิชาประสบการณ์วิชาชีพครู "
และตำแหน่งที่พ่วงท้ายอยู่ในใจของใครหลายคน
" ดาวสาขาการสอนวิชาภาษาจีน "
จะดาวเจิดดาวดับเสียก็ไม่รู้ เห็นงามๆแบบนี้...กระโจนไล่เตะคนมานักต่อนักแล้ว
รออีกหน่อยเถอะ...แม่สาวจอมแก่นแห่งคณะศึกษาศาสตร์จะได้รับการปลดเกษียณตำแหน่งนักศึกษาเสียที
ไปไกลๆได้ ก็ยิ่งดีใหญ่ ลูกกะตาจะได้ไม่เขเหล่มองจนดวงจิตดวงใจร้อนรุ่มกันแบบนี้อีก
สวยเกินหน้าเกินตา อยากจะถลาเข้าไปตบซะ
เสียแต่...เป็นประเภทสวยสู้คน
อ้อ...ไม่สิ ต้องบอกว่า นักเลงหน้าสวยจะดีกว่า..!!
ชุดนักศึกษาสีขาว กระโปรงพีชยาวแทบจรดพื้นและร้องเท้าส้นสูงสีดำ คือ สิ่งที่ ฟารีย์ฎา หรือ หญ้าฟาง รู้สึกเบื่อยิ่งนัก
ถ้านี้ไม่ใช่การแต่งกายตามกฎระเบียบของคณะแล้วละก็ เธอคงจะใส่กางเกงยีนส์ร้องเท้ากีฬามาเรียนแน่นอน
บ่อยครั้งที่เจ้าหล่อนรู้สึกแอบอิจฉา นักศึกษาข้างคณะอย่าง วิศวะฯ หรือ มนุษย์ศาสตร์ ที่พวกเขาเหล่านั้นสามารถแต่งชุดสบายๆ ไม่ยึดติดกฎเกณฑ์อะไรมาก แต่บางคนก็ "เยอะ" เกิน จนบางทีก็ดูเหมือนไม่ได้ใส่ชุดที่ควรจะมาเรียน
เธอเป็นนักศึกษาครู ผู้ถูกระเบียบ
ทว่าเหมือนมีน้ำเชื้อที่หล่อหลอมใต้ดวงจิตดวงใจให้ระลึกไว้อยู่เสมอ...
ฉันกำลังจะเป็นครู ฉันกำลังจะเป็นครู เสียงจิตใต้สำนึกบอกกับฉันแบบนี้
หญ้าฟางรู้ตัวเองดีว่านิยมชมชอบอะไร รู้ว่าอะไรควรไม่ควร เธอไม่ชอบชุดนักศึกษาทรงรัดติ้ว เหมือนแหนมที่ถูกมัดเป็นปล้องๆ แต่ก็ใช่ว่าเธอจะนิยมพิมพ์เดียวแบบ....ครูภาษาไทย
เรียบร้อยดั่งดรุณีแรกแย้ม....
น่าเบื่อ!!!
อย่างเธอ ชุดไหนดี ใส่แล้วสบาย ทำงานได้คล่องตัว เธอก็คว้ามาสวมใส่ไม่รีรอ
ก็จะมัวรออะไรทำไมกัน....ก็ไม่ได้อยากแต่งตัวไปอวดโฉมกับใคร
ขอแค่แต่งแล้วคนไม่มองเหมือนอีเพิ้งข้างถนนก็เป็นพอ
" เจ้คนนี้ได้ที่หนึ่งอีกแล้วเหรอ....นี้หัวคนหรือหัวแตงโมยะเนี่ย ได้รางวัลนักเรียนเรียนดีสี่ปีติดต่อกันอีกแล้ว"
" อุ้ย เกรดเฉลี่ยสูงซะขนาดนี้ไม่ต้องเรียนก็ได้มั้ง น่าจะเผื่อแผ่คะแนนให้คนอื่นเขาบ้างเน๊าะ"
"ซิวไปเรียนแพทย์เถอะ คนอื่นเขาจะได้มีที่ยืนบ้าง"
เสียงกบร้องระงมตรงบอร์ดป้ายประกาศผลการเรียน
รายชื่อโดดเด่นเป็นสง่า ไม่ใช่ใครที่ไหน.....ก็ตัวเธอเองเนี่ยแหล่ะ
แหม.....ทำไงได้ คนจะสวยใช่ว่า สวยแค่รูปร่าง
ถ้าโง่ดักดานอยู่เรื่อยๆ เดี๋ยวได้เสียเชิงไอ้พวกชีกอที่มารุมขายขนมจีบจนได้
" ไม่ทราบว่า พวกเธอเป็นนักศึกษาครูหรือว่าเป็นนักสังเกตการณ์คอยจับผิดนินทาชาวบ้านกันค่ะ? ไอ้คุณเพื่อน ... ถ้าอยากจะเรียนเก่งๆ ได้เกรดดีๆ ก็หัดเก็บคำพูดคำนินทาแล้วเอาเวลาที่เหลือไปนั่งท่องตำราเถอะ เกรดจะได้ออกมาสวยๆ ให้พ่อแม่เขาภูมิใจบ้าง"
"แหมมม.. ไอ้ฟาง กูก็อ่านอยู่หรอกน่ะหนังสือ แต่ข้อสอบมันออกยากเองนี้หว่า ใครจะฉลาดเป็นกรดเหมือนแกล่ะ"
เจ้าเผือก นักศึกษาครูสาขาคอม เพื่อนซี้ตอนสมัยโชว์เชียร์ด้วยกันรีบหลบฝ่ามือของหญ้าฟางอย่างว่องไว
"มึงอ่านหนังสือ หรือ หลับคากองหนังสือกันแน่ ห่ะ ไอ้เผือก แค่สามหน้ามึงก็ฟุบแล้ว"
"สามหน้าอะไร๊.....อย่างกู สามบรรทัด ก็เพียงพอสำหรับเมมโมรี่ในหัวกูแล้วล่ะ"
หญ้าฟางและคนอื่นๆหัวเราะกับคำพูดอันแสบคันของมัน
ก็จริงอย่างที่เจ้าเผือกว่า
ใครที่เคยคิด ใครที่เคยบอก ว่า "เรียนครูมันง่าย เด็กเรียนไม่เก่งก็เรียนได้ หลวมๆตัวเข้าไปเดี๋ยวก็จบ"
หากแต่ใครจะรู้ว่ายังมีเด็กที่ยอม "ซิว" ตัวเองไปเรียนที่อื่น
เหตุผลเพียงเพราะ มันไม่มี "ใจรัก"
ความยากง่ายของการเรียนครู ไม่ใช่ในตำรา
แต่เป็นความรู้สึก และการยอมรับของชะตากรรม
ไอ้พวกปากคอเฉาะเลาะ ที่ชอบด่ากระทบกระทั้งใส่
ที่พวกมันมีวันนี้ได้ ไม่ใช่เพราะครูบาอาจารย์หรอกหรือ?
เรือจ้างที่พามันล่องลอยท่ามกลางความเวิ้งว้างแห่งสังคม มหาสมุทรที่เต็มไปด้วยสิ่งอันตรายจนมิอาจหยั่งรู้ได้
พายุอาจโหมเข้าใส่ คลื่นยักษ์อาจพัดพัดพาไปให้หลงทิศ
ถ้าไม่เกาะเรือเอาไว้ ถึงคราวนั้นคงไม่มีปากมีเสียงให้พูดจาพล่ามๆแบบนี้
แต่กระนั้น ใครก็ตามที่อยากจะทำหน้าที่เป็นเรือจ้าง ควรจะพึงระลึกอยู่เสมอว่า ทุกวันนี้...
ฉันทำเพื่อใคร
หญ้าฟางเดินเข้าไปที่บอร์ดคะแนน มองตัวเลขที่เธอสามารถทุบสถิติชนะพวกสาขาวิทย์ได้อย่างภาคภูมิใจ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาสาขาลูกเมียน้อยของเธอก็ถูกมองว่า.
เป็น สาขาที่มีผู้หญิงสวย แต่หน้า.....
และเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ถูกกล่าวหานั้น
เพื่อเป็นการกู้ศักดิ์ศรีของสาขา เรื่องอะไรจะให้โดนกดเป็นสาขาเมียน้อยอยู่ฝ่ายเดียว
ต้องแสดงความสามารถให้พวกมันได้เห็น...และเธอก็ทำได้ดีซะด้วย
นับตั้งแต่เฟรชชี่ปีหนึ่งจนถึงปัจจุบันผลการเรียนของหญ้าฟางก็ไม่เคยได้ต่ำกว่า 3.50 เลยสักครั้ง
นี้แแหล่ะ ความสวยจากภายในของจริง!!!
" โอ้ว ได้ทุนการศึกษาจากคณะ สองหมื่น เยอะกว่าครั้งก่อนตั้ง ห้าพัน แหม่ะ! อย่างนี้ต้องฉลองสักหน่อยแล้วล่ะ เจ้ฟาง"
"ฉลง ฉลอง อะไรย่ะ ยัยปุ้ม นี้มันเงินทุนส่งให้ครอบครัวฉันต่างหาก"
" ขี้เหนียวจังแหะ น่า......เจ้ ฟาง เลี้ยงนิดเลี้ยงหน่อยจะเป็นไรไป แค่เลี้ยงส้มตำแถวหลังมอ ก็ได้ เสียไม่กี่ร้อยเอง"
"ก็แน่สิ มันไม่ใช่เงินของพวกแกหนิหว่า......ไม่ไปอ่ะ ไว้วันหลังล่ะกัน"
หญ้าฟางหมุนตัวกลับเตรียมจะยกเท้าก้าวหนี แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เพราะคำพูดจิ๊ดๆของไอ้เผือกที่ตะโกนออกมาว่า
"ขี้เหนียวว่ะ ไอ้ปวงโชค แม่งยังใจป้ำกว่ามึงอีก อ๊อกก..."
หมัดก้ามปูอันเลื่องชื่อซัดใส่หน้าท้องไอ้เผือก จนเจ้าตัวล้มลงไปนอนดิ้นพรวดๆอยู่บนพื้น
" บ้านฉันไม่ได้รวยเหมือนบ้านมันน่ะเว้ย จะได้โปรยเงิน ใช้อำนาจของเงิน มาหลอกล่อคนอื่น พวกแกก็รู้..ไอ้ที่มันได้เกรดสูงๆ ไม่ใช่เพราะ เงิน ของมันรึยังไง ห่ะ!!! ก็ได้ๆ....ถ้าอยากกินกันมากนัก เดี๋ยวจะพาไปเลี้ยงช กับเงินที่แลกด้วยหัวสมองของฉันเนี่ยแหล่ะ "
เจ้าเผือกกับพวกมองหน้ากัน ก่อนจะร้องไชโยโห่ฮิ้วลั่นตึก
ปวงโชค คือ จุดอ่อนที่ดีที่สุดของหญ้าฟาง ยามใดที่ใครเอ่ยชือถึงมัน ยามนั้นหัวใจของเธอคล้ายดั่งกำลังถูกบีบให้แรงขึ้น
ลูกผู้ว่า...รูปร่างล่ำสัน หน้าตาดูดีมีชาติตระกูลแต่ไม่ถึงกับหล่อเฟี้ยวฟ้าวอะไร ที่ผู้หญิงสนใจมันก็เพราะ เงินอีกนั้นแหล่ะ
แถมยังนิสัยเสียยังกับกุ๊ยข้างถนน เหอะ!!
ที่บ้านคงดูแลดีเกินไป แต่ไม่คิดที่จะหาอะไรมาขัดสันดานหยาบๆออกจากคัวมันบ้างรึ?
อันที่จริง หญ้าฟางกับมันก็ไม่ได้รู้จักมักคุ้นกันมาก่อน เธอเป็นคนพื้นที่อื่น สอบติดก็มา ไม่ได้คิดอยากจะหาเรื่องใครถ้าไม่ใช่เพราะมันมาดูถูกเธอในวันรับน้องใหม่
" กระยาจกฉิบ....เดี๋ยวนี้เขาใช้ ไอโฟนกันหมดแล้ว โทรศัพท์ยุคสังคโลกเนี่ย ยังใช้อยู่อีกเหรอ หรือตามชาวบ้านเขาไม่ทัน?"
แม่เคยสอนเธอเอาไว้ หากรู้ตัวว่ากำลังโดนธาตุไฟเข้าแทรกให้นับหนึ่งถึงสิบเบาๆ ฉันทำได้ แต่ถ้าเจอแบบนี้ก็คงทนนับต่อไปไหว
เหมือนหม้อที่ถูกเคี่ยวอยู่บนเตา เมื่อเร่งไฟให้แรงขึ้น มันก็เดือดง่าย นั้นแหล่ะอารมณ์ของเธอ
แต่ไฟที่เข้าหา...ดันเป็นไฟโลกันต์ ไม่มีวันมอด ไม่มีวันดับ
ตามจองล้างจองผลาญไม่เลิกลาเสียที
สุดท้าย...มือไม้มันก็ไม่อยู่นิ่งตามประสาคนเลือดร้อนอย่างหล่อน
"อี......มึงเอาน้ำอะไรมาราดกู!!!!!!"
"น้ำแป้งเปียกผสมเถ้าไฟกับอะไรก็ไม่รู้..เออ...พี่ค่ะ ไอ้สีน้ำตาลๆ มันคืออะไรเหรอค่ะ" หญ้าฟางหันไปถามรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ สีหน้าบอกไม่ถูกว่าควร จะตกใจหรือสะใจดี
"อ่า...เออ ดะ ดะ ดินคะ พี่เอาดินมาผสม ให้มันเป็นโคลน"
เสียงพี่สตาฟสั่นๆเล็กน้อย เหมือนกลัวอะไรบางอย่าง
กว่าหญ้าฟางจะรู้ว่าไอ้หน้าหนังหมูที่มาดูถูกดูหมิ่นเธอ มันเป็นลูกผู้ว่าของจังหวัดแห่งนี้
แล้วจะกลัวกันไปทำไม ก็คนเหมือนๆกัน ถ้าเป็นภูตผีปีศาจมายืนจ้องกินตับ แบบนี้ดูน่ากลัวกว่าเยอะ
ไปยกยอปอปั้นพวกมันบ่อยๆ สุดท้ายก็ต้องตกเป็นเบี้ยล่างพวกมัน!!!!
"เอาจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย ไม่หลอกนา" หล่อนพยักหน้ารับแต่ในใจกลับส่ายหัว เฮ้อ กูล่ะหน่าย.
"นี้แหล่ะ ต้องแบบนี้สิ ถึงจะได้ไม่เสียชื่อ หวงเฟยฟาง บู๊ลิ้มของคณะศึกษาศาสตร์ ข้าน้อยทั้งสี่ขอคาระวะแด่เจ้าสำนัก!!!!"
เจ้าพวกบ้าทั้งสี่ ทำท่าคุกเข่าคาระวะตามแบบในหนัง ความบ้าและความเกรียน
ก็แค่มีเส้นบางๆขวางกั้นอยู่
ถ้าเส้นมันขาดเมื่อไหร่ ... ทั้งคนบ้าทั้งคนเกรียนคงได้นอนหามส่งเข้าโรงบาลด้วยกันหมดแหล่ะ!
"กลับที่ใครที่มันก่อน" หญ้าฟางเอ่ยขึ้น เหล่ากอน้อยทั้งสี่ลุกขึ้นแถวตรงพรึ่บพรั่บ
" รึไม่ไปหาอะไรกินรองท้องเอาไว้ก่อน เผื่อพวกแกอิ่มแล้ว ก็โทรบอกฉัน
จะได้นอนยาวไงล่ะ ปวดหัวชะมัด ยิ่งพอรู้ว่าจะเสียตังค์ ไมเกรนกำเริบเลยเนี่ย โว้ยยย" มันเริ่มบ่นไปเรื่อย อ้างสารพัดสารเพจนถึงวลีสุดท้าย
" คร้านจะเสียตังค์เลี้ยงพวกมึง!"
จบตอนที่หนึ่ง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ