Between

9.1

เขียนโดย candle

วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.30 น.

  5 บท
  19 วิจารณ์
  9,904 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 18.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ลุกซ์และโคล์ว รูปกายผู้เสพจิตใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               

          ลุกซ์และโคล์วรูปกายผู้เสพจิตใจ

 

          เด็กหนุ่มใบหน้าเกลี้ยงเกลานอนเหยียดยาวอยู่บนพื้นหญ้าใต้ไม้ใหญ่ บนหน้าอกของเขาปรากฏนิตยสารเล่มหนึ่งกางคว่ำอยู่ ข้างกันนั้นร่องน้ำสายเล็กไหลวนเวียนเอื่อยเฉื่อยไม่รู้แหล่งที่มา ถูกปรุงแต่งด้วยปลาเล็กปลาน้อยหลากสี ว่ายกันเป็นกลุ่ม ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบจากหมู่ปลาสายรุ้งเป็นระยะ ลุกซ์ยิ้มกับเสียงเล็กๆ นั่นอย่างรู้ความหมาย

 

          เด็กหนุ่มกระเถิบตัวไปใกล้ๆ ชะโงกหน้าลงไปเหมือนกลั่นแกล้ง

 

          “ข้าอยู่นี่”

 

          เสียงเหนือน้ำขึ้นไปส่งผลให้เจ้าปลาหลากสีตื่นตกใจทำน้ำแตกกระจายเป็นฝอยสาดกระเซ็นจับใบหน้าคนพูด ก่อนจะรีบว่ายรี่จากไปอย่างรวดเร็ว หากยังคงช้ากว่ามือของเด็กหนุ่มที่คว้าจับเจ้าตัวอ้วนกลมสีม่วงขนาดนิ้วโป้งไว้ในอุ้งมือ เสียงโวยวายเล็กๆ ดังลั่นไม่สมตัวจนลุกซ์นึกอยากจะกำให้แน่นเข้านัก ดูสิว่าจะยังโวยวายอยู่ได้อีกหรือเปล่า

 

          “ข้าจะฟ้องท่านหญิง” เจ้าปลาตัวอ้วนโยนประโยคเด็ดหวังว่าลุกซ์จะปล่อยมันลงน้ำ

          “เหรออออ” ลุกซ์ลากเสียงยาวพลางหัวเราะ

          “ข้าจะฟ้องท่านแม่เหมือนกันว่าเจ้าคิดเล่นการพนันขันต่อ ด้วยเรื่องของข้ากับโคล์ว”

 

          ได้ผลเจ้าปลาตัวสีม่วงเงียบสนิทแม้ลำตัวอ้วนก็ไม่กระดิกกระเดี้ยว แต่สายตามันลุกซ์จับได้ว่ามองค้อนเขา

 

          “ลุกซ์” เสียงเรียกออดอ้อนดังขึ้นอีกครา

 

          “เจ้าชาย...ท่านเข้าใจผิดกันไปใหญ่พวกเราไหนเลยจะกล้านำเรื่องขององค์ชายทั้งสองมาเป็นหัวข้อ ก็แค่คุยกันสัพเพเหระไปตามประสาปลาน้อยที่มีชีวิตสุขสบาย ภายใต้อาณาเขตท่านหญิง แล้วผู้คนที่พวกเรารู้จักก็มีแต่ท่านหญิง องค์ชายทั้งสอง แทร์ แบด และวีล่า หากพวกเราไม่สนทนากันด้วยเรื่องของพวกท่านก็ไม่รู้ว่าจะพูดคุยกันด้วยเรื่องใด”

 

          เจ้าปลาสายรุ้งร่ายยาวบอกเป็นนัยว่าผู้อยู่ใต้อาณัติย่อมติฉินนินทาผู้อยู่เบื้องบนเป็นแน่แท้ ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอันใด เฉกเช่นลูกน้องนินทาเจ้านายนั่นเอง

 

          “เหอะ” ลุกซ์ปล่อยเสียงออกมา จำเลยไม่ยอมจำนน เขาแกล้งยกมันขึ้นสูงก่อนจะปล่อยลงน้ำเสียงดัง ‘จ๋อม’ เจ้าปลาน้อยกรีดร้องโวยวายปิดท้ายก่อนจะรีบว่ายจากไปรวมกับพวกพ้องของมันในร่องน้ำ

 

          ลุกซ์หัวเราะให้กับความตื่นตระหนกเกินขอบเหตุของมัน หยิบนิตยสารขึ้นมาดู เขาซื้อนิตยสารเล่มนี้มาเมื่อวานในร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน โชคดีที่ลุกซ์สวมหมวกแก๊ปไปด้วยไม่เช่นนั้นเขาคงต้องตอบคำถามพนักงานเก็บเงินอีกยาวเลยทีเดียว

 

          “โคล์ว” หญิงสาวอุทานทันทีที่เงยหน้าจากเครื่องคิดเงินมาเห็นหน้าเขา

 

          ลุกซ์ยิ้มแหยๆ ส่งไปก่อนประโยค “เปล่าครับผมไม่ใช่” แล้วก็รีบเผ่นออกจากร้าน โคล์วกลายเป็นคนดังไปแล้ว ตั้งแต่หมอนั่นจับพลัดจับผลูได้โฆษณาชิ้นหนึ่ง ด้วยรูปร่างหน้าตาของเขาแตะตาประชาชนคนหมู่มากเข้าให้ จากเด็กหนุ่มปริศนาจึงกลายเป็นคนที่ใครๆ ก็รู้จัก

 

          “โคล์ว” ลุกซ์เรียกทั้งที่ดวงตายังจ้องมองไปตามหน้านิตยสาร ใครบางคนบนต้นไม้ใหญ่กรอกตา ก่อนร่างนั้นจะลงสู่พื้น

 

          ลุกซ์ส่งยิ้มเปิดเผยให้ผู้มาใหม่ โคล์วมองแล้วหน้าตึงเขาไม่ชอบเห็นรอยยิ้มของลุกซ์ ไม่ชอบที่เห็นรอยยิ้มใสซื่อนั่นทั้งที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่มันทำให้ชวนหงุดหงิดใจบอกไม่ถูกหรือเพราะริษยาใบหน้าเปื้อนยิ้ม หรือมีอะไรที่มากกว่านั้น...

 

          “นายกลายเป็นคนดังไปแล้ว” ลุกซ์ชูนิตยสารเล่มนั้นส่งให้โคล์ว

          “เซ็นชื่อให้หน่อยนะ”

          “...............”

          “แค่ล้อเล่น” ลุกซ์ยิ้มเป็นเชิงขอโทษขอโพยเมื่อเห็นสายตาของโคล์วที่ส่งมา

 

          โคล์วกรอกตาอันเป็นกิริยาซึ่งคุ้นเคย

 

          “ปกติข้าก็ว่าเจ้าน่ารักอยู่แล้ว ยิ่งเจ้าใช้วาจาเยี่ยงมนุษย์เจ้ากลับยิ่งน่ารักมากขึ้น”

 

          ลุกซ์ยิ้มเก้อๆ กับคำพูดเหน็บแนมของอีกฝ่าย

 

          “ผม...” ลุกซ์อึกอัก

          “ไม่ได้ว่าอะไร เจ้าน่ารักเป็นคำชมไม่ใช่รึไง”

 

          โคล์วล้มตัวลงนอนใช้หัวหนุนมือทั้งสองไว้เหมือนไม่ใส่ใจมองไปบนท้องฟ้า ลำแสงเรื่อจางลอดผ่านใบไม้ตกกระทบต้องหน้าของเด็กหนุ่ม ใบหน้าสวยราวอิสตรีเย่อหยิ่งถือครองทิฐิ รอยยิ้มไม่เคยปรากฏ ดวงตาสีดำมักหรี่มองอย่างเหยียดๆ ดั่งผู้อยู่เหนือคนทั้งมวล ถ้อยคำนั้นเล่าเหน็บแนมประชดประชันอยู่เป็นนิจ

 

          อีกคนนั้นถอดแบบพิมพ์เดียวกันมาด้วยใบหน้า หากดวงตาเขาเป็นสีฟ้าใสและมันกลับยิ้มได้เช่นเดียวกับปากของเขาเรือนผมสีเปลือกข้าวอ่อนนุ่ม ส่งให้ใบหน้าของเด็กหนุ่มผู้นี้ดูเยาว์วัยกว่าอีกฝ่าย ทั้งที่ความเป็นจริงกลับไม่อาจคาดเดาอายุของทั้งสองได้ ล่วงผ่านมานานเท่าไหร่ สืบต่อไปนานเท่าไหร่ หรือชั่วกัปชั่วกัลป์จนกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะมลายหายก็ไม่รู้

 

          ลุกซ์มองคนซึ่งหลับตาพริ้มสูดควันเป็นสายสีดำบางเบาไม่ขาดระยะ มันคือเส้นสายแห่งชีวิตของโคล์ว ส่วนของเขาเป็นเส้นสายสีขาวชื้นเย็นเหมือนละอองไอน้ำ มนุษย์ผู้มีชีวิตอันประกอบด้วยธาตุทั้งสี่ไม่อาจมองเห็น

 

          “มารดา” โคล์วดีดตัวลุกขึ้นนั่งรับรู้การมาถึงของฝีเท้าแผ่วเบาอวานี

          “ท่านล่วงรู้การมาถึงของข้า”

          “เนื่องด้วยเพราะข้าคือแม่ของเจ้านั่นเองโคล์ว” อวานีนั่งลงระหว่างบุตรชายทั้งสอง แววตาเอื้ออารีส่งให้อย่างเท่าเทียม

 

          โคล์วหลบสายตาซึ่งมองมา นางไร้ซึ่งเวทมนต์ เขารับรู้อำนาจของนางมีความกว่านั้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแม้ไม่เคยเห็นนางใช้ซึ่งอำนาจแต่มันก็มีอยู่กับนางในทุกอณูแห่งชีวิต พลังแผ่ขยายทั้งปกป้องและคุ้มครอง

 

          “ข้าปรารถนาให้เจ้าอยู่กับเราที่นี่” อวานีพูดกับโคล์ว เด็กหนุ่มหันมาสบตานาง ลุกซ์พยักหน้าเห็นด้วย

          “ท่านย่อมรู้ข้าไม่สมควรอยู่ใกล้ลุกซ์มากนัก ความเยียบเย็นจากกายข้าย่อมทำร้ายเขา กับท่านเองก็เช่นกัน”

          “ใครกันบอกเจ้าเช่นนั้น”

 

          ปากนางถามหากคำตอบนางย่อมรู้อยู่แก่ใจ ค้างคาวเฒ่าเจ้าเล่ห์เสี้ยมสอนบุตรชายนางให้ไขว้เขว โคล์วยังเยาว์นักไม่ล่วงรู้เล่ห์เพทุบายของนกมีหูหนูมีปีกเช่นแบด

 

          “ข้ารู้ได้ด้วยตัวเองไม่ต้องมีใครบอก” โคล์วบอกปัดแววตาถือดีส่องประกาย

 

          “เจ้าฟังข้าลูกชาย ความเยียบเย็นจากกายหรือลมหายใจของเจ้าย่อมไม่ส่งผลต่อข้าผู้เป็นแม่ และไม่ส่งผลต่อลุกซ์เช่นเดียวกัน พวกเจ้าทั้งสองไม่อาจทำร้ายซึ่งกันและกันได้ จิตใจของมนุษย์นั่นต่างหากถึงส่งผลต่อพวกเจ้า”

 

          “แต่...”

          “ข้าเคยชินกับชีวิตในแบบของข้า”

 

          อวานีพยักหน้า นับแต่แรกที่โคล์วปลีกตัวออกไปนางกลับไม่ทักท้วง นั่นเพราะเป็นสิทธ์ของเขา ผู้ให้กำเนิดเช่นนางทำได้แค่เฝ้ามอง

 

          “เช่นนั้นเจ้ามาหาแม่ให้บ่อยขึ้นได้หรือไม่”

 

          ดวงตาเยียบเย็นจำยอมรับคำ ‘แม่’ คำพูดนี้ส่งผลกระทบกับโคล์วอย่างไม่น่าเชื่อ สายตาที่ทอดมองของอวานีสื่อสารอะไรบางอย่าง

 

          “ข้าต้องไปแล้ว” โคล์วหมายหลีกเลี่ยง

          “นายควรจะกอดแม่หน่อยนะโคล์ว” คำพูดของลุกซ์กับรอยยิ้มสร้างความอึดอัดให้โคล์วไม่น้อย

          “ยินดีที่ได้พบ”

 

          โคล์วคว้ามือหนึ่งของอวานี จุมพิตหลังมือนางหมายจะจากไปในทันที อย่างไม่อาจคาดเดานางกลับโอบกระชับเขาไปกอด ร่างเยียบเย็นแข็งขืนเพียงครู่หนึ่ง สัมผัสอ่อนโยนแผ่เข้าโอบรัดครอบคลุมร่างกาย ดวงใจไขว้เขวอ่อนยวบ อวานีจุมพิตหน้าผากบุตรชายสร้างเกราะชนิดหนึ่งคุ้มครองโดยไม่ตั้งใจ

 

          **

          **

          **

 

          โคล์วยังคงรู้สึกถึงความอบอุ่นแผ่ซ่านจากรอยจุมพิต เขาเอามือจับตรงหน้าผาก ท่ามกลางความคิดสับสนล้วนอยู่ภายใต้การเฝ้ามองของแบด

 

          วีล่าเจ้าแมวน้อยกระโดดขึ้นนั่งตัก โคล์วลูบใต้คางมัน เจ้าแมวไทยสีขาวนวลหลับตาพริ้มครางเบาๆ เป็นสุขใจ

 

          ทันทีที่พวกเขาโยกย้ายสถานที่ ในคฤหาสน์หลังนี้โคล์วกลับพบมันนั่งอยู่ตรงประตูแล้ว มาจากไหนมาได้อย่างไรเขาไม่รู้ มันดูเป็นมิตรทั้งที่เพิ่งเจอกัน ขณะเมื่อแบดเข้าใกล้มันจะส่งเสียงขู่ฟ่อลำตัวโก่งขนตั้งชัน แบดเสนอจะกำจัดมันไป โคล์วกลับคัดค้านยินดีต้อนรับมันสู่ชายคาใหม่ ณ.สถานที่ใหม่

 

          โคล์วตั้งชื่อให้มันมาแล้วไม่น้อยกว่าสิบชื่อ เขาลองเรียกดูมันนิ่งเฉยทำไม่รู้ไม่ชี้จนมาจบที่ ‘วีล่า’ โคล์วเรียกมันส่งเสียงขานรับในทันที บางคราแม้เป็นเพียงสัตว์เดรัจฉานก็ต้องการชื่อเป็นของตัวเองที่เหมาะสม ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีชื่อของตัวเองเสมอ.

 

 

***ตามพันธะสัญญาปีศาจที่จะลงในวันอาทิตย์  ขอเอามาลงก่อนเพราะด้วยเหตุว่านับจากวันพรุ่งถึงวันอังคารที่จะถึง  ต้องไปผจญภัยกับสิ่งใหม่ในชีวิตอาจไม่มีเวลา  by candlemoon

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา