Between
เขียนโดย candle
วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.30 น.
แก้ไขเมื่อ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 18.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ลุกซ์และโคล์ว รูปกายผู้เสพจิตใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ลุกซ์และโคล์วรูปกายผู้เสพจิตใจ
เด็กหนุ่มใบหน้าเกลี้ยงเกลานอนเหยียดยาวอยู่บนพื้นหญ้าใต้ไม้ใหญ่ บนหน้าอกของเขาปรากฏนิตยสารเล่มหนึ่งกางคว่ำอยู่ ข้างกันนั้นร่องน้ำสายเล็กไหลวนเวียนเอื่อยเฉื่อยไม่รู้แหล่งที่มา ถูกปรุงแต่งด้วยปลาเล็กปลาน้อยหลากสี ว่ายกันเป็นกลุ่ม ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบจากหมู่ปลาสายรุ้งเป็นระยะ ลุกซ์ยิ้มกับเสียงเล็กๆ นั่นอย่างรู้ความหมาย
เด็กหนุ่มกระเถิบตัวไปใกล้ๆ ชะโงกหน้าลงไปเหมือนกลั่นแกล้ง
“ข้าอยู่นี่”
เสียงเหนือน้ำขึ้นไปส่งผลให้เจ้าปลาหลากสีตื่นตกใจทำน้ำแตกกระจายเป็นฝอยสาดกระเซ็นจับใบหน้าคนพูด ก่อนจะรีบว่ายรี่จากไปอย่างรวดเร็ว หากยังคงช้ากว่ามือของเด็กหนุ่มที่คว้าจับเจ้าตัวอ้วนกลมสีม่วงขนาดนิ้วโป้งไว้ในอุ้งมือ เสียงโวยวายเล็กๆ ดังลั่นไม่สมตัวจนลุกซ์นึกอยากจะกำให้แน่นเข้านัก ดูสิว่าจะยังโวยวายอยู่ได้อีกหรือเปล่า
“ข้าจะฟ้องท่านหญิง” เจ้าปลาตัวอ้วนโยนประโยคเด็ดหวังว่าลุกซ์จะปล่อยมันลงน้ำ
“เหรออออ” ลุกซ์ลากเสียงยาวพลางหัวเราะ
“ข้าจะฟ้องท่านแม่เหมือนกันว่าเจ้าคิดเล่นการพนันขันต่อ ด้วยเรื่องของข้ากับโคล์ว”
ได้ผลเจ้าปลาตัวสีม่วงเงียบสนิทแม้ลำตัวอ้วนก็ไม่กระดิกกระเดี้ยว แต่สายตามันลุกซ์จับได้ว่ามองค้อนเขา
“ลุกซ์” เสียงเรียกออดอ้อนดังขึ้นอีกครา
“เจ้าชาย...ท่านเข้าใจผิดกันไปใหญ่พวกเราไหนเลยจะกล้านำเรื่องขององค์ชายทั้งสองมาเป็นหัวข้อ ก็แค่คุยกันสัพเพเหระไปตามประสาปลาน้อยที่มีชีวิตสุขสบาย ภายใต้อาณาเขตท่านหญิง แล้วผู้คนที่พวกเรารู้จักก็มีแต่ท่านหญิง องค์ชายทั้งสอง แทร์ แบด และวีล่า หากพวกเราไม่สนทนากันด้วยเรื่องของพวกท่านก็ไม่รู้ว่าจะพูดคุยกันด้วยเรื่องใด”
เจ้าปลาสายรุ้งร่ายยาวบอกเป็นนัยว่าผู้อยู่ใต้อาณัติย่อมติฉินนินทาผู้อยู่เบื้องบนเป็นแน่แท้ ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอันใด เฉกเช่นลูกน้องนินทาเจ้านายนั่นเอง
“เหอะ” ลุกซ์ปล่อยเสียงออกมา จำเลยไม่ยอมจำนน เขาแกล้งยกมันขึ้นสูงก่อนจะปล่อยลงน้ำเสียงดัง ‘จ๋อม’ เจ้าปลาน้อยกรีดร้องโวยวายปิดท้ายก่อนจะรีบว่ายจากไปรวมกับพวกพ้องของมันในร่องน้ำ
ลุกซ์หัวเราะให้กับความตื่นตระหนกเกินขอบเหตุของมัน หยิบนิตยสารขึ้นมาดู เขาซื้อนิตยสารเล่มนี้มาเมื่อวานในร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน โชคดีที่ลุกซ์สวมหมวกแก๊ปไปด้วยไม่เช่นนั้นเขาคงต้องตอบคำถามพนักงานเก็บเงินอีกยาวเลยทีเดียว
“โคล์ว” หญิงสาวอุทานทันทีที่เงยหน้าจากเครื่องคิดเงินมาเห็นหน้าเขา
ลุกซ์ยิ้มแหยๆ ส่งไปก่อนประโยค “เปล่าครับผมไม่ใช่” แล้วก็รีบเผ่นออกจากร้าน โคล์วกลายเป็นคนดังไปแล้ว ตั้งแต่หมอนั่นจับพลัดจับผลูได้โฆษณาชิ้นหนึ่ง ด้วยรูปร่างหน้าตาของเขาแตะตาประชาชนคนหมู่มากเข้าให้ จากเด็กหนุ่มปริศนาจึงกลายเป็นคนที่ใครๆ ก็รู้จัก
“โคล์ว” ลุกซ์เรียกทั้งที่ดวงตายังจ้องมองไปตามหน้านิตยสาร ใครบางคนบนต้นไม้ใหญ่กรอกตา ก่อนร่างนั้นจะลงสู่พื้น
ลุกซ์ส่งยิ้มเปิดเผยให้ผู้มาใหม่ โคล์วมองแล้วหน้าตึงเขาไม่ชอบเห็นรอยยิ้มของลุกซ์ ไม่ชอบที่เห็นรอยยิ้มใสซื่อนั่นทั้งที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่มันทำให้ชวนหงุดหงิดใจบอกไม่ถูกหรือเพราะริษยาใบหน้าเปื้อนยิ้ม หรือมีอะไรที่มากกว่านั้น...
“นายกลายเป็นคนดังไปแล้ว” ลุกซ์ชูนิตยสารเล่มนั้นส่งให้โคล์ว
“เซ็นชื่อให้หน่อยนะ”
“...............”
“แค่ล้อเล่น” ลุกซ์ยิ้มเป็นเชิงขอโทษขอโพยเมื่อเห็นสายตาของโคล์วที่ส่งมา
โคล์วกรอกตาอันเป็นกิริยาซึ่งคุ้นเคย
“ปกติข้าก็ว่าเจ้าน่ารักอยู่แล้ว ยิ่งเจ้าใช้วาจาเยี่ยงมนุษย์เจ้ากลับยิ่งน่ารักมากขึ้น”
ลุกซ์ยิ้มเก้อๆ กับคำพูดเหน็บแนมของอีกฝ่าย
“ผม...” ลุกซ์อึกอัก
“ไม่ได้ว่าอะไร เจ้าน่ารักเป็นคำชมไม่ใช่รึไง”
โคล์วล้มตัวลงนอนใช้หัวหนุนมือทั้งสองไว้เหมือนไม่ใส่ใจมองไปบนท้องฟ้า ลำแสงเรื่อจางลอดผ่านใบไม้ตกกระทบต้องหน้าของเด็กหนุ่ม ใบหน้าสวยราวอิสตรีเย่อหยิ่งถือครองทิฐิ รอยยิ้มไม่เคยปรากฏ ดวงตาสีดำมักหรี่มองอย่างเหยียดๆ ดั่งผู้อยู่เหนือคนทั้งมวล ถ้อยคำนั้นเล่าเหน็บแนมประชดประชันอยู่เป็นนิจ
อีกคนนั้นถอดแบบพิมพ์เดียวกันมาด้วยใบหน้า หากดวงตาเขาเป็นสีฟ้าใสและมันกลับยิ้มได้เช่นเดียวกับปากของเขาเรือนผมสีเปลือกข้าวอ่อนนุ่ม ส่งให้ใบหน้าของเด็กหนุ่มผู้นี้ดูเยาว์วัยกว่าอีกฝ่าย ทั้งที่ความเป็นจริงกลับไม่อาจคาดเดาอายุของทั้งสองได้ ล่วงผ่านมานานเท่าไหร่ สืบต่อไปนานเท่าไหร่ หรือชั่วกัปชั่วกัลป์จนกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะมลายหายก็ไม่รู้
ลุกซ์มองคนซึ่งหลับตาพริ้มสูดควันเป็นสายสีดำบางเบาไม่ขาดระยะ มันคือเส้นสายแห่งชีวิตของโคล์ว ส่วนของเขาเป็นเส้นสายสีขาวชื้นเย็นเหมือนละอองไอน้ำ มนุษย์ผู้มีชีวิตอันประกอบด้วยธาตุทั้งสี่ไม่อาจมองเห็น
“มารดา” โคล์วดีดตัวลุกขึ้นนั่งรับรู้การมาถึงของฝีเท้าแผ่วเบาอวานี
“ท่านล่วงรู้การมาถึงของข้า”
“เนื่องด้วยเพราะข้าคือแม่ของเจ้านั่นเองโคล์ว” อวานีนั่งลงระหว่างบุตรชายทั้งสอง แววตาเอื้ออารีส่งให้อย่างเท่าเทียม
โคล์วหลบสายตาซึ่งมองมา นางไร้ซึ่งเวทมนต์ เขารับรู้อำนาจของนางมีความกว่านั้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแม้ไม่เคยเห็นนางใช้ซึ่งอำนาจแต่มันก็มีอยู่กับนางในทุกอณูแห่งชีวิต พลังแผ่ขยายทั้งปกป้องและคุ้มครอง
“ข้าปรารถนาให้เจ้าอยู่กับเราที่นี่” อวานีพูดกับโคล์ว เด็กหนุ่มหันมาสบตานาง ลุกซ์พยักหน้าเห็นด้วย
“ท่านย่อมรู้ข้าไม่สมควรอยู่ใกล้ลุกซ์มากนัก ความเยียบเย็นจากกายข้าย่อมทำร้ายเขา กับท่านเองก็เช่นกัน”
“ใครกันบอกเจ้าเช่นนั้น”
ปากนางถามหากคำตอบนางย่อมรู้อยู่แก่ใจ ค้างคาวเฒ่าเจ้าเล่ห์เสี้ยมสอนบุตรชายนางให้ไขว้เขว โคล์วยังเยาว์นักไม่ล่วงรู้เล่ห์เพทุบายของนกมีหูหนูมีปีกเช่นแบด
“ข้ารู้ได้ด้วยตัวเองไม่ต้องมีใครบอก” โคล์วบอกปัดแววตาถือดีส่องประกาย
“เจ้าฟังข้าลูกชาย ความเยียบเย็นจากกายหรือลมหายใจของเจ้าย่อมไม่ส่งผลต่อข้าผู้เป็นแม่ และไม่ส่งผลต่อลุกซ์เช่นเดียวกัน พวกเจ้าทั้งสองไม่อาจทำร้ายซึ่งกันและกันได้ จิตใจของมนุษย์นั่นต่างหากถึงส่งผลต่อพวกเจ้า”
“แต่...”
“ข้าเคยชินกับชีวิตในแบบของข้า”
อวานีพยักหน้า นับแต่แรกที่โคล์วปลีกตัวออกไปนางกลับไม่ทักท้วง นั่นเพราะเป็นสิทธ์ของเขา ผู้ให้กำเนิดเช่นนางทำได้แค่เฝ้ามอง
“เช่นนั้นเจ้ามาหาแม่ให้บ่อยขึ้นได้หรือไม่”
ดวงตาเยียบเย็นจำยอมรับคำ ‘แม่’ คำพูดนี้ส่งผลกระทบกับโคล์วอย่างไม่น่าเชื่อ สายตาที่ทอดมองของอวานีสื่อสารอะไรบางอย่าง
“ข้าต้องไปแล้ว” โคล์วหมายหลีกเลี่ยง
“นายควรจะกอดแม่หน่อยนะโคล์ว” คำพูดของลุกซ์กับรอยยิ้มสร้างความอึดอัดให้โคล์วไม่น้อย
“ยินดีที่ได้พบ”
โคล์วคว้ามือหนึ่งของอวานี จุมพิตหลังมือนางหมายจะจากไปในทันที อย่างไม่อาจคาดเดานางกลับโอบกระชับเขาไปกอด ร่างเยียบเย็นแข็งขืนเพียงครู่หนึ่ง สัมผัสอ่อนโยนแผ่เข้าโอบรัดครอบคลุมร่างกาย ดวงใจไขว้เขวอ่อนยวบ อวานีจุมพิตหน้าผากบุตรชายสร้างเกราะชนิดหนึ่งคุ้มครองโดยไม่ตั้งใจ
**
**
**
โคล์วยังคงรู้สึกถึงความอบอุ่นแผ่ซ่านจากรอยจุมพิต เขาเอามือจับตรงหน้าผาก ท่ามกลางความคิดสับสนล้วนอยู่ภายใต้การเฝ้ามองของแบด
วีล่าเจ้าแมวน้อยกระโดดขึ้นนั่งตัก โคล์วลูบใต้คางมัน เจ้าแมวไทยสีขาวนวลหลับตาพริ้มครางเบาๆ เป็นสุขใจ
ทันทีที่พวกเขาโยกย้ายสถานที่ ในคฤหาสน์หลังนี้โคล์วกลับพบมันนั่งอยู่ตรงประตูแล้ว มาจากไหนมาได้อย่างไรเขาไม่รู้ มันดูเป็นมิตรทั้งที่เพิ่งเจอกัน ขณะเมื่อแบดเข้าใกล้มันจะส่งเสียงขู่ฟ่อลำตัวโก่งขนตั้งชัน แบดเสนอจะกำจัดมันไป โคล์วกลับคัดค้านยินดีต้อนรับมันสู่ชายคาใหม่ ณ.สถานที่ใหม่
โคล์วตั้งชื่อให้มันมาแล้วไม่น้อยกว่าสิบชื่อ เขาลองเรียกดูมันนิ่งเฉยทำไม่รู้ไม่ชี้จนมาจบที่ ‘วีล่า’ โคล์วเรียกมันส่งเสียงขานรับในทันที บางคราแม้เป็นเพียงสัตว์เดรัจฉานก็ต้องการชื่อเป็นของตัวเองที่เหมาะสม ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีชื่อของตัวเองเสมอ.
***ตามพันธะสัญญาปีศาจที่จะลงในวันอาทิตย์ ขอเอามาลงก่อนเพราะด้วยเหตุว่านับจากวันพรุ่งถึงวันอังคารที่จะถึง ต้องไปผจญภัยกับสิ่งใหม่ในชีวิตอาจไม่มีเวลา by candlemoon
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ