Between
เขียนโดย candle
วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.30 น.
แก้ไขเมื่อ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 18.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) มารดาแห่งสรรพสิ่ง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
มือเรียวบางยังคงเกาะช่องหน้าต่างโค้ง เถาว์ไอวี่ด้านนอกโผล่หน้ามาทายทัก แววตาสีควันบุหรี่ดูล้ำลึกอย่างคนซึ่งผ่านอะไรมามากมายในชีวิตยังคงทอดมองไปข้างหน้า สักพักจึงได้ยินเสียงถอนหายใจ
“ท่านเป็นกังวล” ผู้อยู่เบื้องหลังไถ่ถาม
“ใช่ ข้าย่อมกังวลแทร์”
“เรื่องยังไม่เกิดท่านอย่าห่วงให้มากนักเลย” หญิงสาวเบื้องหลังยังคงปลอบโยน หากอีกฝ่ายกลับทอดถอนหายใจหนักหน่วงหวั่นวิตก
“อย่างไรเสียข้าก็อดเป็นห่วงลุกซ์ไม่ได้อยู่ดี นับวันมีแต่จะอ่อนแอลงเรื่อยๆ”
บทสนทนาที่ได้ยินเพียงแค่นั้นฉุดกระชากให้คนร่างในชุดคลุมยาวสีดำผละจากมา ในใจร่ำร้องแต่เพียงว่า “แล้วข้าเล่า...ท่านไม่ห่วงใยข้าบ้างหรืออย่างไร” ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ร่างนั้นสลายกลายเป็นฝุ่นสีดำฟุ้งกระจายก่อนจะหายไปในพริบตา หากเพียงแต่เขาจะรั้งอยู่ฟังบทสนทนาถัดไปเพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้น
“โคล์วเองก็เช่นเดียวกัน ข้าเป็นห่วงเขาไม่ยิ่งหย่อน ยิ่งเขาแข็งแรงมากขึ้นเท่าไหร่ข้ากลับยิ่งเป็นห่วงเขามากขึ้นเท่านั้น ผู้เป็นมารดาย่อมเป็นห่วงลูกเสมอกัน”
“ท่านก็รู้ ระหว่างสองสิ่งนั้นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดย่อมไม่สาบสูญ ดำรงอยู่คู่กันเสมอ”
“เรื่องนั้นข้ารู้แต่...” นางเหมือนมีบางอย่างหวาดวิตก
“เจ้าคิดว่าท่านผู้นั้นคือคนที่เราตามหาอยู่รึไม่”
“ข้าหวังให้เป็นเช่นนั้นท่านหญิง แต่กลับไม่แน่ใจ อายุขัยของท่านผู้นั้นใกล้แตกดับ และข้าไม่อาจคิดสืบเนื่องไปนับจากนี้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากการจากไปของท่านผู้นั้น”
เสียงถอนหายใจของอวานีตามมาหลังจากจบประโยคของแทร์ ดวงตาของนางอิดโรยล้าแรง เหน็ดเหนื่อยกับการตามหา สู้อุตส่าห์มาถึงนี่หวังว่าอาจพบเจอ...
“บางคราข้าก็ว่าข้าเป็นเพียงหญิงโชคร้ายคนหนึ่งซึ่งถูกเลือก กี่ร้อยกี่พันปีที่ข้าต้องเผชิญกับความรู้สึกเช่นนี้ คอยมองดูความเป็นไปแห่งโชคชะตามนุษย์ สิ่งใดจะเติบโตขึ้นในใจของพวกเขา และข้าก็ยิ่งสงสารโคล์วผู้เติบโตด้วยสิ่งชั่วช้าเหล่านั้นเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตจิตวิญญาณ”
**
**
**
‘อวานี’ เดิมทีนางเป็นเพียงเด็กหญิงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้นเอง หากเป็นเพราะนางเกิดในตระกูล ‘ชาล๊อต’ ตระกูลซึ่งเก่าแก่ยาวนานพอๆ กับการถือกำเนิดของมนุษย์ ตระกูลซึ่งทายาทไม่ว่าจะกี่รุ่นต่อกี่รุ่นล้วนเป็นบุรุษเพศ เพราะความเย่อหยิ่งจองหองในเพศของตัวเองนั่นแล้ว เมื่อทายาทหนึ่งของตระกูลสลัดรักหญิงสาวผู้ซึ่งเขาเคยโอ้โลมปะติโลม ดูถูกเหยียดยามความรักของนาง โดยหารู้ไม่ว่าหญิงสาวผู้นั้นเป็นธิดาองค์หนึ่งของ ‘ไกอา’
“ยามใดสตรีเพศถือกำเนิดในสายตระกูลชาล๊อต นางผู้นั้นคือผลตอบแทนที่เจ้าดูหมิ่นข้า ลบหลู่เกียรติธิดาแห่งข้า เด็กหญิงซึ่งถือกำเนิดต้องรับใช้ข้า รับใช้โลกไปจนนิรันด์”
ก็แค่วาจายามโกรธเคืองความหมายของถ้อยคำมิใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรนักหนา ที่สำคัญตระกูลชาล๊อตหาเคยให้กำเนิดธิดาไม่ ถ้อยความนั้นมิได้สร้างความตระหนกรู้แก่คนในตระกูลชาล๊อต เป็นเพียงประโยคหนึ่งซึ่งเล่าขานสืบต่อมา ไม่กี่ช่วงอายุคนแล้วก็ลบเลือนไปไม่จดจำ
นับร้อยปีหลังจากนั้นคู่สามีภรรยาแห่งตระกูลชาล๊อตกลับได้ธิดามาเชยชม เด็กหญิงน้อยผู้มีเรือนผมดำขลับเงาวาวแตกต่างจากผู้ให้กำเนิดซึ่งมีเรือนผมสีทอง เครื่องหน้าของเด็กหญิงนั้นเล่าเพียงใครพบเห็นต่างตกตะลึง เด็กหญิงคือความสมบูรณ์แบบอย่างหาที่ติมิได้ คิ้วได้รูป ดวงตายาวรี จมูกโด่ง ริมฝีปากบางแดงระเรื่อเช่นเดียวกับพวงแก้มทั้งสอง
เด็กหญิงคือดอกไม้น้อยๆ แห่งตระกูล ดอกไม้สมบูรณ์แบบ ทว่าแท้จริงกลับไม่ใช่ ควรรับรู้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดถือกำเนิดมาโดยไร้ตำหนิ เด็กหญิงน้อยผู้งดงามราวภาพเขียน ครั้นเด็กหญิงร้องไห้จ้า สิ่งอยู่ภายในกลับน่ารังเกียจยิ่งนัก ลิ้นของนางธรรมชาติควรเป็นสีชมพูกลับเป็นชิ้นเนื้อสีดำสนิท ดำเช่นเดียวกับวาจาของชายในตระกูลผู้เคยกล่าวคำเหยียดหยามธิดาแห่งไกอา เด็กหญิงนั่นคือผลแห่งการกระทำลบหลู่
ความโศกเศร้าเสียใจครอบครองผู้ให้กำเนิด ดอกไม้น้อยๆ แห่งตระกูลเหตุอันใดจึงมีตำหนิหน้ากลัวเช่นนี้ มีทางใดแก้ไขอัปมงคลนี้ได้บ้างไหม
ไม่มีใครเลยนึกคิดไปถึงคำสาปแห่งไกอา
นอกจากกับผู้ให้กำเนิดนางไม่เคยสนทนากับใครเลย หาใช่เพราะนางแต่เป็นเพราะผู้คนเหล่านั้นต่างกลัววาจาของนาง กลัวถ้อยคำซึ่งเปล่งออกมาจากลิ้นสีดำ คำพูดนางล้วนเป็นคำสาปผู้คนกล่าวขานเช่นนั้น ช่างน่าขันมนุษย์หนอมนุษย์เสกสรรปั้นแต่งเรื่องได้ร้อยแปด เปลี่ยนจากขาวเป็นดำหรือจากดำเป็นขาวล้วนทำได้ นี่คืออำนาจแห่งถ้อยวาจาซึ่งติดตัวมนุษย์มาแสนยาวนาน
ครั้นเด็กหญิงน้อยก้าวพ้นวัยเด็ก บางสิ่งบางอย่างถือกำเนิดขึ้นในครรภ์ของนาง สิ่งมีชีวิตเล็กๆ เติบโตขึ้นอย่างเชื่องช้าจนปรากฏชัดแก่สายตาผู้คน
ธิดาเพียงคนเดียวแห่งตระกูลชาล๊อตตั้งครรภ์!!! ใครคือสามีของนาง อย่าว่าแต่ผู้คนนอกตระกูล คนในตระกูลและผู้ให้กำเนิดก็กังขา สอบถามนางกลับตอบไม่ได้ เอาแต่ร่ำไห้กับสายตาของผู้คน วาจาเสียดสีกระทบกระเทียบจากบุรุษแม้ในหมู่พี่น้องของนางเอง...
“ผู้หญิงก็เยี่ยงนี้ไม่รักษาเกียรติรักษาหน้าของตระกูล เจ้าไม่สมควรเกิดมาในตระกูลชาล๊อต ขับนางออกไปจากตระกูลของเรา”
เหล่าเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับนาง รวมหัวกันต่อต้านหาเหตุเพราะพวกเขาล้วนไม่พอใจนางอยู่เป็นทุนเดิม ทั้งที่นางควรเป็นที่รักใคร่ในหมู่พี่น้องบุรุษ สมควรดูแลปกป้องถึงจะถูกการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น
“ขับนางออกไปจากตระกูล”
คำพูดนั้นส่งผลให้แววตาสงบนิ่งวาวโรจน์คุโชน นางเปล่งเสียงหัวเราะกังวานก้องชี้กราดไปยังหมู่พี่น้อง
“ถึงทุกวันนี้ผู้ได้ชื่อว่าบุรุษยังคงดูถูกเหยียดหยามสตรี ทั้งที่นางคือเพศแม่กำเนิดพวกเจ้าขึ้นมา และต้นเหตุแห่งความชั่วช้าทั้งหลายล้วนเกิดจากพวกเจ้า ข้าธิดาเพียงคนเดียวแห่งตระกูลชาล๊อตถือกำเนิดมาเพราะวาจาดูหมิ่นธิดาไกอาแห่งบุรุษชาล๊อต จำได้หรือไม่”
เสียงของนางเสียดแทงเข้าสู่ความทรงจำอันยาวนานของกาลก่อน
“ยามใดสตรีเพศถือกำเนิดในสายตระกูลชาล๊อต นางผู้นั้นคือผลตอบแทนที่เจ้าดูหมิ่นข้า ลบหลู่เกียรติธิดาแห่งข้า เด็กหญิงซึ่งถือกำเนิดต้องรับใช้ข้า รับใช้โลกไปจนนิรันด์”
วาจาแห่งไกอาดังสะท้อนก้องไปทั่วปราสาท แต่ความหมายแท้จริงแห่งวาจานั้นยังไม่มีใครรู้ความ ‘รับใช้โลกไปจนนิรันดร์’ คืออะไร...
“อวานีคือนามของเจ้า ชีวิตของเจ้าไม่มีวันดับสูญ เจ้าคือผู้ให้กำเนิดรูปกายแห่งจิตใจมนุษย์ ผู้คนรู้จักเจ้าภายใต้ชื่อมารดาแห่งสรรพสิ่ง”
สายตระกูลชาล๊อตต้องคำสาปนับแต่นั้น บุรุษแห่งชาล๊อตล้วนไม่สามารถมีทายาทสืบสายตระกูลได้อีกต่อไป
ผู้คนรอบกายนางล้วนล้มหายตายจากไปจนหมดสิ้น คงอยู่แต่นางเพียงผู้เดียว นางยังคงอยู่จนกระทั่งณ.บัดนี้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ