Fic B2ST Big Mama [JunSeung ft.Lee Joon] [Rate 20]

10.0

เขียนโดย เช้าตรู่

วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.44 น.

  20 chapter
  5 วิจารณ์
  39.62K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 11.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) Big Mama Chapter 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

     อีจุนถูกกระชากผมเพื่อบังคับให้ใบหน้าหล่อเงยขึ้น แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามขัดขืนมากแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถต้านทานแรงของผู้ชายสามคนที่ล็อคตัวเค้าเอาไว้ได้

 

     “แหกตาของมึงดูซะ! ดูให้ชัดๆ ให้เต็มตา!” เสียงจุนฮยองดังผ่านม่านอากาศออกมาในขณะที่กดร่างบอบบางนั้นเอาไว้ใต้ร่างตัวเอง มือใหญ่กระชากเข็มขัดที่คาดเอวออกจากหูกางเกง ก่อนจะจัดการตรึงข้อมือเล็กด้วยเข็มขัดเส้นนั้นแล้วผูกไว้กับขารองพนักวางแขนของโซฟาไม้สักเป็นมันเงาที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องโถง

 

     ร่างบอบบางดิ้นเพื่อหวังว่าจะให้ตัวเองหลุดจากพันธนาการที่จุนฮยองมอบให้ หากแต่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะยิ่งดิ้นเงื่อนที่จุนฮยองตรึงข้อมือเอาไว้ก็ยิ่งรัดข้อมือแน่นขึ้นเรื่อยๆ

 

     “ไอ้ระยำ! ปล่อยกู!” ร่างบางแค่นเสียงในลำคอเท่านั้น ขาเรียวที่เหมือนจะมีอิสระ แต่ตอนนี้ก็ถูกจุนฮยองสะกัดออกด้วยลำตัวหนาๆนั่นเสียก่อน มือใหญ่ยืดเอวบางให้ติดกับพื้นหินอ่อนแน่น ขยับตัวแทบจะไม่ได้

 

     จุนฮยองยกยิ้มเยาะเย้ยให้กับคนที่ไร้ทางสู้ตรงหน้า

 

     “มึงก็รู้ว่ากูจะไม่มีวันปล่อยมึงแน่ๆรุ่นสิบ เพราะอะไรรู้มั้ย...เพราะมัน!” จุนฮยองสะบัดหน้าไปทางอีจุนที่ไร้ทางสู้เหมือนกัน ทำได้เพียงจ้องตาจุนฮยองกลับเท่านั้น ข่มกรามข่มความโมโหจนเป็นสันนูน

 

     “เพราะมึงรักมัน!!” จุนฮยองสบถใส่หน้าร่างบางเสียงดัง แล้วจบลงด้วยกระชากผ้าคาดเอวของร่างบางออก

 

     “กูรักอีจุนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึง!”

 

     “หึ! เกี่ยวอะไรกับกูงั้นเหรอ จริงๆ ก็ไม่เกี่ยวหรอก ถ้าไม่เป็นเพราะว่ามึงปฏิเสธความรักจากกู!”

 

     สิ่งเดียว มันเป็นความรู้สึกดีๆ แค่ความรู้สึกเดียวที่จุนฮยองจะมอบให้ใครได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะยอมรับว่าตัวเองหลงรักศัตรูตัวเองตั้งแต่แรกเห็น หลีกเลี่ยงที่จะปลิดชีวิตฮยอนซึงแม้ว่าท่านพ่อจะออกคำสั่งหลายครั้งและสาเหตุที่จุนฮยองต้องฆ่าพี่ชายของตัวเองก็เพราะฮยอนซึง

 

     “ถ้าไม่เป็นเพราะมึง กูคงไม่ต้องถูกใครตราหน้าว่าฆ่าพี่เพื่อเป็นใหญ่หรอก ทั้งหมดมันเกิดเพราะมึง เพราะงั้นมึงต้องรับผิดชอบ!”

 

     ตอนนี้ฮยอนซึงไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้วทั้งนั้น เพราะประโยคที่แม้จะฟังดูหยาบคายแต่น้ำเสียงและแววตากลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจนทำให้ร่างบางนิ่งและทำอะไรไม่ถูกจนทำได้แค่นิ่งและจ้องไปที่แววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั้น

 

     เสียงรูดซิปดังขึ้นได้ยินชัดเจน แท่งเนื้อขนาดใหญ่ร้อนดังเหล็กถูกไฟสุมกดและดันเข้าไปภายในร่างกายที่ยังไม่ทันแม้แต่จะทำให้ช่องทางนั้นอ่อนนุ่มลงเสียก่อน เสียงกรีดร้องปริ่มจะขาดใจของฮยอนซึงดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงของอีจุน และเสียงหัวเราะเยาะของจุนฮยองและลูกน้องหลายคนที่ยืนดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้าน

 

     “ในเมื่อมึงไม่รักและไม่คิดจะรักกู หัวใจมึงมอบให้กูไม่ได้ กูก็จะเอาร่างกายมึงมาสังเวยความรักของกูแทน!” พูดทั้งที่แท่งเนื้อเคลื่อนไหวเข้าออกภายในร่างกายบอบบางนั้น เลือดสีแดงสดติดออกมากับแท่งเนื้ออันเกิดจากการฉีกขาดของช่องทางด้านหลัง กลิ่นคาวเลือดส่งกลิ่นรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แข่งกับกลิ่นกัมยานหอมที่จุดเอาไว้ภายในห้องโถงใหญ่ตลอดเวลา

 

     เจ็บเจียนตายแค่ไหน ร่างบางก็ทำเพียงแค่อยู่นิ่งๆ ให้เรื่องระยำต่ำๆ พรรค์นี้จบลงเร็วๆ น้ำตาไหลลงที่หางตา จับจ้องมองอีจุนที่มองมาไม่วางตาเหมือนกัน เจ็บจนอยากจะตายลงตรงนี้ อยากจะบอกอีจุน อยากจะร้องห้ามว่าอย่ามอง หันไปทางอื่น แต่กลับไม่มีเสียงจะเอ่ยออกมา

 

     “ครางออกมาเดี๋ยวนี้! ครางออกมาให้กูได้ยิน!!” ออกคำสั่งเสียงดัง มือใหญ่บีบคางมนแน่นเพื่อหวังจะง้างปากของร่างบางให้ส่งเสียงออกมาให้ตนได้ยิน แต่มันกลับไม่เป็นผล

 

     “ถุย!” สิ่งที่ได้รับกลับมาแทนเสียงครางหวานๆ อย่างที่อยากได้ยิน กลับเป็นน้ำลายของร่างบางใต้ร่างของตนแทน

 

     มือใหญ่ยกขึ้นเช็ดน้ำลายออกจากหน้าตัวเอง ก่อนจะยกยิ้มชั่วส่งให้ก่อนและตามด้วยฝ่ามือที่ฟาดลงไปที่ใบหน้าสวยเต็มแรง

 

     “ฤทธิ์เยอะเกินไปอย่างมึงน่ะ มันจะทำให้กูโมโหมากกว่าเดิมนะรุ่นสิบ!” สิ้นคำพูดนั้นที่ไม่รู้ว่าโมโหจริงๆหรือไม่ แต่ร่างกายส่วนล่างของร่างหนาก็กระหน่ำทิ่มแทงช่องทางด้านหลังที่เลือดยังคงไหลไม่หยุดมากขึ้นเรื่อยๆ รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

 

     ลำตัวหนาๆ โน้มลงไปหาร่างบอบบางที่ตัวสั่นเทิ้มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อความเจ็บปวดแสนสาหัสเมื่อครู่นั้น จู่ๆ ก็กลับกลายเป็นความเสียวซ่านขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

 

     ลิ้นชื้นโลมเลียและเล็มความหวานละมุนบนยอดอกสีชมพูระเรื่อตัดกับผิวขาวเนียนละเอียดนั้นแผ่วเบา มือข้างที่บีบคางมนไล้ลงมาจนถึงส่วนกลางลำตัวขอร่างบาง กอบกุมเอาไว้ประหนึ่งของมีค่า รูดจากส่วนปลายลงมาจนถึงโคนและเริ่มโคนขึ้นไปจนถึงปลายยอดด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอ

 

     เผลอแอ่นอกรับสัมผัสที่จู่ๆ ก็อ่อนโยนขึ้นมาเสียเฉยๆ ทั้งที่รู้ว่าคนกระทำก็คงกำลังหัวเราะเยาะตัวเองอยู่ในใจ ห้ามตัวเองแล้วแต่กลับไม่เป็นผล และตอนนี้ก็รู้ดีว่าตัวเองกำลังรู้สึกดีกับเรื่องชั่วๆ ที่คนชั่วๆ กำลังปรนเปรอให้

 

     ยางอายหมดสิ้น แทบจะไม่รับรู้เลยว่าตัวเองกำลังถูกกอดอยู่ต่อหน้าผู้ชายนับสิบคนและอีกคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตก็กำลังมองอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น

 

     ศพของท่านพ่อก็ยังอยู่ในห้องโถง ห้องโถงที่มันกำลังกลายเป็นสถานทีที่ตัวเองกำลังใช้เป็นสถานที่เริงราคี

 

     ปากบางเม้มแน่นเพื่อสกัดกลั้นเสียงเอาไว้ หลายครั้งที่จุนฮยองเหลือบตาขึ้นมองและยกยิ้มเยาะเย้ยให้เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรื่นรมของร่างบาง

 

     “อะไรคนเก่ง นี่อย่าบอกนะว่ามึงกำลังมีอารมณ์ร่วมไปกับกูน่ะ...หื้ม...” จุนฮยองหยุดสิ่งที่กำลังกระทำ แท่งเนื้อที่กระหน้ำแทงช่องทางด้านหลังอยู่นั้นหยุดนิ่ง

 

     น่าอายเกินไปที่รู้ว่าตัวเองส่งเสียงเหมือนขัดใจออกมาและที่น่าอับอายมากไปกว่านั้น เมื่อเห็นรอยยิ้มของจุนฮยอง

 

     “ทำไม...มันขาดตอนรึไง เมื่อกี๊ยังดื้อกับกูอยู่เลยนี่”

 

     “เลว!”

 

     “แล้วไง!”

 

     “คำว่าเลวยังต้องให้กูอธิบายเพิ่มรึไง!”

 

     “แต่คนเลวอย่างกูก็ทำให้มึงเคลิ้มได้มากกว่าไอ้คนดีคนนั้นของมึงไม่ใช่รึไง!”

 

     “อย่างดีก็แค่ทำบุญให้หมา!”

 

     “ปากดีนักนะ วันนี้แหละ กูจะรีดเอาน้ำมึงออกให้หมดตัวเลย ดูซิว่ามึงยังจะปากดีอยู่อีกมั้ย!” พูดจบร่างหนาก็ดันแท่งเนื้อเข้าไปอีกครั้ง แล้วเริ่มขยับเร็วขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่น้อย ดันขาเรียวขึ้นไปจนแทบจะชิดกับอกบางนั่นแหละ

 

     ขยับถี่รัวเร็วพร้อมๆ กับที่มือหยาบกร้านที่กุมแก่นกายของร่างบางไว้ก็ขยับถี่รัวไม่ต่างกัน

 

     ยูกาตะที่สวมอยู่หลุดลุ่ยแทบไม่เหลือติดร่างกาย หากไม่เป็นเพราะว่ามือถูกพันธนาการเอาไว้ ผ้าคลุมกายสีแดงเพลิงนั้นคงหลุดจากเรือนกายไปแล้ว ร่างกายขาวโพลนประจักษ์แก่สายตาของคนทั้งห้องโถงใหญ่

 

     “อือ...อื้อ..อือ” อยากจะตบปากตัวเองนักที่เผลอหลุดเสียงน่ารังเกียจนี้ออกมา และแน่นอนหลังจากนี้มันต้องตามมาด้วยเสียงหัวเราะเยาะของสัตว์นรกมาเกิดอย่างยง จุนฮยองเป็นแน่

 

     ไม่ผิดไปจากที่คิดเลยแม้แต่น้อย เมื่อใบหน้าหล่อเงยขึ้นจากอกบางที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำลาย ยิ่งไปกว่านั้นยังเต็มไปด้วยรอยขบกัดหลายรอย

 

     “ไง...”

 

     ร่างบางกลับมาเม้มปากแน่นอีกครั้ง แต่มันก็ยากเกินกว่าจะทำได้ เมื่อตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง เมื่อตัวเองรู้ดีที่สุดว่าตอนนี้ร่างกายกำลังเข้าขั้นวิกฤตเต็มทนแล้ว

 

     เสียงหวานดังขึ้นในลำคออีกครั้งทั้งที่ปากยังปิดแน่น คิ้วเรียวขมวดแน่น อกบางแอ่นขึ้นเรื่อยๆเมื่อตอนนี้ตัวเองกำลังจะเข้าสู่จุดสูงสุดแห่งห้วงอารมณ์ทั้งที่สถานการณ์ตอนนี้มันคือการข่มขืนกระทำชำเรา

 

     แก่นกายกระตุกหลายครั้งและช่องทางด้านหลังก็ขมิบถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนร่างหนาต้องเร่งรีบทำให้คนร่าวบางใต้ร่างของตนปลดปล่อยออกมาให้เร็วที่สุด

 

     มือใหญ่ขยับเร็วขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต่างไปจากแท่งเอ็นขนาดใหญ่นั้นก็เช่นเดียวกัน เคลื่อนไหวเข้าออกภายในร่างกายของร่างบางเร็วขึ้นเรื่อยๆ

 

     “เร็วสิ...อีกสิ...อีก...อ๊า...อีกนิด...” ถ้าจะนับว่าอะไรคือสิ่งที่น่าอายที่สุดในโลกและน่าอายที่สุดในชีวิตของฮยอนซึงตอนนี้ ก็คงจะเป็นตอนที่ตนเองกำลังขอให้ศัตรูชำเราร่างกายของตัวเองนั่นล่ะ

 

     “ไม่ได้หรอกทูนหัว...จะเสร็จ ก็ต้องเสร็จพร้อมกัน...” ร่างหนาเอ่ยขึ้นเสียงสั่นพร่า มือใหญ่ปล่อยจากแก่นกายของร่างบาง โน้มเข้ามาให้ร่างกายแนบชิดกันมากขึ้นไปอีก มือใหญ่ศีรษะเล็กเอาไว้ก่อนจะกดจูบแสนเร่าร้อนลงกับกลีบปากบาง เคลื่อนไหวร่างกายเร็วขึ้นเรื่อยๆ ปล่อยให้แก่นกายที่แข็งขืนเต็มที่ของร่างบางเสียดสีไปกับเนื้อผ้านิ่มที่ปกปิดร่างกายของตนไว้ครบถ้วนทุกชิ้น

 

     ลิ้นชื้นสอดเข้าไปเพื่อหวังจะให้ปากมีช่องว่างน้อยที่สุดแม้จะเสี่ยงกับการที่จะต้องโดนร่างบางกัดลิ้นเอาก็ตามที

 

     หากแต่ผิดคาดเมื่อไม่ได้เป็นอย่างนั้น ร่างบางตอบรับจูบนั้นอย่างเต็มใจ ไม่สนใจสิ่งรอบข้างในตอนนี้เลยซักนิด กลางลำตัวที่ไร้การกระตุ้นมาได้ซักพัก ร้อนรุ่มขึ้นมาอีกครั้งจนกระทั่งปลดปล่อยออกมาในที่สุด

 

     จุนฮยองยอมถอนยิมฝีปากออกมาให้ร่างบางได้หายใจและครวญครางเฮือกสุดท้าย เสียงหอบหายใจรุนแรงจนอกเล็กกระเพื่อมถี่

 

     ร่างหนายกยิ้มเหมือนเยาะเย้ย ก่อนที่ปากหยักจะพูดขึ้น

 

     “มึงแพ้ละฮยอนซึง” พูดแค่นั้นก็หอบร่างบอบบางขึ้นจากพื้น กอดเอาไว้แน่นแล้วรีบขยับร่างกายตัวเองให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ เพราะเค้าเองก็กำลังจะพ่ายแพ้เหมือนที่ร่างบางพ่ายแพ้ไปก่อนหน้านี้แล้วเหมือนกัน

 

 

     พายุโลกีย์สงบลงพร้อมๆ กับสติสัมปชัญญะของร่างบางที่กลับคืนมาครบถ้วน ดวงตาเรียวจ้องมองไปที่จุนฮยองอย่างอาฆาต แค้นคนเลวตรงหน้าที่ไม่ยอมแม้กระทั่งปลดพันธนาการที่ข้อมือให้กับตน ร่างกายขาวละเอียดนั้นยังคงอวดอ้างให้คนอื่นได้เห็น ให้อีจุนที่เจ็บเจียนตายได้เห็น และร่างกายที่ท่านพ่อเฝ้าถนอมมาตลอด ตอนนี้กลับแปดเปื้อนและโสมมอยู่ต่อหน้าศพท่านพ่อ

 

     “ทำไมมองหน้าผัวอย่างนั้นล่ะรุ่นสิบ” จุนฮยองจับร่างบอบบางนั้นขึ้นจากพื้น จ้องมองเรือนร่างของร่างบางอยู่ซักพัก ร่างกายที่สกปรกไปด้วยคราบขาวขุ่นและคราบเลือดรวมไปถึงช่องทางด้านหลังนั้นก็ยังคงมีเลือดซึมอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นคราบของเหลวที่ตนปลดปล่อยเอาไว้ก็เริ่มไหลออกมารวมกับเลือดแล้ว

 

     “เก็บปากมึงไว้พูดอย่างอื่นเถอะจุนฮยอง!”

 

     “ปากดีไม่เลิกนะรุ่นสิบ เดี๋ยวก็หาอะไรยัดปากซะเลยนี่” นิ้วเรียวเกลี่ยไปตามริมฝีปากบางนั้นพร้อมรอยยิ้มที่ไม่ว่ายังไงฮยอนซึงก็ไม่ยินดีกับมันเลยซักนิด

 

     “ระวังปากมึงเอาไว้เถอะ ระวังไว้ให้ดี เพราะอีกไม่นานมันคงได้อมกระบอกปืนกูแน่!”

 

     “โอเค้...” จุนฮยองขึ้นเสียงสูง ยกมือขึ้นทำเหมือนยอมแพ้ ก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง

 

     “กูจะรอวันนั้น...เอาล่ะพวกมึงทุกตัว จะจัดการกับไอ้หมารับใช้นั่นยังไงก็ตามสบาย เสร็จแล้วก็รีบๆ กลับไปหากูที่รถ กูจะออกไปรอที่รถ” พูดกับลูกน้องในขณะที่กำลังจุดบุหรี่ ก่อนจะเดินออกไปก็หันมามองหน้าร่างบางเล็กน้อย อัดควันเข้าปอดจนเต็ม ก้มลงมาพ่นควันบุหรี่นั้นใส่หน้าร่างบางจนหมด

 

     “แล้วเจอกัน...รุ่นสิบ” ยิ้มและไหวไหล่เล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป

 

 

 

      “บุหรี่มันไม่ดีนะครับนายแม่” เสียงนุ่มดังขึ้นจากด้านหลัง พร้อมกับบุหรี่ที่อยู่ในมือก็ถูกริบเอาไปด้วย ร่างกายบอบบางถูกคลุมด้วยผ้าห่มผืนหนาเพื่อให้ร่างกายบอบบางนั้นได้รับความอบอุ่น แม้ว่าตอนนี้จะใกล้จะหมดฤดูหนาวแล้วแต่อากาศก็ยังคงเย็นอยู่ แม้จะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิหากแต่ว่าอุณหภูมิก็ยังคงลดต่ำเช่นเดิม

 

     “ชั้นเครียด” เงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของเสียงที่ตอนนี้ทิ้งบุหรี่ไปแล้วเรียบร้อย และยืนนิ่งอยู่ข้างกาย

 

     “เครียดเรื่องที่จะต้องเข้าไปอยู่ที่นั่นเหรอครับ ถ้าเครียด...ผมจะเข้าไปเจรจาเรื่องนั้นให้แทน ดีมั้ยครับ” อีจุนเสนอหนทางที่ดีกว่าการเข้าไปอยู่ที่นั่นให้ ตนจะยอมเดินเข้าไปที่นั่นคนเดียวอีกครั้งแล้วขอต่อรองเรื่องที่ตระกูลยงเสนอมา

 

     “ไม่ต้องหรอก ชั้นตั้งใจจะเข้าไปที่นั่นอยู่แล้ว แต่ที่เครียดเพราะ...ชั้นฝันเรื่องนั้นอีกแล้ว เรื่องเดิมๆ ที่ตามหลอกหลอนชั้นมาตลอด 3 ปี ทำยังไงถึงจะไม่ฝันเห็นมันอีกนะอีจุน”

 

     “ทั้งหมดมันเป็นความผิดของผมเองครับ ผมมันไม่ได้เรื่องเอง” อีจุนก้มหน้าพูด เค้าเองก็เจ็บปวดกับเรื่องเมื่อ 3 ปีก่อนไม่น้อยไปกว่านายแม่เลยซักนิด เค้ามันแย่เอง ทั้งที่นายท่านไว้วางใจให้เป็นองครักษ์ของรุ่นสิบ แต่เค้าก็ทำหน้าที่ที่เค้าเพิ่งจะได้รับมอบหมายในวันแรกพังจนไม่มีชิ้นดี

 

     “มันไม่ใช่ความผิดของอีจุนหรอก...อย่าโทษตัวเองสิ อีจุนทำดีที่สุดแล้ว” ร่างบางลุกขึ้นยืนข้างๆร่างสูง ก่อนจะตัดสินใจวาดแขนเรียวกอดเอวหนานั้นเอาไว้ กดใบหน้าเข้ากับอกกว้างขององครักษ์ผู้ซื่อสัตย์นิ่ง

 

     และทั้งที่อยากจะโอบกอดร่างบอบบางนั้นเอาไว้เช่นกัน แต่ร่างสูงก็ทำได้แค่หักห้ามใจตัวเองเอาไว้ เค้าจะถลำลึกไปกว่านี้ไม่ได้ เค้าควรจะสำนึกอยู่เสมอว่าเป็นได้แค่ไหนและตอนนี้อยู่ในตำแหน่งอะไรและฐานะอะไร

 

     “นายแม่คะ...” เสียงคนสนิทหน้าห้องเรียกขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เกรงกลัวเช่นเดิม เธอยังคงก้มหน้านิ่ง รอจนกว่าเจ้านายจะอนุญาตให้เงยหน้า

 

     ร่างบางละจากแผ่นอกกว้างนั้น แล้วรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาฮาราทันที อีจุนรีบตามไปติดๆ พร้อด้วยผ้าห่มผืนหนาตามไปคลุมร่างเอาไว้ให้

 

     “อะไรฮารา”

 

     “คุณบยองฮีขอเข้าพบค่ะ”

 

     “บยองฮีได้บอกมั้ยว่าเรื่องอะไร ปกติหมอนั่นจะไม่ออกมาจากซ่องนี่!”

 

     “ไม่ได้บอกค่ะ ให้เข้ามาเลยมั้ยคะ เพราะสีหน้าคุณบยองฮีดูร้อนรนมากๆ เลยค่ะ”

 

     “เข้ามาสิบยองฮี!” ร่างบางตะโกนออกจากห้องส่วนตัวของตนเพื่ออนุญาตให้ลูกน้องอีกคนเข้ามา เพียงไม่กี่วินาทีบยองฮีก็เข้ามาภายในห้อง โค้งจนเป็นมุมฉากให้ร่างบางอย่างนอบน้อม ก่อนจะพูดเรื่องที่บยองฮีขอเข้าพบก็หันไปสั่งฮาราที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม

 

     “ฮาราออกไปก่อน หลังจากนี้จนกว่าชั้นจะให้คนไปตาม ก็กลับไปห้องพักของเธอก่อน อ้อ...วันนี้แบล็คโรสต้องอาบน้ำแล้วนะ จัดการให้ด้วย”

 

     “ค่ะนายแม่” ฮารารับคำสั้นๆ คลานถอยหลังแล้วลุกเดินไปอุ้มเอาแบล็คโรสที่กำลังหลับสบายขึ้นมาจากที่นอนสุดหรูของนายแม่เพื่อพาไปอาบน้ำตามที่นายแม่สั่ง

 

     “ว่าไงบยองฮี”

 

     “คนใหม่ที่แม่มันเพิ่งจะขายให้เราเมื่อวันก่อน มันยังดื้อไม่ยอมรับแขกเลยครับ ผมทั้งซ้อมทั้งขู่มันสารพัดแล้ว แต่มันก็ยังดื้อ” บยองฮีรายงานสั้นๆ เท่านั้น

 

     “ชั้นดูหน้ามันก็รู้แล้วว่าอีนี่มันไม่ยอมง่ายๆ ถามมันมั้ยว่ามันต้องการอะไรหรือว่าต้องการเงินให้พ่อกับแม่ของมันเพิ่ม แต่ดูๆ แล้ว มันก็ไม่ซิงนี่ จะเรื่องมากทำไม”

 

     “ผมไม่ทราบครับ”

 

     “ตกลงว่ามันต้องการอะไรแลกกับที่มันต้องรับแขกมั้ยบยองฮี ถ้าให้มันได้ก็ให้ๆ มันไป จะได้จบๆ” ร่างบางถามย้ำอีกครั้ง เป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับกะหรี่ของที่นี่ เรื่องมาก กว่าจะรับแขกได้ต้องกินแข้งเป็นอาหารซะก่อน หรือไม่ก็ขอส่วนแบ่งเพิ่ม ทั้งที่จริงๆ ค่าตัวพวกมันพ่อแม่มันก็เอาไปมากโขแล้ว แบ่งให้ก็ดีถมเถไปแล้ว

 

     “มันบอกว่ามันจะยอมรับแขกก็ต่อเมื่อมันได้นอนกับคุณอีจุนก่อนเท่านั้นครับ” บยองฮีรีบตอบคำถามก่อนที่ร่างบางจะโมโห แต่ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ร่างบางจะโมโหพราะจนตอบช้าหรือเพราะสิ่งที่ตอบออกไปกันแน่

 

     ร่างบางพยักหน้าช้าๆ เท่านั้น

 

     “เอารถออก ชั้นจะไปจัดการอินี่ด้วยตัวชั้นเอง เรื่องมากดีนักใช่มั้ย!” ว่าแล้วร่างบางก็เดินออกจากห้องไปก่อนสองหนุ่มทันที

 

     อีจุนที่รีบวิ่งจะตามร่างบางออกไปแต่กลับถูกเพื่อนร่วมพรรคดันข้อศอกหยุดไว้ก่อน

 

     “นางพญายอมออกโรงเองเพื่อปกป้ององครักษ์อันเป็นที่รักเลยเหรอเนี่ย” น้ำเสียงขอบยองฮีไม่มีพิษมีภัยใดๆ ทั้งนั้น เพราะทุกคนในพรรคก็รู้กันดีว่านายแม่น่ะหวงองครักษ์อีจุนมากแค่ไหน

 

     “เพ้อเจ้อ!”

 

     บยองฮีไม่พูดอะไร ไหวไหล่เล็กน้อยแล้วปล่อยเพื่อนเป็นอิสระ แล้วรีบตามออกไปทันที เพราะถ้าหากนายแม่รอนานคนที่จะแย่คงเป็นบยองฮีแน่ๆ

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา