Fic B2ST Big Mama [JunSeung ft.Lee Joon] [Rate 20]

10.0

เขียนโดย เช้าตรู่

วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.44 น.

  20 chapter
  5 วิจารณ์
  40.14K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 11.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) Big Mama Chapter 3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

     “ว่าไงนะ นายแม่มาเองเลยเหรอ” ใครอีกคนพูดขึ้นเสียงไม่ดังนัก เมื่อได้ยินคำบอกกล่าวจากลูกน้องที่พอเห็นว่านายแม่มาเองก็รีบเข้ามาบอกลูกพี่ตัวเองทันที

 

     “ก็อินั่นมันเรื่องมาก อยากจะได้พี่จุนน่ะสิ นายแม่เลยต้องลงมาสั่งสอนมันเอง ก็สมควรแล้วล่ะพี่ ใครๆ ก็รู้ว่าไม่มีอิตัวหน้าไหนกล้าจะให้พี่จุนเปิดหรอก เพราะนายแม่หวง” ยังกระซิบกระซาบไม่เลิก ไม่ได้สนใจท่าทีของลูกพี่เลยว่าตอนนี้เปลี่ยนท่ายืนแล้วเรียบร้อย

 

     “ว่างมากนักใช่มั้ยชางซอบ ถ้าว่างมากนักก็ไปคุมอิตัวพวกนั้นทำงาน!” เสียงทรงอำนาจดังขึ้นจากด้านหลัง เย็นเยียบจนเจ้าของชื่อเย็ยวาบที่สันหลังไปหมด ชางซอบรีบหันกลับหน้าตรง แล้วยืนให้ตรงที่สุดเท่าที่จะตรงได้

 

     “ผมทำงานของผมเรียบร้อยแล้วครับนายแม่!”

 

     “งั้นก็ไปเคลียร์บัญชีมาให้ชั้นตรวจสิ!”

 

     “บัญชีค่าตัวอิพวกนั้นใช่มั้ยครับ” ชางซอบรู้ดีว่าตัวเองไม่ควรจะถามอะไรอย่างนั้นออกมา เค้ารู้ดีว่าบัญชีนั้นหมายถึงบัญชีอะไร

 

     “ชั้นแค่อยากเห็นตัวเลขว่าเงินที่เสียไป มันได้กลับมาคุ้มกันมั้ย ไปจัดการให้เรียบร้อย หลังจากที่ชั้นจัดการอินั่นเรียบร้อยแล้ว ชั้นจะกลับมาจัดการแก!” พัดในมือสวยฟาดลงที่ศีรษะของชางซอบอย่างแรงก่อนจะเดินผ่านชางซอบไปแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าลูกน้องอีกคน

 

     “บยองฮีบอกชั้นว่าอีนั่นมันอยากได้จุนของชั้นก่อนแล้วถึงจะยอมรับแขกอย่างนั้นใช่มั้ยดงอุน”

 

     “ครับนายแม่” ดงอุนโค้งแล้วตอบคำถามนั้น

 

     “แล้วตอนนี้มันอยู่ไหน” ร่างบางใช้พัดเชยคางชายหนุ่มที่สูงกว่าตัวเองอยู่มากเพื่อต้องการให้ดงอุนสบตากับตน

 

     “พอพี่บยองฮีโทรมาบอกว่านายแม่จะเข้ามาจัดการมันก่อน ผมก็ลากมันไปที่ห้องโถงกลางแล้วครับ”

 

     “แบบนั้นก็ดี อีพวกนั้นจะได้จำใส่สมองเอาไว้ว่าห้ามคิดจะยุ่งกับอีจุน!” เอาพัดออกจากปลายคางของดงอุน สะบัดเบาๆ เพื่อให้พัดกางออก ออกแรงพัดไปด้วยในขณะที่เดินตรงไปยังห้องโถง ลูกน้องที่มารอรับโค้งให้เป็นทางยาวไปจนถึงห้องโถงใหญ่

 

     ร่างบางเดินนวยนาดขึ้นไปนั่งบนบัลลังค์ที่ปูลาดด้วยหนังเสือดาว ข้างๆ ก็มีอีจุนและบยองฮียืนเป็นบอร์ดี้การ์ดให้

 

     “เธอใช่มั้ยที่เรียกร้องอีจุนจากชั้นน่ะ” จ้องมองไปที่หญิงสาวที่เงยหน้าขึ้นมาเช่นเดียวกัน ขาเรียวยกขึ้นไขว่ห้างอย่างเคยตัว อีจุนที่ยืนอยู่ข้างๆ ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปหา

 

     “ขอร้องได้มั้ยครับ เวลาอยู่ต่อหน้าพวกชุดดำเยอะๆ อย่าไขว่ห้าง” พูดเบาๆ เท่านั้น แล้วหยิบชายยูกาตะที่หลุดลงไปขึ้นมาปิดขาเรียวให้ร่างบาง

 

     “มันเคยชินนี่ อย่าบ่นสิอีจุนล่ะก็” หน้าง้ำหน้างอเล็กน้อย ก่อนจะปรับโหมดไปสนใจกับผู้หญิงตรงหน้า

 

     “ว่าไงล่ะ คนนี้ใช่มั้ยที่เธออยากได้ก่อนจะรับแขก” มือเรียวเอื้อมไปกระชากเน็คไทค์ของอีจุนเข้ามาหาตัวเอง

 

     “หนูก็แค่..” เมื่อเห็นหน้าร่างบางเข้าจริงๆ หญิงสาวก็เกิดกลัวจนพูดอะไรไม่ออก เธอก็แค่ต่อรองไปอย่างนั้นเอง เพราะไม่อยากจะรับแขก แม้เธอจะรู้ดีว่ายังไงก็ต้องทำงานชดใช้เงินที่พ่อกับแม่ของเธอเอาไปอยู่แล้ว

 

     “เธอคงยังไม่รู้กฎของอิตัวที่นี่สินะ งั้นไม่เป็นไร...เมื่อเธอยังไม่รู้ ชั้นจะบอกให้ก็ได้!” ร่างบางปล่อยเน็คไทค์ออกจากมือ ลุกขึ้นแล้วเดินลงจากบัลลังค์ไปหาหญิงสาวที่นั่งตัวสั่นอยู่ที่พื้น ก้มต่ำลงไปหา นิ้วเรียวที่เล็บยาวสวยถูกแต่งแต้มด้วยน้ำยาทาเล็บอย่างดี เงาวับจนน่ากลัว เชยคางหญิงสาวขึ้น

 

     “ไหน...บอกชื่อเธอมาสิว่าเธอชื่ออะไร”

 

     “มิกะค่ะ มิอุระ มิกะ”

 

     “เธอก็รู้ใช่มั้ยมิกะจัง ว่าเธอไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรทั้งนั้น ในเมื่อพ่อกับแม่ของเธอขายเธอให้ชั้นแล้ว ชั้นเสียเงินซื้อเธอมาแล้วยังใช้หนี้พนันที่พ่อแม่ของเธอก่อไว้ให้ก่อนจนหมด เธอต้องตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ของเธอและต้องใช้หนี้ส่วนที่พ่อแม่เธอเอาของชั้นไปให้หมด! และถึงเธออยากจะต่อรองก็แล้วแต่ เธออยากจะให้ใครเปิดเธอก่อนก็ได้ทั้งนั้น ยกเว้นอีจุน! ชัดใช่มั้ย!” ร่างบางไม่ได้ตะคอกหรือพูดเสียงดังใส่หน้าหญิงสาวตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย พอพูดจบมือที่บีบปลายคางของหญิงสาวจนแน่นนั้นก็ปล่อยมือจากใบหน้าสวยหวานนั้นด้วยสีหน้าและท่าทางที่แสดงออกถึงความรังเกียจเต็มทน

 

     “ค่ะ...”

 

     “แล้วชั้นก็คือนายแม่ คนที่จะคอยคุ้มกะลาหัวเธอไปจนกว่าเธอจะทำงานใช้หนี้หมด!”

 

     “ค่ะ...นายแม่...”

 

     “จำหน้าชั้นเอาไว้ให้ดี เพราะนี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เธออาจจะได้เห็นหน้าชั้น เอาล่ะ...ตกลงว่าเธอจะยอมรับแขกได้รึยัง!”

 

     หญิงสาวไม่ตอบคำถามนั้น เธอยังไม่พร้อมจะพลีกายเป็นตุ๊กตายางเพื่อสนองตัณหาของใคร แม้รู้ดีว่าหนีไม่พ้นซ่องชั้นสูงแห่งนี้ก็ตามที

 

     “ไม่ตอบ! โอเค...ไม่ตอบ งั้นเดี๋ยวชั้นตอบแทนเธอเองก็ได้ วันนี้ก็รับแขกเป็นเด็กๆ ของชั้นไปก่อนก็แล้วกันนะ พวกมันคงอดอยากมานานแล้วพอแล้ว...เอาล่ะ พวกแก คนไหนอยากได้ก็เอาอีนี่ไปจัดการซะ เสร็จแล้วก็โยนมันให้แขก!” ร่างบางสั่งเสียงเฉียบขาด สิ้นคำพูดก็เกือบจะเกิดภาพที่เหมือนแร้งรุมทึ้งซากศพอยู่แล้ว หาไม่ติดว่าเสียงปรบมือของใครซักคนดังขึ้นก่อน

 

     “สมแล้วที่เป็นนายแม่”

 

     ทั้งหมดแหวกออกเป็นทางเดินให้กับเจ้าของเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร อาวุธปืนของลูกน้องหลายสิบคนก็จ่อไปที่เจ้าของเสียงทันที แต่ก็ถูกลูกน้องของเจ้าของเสียงจ่อคืนเช่นกัน

 

     “เอาปืนลง” ร่างบางสั่งเสียงเรียบ พร้อมทั้งจับจ้องไปที่เจ้าของร่างหนาๆ นั้น

 

     “แหม...นึกว่ารันจังของชั้นจะใจร้ายกับชั้นได้ลงคอซะอีก”

 

     “ถ่อมาถึงที่นี่ มึงต้องการอะไร!” ร่างบางถามกลับไป

 

     “ก็ไม่มีอะไร วันนี้เค้าจัดงานวัดเทศกาลชมซากุระ กูก็แค่อยากจะชวนมึงไปดูเดินเล่นด้วยกัน ก็แค่นั้น”

 

     “กูไม่ไป!”

 

     “แต่มึงต้องไป!”

 

     “เอาปืนมาจ่อคอหอยกูตอนนี้ กูก็ยังยืนยันคำเดิมว่ากูไม่ไปกับมึงจุนฮยอง!” ร่างบางกัดฟัดพูด ก่อนจะสะบัดตัวเพื่อหนีหน้าจุนฮยอง

 

     จุนฮยองถอนหายใจออกหนักๆ เพราะถูกขัดใจ เดินแหวกม่านทั้งลูกน้องของตนทั้งลูกน้องของร่างบาง เข้าไปหาร่างบอบบางที่หันหลังให้ ก่อนจะแบกเอาร่างบอบบางนั้นขึ้นบ่าอย่างง่ายดาย

 

     “ปล่อยกูลงนะจุนฮยอง!” ร่างบางส่งเสียงโวยวาย อีจุนที่เข้ามาหมายจะปกป้องร่างบางออกห่างจากจุนฮยอง หากแต่จุนฮยองยกนิ้วขึ้นชี้หน้าก่อน

 

     “มึงก้าวเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว กูฆ่านายแม่ของมึงแน่!” พูดจบแล้วก็หันไปหาลูกน้องของร่างบางที่จ่อปืนมาที่ตนเอง

 

     “พวกมึงก็ด้วย! ถ้าใครมีปืนอยู่ในมือแม้แต่ตัวเดียวล่ะก็ เตรียมตัวกะโหลกกระจุยได้เลย!” ว่าแล้วจุนฮยองก็เดินฝ่าฝูงลูกน้องของทั้งสองฝ่ายที่อีกไม่นาน อาจจะต้องมาปรองดองกันก็เป็นได้ออกไปโดยที่มีร่างบางอยู่บนบ่า

 

     อีจุนกำลังจะตามออกไปแต่บยองฮีคว้าไหล่ไว้ก่อน

 

     “ไม่ต้องตามไปหรอกน่า รุ่นแปดไม่ทำอะไรนายแม่หรอก”

 

     “กูไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นแหละบยองฮี!” อีจุนปัดมือของบยองฮีออกจากบ่าตัวเอง หยิบเอาปืนขึ้นมาสอดไว้ที่เอวกำลังจะตามออกไป แต่แล้วขายาวกลับชะงักเมื่อได้ยินบยองฮีพูดขึ้น

 

     “เพราะถ้าเป็นมึง มึงก็คงไม่ฆ่าคนที่มึงรักหรอกจริงมั้ยอีจุน”

 

     “................”

 

     “ปล่อยให้นายแม่กับรุ่นแปดได้อยู่ด้วยกันบ้าง เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น”

 

     “แต่มึงก็รู้ว่าไอ้ห่านั่นมันอยากจะได้พรรคและกิจการของนายแม่ไปเป็นของมัน!”

 

     “สิ่งที่รุ่นแปดอยากได้ไม่ใช่พรรค ไม่ใช่กิจการทั้งหมดของพรรค แต่คือหัวใจนายแม่ แต่มึงก็รู้ว่าหัวใจนายแม่อยู่ที่ใคร” บยองฮีทิ้งประโยคแสนเจ็บปวดเอาไว้แค่นั้น แล้วเดินกลับไปสั่งงานกับดงอุน ก่อนจะกลับไปทำงานของตัวเอง

 

     อีจุนยืนตัวแข็งทื่อกับประโยคของเพื่อนรัก ห่วงร่างบอบบางนั้นก็แสนห่วง แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าไม่ว่ายังไงร่างบางก็เอาตัวรอดได้ หากแต่มันก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี

 

     “ฮยอนซึง...พี่หวังว่าฮยอนซึงของพี่จะกลับมาอย่างปลอดภัยนะคะ”

 

 

 

 

     “ฮึ้ย!” เสียงขัดใจดังขึ้นตลอดทาง แต่คนข้างๆ ก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ยังพยายามจะประสานนิ้วทั้งห้าเข้ากับมือเล็กเรียวนั้นให้ได้อยู่ดี

 

     “นิ่งๆ เถอะน่า!”

 

     “มึงก็ปล่อยมือกูสิ!”

 

     “มึงนี่เล่นตัวจัง จะอะไรนักหนา กะอีแค่จับมือ จับมากกว่ามือมึงก็โดนกูจับมาแล้ว!”

 

     “ไอ้!....” ร่างบางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ร่างหนาที่ยังคงพยายามกุมมือเล็กของตนเอาไว้ แต่แทนที่อีกคนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองในทางลบ กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อร่างหนากลับยกยิ้มมุมปากให้ พร้อมทั้งเลิกคิ้วสูงเหมือนต้องการจะเยาะเย้ยร่างบอบบางข้างๆ ว่าไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางเอาชนะตนได้แต่นอน

 

     “แค่ครั้งเดียวน่ะกูไม่นับ กูถือว่าให้ทานหมา!”

 

     “งั้นวันนี้กูทำอีกซักสองสามครั้งดีมั้ย มึงถึงจะนับและจำว่ามึงเป็นของใคร!” ร่างหนาพยายามเป็นครั้งสุดท้าย กุมมือเล็กไว้ด้วยมือใหญ่ของตน กระชับแน่นจนร่างบางบิดมือไม่ได้เลยซักนิด แล้วแบบนี้จะหนีไปได้ยังไง

 

     “ถ้ามึงคิดว่าทำได้เหมือนคราวนั้นก็ลองดู!”

 

     “ทำไม? มึงคิดว่ามึงสู้กูได้งั้นรึไง...รันจังของกูเนี่ยก็ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยน้า...” ร่างหนายังพูดด้วยท่าทางที่อารมณ์ดีสุดๆ ไม่รู้ว่าไปอารมณ์ดีมาจากไหน พอพูดจบก็หันมายิ้มให้ เอื้อมมือข้างที่เหลือขึ้นเกาคางมนเล่น หากแต่ก็ถูกร่างบางปัดมือออกตามที่คาดเอาไว้

 

     อารมณ์ดีมาจากไหน ไม่มีใครรู้หรอกนอกเสียจากยง จุนฮยองเอง

 

     แค่คิดว่าวันนี้จะมาบังคับให้ร่างบางมาเดินเที่ยวชมซากุระด้วยกัน ร่างหนาก็ตื่นเต้นและอารมณ์ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้น แม้จะรู้ดีว่ายังไง “รันจัง” ของตนจะต้องหน้าหงิกงอเพราะไม่ชอบใจและไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่เป็นไร

 

     “อย่ามาเรียกกูแบบนั้นนะ!”

 

     “กูมีสิทธิ์ที่จะเรียกมึงว่ายังไงก็ได้ พอละๆ ไม่เถียงด้วยแล้ว ไปเดินดูของทางโน้นกันดีกว่า” ร่างหนาหยุดเถียงแค่นั้น แล้วกึ่งลากกึ่งกระชากร่างบางให้เดินตามไปดูร้านขายของที่เรียงรายกันอยู่ตามรายทาง

 

     “อ่า...ทาโกยากิน่ากินจัง รันชอบมั้ย” หันมาถามคนที่หน้าหงิกตั้งแต่ออกมาจนถึงตอนนี้ก็ยังหงิกไม่เลิก ร่างหนาเห็นแล้วล่ะว่ายังไงก็คงไม่ยอมพูดด้วยง่ายๆ

 

     “ซะหน่อยน่า” จิ้มทาโกยากิขึ้นมาลูกนึงแล้วยื่นไปให้ ร่างบางหันหน้าหนี

 

     “ไม่กิน!”

 

     “ออกจะอร่อยหรือว่ากินของข้างถนนไม่ได้กันน่ะ” ว่าพลางยัดทาโกยากิเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ่ยๆ โน้มลงไปเคี้ยวต่อหน้าร่างบางหวังจะให้ร่างบางอิจฉาเล่นๆ

 

     แต่เปล่าเลย มือเล็กดันหน้าใหญ่ๆ นั่นออกห่าง

 

     “จะยัดอะไรก็ยัดไปคนเดียว อย่ามาชวนคนอื่นเค้ากินด้วย!”

 

     “โอเคๆ ไม่บังคับแล้ว” ร่างหนาเลิกสนใจคนหน้างอแล้วหันไปหาแม่ค้าทาโกยากิต่อ

 

     “ขอนี่กล่องนึง”

 

     “ราดซอสด้วยเลยมั้ยคะ”

 

     “ไม่ต้องล่ะ ชั้นไม่ชอบ” ตอบไปสั้นๆ แค่นั้น แม่ค้าจัดการตามที่ร่างหนาบอก ร่างหนาจ่ายเงินไปแล้วก็รับเอากล่องทาโกยากิที่บรรจุทั้งหมด 8 ลูกมาไว้ในมือ

 

     “นี่...รัน...ชิมหน่อยน่า” จิ้มไอ้เจ้าลูกกลมๆ นั้นรอไว้เรียบร้อยแล้ว ยื่นไปตรงหน้าร่างบาง และก็พยายามส่งยิ้มให้ หากแต่ร่างบางก็เอาแต่ตีหน้ายักษ์ใส่

 

     “ไม่กิน!”

 

     “ถ้าไม่กิน กูจับมึงกดตรงนี้แน่! กินเข้าไป!”

 

     ร่างบางหันหน้ามาตีหน้ายักษ์ใส่อีกครั้ง เหมือนจะไม่ยอมกิน แต่ก็อ้าปากกินทาโกยากิอย่างที่ร่างหนาต้องการจนได้

 

     “ก็แค่นั้นแหละ ทำไมต้องให้กูบังคับ”

 

     ร่างบางรีบเคี้ยวรีบกลืนจะได้รีบเถียงกลับไปบ้าง แต่ว่าอีกคนรู้ทัน กระชากร่างบอบบางนั้นเข้ามาหาด้วยแขนเพียงข้างเดียว แล้วกดปิดปากนั้นด้วยกลีบปากหยักของตนซะ กระชับแขนแกร่งเข้ากับเอวบางนั้นแน่นขึ้น จนร่างบางไร้ทางขัดขืน

 

     ร่างหนารุกล้ำโพรงปากนุ่มละมุนนั้นหนักหน่วง และไร้ซึ่งยางอายแม้ว่าจะอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย ร่างบางดิ้นขัดขืน ฝ่ามือเล็กทุบลงที่กลางอกหลายต่อหลายครั้ง เพื่อจะให้ตัวเองเป็นอิสระ ไม่เคยเข้าใจตัวเองเลย แม้กระทั่งถึงตอนนี้ว่าทำไมถึงได้พ่ายแพ้ให้กับผู้ชายคนนี้เสมอ ทั้งที่ฮยอนซึงสามารถเอาชนะคนอื่นได้มากมายและง่ายดายแท้ๆ แต่กับไอ้รุ่นแปดที่ฆ่าพ่อคนนี้ทำไมฮยอนซึงถึงทำอะไรไม่ได้

 

     ร่างหนายอมปล่อยร่างบางเป็นอิสระ ไม่ใช่เพราะว่ามือเล็กๆ ที่ทำร้ายอกของตัวเองหรอกนะ หากแต่เป็นเพราะว่าอยากจะเห็นหน้าของร่างบางหลังจากที่ตนปล่อยแล้วต่างหาก

 

     “ชาติชั่ว!” พอเป็นอิสระแล้วก็ปากเก่งขึ้นมาทันที

 

     “มึงชั่วน้อยกว่ากูอย่างนั้นสินะ! กูก็ชั่ว มึงก็ชั่ว เหมาะสมกันแล้วรุ่นสิบ!” ยกยิ้มเย้ยหยันให้แล้วกระชับมือเล็กเอาไว้อีกครั้ง เป็นอีกครั้งที่ร่างหนาบังคับให้ร่างบางเดินเที่ยวด้วย

 

     ร่างบางพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ เพราะขัดใจ เมื่อทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็เลยต้องยอมเลยตามเลย ยอมเดินดูของแฮนด์เมดที่เอามาวางจำหน่ายในงานเทศกาลประจำปีที่ปีหนึ่งจะจัดขึ้นเพียงครั้งเดียวและมีแค่ 7 วันเท่านั้น

 

     ร่างบางหยุดยืนอยู่ที่ร้านเครื่องเงินร้านหนึ่งอยู่เป็นนานสองนาน ยืนมองสร้อยข้อเท้าเส้นเล็กๆ ที่จี้เป็นกุหลาบเคลือบด้วยสีดำ ร่างหนาก้มลงไปมองแล้วหยิบขึ้นมายื่นให้เจ้าของร้าน

 

     “เอาเส้นนี้”

 

     ร่างบางรีบหันควับทันที

 

     “มึงก็เห็นว่ากูจ้องอยู่ นั่นหมายความว่ากูอยากได้!”

 

     “เรื่องของมึงสิ”

 

     “ไอ้จุนฮยอง!”

 

     “เรียกชื่อกูบ่อยเกินไปแล้ว มึงกลัวกูจะลืมชื่อตัวเองรึไง” พูดแค่นั้นก็หันไปรับเอาสร้อยเส้นนั้นมาแล้วจ่ายเงินพร้อมทั้งบอกกับเจ้าของร้านว่าไม่ต้องทอน

 

     ร่างหนาเก็บมันไว้ที่กระเป๋าด้านในของเสื้อสูท ก่อนจะลากร่างบางออกห่างจากร้านนั้น

 

     “ขี้โกงนี่!”

 

     “ขี้โกงอะไรรัน” หันไปถาม คิ้วเข้มขมวด

 

     “เลิกเรียกกูด้วยชื่อนั้นได้แล้ว!”

 

     “เมื่อก่อนกูก็เรียกบ่อยๆ ทำไมตอนนี้ถึงจะเรียกไม่ได้”

 

     “มันไม่เหมือนกัน!”

 

     “เหมือนกันนั่นแหละ ที่ต่างไปก็แค่เวลาเท่านั้นเอง”

 

     “อีกอย่างคือความรู้สึก” ร่างบางพูดแค่นั้นก่อนจะสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของร่างหนา เดินนำไปก่อน ไม่ได้สนใจเลยซักนิดว่าจะเกิดอันตรายอะไรขึ้นมั้ยเมื่อปราศจากบอร์ดี้การ์ด เพราะแก๊งมาเฟียในญี่ปุ่นนั้นไม่ได้มีแค่สองแก๊งและทั้งหมดนั้นก็ต่างต้องการชีวิตของร่างบางไม่ต่างกัน เพราะฉะนั้นนายแม่ถึงต้องมีบอร์ดี้การ์ดติดตามอยู่ตลอดเวลา

 

     “รัน!อย่าเดินห่างจากกูซิ เกิดอะไรขึ้นมาจะทำไง!” ร่างหนาตะโกนตามหลังแล้วรีบวิ่งฝ่าผู้คนตามร่างบางไป แต่แล้วก็ช้ากว่าพวกลอบกัด เมื่อตอนนี้ร่างบอบบางนั้นอยู่ท่ามกลางวงล้อมของชายร่างยักษ์ 5 คน ที่ดูยังไงแล้วร่างบางก็คงล้มพวกมันได้ยากแน่ๆ

 

     “ขาดคำกูที่ไหนล่ะ!” บ่นขึ้นอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้วงล้อมนั้น ยกมือขึ้นสะกิดที่ไหล่หนึ่งในห้าของคนที่ล้อมร่างบางอยู่

 

     “หึ! ยง จุนฮยองเองน่ะเหรอ อยากจะเข้ามาร่วมกับพวกเราด้วยรึไง แต่ว่าแค่นายแม่คนเดียว ตัวแค่นี้ไม่ต้องถึงมือแกหรอก พวกเราก็เอาอยู่ แต่ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะ เพราะศีรษะนายแม่ต้องกลับไปกับพวกชั้น” เมื่อมันเห็นว่าเป็นใคร มันก็รีบพ่นคำพูดโดยที่ไม่ระวังออกมาทันที อีกสามคนมาดักร่างหนาไว้ ส่วนอีกสองคนเตรียมจะจัดการร่างบาง ร่างหนายกยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น หยิบปืนพกทั้งสองที่อยู่ที่เอวออกมาแล้วจ่อยิงเข้าที่กลางอกของผู้ชายทั้งสามคนนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบเข้าประชิดตัวของร่างบาง หากแต่ว่าไอ้สองตัวนั้นกลับล็อคร่างบางไว้ก่อน คนนึงจ่อปืนที่หัวของร่างบางนิ่งและอีกคนจ่อปืนมาที่ร่างหนา

 

     “รัน มึงรู้ใช่มั้ยว่าต้องทำไง”

 

     ร่างบางพยักหน้าแล้วเบี่ยงหลบออกเล็กน้อยพร้อมๆ กับที่กระสุนพุ่งออกจากปลายกระบอกปืนของร่างหนา เจาะเข้าที่สมองของไอ้คนที่ล็อคตัวของตัวเองเอาไว้ หลังจากเจาะสมองไอ้ยักษ์ตัวนั้นเรียบร้อยแล้ว ร่างหนาก็รีบหันปลายกระบอกปืนไปที่อีกคนทันที แต่ก็ช้ากว่าร่างบางที่ระเบิดหัวมันไปเรียบร้อยแล้วก่อนหน้าร่างหนาไม่กี่วินาที

 

     “ถ้ากูไม่ได้มาด้วยมึงจะทำยังไง!” พอจัดการไอ้ห้าตัวนั่นเสร็จท่ามกลางเสียงกรดร้องของผู้มาเที่ยวงานแล้ว ร่างหนาก็ต่อว่าร่างบางทันที เข้าไปกระชากแขนเรียวเล็กนั้นเต็มแรงจนร่างบางต้องนิ่วหน้าเพราะความเจ็บปวด

 

     “ก็แค่ตาย!”

 

     “แต่มันจะไม่แค่ตาย!”

 

     “มึงก็อยากจะให้กูตายอยู่แล้วนี่!”

 

     “ถ้ามึงจะต้องตาย กูจะเป็นคนฆ่ามึงเอง ไม่ใช่คนอื่น!”

 

     “งั้นก็รีบๆ ฆ่ากูซะสิ!”

 

     “มึงมันดื้อ!” ร่างหนาพูดได้แค่นั้น หยุดเถียง หยุดทั้งหมด จู่ๆ ก็คว้าเอาร่างบอบบางนั้นมากอดไว้แน่น ไร้ซึ่งการระวังตัวอย่างที่ควรจะทำ ร่างบางนิ่งงันในอ้อมกอดนั้น มือเล็กหยิบปืนจากเอวของร่างหนาแล้วจ่อไปที่ช่องท้องของร่างหนา

 

     “เอาเลย ยิงกูให้ตายไปอย่างที่มึงต้องการเลยรัน” ร่างหนาละอ้อมแขนออก แล้วยืนนิ่งให้ร่างบางบางยิงตัวเองอย่างที่ร่างบางต้องการ

 

     ดวงตากลมโตจับจ้องไปที่ดวงหน้าหล่อนั้นนิ่ง ตาไหวระริกคล้ายจะมีน้ำใสๆ เอ่อล้นอยู่ภายใน เสียงในใจเอาแต่เถียงกันให้วุ่นไปหมด ฮยอนซึงทำไม่ได้ จู่ๆ ฮยอนซึงก็ทำไม่ได้ จะให้ยิงผู้ชายคนนี้ด้วยมือตัวเองน่ะ...มันทำไม่ได้ ไม่เคยรู้เหตุผลมาก่อนว่ามันเป็นเพราะอะไร ทั้งที่ใจอยากจะให้เค้าตายให้สาสมกับที่เค้าฆ่าพ่อของตน

 

     ร่างบางลดปืนลงแต่ก็ยังไม่หยุดจ้องใบหน้าหล่อเหลานั้น ร่างหนายิ้มออกมาเล็กน้อย ยิ้มที่ไม่มีอะไรแฝงเอาไว้ในรอยยิ้มนั้นเลย ก้าวเข้าไปใกล้ร่างบอบบางนั้นเล็กน้อย เอื้อมมือไปหยิบเอาอะไรบางอย่างออกจากกลุ่มผมนุ่มนั้นด้วยท่าทางแสนอ่อนโยน

 

     “หื้ม..” ร่างบางเงยหน้ามองสิ่งที่อยู่ในมือของร่างหนาแล้วรีบปัดมันทิ้งทันที

 

     ดอกซากุระดอกเล็กๆ สีชมพูระเรื่อหล่นลงมาเกาะที่กลุ่มผมนุ่มสองสามดอก จนอีกคนต้องเก็บออกให้ และที่จงใจปัดออกนั้น ก็แค่ไม่อยากจะปฏิเสธความอ่อนโยนจอมปลอมนั้นให้เร็วที่สุดต่างหาก

 

     “แค่เก็บออกให้เองน่า ทำไมต้องทำหน้าไม่ชอบขนาดนั้นด้วย”

 

     “ก็กูไม่ชอบ!”

 

     “กูรู้ว่ามึงไม่มีทางชอบกูหรอก แต่ไม่เป็นไร เพราะยังไงซะ มึงก็ต้องเข้าไปอยู่ที่ปราสาทกูอยู่แล้ว อยากให้แก๊งเรารวมเป็นหนึ่งแล้วกำจัดพวกแก๊งขยะพวกนั้นให้สิ้นซาก ก็มีแต่ต้องทำแบบนี้ไม่ใช่รึไง...”

 

     “และอีกอย่าง...กูจะต้องอยู่เหนือมึงให้ได้จุนฮยอง!” ว่าแล้วก็สะบัดตัวแล้วเดินหนีไปอีกรอบ

 

     ร่างหนาถอนหายใจออกมาอีกครั้ง หวังว่าครั้งนี้เดินหนีไปแล้วจะไปเจอแก๊งไหนอีกหรอกนะ ตัวแค่นั้นจะไปต้านแรงควายของคนพวกนั้นได้ยังไง ทำอะไรไม่รู้จักประมาณตัวเอาซะเลย

 

     “มึงก็อยู่เหนือกูมาตลอดอยู่แล้วนี่...ฮยอนซึง...” บ่นเบาๆ แล้วก็รีบวิ่งตามร่างบอบบางนั้นไปทันที คว้าเอามือเรียวมากุมไว้แน่น แม้ว่าร่างบางจะไม่ชอบใจก็ตาม

 

     ส่วนห้าศพที่นอนกองอยู่นั้นเดี๋ยวคนของแก๊งก็มาจัดการลากไปเผาทิ้งเองล่ะ

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา