Fic B2ST Big Mama [JunSeung ft.Lee Joon] [Rate 20]
10.0
เขียนโดย เช้าตรู่
วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.44 น.
20 chapter
5 วิจารณ์
39.64K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 11.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) Big MaMa Chapter 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ฮยอนซึง! นี่เป็นคำสั่งของพี่ ยังไงก็ห้ามเข้าไปอยู่ในนั้น เข้าใจมั้ย!” เสียงหวานของพี่ชายคนสวยดังผ่านโทรศัพท์ที่ลงทุนโทรมาจากต่างประเทศเมื่อรู้ข่าวว่าฮยอนซึงตัดสินใจจะเข้าไปอยู่ในปราสาทตระกูลยง แน่นอนว่าเรื่องนี้มีเพียงตนกับอีจุนเท่านั้นที่รู้ ถ้าไม่ใช่อีจุนบอกพี่ใหญ่แล้วล่ะก็ จะเป็นใครอื่นได้
“ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือ แล้วจะฆ่าเสือได้ยังไงล่ะพี่ใหญ่” เสียงหวานตอบกลับไปราบเรียบ มือเรียวยังคงลูบขนแมวเปอร์เซียแสนรักเล่นเช่นเคย
“แค่จะฆ่าหมอนั่นเพื่อแก้แค้นให้ท่านพ่อน่ะ เดี๋ยวพี่ให้ยุนโฮบินกลับไปจัดการให้!”
“ไม่ได้! ถ้าไอ้หมอนั่นต้องตาย ชั้นจะฆ่ามันด้วยมือของชั้นเอง พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า ถ้าชั้นไม่แน่จริง ก็คงดูแลสาขาที่ญี่ปุ่นคนเดียวไม่ได้หรอก” มันไม่ใช่แค่เรื่องที่ยง จุนฮยอง ฆ่าท่านพ่อให้ตายไปต่อหน้าต่อตา แต่มันยังรวมไปถึงเรื่องที่ไอ้ระยำนั่นมันย่ำยีร่างกายนี้จนไม่เหลือชิ้นดี
“ยอมรับเถอะว่าฮยอนซึงทำอะไรหมอนั่นไม่ได้หรอก!”
“งั้นพี่ก็คอยดูละกันว่าชั้นจะทำได้มั้ย!” พูดจบฮยอนซึงก็กดวางสายทันที ถ้าพูดต่อหรือคุยกับพี่แจจุงต่อ ก็ต้องห้ามไม่ให้เข้าไปอยู่ที่นั่นแน่นอนอยู่แล้ว
“ไปตามอีจุนมาหาชั้น บอกด้วยว่าชั้นให้เวลาแค่ 2 นาที” ร่างบางเดินออกไปหน้าห้อง นั่งลงใกล้ๆ ต้นห้องที่ต้องนั่งอยู่หน้าห้องตลอดเวลาเพื่อรอให้นายแม่เรียกใช้ นิ้วเรียวเชยคางหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าตัวสั่นเทาให้เงยขึ้นมองหน้าตัวเอง
“ฮาราจ๋า เดี๋ยวช่วยไปตามอีจุนมาหานายแม่หน่อยนะ บอกว่านายแม่มีเรื่องจะให้อีจุนทำ..” ร่างบางยกยิ้มหวานหยดให้กับต้นห้องที่ยังไม่ชินกับการเข้ามาอยู่ที่นี่ นายแม่มีบุญคุณกับฮารา เพราะก่อนหน้านี้แม่ของฮาราเอาเธอมาขายให้ซ่องที่นายแม่ดูแลอยู่ และเป็นโชคดีของฮาราที่นายแม่ถูกชะตาหรืออะไรก็ไม่รู้ นายแม่ไม่ให้ฮารารับแขก แต่มาคอยรับใช้นายแม่อยู่ที่คฤหาสน์ของนายแม่แทน
“เธอเลิกกลัวชั้นได้แล้ว! ชั้นน่ากลัวตรงไหนงั้นเหรอ! ห้ะ!” สุดจะทนเมื่อเห็นต้นห้องของตนเอาแต่ตัวสั่นงันงกไม่หาย ทั้งที่ก็อยู่ที่นี่มาได้เกือบจะครบหนึ่งเดือนแล้ว
“เปล่าค่ะนายแม่...คือ..”
“ถ้าเปล่าก็ไปได้แล้ว! แล้วก็รีบกลับมานั่งที่เดิม!” มือเรียวปล่อยคางของฮาราออก จนใบหน้าของฮาราหันไปตามแรงปล่อยที่มันแรงกว่าปกตินั้นเล็กน้อย
ฮาราคลานเข่าออกห่างจากร่างบางที่ยังคงนั่งอยู่เล็กน้อย ก่อนจะรีบวิ่งไปตามอีจุนมาตามที่ร่างบางสั่ง
ร่างระหงยืนขึ้นเต็มความสูง หยิบชายยูกาตะที่ไหลลงไปตามลาดไหล่เนียนขึ้นมาที่เดิม ก่อนจะเดินเข้าห้องไปเหมือนเดิม ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาสีแดงเพลิงที่กลางห้อง ยกขาเรียวขึ้นไขว่ห้างเอนตัวพิงไปกับพนักพิง กอดอกนิ่งรอการมาของอีจุน และเพียงไม่ถึง 5 นาที อีจุนก็กระหืดกระหอบเข้ามาในห้อง แต่ก็ต้องรีบเก็บอาการเหนื่อยหอบนั้นเอาไว้ มือทั้งสองข้างประสานกันเอาไว้ข้างหน้า ก้มหน้านิ่งเป็นกิริยาประจำที่เขาทำเมื่ออยู่ต่อหน้านายแม่
“ไง...อีจุน สุดหล่อของชั้น...มานี่สิ มานั่งใกล้ๆ ชั้นนี่มา” นิ้วชี้เรียวกระดิกขึ้นลงช้าๆ เรียกให้มือขาวเข้ามาหา อีจุนรู้ชะตากรรมตัวเองแล้วล่ะว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป แม้จะรู้ว่าอาจจะต้องโดนนายแม่ลงไม้ลงมือแต่ก็จำยอมเดินเข้าไปใกล้คนที่นั่งชูลำคอระหงอวดอ้างสายอยู่ตรงหน้า
อีจุนคุกเข่าลงตรงหน้าร่างบาง เว้นระยะห่างเอาไว้ไม่ให้ใกล้ร่างบางมากนัก
เท้าเรียวสวยที่เล็บเท้าถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงสดยกขึ้นแตะที่ใต้คางของอีจุน ออกแรงยกเล็กน้อยเพื่อให้อีจุนเงยหน้าขึ้นมองตน
“รู้ใช่มั้ยว่าชั้นเรียกมาทำไม” ถามขึ้นน้ำเสียงเย็นเยียบ ยิ้มหวานฉาบบนใบหน้าแต่มันไม่ได้ดูสวยหวานเลยซักนิด ละเท้าออกจากปลายคางของอีจุน ยกขาขึ้นไขว่ห้างเหมือนเดิม ก่อนจะโน้มเข้าไปหาอีจุนที่ยังคงกลั้นใจเงยหน้าอยู่ตรงหน้า
“ครับ”
“อีจุนคิดว่าชั้นควรจะโกรธอีจุนดีมั้ย...หื้ม?”
“ที่ผมทำลงไป เพราะผมไม่อยากจะให้นายแม่เข้าไปอยู่ที่นั่น นายแม่ไม่จำเป็นจะต้องเข้าไปอยู่ที่นั่นแค่เพราะอยากจะฆ่าไอ้จุนฮยอง ถึงไม่เข้าไปผมก็สามารถฆ่ามันให้นายแม่ได้” อีจุนยอมรับออกมาโดยที่ร่างบางไม่ต้องถามว่าเรื่องนั้นคือเรื่องไหน
“ชั้นบอกแล้วไงว่าชั้นจะฆ่ามันด้วยมือของชั้นเอง!”
“แต่นายแม่ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปนี่ครับ ลอบฆ่ามันเมื่อไหร่ก็ได้”
“ชั้นสั่งให้อีจุนเถียงชั้นได้อย่างนั้นเหรอ!”
“เปล่าครับ...” อีจุนตอบกลับในทันที กำลังจะก้มหน้าลงมองพื้น แต่ก็ถูกเท้าสวยนั้นรองใต้คางเอาไว้อีกครั้ง
“ชั้นจะเข้าไปอยู่ที่นั้นคนเดียว ทุกคนไม่ต้องเข้าไปกับชั้น ส่วนที่นี่ชั้นจะเรียกดูจุนให้กลับจากจีนมาดูแลแทน...”
“ถ้าดูจุนกลับมาแล้วใครจะดูแลสาขาที่จีนล่ะครับ นายแม่คงไม่ได้จะไล่ให้ผมไปอยู่จีนหรอกนะ ไม่เอานะครับ ผมไม่ไปแน่ๆ ผมจะอยู่รับใช้นายแม่ที่นี่”
ร่างบางถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้าวเข้าไปหาอีจุนที่นั่งอยู่ท่าเดิม ก้มลงไปหา เชยคางของอีจุนขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น กดปากบางลงกับปากหยักของอีจุนเบาๆ ก่อนจะละออก ระยะห่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ชั้นไม่มีวันไล่อีจุนออกห่างจากอกชั้นแน่ๆ ลืมไปแล้วรึไงว่าอีจุนจะต้องอยู่กับชั้นไปตลอดชีวิตน่ะ” พูดจบก็ยืดตัวขึ้นจนสุด เดินนวยนาดไปที่โต๊ะตัวเล็กที่มุมห้อง รินไวน์ขึ้นดื่มด้วยท่าทางน่ามอง
“ผมทราบครับ และผมก็เต็มใจที่จะรับใช้นายแม่ไปจนตลอดชีวิตของผม” ทันทีที่อีจุนพูดจบ ร่างบางก็ตวัดสายตากลับมาที่อีจุนทันที
“ไม่ใช่ตลอดชีวิตของอีจุน แต่เป็นตลอดชีวิตของชั้น!”
“ผมรับปากไม่ได้ครับนายแม่” อีจุนตอบกลับไปเสียงแผ่ว ก่อนจะชันตัวลุกขึ้น เดินเข้าไปใกล้ร่างบางที่ยืนกำแก้วไวน์แน่นจนมันแทบจะแตกคามือ อีจุนเอื้อมมือไปแกะมือเรียวออกจากแก้วไวน์ก่อนที่มันจะแตกแล้วคนสวยตรงหน้าจะได้รับบาดเจ็บ วางแก้วลงที่โต๊ะเหมือนเดิม ไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้คนที่แข็งแกร่งมาตลอดนั้น ดวงตาเรียวสวยกลับรื่นไปด้วยน้ำตา
“รับปากสิ ยังไงอีจุนก็ห้ามตายก่อนชั้น!”
“ผมรับปากว่าจะปกป้องชีวิตนายแม่ด้วยชีวิตของผมครับ แต่จะให้ผมรับปากว่าจะไม่ตายน่ะ ผมทำไม่ได้” อีจุนยังยืนยันคำเดิม
“รับปากเดี๋ยวนี้!” ร่างบางตะโกนใส่หน้าอีจุนเสียงหลง
อีจุนไม่พูดอะไรออกมา กลั้นใจสวมกอดร่างบอบบางนั้นจากด้านหลัง กดคางลงกับสันไหล่เปลือยเบาๆ กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นเรื่อยๆ
เหตุผลเดียวที่อีจุนคอยรับใช้ คอยรองมือรองเท้า คอยอยู่เคียงข้างเสมอนั่นก็คือ “รัก” อย่างเดียวเท่านั้น “รัก” จนไม่ว่ายังไงอีจุนก็ทนเห็นคนที่อีจุนรักตายไปต่อหน้าต่อตาได้ ถ้าจะต้องเลือก ยังไงอีจุนก็เลือกที่จะเป็นคนตายก่อน
เพราะรู้เสมอว่าถึงตนจะตายก่อน แต่ร่างบอบบางนี้ก็คงจะเสียใจไม่นาน เค้าเป็นแค่คนในแก๊งค์เท่านั้น แต่กลับกัน...
นายแม่ไม่ใช่แค่เจ้านาย แต่นายแม่เป็นทั้งเจ้าชีวิตและเจ้าหัวใจ ถ้าหากว่าต้องเห็นนายแม่ตายไป ก่อน อีจุนคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้
“นายแม่รู้ดีนี่ครับว่าทำไมผมถึงไม่รับปาก”
“......................” ร่างบางนิ่งเงียบ แกะแขนแกร่งออกจากเอวตัวเอง ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับเจ้าของคำพูด มือเรียวยกขึ้นแตะที่ผิวแก้มกร้านของอีจุน เจ้าของแก้มยกมือขึ้นทาบลงกับมือที่เล็บมือถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสีแดงสดไม่ต่างไปกับนิ้วเท้า
“ถ้านายแม่เป็นอะไรไป หัวใจผมก็คงหยุดเต้นไปด้วย”
“งั้นก็ห้ามตาย เข้าใจมั้ย!”
คงมีเพียงอีจุนเท่านั้น ที่จะได้เห็นมุมบางมุม มุมที่อีจุนเรียกเองว่ามันคือมุมน่ารักของนายแม่ มุมที่คนอื่นไม่มีทางจะได้เห็น ถึงจะโหดและเลือดเย็นแค่ไหน แต่พอถึงเวลาจะเอาแต่ใจ ก็มักจะหลุดความน่ารักแบบนี้ออกมาเสมอ
3 ปีก่อน
“อีจุนพาฮยอนซึงหนีไป!” เสียงประกาศก้องของหัวหน้าพรรคสูงสุดของตระกูลจางดังขั้นสั่งลูกน้องคนสนิทให้พาลูกชายคนเล็กหนีไปให้พ้นจากปราสาทหลังนี้ ส่วนตัวเองจะตั้งรับการเข้ามาบุกรุกของอีกพรรคที่เป็นศัตรูกันมาตลอด เมื่อพรรคยงอยากจะขึ้นเป็นใหญ่ในญี่ปุ่นแทนพรรคจาง เพราะฉะนั้นมีทางเดียวคือต้องถอนรากถอนโคนพรรคด้วยการฆ่าหัวหน้าพรรคและทายาทรุ่นที่ 10 ที่เพิ่งจะเข้าพิธีแต่งรับรับตำแหน่งไปเมื่อไม่กี่วันก่อน
“แต่นายท่านครับ!? ผมทำแบบนั้นไม่ได้!” อีจุนปฏิเสธเสียงแข็ง ตอนนี้เค้าแค่คนเดียวไม่สามารถต้านทานหรือจัดการอะไรได้เลย เมื่อปราศจากเพื่อนคู่หูที่รู้ใจกันดีอย่างดูจุน ที่ตอนนี้ไปดูแลสาขาที่ประเทศจีน อีกทั้งรุ่น 9 อย่าง จาง แจจุง ก็ต้องไปดูแลสาขาอยู่ที่อเมริกา ข่าวสารทางนี้ก็ไม่มีใครมีเวลาส่งข่าวไปให้ เพราะเห็นว่ารุ่น 9 ทำงานหนักมากเกินกว่าที่จะต้องรับรู้ปัญหาที่ญี่ปุ่น
“พารุ่น 10 หนีไป นี่เป็นคำสั่ง!”
“ไม่นะท่านพ่อ ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมจะสู้เคียงข้างท่านพ่อ ให้สมกับเป็นทายาทรุ่นที่ 10” ร่างบางพูดขึ้นบ้าง สถานการณ์เริ่มแย่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อลูกน้องที่ป้องกันประตูเอาไว้ เริ่มจะต้านทานการรุกรานของตระกูลยงไม่ไหว
“ถ้าอยากจะให้พรรคยังคงอยู่ต่อไป ฮยอนซึงต้องหนี ไม่อย่างนั้นถ้าสิ้นรุ่น 10 สาขาที่ญี่ปุ่นก็จะล้ม!”
“แต่...ท่านพ่อ..”
“ไม่มีแต่! หนีไปเดี๋ยวนี้!” คำสั่งครั้งสุดท้ายดังขึ้น ร่างบางจ้องหน้าผู้เป็นพ่อนิ่ง น้ำตาที่อยากจะกลั่นออกมาก็กลับเข้าไปเหมือนเดิม จะมาร้องไห้ตอนนี้ไม่ได้ จะอ่อนแอต่อหน้าท่านพ่อไม่ได้
“อีจุน...อยู่อารักขาท่านพ่อ ไม่ต้องห่วงชั้น ชั้นเอาตัวรอดได้!” สั่งร่างกำยำตรงหน้าเสร็จแล้ว ร่างบางก็รีบหลบออกไปที่ประตูหลัง เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูโถงใหญ่ถูกเปิดออก และเสียงปืนดังขึ้นรัว จนร่างบางต้องหยุดวิ่ง เท้าเปลือยเปล่าหยุดลง แล้ววิ่งกลับมาที่เดิม สิ่งที่เห็นคือทั้งท่านพ่อและอีจุนถูกล็อคตัวเอาไว้ ลูกน้องในชุดสูททั้งหมดนอนแน่นิ่ง และคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าพ่อก็เป็นคนที่ร่างบางรู้จักเป็นอย่างดี
ยง จุนฮยอง
ทายาทของตระกูลรุ่นที่ 8
คนที่อยากจะครอบครองทุกอย่างของตระกูลจาง ไอ้ระยำนั่นยอมทำทุกอย่างไม่ว่าจะเลวทรามหรือชั่วช้าแค่ไหนก็ตามเพื่อให้ได้ตระกูลจางมาอยู่แทบเท้า
ร่างบางกำมือแน่นด้วยความเคียดแค้น น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ภาพที่ท่านพ่อถูกเอาปืนจ่อที่หัวและอีจุนก็มีสภาพไม่ต่างกัน
“ไหนล่ะ...คนสวยของกูน่ะ ไปไหนซะแล้ว หดหัวอยู่ที่ไหน!” เสียงจุนฮยองดังก้องไปทั้งห้องโถง ก่อนจะเดินเข้าไปหาหัวหน้าพรรคที่ถูกลูกน้องเอาปืนจ่อหัวเอาไว้
“ฮยอนซึงอยู่ไหน!”
“กูไม่รู้!”
“มึงจะไม่รู้ได้ไง ในเมื่ออีนั่นเป็นลูกของมึง ส่งตัวมันมาให้กูซะดีๆ ไม่อย่างนั้นกูระเบิดหัวมึงตรงนี้แน่!”
“อยากจะฆ่ากูมึงก็ฆ่าเลย แต่อย่าหวังว่ากูจะบอกว่าฮยอนซึงอยู่ไหน!”
“หึ! ไอ้เรื่องฆ่ามึงน่ะ กูฆ่ามึงแน่ มึงไม่ต้องห่วงหรอก บอกกูมาว่าลูกมึงอยู่ไหน!” จุนฮยองกระชากเสียงในตอนสุดท้าย พร้อมทั้งกระทืบเท้าลงที่มือของหัวหน้าพรรคหรือจางซึงฮอนด้วยแรงทั้งหมดที่มีพร้อมทั้งบดขยี้เท้าไปด้วย
ซึงฮอนร้องออกมาเพราะความเจ็บปวด อีจุนพยายามดิ้นเพื่อจะให้หลุดออกจากการล็อคของลูกน้องจุนฮยองที่ล็อคตนเอาไว้ถึง 3 คน เพราะหวังจะช่วยหัวหน้าพรรค แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
“มึงอย่าทำอะไรนายท่านกูนะโว๊ย!”
จุนฮยองหยุดขยี้มือของซึงฮอนด้วยเท้า ก่อนจะหันไปหาอีจุน ยกยิ้มน่ากลัวให้เล็กน้อย ก้มลงใกล้ บีบคางของอีจุนแน่นแล้วสะบัดออกอย่างแรง
“เอาตัวมึงให้รอดก่อนเถอะไอ้ขี้ข้า!”
“ถุย! รุ่น 8 ที่เพิ่งจะฆ่าพี่ชายตัวเองเพื่อขึ้นเป็นใหญ่อย่างมึงน่ะ มันก็ไม่ต่างจากขี้ข้าอย่างกูตรงไหนหรอก!” อีจุนพ่นน้ำลายใส่หน้า พร้อมทั้งประจานจุนฮยองต่อหน้าลูกน้องคนอื่นจนเจ้าตัวหน้าเสีย เพราะความโมโห จุนฮยองเลยเอาด้ามปืนฟาดลงไปที่หน้าของอีจุนสุดแรง ใบหน้าหล่อหันไปตามแรงกระแทก ตามด้วยแผลบนใบหน้าขนาดใหญ่
“ก็ช่วยไม่ได้ พี่กูมันเสือกโง่เอง”
“พี่มึงไม่ได้โง่หรอก แต่แค่เค้าไม่คิดว่ามึงจะเลวถึงขั้นฆ่าพี่ตัวเองได้!”
“ใครที่ขวางทางกู กูก็ฆ่ามันทั้งนั้นแหละ และรายต่อไปก็เป็นมึงแล้วก็นายท่านของมึง!” อีกครั้งที่อีจุนถูกฟาดหน้าด้วยด้ามปืนและเค้าก็ต่อสู้อะไรไม่ได้
จุนฮยองเดินกลับไปหาซึงฮอนอีกครั้ง ก้มลงไปหาคนที่หมดทางสู้เพราะถูกล็อคตัวเองไว้ด้วยลูกน้องของจุนฮยองถึง 3 คน
“มึงจะบอกกูได้รึยังซึงฮอน ว่าลูกมึงอยู่ไหน”
“กูบอกแล้วไงว่าต่อให้กูตาย กูก็ไม่บอกมึง!”
จุนฮยองถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเอาปืนจ่อไปที่ศีรษะของซึงฮอนซะเอง
“ฮยอนซึง! ถ้ามึงไม่อยากเห็นกูยิงพ่อมึงตอนนี้ ก็โผล่หัวออกมา!”
“อย่าออกมานะครับรุ่นสิบ หนีไป! ไม่ต้องห่วงทางนี้!” อีจุนร้องบอกคนที่ตนรู้ดีว่ายังไม่ยอมไปไหน รุ่นสิบยังคงอยู่ในห้องโถงแห่งนี้
“ถ้าหามึงเจอด้วยตัวกูเอง มึงได้เจ็บหนักก่อนตายแน่ฮยอนซึง!” อีกครั้งที่จุนฮยองประกาศเสียงดัง
ร่างบางยืนตัวสั่นด้วยความโกรธ ทนฟังประโยคและการกระทำที่เหมือนสัตว์นรกของจุนฮยองอยู่นานจนทนไม่ไหว ร่างบอบบางก้าวออกมายืนต่อหน้าจุนฮยอง ดวงตาเรียวจับจ้องไปที่ร่างสูงใหญ่ของจุนฮยองนิ่ง
“กูอยู่นี่แล้ว อยากได้ตัวกูนักไม่ใช่เหรอ ก็เอาแต่ตัวกูไป แล้วปล่อยพ่อกับอีจุนซะ!”
จุนฮยองยิ้มอย่างพึงพอใจ มองร่างบอบบางภายใต้ชุดยูกาตะสีแดงเพลิงที่หลุดลุ่ยด้วยสายตาหยาบโลน
“ออกมาได้แล้วเหรอ กูนึกว่ามึงจะขี้ขลาด มุดหัวรอให้คนอื่นเค้าตายแทนซะอีก”
“ใครกันแน่ที่ขี้ขลาด!”
“ที่แน่ๆ ไม่ใช่กู” จุนฮยองพูดพร้อมทั้งยกยิ้ม
“ปล่อยท่านพ่อ แล้วกูจะยืนนิ่งๆ ให้มึงฆ่า”
“ไม่นะฮยอนซึง! อย่าทำแบบนั้น!” ซึงฮอนรีบคัดค้านสิ่งที่ลูกพูด ใจซึงฮอนกำลังจะขาด เมื่อมือสกปรกของจุนฮยองแตะต้องตัวของลูกชายคนเล็กที่เค้าหวงและทะนุถนอมนักหนา
“ลูกไม่ยอมเห็นท่านพ่อตายไปต่อหน้าต่อตาหรอก!”
“มันไม่ปล่อยพ่อไว้อยู่แล้ว เพราะงั้นฮยอนซึงไม่จำเป็นต้องยอมมัน!”
“พ่อมึงพูดถูก ถึงมึงจะยอมทุกอย่างหรือว่ามึงตาย...กูก็ไม่ปล่อยพ่อมึงไว้อยู่แล้ว....” จุนฮยองยกยิ้มอย่างไม่น่าไว้วางใจอีกครั้ง มือที่ถือปืนอยู่ขยับไปด้านข้าง ปลายกระบอกปืนชี้ไปหาซึงฮอนที่อยู่ด้านข้าง นิ้วเรียวสวยเตรียมเหนี่ยวไกปืน หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเสียงปืนก็ดังขึ้นเพียงนัดเดียว ตามด้วยร่างของซึงฮอนที่ร่วงลงสู่พื้น
“ท่านพ่อ / นายท่าน!!!!” ร่างบางและอีจุนร้องขึ้นสุดเสียง ภาพเมื่อสักครู่ที่พ่อตัวเองถูกยิงตายไปต่อหน้าต่อตาทำให้ทั้งสองช็อคจนทำอะไรไม่ถูก
ร่างบอบบางยืนนิ่ง น้ำตาไหลลงมาโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวเลยซักนิด จ้องมองร่างไร้ซึ่งลมหายใจของบิดาอยู่ซักพัก ก่อนจะตวัดหางตาไปหาจุนฮยองที่ยิ้มอย่างพอใจกับผลงานของตัวเอง
ร่างบางพุ่งเข้าไปหาจุนฮยองด้วยความโกรธแค้น หากแต่จุนฮยองปฏิกิริยาเร็วกว่า หันกลับมาล็อคตัวร่างบางไว้ ก่อนจะกดลงพื้นห้องโถงอย่างง่ายดาย มือใหญ่ตรึงข้อมือเล็กเอาไว้กับพื้นขัดหินอ่อนของห้องโถงอันเย็นเยียบไว้แน่น คร่อมร่างบอบบางนั้นไว้ ก่อนจะหันไปหาอีจุนที่ยังถูกล็อคตัวเอาไว้เช่นเดิม
“ทีนี้ก็ถึงตามึงแล้วอีจุน นี่คือบทลงโทษที่กล้าถุยน้ำลายใส่หน้ากู...!!”
พูดจบจุนฮยองก็กระชากยูกาตะที่มันหลุดลุ่ยและขาดวิ่นอยู่แล้วออกจากร่างกายขาวสะอาดนั้น บังคับและตั้งใจจะขืนใจร่างบอบบางที่ดิ้นไม่หยุด และพ่นคำหยาบต่างๆ นาๆ ใส่หน้าจุนฮยอง หากแต่คนเลวข้างบนก็ไม่ได้สนใจมันเลย ยิ้มรับมันเสียด้วยซ้ำ
“ไอ้สารเลวจุนฮยอง! ปล่อยรุ่นสิบนะโว้ย!” คำห้ามปรามของอีจุนไม่เป็นผลและอีจุนก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน นี่เขาจะต้องทนเห็นภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นจริงๆ อย่างนั้นใช่มั้ย!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ