Fic B2ST Big Mama [JunSeung ft.Lee Joon] [Rate 20]

10.0

เขียนโดย เช้าตรู่

วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.44 น.

  20 chapter
  5 วิจารณ์
  39.60K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 11.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) Big Mama Chapter 13

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Chapter 13

 

 

“นายท่านครับ ได้เรื่องแล้วครับ!” ในขณะที่ร่างหนากำลังวุ่นวนกับการตามหาร่างบางอันเป็นที่รักอยู่นั้น เสียงของลูกน้องก็แทรกขึ้นมาก่อน เหมือนจะเป็นข่าวดีสำหรับร่างหนาในตอนนี้ ณ เวลานี้ต่อให้หุ้นของเครือยงกรุ๊ปพุ่งสูงทะลุชั้นบรรยากาศก็ไม่น่ายินดีเท่ากับการที่พบร่องรอยของร่างบางที่หายตัวไปเมื่อสองสามวันก่อน

 

“ว่าไงไค”

 

“สายของเรารายงานมาว่าพบนายแม่อยู่ที่นางาซากิกับไอ้อีจุนครับ”

 

“มึงว่ารันอยู่กับใครนะ...” ร่างหนาถามขึ้นเสียงเย็นเยียบทันทีที่ลูกน้องรายงานจบ จริงอยู่ที่มันเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ว่าการที่ได้รู้ว่าคนที่รักแสนรักอยู่กับใคร ความดีใจนั้นก็แทบหายไปหมดสิ้น

 

“อีจุนครับนาย!”

 

“เอาเครื่องขึ้น กูจะไปนางาซากิเดี๋ยวนี้เลย!”

 

“แต่วันนี้ทัศนวิสัยไม่ดีนะครับนาย ถ้าเอาเครื่องขึ้นผมกลัวว่าจะมีปัญหาระหว่างการเดินทาง”

 

“ช่างแม่ง! ทำตามที่กูสั่งเดี๋ยวนี้!”

 

“ครับนาย!” ลูกน้องคนที่ชื่อไครีบวิ่งออกไปจัดการตามที่เจ้านายบอกทันที เพียงไม่นานร่างหนาก็ตามออกไปติดๆ

 

“หายไปกับใครไม่หาย แต่หายออกไปกับไอ้นั่น เราจะได้เห็นดีกัน...รันโช!”

 

 

 

 

“อีจุน...สถานการณ์เป็นไงบ้าง” ร่างบางถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายเต็มทน ในมือถือไอติมถ้วยใหญ่เอาไว้ เพราะอากาศค่อนข้างร้อนก็เลยบังคับให้อีจุนออกไปซื้อไอติมมาให้กิน

 

คนที่กำลังง่วนกับหน้าจอคอมพิวเตอร์หันมาตีหน้ายุ่งให้เล็กน้อย แต่ยังไม่ยอมตอบอะไรออกมา แล้วหันไปจ้องหน้าคอมต่อ

 

“ว่าไงล่ะ...เมื่อไหร่เราจะได้กลับ ฉันเป็นห่วงทางโน้นจะแย่แล้วนะ” หลังจากกบดานอยู่ที่นางาซากิหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้ที่โตเกียวจะเป็นยังไงบ้าง เดวิลที่เรียกมาทำงานแทนก็ไม่รู้ว่าทำงานได้ดีหรือเปล่า ไหนจะพี่แจจุงอีก แม้จะวางใจได้ว่าพี่แจจุงหรือรุ่นเก้าทีบอร์ดี้การ์ดสุดที่รักตามมาด้วย แต่มันก็อดห่วงไม่ได้

 

“ถ้าโชคเข้าข้างเรา...เป็นไปได้ว่าเราจะกลับโตเกียวได้โดยที่รุ่นแปดเจาะเราไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมไม่มั่นใจแล้วครับนายแม่...สายรายงานมาว่าตอนนี้ที่ยงกรุ๊ปวุ่นวายไปหมด เพราะรุ่นแปดระดมคนออกตามหานายแม่ ไม่แน่ตอนนี้รุ่นแปดอาจจะรู้แล้วว่าเราอยู่ที่ไหน ถ้ารุ่นแปดตามหาเราเจอก่อนที่เราจะกลับไปโตเกียว...บางทีผมอาจจะ...” อีจุนหยุดพูดแค่นั้นแล้วหมุนเก้าอี้กลับไปที่คอมพิวเตอร์ต่อ

 

“หมอนั่นจะใหญ่อะไรนักหนา นี่เราอยู่ตั้งนางาซากิ ยังไงก็ไม่มีทางหาเราเจอหรอก!”

 

“นายแม่ครับ...นายแม่ลืมไปรึเปล่าครับว่านั่น...รุ่นแปดนะครับ” อีจุนพูดโดยไม่หันมามอง แล้วติดต่องานกับสายของตัวเองต่อ ซึ่งตอนนี้ได้รายงานความคืบหน้ามาให้เป็นระยะๆ

 

ร่างบางกัดปากตัวเองแน่น เมื่อได้ยินสิ่งที่อีจุนย้ำ

 

...ใช่ เราอาจจะลืมไปว่านั่นคือรุ่นแปด นั่นคือพี่จุน ไม่มีอะไรที่พี่จุนทำไม่ได้ ก็แค่ตามหาเรา เรื่องนี้มันหมูอยู่แล้วสำหรับพี่จุน...

 

“งั้นเรารีบหนีตอนนี้เลยอีจุน ก่อนที่หมอนั่นจะโผล่มาที่นี่ ไม่ต้องรออะไรแล้ว!”

 

“แต่ว่าคนจองแอนดรูว์ก็ดักเราอยู่นะครับนายแม่!”

 

“นี่มันอะไรกันน่ะ ทำอะไรไม่ได้เลยงั้นเหรอ ออกไปก็เจอคนของแอนดรูว์ รออยู่นี่ก็จุนฮยอง...แต่ยังไงเราก็ต้องออกไปจากที่นี่อีจุน!”

 

“มันอันตรายนะครับนายแม่!”

 

“เจอคนของแอนดรูว์ มันยังดีกว่าที่จะให้รุ่นแปดเจอว่าฉันอยู่กับอีจุนสองต่อสอง...” ร่างบางหยุดพูด เขี่ยไอติมที่ละลายเป็นน้ำไปแล้วสงบสติของตัวเอง เขารู้ดีว่าถ้าหากว่าจุนฮยองเห็นว่าตนอยู่กับอีจุนสองต่อสองแบบนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น

 

“ออกไปเจอคนของแอนดรูว์ เราทั้งสองคนอาจจะมีสิทธิ์รอด แต่ถ้ารุ่นแปดมาอยู่ที่นี่ตอนนี้...เขาจะฆ่าอีจุน เขาทำแน่ๆ” ร่างบางกลั้นใจพูดจนจบ ฮยอนซึงคงจะทนเห็นจุนฮยองฆ่าคนที่ตัวเองรักมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว อยากจะให้มันจบที่ท่านพ่อคนเดียว ไม่อยากจะเป็นต้นเหตุให้ใครตาย

 

...ไม่อยากเห็นพี่จุนฆ่าใครอีกแล้ว...

 

“ถ้ารุ่นแปดฆ่าผมแล้ว พานายแม่กลับออกไปอยากปลอดภัย ผมยอมครับ”

 

“ไม่ได้นะ! ฉันไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นหรอก...ฉันไม่ยอมแน่ๆ...” ร่างบางก้มหน้านิ่ง พอถึงตอนนี้ถึงได้รู้ว่าตัวเองจัดการอะไรไม่ได้เลย ตัวเองทำอะไรไม่ได้สักนิด ต้องมาติดอยู่ที่นี่ ขยับออกไปไหนก็ไม่ได้ จะทำอะไรนิดๆ หน่อยๆ อีกคนก็เอาแต่ขัดว่าห่วงความปลอดภัยของเรา

 

จริงๆ ถ้าเราตายๆไปเสียที ทุกอย่างมันคงจะง่ายขึ้น จะได้ไม่ต้องเป็นภาระให้คนอื่นแบบนี้ โดยเฉพาะ...

 

อีจุน

 

“นายแม่ครับ ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าหากว่ารุ่นแปดฆ่าผมจริงๆ ก็คิดซะว่าผมได้ชดใช้ทุกอย่างให้นายท่านหมดแล้ว ความผิดพลาดของผม...มันต้องชดใช้ด้วยชีวิตเท่านั้น” อีจุนลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาหาร่างบางที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ นั่งคุกเข่าลงตรงหน้า คว้ามือเล็กมากุมไว้แล้วกดจูบลงไปแผ่วเบา

 

“ผมยอมตายเพื่อคนที่ผมรัก” ใบหน้าหล่อเงยขึ้นไปมองใบหน้าสวยที่หม่นลงอย่างเห็นได้ชัด เอื้อมมือขึ้นไปเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มเนียนแผ่วเบา

 

มือเล็กกุมมือใหญ่ให้แนบอยู่ที่แก้มของตนอยู่อย่างนั้น อีจุนจะเป็นแค่คนเดียวที่ได้เห็นความอ่อนแอและความอ่อนไหวทั้งหมดของนายแม่ มีเพียงอีจุนเท่านั้นที่จะได้เห็นทั้งหมดของนายแม่ ก็เหมือนตอนนี้ที่ความอ่อนแอทั้งหมดได้แสดงออกมาให้อีจุนได้เห็นหมดแล้ว

 

“ขอบคุณที่รักฉัน ทั้งที่อีจุนก็รู้ว่าฉัน....ไม่มีหัวใจเหลืออยู่อีกแล้ว”

 

อีจุนรู้ดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าเจ้านายของตนนั้น ไม่มีหัวใจเหลือให้ใครอีกแล้ว นอกจากใครคนนั้น ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานเท่าไหร่ และไม่ว่าคนนั้นจะร้ายกับเจ้านายมากแค่ไหน แต่เจ้านายก็ไม่เคยขอหัวใจที่ให้ใครคนนั้นไปคืนกลับมาเลยสักนิด

 

และรู้ว่าไม่ว่าตัวเองจะพยายามมากเท่าไหร่ ก็ไม่เคยมีค่ามากไปกว่าคนที่คอยปกป้องดูแลร่างกายเท่านั้น

 

“ผมจะปกป้องนายแม่ด้วยชีวิตและลมหายใจของผม ผมสัญญา”

 

“หึ! มึงจะได้ทำตามที่พูดแน่อีจุน!” จู่ๆ ประตูบ้านก็เปิดออก และตามด้วยเสียงเย็นเยียบที่ทั้งสองคนจำได้ดีว่าเป็นเสียงของใคร น้ำเสียงแบบนี้จะมีก็ต่อเมื่อโกรธถึงขีดสุดเท่านั้น อีจุนลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ใช้แขนดันร่างบางไปด้านหลังทันที

 

“รุ่นแปด!”

 

“พาคนของกูมาหลบอยู่ที่นี่เองเหรอ” น้ำเสียงยังคงเย็นเยียบเช่นเดิม ร่างหนาค่อยๆ ก้าวเข้ามาในตัวบ้าน ดวงตาดุจพญาอินทรีย์มองไปรอบๆ บ้าน และหยุดที่ร่างบอบบางที่อยู่ด้านหลังของอีจุน

 

“รันจัง! กลับบ้าน!”

 

“บอกดีๆ ก็ได้นี่ ทำไมจะต้องตะคอกด้วย!” ร่างบางว่าขึ้นเสียงดัง แต่ก็ไม่ยอมออกจากด้านหลังของอีจุน ทำให้อีกคนที่โมโหเพราะเป็นห่วงยิ่งโมโหมากขึ้นไปอีก

 

“โอเค...” ร่างหนายกมือขึ้นยอมแพ้

 

“โอเคอะไร ไม่มีอะไรโอเคทั้งนั้นแหละ มึงปล่อยกูไว้บ้านคนเดียว แล้วแถมตอนที่กูอยู่ในอันตรายมึงอยู่ไหน! มีแค่อีจุนที่อยู่กับกูตลอดเวลา รู้ไหม! ถ้าไม่มีอีจุนป่านนี้กูตายไปแล้ว!”

 

“แล้วกูบอกให้มึงออกจากบ้านตอนที่กูไม่อยู่รึไง กูสั่งนักสั่งหนาแล้วว่าให้อยู่บ้าน ห้ามออกไปไหนถ้ากูไม่อยู่ แต่ดูมึงทำ! มีความสุขนักใช่ไหมที่ทำให้กูเป็นห่วงน่ะ! งานถนัดมึงเลยใช่ไหมรัน!” ร่างหนาตอกกลับไปบ้าง คนตัวเล็กก็เอาแต่ต่อว่าเขาอยู่นั่นว่าไม่สนใจอะไรเลย แล้วทีตัวเองล่ะ เคยสนใจและเชื่อฟังสิ่งที่เขาพูดบ้างไหม เคยสนใจสิ่งที่เขาสั่งบ้างหรือเปล่า เคยรู้บ้างไหมว่าเขาเป็นห่วงมากแค่ไหน

 

“ก็กูเบื่อนี่!”

 

“หุบปาก! แล้วเดินไปขึ้นรถดีๆ ซะ อย่าให้ต้องโมโหและใช้กำลังบังคับ!” ร่างหนาหยุดบทสนทนาที่มันกำลังจะยืดเยื้อเพราะความดื้อดึงของร่างบางลงแค่นั้นด้วยการออกคำสั่งให้ไปขึ้นรถ

 

“แต่รุ่นแปดครับ...ข้างนอกมีคนของแอนดรูว์คอยจับตามองอยู่ มันอันตรายมากนะครับ” เมื่อหาช่องว่างในการสนทนาได้แล้วจึงได้พูดขึ้น

 

“มึงคิดว่าพวกนั้นจะทำอะไรกูได้งั้นรึไงอีจุน” ร่างหนาหันไปพูดกับอีกจุนที่ยังไม่ปล่อยตัวร่างบางมาให้ตน

 

“ผมเชื่อมั่นในตัวรุ่นแปดครับ” อีจุนพูดสั้นๆ เพียงเท่านั้น ก็หันไปหาร่างบางที่ยังคงเกาะหลังตนเอาไว้แน่น พยักหน้าให้ความมั่นใจกับร่างบาง

 

ร่างบางเม้มปากแน่นก่อนจะเดินออกจากข้างหลังของอีจุน และก่อนที่จะเดินไปหาร่างหนาที่รออยู่ ร่างบางก็ทำสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น เมื่อสองแขนเรียวโน้มคอของอีจุนลงมาแล้วกดจูบลงที่กลีบปากหยักนั้นต่อหน้าต่อตาร่างหนา แล้วถึงได้เดินกลับไปหาร่างหนาที่รออยู่

 

“พารันไปขึ้นรถ กูขอคุยกับอีจุนแป๊บนึงแล้วจะตามไป” หันไปสั่งลูกน้องที่ติดตามมาด้วยสองคนให้พาร่างบางไปที่รถ ส่วนตัวเองจะขอคุยอะไรกับอีจุนสักหน่อย

 

“มึงคิดจะทำอะไรอีจุนน่ะจุนฮยอง!”

 

“ลากไปขึ้นรถ!” ร่างหนาสั่งเสียงเฉียบขาดอีกครั้ง เมื่อร่างบางทำท่าจะไม่ยอมง่ายๆ

 

“อย่าคิดจะทำร้ายอีจุนนะ!”

 

“กูไม่ทำอะไรมันหรอกน่า ไม่ต้องห่วงมันจนออกนอกหน้าขนาดนั้น!”

 

“กูไม่เชื่อ!”

 

ร่างหนาถอนหายใจออกมาเสียงดัง หยุดความคิดที่จะพูดคุยกับอีจุนเอาไว้แค่นั้น เดินเข้าไปหาร่างบางแล้วกระชากร่างบอบบางนั้นออกไปเสียเอง

 

“จัดการให้เรียบร้อยแทนกูด้วย!”

 

 

 

 

“สามวันที่อยู่ด้วยกัน มันทำอะไรมึงบ้าง” ร่างหนาพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองแล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุด

 

หากแต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบจนมันทำให้ร่างหนาหงุดหงิด

 

“กูถามว่ามันทำอะไรมึงมั่ง!”

 

“มึงเคยทำยังไงกับกู จุนก็ทำแบบนั้นแหละ อยากจะรู้ไปทำไม!” ร่างบางสะบัดหน้ากลับมาตอบด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ถามแบบนี้นั่นก็หมายความว่าจุนฮยองเห็นว่าตนเป็นคนใจง่ายที่ยอมอ้าขาให้ใครง่ายๆ อย่างนั้นสินะ เพราะถ้าไม่คิดแบบนั้นก็คงไม่กล้าถามออกมาตรงๆ อย่างนี้แน่ๆ

 

“ว่าไงนะ...”

 

“กูรู้ว่ามึงได้ยินชัดเจน แล้วทำไมกูต้องพูดซ้ำ อีกอย่า...อย่าคิดจะทำอะไรอีจุน เพราะต่อให้อีจุนตาย! กูก็ไม่กลับไปรักมึง!” พูดจบร่างบางตั้งใจจะลงจากรถโรสลอยด์คันหรู แต่ร่างหนากดล็อคประตูเอาไว้ได้ทัน

 

“จะลงไปปลอบใจมันรึไง!”

 

“มึงทำอะไรอีจุน!” ร่างบางสะบัดหน้ากลับมาถาม แม้ว่าร่างหนาจะโมโหอยู่มาก แต่ก็ยังมีอารมณ์หยิบเอาซิก้าขึ้นมาสูบ พ่นควันใส่หน้าร่างบางแล้วยกยิ้ม

 

“ฆ่ามันไง”

 

“จุนฮยอง!”

 

“ทำไม? มึงพูดเองว่าต่อให้กูฆ่ามัน มึงก็ไม่มีวันกลับมารักกู เพราะงั้นจะเก็บมันเอาไว้ให้ขวางหูขวางตาทำไม เก็บไว้หรือฆ่า มึงก็ไม่รักกูอยู่ดีไม่ใช่เหรอ”

 

“สารเลว!”

 

“กูก็เลวของกูมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว...ถ้าไม่อยากถูกกูกอดต่อหน้าคนขับรถล่ะก็ นั่งนิ่งๆ แล้วหุบปากซะ...กลับสนามบิน กูจะรีบกลับโตเกียวไปจัดการเด็กดื้อ!” ออกคำสั่งกับร่างบางแล้วก็หันไปออกคำสั่งกับคนขับรถทันที

 

“....แต่บางที กอดมึงบนเครื่อง ก็เร้าใจดีนะ ว่า...ไหม...” ร่างหนาหันไปยกยิ้มให้และอัดซิก้าเข้า ปอดต่ออย่างสบายอารมณ์ ผิดกับร่างบางที่โกรธจนมือไม้สั่น แต่ก็ทำอะไรอีกคนไม่ได้

 

 

 

 

เสียงเคาะดังขึ้นที่กระจกของหน้าต่าง ทำให้คนที่นั่งกอดเข่าคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจำต้องเงยหน้าขึ้นไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่หน้าต่าง พอเงยขึ้นไปเห็นว่าเป็นใครเท่านั้นล่ะ ร่างเล็กๆ นั้นก็กระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งไปเปิดหน้าต่างทันที

 

ร่างสูงใหญ่รีบปีนเข้ามาภายในห้องที่ตกแต่งด้วยสีขาวทั้งหมด แล้วกอดร่างเล็กๆ นั้นเอาไว้แน่น

 

“คิดถึงชะมัดเลย” พูดความรู้สึกทั้งหมดออกมา ความรู้สึกที่เก็บเอาไว้ตลอดเวลา 3 วันที่ไม่ได้เจอกันเลย ไม่ได้ติดต่อกันไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม

 

แขนเรียวยกขึ้นโอบรอบลำตัวหนาของร่างสูงแน่น กดใบหน้าเรียวสวยเข้ากับอกกว้างพูดอู้อี้ผ่านอกออกมาแทบจะจับใจความไม่ได้

 

“คิดถึงเหมือนกัน...หายไปไหนมาตั้งหลายวัน”

 

“รุ่นเก้าใช้งานหัวหกก้นขวิดเลยน่ะสิ ขยับไปไหนก็ไม่ได้ คิดถึงอยากมาหาจะแย่...แต่ก็ทำไม่ได้”

 

คนตัวเล็กยิ้มกว้างเมื่อได้ฟัง เพราะอย่างน้อยๆ ก็ได้รู้ว่าที่เขาหายไป ไม่ใช่เพราะว่าไม่อยากเจอเรา แต่เป็นเพราะเขางานยุ่งจริงๆ

 

ดันตัวออกห่างจากอกเล็กน้อย เขย่งขึ้นจนสุดปลายเท้าแล้วกดจูบลงที่ปลายคางมนที่ปกคลุมไปด้วยหนวดเส้นสั้นๆ ที่เพิ่งทิ่มผ่านผิวหนังออกมา หลังจากที่ไม่ได้จัดการกับใบหน้ามาหลายต่อหลายวันของร่างสูงตรงหน้า

 

“นึกว่าที่ไม่ติดต่อกลับมาเลยเพราะไม่อยากเจอกันแล้วซะอีก”

 

“บ้าสิ ใครจะไม่อยากเจอล่ะ ก็รักซะขนาดนี้นี่นา” จมูกโด่งเป็นสันถูไถไปมาเบาๆ กับจมูกเล็กได้รูป ก่อนจะกอดร่างเล็กๆ นั้นไว้แน่นอีกครั้ง ดูจุนยกยิ้มอย่างไม่น่าไว้วางใจเล็กน้อย ยิ้มที่โยซอบไม่มีวันจะได้เห็นและดูจุนก็ไม่อยากจะให้โยซอบเห็นมัน

 

“แล้วนี่เดวิลผ่านคนของพี่รองเข้ามาได้ยังไง” เงยหน้าขึ้นถาม ก่อนจะแกะแขนแกร่งออกจาร่างตัวเองแล้วลากร่างสูงให้มานั่งลงที่โซฟาปลายเตียง

 

“นี่...ลืมไปแล้วรึไงว่านี่ใคร แค่เข้ามาในบ้านหลังนี้น่ะสบายมาก อีกอย่าง...รุ่นแปดก็ปลดไอ้แทคยอนออกมาจากตำแหน่งบอร์ดี้การ์ดใหญ่ของบ้านไปแล้วไม่ใช่เหรอ เห็นว่าทำงานพลาดนี่” พูดจบก็ทิ้งตัวลงนอนหนุนตักร่างเล็ก คว้ามือสวยมารัวหอมหลายครั้งให้หายคิดถึง

 

“อื้ม...พ่อคนเก่ง” ร่างเล็กเบ้ปากทั้งที่ยังยิ้มให้ร่างสูง ดีดหน้าผากมนเพราะความหมั่นไส้ ดูจะหมั่นใจในตัวเองมากเกินไปหน่อยแล้ว

 

“เก่งหรือไม่เก่ง คนบางคนแถวนี้ก็ยังฆ่าไม่ได้แหละน่า” พลิกตัวนอนหงาย จับจ้องไปที่ดวงตากลมโตของร่างเล็ก ไม่เพียงเท่านั้นยังอมยิ้มส่งให้อีกด้วย

 

ดวงตากลมโตที่จะเปล่งประกายอยู่เสมอนั่นหม่นลงทันทีที่ได้ยินสิ่งที่ร่างสูงพูด

 

“มันก็จริงอย่างที่เดวิลพูดเนอะ งานง่ายๆ แค่นี้ฉันก็ยังทำไม่สำเร็จเลย พลาดไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ทั้งที่เหยื่อมาให้ฆ่าถึงที่ขนาดนี้”

 

“ดอลล์...ผมขอโทษ ผมแค่อยากจะหยอกดอลล์เล่นแค่นั้นเอง ผมไม่ได้มีเจตนาอย่างที่พูดนะ” เมื่อเห็นอีกคนหน้าหม่นลง ก็เริ่มรู้สึกผิด ลุกขึ้นจากตักที่หนุนอยู่ขึ้นมากอดปลอบร่างเล็กทันที

 

“ไม่ต้องขอโทษหรอก ก็ฉันเป็นอย่างที่เดวิลพูดจริงๆ นี่” ดันตัวเองออกจากอ้อมแขนนั้นแล้วลุกเดินห่างออกไป เดือดร้อนคนปากไม่ดีต้องรีบลุกไปง้อ ก่อนที่จะงอนหนักจนกลายเป็นโกรธ

 

“.....โยจัง...ผมขอโทษ” ยืนนิ่งอยู่ข้างหลังคนตัวเล็ก หางลู่ หูตก พูดอะไรไม่ออก ทำไมถึงได้ปากหมาแบบนี้นะ ยุน ดูจุน! ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นตบปากตัวเองเสียเลย โทษฐานที่มันพูดไม่ดีออกไป

 

“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องขอโทษ”

 

“ขอโทษจริงๆ นะครับ ผมผิดไปแล้ว...อย่าโกรธผมนะ”

 

“ไม่ได้โกรธสักหน่อย”

 

“ถ้าโยจังไม่ได้โกรธ...งั้นก็หันมายิ้มให้หน่อยสิ นะครับ...น้า...” เอื้อมมือทั้งสองไปกระชับเอวเล็กไว้แล้วหมุนให้ร่างเล็กหันมาหาตัวเอง เพราะถ้าหากว่ารอให้คนตัวเล็กหันมาเองก็คงไม่มีหวังแน่ๆ

 

และถึงแม้ว่าโยจังของเดวิลจะหันมาหาเดวิลแล้วก็ตาม แต่ก็ยังก้มหน้านิ่งเหมือนเดิม

 

“โยจัง...”

 

คนตัวเล็กที่ทำเหมือนไม่พอใจ ทำเหมือนว่าโกรธคนตัวโต หากแต่ที่จริงแล้วกลับกลายเป็นว่ากลั้นหัวเราะเอาไว้จนไหล่เล็กสั่นไหว คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรก็เป็นเดือดเป็นร้อน เพราะคิดว่าคนตัวเล็กร้องไห้

 

“โยจัง...ไม่เอาสิ อย่าร้องสิครับ ผมผิดไปแล้วจริงๆ ขอโทษนะ ขอโทษ...” คุกเข่าลงตรงหน้าแล้วกอดเอวเล็กไว้แน่น ขอโทษขั้นสูงสุดขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่ยกโทษให้ก็จะลากขึ้นเตียงแล้วนะ

 

ร่างเล็กกลั้นขำจนทนไม่ไหว เลยทำให้หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง เป็นอันว่า...

 

“นี่แกล้งกันเหรอ!”

 

“ก็บอกแล้วนี่ว่าไม่ได้โกรธ เดวิลน่ะคิดเองเออเองอยู่คนเดียวเลย” พูดไปก็หัวเราะไปด้วย ร่างสูงที่ยังคุกเข่าอยู่ที่พื้นเงยหน้าขึ้นมาหา ชี้หน้าคล้ายเอาเรื่อง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วช้อนเอาร่างเล็กๆ นั้นขึ้นสู้อ้อมแขน ก่อนจะจบลงที่เตียง

 

บางที...

 

ความคิดถึงมันก็พูดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้หรอก จริงไหม..

 

คิดถึงแค่ไหนก็รอหลังจากนี้แล้วกัน

 

“.....คิดถึงแทบบ้ารู้ไหม...” ดูจุนกระซิบเสียงแหบพร่าข้างหูคนตัวเล็กแผ่วเบา ก่อนจะได้รับจูบแสนหวานเป็นคำตอบกลับมาว่า คิดถึงเหมือนกัน จากคนตัวเล็กใต้ร่างของเขา

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา