Fic B2ST Big Mama [JunSeung ft.Lee Joon] [Rate 20]

10.0

เขียนโดย เช้าตรู่

วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.44 น.

  20 chapter
  5 วิจารณ์
  40.15K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 11.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) Big Mama Chapter 14

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Chapter 14

 

“แผนนี้จะได้ผลจริงๆ เหรอครับนายแม่” ยุนโฮเอ่ยถามขึ้น ทั้งที่รู้ว่าไม่น่าจะถาม เพราะถ้าเป็นแผนการของนายแม่รุ่นที่ 9 นั่นหมายความว่ามันจะได้ผล และไม่พลาด

 

“ยุนโฮก็น่าจะรู้นะว่าผลมันจะเป็นยังไง อีกอย่าง...แผนนี้ฉันก็ไม่ได้คิดคนเดียวสักหน่อย...เดวิลไง มือหนึ่งของตระกูลน่ะ” พูดพร้อมทั้งยกกาแฟขึ้นจิบเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปที่ยุนโฮ ยกยิ้มชั่วร้ายให้

 

“ผมไม่คิดว่าเดวิล...”

 

“ไม่เอาน่ายุนโฮ....ไม่จำเป็นต้องคิดแทนเดวิลหรอก เพราะเดวิลน่ะ เชื่อใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่าแต่เรื่องของรุ่นสิบที่หายตัวไปกับอีจุนน่ะ เป็นไงบ้าง”

 

“อีจุนส่งข่าวมาแล้วครับว่ารุ่นสิบปลอดภัยดีแล้ว รุ่นแปดไปรับออกมาจากนางาซากิเรียบร้อย ส่วนอีจุนยังติดอยู่ที่นั่นจนกว่าจะแน่ใจว่าคนของแอนดรูว์จะกลับโตเกียว”

 

“ส่งคนไปรับอีจุนกลับโตเกียวเดี๋ยวนี้ ทำงานให้เงียบที่สุด แล้วก็เก็บคนของแอนดรูว์อย่าให้เหลือหรือถ้าจำเป็นต้องจับเป็น ก็จับมาแค่คนเดียว”

 

“ครับนายแม่!”

 

“แล้วก็...คืนนี้ขึ้นไปหาบนห้องด้วย” ก่อนที่ยุนโฮจะออกไปทำตามคำสั่งของตน ร่างบางก็ออกคำสั่งสำคัญอีกครั้ง

 

“ครับ” ยุนโฮรับคำสั้นๆ เพียงเท่านั้นก็เดินออกไปทำตามที่เจ้าชีวิตสั่งให้เรียบร้อยก่อนพระอาทิตย์ตกดิน

 

 

 

 

ห้องโดยสารถูกล็อคแน่นจากข้างใน และหน้าห้องโดยสารก็มีคนของร่างหนานั่งเฝ้าเอาไว้ ทั้งที่ไม่มีใครบนเครื่องบินลำนี้จะเข้าไปแน่ๆ เพราะนอกจากกัปตันและโคไพลอตก็ไม่มีใครอื่นนอกจากนี้แล้ว

 

ร่างบางนั่งเชิดหน้าอยู่ต่อหน้าร่างหนาที่ตอนนี้เดาอารมณ์ไม่ได้ว่าอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่ ร่างหนานั่งอยู่ตรงหน้าของร่างบาง โน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย ศอกเท้าเอาไว้ที่หัวเข่า มือใหญ่พยายามที่จะไม่เอื้อมไปคว้ามือเรียวสวยนั้นมากุมไว้ ตนรู้ดีว่าต่อให้ทำแบบนั้นร่างบางก็ดึงมือกลับไปเหมือนเดิมอยู่ดี

 

“ทำไมรันชอบทำให้พี่เป็นห่วง” เขาพยายามระงับอารมณ์ เพราะเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันเป็นความผิดของร่างบางเพียงครึ่งเดียว ที่เหลือเป็นเพราะแอนดรูว์ต้องการตัวร่างบางมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อสบโอกาส มีหรือที่เขาจะไม่ลงมือ

 

“ก็บอกแล้วไงว่ามันไม่ใช่ความผิดของรัน!”

 

“รันไม่ต้องมาเถียงพี่! ถ้าไม่เป็นเพราะรันขัดคำสั่งพี่แล้วหนีออกไปเที่ยว เรื่องแบบนี้มันจะไม่เกิดขึ้น!”

 

“รันไม่ใช่นักโทษของพี่นะ!”

 

“พี่ไม่เคยเห็นรันเป็นนักโทษ และที่พี่ยื่นข้อเสนอให้รันมาอยู่ที่บ้าน ก็เพื่อความปลอดภัยของรันเอง เห็นไหมว่าพอไม่มีพี่แล้วชีวิตตัวเองมันอันตรายแค่ไหน!”

 

“ปกติชีวิตรันก็อันตรายอยู่แล้วนี่ พี่จะสนอะไร ในเมื่อพี่ก็อยากจะให้รันตายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ!” ร่างบางตะคอกใส่หน้าร่างหนาไม่ยอมหยุด

 

มือใหญ่ที่ประสานกันเอาไว้แน่น เพื่อไม่ให้เผลอทำอะไรคนตรงหน้าไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบของตัวเอง ตอนนี้มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อมือใหญ่ฟาดลงไปที่แก้มนวลเต็มแรง จนใบหน้าสวยหันไปตามแรงส่งของมือ

 

แต่เพียงเสี้ยวนาทีเท่านั้นร่างบางก็หันหน้ากลับมาเช่นเดิม

 

“_____พี่” ร่างบางพูดอะไรไม่ออก น้ำตาคลอหน่วยจนมันไหลลงมาที่หางตา ริมฝีปากเม้มแน่นจับจ้องคนตรงหน้าทั้งที่น้ำตายังคงไหล

 

“จำเอาไว้ อย่าพูดเหมือนที่พูดเมื่อกี๊อีก เพราะไม่งั้น...เพราะไม่อย่างนั้น! เจอหนักกว่านี้แน่รันโช!” ร่างหนาขึ้นเสียงใส่ร่างบางเสียงดัง ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปสงบสติอารมณ์ยังอีกห้องโดยสาร

 

มือเล็กยกขึ้นลูบแก้มตัวเองที่ยังคงชาหนึบ น้ำตาไหลซึมเข้าภายในมือเรียวจนเปียกไปหมดทั้งแก้มนวลทั้งมือนุ่มนั้น

 

“ถ้าไม่เป็นเพราะท่านพ่อ สาบานได้เลยว่าจาง ฮยอนซึง จะไม่ทนแบบนี้แน่... ไม่แน่ๆ!”

 

 

 

ร่างหนาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟานุ่มด้วยน้ำหนักทั้งหมดที่มี ยกมือตัวเองขึ้นดู มือที่กล้าทำร้ายร่างกายร่างบอบบางที่อยู่อีกห้องทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่ความผิดของร่างบางเลยสักนิด มันเป็นความผิดของตนเองที่ไม่ดูแลเขาให้ดีกว่านี้ ทั้งที่ความตั้งใจเดิมที่ฉุดรั้งเขามาอยู่ด้วยกัน เพียงเพราะแค่อยากจะปกป้องจากศัตรูที่ยากจะรับมือด้วยอย่างมาเฟียจากยุรปอย่างแอนดรูว์ แต่สุดท้ายแล้วจุนฮยองก็ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากทิ้งหน้าที่ที่เป็นของตนให้กับแทคยอน โดยอ้างว่าติดงาน

 

ทุกครั้งจุนฮยองมักจะเอาเรื่องงานมาอ้างเพื่อหาความชอบธรรมให้กับตัวเอง เพื่อจะเป็นข้อแก้ตัวเวลาที่ตัวเองถูกตำหนีและก็เอาแต่ขอโทษวิญญาณของคุณอาทุกครั้งที่ตนทำพลาด จนถึงตอนนี้จุนฮยองก็ยังคงทำพลาดเสมอ

 

“พี่ขอโทษ แต่พี่สัญญาว่าต่อไปนี้จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ต่อไปนี้พี่จะดูแลรันเอง พี่จะไม่ยอมให้รันห่างกายพี่อีกเป็นครั้งที่สอง”

 

 

 

ร่างบางถูกฉุดกระชากให้เดินตามเข้ามาในบ้านอย่างไร้ความปราณีและก็ขัดขืนไม่ได้ เดินผ่านส่วนต่างๆ ของบ้านมาจนกระทั่งร่างหนาเห็นว่าแทคยอนกลับมาบ้านแล้ว

 

“ใครอนุญาตให้มึงกลับมาบ้าน อ๊ค แทคยอน!..ใครอนุญาต!”

 

แทคยอนก้มหน้านิ่ง สองมือประสานกันเอาไว้ที่ข้างแน่น ไม่มีใครอนุญาตให้เขากลับมาบ้านแต่เขาทิ้งบ้านไปในยามที่นายใหญ่ไม่อยู่บ้านแบบนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะเวลานี้เวลาที่มีคนแปลกหน้าอยู่ในบ้านด้วย

 

“ไม่มีครับ แต่ผมทิ้งบ้านไม่ได้ในยามที่นายไม่อยู่บ้าน อีกอย่าง...ตอนนี้เดวิลก็อยู่ในบ้านด้วยครับ” แทคยอนตอบด้วยน้ำเสียงและท่าทางระมัดระวังตัวมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

“มึงว่าไงนะแทคยอน ไอ้ห่านั่นอยู่ในบ้านอย่างนั้นเหรอ! ใครปล่อยให้มันเข้ามา!” ร่างหนาถามขึ้นเสียงหลง มือใหญ่ยังกระชับมือเล็กนั้นเอาไว้แน่น ก่อนที่จะหันกลับไปมองดวงหน้าหวานที่แสดงสีหน้ามีความหวังขึ้นมาอย่างปิดไม่มิด

 

“ความจริงผมอยากจะจับมันโยนออกจากบ้านไปแล้ว แต่ว่านายน้อย...” แทคยอนรายงาน

 

“ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้....!!!” สบถออกจากปากหยักแค่นั้นก็ลากร่างบางขึ้นไปยังชั้นบน ร่างบางหันกลับไปหาแทคยอนแล้วเรียกให้ตามมาด้วย ด้วยสายตา แทคยอนทำตามคำสั่งผ่านสายตานั้นทันที รีบสาวเท้าก้าวขึ้นบันไดตามเจ้านายทั้งสองขึ้นไปยังชั้นบน

 

ร่างหนาทุบประตูห้องของน้องเสียงดังและดูไร้มารยาท ร่างบางยังคงเงียบเพราะรู้ดีว่าตอนนี้ร่างหนากำลังโมโห มันก็เหมือนถูกล้วงคอนั่นแหละ งูเห่าไม่ว่ายังไงก็น่ากลัวเสมอ แต่เดวิลกลับกล้าล้วงคองูเห่า งูที่เป็นสุดยอดของงูและเป็นงูที่มีพิษร้ายแรงที่สุด

 

เพียงไม่นาทีที่ยืนอยู่หน้าห้อง ประตูห้องก็เปิดออก ตามด้วยร่างเล็กระหงของน้องชาย

 

“มันอยู่ไหน!”

 

“พี่รองพูดเรื่องอะไร ถามหาใคร?” ร่างเล็กเลิกคิ้วถาม มือยังไม่ยอมปล่อยจากประตู ประตูแค่แง้มออกเท่านั้น แต่ไม่เปิดออกทั้งหมด

 

“ดูจุนไง มันอยู่ไหน!”

 

“เดวิลจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง พี่รองเพี้ยนไปแล้วรึเปล่า!”

 

“พี่ไม่ได้เพี้ยน! มันอยู่ไหน!”

 

“พี่อย่ามาขึ้นเสียงใส่ผมนะ ผมบอกว่าไม่มีก็คือไม่มี ผมจะพาเหยื่อมาที่บ้านทำไม!”

 

ร่างหนาพยักหน้าและเดินเข้าไปใกล้น้อง มือผลักให้ประตูเปิดกว้างออก แล้วทำท่าจะเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวน้องหากแต่โยซอบดันอกเอาไว้ก่อน

 

“นี่มันห้องส่วนตัวของผม พี่เข้าไม่ได้!”

 

“ดอลล์...คุยกับใครน่ะครับ อย่าบอกว่ารุ่นแปดกลับมาแล้วนะ” จู่ๆ เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ตามด้วยร่างสูงสมส่วนที่เปลือยท่อนบนอยู่ สองแขนแกร่งสวมกอดเอวบางเอาไว้พร้อมๆ กับจมูกโด่งกดจูบลงที่แก้มขาวโดยไม่ได้มองเบื้องหน้าเลยสักนิดว่ามีใครยืนอยู่

 

“มึงกล้ามากนะเดวิล!”

 

“อ่า...” ดูจุนเงยหน้าขึ้นมา แล้วค่อยๆ ปล่อยเอวโยซอบ ยกมือทั้งสองขึ้นเสมอศีรษะและถอยออกห่างจากโยซอบหนึ่งก้าว

 

“รุ่นแปดน่ะเอง” ดูจุนยกยิ้มส่งให้ มันเป็นยิ้มที่กวนโมโหที่สุดเท่าที่ร่างหนาเคยได้เห็นจากใคร และแน่นอนว่ามันไว้ใจไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

 

“ใครอนุญาตให้มึงเข้ามาที่นี่!”

 

“ก็ไม่น่าถามนี่ครับ” ดูจุนเบ้ปากและกดสายตาลงไปที่ร่างเล็กที่ยืนจ้องหน้าพี่ชายตัวเองนิ่ง

 

“รู้ใช่ไหมว่าตัวเองทำไม่ถูกน่ะโยซอบ”

 

“ทำไม่ถูกตรงไหน!”

 

“ยังมีหน้ามาถาม ก็ผิดตรงนี้พามันเข้าบ้านนี่ไง!”

 

“แล้วทีพี่รองล่ะ พี่รองพาเขาคนนั้นเข้าบ้าน มาอยู่ที่นี่ทั้งที่มันไม่ควร ทำไมถึงไม่มีใครว่าอะไรได้ ทำไมทุกคนถึงเห็นดีเห็นงาม!” โยซอบเถียงออกไปทันที แล้วขยับเข้าไปหาร่างสูงที่อยู่ข้างหลัง ยืนบังร่างสูงๆ นั้นให้ห่างจากพี่ชาย

 

“มันไม่เหมือนกัน!”

 

“ไม่เหมือนตรงไหน มันไม่เหมือนตรงไหน ก็ใช่! พี่ทำตัวเป็นศาลของที่นี่ตลอด คนอื่นผิดหมดถ้าพี่ตัดสินว่าผิด แต่ในขณะที่การกระทำของพี่ไม่ผิดเลยไม่ว่าพี่จะทำอะไรก็ตาม แม้กระทั่งพาศัตรูมาที่นี่ ศัตรูที่พี่หลงรักเขาจนหมดหัวใจและเขาเองก็เกลียดพี่จนหมดหัวใจ...พี่เลิกบ้าได้แล้ว! เขาจะฆ่าพี่ถ้าทำได้ เขาจ้องจะฆ่าพี่ทุกวินาทีพี่ก็รู้!”

 

“ซึ่งมันก็ไม่ต่างจากเดวิลหรอกโยซอบ!”

 

“เดวิลไม่มีทางทำแบบนั้น!”

 

“ก็คอยดู พี่เตือนอะไรแล้วไม่ฟัง เก่งนักก็เชิญ! อยากทำอะไรก็เชิญ!”

 

“พี่ไม่ต้องมาพูดแบบนี้หรอก ดูแลคนของตัวเองให้ดีเถอะ อย่าชิงตายก่อนเพราะคนของตัวเองก็แล้วกัน!” ว่าแล้วโยซอบก็กระแทกประตูปิดใส่หน้าพี่ชายต่อหน้าคนอื่น

 

 

“เก่งให้มันตลอดก็แล้วกัน!” ร่างหนาตะโกนผ่านบานประตูเข้าไปหาน้องชาย แล้วหุนหันออกจากที่ตรงนั้นไป

 

ร่างบางมองตามอย่างเป็นห่วง เงยหน้าขึ้นมองแทคยอนและได้เพียงการพยักหน้าของแทคยอนตอบกลับมาเท่านั้น

 

“นายท่านคงเครียดหลายเรื่อง”

 

“ฉันรู้ เขามีเรื่องให้เครียดหลายเรื่อง เพราะเขาคิดว่าเขาสามารถจัดการเรื่องทุกอย่างเพราะเขาคิดว่าเขาเก่ง เพราะเขาคิดว่าเขารอบคอบ แต่จริงๆ...นายท่านของนายอาจจะไม่รอบคอบเลยก็เป็นได้ เขาต้องมีนาย จำคำฉันไว้นะแทคยอน” ร่างบางพูดเสียยืดยาวก่อนจะเดินตามร่างหนาที่เพิ่งหนีเข้าห้องทำงานของตัวเองไปเมื่อครู่

 

และเมื่อเข้าไปภายในห้องก็เห็นว่าร่างหนานั่งก้มหน้า ประสานมือทั้งสองแน่น ท่าทางเหมือนคิดอะไรไม่ออก ยืนมองอยู่สักครู่ถึงได้เดินเข้าไปใกล้ๆ

 

“เฮ้...” ทักทายเบาๆ เอื้อมมือไปบีบไหล่ทั้งสองข้างของร่างหนาเบาๆ ส่งผลให้คนที่กำลังเครียดจนหัวแทบระเบิดเงยหน้าขึ้นมาหาเจ้าของมือได้ง่ายๆ

 

“ต่อให้รันจะหลอกพี่หรือแผนของพี่ถูกรันซ้อนแผนเอาไว้จริงๆ พี่ก็ไม่ปล่อยให้รันไปไหนไกลจากพี่หรอก...รู้ไหม..” ร่างหนาเม้มปากแน่น ก่อนจะรวบเอวบางไว้ ดึงเข้ามาหาตัวเองและบังคับให้ร่างบางนั่งลงบนตักของตัวเอง

 

“และแม้ว่า....” นิ้วเรียวเกลี่ยไปตามโครงหน้าได้รูปของร่างหนาด้วยท่าทางยั่วยวนที่เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ว่าที่ทำอยู่นั้นมันเหมือนยั่วอีกคนตรงหน้า โน้มลงไปใกล้ปากหยักแล้วพูดต่อ

 

“รันอาจจะซ้อนแผนพี่ไว้จริงๆ รันรู้ทุกอย่างที่พี่จะทำแต่ก็ยังแกล้งโง่ ยอมอยู่ที่นี่ ก็แค่เพราะ...อยากจะอยู่ใกล้ๆ พี่...ยังไม่รู้ใช่มั้ย ถ้ายัง...วันนี้ก็ได้รู้แล้วล่ะ...”

 

 

 

 

“อ่ะ...อื้อ...” ปากอิ่มเม้มแน่น มือเรียวสวยสอดไปตามไรผมดำสนิทของร่างหนา กดใบหน้าหล่อเข้ากับอกของตัวเอง ทั้งที่ลิ้นร้อนๆ นั้นยังละเลงยอดอกไม่หยุด ยูกาตะที่สวมอยู่หลุดลุ่ยจนแทบจะหายออกไปจากเรือนร่างเย้ายวนนั้น ขาเรียวยกออกกว้างคร่อมร่างกำยำนั้น จงใจกดสะโพกมนถูไถไปกับแท่งเนื้อกลางลำตัวของร่างหนาที่เริ่มแข็งขืนขึ้นเรื่อยๆ

 

ปลายนิ้วหยาบกร้านเขี่ยยอดอกอีกข้างและเพิ่มแรงกดจมลงไป กดขยี้รุนแรงและถึงแม้ว่าจะทำรุนแรงขนาดนั้นแต่ยอดอกก็ยังแข็งเป็นไตสู้ปลายนิ้วไม่หยุดยั้ง อกอีกข้างเปียกชุ่มไปด้วยเอนไซม์จากปากของร่างหนา ละห่างจากยอดอก ไล้ขึ้นไปตามลำคอระหงและหยุดที่กลีบปากอิ่มที่เผยอออกเองอย่างเป็นธรรมชาติ ดูดริมฝีปากล่างเบาๆ ก่อนจะบดเบียดกลีบปากของตนลงไปหนักๆ สอดลิ้นชื้นเข้าไปภายในโพรงปากอิ่มที่อ้ารับด้วยความยินดี

 

มืออีกข้างบูลไล้ร่างกายขาวเนียนนั้นลงมาเรื่อยๆ จนถึงกลางลำตัวของร่างบอบบาง สอดมือเข้าไปภายในชั้นใน ลูบไล้แก่นกายของร่างบางที่แข็งขืนขึ้นเต็มที่ ก่อนจะเปลี่ยนตำแหน่งมือไปด้านหลัง ไล้วนรอบช่องทางด้านหลังที่ขมิบเป็นจังหวะคล้ายกำลังยั่วยวนตน ค่อยๆ กดนิ้วเข้าไปภายในร่างกายนั้นทั้งที่แห้งผากไร้สิ่งช่วยหล่อลื่น

 

ร่างบางนิ่วหน้าและร้องประท้วงเบาๆ ผ่านลำคอออกมาทั้งที่ปากอิ่มยังถูกปิดสนิทด้วยลิ้น ตอนแรกร้องประท้วงแต่เมื่อผ่านไปสักพัก กลับขยับสะโพกเล่นกับนิ้วเรียวยาวนั้นเป็นจังหวะเชื่องช้า ดันร่างหนาที่จูบไม่ยอมปล่อยออกจากรสจูบ แล้วเริ่มครวญครางกับรสสัมผัสที่ได้รับ

 

“เย็นไว้...หนู...”

 

แต่เหมือนคำปรามของร่างหนาจะไม่ได้ผล เมื่อร่างบางหลงระเริงไปกับไปราคะเสียแล้ว สะโพกเล็กยังขยับไม่หยุด เสียงครางดังออกมาทุกครั้งที่สะโพกกดจมลงไปกับนิ้วเรียวยาวของร่างสูง สองมือเปลี่ยนตำแหน่งไปโดยสิ้นเชิง เกาะไหล่หนาไว้หนึ่งข้าง อีกข้างกดลงที่หัวเข่าของร่างหนาและเคลื่อนไหวสะโพกไปเรื่อยๆ

 

แก่นกายถูไถเป็นจังหวะไปกับกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องที่ยังคงถูกปิดกั้นไว้ด้วยเสื้อเชิ้ต ปลายนิ้วเท้าจิกแน่นลงกับโซฟาเนื้อกำมะหยี่แน่น ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าคนที่กำลังเล่นสนุกกับนิ้วของตนอยู่ตอนนี้จะเป็นคนๆ เดียวกันกับเด็กดื้อที่เถียงคำไม่ตกฟากคนนั้น

 

“หะ...อื้อ...อื่อ...อื้อ....” เสียงหอบหายใจปนมากับเสียงครวญครางไม่หยุด ร่างหนาจับจ้องมองใบหน้าสวยที่ดวงตากลมโตปิดลงสนิท เผลอมองปากอิ่มที่เผยอส่งเสียงครางออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ มองร่างกายที่ขยับขึ้นลงช้าๆ เป็นจังหวะเดียวกับเสียงคราง มองเพลินจนปล่อยให้ร่างบางเล่นกับนิ้วตัวเองเพลิน จนจู่ๆ ร่างบางก็เริ่มขยับตัวเร็วขึ้น เสียงหอบครางถี่ขึ้นเรื่อยๆ

 

ร่างหนารู้ดีว่าตอนนี้อารมณ์ของร่างบางเดินทางไปถึงไหนแล้ว จึงได้ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามที่มันควรจะเป็น มือเล็กบีบที่ไหล่กว้างแรงขึ้นเรื่อยๆ ปล่อยมือข้างที่ค้ำเข่าของร่างหนาเอาไว้ มาคล้องคอของร่างสูงไว้แทน ไม่อายเลยถ้าตัวเองจะปลดปล่อยเพียงแค่เพราะเล่นสนุกกับนิ้วของร่างหนาเท่านั้น มันหมดเวลาที่จะมานั่งอายเสียแล้ว มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำอะไรกันแบบนี้

 

“นี่...จะไปทั้งๆอย่างนี้จริงๆ น่ะเหรอรัน...”

 

“หรือ...พี่จะห้าม?”

 

ร่างหนายกยิ้มก่อนจะดูดดึงริมฝีปากล่างเล่น มือเรียวเกลี่ยเส้นผมออกจากดวงหน้าหวานด้วย มันเป็นแค่ช่วงเวลาเดียวเท่านั้นก็ว่าได้ที่เราสองคนจะได้ใกล้ชิดกันและปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดออกมา บางครั้งภาษาพูดก็ตอบอะไรได้ไม่ดีเท่ากับภาษากาย

 

ร่างบอบบางขยับร่างกายเป็นจังหวะสม่ำเสมออยู่เพียงไม่นาน ก็ทำท่าเหมือนจะยกมือยอมแพ้คนตรงหน้าเสียแล้ว ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้มและกระตุกเกร็ง ก่อนที่จะปลดปล่อยน้ำสีขาวออกจากร่างกายจนแทบจะหมดทุกหยาดหยด

 

หอบหายใจหนัก ทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงบนตักของร่างหนาแล้วกดใบหน้าลงกับสันไหล่นั้น จู่ๆ ก็รู้สึกเขินขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้งที่เมื่อครู่ตัวเองทำเองทั้งนั้น ปลดปล่อยทั้งๆ ที่เขานั่งอยู่เฉยๆ บ้าขนาดไหนก็คิดเอาสิแค่นิ้วก็ทำให้อารมณ์กระเจิดกระเจิงได้ถึงขนาดนั้น

 

ร่างหนายิ้มเล็กน้อยก่อนจะดันร่างบอบบางนั้นออกห่างแล้วพลิกตัวขึ้นด้านบน กดร่างบางไว้กับโซฟาเนื้อกำมะหยี่นั้นด้วยสายตา เพียงแค่เขาจับจ้องมาที่ดวงตาและเหมือนพูดทุกอย่างออกมาผ่านสายตา แค่นั้นก็ทำให้ร่างบางนิ่งได้ง่ายๆ

 

และแล้วสิ่งคลุมกายก็หลุดหายออกจากร่างกายหมดจนได้ ตามด้วยเสื้อของร่างหนาที่กำลังจะหลุดหายออกจากร่างกายกำยำนั่นไปเหมือนกันด้วยฝีมือของเด็กดื้อที่กระชากเสื้อออกจนกระดุมหลุดออกจนหมดและตามด้วยเข็มขัดราคาแพงที่หลุดออกจากหูกางเกงอย่างรวดเร็ว ตะขอกางเกงหลุดและตามด้วยซิปก็รูดลงตามไปด้วย ร่างหนาดึงกางเกงตัวเองลงให้พ้นทาง ตามด้วยดันขาเรียวทั้งสองขึ้นไปด้วยท่อนแขนกำยำ เงยหน้ามองหน้าร่างบางที่ก้มลงมามองเช่นเดิมกัน

 

ก่อนที่ร่างบางจะพูดอะไรออกมา สองมือประคองใบหน้าหล่อไว้ แล้วก้มลงมากดจูบที่ปากหนักแผ่วเบา

 

“เข้ามาสิ...ทำจนกว่าจะหายเครียดเลยก็ได้ ทำจนกว่าพี่จะลืมเรื่องยุ่งๆ ทั้งหมดเลยก็ได้...” เอ่ยด้วยน้ำเสียงแสนยั่วยวน แยกขาเรียวออกกว้างรอต้อนรับร่างกำยำที่จะเข้ามาภายในร่างกายของตน

 

“ใครสอนให้ยั่วหนักขนาดนี้น่ะรัน...”

 

ร่างบางอมยิ้มแล้วส่ายหน้า “ใครสอนก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจนี่...หื้ม?”

 

ร่างหนาอมยิ้มและส่ายหน้าบ้าง จุ๊บเบาๆ ที่ปากอิ่มเพราะหมั่นเขี้ยว ก่อนจะกดส่วยปลายของแท่งเนื้อขนาดใหญ่ของตนเข้าไปภายในร่างกายอ่อนนุ่มที่คุ้นชินกับสัมผัสไปก่อนหน้านี้แล้ว

 

ร่างบางวาดแขนโอบรอบแผนหลังกว้างที่เริ่มมีเหงื่อผุดพรายของคนข้างบนไว้ เผลอจิกเล็บลงที่แผ่นหลังทุกๆ ครั้งที่แท่งเนื้อร้อนนั้นขยับเข้าออกภายในกายอุ่นของตน

 

สองแขนเรียวที่โอบรอบแผ่นหลังกว้างเมื่อครู่ ไล้ลงมาตามร่างกายสวยงามดุจราชสีห์นั้น จนกระทั่งหยุดลงที่ท่อนแขนกำยำมากไปด้วยกล้ามเนื้อเป็นมัดสวยงาม ลูบไล้ไปตามรอยสักแผ่วเบา พยายามหาสิ่งที่สายตาจะหยุดเอาไว้แค่สิ่งใดสิ่งหนึ่งเท่านั้น

 

รุ่นสิบไม่กล้าจับจ้องไปที่ใบหน้าแสนจะเซ็กซี่ยามที่อยู่บนเรือนร่างของตนของรุ่นแปด ไม่มีเลยสักครั้งที่กอดก่ายกันแบบนี้แล้วรุ่นสิบจะกล้าสบสายตาคู่นั่นหรืออยากจะได้ยินเสียงครางในลำคอที่ผสมออกมากับลมหายใจของรุ่นแปด ไม่มีเลย...

 

ร่างกำยำยังคงเคลื่อนไหวอยู่ข้างบนร่างบอบบางไม่หยุด หยาดหงื่อผุดพรายจนทั่วร่าง แท่งเนื้อร้อนที่เคลื่อนไหวเข้าออกเป็นจังหวะเร่งรีบยิ่งทำให้ร่างกายบอบบางนั้นแทบหลอมละลาย ดั่งแท่งเหล็กถูกเผาด้วยไฟแรงกล้า

 

ความสุขพรั่งพรูเข้ามาจนร่างกายแทบระเบิด ร่างบางขยับสะโพกมนรับกับจังหวะแสนวาบหวามด้านบน ครวญครางออกมาเป็นชื่อของร่างหนาไม่หยุด

 

เล็บยาวสีสดกดจมลงไปกับผิวหนังของร่างหนาจนเกิดเป็นแผลเล็กๆ ขึ้นมาหลายแห่ง

 

“อ่ะ...อื้อ...อื้ม...อ๊ะ..” เสียงครางดังระงมห้องทำงานไปหมด ดังแข่งกับเครื่องปรับอากาศที่แม้จะทำงานดีสักเพียงใดแต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ไฟราคะของทั้งสองคนมอดลงได้ง่ายๆ

 

“อีกไหมรัน...ชอบหรือเปล่า...”

 

ร่างบางพยักหน้าระรัว พยายามเม้มปากแน่นเพื่อสกัดกั้นเสียงของตนเอาไว้ หยาดน้ำตาแห่งความสุขไหลรินลงที่หางตาจนร่างหนาต้องก้มลงจูบซับน้ำตาให้ ก่อนจะจบลงที่กดจูบที่ปากอิ่มนั้นหนักหน่วง เร่งจังหวะร่างกายตัวเองให้เร็วขึ้นไปอีก ร่างบางส่งเสียงร้องออกมาทั้งที่ปากอิ่มยังคงถูกปิดสนิท ก่อนจะเบือนหน้านี้รสจูบนั้นเสีย

 

“พี่จุน...พอแล้ว...พอก่อน...รัน...อื้อ..อื้อ...หายใจไม่ทัน....”

 

“หื้ม...” ร่างหนาหยุดตามที่ร่างบางขอร้องเมื่อครู่ ก้มลงมองใบหน้าสวยที่ตอนนี้หงิกงอไปแล้วเรียบร้อย

 

“ยังจะมา...หื้ม...” มือเรียวที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงอยู่แล้ว ยังพยายามฟาดไปที่ไหล่ของร่างหนาเป็นการลงโทษแล้วมันก็ติดแหมะอยู่ตรงนั้น เจ้าของไหล่จึงคว้าเอามือเรียวนั้นมากุมไว้แล้วกดจูบลงไป

 

ร่างบางหน้าแดงยิ่งกว่าถูกกอดอยู่ตอนนี้เสียอีก เบือนหน้าหนีเสียเลย ความรู้สึกตอนนี้คืออยากจะดันคนตัวโตๆ นี่น่ะออกไปจากร่างกายตัวเองเสีย แต่มันก็คงไร้ประโยชน์ ยอมรับว่าตอนนี้ฮยอนซึงแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงหลงเหลืออยู่เลย ขาเรียวที่ต้องบังคับให้มันอ้ากว้างอยู่แทบจะตลอดเวลาสั่นเทาไม่หยุด นี่แค่นอนเฉยๆ นะ ก็ยังไม่เหลือเรี่ยวแรงได้ขนาดนี้

 

แต่กับอีกคนที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลากลับทำหน้าสบายๆ แล้วยังมาทำหน้ายียวนกวนประสาทใส่อีก ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยบ้างหรือไง

 

“พี่ชอบจัง...เวลาที่รันเขินแบบนี้”

 

“ก็เพราะใครล่ะ!”

 

“ก็เพราะ “ใคร” เนี่ยแหละ....” อีกครั้งที่ร่างหนายิ้มยียวนให้ และเริ่มเคลื่อนไหวร่างกายต่อ

 

ถ้าหากว่าความรักครั้งนี้ จะดีได้แค่เฉพาะเวลาที่กอดก่ายกันอยู่แบบนี้ มันก็ยังดีกว่าที่บึ้งตึงและไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาเลยไม่ว่าจะเวลาใดก็ตาม และไม่ว่าความรักครั้งนี้จะจบลงอย่างไร จุนฮยองก็พร้อมที่จะรับผลของมัน บาปใดที่ได้กระทำกับคนที่เป็นดั่งดวงใจคนนี้ ถ้าสักวันหนึ่งกรรมนั้นจะตามทัน ก็ไม่เป็นไร

 

แต่ตอนนี้ตอนที่ยังวิ่งหนีกรรมนั้นได้ ก็อยากจะทำเรื่องที่ดีที่สุดให้คนๆ นี้

 

ให้เขารู้ว่า

 

คนเลวๆ คนนี้ ที่ชีวิตนี้อาจจะหาดีไม่ได้แล้ว อย่างน้อยๆ ก็ยังได้ทำอะไรดีๆ ให้กับคนที่รัก

 

 

 

“รัน....” ร่างหนาเรียกคนที่หนุนอกตัวเองต่างหมอนอยู่ขึ้น 

 

“ว่าไง...” ขานรับและมือเรียวนั้นก็เกลี่ยอกกว้างเล่นไปด้วย พลางเงยหน้าขึ้นไปหา

 

ร่างหนาก้มลงมาแล้วกดจูบปากอิ่มเพียงแผ่วเบาเท่านั้น แล้วเลื่อนมาจูบที่หน้าผากบ้าง วาดแขนแกร่งโอบกระชับร่างบอบบางที่ยังคงเปลื่อยเปล่าไว้แน่น

 

“.................”

 

“เรียกแล้วก็ไม่ยอมพูด มีอะไรรึเปล่า”

 

“ช่างมันเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว” ร่างหนาตัดบทแค่นั้นแล้วทำเหมือนจะหลับตานอน แต่อีกคนกลับไม่ยอม ร่างบางพลิกตัวนอนคว่ำ แล้วจับหน้าร่างหนาส่ายไปมา

 

“จุนมีเรื่องจะพูด รันรู้!”

 

“ตอนแรกก็มี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วไง” ยกมือทับมือเล็กที่แก้มตัวเองไว้ แล้วงับจมูกเล็กนั่นเบาๆ ร่างบางหน้าคว่ำทันทีที่ถูกลวนลามอีกแล้ว

 

“ไม่มีหรือไม่อยากพูด”

 

“อยากรู้ล่ะสิ”

 

“ก็ใช่น่ะสิ!”

 

“ถ้าบอกแล้วจะว่าอะไรไหม”

 

“ทำไมต้องว่าอะไรด้วยล่ะ”

 

“ไม่รู้สิ ก็เห็นพี่พูดอะไรไป รันก็บอกไม่เข้าหูทุกที”

 

...ที่มันไม่เคยเข้าหู เพราะมันผ่านหูมาที่ใจหมดเลยต่างหากล่ะ...

 

ร่างบางแอบค่อนขอดร่างหนาในใจ แล้วจะดึงมือตัวเองกลับ แต่ร่างหนากลับไม่ยอม รวบมือนั้นไว้แล้วดึงมาจูบหนักๆ 

 

“ทำเหมือนจะลาไปตายงั้นแหละ มีอะไรก็รีบๆ พูดมาสิ เหนื่อย เพลีย ง่วง อยากจะนอน!”

 

“....รัก” แล้วร่างหนาก็ตัดสินใจพูดออกมา ทั้งที่คิดอยู่นานว่าพอพูดออกมาแล้วจะถูกต่อว่าอะไรหรือเปล่า จะถูกตีหน้าเบื่อใส่หรือไม่

 

“ก็แค่เนี้ย!” เหมือนไม่สนใจสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็แอบลอบยิ้มกับตัวเอง รู้สึกเหมือนแก้มตัวเองจะแตกเสียให้ได้ ก็เลยตัดสินใจพลิกตัวนอนตะแคงเพื่อหนีสายของร่างหนาให้พ้นๆ

 

“นี่ไม่ซึ้งเหรอ” ร่างหนาขยับเข้ามาใกล้ นอนตะแคงข้างเดียวกัน แขนแกร่งพาดเอวบางไว้แล้วดึงร่างเล็กๆ เข้ามาแนบชิดกับตนให้มากขึ้น

 

“ก็แค่คำว่ารักมันจะซึ้งตรงไหน”

 

“แล้วคำไหนล่ะมันถึงจะซึ้งน่ะ”

 

ร่างบางเงียบแล้วตะแคงมาหาร่างหนา เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อที่มีสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด เห็นอย่างนั้นก็หลุดขำออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

 

“ขำไหนถึงจะซึ้งเหรอ ถ้านอกจากคำว่ารักแล้วก็มีคำนึงนะที่ซึ้งกว่าน่ะ” ร่างบางสอดแขนเข้าไปคล้องคอคนตรงหน้าไว้ ยืดหน้าเข้าไปใกล้ ปากอิ่มค่อยๆ ขยับขึ้นลงเป็นคำสั้นเพื่อให้ร่างหนาได้พูดใหม่

 

“....รักรัน....ไหนพูดสิ...”

 

ร่างหนานิ่งไปสักพัก ก่อนจะรวบเอวบางไว้ด้วยลำแขนทั้งสอง ดึงเข้าหาตัวเองจนแทบจะเป็นร่างเดียวกัน จับจ้องไปที่ดวงตาคู่สวยที่เปล่งประกายเจิดจรัสแม้อับแสง

 

“รักรัน....” พูดคำสั้นๆ ออกมา แล้วก็ห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำอะไรมากไปกว่าแค่จูบร่างบอบบางนี้ไม่ไหว ถ้าวันนี้จะต้องสว่างคาตาจริงๆ มันก็เป็นความผิดของรันจังทั้งหมดนะ

 

 

...รักจุน...

 

อยากจะพูดให้ได้ยินเหลือเกิน

 

แต่หน้าที่ มันยิ่งใหญ่กว่าหัวใจเสมอ เพราะฉะนั้น...จุนจะไม่มีวันได้ยินมัน ถึงจะกล้าพูดคำนั้นออกมา ก็คงเป็นวันที่จุนตายไปแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา