Fic B2ST Big Mama [JunSeung ft.Lee Joon] [Rate 20]

10.0

เขียนโดย เช้าตรู่

วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.44 น.

  20 chapter
  5 วิจารณ์
  40.15K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 11.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) Big Mama Chapter 12

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 Chapter 12

 

“นายแม่ครับ! ห้ามออกไปข้างนอกเพียงลำพังนะครับ พี่แทคยอนก็ไม่อยู่ นายท่านก็ติดธุระสำคัญ เพราะฉะนั้นผมขอแนะนำว่าให้นายแม่อยู่บ้านจนกว่านายท่านและพี่แทคยอนจะกลับมาดีกว่าครับ” เสียงยามหน้าประตูคฤหาสน์หลังใหญ่เตือนขึ้นเมื่อเห็นรถสปอร์ตสุดหรูสีขาวหากแต่ติดฟิล์มกันแดดจนมืดทึบไปทั้งคันแล่นมาถึงหน้าประตูบ้าน คนในรถเลื่อนกระจกลง ดวงหน้าที่ถูกปิดกั้นไว้ด้วยแว่นกันแดดราคาแพงหันมามองคนพูดเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองถนนเหมือนเดิม ไม่นานกระจกก็ปิดขึ้นเหมือนเดิม และรถก็แล่นออกไปด้วยความเร็ว

 

“โธ่...นายแม่...รู้ตัวมั้ยครับว่ากำลังทำให้ผมหัวขาดน่ะ ถ้านายท่านกลับมาแล้วไม่เจอนายแม่อยู่บ้านล่ะก็ ผมเละแน่ๆ” ยามหน้ารั้วแทบจะหลุดร้องไห้ออกมา เมื่อเจ้านายอีกคนไม่ฟังสิ่งที่ตัวเองพูดเลยสักนิด ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกคนเดียวแบบนั้นแล้วถ้าเกิดว่าเกิดอะไรขึ้นมา แล้วจะทำยังไง

 

“ปล่อยไปเถอะน่า นายแม่น่ะดูแลตัวเองได้” จู่ๆ เสียงใครก็ไม่รู้ดังขึ้นจากที่สูง ยามเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นว่าเป็นคุณหนูเล็กของตระกูลนั่นเอง

 

โยซอบจำเป็นต้องกลับมาที่บ้านเพราะไม่อยากให้ดูจุนเดือดร้อน ถ้ายังอยู่ด้วยกันแบบนั้น นอกจากงานจะไม่ถึงไหนด้วยแล้ว ดูจุนจะเป็นฝ่ายถูกรุ่นเก้าเด็ดหัวเสียเอง

 

รู้ว่าเป็นงานแต่ใครๆก็รู้ว่าโยซอบฆ่าดูจุนไม่ได้หรอก พี่รองก็รู้ดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมอบหมายงานนี้ให้ ไม่รู้ว่าสนุกหรือว่าอะไรกันแน่ ถึงได้เล่นกับความรู้สึกของน้องแบบนี้

 

...บางทีพี่รองก็เลือดเย็นเกินไป...

 

“คุณหนูเล็กกลับบ้านแล้วเหรอครับ”

 

“ก็กลับแล้วน่ะสิ ฉันทำงานพลาดน่ะ ก็เลยกลับมาตั้งหลักก่อน” ร่างเล็กตอบคำถามนั้นพร้อมรอยยิ้มเจือจางก่อนจะกระโดดลงจากกำแพง

 

“ประตูมีให้เข้าดีๆ คราวหลังคุณหนูเล็กหัดเข้าทางประตูด้วยนะครับ”

 

“ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่ากลับบ้านน่ะ” ร่างเล็กปัดเศษฝุ่นที่ก้นสองสามครั้ง ก่อนจะเดินตัดสวนหน้าบ้านที่ประดับประดาไปด้วยต้นบอนไทรหลายต่อหลายต้น รวมไปถึงต้นไม้เก่าแก่ของญี่ปุ่นอีกหลายพันธุ์ 

 

 

 

 

ร่างบางจอดรถที่หน้าห้างดังแล้วโยนกุญแจรถให้พนักงานเอารถไปจอดที่ลานจอดรถให้ ส่วนตัวเองก็เดินนวยนาดเข้าห้างไปด้วยท่าทางมีความสุข นานแค่ไหนแล้วที่ฮยอนซึงไม่ได้มาเดินเที่ยวเล่นแบบนี้ ก็ตั้งแต่ที่รับตำแหน่งรุ่นสิบนั่นแหละ เวลาส่วนตัวของฮยอนซึงก็หายไปหมด ทุกๆ วันต้องคอยดูแลธุรกิจและลูกน้องหลายร้อยชีวิต

 

หนีออกมาเที่ยวทั้งๆ ที่รุ่นแปดย้ำหนักหนาว่าถ้าหากไม่มีใครอยู่คอยดูแลก็ห้ามออกไปไหน ฮยอนซึงไม่เคยเข้าใจเลยจนกระทั่งตอนนี้ว่าทำไมจะต้องดูแลกันดีขนาดนี้ ทั้งที่จริงๆ ก็ตั้งใจจะฆ่ากันให้ตายอยู่แล้ว ทั้งที่จริงๆ ก็ตั้งใจอยากจะได้ทุกอย่างของตระกูลจางอยู่แล้ว

 

ห่วงมากมายขนาดนี้ก็แค่อยากจะให้ตายใจและใจอ่อน...แค่นั้นใช่มั้ย

 

ร่างบางเดินคิดมาเรื่อยๆ ทั้งที่จริงๆ ตั้งใจอยากจะมาคลายเครียดแต่ก็เอาแต่คิดเรื่องของคนใจร้ายคนนั้น จนแทบจะไม่ได้สนใจบรรดาร้านแบรนด์ดังที่เดินผ่านเลยสักร้าน

 

“จู่ๆ ก็บ้าทำเรื่องโรแมนติกให้...ทำงานมากจนเพี้ยนสินะ” ร่างบางบ่นขึ้นเพียงแผ่วเบา เมื่อคิดถึงเรื่องที่เพิ่งประสบมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา

 

 

ทันทีที่ก้าวออกจากห้องส่วนตัว ร่างบางก็ต้องหันกลับไปมองที่ประตูอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่า ที่เห็นผ่านตาเมื่อสักครู่นั้นตัวเองไม่ได้ตาฝาดไปแน่ๆ

 

เมื่อหันไปมองที่ประตู สีหน้าประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นชัดเจน เดินเข้าไปใกล้ประตูห้องอีกเพียงนิด มือเรียวเอื้อมไปหยิบเอากุหลาบสีแดงสดที่ติดอยู่ที่ประตูออกมา ยกขึ้นดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ ก่อนจะสังเกตเห็นการ์ดใบเล็กมากๆ ที่ผูกติดอยู่กับก้านหลาบด้วย ร่างบางหยิบขึ้นมาอ่านก็ต้องยิ้มกว้างอย่างไม่อาจห้ามได้

 

“อรุณสวัสดิ์...รันจัง...”

 

เป็นแค่ประโยคสั้นๆ แต่มันก็ทำให้ร่างบางยิ้มไปแล้วกับสิ่งเล็กๆ นั้น

 

ไม่ต้องคิดให้ยากว่าใครเป็นคนให้ดอกกุหลาบแสนสวยนี้มา เพราะมีแค่คนเดียวที่เรียกฮยอนซึงว่า “รันจัง”

 

...พี่จุน....

 

“อะไรของเขาน่ะ” ไม่รู้จะพูดอะไรไปมากกว่านี้แล้ว เพราะความดีใจในเรื่องที่ตัวเองไม่ควรจะดีใจด้วยซ้ำ และแล้วร่างบางก็สามารถสลัดความดีใจนั่นทิ้งไปได้ในที่สุด แล้วค่อยเดินลงไปชั้นล่าง แม่บ้านรออยู่ก่อนแล้วที่บันไดขั้นแรก ร่างบางยื่นกุหลาบสีสวยนั้นให้แม่บ้าน

 

“ฝากใส่แจกันใบสวยๆ แล้วก็เอาไปตั้งไว้ที่โต๊ะหน้ากระจกให้ด้วยนะ” สั่งสั้นๆ เพียงเท่านั้น ก็เดินเลยไปหยิบเอากุญแจรถมาโยนเล่นสองสามครั้ง ก่อนจะเดินออกไปยังโรงรถของบ้าน

 

“ออกไปเดินเล่นซักหน่อยดีกว่า เบื่อจะอยู่บ้านแล้ว”

 

 

 

ร่างบางคิดอะไรเพลินจนไม่ได้สังเกตรอบข้างหรือด้านหน้าเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าจะมีชายสองคนจับตามองร่างบางอยู่นานแล้ว แต่เจ้าของร่างบอบบางนั้นก็ไม่ได้เอะใจหรือระวังตัวอะไรเลยแม้แต่น้อย เพราะไม่คิดว่าจะมีใครกล้าต่อกรกับตนได้

 

แต่แล้วจู่ๆ เพราะความไม่ระวังหรือไม่รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจก็ไม่รู้ ทำให้ร่างบอบบางนั้นปะทะเข้ากับอกแกร่งเข้าเต็มๆ และในทันทีเอวบางก็ถูกรวบเอาไว้ได้ทันก่อนที่ร่างบอบบางนั้นนะล้มลงกับพื้น ร่างบางรีบแกะแขนแกร่งนั้นออกจากเอวของตน

 

“มิสเตอร์แอนดรูว์!”

 

“นึกว่าฮยอนซึงจะจำผมไม่ได้เสียอีก เป็นเกียรติมากครับที่นายแม่คนสวยจำผมได้” ชายหนุ่มที่พูดภาษาญี่ปุ่นไม่คล่องนักพูดพร้อมรอยยิ้มและโค้งเล็กน้อยให้ร่างเล็กบอบบางตรงหน้า

 

“ขอโทษด้วยที่เดินไม่ระวัง” ร่างบางแทบจะไม่ได้สนใจท่าทางนอบน้อมหรือประโยคทักทายด้วยภาษาญี่ปุ่นแปร่งๆ ของชายหนุ่มตรงหน้าเลยสักนิด ยังคงจำได้ดีถึงสิ่งที่จุนฮยองเตือน ถึงไม่อยากจะเชื่อฟังเท่าไหร่ หากแต่มีบางสิ่งที่คอยบอกฮยอนซึงอยู่เสมอว่าผู้ชายคนนี้ไว้ใจไม่ได้เลยสักนิด

 

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรเลย นายแม่ต่างหากล่ะครับ...เป็นอะไรรึเปล่า” ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมรอยยิ้มที่เผยให้เห็นลักยิ้มที่บุ๋มลงข้างแก้มทั้งสองอย่างน่ามอง ไถ่ถามด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยความห่วงใย แต่ทว่าแววตากลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น

 

“ฉันจำเป็นต้องพูดเรื่องนี้จริงๆ จังๆ สักหน่อยแล้วนะมิสเตอร์แอนดรูว์ สรรพนาม “นายแม่” ฉันจำกัดเอาไว้เพียงแค่คนของตระกูลจางและตระกูลยงเท่านั้น ฉันไม่อยากให้ใครเรียกสรรพนามนี้พร่ำเพรื่อ เพราะฉันเป็นนายแม่เฉพาะกับคนของสองตระกูลเท่านั้น สำหรับคนอื่นอยากให้เรียกสรรพนามที่ต่างจากนี้ ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไปก็อยากจะได้เรียกฉันด้วยชื่อของฉัน...และฉันคิดว่ามิสเตอร์แอนดรูว์คงจะทราบชื่อฉันแล้ว” ร่างบางพูดเสียยืดยาว แม้จะตัวเล็กกว่าอยู่มาก แต่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็รับรู้ได้ดีว่าร่างบางไม่ได้รู้สึกกลัวตัวเองเลยสักนิดเดียว

 

“ถ้าอย่างนั้น...ผมขอเรียกคุณว่ารัน...ได้ไหม?” ชายหนุ่มโน้มลงมาถามใกล้ใบหน้าสวยนั่น จนร่างบางต้องถอยออกหากไปอีก

 

“ไม่ได้!”

 

“ทำไมล่ะครับ เรียกง่ายว่าฮยอนซึงด้วยซ้ำนะ”

 

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้!”

 

“ที่ไม่ได้ เพราะชื่อนี้จุนซังเป็นคนตั้งให้สินะ” ชายหนุ่มยกยิ้มให้ก่อนจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูงของตัวเองอีกครั้ง

 

“จะด้วยเหตุผลอะไรมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ!” ร่างบางเชิดหน้าให้ ก่อนที่จะเดินเลี่ยงออกไป หากแต่ก็ถูกลูกน้องของแอนดรูว์สามถึงสี่คนดักหน้าเอาไว้ก่อน

 

“ถ้าพวกมึงไม่อยากตายล่ะก็ ถอยออกไปห่างๆ กู” ร่างบางเอ่ยเสียงเรียบ ใบหน้าสวยก็เรียบเฉยไปด้วย ไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวลูกน้องของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเลยสักนิด

 

“ตัวแค่นี้....ยังไงก็สู้คนของผมไม่ได้หรอกครับฮยอนซึง ยอมแต่โดยดีจะดีกว่าน่า” แอนดรูว์ที่เข้ามาประชิดตัวเมื่อไหร่ไม่รู้ เอ่ยเสียงราบเรียบข้างใบหูของร่างบาง เจ้าตัวหันมาหมายจะเอาเรื่องแต่แล้วก็รู้สึกได้ว่า มีบางสิ่งเย็นเยียบจ่ออยู่ที่ลำตัวของตัวเอง

 

ร่างบางก้มลงมองสิ่งนั้นให้ชัดเต็มตา ถึงได้รู้ว่าสิ่งนั้นคือปืนสีดำสนิท และยิ่งไปกว่านั้นคือเจ้าของปืนขึ้นลำเอาไว้แล้ว ร่างบางยืนนิ่งเพื่อรวบรวมสติทั้งหมดที่มี จะได้รับมือกับผู้ชายร่างใหญ่ทั้งหมดที่รุมล้อมตัวเองได้

 

“ว่ายังไงล่ะครับ ต่อให้ฮยอนซึงฝีมือดีแค่ไหน แต่ก็คงล้มพวกผมไม่ได้ง่ายๆ และที่แน่ๆ ผมว่า...ฮยอนซึงคงล้มปืนกระบอกนี้ไม่ได้หรอกครับ” แอนดรูว์ยังคงพ่นประโยคที่ร่างบางไม่ได้อยากฟังเอาเสียเลยออกมาเรื่อยๆ

 

...ทำยังไงดี จะสู้กับคนพวกนี้ได้ยังไง ดูแล้วไม่ว่ายังไงเราก็คงเอาชนะพวกมันไม่ได้แน่ๆ เพราะความดื้อของตัวเองแท้ๆ เลย จาง ฮยอนซึง...

 

ร่างบางร่ำร้องอยู่ในใจ ไม่เคยเลยสักครั้งที่ฮยอนซึงจะหาทางออกหรือว่าทางหนีทีไล่ไม่ได้ แต่ครั้งนี้ยอมรับว่ามืดหมดทั้งแปดด้านจริงๆ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้พี่จุนอยู่ด้วย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะได้พี่จุนมาช่วย...

 

...ได้โปรด...พี่จุน หนีงานมาช่วยก่อนจะได้ไหม...

 

แม้จะรู้ว่าร่ำร้องเรียกหาอีกคนเพียงใด แต่ยง จุนฮยอง ก็ไม่มีทางมาช่วย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กดื้อคนนี้หนีออกมาเที่ยวเล่นทั้งที่เขาสั่งห้ามแล้ว

 

ดื้อแบบนี้...ก็สมควรแล้วล่ะ

 

“เฮ้ย! พวกมึงทำอะไรกันน่ะ คิดจะรังแกคนไม่มีทางสู้เหรอ!” ในขณะที่ร่างบางกำลังจนปัญญาที่จะหนีเอาตัวรอดจากสถานการณ์ตรงหน้า ก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน ทั้งหมดหันไปตามเสียงรวมทั้งร่างบางด้วย

 

“นายแม่! วิ่งเร็วครับ!” ร่างบางยังไม่ทันจะได้พูดอะไรออกมา เจ้าของเสียงก็สั่งให้วิ่งเสียก่อน ร่างบางทำตามแทบจะในทันที พร้อมกันนั้นเจ้าของเสียงก็วิ่งวนไปอีกทางเพื่อหลอกล่อคนพวกนั้นให้หลงทิศ

 

ชายหนุ่มทั้งห้าคนแยกกันวิ่งประกบทั้งสองคนเอาไว้ไม่ให้หนีรอดไปได้ ร่างบางวิ่งวนออกมาทางด้านหลังห่าง โดยที่มีแอนดรูว์และคนสนิทของเขาที่ร่างบางจำชื่อไม่ค่อยได้ ไม่แน่ใจว่าชื่อมาคัสหรือเปล่า วิ่งตามมาติดๆ

 

พอวิ่งพ้นห้างดังออกมาแล้ว ร่างบางก็วิ่งเข้าไปยังซอกตึกเล็กๆ และหลบพักหายใจที่หลังถังขยะขนาดใหญ่ ยืนหอบหายใจอยู่ไม่นาน ปากอิ่มก็ถูกปิดสนิทด้วยมือใหญ่ และเอวเล็กคอดก็ถูกรวบเอาไว้แน่น ร่างบางพยายามดิ้นขัดขืนเพราะคิดว่าเป็นผู้ชายกลุ่มนั้น

 

“นายแม่ครับ...ผมเอง...อีจุนไงครับ” เมื่อบอกชื่อตัวเองเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงก็ปล่อยมือจากปากอิ่ม ละแขนแกร่งจากเอวเล็กทันที

 

ร่างบางรีบหันไปหาเจ้าของชื่อเมื่อครู่ และโผกอดไว้แน่น

 

“นึกว่าจะแย่ซะแล้ว ขอบใจนะอีจุน ขอบใจมาก...” เสียงเล็กๆ ดังผ่านอกกว้างที่หัวใจเต้นจนแทบนับจังหวะไม่ได้ออกมา

 

“เราไม่มีเวลามากนักนะครับนายแม่ ตอนนี้แอนดรูว์กำลังตามไล่ล่าเราอยู่ เราต้องหนีก่อน” พูดจบอีจุนก็พาร่างบางออกวิ่งอีกครั้ง ตรงไปยังรถของตัวเอง ยัดร่างบางเข้าไปที่เบาะหลัง ทิ้งปืนให้สองกระบอก ส่วนตัวเองมานั่งประจำที่คนขับ เพียงไม่นานรถคันงามก็วิ่งออกจากบริเวณนั้นทันที

 

“อีจุน มีรถตามมาสามคัน ทำไงดี!” ร่างบางที่อยู่เบาะหลังพลิกตัวกลับมาถามหลังจากสังเกตการณ์อยู่สักพักให้แน่ใจว่ารถสีสดำสนิทแถมยังติดฟิล์มดำรอบคันสามคันนั้นตามตัวเองมาจริงๆ

 

“ทำไงดีอีจุน!” ร่างบางถามอีกครั้ง

 

“รอให้พวกมันโผล่หัวออกมาจากรถก่อนครับ ให้แน่ใจว่าเป็นรถพวกมันจริงๆ แล้วค่อยจัดการมัน” อีจุนตอบกลับอย่างรวดเร็ว และเพียงไม่ถึงเสี้ยววินาที รถคันงามก็ถูกกระสุนปะทะเข้าอย่างจัง ตอนนี้ไม่ต้องรออะไรแล้ว ร่างบางกดกระจกลงจนสุด แล้วยิงสวนกลับไปทันที

 

“นายแม่ รถมันกันกระสุนครับ!”

 

“ฉันรู้แล้ว!” ร่างบางมุดกลับมาที่เบาะหลังเหมือนเดิม ตั้งหลักใหม่อีกครั้ง ก่อนจะกลับออกไป และเล็งไปที่ล้อรถของพวกนั้น

 

ร่างบางยิงออกไปอีกไม่กี่นัด แต่ก็พลาด อีจุนลดความเร็วลงอีกนิด เพื่อให้รถคันที่ตามมาด้วยความเร็วสูงนั้นตามตนเองทัน ร่างบางเห็นสบโอกาส เล็งไปที่ล้อรถทั้งสองล้ออีกครั้ง และคราวนี้ก็ไม่พลาด กระสุนเจาะเข้าที่ล้อรถทั้งสองล้อ และร่างบางก็เปลี่ยนเป้าหมายไปที่รถอีกคน ยิงเจาะเข้าที่ล้อของรถคันนั้น รถทั้งสองคนเสียหลักจนพุ่งชนกันเองและตกลงที่คลองข้างทาง เหลืออีกคันที่ตามมาติดๆ

 

“เดี๋ยวคันนี้ผมจัดการเองครับนายแม่!” อีจุนกดกระจกลงและกระหน่ำยิงที่ล้อหน้ารวมทั้งแผงหน้าทั้งหมดของรถคันนั้น จนกระทั่งเสียงหลักและพุ่งชนกับรถคันอื่นในที่สุด

 

 

“เราจะทำยังไงต่อไปดีล่ะอีจุน พวกมันตามเราไม่เลิกแน่” ร่างบางพูดขึ้นหลังจากปีนมาที่เบาะหน้าเรียบร้อยแล้ว

 

“ตอนนี้ผมคิดได้วิธีเดียวคือ เราต้องหนีก่อนครับ แล้วค่อยหาทางคิดต่อรุ่นแปดอีกครั้ง เพราะตอนนี้เรายังใช้เครื่องมือสื่อสารอะไรไม่ได้แน่ๆ แอนดรูว์ต้องคอยจับสัญญาณเราอยู่”

 

“แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณอีจุนมากเลยนะ ว่าแต่ไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ย” ร่างบางถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง พลางมองสำรวจคนที่ทำหน้าที่ขับรถไปด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าบอร์ดี้การ์ดของตัวเองไม่เป็นอะไร

 

 “ถ้าแค่นี้ยังพลาดให้พวกมันยิงได้ ผมก็ไม่สมควรจะเป็นบอร์ดี้การ์ดของนายแม่หรอกครับ” อีจุนหันมายิ้มให้ ถือวิสาสะเอื้อมมือไปกุมมือเล็กและบีบมันเพียงเบาๆ เพื่อบอกผ่านภาษากายกับอีกคนว่าตนไม่ได้เป็นอะไร

 

ร่างบางหันไปยิ้มเล็กน้อยให้ อีกครั้งที่อีจุนยิ้มตอบกลับมาและหันไปสนใจกับถนนเบื้องหน้าต่อ

 

“ว่าแต่เราจะไปไหนกันเหรอ”

 

“นางาซากิครับ” อีจุนตอบสั้นๆ เพียงเท่านั้น

 

“ไปทำไมตั้งนางาซากิน่ะ!”

 

“กลับไปตั้งหลักที่บ้านผมก่อนครับ”

 

“ตั้งหลักที่ไหนก็ได้นี่ ใกล้ๆ แค่โอซาก้าก็ได้”

 

“ถ้าแถวๆ นี้ ยังไงไอ้แอนดรูว์มันก็ตามเจอครับ เราต้องแน่ใจว่าพวกมันจะตามไม่เจอ และรอให้มันชะล่าใจก่อน แล้วเราค่อยตามพวกเรามาช่วย”

 

“แต่มันไกลมากเลยนะอีจุน อีกอย่างบ้านหลังนั้นอีจุนไม่ได้อยู่มานานแล้วนี่”

 

“กลับไปปัดกวาดนิดหน่อยก็อยู่ได้แล้วครับ”

 

 

 

 

หลายชั่วโมงต่อมา อีจุนเลี้ยวรถเข้าบ้านหลังเล็กๆ แถวๆ ชานเมืองนางาซากิ บ้านทรงญี่ปุ่นแท้ รอบตัวบ้านรกนิดหน่อย เพราะขาดคนดูแล หญ้าขึ้นรกทึบ แต่แบบนี้อีจุนกลับเห็นเรื่องดี เพราะอย่างน้อยๆ ก็อาศัยเป็นที่กบดานได้โดยที่ไม่มีใครสงสัย

 

หลังคาบ้านปลูกหญ้าเขียวชอุ่มเอาไว้ เพื่อป้องกันการมองเห็นหลังคาบ้านจากมุมสูง

 

ร่างบางที่นั่งเป็นเพื่อนมาตลอดทาง มองไปรอบๆ อย่างไม่ค่อยไว้วางใจอะไรเท่าไหร่นัก ก่อนจะก้าวลงจากรถช้าๆ

 

อีจุนที่ลงจากรถก่อน เดินมายืนรอข้างๆ ตัวรถ ยื่นมือออกไปข้างหน้าให้อีกคนจับ

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ที่นี่ปลอดภัย” พูดจบอีจุนก็พาเดินเข้าบ้านไป

 

ร่างบางหยุดยืนที่กลางบ้านและมองไปรอบๆ บ้านที่เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น ถูกผ้าขาวคลุมเอาไว้เพื่อกันฝุ่น

 

“นึกว่าไม่อยู่บ้านแล้วของจะหายไปหมดซะอีก” เจ้าของบ้านพูดขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ

 

“เดี๋ยวนายแม่นั่งรอตรงนี้ก่อนนะครับ ผมเข้าไปจัดการน้องน้ำกับห้องนอนให้ก่อน” พูดจบอีจุนก็ดึงผ้าขาวออกจากโซฟาตัวใหญ่เพื่อให้ร่างบางนั่งพัก

 

“ไม่เป็นไรอีจุน เดี๋ยวฉันไปด้วยดีกว่า จะได้ช่วยๆ กัน อีจุนขับรถเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

 

“ไม่ดีหรอกครับนายแม่ นายแม่เป็นเจ้านายนะครับ”

 

“ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่บ้านตระกูลจางสักหน่อย ก็ไม่ใช่เจ้านายกับลูกน้องแล้ว ตอนนี้เราคือสองผู้ถูกไล่ล่า เพราะฉะนั้นจะต้องช่วยเหลือกันและกันสิ ใช่ไหม” ว่าแล้วคนตัวเล็กที่ไม่รู้ที่ทางในบ้านก็เดินสำรวจบ้านไปทั่ว อีจุนมองตามร่างบอบบางนั้นด้วยความเป็นห่วง

 

“อยู่ที่นี่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยนี่นา” บ่นตามหลังก่อนจะเดินไปดูห้องน้ำ สำรวจดูว่าน้ำยังไหลดีอยู่หรือเปล่า ไม่ได้เปิดนานแล้วกลัวว่าสนิมจะเกาะที่ก๊อก

 

อีจุนเปิดน้ำทิ้งไว้ เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำสะอาดแล้วจริงๆ แล้วจัดการขัดอ่างอาบน้ำ เสร็จแล้วถึงได้ขัดพื้นห้องน้ำต่อ เช็ดทำความสะอาดฝักบัวและเปิดน้ำจากฝักบัวทิ้งเอาไว้

 

หลังจากจัดการห้องน้ำเสร็จ ก็เดินไปจัดการห้องนอน รื้อเอาผ้าปูที่นอนที่ห่อใส่ถุงพลาสติกเอาไว้อย่างดี ออกมาจัดการปูที่นอนให้ใหม่ รื้อเอาเครื่องนอนมาจัดไว้ให้เรียบร้อยบนที่นอน แล้วค่อยเปิดตู้เสื้อผ้าดูว่า ยังพอมีเสื้อผ้าเหลือให้พอใส่นอนวันนี้ไหม ถ้าไม่มีก็จะได้ออกไปซื้อใกล้ๆ แถมนี้มาให้เจ้านายใส่ก่อน

 

โชคยังดีที่อีจุนห่อเสื้อผ้าใส่ถุงพลาสติกเอาไว้อย่างดี ก่อนจะทิ้งบ้านนี้เอาไว้แล้วเดินทางเข้าโตเกียวไปรับตำแหน่งบอร์ดี้การ์ดให้กับรุ่นสิบ

 

เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว อีจุนก็เดินออกมาจากด้านนอกของตัวบ้าน ก็เห็นว่าเจ้านายนั่งหย่อนขาเล่นอยู่ที่ชานบ้านด้วยท่าทางแสนน่ารัก

 

“นายแม่จะอาบน้ำเลยไหมครับ เดี๋ยวผมจะได้ไปเปิดน้ำไว้ให้”

 

“ก็ดีเหมือนกันนะ เหนียวตัวจะแย่แล้ว อีจุนอาบด้วยกันเลยไหม”

 

“.................”

 

“ว่าไงล่ะอีจุน ทำหน้าเหมือนเห็นผีไปได้ แค่ชวนอาบน้ำด้วยกันเอง”

 

...นายแม่อาจจะแค่ “อาบน้ำด้วยกันเอง” แต่ผมมันไม่เองด้วยเนี่ยสิครับ...

 

“เอ่อ...คือ...” ร่างสูงพูดอะไรไม่ออก จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองหน้าแดง ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นนายแม่เปลือย แต่ถ้าขนาดอาบน้ำด้วยกันขนาดนั้น เลือดกำเดาอีจุนคงไหลหมดตัวแน่ๆ

 

 

“อะไร...” ถามกลับกลั้วเสียงหัวเราะ เมื่อเห็นหน้าบอร์ดี้การ์ดสุดหล่อของตัวเอง

 

“นี่นายแม่แกล้งผมเหรอครับ”

 

“ไม่ได้แกล้ง ก็ชวนจริงๆ แต่ฉันรู้ว่าอีจุนไม่ยอมหรอก ไม่เอาล่ะ ไม่คุยด้วยละ ไปอาบน้ำดีกว่า” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำ พร้อมๆ กับเสียงหัวเราะที่ยังขำบอร์ดี้การ์ดของตัวเองไม่หยุด

 

อีจุนมองตามไป ก่อนจะเผลอยกมือขึ้นเกาท้ายทอยตัวเองแก้เขิน นี่โดนนายแม่แกล้งปั่นหัวอย่างนั้นเหรอเนี่ย

 

ในขณะที่ร่างบางเข้าไปอาบน้ำ อีจุนก็ใช้เวลาว่างช่วงนี้เดินดูความปลอดภัยรอบๆ บ้าน หลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีความเคลื่อนไหวใดใกล้ๆ ตัวบ้าน เจ้าตัวก็เดินกลับไปที่รถ ขนเอาข้าวของที่แวะซื้อก่อนหน้านี้เดินเข้าครัวไป เพื่อจะได้ทำอาหารเย็นให้กับเจ้านายที่กำลังเพลิดเพลินกับการอาบน้ำอยู่

 

“หอมจังเลย อีจุนทำอะไรกินน่ะ” เสียงใสเจื้อยแจ้วมาจากด้านหลัง ทำให้พ่อครัวหัวยุ่งที่กำลังยุ่งกับอาหารเย็นจำต้องหันมาตามเสียงเจื้อยแจ้วนั้น

 

“ไม่ยักรู้ว่าอีจุนทำข้าวห่อไข่เป็นด้วย” เงยหน้าขึ้นพูดด้วยเมื่อเห็นสิ่งอีจุนทำเกือบจะเสร็จแล้ว

 

“ส่วนของนายแม่เสร็จแล้วนะครับ ถ้าหิวทานก่อนเลยนะครับ ไม่ต้องรอผม”

 

“รอกินพร้อมกันดีกว่า เดี๋ยวถือไปนั่งกินหน้าทีวี เนอะๆ” ร่างบางยิ้มกว้างส่งให้ ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเล็กๆ เท้าคางกับโต๊ะมองอีจุนทำอาหารจากด้านหลัง

 

“นี่ถ้ารุ่นแปดใจดีได้ครึ่งนึงของอีจุนก็ดีสิเนอะ” จู่ๆ ร่างบางก็พูดอะไรที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่เข้าใจว่าเผลอพูดออกมาได้ยังไง อีจุนหยุดสิ่งที่กำลังทำลง อาจจะเป็นเพราะอาหารจานของตัวเองเสร็จพอดีก็เป็นได้ หันมาหาร่างบาง ลากเก้าอี้ออกห่างจากโต๊ะเล็กน้อยแล้วนั่งลงตรงข้ามร่างบาง

 

“บางทีรุ่นแปดอาจจะใจดีมากกว่าที่นายแม่คิดก็ได้นะครับ”

 

“ไม่หรอก...เพราะถ้าใจดี รุ่นแปดจะไม่ฆ่าท่านพ่อ”

 

อีจุนถอนหายใจออกมาเพียงแผ่วเบา เอื้อมมือไปกุมมือของร่างบางและบีบมันเบาๆ ไปด้วย “นายแม่ครับ เรื่องบางเรื่อง...ก็มีแค่ตัวเราและเวลาเท่านั้นนะครับ ที่จะพิสูจน์ได้”

 

ร่างบางเงยหน้าขึ้นสบตากับอีจุน หากแต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น ก่อนจะหลุบตาหลบสายตาของอีจุน

 

“เวลามันพิสูจน์ทุกอย่างแล้วอีจุน”

 

“ยังหรอกครับนายแม่...เวลาต่อจากนี้ต่างหากล่ะที่รอให้นายแม่และรุ่นแปดพิสูจน์อยู่ เชื่อผมนะครับ” อีจุนยิ้มและสูดหายใจเข้าเต็มปอด หยิบเอาจานข้าวห่อไข่ขึ้นมาไว้ในมือทั้งสองจาน

 

“เอาล่ะครับ...ทานข้าวได้แล้ว”

 

“จ้า....” ร่าบางขานรับเนือยๆ และแย่งเอาจานของตัวเองมาถือไว้เสียเอง ก่อนจะเดินตามอีจุนไปที่ห้องนั่งเล่นของบ้าน นั่งทานข้าวหน้าทีวีด้วยกันอย่างที่ร่างบางได้พูดเอาไว้

 

 

 

“นายท่านครับ ผมมีเรื่องจะสารภาพ” แทคยอนรีบรุดเข้าไปหาเจ้านายทันที ที่เจ้านายมาถึงบ้าน ใบหน้าของเจ้านายเต็มไปด้วยความโกรธ

 

“มึงไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นแทคยอน กูรู้แล้วว่ารันหายออกไปจากบ้าน และที่สำคัญไปกว่านั้นคือรันกำลังถูกไล่ล่า! มึงเป็นบอร์ดี้การ์ดประสาอะไรถึงปล่อยให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้!” ร่างหนาตวาดลั่นใส่หน้าแทคยอน ที่ละเลยต่อหน้าที่ของตนเอง เขาโกรธจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่

 

มันไม่มีอะไรแย่มากไปกว่าที่ฮยอนซึงหายตัวไปและยังไม่มีรู้ตอนนี้อยู่ที่ไหน ปลอดภัยดีหรือเปล่า ติดต่อไม่ได้หรือแม้แต่จะตามร่องรอยจากที่ที่เคยไปก็ยังทำไม่ได้

 

“ผมออกไปตรวจดูความเรียบร้อยที่บ้านตระกูลจางครับ และได้บอกนายแม่แล้วว่าอย่าเพิ่งออกไปไหน ถ้าหากผมยังไม่กลับมา แต่...” แทคยอนยังพูดไม่จบ ใบหน้าก็ต้องหันไปตามแรงกระแทกจากหมัดของร่างหนาเสียก่อน

 

“หน้าที่ดูแลตระกูลจางมันไม่ใช่หน้าที่ของมึง! มีงมีหน้าที่แค่ดูแลเมียกูให้ดีตอนที่กูไม่อยู่ หน้าที่มึงมีแค่นี้! สะเออะ! สะเออะทำให้สิ่งที่กูไม่ได้สั่ง แล้วเป็นไง! นี่ถ้าเมียกูเป็นอะไรไป กูฆ่ามึงแน่แทคยอน...” ประโยคสุดท้าย ร่างหนาพูดลอดไรฟันออกมาเท่านั้น ใบหน้าหล่อแดงก่ำด้วยความโมโห

 

แทคยอนทิ้งตัวคุกเข่าลงต่อหน้าเจ้าชีวิตของตนด้วยที่รู้สึกผิด

 

“นายท่านครับ ผมขอแก้ตัว ภายในสองวัน ผมจะพานายแม่กลับบ้านให้ได้...”

 

“ไม่ต้อง! คนของกู กูจะตามหาเอง!” ร่างหนาพูดทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้น ก็เร่งสั่งการลูกน้องคนอื่นๆ ให้รีบตามหาร่างบางให้เจอโดยเร็วที่สุด

 

“ส่วนมึง...จนกว่ากูจะตามหารันเจอ อย่าสะเออะเสนอหน้ามาให้กูเห็น เพราะไม่อย่างนั้น...เพราะไม่อย่างนั้น....”

 

“ครับนาย...” แทคยอนรีบรับปาก เพราะรู้ว่าประโยคหลังจากนั้นคืออะไร และรีบหลบออกจากบ้านไปทันที

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา