Blood Moon รัติกาลใหม่
8.8
2) จริงๆแล้ว...
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เคร้งๆ เสียงโลหะกระทบกันดังแว่วขึ้นในโสทประสาท ปลุกให้ร่างอันหลับใหลตื่นขึ้นมาหลังจากนิทราไปเนิ่นนาน แพขนตางอนค่อยๆปรือขึ้นอย่างแช่มช้าพร้อมกับร่างอ่อนล้าที่พยายามลุกขึ้น ในยามนี้ เพียงผ้าห่มบางๆก็ดูจะแสนหนักหนายิ่ง อาการเมื่อยล้าแล่นผ่านกล้ามเนื้อแทบทุกส่วนทำเอาร่างบางแทบจะหยุดพยายามที่จะลุกขึ้น
หลังจากกระพริบตาอยู่หลายต่อหลายครั้งเธอก็สามารถมองเห้นภาพตรงหน้าได้อย่างชัดเจน
ชายสองคนกำลังต่อสู้กันด้วยเพลงดาบอันงดงามอ่อนช้อนราวกับร่ายรำ หนึ่งในนั้นคือเด็กหนุ่มผมสีทองอร่ามซึ่งเธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี ส่วนอีกคนหนึ่งเธอรู้สึกไม่คุ้นหน้าเขาเอาเสียเลยและไม่คิดจะสนใจด้วย
ฉัวะ ฉึก ชิลล์ฟาดสันดาบใส่มือคู่ต่อสู้จนดาบของอีกฝ่ายกระเด็นหลุดมือไปปักแน่นอยู่บนพื้นดิน
"เบล!" เด็กหนุ่มผมทองแทบจะพุ่งเข้าหาเด็กสาวทันทีที่เห็นว่าเธอฟื้นแล้ว มือหนาและอบอุ่นของเขากุมมือเด็กสาวเอาไว้แล้วช่วยพยุงให้นั่ง "เอ่อ..."
ช่างเป็นคำเรียกแปลกใหม่จริงๆนะ... "รุ่นพี่ให้ฉันนอนในที่เสียงดังแบบนี้ได้ยังไง..." เด็กสาวผมเงินประท้วงด้วยน้ำเสียงแหบแห้งที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ใบหน้าซีดขาวชวนใจหายของเธอแสดงชัดถึงอาการอยากตำหนิติเตียน นัยน์ตาสีแดงฉานของเธอดูอ่อนประกายลงไปจากทุกที "ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่บ้านรุ่นพี่หละค่ะเนี่ย"
บอกไม่ได้หรอก... "เพราะ... ฉัน..."
"กลัวว่าจะไม่มีคนอยู่ดูแลฉันเหรอค่ะ?"
"ประมาณนั้นแหละ!" เด็กหนุ่มตอบทันทีด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจนน่าสงสัย... แต่ดูเหมือนเด็กสาวจะไม่ได้สนใจสิ่งนั่นเลย เพราะเธอสนมืออีกข้างของเด็กหนุ่มเสียมากว่า
"มือซ้ายโดนอะไรมา ทำไมต้องพันผ้า" เบลฟูลพูดในขณะที่มองดูมือซ้ายของคุณรุ่นพี่ที่น่ารักน่าฟัดน่าถีบที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลสีขาวสะอาด มืออีกข้างที่เหลือของเธอจับมือข้างนั้นอย่างอ่อนโยนถนุถนอม
"เฮ้ย จับเมื่อไหร่เนี่ย!" ชิลล์ร้องเสียงหลงทันทีที่รู้ว่ามือซ้ายของตนถูกมือมารคว้าไปแล้วโดนไม่รู้ตัว เอาไงวะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ถ้าโกหกไปต้องรู้แหงๆเลย... "เอ่อ... เฮ้ย! "ไม่ทันทีเขาจะพูดจบก็ต้องอุทานเสียงหลงอีกรอบเมื่อผ้าพันแผลถูกคลายออกหมดเรียบร้อยแล้ว เผยให้เห็นสิ่งที่เขาไม่อยากให้รุ่นน้องของเขาเห็นมากที่สุด...
มือของมนุษย์ผิวขาวบัดนี้มีสิ่งแปลกปลอมอย่างเกล็ดอ่อนสีฟ้าที่ขึ้นเป็นหย่อมๆบนหลังมือและเล็บแหลมคมสีเงินวาวดั่งเหล็กกล้า
"อธิบายมาซะรุ่นพี่..." มือขาวเรียวของเด็กสาวผมเงินบีบมือข้างนั้นแน่นราวกับว่ากลัวอะไรบางอย่าง เธอรู้ดีว่ามันคืออะไร... แต่เธออยากจะได้คำยืนยันที่ชัดเจนเพื่อให้ตัวเองสาารถสงบสติอารมณ์ได้สักครึ่งหนึ่ง
ฉันควรจะบอกไหม? บอกคนเป็หมอแล้วเขาจะเชื่อเหรอนายหรืองไงกัน? ถ้าบอกว่าเป็นแฟชั่นหรือโรคผิวหนังก็โกหกโจ่งแจ้งเกินไป... เอายังไงดี...
"บอกความจริงมาไงหละค่ะ รุ่นพี่..."เบลฟูลพูดในขณะที่นัยน์ตาสีแดงฉานของเธอก้จ้องมองลึกลงไปในจิตใจของชิลล์อย่างแช่มช้าโดยไม่รู้ตัว เธอกำลังได้ยินเสียงความคิดของเขา ได้ยินแจ่มชัดพอๆกับเสียงพูด แต่ในขณะนั้นเธอก็เริ่มมีอาการปวดหัวราวกับว่าสติจะขาดหาย
"เบล... ฉัน..."
นัยน์ตาสีแดงฉานของเธอเบิกกว้างขึ้นและหดลงทันทีกลับเป็นปกติ เบลฟูลส่ายหน้าเบาๆไล่อาการปวดศีรษะ "ขอโทษค่ะ รุ่นพี่จะพูดอะไรเหรอค่ะ" เธอถามในขณะที่ดึงมือกลับมาประสานกันไว้ที่หน้าตัก
"จะเชื่อไหม?" เขาย้อนถามด้วยน้ำเสียงเคร่งครึม
"ฉันอ่านใจคุณออก เท่านี้แล้วรุ่นพี่คิดว่าฉันจะเชื่อไหม?"
เด็กหนุ่มผมทองถอนหายใจเบาๆแล้วสอดหายในเข้าลึกพยายามสงบใจและรวมความกล้าที่จะบอกเรื่องอันเหลือเชื่อนี้ "ฉัน... เป็นภูติ" เขาพูดในขณะที่ซ่อนมือข้างนั้นเอาไว้ด้านหลัง "ที่จริงแล้ว... มันไม่ควรเป็นแบบนี้" มนุษย์... เธอเป็นมนุษย์นะ เธออาจจะหนีฉันไปก็ได้...
"ฉันรู้..."
"ไม่โกรธเหรอที่ไม่เคยบอก"
"เพราะว่ารุ่นพี่ไม่อยากจะถูกมัดกับใคร รุ่นพี่ไม่คิดจะรักฉันนานๆ รุ่นพี่ชิลล์กับรุ่นพี่อลิซ..." เคยจูบกัน เธอกลืนคำพูดนั้นลงคอและหยุดปากทันทีก่อนที่เธอจะพูดอะไรโง่ๆออกไปมากกว่านี้ สงสัยจะเป็นอาการฟุ้งซ่านแหงๆ ไม่ไหว...
แกร้งๆๆ
ทำไม...
เอี้ยดๆๆๆ ติ๊กๆ
ปวดหัว เด็กสาวยกมือขึ้นกุมศีรษะและขยุ้มผมของตัวเองเพื่อสะกดกลั้นอาการปวด มือซ้ายที่กุมมือรุ่นพี่เอาไว้ก็เริ่มจับแน่นขึ้น
เพล้ง กระจกหน้าต่างบานที่อยู่ใกล้เตียงของเธอแตกออกพร้อมกับลมแรงพัดวูบพาเอาเศากระจกไปปักฝังลึกอยู่บนผนังอีกด้านของห้อง
เด็กสาวผมเงินลืมตาขึ้นช้าๆเมื่อพบว่าตัวเองไม่เป็นอะไร ตอนนี้ใบหน้าของเธอแทบที่จะชนกับแผ่นอกกว้างของเด็กหนุ่มผมทอง มือข้างหนึ่งที่ดูราวกับมือของปีศาจป้องหัวของเธอเอาไว้ เขาค่อยๆคลายมือออกแล้วผลักเธอเข้าไปใต้เตียงอย่างนุ่มนวล
"รักกันดีจริงนะ!" เสียงแหลมอันฟังดูไม่ลื่นหูที่ทำเอาเสียงของอลิซตกอันดับไปดังขึ้นพร้อมกับร่างอันน่าเกลียดน่ากลัวไม่มีเคล้าโครงความเป็นมนุษย์ ฟันแหลมคนในปากที่ถูกทาด้วยสีแดงฉานราวกับดื่มเลือด ดวงตาปูนโปนสีซีดขาวบนใบหน้าซีด ผมสีดำยาวยุ่งเหยิงและเขาบนศีรษะบ่งบอกสัญชาติอันไม่น่าพิศมัยนัก ร่างกายท่อนล่างของเธอเป็นวิหก กรงเล็บใหญ่ยักษ์เหยียบลงบนเตียงจนทำให้ที่นอนหนานุ่มด้านบนฉีกหวะ
"แต่ถ้าไม่อยากตายคู่ก็ส่งนางนั่นมาให้ข้าซะเถอะ!" ปีศาจตัวนั้นเอ่ยด้วยเสียงแหบน่าเกลียดหน้ากลัว เล็บมือที่เดิมเคยเป็นเล็บมือมนุษย์บัดนี้ได้ยื่นยาวน่าเกลียดเสียงจนดูไม่ได้ "แกไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงคนนั้นหนะสมควรตายขนาดไหน เจ้าภูติที่หลงใหลมนุษย์"
เด็กหนุ่มผมทองก้มหน้าลงเล็กน้อย มุมปากของเขาตกลงบอกชัดถึงอารมณืที่บูดสนิทเกินจะเยียวยา แต่เส้นผมที่ลงมาปิดบังใบหน้าเอาไว้ทำให้ไม่สามารถมองเห้นสีหน้านั้นได้ชัดเจน "เบล อย่าออกมานะ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มแข็งทื่อในขณะที่รอบตัวเขาก็ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยไอเย็น "ไอ้นกงี่เง่า..." เขาสบถเบาๆก่อนจะค่อยคลายมือที่กำแน่นทั้งสองข้างออก
"เจ้ากล้าว่าข้าเหรอ! ตายซะ!" มันพูดด้วยเสียงน่าเกลียดเช่นเคยแล้วฟาดกรงเล็บใส่ชิลล์ซึ่งตอนนี้ไม่มีอาวุธหรืออะไรที่จะเป็นที่กำบังให้เขาได้เลย
"ใครตายก่อน?" เสียงหวานแฝงแววเหี้ยมดังขึ้นจากด้านหลังของปีศาจนกพร้อมกับสัมผัสเย็นวาบที่บริเวณต้นคอ "เธอหรือรุ่นพี่ฉัน? ตอบหน่อยสิ" ศีรษะที่เต็มไปด้วยผมสีเงินหยักศกค่อยๆโผล่ขึ้นที่ข้างๆไหล่ของมัน นัยน์ตาสีแดงฉานอของเธอไร้ประกายอันน่าหวาดผวา ทั้งเย็นชาและเหี้ยมเกี้ยมราวกับคนละคน "ตอบช้า.. แกตาย" มีดผ่าตัดในมือของเด็กสาวกดลงบนต้นคอของมันทันทีและรวดเร็ว ตัวมีดกว่าครึ่งจนหายลงไปในเนื้อหนังนั้นและกรีดจนเนื้อขาดออกจากกัน
เลือดสีดำสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนใบหน้าของเธอและผนังรอบๆ กลิ่นคาวที่คละคลุ้งอยู่ในอากาศชวนแสบจมูก คอของมันขาดออกจากกันถาวรไปแล้วกว่าครึ่งแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าปีศาจตนนี้จะตายในทันที มันยังคงดิ้นรน ดิ้นรนที่จะคว้าคอเด็กสาวด้านหลังให้ได้ แต่นั่นก็เปล่าประโยชน์เมื่ออีกดาบก็ตามฟันร่างของมันจนขาดวิ่นเหมือนผ้าขี้ริ้วเน่าๆ
"เบล ฉันบอกให้...!!!!" ไม่ทันทีเด็กหนุ่มจะได้ทันสั่งสอนรุ่นน้องที่ไม่เชื่อฟังมีดในมือเด้กสาวก็มุ่งเป้ามาที่เขาแทน "ทำอะไรเนี่ย!" เขาบ่นในขณะที่คว้ามือข้างที่ถือมีดของเด็กสาวเอาไว้และบีบจนมีดหลุดออกจากมือเธอ...
เด็กสาวไม่แม้แต่จะกรีดร้องหรือดิ้นรน มือขวาของเธอรับมีดจากมือซ้ายอย่างคล่องแคล่ว เธอพลิกข้อมือและกรีดขึ้นทันทีทิ้งรอยแผลถลอกเลือดซึมเป็นทางยาวเอาไว้บนแผ่นอกของเขา... หากเขาหลบช้ากว่านี้แม้วินาทีเดียว... มันอาจจะไม่จบแค่แผลถลอก
"ชิลล์ คุณชอบใครกันแน่ระหว่างคุณเบลฟูลกับควีนของพวกเรา"
"ฉันชอบ..."
อย่าพูด... อย่าพูดออกมานะ ฉันไม่อยากฟังแล้ว
"ฉันชอบอลิซ แต่..."
"เบลฟูล ตั้งสติเอาไว้สิ!" เด็กหนุ่มยังคงพร่ำเรียกเด็กสาวต่อไปแม้ว่าตามตัวเขาจะเต้มไปด้วยบาดแผลเล็กๆเป็นริ้วๆเต็มไปหมด เธอเป็นอะไรไป... หรือเป็นอาการช๊อค? ในขณะที่เขากำลังใช้ความคิดอยู่นั้นร่างบางก็กระโจนเข้าใส่พร้อมกับมีดที่เพิ่มมาเป้นสองเล่มตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
"ชิลล์ฉันมีอะไรจะให้นายแหละ หันมาทางนี้สิ" เสียงหวานใสของเด็กสาวผมสีชมพูดังขึ้น
หยุดนะ...
"อะไรเหรออลิซ" ชิลล์หันไปตามที่เธอพูดอย่างไม่ขัดขืน
เธอค่อยๆโน้มใบหน้าของเด็กหนุ่มเข้าไปใกล้และจุมพิตริมฝีปากนั้นโดยไม่รีรอให้อีกฝ่ายขัดขืน...
ชิลล์คว้ามือทั้ง2ข้างของเด็กสาวแล้วกดเธอติดกับกำแพงด้านหลัง "เบล ขอร้องหละ มีสติสักทีเถอะ" เขาจับข้อมือเธอแน่นไม่ยอมปล่อยในขณะที่อีกฝ่ายก็ขัดขืนและพยายามจะทำร้ายเขาอย่างไม่ลดละ
"พอแล้ว..." เสียงหวานปนสะอื้นดังขึ้น ร่างที่เคยเกร็งขัดขืนกลับอ่อนยวบและทรดลงนั่นกับพื้น เธอก้มหน้าลงแล้วสะอึกสะอื้นเบาๆอย่างเก็บไม่อยู่ มือของเธอถูกปล่อยออกจากมือเด็กหนุ่ม เบลฟูลรีบชักมือตัวเองกลับแล้วลุกเดินหนีไปโดยไม่พูดอะไร... หยุดเสียทีเถอะ
นี่ก็จะค่ำแล้ว.. เบลฟูลเธอหนีไปไหนกันแน่... แล้วทำไมต้องหนี เด็หนุ่มผมทองคิดกังวลในขณะที่เดินย่ำเท้าไปตามทางเดินตรอกเล็กซอกน้อยในบ้าน เพราะเข้าไปสอบถามมาจากยามแล้วและอาจารย์ของเขาแล้วว่าไม่มีใครออกจากบ้านเขาเลยสักคนเดียว
"ทำไมฉันต้องสติแตก... ก็แค่... ก็แค่..." เสียงหวานใสที่แฝงเร้นไว้ด้วยความโศกเศร้าดังขึ้นจากระเบียงด้านหนึ่งซึ่งมีแสงจันทร์สาดส่องลงกระทบพื้น "ก็แค่รุ่นพี่เขารักกันไม่ใช่หรือยังไง!" เสียงนั้นกลายเป็นเสียงตวาดดังอันประชดประชันขมขื่น
เพร้ง แจกันดอกไม้เล็กๆซึ่งคาดว่าเคยวางอยู่บนโต๊ะน้ำชาที่ระเบียงลอยผ่านหน้าเด็กหนุ่มและกระทบกับผนังอีกข้างจมแตกละเอียด
"เบล..." เด็กหนุ่มผมทองพึมพำเสียงเบาหวิวในขระที่ก้าวต่อไปด้านหน้าด้วยฝีเท้าแผ่วเบาเหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวแล้วหนีไป
"รุ่นพี่? เห็นด้วยเหรอค่ะ ขอโทษค่ะ เดี่ยวฉันจะทำแผลให้คุณใหม่" แต่ดูเหมือนมันจะไร้ประโยชน์เพราะว่าเงาของเขาก็ยังคงทองลงบนพื้นอยู่ดี
เด็กสาวผมเงินไม่แม้แต่จะหันมองหน้าเขา เธอทำเพียงหมุนตัวไปอีกทางแล้วทำท่าจะเดินต่อไป แต่แล้วก็หยุดเอาไว้และเหลือบหันมองน้อยพูดด้วยเสียงเศร้าว่า "พรุ่งนี้ฉันจะกลับบ้านค่ะ แล้วรุ่นพี่อลิซจะมาช่วยดูแลคุณเองแบบทุกทีค่ะ เพราะขืนฉันอยู่ต่อ ฉันอาจจะละเมอไปบีบคอคุณตายคาเตียงก็ได้นะคะรุ่นพี่"
เพราะเรื่องนั้นสินะ... ฉันควรจะดีใจดีไหมที่เธอก็ดูจะชอบฉัน "จริงๆแล้ว..."
กึก เด็กสาวหยุดเท้าเอาไว้แต่ก็ไม่ได้เดินกลับมาหรือก้าวต่อ เธอกำลังรอฟังอยู่เงียบๆ
"มัน..." ฉันควระจะบอกไปไหม? แต่บอกไปแล้วจะได้อะไร? ฉันมีอายุขัยเป็นร้อยเป็นพันปี แต่เธออยู่กับฉันได้อย่างมากก็ร้อยปี... "ซักวัน... ซักวันเธอจะรู้และเข้าใจ"
จริงๆแล้ว...
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันรักเธอจริงๆหรือแค่ต้องการที่พักพิง
คนที่ว่าซักวันหนึ่งคงจะเข้าใจไม่ใช่เธอแต่เป้นฉันมากกว่า...
หลังจากกระพริบตาอยู่หลายต่อหลายครั้งเธอก็สามารถมองเห้นภาพตรงหน้าได้อย่างชัดเจน
ชายสองคนกำลังต่อสู้กันด้วยเพลงดาบอันงดงามอ่อนช้อนราวกับร่ายรำ หนึ่งในนั้นคือเด็กหนุ่มผมสีทองอร่ามซึ่งเธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี ส่วนอีกคนหนึ่งเธอรู้สึกไม่คุ้นหน้าเขาเอาเสียเลยและไม่คิดจะสนใจด้วย
ฉัวะ ฉึก ชิลล์ฟาดสันดาบใส่มือคู่ต่อสู้จนดาบของอีกฝ่ายกระเด็นหลุดมือไปปักแน่นอยู่บนพื้นดิน
"เบล!" เด็กหนุ่มผมทองแทบจะพุ่งเข้าหาเด็กสาวทันทีที่เห็นว่าเธอฟื้นแล้ว มือหนาและอบอุ่นของเขากุมมือเด็กสาวเอาไว้แล้วช่วยพยุงให้นั่ง "เอ่อ..."
ช่างเป็นคำเรียกแปลกใหม่จริงๆนะ... "รุ่นพี่ให้ฉันนอนในที่เสียงดังแบบนี้ได้ยังไง..." เด็กสาวผมเงินประท้วงด้วยน้ำเสียงแหบแห้งที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ใบหน้าซีดขาวชวนใจหายของเธอแสดงชัดถึงอาการอยากตำหนิติเตียน นัยน์ตาสีแดงฉานของเธอดูอ่อนประกายลงไปจากทุกที "ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่บ้านรุ่นพี่หละค่ะเนี่ย"
บอกไม่ได้หรอก... "เพราะ... ฉัน..."
"กลัวว่าจะไม่มีคนอยู่ดูแลฉันเหรอค่ะ?"
"ประมาณนั้นแหละ!" เด็กหนุ่มตอบทันทีด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจนน่าสงสัย... แต่ดูเหมือนเด็กสาวจะไม่ได้สนใจสิ่งนั่นเลย เพราะเธอสนมืออีกข้างของเด็กหนุ่มเสียมากว่า
"มือซ้ายโดนอะไรมา ทำไมต้องพันผ้า" เบลฟูลพูดในขณะที่มองดูมือซ้ายของคุณรุ่นพี่ที่น่ารักน่าฟัดน่าถีบที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลสีขาวสะอาด มืออีกข้างที่เหลือของเธอจับมือข้างนั้นอย่างอ่อนโยนถนุถนอม
"เฮ้ย จับเมื่อไหร่เนี่ย!" ชิลล์ร้องเสียงหลงทันทีที่รู้ว่ามือซ้ายของตนถูกมือมารคว้าไปแล้วโดนไม่รู้ตัว เอาไงวะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ถ้าโกหกไปต้องรู้แหงๆเลย... "เอ่อ... เฮ้ย! "ไม่ทันทีเขาจะพูดจบก็ต้องอุทานเสียงหลงอีกรอบเมื่อผ้าพันแผลถูกคลายออกหมดเรียบร้อยแล้ว เผยให้เห็นสิ่งที่เขาไม่อยากให้รุ่นน้องของเขาเห็นมากที่สุด...
มือของมนุษย์ผิวขาวบัดนี้มีสิ่งแปลกปลอมอย่างเกล็ดอ่อนสีฟ้าที่ขึ้นเป็นหย่อมๆบนหลังมือและเล็บแหลมคมสีเงินวาวดั่งเหล็กกล้า
"อธิบายมาซะรุ่นพี่..." มือขาวเรียวของเด็กสาวผมเงินบีบมือข้างนั้นแน่นราวกับว่ากลัวอะไรบางอย่าง เธอรู้ดีว่ามันคืออะไร... แต่เธออยากจะได้คำยืนยันที่ชัดเจนเพื่อให้ตัวเองสาารถสงบสติอารมณ์ได้สักครึ่งหนึ่ง
ฉันควรจะบอกไหม? บอกคนเป็หมอแล้วเขาจะเชื่อเหรอนายหรืองไงกัน? ถ้าบอกว่าเป็นแฟชั่นหรือโรคผิวหนังก็โกหกโจ่งแจ้งเกินไป... เอายังไงดี...
"บอกความจริงมาไงหละค่ะ รุ่นพี่..."เบลฟูลพูดในขณะที่นัยน์ตาสีแดงฉานของเธอก้จ้องมองลึกลงไปในจิตใจของชิลล์อย่างแช่มช้าโดยไม่รู้ตัว เธอกำลังได้ยินเสียงความคิดของเขา ได้ยินแจ่มชัดพอๆกับเสียงพูด แต่ในขณะนั้นเธอก็เริ่มมีอาการปวดหัวราวกับว่าสติจะขาดหาย
"เบล... ฉัน..."
นัยน์ตาสีแดงฉานของเธอเบิกกว้างขึ้นและหดลงทันทีกลับเป็นปกติ เบลฟูลส่ายหน้าเบาๆไล่อาการปวดศีรษะ "ขอโทษค่ะ รุ่นพี่จะพูดอะไรเหรอค่ะ" เธอถามในขณะที่ดึงมือกลับมาประสานกันไว้ที่หน้าตัก
"จะเชื่อไหม?" เขาย้อนถามด้วยน้ำเสียงเคร่งครึม
"ฉันอ่านใจคุณออก เท่านี้แล้วรุ่นพี่คิดว่าฉันจะเชื่อไหม?"
เด็กหนุ่มผมทองถอนหายใจเบาๆแล้วสอดหายในเข้าลึกพยายามสงบใจและรวมความกล้าที่จะบอกเรื่องอันเหลือเชื่อนี้ "ฉัน... เป็นภูติ" เขาพูดในขณะที่ซ่อนมือข้างนั้นเอาไว้ด้านหลัง "ที่จริงแล้ว... มันไม่ควรเป็นแบบนี้" มนุษย์... เธอเป็นมนุษย์นะ เธออาจจะหนีฉันไปก็ได้...
"ฉันรู้..."
"ไม่โกรธเหรอที่ไม่เคยบอก"
"เพราะว่ารุ่นพี่ไม่อยากจะถูกมัดกับใคร รุ่นพี่ไม่คิดจะรักฉันนานๆ รุ่นพี่ชิลล์กับรุ่นพี่อลิซ..." เคยจูบกัน เธอกลืนคำพูดนั้นลงคอและหยุดปากทันทีก่อนที่เธอจะพูดอะไรโง่ๆออกไปมากกว่านี้ สงสัยจะเป็นอาการฟุ้งซ่านแหงๆ ไม่ไหว...
แกร้งๆๆ
ทำไม...
เอี้ยดๆๆๆ ติ๊กๆ
ปวดหัว เด็กสาวยกมือขึ้นกุมศีรษะและขยุ้มผมของตัวเองเพื่อสะกดกลั้นอาการปวด มือซ้ายที่กุมมือรุ่นพี่เอาไว้ก็เริ่มจับแน่นขึ้น
เพล้ง กระจกหน้าต่างบานที่อยู่ใกล้เตียงของเธอแตกออกพร้อมกับลมแรงพัดวูบพาเอาเศากระจกไปปักฝังลึกอยู่บนผนังอีกด้านของห้อง
เด็กสาวผมเงินลืมตาขึ้นช้าๆเมื่อพบว่าตัวเองไม่เป็นอะไร ตอนนี้ใบหน้าของเธอแทบที่จะชนกับแผ่นอกกว้างของเด็กหนุ่มผมทอง มือข้างหนึ่งที่ดูราวกับมือของปีศาจป้องหัวของเธอเอาไว้ เขาค่อยๆคลายมือออกแล้วผลักเธอเข้าไปใต้เตียงอย่างนุ่มนวล
"รักกันดีจริงนะ!" เสียงแหลมอันฟังดูไม่ลื่นหูที่ทำเอาเสียงของอลิซตกอันดับไปดังขึ้นพร้อมกับร่างอันน่าเกลียดน่ากลัวไม่มีเคล้าโครงความเป็นมนุษย์ ฟันแหลมคนในปากที่ถูกทาด้วยสีแดงฉานราวกับดื่มเลือด ดวงตาปูนโปนสีซีดขาวบนใบหน้าซีด ผมสีดำยาวยุ่งเหยิงและเขาบนศีรษะบ่งบอกสัญชาติอันไม่น่าพิศมัยนัก ร่างกายท่อนล่างของเธอเป็นวิหก กรงเล็บใหญ่ยักษ์เหยียบลงบนเตียงจนทำให้ที่นอนหนานุ่มด้านบนฉีกหวะ
"แต่ถ้าไม่อยากตายคู่ก็ส่งนางนั่นมาให้ข้าซะเถอะ!" ปีศาจตัวนั้นเอ่ยด้วยเสียงแหบน่าเกลียดหน้ากลัว เล็บมือที่เดิมเคยเป็นเล็บมือมนุษย์บัดนี้ได้ยื่นยาวน่าเกลียดเสียงจนดูไม่ได้ "แกไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงคนนั้นหนะสมควรตายขนาดไหน เจ้าภูติที่หลงใหลมนุษย์"
เด็กหนุ่มผมทองก้มหน้าลงเล็กน้อย มุมปากของเขาตกลงบอกชัดถึงอารมณืที่บูดสนิทเกินจะเยียวยา แต่เส้นผมที่ลงมาปิดบังใบหน้าเอาไว้ทำให้ไม่สามารถมองเห้นสีหน้านั้นได้ชัดเจน "เบล อย่าออกมานะ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มแข็งทื่อในขณะที่รอบตัวเขาก็ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยไอเย็น "ไอ้นกงี่เง่า..." เขาสบถเบาๆก่อนจะค่อยคลายมือที่กำแน่นทั้งสองข้างออก
"เจ้ากล้าว่าข้าเหรอ! ตายซะ!" มันพูดด้วยเสียงน่าเกลียดเช่นเคยแล้วฟาดกรงเล็บใส่ชิลล์ซึ่งตอนนี้ไม่มีอาวุธหรืออะไรที่จะเป็นที่กำบังให้เขาได้เลย
"ใครตายก่อน?" เสียงหวานแฝงแววเหี้ยมดังขึ้นจากด้านหลังของปีศาจนกพร้อมกับสัมผัสเย็นวาบที่บริเวณต้นคอ "เธอหรือรุ่นพี่ฉัน? ตอบหน่อยสิ" ศีรษะที่เต็มไปด้วยผมสีเงินหยักศกค่อยๆโผล่ขึ้นที่ข้างๆไหล่ของมัน นัยน์ตาสีแดงฉานอของเธอไร้ประกายอันน่าหวาดผวา ทั้งเย็นชาและเหี้ยมเกี้ยมราวกับคนละคน "ตอบช้า.. แกตาย" มีดผ่าตัดในมือของเด็กสาวกดลงบนต้นคอของมันทันทีและรวดเร็ว ตัวมีดกว่าครึ่งจนหายลงไปในเนื้อหนังนั้นและกรีดจนเนื้อขาดออกจากกัน
เลือดสีดำสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนใบหน้าของเธอและผนังรอบๆ กลิ่นคาวที่คละคลุ้งอยู่ในอากาศชวนแสบจมูก คอของมันขาดออกจากกันถาวรไปแล้วกว่าครึ่งแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าปีศาจตนนี้จะตายในทันที มันยังคงดิ้นรน ดิ้นรนที่จะคว้าคอเด็กสาวด้านหลังให้ได้ แต่นั่นก็เปล่าประโยชน์เมื่ออีกดาบก็ตามฟันร่างของมันจนขาดวิ่นเหมือนผ้าขี้ริ้วเน่าๆ
"เบล ฉันบอกให้...!!!!" ไม่ทันทีเด็กหนุ่มจะได้ทันสั่งสอนรุ่นน้องที่ไม่เชื่อฟังมีดในมือเด้กสาวก็มุ่งเป้ามาที่เขาแทน "ทำอะไรเนี่ย!" เขาบ่นในขณะที่คว้ามือข้างที่ถือมีดของเด็กสาวเอาไว้และบีบจนมีดหลุดออกจากมือเธอ...
เด็กสาวไม่แม้แต่จะกรีดร้องหรือดิ้นรน มือขวาของเธอรับมีดจากมือซ้ายอย่างคล่องแคล่ว เธอพลิกข้อมือและกรีดขึ้นทันทีทิ้งรอยแผลถลอกเลือดซึมเป็นทางยาวเอาไว้บนแผ่นอกของเขา... หากเขาหลบช้ากว่านี้แม้วินาทีเดียว... มันอาจจะไม่จบแค่แผลถลอก
"ชิลล์ คุณชอบใครกันแน่ระหว่างคุณเบลฟูลกับควีนของพวกเรา"
"ฉันชอบ..."
อย่าพูด... อย่าพูดออกมานะ ฉันไม่อยากฟังแล้ว
"ฉันชอบอลิซ แต่..."
"เบลฟูล ตั้งสติเอาไว้สิ!" เด็กหนุ่มยังคงพร่ำเรียกเด็กสาวต่อไปแม้ว่าตามตัวเขาจะเต้มไปด้วยบาดแผลเล็กๆเป็นริ้วๆเต็มไปหมด เธอเป็นอะไรไป... หรือเป็นอาการช๊อค? ในขณะที่เขากำลังใช้ความคิดอยู่นั้นร่างบางก็กระโจนเข้าใส่พร้อมกับมีดที่เพิ่มมาเป้นสองเล่มตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
"ชิลล์ฉันมีอะไรจะให้นายแหละ หันมาทางนี้สิ" เสียงหวานใสของเด็กสาวผมสีชมพูดังขึ้น
หยุดนะ...
"อะไรเหรออลิซ" ชิลล์หันไปตามที่เธอพูดอย่างไม่ขัดขืน
เธอค่อยๆโน้มใบหน้าของเด็กหนุ่มเข้าไปใกล้และจุมพิตริมฝีปากนั้นโดยไม่รีรอให้อีกฝ่ายขัดขืน...
ชิลล์คว้ามือทั้ง2ข้างของเด็กสาวแล้วกดเธอติดกับกำแพงด้านหลัง "เบล ขอร้องหละ มีสติสักทีเถอะ" เขาจับข้อมือเธอแน่นไม่ยอมปล่อยในขณะที่อีกฝ่ายก็ขัดขืนและพยายามจะทำร้ายเขาอย่างไม่ลดละ
"พอแล้ว..." เสียงหวานปนสะอื้นดังขึ้น ร่างที่เคยเกร็งขัดขืนกลับอ่อนยวบและทรดลงนั่นกับพื้น เธอก้มหน้าลงแล้วสะอึกสะอื้นเบาๆอย่างเก็บไม่อยู่ มือของเธอถูกปล่อยออกจากมือเด็กหนุ่ม เบลฟูลรีบชักมือตัวเองกลับแล้วลุกเดินหนีไปโดยไม่พูดอะไร... หยุดเสียทีเถอะ
นี่ก็จะค่ำแล้ว.. เบลฟูลเธอหนีไปไหนกันแน่... แล้วทำไมต้องหนี เด็หนุ่มผมทองคิดกังวลในขณะที่เดินย่ำเท้าไปตามทางเดินตรอกเล็กซอกน้อยในบ้าน เพราะเข้าไปสอบถามมาจากยามแล้วและอาจารย์ของเขาแล้วว่าไม่มีใครออกจากบ้านเขาเลยสักคนเดียว
"ทำไมฉันต้องสติแตก... ก็แค่... ก็แค่..." เสียงหวานใสที่แฝงเร้นไว้ด้วยความโศกเศร้าดังขึ้นจากระเบียงด้านหนึ่งซึ่งมีแสงจันทร์สาดส่องลงกระทบพื้น "ก็แค่รุ่นพี่เขารักกันไม่ใช่หรือยังไง!" เสียงนั้นกลายเป็นเสียงตวาดดังอันประชดประชันขมขื่น
เพร้ง แจกันดอกไม้เล็กๆซึ่งคาดว่าเคยวางอยู่บนโต๊ะน้ำชาที่ระเบียงลอยผ่านหน้าเด็กหนุ่มและกระทบกับผนังอีกข้างจมแตกละเอียด
"เบล..." เด็กหนุ่มผมทองพึมพำเสียงเบาหวิวในขระที่ก้าวต่อไปด้านหน้าด้วยฝีเท้าแผ่วเบาเหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวแล้วหนีไป
"รุ่นพี่? เห็นด้วยเหรอค่ะ ขอโทษค่ะ เดี่ยวฉันจะทำแผลให้คุณใหม่" แต่ดูเหมือนมันจะไร้ประโยชน์เพราะว่าเงาของเขาก็ยังคงทองลงบนพื้นอยู่ดี
เด็กสาวผมเงินไม่แม้แต่จะหันมองหน้าเขา เธอทำเพียงหมุนตัวไปอีกทางแล้วทำท่าจะเดินต่อไป แต่แล้วก็หยุดเอาไว้และเหลือบหันมองน้อยพูดด้วยเสียงเศร้าว่า "พรุ่งนี้ฉันจะกลับบ้านค่ะ แล้วรุ่นพี่อลิซจะมาช่วยดูแลคุณเองแบบทุกทีค่ะ เพราะขืนฉันอยู่ต่อ ฉันอาจจะละเมอไปบีบคอคุณตายคาเตียงก็ได้นะคะรุ่นพี่"
เพราะเรื่องนั้นสินะ... ฉันควรจะดีใจดีไหมที่เธอก็ดูจะชอบฉัน "จริงๆแล้ว..."
กึก เด็กสาวหยุดเท้าเอาไว้แต่ก็ไม่ได้เดินกลับมาหรือก้าวต่อ เธอกำลังรอฟังอยู่เงียบๆ
"มัน..." ฉันควระจะบอกไปไหม? แต่บอกไปแล้วจะได้อะไร? ฉันมีอายุขัยเป็นร้อยเป็นพันปี แต่เธออยู่กับฉันได้อย่างมากก็ร้อยปี... "ซักวัน... ซักวันเธอจะรู้และเข้าใจ"
จริงๆแล้ว...
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันรักเธอจริงๆหรือแค่ต้องการที่พักพิง
คนที่ว่าซักวันหนึ่งคงจะเข้าใจไม่ใช่เธอแต่เป้นฉันมากกว่า...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ